พวกเฮเรติก
อยากรู้จังว่าพวกเฮเรติก ( ไม่รู้ว่าเขียนถูกหรือเปล่า :-[ ) คือพวกไหน ใครก็ได้ช่วยตอบที่คะ :D
นักเขียนคริสตชนที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ชื่อแตร์ตูเลียน แห่งคาร์เทจ ท่านรับใช้พระศาสนจักรด้วยการเขียนหนังสือหลายเล่ม ที่อธิบายความเชื่อคริสตชนและต่อต้านคำสอนผิดๆ แต่ท่านเป็นคนที่เคร่งครัดมาก และท่านเชื่อว่าบุคคลที่ทำบาปหลังจากรับศีลล้างบาปแล้ว ไม่สมควรจะได้รับการอภัย
หนึ่งในบรรดาผู้ปกป้องความเชื่อที่สำคัญที่สุดในช่วง ค.ศ. 200 คือ แตร์ตูเลียน ( Tertullian) ชาวแอฟริกา ท่านเกิดที่เมืองคาร์เทจในราว ค.ศ. 160 บิดามารดาเป็นคนต่างศาสนา ในขณะที่ท่านเป็นหนุ่ม ท่านอุทิศตัวเองเพื่อการศึกษาและแสวงหาความพึงพอใจในชีวิตแต่ท่านตัดสินใจค้นหาคุณค่าชีวิตที่มากกว่าที่เป็นอยู่ จึงไปที่กรุงโรมและเพื่อศึกษาวิชากฎหมาย ที่นั่นเองท่านได้เห็นความกล้าหาญของบรรดามรณสักขีคริสตชน และท่านมีความประทับใจอย่างมาก ที่สุดใน ค.ศ .195 ท่านกลับใจเป็นคริสตชน ท่านกลับมาที่เมืองคาร์เทจราว ค.ศ. 200 และอาจได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์
แตร์ตูเลียนเป็นคนใฝ่รู้ ท่านได้หาคำคัดค้านกับแนวความคิดของพวกญอสติก ( คนที่เชื่อว่ามีเพียงพวกเขาเท่านั้น ที่มีความรู้พิเศษและล่วงรู้ในความลับบางอย่าง ) แตร์ตูเลียนสุภาพมากทีเดียวกับพวกเฮเรติก ที่มีการดำเนินชีวิตที่ดี แต่ท่านรุนแรงกับพวกที่สอนความเชื่อผิดๆ ที่สนับสนุนแนวทางดำเนินชีวิตที่ดี แต่ท่านรุนแรงกับพวกที่สอนความเชื่อผิดๆ ที่สนับสนุนแนวทางดำเนินชีวิตสำหรับความเป็นอมตะของตัวเอง ( เฮเรติก คือคริสตชที่ไม่เห็นพ้องและไม่ยอมรับความเชื่อของพระศาสนจักร ) แตร์ตูเลียนเขียนหนังสือหลายเล่ม ในฐานะที่เป็นผู้ปกป้องคริสตชน ท่านได้ชี้ให้เห็นถึงความเข้าใจผิดในแนวความคิดของคนต่างศาสนา และในคำสอของคริสตชนที่เป็นเฮเรติกท่านได้อภิปรายว่า คริสตชนที่แท้จริงควรจะต้องคิดและปฏิบัติอย่างไร แตร์ตูเลียนเป็นคนที่มีอารมณ์ร้อนและเคร่งครัดอย่างมาก ท่านรู้สึกว่าพระศาสนจักรไม่ควรยกโทษให้กับคริสตชนทำบาป หลังจากรับศีลล้างบาป ท่านเชื่อว่าคนเหล่านั้นควรที่จะถูกขับออกจากพระศาสนจักร
ในราวต้นศตวรรษที่ 3 แนวความคิดผิดๆ ของลัทธินิยมมอนตานุสกำลังแพร่หลาย ความคิดของสำนักนี้ปฏิเสธความเชื่อของพระศาสนจักร ลัทธินิยมมอนตานุสชอบการดำเนินชีวิตในแบบที่เคร่งครัดมาก และปฏิเสธพระเจ้าในพันธสัญญาเก่า แนวความคิดนี้ดึงดูดความสนใจของแตร์ตูเลียนอย่างมาก หลังจากที่สงสัยอยู่หลายปี ท่านจึงออกจากพระศาสนจักรและเข้าเป็นสมาชิกในลัทธินิยมมอนตานุสใน ค.ศ. 213 แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ท่านเกิดความพอใจอย่างเต็มเปี่ยมแต่อย่างใด ที่สุดท่านได้ตั้งกลุ่มของท่านขึ้นมาเอง รู้จักกันในชื่อ กลุ่มนิยมแตร์ตูเลียน
