ลูซิเฟอร์
ลูซิเฟอร์เป็นสิ่งมีชิวิตที่สวยงามที่สุด ที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา ผิวทำจากอัญมณีต่างๆ และทอง มีน้ำเสียงไพเราะเหมือนเสียงเพลง จนได้รับแต่งตั้งเป็น หัวหน้านักร้องประสานเสียงของสวรรค์
ลูซิเฟอร์มีหน้าที่อีกอย่างหนึ่งคือ คอยปกป้องพวกนางฟ้าและพวกเทวดา จึงเปรียบเสมือนผู้ที่อยู่ระหว่างพระเจ้าและเทพสวรรค์ต่างๆ ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่สูงที่สุด สำหรับสิ่งมีชิวิตที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา
แต่ลูซิเฟอร์ก็ไม่เคยพอใจ ลูซิเฟอร์ต้องการให้เทวดา นางฟ้าเหล่านั้นกราบไหว้บูชา ซึ่งเป็นการผิดกฏสวรรค์และกฏของพระเจ้า พระเจ้าคือผู้เดียวเท่านั้นที่จะได้รับการบูชาสักการะ
วันหนึ่งลูซิเฟอร์แอบได้ยินว่าพระเจ้ากำลังจะสร้างโลกใหม่ ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วย ความสวยงามของพืช สัตว์ และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ลูซิเฟอร์อยากมีส่วนร่วมด้วยในเรื่องนี้ แต่เมื่อไม่ได้รับการยินยอมให้มีส่วนร่วมด้วย ก็เกิดความอิจฉาริษยาพระเจ้าขึ้นมา จึงไปหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเคลือบแคลงใจลงในเหล่าเทวดาและนางฟ้า ว่าพระเจ้าไม่ใช่ผู้เดียวที่สมควรได้รับความรัก และลูซิเฟอร์ยังยืนยันว่า ตัวเองสมควรได้รับการบูชาสักการะเช่นเดียวกับพระเจ้า
เหล่าเทวดานางฟ้าบางส่วนหลงเชื่อคำหลอกลวงของลูซิเฟอร์ และเห็นด้วยว่า ลูซิเฟอร์ควรได้รับการกราบไหว้สักการะเช่นเดียวกันกับพระเจ้า พระเจ้าเสียใจมาก และไม่คิดว่าผู้ที่ทำให้เกิดความจลาจลเช่นนี้ควรอยู่บนสวรรค์ต่อไป สงครามจึงเกิดขึ้น เซนต์ไมเคิลพระบุตรของพระเจ้าสู้กับลูซิเฟอร์ และเหล่าเทวดานางฟ้าที่หลงเชื่อลูซิเฟอร์ เซนต์ไมเคิลชนะในการรบครั้งนี้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ลูซิเฟอร์ และเทวดานางฟ้าเหล่านั้น จึงถูกขนานนามว่าเป็นปีศาจ หรือ ซาตาน ซึ่งคอยหลอกลวงทุกคนในโลก ลูซิเฟอร์และเทวดานางฟ้าเหล่านั้น ถูกขับไล่ออกจากสวรรค์มายังโลก เทวดานางฟ้าเหล่านี้ ที่ครั้งหนึ่งเคยเชื่อฟังคำสอนของพระเจ้า กลับกลายมาเป็นวิญญาณร้าย ปีศาจ หรือ ภูตต่างๆ หน้าที่ของพวกนี้คือ คอยพยายามหลอกลวงมนุษย์ให้คิดว่า ซาตาน เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และพระเจ้าคือสิ่งผิด
เพื่อนคิดว่าไงครับ
ลูซิเฟอร์มีหน้าที่อีกอย่างหนึ่งคือ คอยปกป้องพวกนางฟ้าและพวกเทวดา จึงเปรียบเสมือนผู้ที่อยู่ระหว่างพระเจ้าและเทพสวรรค์ต่างๆ ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่สูงที่สุด สำหรับสิ่งมีชิวิตที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา
