ศตวรรษแห่งมรณะสักขี

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mobster
โพสต์: 1623
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 30, 2007 8:02 pm
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

เสาร์ พ.ค. 10, 2008 7:50 pm

ศตวรรษแห่งมรณะสักขี
    โดย " Patricia Treece "
    จากหนังสือพิมพ์ The Tidings ฉบับวันที่ 21 กรกฏาคม 2000

05/10/2008 19:39:26 
แปลและเรียบเรียงโดย 
สิริโรจนา

ศตวรรษที่ 20 ได้ประทานมรณะสักขีแก่พระศาสนจักรมากกว่ายุคใดๆ คนที่เชื่อถือ และติดตามพระคริสตเจ้าได้ถูกเบียดเบียน ภายใต้สัทธิคอมมิวนิสต์ ระบอบอนาธิปไตย ลัทธินาซี ลัทธิชาตินิยมในอิตาลี ขบวนการก่อการร้ายหัวรุนแรงและขบวนการชาตินิยม

เริ่มศตวรรษใหม่ ในปี 1894 ภายใต้แผนการของสุลต่าน อาบิด อัล ฮามิดที่ 2 แขกตุรกีได้ฆ่าอย่างถอนรากถอนโคนชาวอาเมเนี่ยนที่เชื่อถือพระคริสตเจ้า
ในปี 1915 การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอาเมนี่ยนเป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวเขย่าขวัญอย่างที่สุด

ประมาณ 2 ปีกว่าๆ ต่อมา สงครามทำลายศาสนาคริสต์ได้เริ่มขึ้นในประเทศรัสเซีย เมื่อพวกคอมมิวนิสต์ ผู้ไม่เชื่อถือพระเป็นเจ้า ได้ยึดอำนาจการปกครองประเทศ

ในปี 1920 ส่วนหนึ่งของสงครามนั้นเกี่ยวข้องกับความอดหยากในยูเครน ซึ่งเป็นการสร้างสถานะการณ์ทางการเมืองโดยเจตนา ขณะชาวยูเครนกำลังหมกมุ่นกับการต่อสู้เพื่อชีวิต ชาวคอมมิวนิสต์รัสเซียผู้ยึดอำนาจการปกครองได้โจมตีพระศาสนจักร และในเวลาเดียวกัน ด้วยความเอารัดเอาเปรียบ ได้ร้องขอความเห็นอกเห็นใจจากสำนักวาติกันเพื่อลดความหิวโหยในยูเครน วาติกันก็ได้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ด้วยความรักต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ประสบความทุกข์ร้อน

ในศตวรรษเดียวกันนี้ บรรยากาศแห่งการต่อต้านพระศาสนจักรอย่างน่าหวาดกลัวได้แพร่หลายไปยังสถานที่หลายแห่งและเป้าหมายต่อไป คือ ประเทศเมกซิโก ทั้งสื่อมวลชนและรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งมีแนวโน้มในการต่อต้านพระศาสนาคาทอลิก ไม่สนใจต่อเหตุการณ์เลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้น รัฐบาลเมกซิโก ได้ทารุณโหดร้ายต่อพระศาสนจักรโดยการออกกฎหมาย ซึ่งเป็นผลให้ทางการทารุณและฆาตกรรมพระสงฆ์และฆราวาสหลายร้อยคน
 
1930 และ 1940 ลัทธิคอมมิวนิสต์ได้เบียดเบียน ยิ่งทียิ่งรุนแรงขึ้น คนที่เชื่อถือพระเป็นเจ้าในทวีปยุโรป
ในปลายปี 1940 คุณพ่อโวโลดีเมีย สเทอนิอุค ผู้ซึ่งได้ถูกกักกันอยู่ในค่ายกรรมกรกูแล๊กเป็นเวลา 5 ปี ได้ประมาณการว่า ค่ายกักกันแห่งหนึ่งขังพระสงฆ์ 2,000 องค์ รวมทั้งนักบวชชายหญิง และฆราวาสผู้มีชื่อเสียงของพระศาสนาคาทอลิกจารีตไบแซนไทน์แห่งยูเครน หลายคนได้เสียชีวิตจากการทารุณกรรม หรือการประหารชีวิต