ในระหว่างที่แตร์ตูเลียนอยู่ที่เมืองคาร์เทจ คริสตชนและผู้ที่เตรียมตัวรับศีลล้างบาปถูกจับกุม เป็นครั้งแรกที่จักรพรรดิโรมัน เซปติมิอุส เซเวรุส (ค.ศ. 193 - 211)ได้เริ่มเบียดเบียนคริสต์ศาสนาและศาสนาตะวันออกอื่นๆ เพราะจักรพรรดิเกิดความกังวลขึ้น เมื่อตระหนักว่าศาสนาคริสต์ไม่เป็นเพียงแค่ความเชื่อของกลุ่มแต่ละกลุ่มที่แยกไปอยู่เป็นกลุ่มต่างหากเท่านั้น แต่เห็นว่า นับวันการรวมกันของคริสตชนในพระศาสนจักรยังเพิ่มจำนวนมากขึ้นและเข้มแข็งขึ้นทุกวัน การเติบโตขึ้นในด้านโครงสร้างและระบบของพระศาสนจักรทำให้จักพรรดิมีความกลัว และรู้สึกว่ากำลังเป็นการคุกคามจักรวรรดิโรมัน
จักรพรรดิหวังจะทำลายระบบโครงสร้างของพระศาสนจักร โดยการจับกุมและทรมานคริสตชน เนื่องจากเทืองคาร์เทจมีกลุ่มคริสตชนที่เข้มแข็ง การจับกุมและการทรมานกายจึงเกิดขึ้นที่นั่น คริสตชนถูกบังคับให้ถวายบูชาพระเจ้าของคนต่างศาสนา และให้ละทิ้งพระเจ้าที่คริสตชนนับถือ
หนึ่งในบรรดาผู้ปกป้องความเชื่อที่สำคัญที่สุดในช่วง ค.ศ. 200 คือ แตร์ตูเลียน ( Tertullian) ชาวแอฟริกา ท่านเกิดที่เมืองคาร์เทจในราว ค.ศ. 160 บิดามารดาเป็นคนต่างศาสนา ในขณะที่ท่านเป็นหนุ่ม ท่านอุทิศตัวเองเพื่อการศึกษาและแสวงหาความพึงพอใจในชีวิตแต่ท่านตัดสินใจค้นหาคุณค่าชีวิตที่มากกว่าที่เป็นอยู่ จึงไปที่กรุงโรมและเพื่อศึกษาวิชากฎหมาย ที่นั่นเองท่านได้เห็นความกล้าหาญของบรรดามรณสักขีคริสตชน และท่านมีความประทับใจอย่างมาก ที่สุดใน ค.ศ .195 ท่านกลับใจเป็นคริสตชน ท่านกลับมาที่เมืองคาร์เทจราว ค.ศ. 200 และอาจได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์
แตร์ตูเลียนเป็นคนใฝ่รู้ ท่านได้หาคำคัดค้านกับแนวความคิดของพวกญอสติก ( คนที่เชื่อว่ามีเพียงพวกเขาเท่านั้น ที่มีความรู้พิเศษและล่วงรู้ในความลับบางอย่าง ) แตร์ตูเลียนสุภาพมากทีเดียวกับพวกเฮเรติก ที่มีการดำเนินชีวิตที่ดี แต่ท่านรุนแรงกับพวกที่สอนความเชื่อผิดๆ ที่สนับสนุนแนวทางดำเนินชีวิตที่ดี แต่ท่านรุนแรงกับพวกที่สอนความเชื่อผิดๆ ที่สนับสนุนแนวทางดำเนินชีวิตสำหรับความเป็นอมตะของตัวเอง ( เฮเรติก คือคริสตชที่ไม่เห็นพ้องและไม่ยอมรับความเชื่อของพระศาสนจักร ) แตร์ตูเลียนเขียนหนังสือหลายเล่ม ในฐานะที่เป็นผู้ปกป้องคริสตชน ท่านได้ชี้ให้เห็นถึงความเข้าใจผิดในแนวความคิดของคนต่างศาสนา และในคำสอของคริสตชนที่เป็นเฮเรติกท่านได้อภิปรายว่า คริสตชนที่แท้จริงควรจะต้องคิดและปฏิบัติอย่างไร แตร์ตูเลียนเป็นคนที่มีอารมณ์ร้อนและเคร่งครัดอย่างมาก ท่านรู้สึกว่าพระศาสนจักรไม่ควรยกโทษให้กับคริสตชนทำบาป หลังจากรับศีลล้างบาป ท่านเชื่อว่าคนเหล่านั้นควรที่จะถูกขับออกจากพระศาสนจักร