แต่ลูซิเฟอร์ก็ไม่เคยพอใจ ลูซิเฟอร์ต้องการให้เทวดา นางฟ้าเหล่านั้นกราบไหว้บูชา ซึ่งเป็นการผิดกฏสวรรค์และกฏของพระเจ้า พระเจ้าคือผู้เดียวเท่านั้นที่จะได้รับการบูชาสักการะ
วันหนึ่งลูซิเฟอร์แอบได้ยินว่าพระเจ้ากำลังจะสร้างโลกใหม่ ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วย ความสวยงามของพืช สัตว์ และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ลูซิเฟอร์อยากมีส่วนร่วมด้วยในเรื่องนี้ แต่เมื่อไม่ได้รับการยินยอมให้มีส่วนร่วมด้วย ก็เกิดความอิจฉาริษยาพระเจ้าขึ้นมา จึงไปหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเคลือบแคลงใจลงในเหล่าเทวดาและนางฟ้า ว่าพระเจ้าไม่ใช่ผู้เดียวที่สมควรได้รับความรัก และลูซิเฟอร์ยังยืนยันว่า ตัวเองสมควรได้รับการบูชาสักการะเช่นเดียวกับพระเจ้า
เหล่าเทวดานางฟ้าบางส่วนหลงเชื่อคำหลอกลวงของลูซิเฟอร์ และเห็นด้วยว่า ลูซิเฟอร์ควรได้รับการกราบไหว้สักการะเช่นเดียวกันกับพระเจ้า พระเจ้าเสียใจมาก และไม่คิดว่าผู้ที่ทำให้เกิดความจลาจลเช่นนี้ควรอยู่บนสวรรค์ต่อไป สงครามจึงเกิดขึ้น เซนต์ไมเคิลพระบุตรของพระเจ้าสู้กับลูซิเฟอร์ และเหล่าเทวดานางฟ้าที่หลงเชื่อลูซิเฟอร์ เซนต์ไมเคิลชนะในการรบครั้งนี้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ลูซิเฟอร์ และเทวดานางฟ้าเหล่านั้น จึงถูกขนานนามว่าเป็นปีศาจ หรือ ซาตาน ซึ่งคอยหลอกลวงทุกคนในโลก ลูซิเฟอร์และเทวดานางฟ้าเหล่านั้น ถูกขับไล่ออกจากสวรรค์มายังโลก เทวดานางฟ้าเหล่านี้ ที่ครั้งหนึ่งเคยเชื่อฟังคำสอนของพระเจ้า กลับกลายมาเป็นวิญญาณร้าย ปีศาจ หรือ ภูตต่างๆ หน้าที่ของพวกนี้คือ คอยพยายามหลอกลวงมนุษย์ให้คิดว่า ซาตาน เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และพระเจ้าคือสิ่งผิด
เพื่อนคิดว่าไงครับ
We are more lucky than Lucifer because we were expelled from Eden too but God is calling us to get back to Him.. For Lucifer, he and his friends cannot get back to God forever...
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ไม่ใช่ครับ เป็นเทวดาที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นครับAnnouncer เขียน: เซนต์ไมเคิลพระบุตรของพระเจ้าสู้กับลูซิเฟอร์
พระบุตรพระเจ้าคือพระเยซูเท่านั้นครับ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
เอาบทความนี้มาจากไหนรึคะ
ดิฉันเคยได้ยินแต่ว่า เค้าเป็นเทวดาที่คิดจะยิ่งใหญ่กว่าพระเจ้า ???