ในปี 1930 ชาวสเปนหลายคนได้เป็นมรณะสักขี ต้นปี 1936 นักล้มกฎหมายและการปกครองและพวกคอมมิวนิสต์ได้สังหารนักบวชเหล่านี้: องค์  นักบวชคณะ
259  แคลร์
226  ฟรังซิสกัน
204  เปียรีส
176  ภารดาของพระนางมารีอา
165  ภารดาของพระคริสตเจ้า
155  ออกัสติน
132  โดมินิกัน
114  เยซูอิท
26  พระมหาทรมาน
71  ภารดาแห่งโรงพยาบาลนักบุญจอห์นออฟ ก๊อด
12  สโกโลปี 
17  ข้อความเชื่อพระคริสตเจ้าแห่งมิสลาตา
30  ธิดาแห่งพระเมตตา
26  คาร์เมลแห่งพระเมตตา
26  อะโดเรทไรเซส
20  คาปูชิน
7  แม่พระเสด็จเยี่ยมนักบุญเอลิซาเบธ 
3  ชีมืดคาร์เมล
2000  พระสงฆ์ในสังมณฑล และพระสังฆราชหลายองค์


ฆราวาสคาทอลิกถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก เพราะเขาทั้งหลายแขวนรูปพระ ให้บ้านเป็นที่พักพิงของนักบวชหญิงผู้หลบหนี หรือทำงานให้กับองค์การของพระศาสนจักรอย่างแข็งขัน

ถึงแม้ฮิตเล่อร์ได้ช่วยประเทศสเปนต่อสู้กับกำลังทหารของลัทธิคอมมิวนิสต์ เขาเกลียดพระศาสนจักรมากเท่ากับระบอบคอมมิวนิสต์ ตอนแรก ๆ เขาได้ยอมรับอย่างเปิดเผยบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งเขาเรียกว่า "ศาสนาคริสต์ในทางบวก" โดยส่วนตัว เขาดูถูกเหยียดหยาม และ เรียก คริสตชนว่า "พระเจ้ายิวที่อ่อนแอ" และ "หลักธรรมแห่งความเห็นอกเห็นใจ ที่อ่อนปวกเปียก" หลังจากที่ได้ลงนามในสนธิสัญญาคอนคอเดิ้นกับพระศาสนจักรในปี 1933 ฮิตเล่อร์ได้บอกคนใกล้ชิดอย่างเยาะเย้ยว่า: "สนธิสัญญาฉบับนั้นไม่อาจป้องกันไม่ให้ข้าพเจ้ากำจัดศาสนาคริสต์ในประเทศเยอรมันอย่างถอนรากถอนโคน"

ฮิตเล่อร์ได้เฝ้าคอยจนกระทั่งเขาได้ยึดอำนาจในยุโรปทางการเมือง แล้วเขาก็ทำลายพระศาสนจักร ตามความพึงพอใจของตน โดยการทารุณกรรม ฆาตกรรม และการคุมขังคริสตชนชาวเยอรมันที่ "ด้อยความสำคัญ" เขาระมัดระวังที่จะไม่ทำอะไรอย่างเปิดเผยต่อผู้ใดที่เป็นบุคคลสำคัญและขัดแย้ง กับเขา เช่น พระสังฆราช เคลมเมนส์ ออกัส วอน กาเลน ฮิตเล่อร์ได้สัญญากับคนใกล้ชิดว่า: "ในที่สุดข้าพเจ้าจะล้างแค้นจนถึงเลือดหยดสุดท้าย"

ฮิตเล่อร์ได้ล่มสลายหลังจากที่ได้ทำมิดีมิร้ายต่อพระศาสนจักรในประเทศต่างๆ เช่น โปแลนด์ ซึ่งได้สูญเสียนักบวชหลายพันคนโดยการประหารชีวิตและการส่งเข้าค่ายกักกัน คนที่เชื่อถือพระเป็นเจ้าในประเทศโปแลนด์ และประเทศในยุโรปภาคตะวันออก ผู้ซึ่งได้รอดตายอย่างหวุดหวิดจากลัทธินาซี ได้ถูกทำให้เป็นมรณะสักขีโดยพวกคอมมิวนิสต์ "ปลดแอก" ผู้ซึ่งได้รีบฉวยโอกาสทำสงครามกับศาสนาคริสต์ทันที