ในราวต้นศตวรรษที่ 3 แนวความคิดผิดๆ ของลัทธินิยมมอนตานุสกำลังแพร่หลาย ความคิดของสำนักนี้ปฏิเสธความเชื่อของพระศาสนจักร ลัทธินิยมมอนตานุสชอบการดำเนินชีวิตในแบบที่เคร่งครัดมาก และปฏิเสธพระเจ้าในพันธสัญญาเก่า แนวความคิดนี้ดึงดูดความสนใจของแตร์ตูเลียนอย่างมาก หลังจากที่สงสัยอยู่หลายปี ท่านจึงออกจากพระศาสนจักรและเข้าเป็นสมาชิกในลัทธินิยมมอนตานุสใน ค.ศ. 213 แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ท่านเกิดความพอใจอย่างเต็มเปี่ยมแต่อย่างใด ที่สุดท่านได้ตั้งกลุ่มของท่านขึ้นมาเอง รู้จักกันในชื่อ กลุ่มนิยมแตร์ตูเลียน
ในระหว่างที่แตร์ตูเลียนอยู่ที่เมืองคาร์เทจ คริสตชนและผู้ที่เตรียมตัวรับศีลล้างบาปถูกจับกุม เป็นครั้งแรกที่จักรพรรดิโรมัน เซปติมิอุส เซเวรุส (ค.ศ. 193 - 211)ได้เริ่มเบียดเบียนคริสต์ศาสนาและศาสนาตะวันออกอื่นๆ เพราะจักรพรรดิเกิดความกังวลขึ้น เมื่อตระหนักว่าศาสนาคริสต์ไม่เป็นเพียงแค่ความเชื่อของกลุ่มแต่ละกลุ่มที่แยกไปอยู่เป็นกลุ่มต่างหากเท่านั้น แต่เห็นว่า นับวันการรวมกันของคริสตชนในพระศาสนจักรยังเพิ่มจำนวนมากขึ้นและเข้มแข็งขึ้นทุกวัน การเติบโตขึ้นในด้านโครงสร้างและระบบของพระศาสนจักรทำให้จักพรรดิมีความกลัว และรู้สึกว่ากำลังเป็นการคุกคามจักรวรรดิโรมัน
จักรพรรดิหวังจะทำลายระบบโครงสร้างของพระศาสนจักร โดยการจับกุมและทรมานคริสตชน เนื่องจากเทืองคาร์เทจมีกลุ่มคริสตชนที่เข้มแข็ง การจับกุมและการทรมานกายจึงเกิดขึ้นที่นั่น คริสตชนถูกบังคับให้ถวายบูชาพระเจ้าของคนต่างศาสนา และให้ละทิ้งพระเจ้าที่คริสตชนนับถือ
ไม่เชิงครับ
เฮเรติ๊กปรากฎครั้งแรกในจดหมายนักบุญเปาโล แปลว่า "ผู้เลือกเอาบางอย่าง"
เล็งถึงคนที่อ้างพระคัมภีร์เฉพาะบางบท และไม่เอาบางบท เลือกเฉพาะบทที่เข้าทางตัวเองที่ตัวเองชอบ ตรงไหนไม่ถูกใจทำเป็นไม่เห็น
ในสมัยท่านมีคนทำนองนี้ไม่น้อย ปัจจุบันก็ยังมีคนแบบนี้
แต่ต่อๆมาในสมัยหลังๆ คำนี้ใช้เรียกคนที่บิดเบือนความเชื่อและมีความเชื่อแบบผิดๆครับ ซึ่งมีโทษหนัก แต่ปัจจุบันนี้ คำนี้พระศาสนจักรเลิกใช้ไปแล้วครับ เพราะพระศาสนจักรถือหลักที่จะไม่ตัดสินผู้อื่นว่าตกนรกหรือผิดอีก
เฮเรติ๊กปรากฎครั้งแรกในจดหมายนักบุญเปาโล แปลว่า "ผู้เลือกเอาบางอย่าง"
เล็งถึงคนที่อ้างพระคัมภีร์เฉพาะบางบท และไม่เอาบางบท เลือกเฉพาะบทที่เข้าทางตัวเองที่ตัวเองชอบ ตรงไหนไม่ถูกใจทำเป็นไม่เห็น
ในสมัยท่านมีคนทำนองนี้ไม่น้อย ปัจจุบันก็ยังมีคนแบบนี้
แต่ต่อๆมาในสมัยหลังๆ คำนี้ใช้เรียกคนที่บิดเบือนความเชื่อและมีความเชื่อแบบผิดๆครับ ซึ่งมีโทษหนัก แต่ปัจจุบันนี้ คำนี้พระศาสนจักรเลิกใช้ไปแล้วครับ เพราะพระศาสนจักรถือหลักที่จะไม่ตัดสินผู้อื่นว่าตกนรกหรือผิดอีก
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 08, 2005 11:54 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
พูดง่ายๆ เฮเรติก ไม่ใช่ศาสนาอื่น
แต่เป้ฯพวกเทียมเท็จหน่ะเหรอครับ ???