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
คิดว่าเป็นเรื่องเล่า
ที่ขยายออกมาจากที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์นะคะ
แต่ไม่ใช่หลักข้อเชื่อ
อาจจะเป็นเรื่องที่เอาไว้เล่าให้เด็กๆฟัง
ประกอบการสอนก็เป็นได้ :)
ใครที่มีข้อมูลแน่นกว่านี้
ช่วยเข้ามาอธิบายเพิ่มเติมด้วยนะคะ
ที่ขยายออกมาจากที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์นะคะ
แต่ไม่ใช่หลักข้อเชื่อ
อาจจะเป็นเรื่องที่เอาไว้เล่าให้เด็กๆฟัง
ประกอบการสอนก็เป็นได้ :)
ใครที่มีข้อมูลแน่นกว่านี้
ช่วยเข้ามาอธิบายเพิ่มเติมด้วยนะคะ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร พ.ค. 03, 2005 7:15 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
มีเพิ่มเติมอีกครับ ^-^"
ลูซิเฟอร์นี้ มีรูปร่างเป็นงูก็ได้ ตามที่ปรากฏในไบเบิลว่าแปลงตัวเป็นงูไปหลอกลวงอีฟ จึงถูกพระเจ้าสาปให้คงสภาพนั้น อย่างไรก็ดีในยุคกลางของยุโรป นักวรรณคดีและจิตรกรเปลี่ยนรูปพญามารเป็นคนครึ่งสัตว์ประหลาดกายเป็นคน แต่มีตีนเหมือนตีนแพะ มีหางยาวปลายเป็นรูปลูกศร และมีเขาคล้ายเขาวัวหรือแพะ ซึ่งลักษณะนี้กลับไปคล้ายเทพชั้นรองของกรีกและโรมันชื่อ แพน ผู้มีร่างกายครึ่งคนครึ่งแพะ เป็นเทพประจำป่าเขาลำเนาไพร รูปร่างน่าเกลียด น่ากลัวนี้ได้ลบสภาพความงามดั้งเดิมของพญามารเสียสิ้น ถ้าผู้อ่านเรื่องนี้เคยชมภาพยนตร์เรื่อง Rosemarys baby คงจะนึกออกว่า มารน่าเกลียดน่ากลัวในความฝันของนางเอกนั้น ก็คือสภาพแปรมาจากมารครึ่งคนครึ่งสัตว์นี้เอง เป็นตัวเดียวกับลูซิเฟอร์
ในอเมริกา มีผู้นิยมลัทธิ Satanism คือบูชาพญามารเป็นพระเจ้า กระทำพิธีกันอย่างวิปริตต่างๆด้วย เชื่อว่าเป็นที่โปรดปราน ภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับลัทธินี้เอง คือนางเอกถูกสามีขายให้พวกบูชาลัทธินี้ เพื่อแลกกับความสำเร็จทางการงานของตน นางเอกได้รับเลือกเป็นผู้ถูกสมสู่กับมาร ให้กำเนิดบุตรของพญามาร ผู้ที่จะมาทำหน้าที่ศาสดาของลัทธิในอนาคต ผู้บูชาลัทธินี้จะได้รับสิทธิพิเศษ มีฤทธิ์ต่างๆหรือได้รับพรให้ประสบความสำเร็จตามต้องการ ลัทธินี้สืบเนื่องมาจากสมัยโบราณตั้งแต่ศตวรรษที่ ๑๑ คือการขายวิญญาณให้พญามาร โดยทำสัญญาว่าจะได้ทุกสิ่งที่ต้องการเป็นเวลาระยะหนึ่งกี่ปีก็แล้วแต่ เมื่อครบเวลาก็จะถูกมารมารอท่าพาลงนรกไป วรรณคดีที่มีชื่อเสียงที่สุดสองเรื่องของอังกฤษ และเยอรมัน คือ Dr. Faustus ของ คริสโตเฟอร์ มาร์โลว์ กวีสมัยศตวรรษที่ ๑๖ และ Faust ของ เกอเต้ กวีเยอรมันสมัยศตวรรษที่ ๑๘ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการขายวิญญาณให้พญามารโดยตรง เชื่อกันว่าเขียนขึ้นจากพื้นฐานความจริงในเยอรมันสมัยศตวรรษที่ ๑๓ เป็นนิทานพื้นเมืองเล่าถึงนักปราชญ์เยอรมันที่ขายวิญญาณให้มารจริงๆ