ปี 1950 และ 1960 เป็นยุคสงครามเย็น ความรุนแรงต่างๆก็มิได้ลดลง ตัวอย่าง พระสังฆราช ยูยีน บอสสิคอฟ ชาวบูแกรี่ ถูกทารุณกรรม แล้วถูกประหารชีวิตในปี 1952 ในข้อหาล้วงความลับกรรมวิธีการผลิต

อีกคนที่รู้จักกันอย่างดี คือ พระคาร์ดินัล โยเซฟ มินด์เซนสกี้ ชาวฮังการี่ หลังจากถูกทรมานเป็นเวลา 40 วัน ท่านได้สารภาพว่า ท่านได้ "ต่อต้านการปฏิบัติงานของรัฐ" พระสงฆ์ชาวอังการี่ 600 องค์ได้เข้าคุกพร้อมกับท่าน

30 ปีต่อมา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในประเทศที่ลัทธิคอมมิวนิสต์ได้ยึดอำนาจ ค่ายกักกันกูแล๊กมีนักโทษพระสงฆ์เพิ่มขึ้นจากประเทศที่ถูกกดขี่ข่มเหง เช่น ลิธูเนีย ประเทศอื่นๆ ถูกจัดการอย่างไม่เปิดเผย เช่น ในปี 1981 คุณพ่อ ปรีไมซัล โกฟัล พระสงฆ์นักบวชใต้ดินชาวสโลวัก ถูกประกาศว่า ท่านได้ฆ่าตัวตาย ร่างกายของท่านเต็มไปด้วยบาดแผล และรอยฟกช้ำ แสดงร่องรอยของการทารุณ กรรม เมื่อคนพบศพของท่านในบ้านพัก

ในปี 1949 พวกคอมมิวนิสต์ได้ยึดอำนาจในประเทศจีน จากวันนั้นจนถึงปัจจุบันนี้ คริสตชนหลายคน รวมทั้งพระสังฆราชชาวจีน ผู้ซึ่งไม่ยอมทิ้งความเชื่อ ถูกฆาตกรรม เนรเทศ ยึดทรัพย์สินทั้งหมด และขังคุกเป็นเวลาหลายทศวรรษ

ในทวีปอเมริกากลาง ระบอบที่ไม่กี่ครอบครัวที่ร่ำรวยคุมเศรษฐกิจของประชาชนทั้งประเทศได้กล่าวหาพระศาสนจักร ที่ได้เรียกร้องขอความเป็นธรรมทางสังคมว่า "เป็นคอมมิวนิสต์" คริสตชนมากมายที่ถูกตราหน้าว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ถูกทรมาน ฆ่าตาย หรือหายไปเฉยๆ

ในทวีปอัฟริกา ผู้ก่อการร้ายเคร่งศาสนา ขบวนการนิยมเผ่าพันธุ์ และ ขบวนการชาตินิยม ได้ผลิตคริสตชนมรณะสักขีสำหรับศตวรรษที่ 20 ขณะเริ่มปี 2000 ประเทศซูดานได้ทนทุกข์สงครามล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งผู้ก่อการร้ายชาวอิสลามได้กระทำต่อชาวนูบา ผู้นับถือพระคริสตเจ้า

Credit:http://www.geocities.com/prakobkit/word/martyrs.htm

เพิ่มเติม
นี่ไม่ใช่บทความเกี่ยวกับการเมืองหรือพุ่งโจมตีการเมืองแต่อย่างใด
อยากแสดงให้เห็นว่าในโลกปัจจุบันนี้มีการเป็นมรณสักขีมากมาย
สถานการณ์ปัจจุบันทำให้เราคิดว่า คราวต่อไปอาจจะเป็นผมคือพวกคุณก็เป็นได้
การลัทธิอเทวนิยมเชิงการเมืองเป็นตัวการณ์ที่สร้างมรณสักขี
ในวันที่พระองค์เสด็จมาอีกครั้งไม่แน่นอนว่าเมื่อไหร่ ที่แน่นอนคือไม่ช้าก็เร็วพระองค์จะแสดงความยุติธรรมแด่เหล่ามรณสักขี
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mobster
โพสต์: 1623
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 30, 2007 8:02 pm
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

เสาร์ พ.ค. 10, 2008 7:58 pm

เพื่อรอเวลานั้น เราควรศึกษาคำสอนพระศาสนจักรให้มาก
โดยเฉพาะคริสตชนใหม่ บางทีการเรียนซ้ำๆมันก็ดีผลดี