แต่เป้ฯพวกเทียมเท็จหน่ะเหรอครับ ???
คำว่า" เฮเรติก" ในทางคริสต์โรมันคาทอลิกนั้น ถือว่าค่อนข้างแรงมากนะครับ เห็นตามคุณโฮลี่ว่าหลังจากการสังคายนาวาติกันครั้งที่สอง พระศาสนจักรก็จะพยายามไม่ตัดสินใครว่าเป็นเฮเรติก เพราะพระสอนว่าจงอย่าตัดสินผู้อื่น ตามแนวทางความรักของพระ เพราะเรามนุษย์ผู้มีข้อบกพร่อง คงไปตัดสินผู้อื่นมิได้ มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ตัดสินผู้อื่น
แต่เพื่อให้เจ้าของกระทู้เข้าใจความหมายว่าเฮเรติกคืออะไร ขอยกตัวอย่างในเวลาปัจจุบันและสังคมไทย เพื่อความเข้าใจง่าย ยกตัวอย่างบอรด์พันธ์ทิพย์ ที่มีพวกลักธิจานบินใส่ร้ายป้ายสีคริสตชนว่าทำลายชาติบ้าง กลืนศาสนาบ้าง ขึ้ข้าฝรั่งบ้าง(ไร้สาระและปั้นน้ำเป็นตัวทั้งนั้น) เท่านั้นยังไม่พอ ซ้ำร้ายยังดูถูกเหยียดยามความเชื่อของพระศาสนจักรอีก แม้หลายท่านจะอธิบายด้วยความสุภาพแล้วก็ตาม ยังถูกตอกมาด้วยคำหยาบคายและไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น นี้แหละ เฮเรติกอ็อฟไทยแลนด์เลยครับ อันนี้มิได้ตัดสินพวกเขานะ ยกตัวอย่างให้เจ้าของกระทู้มองภาพออกถึงความหมายของเฮเรติก คืออะไร
ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
แต่เพื่อให้เจ้าของกระทู้เข้าใจความหมายว่าเฮเรติกคืออะไร ขอยกตัวอย่างในเวลาปัจจุบันและสังคมไทย เพื่อความเข้าใจง่าย ยกตัวอย่างบอรด์พันธ์ทิพย์ ที่มีพวกลักธิจานบินใส่ร้ายป้ายสีคริสตชนว่าทำลายชาติบ้าง กลืนศาสนาบ้าง ขึ้ข้าฝรั่งบ้าง(ไร้สาระและปั้นน้ำเป็นตัวทั้งนั้น) เท่านั้นยังไม่พอ ซ้ำร้ายยังดูถูกเหยียดยามความเชื่อของพระศาสนจักรอีก แม้หลายท่านจะอธิบายด้วยความสุภาพแล้วก็ตาม ยังถูกตอกมาด้วยคำหยาบคายและไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น นี้แหละ เฮเรติกอ็อฟไทยแลนด์เลยครับ อันนี้มิได้ตัดสินพวกเขานะ ยกตัวอย่างให้เจ้าของกระทู้มองภาพออกถึงความหมายของเฮเรติก คืออะไร
ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
Lost Lamb เขียน: งั้นโปร ก็เทียมดิ ไปดีก่า :'(
จ๊ากกกกกกกกกก อย่าพึ่งไปคร๊าบบบบ คุณลอซเล็ม พระเป็นเจ้าเท่านั้นครับที่ตัดสินมนุษย์ได้(ขอย้ำ) ผมเพียงแค่ยกตัวอย่างให้เจ้าของกระทู้เข้าใจเท่านั้นเอง ซึ่งจริงๆแล้วมีเพียงก่อนสังคายนาวาติกันครั้งที่สองเท่านั้นที่คำนี้ถูกใช้ ปัจจุบันเป็นยุคหลังสังคายนาครับผม ผมเพียงยกตัวอย่างเท่านั้นเองครับ ตายจริง
ขออภัยในความโง่เขลาเบาปัญญาของผมในเรื่องงานเขียน จนทำให้พี่น้องในพระคริสต์เข้าใจผิด ขอพระเมตตาอภัยในความโง่เขลาของผมด้วยเถิด อาเมน