ลูซิเฟอร์นี้ มีรูปร่างเป็นงูก็ได้ ตามที่ปรากฏในไบเบิลว่าแปลงตัวเป็นงูไปหลอกลวงอีฟ จึงถูกพระเจ้าสาปให้คงสภาพนั้น อย่างไรก็ดีในยุคกลางของยุโรป นักวรรณคดีและจิตรกรเปลี่ยนรูปพญามารเป็นคนครึ่งสัตว์ประหลาดกายเป็นคน แต่มีตีนเหมือนตีนแพะ มีหางยาวปลายเป็นรูปลูกศร และมีเขาคล้ายเขาวัวหรือแพะ ซึ่งลักษณะนี้กลับไปคล้ายเทพชั้นรองของกรีกและโรมันชื่อ แพน ผู้มีร่างกายครึ่งคนครึ่งแพะ เป็นเทพประจำป่าเขาลำเนาไพร รูปร่างน่าเกลียด น่ากลัวนี้ได้ลบสภาพความงามดั้งเดิมของพญามารเสียสิ้น ถ้าผู้อ่านเรื่องนี้เคยชมภาพยนตร์เรื่อง Rosemarys baby คงจะนึกออกว่า มารน่าเกลียดน่ากลัวในความฝันของนางเอกนั้น ก็คือสภาพแปรมาจากมารครึ่งคนครึ่งสัตว์นี้เอง เป็นตัวเดียวกับลูซิเฟอร์
ในอเมริกา มีผู้นิยมลัทธิ Satanism คือบูชาพญามารเป็นพระเจ้า กระทำพิธีกันอย่างวิปริตต่างๆด้วย เชื่อว่าเป็นที่โปรดปราน ภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับลัทธินี้เอง คือนางเอกถูกสามีขายให้พวกบูชาลัทธินี้ เพื่อแลกกับความสำเร็จทางการงานของตน นางเอกได้รับเลือกเป็นผู้ถูกสมสู่กับมาร ให้กำเนิดบุตรของพญามาร ผู้ที่จะมาทำหน้าที่ศาสดาของลัทธิในอนาคต ผู้บูชาลัทธินี้จะได้รับสิทธิพิเศษ มีฤทธิ์ต่างๆหรือได้รับพรให้ประสบความสำเร็จตามต้องการ ลัทธินี้สืบเนื่องมาจากสมัยโบราณตั้งแต่ศตวรรษที่ ๑๑ คือการขายวิญญาณให้พญามาร โดยทำสัญญาว่าจะได้ทุกสิ่งที่ต้องการเป็นเวลาระยะหนึ่งกี่ปีก็แล้วแต่ เมื่อครบเวลาก็จะถูกมารมารอท่าพาลงนรกไป วรรณคดีที่มีชื่อเสียงที่สุดสองเรื่องของอังกฤษ และเยอรมัน คือ Dr. Faustus ของ คริสโตเฟอร์ มาร์โลว์ กวีสมัยศตวรรษที่ ๑๖ และ Faust ของ เกอเต้ กวีเยอรมันสมัยศตวรรษที่ ๑๘ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการขายวิญญาณให้พญามารโดยตรง เชื่อกันว่าเขียนขึ้นจากพื้นฐานความจริงในเยอรมันสมัยศตวรรษที่ ๑๓ เป็นนิทานพื้นเมืองเล่าถึงนักปราชญ์เยอรมันที่ขายวิญญาณให้มารจริงๆ
พญามัจจุราชของคริสต์ศาสนา คือ ลูซิเฟอร์ รูปร่างแต่เดิมนั้นคือเทวดาผู้งดงามที่สุดในบรรดาเทวดาทั้งปวง มิลตันบรรยายไว้ใน Paradise Lost ว่าเมื่อตกจากสวรรค์ลงมาแล้วก็ยังงามอยู่เช่นเก่า มีลักษณะเช่นนักรบผู้พ่ายแพ้สงคราม ปรากฏรอยสายฟ้าฟาดเป็นแถบยาวบนดวงหน้า เป็นผลจากการรบ แต่ลูซิเฟอร์ยังทะนงเด็ดเดี่ยวอยู่กับความคิดอิสระของตน ไม่ยอมรับใช้พระเจ้า อิจฉาเคียดแค้นมนุษย์ที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาและเริ่มวางตนเป็นพญามัจจุราช แต่บัดนั้นลูซิเฟอร์เป็นเจ้าแห่งความตายก็จริง แต่มิได้ทำหน้าที่ตัดสินลงโทษมนุษย์ เป็นแต่คอยชักจูงให้มนุษย์ทำบาปและคร่าวิญญาณลงไปอยู่เป็นเพื่อนกันในนรก นรกของคริสต์ศาสนานั้นเมื่อเข้าไปอยู่แล้วต้องอยู่เป็นการถาวร ไม่มีการขึ้นสวรรค์ได้อีก ลูซิเฟอร์อยู่แล้วก็ต้องอยู่ตลอดไป จึงอิจฉาริษยามนุษย์ ไม่อยากให้ได้ขึ้นสวรรค์เกินหน้าตัว
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
เพราะงดงามขนาดนั้นจึงล่อลวงมนุษย์ให้หลงผิดได้เป็นอันมาก งูพิษมักสีสวยสะดุดตามิใช่หรือ?