เหมือนการตอกตะปูย้ำๆไม่ให้แรงไปและเบาไปแต่สม่ำเสมอ

บทเรียนคำสอนคาทอลิก  โดยคุณพ่อ วิลเลี่ยม เจ. ค๊อกแกน
บทที่ 34: พระบัญญัติประการที่หนึ่ง

Credit:http://www.thaicath.org/01cathteach/data/34.htm


ให้เรามาสรรเสริญพระเจ้าด้วยความปิติยินดี:
ให้เราร้องเพลงถวายพระเป็นเจ้า พระมหาไถ่ของเรา
ให้เรามาอยู่ต่อหน้าพระพักตร์เพื่อขอบพระคุณพระองค์ และแซ่ซ้องสดุดีพระองค์ด้วยเสียงเพลง
พระเจ้าข้า พระองค์คือพระเป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ และจอมกษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลาย
เพราะในพระหัตถ์ของพระองค์ คือ สุดปลายแผ่นดิน และสุดยอดภูเขาเป็นของพระองค์
ทะเลเป็นของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งมวล และพระหัตถ์ของพระองค์ทรงเนรมิตแผ่นดิน
ให้เรามากราบนมัสการและร้องไห้ต่อหน้าพระองค์ ผู้ทรงสร้างเรา
เพราะพระองค์เป็นพระเป็นเจ้าของเรา และเราเป็นประชากรและลูกแกะในพระหัตถ์ของพระองค์"
(Psalm 94:1-7)


1. พระบัญญัติประการที่หนึ่งคืออะไร?
เราเป็นพระเจ้าของท่าน ท่านจะต้องไม่นมัสการพระเท็จเทียมต่อหน้าเรา

2. ในพระบัญญัติประการที่หนึ่งท่านมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง?
ต้องนมัสการพระเป็นเจ้าแต่ผู้เดียว

"ท่านต้องนมัสการพระเป็นเจ้าผู้สร้างฟ้าและดิน ทะเล แม่น้ำ และลำธาร" (Apocalypse 14:7)

3. การนมัสการคืออะไร?
การยอมรับความจริงว่าพระเป็นเจ้าเป็นจิตบริสุทธิ์สูงสุด พระองค์ได้สร้างท่าน และท่านต้องพึ่งพาอาศัยพระองค์

" ในพระองค์ เรามีชีวิต เคลื่อนไหว และเป็นอยู่" (Acts 17:28)

4. ท่านนมัสการพระเป็นเจ้าอย่างไร?

โดยการสวดภาวนาวิงวอนพระองค์ เป็นการส่วนตัวหรือในที่ชุมนุมชน
"และเขาทั้งหลายชุมนุมกันในวัดเสมอ เพื่อสรรเสริญและถวายพระพรแด่พระเป็นเจ้า" (Luke 24:53)

5. คนทำบาปผิดต่อพระบัญญัติประการที่หนึ่งอย่างไร?

โดยไม่เคยนมัสการพระองค์ หรือนานๆสักครั้งหนึ่ง น้อยคนปฏิเสธว่า ไม่มีพระเป็นเจ้า แต่หลายคนดำรงชีวิตเหมือนไม่มีพระเป็นเจ้า

6. การนมัสการพระเป็นเจ้าอย่างแท้จริงคืออะไร?
โดยการสวดภาวนาวิงวอนพระองค์เป็นการส่วนตัวหรือในที่ชุมนุมชน

คริสตชนนมัสการพระเป็นเจ้า ตั้งแต่พระองค์ได้ทรงตั้งพระศาสนจักรคริสตศาสนิกชน
ก่อนสมัยพระคริสต์ ศาสนายิวเป็นศาสนาเดียวที่พระเป็นเจ้าได้ตั้ง แต่ไม่ได้เป็นศาสนาที่เที่ยงแท้อีกต่อไป เพราะ "ปัจจุบันนี้กฏใหม่ที่พระองค์ได้ตั้งยกเลิกกฏเก่า" (Hebrews 8:13)