แต่มิใช่เพราะสีสวยจึงพิษร้าย แต่เพราะพิษร้ายนั้นจึงสีสวยใว้ล่อลวง
พลอยทำให้ผู้สีสวยคนอื่นๆต้องถูกมองผิดไป ด้วยความกลัวในสีสวยนั้น
มนุษย์จึงหันเข้าหาสิ่งไม่มีสีสัน แต่หากว่างูที่ไม่มีสีสันนั้นก็ยังเป็นงูอยู่วันยังค่ำ
ที่มีพิษก็มีพิษอยู่วันยังค่ำ ดังนั้นพวกเราพี่น้องทั้งหลายอย่าจงมองดูสีสันเหล่านั้นเลย
แต่จงใช้สติปัญญาที่พระเป็นเจ้าประทานมาให้ในการมองหางูร้าย และอย่าเข้าใกล้มันเป็นอันดีที่สุด
ปล.เดี๋ยวนี้เราพูดจาประหลาดๆอย่าใส่ใจ - -
แต่มิใช่เพราะสีสวยจึงพิษร้าย แต่เพราะพิษร้ายนั้นจึงสีสวยใว้ล่อลวง
พลอยทำให้ผู้สีสวยคนอื่นๆต้องถูกมองผิดไป ด้วยความกลัวในสีสวยนั้น
มนุษย์จึงหันเข้าหาสิ่งไม่มีสีสัน แต่หากว่างูที่ไม่มีสีสันนั้นก็ยังเป็นงูอยู่วันยังค่ำ
ที่มีพิษก็มีพิษอยู่วันยังค่ำ ดังนั้นพวกเราพี่น้องทั้งหลายอย่าจงมองดูสีสันเหล่านั้นเลย
แต่จงใช้สติปัญญาที่พระเป็นเจ้าประทานมาให้ในการมองหางูร้าย และอย่าเข้าใกล้มันเป็นอันดีที่สุด
ปล.เดี๋ยวนี้เราพูดจาประหลาดๆอย่าใส่ใจ - -
คุณAnnouncer ช่วยอ้างอิงด้วยจะดีมากครับว่าไปเอาข้อมูลมาจากเวบไหน
คุณเอามาจากเวบ
http://www.saranair.com/article.php?sid=8807
และ
http://vcharkarn.com/reurnthai/satan.php
คุณเอามาจากเวบ
http://www.saranair.com/article.php?sid=8807
และ
http://vcharkarn.com/reurnthai/satan.php
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
เฮีย ฮะ เขียนแบบข้างล่าง กั๊บ
คริสตจักรศังขฤกษ์ 92/3 ต.สำนักทอง อ.เมือง จ.ระยอง 21100 tel. 038-634087
เป็นโบสถ์คณะแบ๊พติสท์ ใช่ป่ะ 8)
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
เคยผ่านแว๊บๆ ตอนไปเกาะช้าง หรือเกาะกูด จำบ่ได้แล้วAnnouncer เขียน: ไม่ทราบว่ารู้ได้อย่างไร เคยไปหรอ? สงสัย
อาจารย์บอกว่าเป็นแบ๊พติสต์ อ้อ แล้วเราเคยไปร่วมค่ายอนุชนภาคตะวันออก
ครั้งกระโน้น ไปกับกลุ่ม คจ.แปดริ้ว ....แล้วปีนี้ นายไปค่าย อนุชนภาคตะวันออกป่าว ;D
ทำไมนายมีเวลา เล่นเน็ท จัง ไม่ต้องทำอะไรเหรอ ???
พ่อแม่เขาให้ความเห็นว่ายังเรียนอยู่เลยไม่อยากให้ผมไปเข้าค่ายอ่ะครับ เขาอยากให้ผมสนใจเรียนกว่านี้ครับแต่ที่ผมแปลกใจตั้งแต่ผมนับถือพระเจ้าผมก็เรียนดีขึ้นน่ะครับ^-^" จริงๆผมก็อยากไปอยู่เหมือนกัน เหตุที่เล่นเน็ตก็พราะว่าผมหาข้อมูลอยู่เรื่อยๆอ่ะครับ ตอนนี้ผมไม่ค่อยสบายเลยไปไหนมาไหนลำบาก ครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Announcer เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 11:01 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
เป็นอะไรมากป่าวครับ จะสวดให้นะครับAnnouncer เขียน: ตอนนี้ผมไม่ค่อยสบายเลยไปไหนมาไหนลำบาก ครับ
ผมเป็นโรคคล้ายไมเกนอ่ะครับแต่ผมไม่รู้ว่าใช้รึป่าวยังไม่เคยไปให้หมอวินิจฉัย แบบปวดหัวง่ายมากๆเลยตรงขมับกับบริเวณหลังศรษะบางทีปกติดีๆก็มานั่งปวดซะแล้ว ก็เลยต้องนอนพักเรื่อยๆ เมื่อคืนผมก็ปวดหัวมากๆเลย ก็เลยนั่งอธิษฐานขอพระเจ้าบอกว่าให้หายปวดหัวก็เป็นจริงครับนอนหลับปุยเลยแหละ ก่อนหน้านั้นผมมีอาการปวดมานานพอสมควรตั้งแต่บ่ายโมงถึงตอนดึกก็รวมๆแล้ว 8 ชม. กว่า ตอนแรกกินยาก็ไม่หาย ไม่รู้จะทำไงก้เหลือที่พึ่งสุดท้าย :) ที่กลัวก็คือกลัวว่าจะมีอาการอีก
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ไปหาหมอสิครับ แล้วจะสวดให้นะครับ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ไม่เป็นไรครับ ;D
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ก้อเปนผู้นำเหล่าเทพนี่นา พอร่วงมาแล้วก็ยังนำอยู่แต่นำเหล่ามาร(มารก็คือที่ร่วงมาพร้อมกันนะแหละ- -)claustrophobia เขียน: ลูซิเฟอร์หรือลูซิเเฟร์มีพี่คนหนึ่งบอกมาคับว่าเป็นชื่อของหัวหน้าปีศาจคับ
::)
แต่เหลือเชื่อเลยนะผู้ที่ถือว่าเป็นเบอร์ 1 เก่งสมบูรณ์แบบที่สุดคิดกบฏเนี๊ยะเพราะความจองหองแท้ๆ นี่ละมั้งที่พระเยซูถึงสอนให้ถ่อมตนจะได้ไม่จองหองแล้วพินาศย่อยยับแบบลูซิเฟอร์
เออเพิ่งนึกได้
บาปแรกที่เข้ามาในจักวาล - จองหอง
บาปแรกที่เข้ามาในโลก - จองหอง !!
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ทำไมอ่ะครับ เจ๊ทา*?princess of wands เขียน: เออเพิ่งนึกได้
บาปแรกที่เข้ามาในจักวาล - จองหอง
บาปแรกที่เข้ามาในโลก - จองหอง !!
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
บาปแรกที่เข้ามาในจักรวาล คือความจองหองของลูซิเฟอร์มั้งครับที่อยากเทียบเท่าพระเจ้าBatholomew เขียน:ทำไมอ่ะครับ เจ๊ทา*?princess of wands เขียน: เออเพิ่งนึกได้
บาปแรกที่เข้ามาในจักวาล - จองหอง
บาปแรกที่เข้ามาในโลก - จองหอง !!