7. จงบอกบาปหนักผิดต่อพระบัญญัติประการที่หนึ่ง

i. ร่วมพิธีของศาสนาอื่น
ii. ลาออกจากพระศาสนจักรแห่งคริสตชน
iii. นับถือศาสนาอื่น
iv. ปฏิเสธคำสั่งสอนของพระคริสต์
v. นับถือนิกายเมสันส์หรือสมาคมที่พระศาสนจักรห้าม
vi. นับถือลัทธิคอมมิวนิสต์
vii. ดำรงชีวิตโดยอาศัยการดูหมอ การอ่านลายมือ การทำนายนิสัยใจคอโดยการพิจารณาจากกะโหลกศีรษะ การมองดูลูกแก้ว การดูดวง การทำนายฝัน ฯลฯ
viii. เรียกวิญญาณมาสิงในสิ่งของเพื่อบอกโชคลาภ
ix. เชื่อผีเชื่อลาง


8. ท่านได้รับอนุญาตให้ไปวัดศาสนาที่ไม่ใช่วัดคริสตชน(และคริสตจักร)หรือ?

ใช่ เพื่อร่วมพิธีสมรสหรืองานศพของญาติสนิท เพื่อน หรือบุคคลสำคัญของชาติ

9. ท่านได้รับอนุญาตไปร่วมพิธีของศาสนาอื่นหรือ?

ไม่ รวมทั้งการขับร้องหรือสวดภาวนาพร้อมกับคนที่มาร่วมพิธี
พระศาสนจักร(คาทอลิก)ห้ามท่านเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวในงานแต่งงานที่ผู้ประกอบพิธีไม่ได้เป็นคริสตชนคาทอลิก

10. ทำไมพระศาสนจักรประนามนิกายเมสันส์?

เพราะนิกายเมสันส์ไม่ใช่องค์กรลึกลับเท่านั้น แต่ยังเป็นศาสนาเท็จเทียมด้วย ซึ่งไม่นับถือพระเยซูคริสตเจ้า และเป็นศัตรูของพระศาสนจักรคาทอลิก
สมาคมที่พระศาสนจักรคาทอลิกห้ามคือ Knights of the Pythias, Shriners, Odd Fellows, Sons of Temperance, Templars, และสมาคมสตรี เช่น Rebeccas, Eastern Star, Pythian Sisters.

11. ทำไมการนับถือลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นบาปหนัก?

เพราะลัทธิคอมมิวนิสต์ปฏิเสธว่า ไม่มีพระเป็นเจ้า และหาทางที่จะล้มล้างศาสนาคาทอลิก

(จากข้อมูลCredit: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84% ... 5%E0%B9%8C) --หากไม่น่าเชื่อถือช่วยมาแก้ด้วยว่าเจตนารมย์คืออะร

คำประกาศเจตนาคอมมิวนิสต์

วิญญาณตนหนึ่งกำลังหลอกหลอนยุโรป -- วิญญาณของลัทธิคอมมิวนิสต์ อำนาจทั้งหมดของยุโรปเก่าได้เข้าเป็นแนวร่วมศักดิ์สิทธิ์เพื่อที่จะกำจัดวิญญาณนี้:
พระสันตะปาปาและพระเจ้าซาร์, เมตเตอร์นิชและกุยซอท, พวกหัวรุนแรงฝรั่งเศสและตำรวจสายลับเยอรมัน
พรรคฝ่ายค้านพรรคใดบ้างที่ไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นคอมมิวนิสต์โดยพรรคฝ่ายตรงข้ามที่กุมอำนาจอยู่ และมีพรรคฝ่ายค้านใดบ้าง ที่ไม่รีบแปะฉายาว่าคอมมิวนิสต์ให้กับพรรคฝ่ายค้านอื่นที่มีหัวก้าวหน้ากว่า และศัตรูที่เป็นปฏิกิริยาของพรรคตนเอง



12. คาทอลิกที่ไปนับถือนิกายเมสันส์หรือลัทธิคอมมิวนิสต์จะเป็นอย่างไร?

คาทอลิกที่เต็มใจนับถือนิกายเมสันส์หรือลัทธิคอมมิวนิสต์ทำบาปหนัก ตามประเพณี คนที่ทำความผิดชนิดนี้จะถูกตัดขาดออกจากพระศาสนจักรโดยอัตโนมัติ ถึงเม้โทษนี้ไม่มีผลบังคับใช้อีกต่อไปก็ตาม การนับถือนิกายเมสันส์หรือลัทธิคอมมิวนิสต์ยังคงเป็นบาปมหันต์

13. ทำไมการเชื่อหมอดูเป็นบาป?