บาปแรกที่เข้ามาในโลก คือความจองหองของเอวา(มั้งนะ) จาก
ปฐก 3:4-6
งูจึงพูดกับหญิงนั้นว่า "เจ้าจะไม่ตายจริงดอก เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่าเจ้ากินผลไม้วันใด ตาของเจ้าจะสว่างขึ้น ในวันนั้นแล้วเจ้าจะเป้นเหมือนพระเจ้า คือสำนึกในความดีและความชั่ว"
เมื่อหญิงนั้นเห็นว่าต้นไม้นั้นน่ากิน และน่าดูด้วย ทั้งเป็นต้นไม้ที่ทำให้เกิดปัญญา จึงเก็บผลไม้นั้นมากินแล้วส่งให้สามีกินด้วย เขาก็กิน
การที่เอวากินผลไม้ไม่น่าจะเพราะถูกงูหลอกนะครับ แต่เป้นเพราะอยากมีปัญญาเหมือนพระเจ้า เลยเป็นบาปจองหอง
ยังไงรอผู้รู้จิงมาตอบละกัน ;D
พญามารมีความเป็นมาอย่างไร
พญามารมีตัวตนจริงหรือ มันมีความป็นมาอย่างไร มนุษย์สมัยนี้ได้พยายามปฎิเสธว่า พญามารไม่มีตัวตนจริง เขาเชื่อว่าพญามารเป็นแต่สิ่งสมมติ เพื่อใช้แทนอำนาจชั่วที่กำลังคุกคามโลก ความเชื่อเช่นนี้เป็นที่พอใจของพญามารอย่างยิ่ง เพราะมันทำห้เราขาดความระมัดระวัง และตกเป็นเหยื่อของพญามารได้โดยง่าย
พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้ชี้ให้เราเห็นว่า พญามารนั้นมีตัวตนจริง ๆ เห็นได้จากการที่มันมีชื่อในลักษณะชื่อของบุคคล (ยฮ. 8: 44 , อฟ.6 :12 ) มีการกระทำของบุคคล (1 ยฮ. 3 : 8 ,ว.ว. 12: 9) มีการวางแผนต่างๆ ในลักษณะของบุคคล (ยฮ.13: 27 เปรียบ ลก. 22: 3 , 2 คธ. 2 : 11 ,ว.ว. 12: 9 ) มีอารมณ์เช่นเดียวกับบุคล (วว. 12 : 12) เป็นต้น
ความเป็นมาของพญามาร
ทุกสิ่งในโลกนี้ ล้วนแต่เป็นฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าทั้งสิ้น ดังนั้นพญามารจึงเกิดขึ้นจากฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า แต่พระองค์ไม่ได้ทรงสร้สงพญามารตามลักษณะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ แต่ทรงสร้างขึ้นในฐานะทูตสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่ง (อศค. 28:12-15 )ในพระคัมภีร์ตอนนี้พระเจ้ากล่าวถึงพญามาร โดยใช้ตำแหนงของกษตริย์แห้งเมืองไทระว่า "เจ้าเป็นดาราแห่งความสมบูร์แบบ เต็มด้วยสติปัญญา และมีความงามอย่างพร้อมสรรพ เจ้าอยู่ในเขตพระอุทยานของพระเจ้า เพชรพลอยทุกอย่างเป็นเสื้อของเจ้า คือ ทับทิม บุษราน้ำอ่อน เพชร เพทาย โกเมน และมณีโชติ ไพ
ฑรูย์ มรกต และเบริล เพชรพลอยเหล่านี้ฝังในทองคำ และลวดลายสลักก็เป็นทองคำ ตั้งแต่วันที่เจ้าถูกสร้างมาจนพบความบาปชั่วในตัวเจ้า "