เพราะเท่ากับเป็นการอุปโลกภ์มนุษย์ที่พระเป็นเจ้าได้สร้างให้มีความรอบรู้เหมือนองค์พระเจ้า พระเป็นเจ้าองค์เดียวเท่านั้นรู้ว่าท่านจะทำอะไร และพระองค์จะไม่เปิดเผยอนาคตด้วยวิธีโง่เขลาเบาปัญญา เช่น ใบชา ปุ่มบนศีรษะ หรือลายมือ

14. ทำไมการดำรงชีวิตโดยการทำนายฝันเป็นบาป?

i. พระเป็นเจ้าทรงห้ามหลายครั้งในพระคัมภีร์
ii. เป็นการโง่เขลาเบาปัญญาและนำเราไปทำบาปอื่นๆ
ยกเว้นสิ่งที่ได้รับการดลใจจากเบื้องบน อย่าไปเอาใส่ใจเรื่องความฝันซึ่งหลอกลวงมนุษย์ และคนที่เชื่อก็จะต้องประสบกับความผิดหวังหรือความหายนะ (Ecclesiasticus 34:6-7)
ข้อควรสังเกตุและฝึกหัด

1. พระศาสนจักรคาทอลิกไม่มีจิตใจคับแคบต่อศาสนาอื่น แต่ไม่ต้องการให้คาทอลิกออกจากทาง แห่งความจริงและหลงผิด พระเยซูเจ้าทรงตรัสว่า: "เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต"


สนทนาอย่างดีกับคนต่างศาสนา เขาอาจพูดจาให้ร้ายว่าท่านเป็นคนไม่ดี แต่โดยความดีที่เขามองเห็นในตัวท่าน จะถวายพระสิริโรจนาแด่พระเป็นเจ้าในวันที่พระองค์เสด็จมา (1 Peter 2:12)
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 11, 2008 4:24 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mobster
โพสต์: 1623
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 30, 2007 8:02 pm
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

เสาร์ พ.ค. 10, 2008 8:02 pm

บทเรียนคำสอนคาทอลิก  โดยคุณพ่อ วิลเลี่ยม เจ. ค๊อกแกน
บทที่ 1: ศาสนา


1. จุดมุ่งหมายของการเรียนคำสอนคืออะไร?
การเติมสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตของหลายๆคน
การค้นคว้าหาความรู้และการปฏิบัติศาสนาที่เที่ยงแท้
" คนเฉลียวฉลาดจะเสาะหาคำอบรมสั่งสอน
    คนโง่จะแสวงหาแต่สิ่งที่ไร้ประโยชน์ต่อปรีชาญาณ" (Proverbs 15:14)

2. ทำไมการเรียนรู้เกี่ยวกับศาสนาเป็นการศึกษาที่สำคัญที่สุด?

เพราะพระเป็นเจ้าทรงปรารถนาให้ท่านรับทราบสิ่งที่พระองค์ได้สั่งสอน
และต้องการให้ท่านปฏิบัติในชีวิตนี้
" อย่าให้ใครหลอกลวงท่าน ถ้าใครในพวกท่านดูเหมือนเป็นคนเฉลียวฉลาดในโลกนี้
     ให้เขาเป็นคนโง่ เพื่อเขาจะได้เป็นคนฉลาด เนื่องจากปรีชาญาณของโลก
     คือ ความโง่เขลาเบาปัญญาในสายพระเนตรของพระเป็นเจ้า" (1 Corinthians 3:18-19)

3. ศาสนาคืออะไร?

ศาสนามีองค์ประกอบ 2 ประการ:

การเชื่อหมดทุกสิ่งที่พระเป็นเจ้าได้ทรงบอกมนุษยชาติ
การปฏิบัติหน้าที่ของท่านต่อพระเป็นเจ้า ต่อตัวเอง และต่อเพื่อนมนุษย์
" ท่านต้องเป็นผู้ปฏิบัติ ไม่ใช่ผู้ฟังพระวาจาอย่างเดียว อย่าหลอกตัวท่านเอง" (James 1:22)

4. ศาสนาเป็นสิ่งจำเป็นหรือ?
จำเป็น เนื่องจากเหตุผลหลายประการ

พระเป็นเจ้าทรงบัญชาให้มนุษย์ทุกคนดำรงชีวิตตามโครงการณ์ของพระองค์
ปราศจากศาสนา ชีวิตหมดความหมาย ท่านไม่มีจุดมุ่งหมายแท้จริงในชีวิต
การไม่มีศาสนาเป็นเหตุแห่งความทุกข์ ทั้งในชีวิตนี้และชีวิตหน้า
" เพราะว่าคนที่ต่อต้านปรีชาญาณและระเบียบวินัย เป็นคนที่ไม่มีความสุข
    ความหวังของเขาจะเลื่อนลอย การทำงานของเขาจะไม่ผลิตดอกออกผล
    และผลงานของเขาจะประสบความล้มเหลว ภรรยาของเขาจะไม่มีปรีชาญาณ
    และลูกๆของเขาจะเจริญเติบโตไม่มีจริยธรรม" (Wisdom 3:11-12)

5. อะไรจะเกิดขึ้นกับคนที่ไม่มีศาสนา?

เขาจะได้รับโทษชั่วนิรันดรในนรก
" จากสวรรค์พระเยซูเจ้าจะแสดงพระองค์
    พร้อมกับกองทัพเทวดาแห่งพระฤทธานุภาพของพระองค์
    โดยพระเพลิง ล้างแค้นผู้ที่ไม่รู้จักพระเป็นเจ้า
    และไม่นบนอบพระคัมภีร์ของพระเยซูคริสตเจ้า พระเป็นเจ้าของเรา"
(2 Thessalonians 1:7-8)

6. ในชีวิตนี้ศาสนาจะประทานอะไรแก่ท่าน?

สันติสุขในจิตใจ ซึ่งเงินทองก็หาซื้อไม่ได้
" คนที่ฟังพระวาจาของพระเป็นเจ้า และเก็บรักษาไว้ เป็นคนที่มีบุญ" (Luke 11:28)
" คน ที่ถือพระบัญญัติของพระองค์ ด้วยความรักและความสัตย์ซื่อ
    มีความสุข และเดินบนทางปราศจากสิ่งกีดขวาง" (Psalm 118:165)

7. ทุกศาสนาเหมือนกันหมดหรือ?

ไม่เหมือนกัน มีศาสนาเที่ยงแท้เพียงศาสนาเดียว ซึ่งพระเป็นเจ้าพระองค์เองเป็นผู้ตั้ง
คำอธิบายนี้อยู่ในบทเรียนคำสอน


สุดท้ายนี้
ขอถามเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ
พร้อมหรือยังที่จะไปพบพระเยซูคริสตเจ้าองค์ผู้พิพากษาของเรา
เราไม่มีทางรู้ว่า"วัน"นั้นมาเมื่อไหร่ "จงตื่นเฝ้าเถิด"

ป.ล.สุดท้าย หากข้อมูลใดที่ผมมาลงเป็นความเท็จกรุณามาชี้แจงได้ครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 11, 2008 4:19 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
:: ทั่ น เ บ เ น ดิ๊ ก โ ต ::
โพสต์: 574
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:52 pm
ติดต่อ:

เสาร์ พ.ค. 10, 2008 8:10 pm

มีศาสนาเที่ยงแท้เพียงศาสนาเดียว ซึ่งพระเป็นเจ้าพระองค์เองเป็นผู้ตั้ง


  โห พระเจ้า กินใจมาก มัน ช่างโดนใจอะไรขนาดนี่  ::012:: แรง!!! แต่ก็แท้จริง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Big_TC29
โพสต์: 333
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ค. 17, 2006 12:34 am
ที่อยู่: ในรู

เสาร์ พ.ค. 10, 2008 10:03 pm

ขอบใจมากนะแม็ก สำหรับบทความดีๆ
Rakkypoko!
โพสต์: 960
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 31, 2007 2:35 pm

จันทร์ พ.ค. 12, 2008 10:36 pm

อืม มาอ่าน
Dis volentibus

จันทร์ พ.ค. 12, 2008 11:02 pm

ขอบพระคุณมากมายค่ะ

นักบุญในช่วงนี้1องค์ ที่ข้าพเจ้าปลื้มมากๆ คือ น. เเมกซิมิเลี่ยน โกลเบ พระสงฆ์ชาวโปเเลนด์ ซึ่งเป็นมรณสักขีในค่ายกักกัน Auschwitz
ฉลองวันที่ 14 สิงหาคมเชิญอ่านประวัติได้ในเวปไซต์สังฆมณฑล http://www.catholic.or.th/spiritual/boo ... aug14.html
ตอบกลับโพส