ก่อนที่พระเจ้าจะสร้างโลกนี้จักรวาลอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ได้ถูกแบ่งออกเป็นเขต ๆ แต่ละเขตมีทูตสวรรค์ของพระเจ้าครอบครองอยู่ และทูตสวรรค์เหล่านี้ บางก็เป็น"เทพอาณาจักร" บางที่ก็เป็น"เทพผู้ครอง" หรือ " ศักดิเทพ" หรือ " อิทธิเทพ " บางองค์ก็นั่งบนเทวบัลลังก์ และทูตสวรรค์เหล่านั้นต่างขึ้นตรงต่อพระเจ้า คธ.1: 16 ,อฟ. 1 :20 นั่นแสดงว่าทูตสวรรค์นั้นได้ถูกแบ่งออกเป็นชั้นๆ และแต่ละชั้นมีความรับผิดชอบ และอำนาจต่างกัน
พญามารมีตัวตนจริงหรือ มันมีความป็นมาอย่างไร มนุษย์สมัยนี้ได้พยายามปฎิเสธว่า พญามารไม่มีตัวตนจริง เขาเชื่อว่าพญามารเป็นแต่สิ่งสมมติ เพื่อใช้แทนอำนาจชั่วที่กำลังคุกคามโลก ความเชื่อเช่นนี้เป็นที่พอใจของพญามารอย่างยิ่ง เพราะมันทำห้เราขาดความระมัดระวัง และตกเป็นเหยื่อของพญามารได้โดยง่าย
พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้ชี้ให้เราเห็นว่า พญามารนั้นมีตัวตนจริง ๆ เห็นได้จากการที่มันมีชื่อในลักษณะชื่อของบุคคล (ยฮ. 8: 44 , อฟ.6 :12 ) มีการกระทำของบุคคล (1 ยฮ. 3 : 8 ,ว.ว. 12: 9) มีการวางแผนต่างๆ ในลักษณะของบุคคล (ยฮ.13: 27 เปรียบ ลก. 22: 3 , 2 คธ. 2 : 11 ,ว.ว. 12: 9 ) มีอารมณ์เช่นเดียวกับบุคล (วว. 12 : 12) เป็นต้น
ความเป็นมาของพญามาร
ทุกสิ่งในโลกนี้ ล้วนแต่เป็นฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าทั้งสิ้น ดังนั้นพญามารจึงเกิดขึ้นจากฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า แต่พระองค์ไม่ได้ทรงสร้สงพญามารตามลักษณะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ แต่ทรงสร้างขึ้นในฐานะทูตสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่ง (อศค. 28:12-15 )ในพระคัมภีร์ตอนนี้พระเจ้ากล่าวถึงพญามาร โดยใช้ตำแหนงของกษตริย์แห้งเมืองไทระว่า "เจ้าเป็นดาราแห่งความสมบูร์แบบ เต็มด้วยสติปัญญา และมีความงามอย่างพร้อมสรรพ เจ้าอยู่ในเขตพระอุทยานของพระเจ้า เพชรพลอยทุกอย่างเป็นเสื้อของเจ้า คือ ทับทิม บุษราน้ำอ่อน เพชร เพทาย โกเมน และมณีโชติ ไพ
ฑรูย์ มรกต และเบริล เพชรพลอยเหล่านี้ฝังในทองคำ และลวดลายสลักก็เป็นทองคำ ตั้งแต่วันที่เจ้าถูกสร้างมาจนพบความบาปชั่วในตัวเจ้า "
ก่อนที่พระเจ้าจะสร้างโลกนี้จักรวาลอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ได้ถูกแบ่งออกเป็นเขต ๆ แต่ละเขตมีทูตสวรรค์ของพระเจ้าครอบครองอยู่ และทูตสวรรค์เหล่านี้ บางก็เป็น"เทพอาณาจักร" บางที่ก็เป็น"เทพผู้ครอง" หรือ " ศักดิเทพ" หรือ " อิทธิเทพ " บางองค์ก็นั่งบนเทวบัลลังก์ และทูตสวรรค์เหล่านั้นต่างขึ้นตรงต่อพระเจ้า คธ.1: 16 ,อฟ. 1 :20 นั่นแสดงว่าทูตสวรรค์นั้นได้ถูกแบ่งออกเป็นชั้นๆ และแต่ละชั้นมีความรับผิดชอบ และอำนาจต่างกัน