อุ๊บ ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก ก็บอกแล้วว่า ชื่อ แกะหลง ก็หลงคอกนั้นที นู่ที เป็นแกะของพระเยซูเท่านั้น
:) :)ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ เราพอจะเข้าใจแล้วคะ
คุณฟ้าอย่าพูดแบบนั้นสิครับ สมัยก่อนนั้นอย่าลืมนะครับว่าเรามีพระศาสนจักรเดียว โดยเฉพาะบทความที่คุณ Annoีuncer[kid] ยกมานั้น อยู่ในยุคแรกๆ คือคศ.200 นั้นคำว่านิกาย ไม่มี และคงไม่เคยมีใครคาดคิดว่าจะมีLost Lamb เขียน: งั้นโปร ก็เทียมดิ ไปดีก่า :'(
ดังนั้น ใครก็ตามที่มีความเชื่อที่แตกแยก และไม่ยอมรับคำสอนของพระศาสนจักรที่มีแค่อันเดียวในสมัยนั้น ก็ถูกเรียกว่าเฮเรติก
ในสมัยที่มาตินลูเธอร์แยกนิกายนั้น พระศาสนจักรคาทอลิคไม่เรียกโปรแตสแตนท์ว่าเฮเรติก แต่เรียกว่า โปรแตสแตนท์ ที่แปลว่า ผู้คัดค้าน
ส่วนคำว่าเทียมเท็จหรือCult นั้น เป็นคำที่ทางโปรแตสแตนท์ใช้เรียกคริสตจักรใดๆก็ตามที่ตนเห็นว่าสอนผิด ดังนั้น คริสตจักรโปรแตสแตนท์นิกายย่อยๆต่างๆมากมายในสมัยนี้ ก็จะมี พวกเทียมเท็จ ที่ไม่เหมือนกันตามแต่คริสตจักรไหนจะเห็นว่าใครผิดจากตัวเองบ้าง อย่างสายสภาหรือสายหลักต่างๆ ก็จะมีหลักหรือแนวทางที่คล้ายๆกันในการจัดหมวดหมู่ ว่าลัทธิไหนเทียมเท็จ ดังนั้นเทียมเท็จของโปรแตสแตนท์สายหลักจะออกมาคล้ายๆกัน และเท่าที่ทราบ พวกเขาจะไม่ตัดสินว่าคาทอลิคหรือออโธดอค เทียมเท็จ หากแต่ผมทราบมาว่ามีคริสตจักรโปรแตสแตนท์สายย่อยๆที่เกิดใหม่ๆจำนวนไม่น้อยที่จัดคาทอลิคว่าเทียมเท็จด้วย และยังเจอหนักว่านั้นคือ คริสตจักรที่กล้าประกาศว่าของตัวเองถูกคนเดียว ใครไม่เชื่อโบสถ์ของตน "ไม่รอด" ซึ่งนั่นแปลว่าเขาตัดสินโปรแตสแตนท์คริสตจักรอื่นว่าตกนรกหมดนอกจากพวกเขา ซึ่งนี่เท่ากับว่าเขาหาว่าคนอื่นเทียมเท็จหมดนอกจากโบสถ์ตัวเอง
กล่าวโดยสรุป เรื่องนี้เป็นเรื่องของการขัดแย้งที่ควรพิจารณาอย่างละเอียดอ่อนนะครับ
ในยุคสมัยปัจจุบัน มีเรื่องเอกสัมพันธ์คือ การเป็นเอกภาพระหว่างนิกาย ซึ่งเวบเราก็ถือเรื่องนี้ด้วย
คาทอลิค ออโธดอก และโปรแตสแตนท์สายหลักๆ จับมือกันและไม่มีการประนามกันว่า เทียมเท็จ หรือเป็นเฮเรติกแล้ว ดังนั้นคุณฟ้าควรสบายใจได้ในเรื่องนี้ และทำความเข้าใจเรื่องนี้ด้วยครับ
ปล.ในส่วนของโปรแตสแตนท์คุณฟ้าถามจากพี่พีพีแล้วกันนะครับว่าคริสตจักรสายหลักเขามีเกณฑ์อะไรยังไงบ้าง
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 15, 2005 10:50 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ปัจจุบันนี้เจี๊ยบว่าเราไม่เรียก กันว่า เฮเรติ๊ก แล้วมั้ง
เอ่อ อยากถามว่า "ซูแปติซัง" นี่ปัจจุบัน คาทอลิกในไทยยังถือมากไหม
เพราะเคยอ่านเจอว่ามีปัญหามาก ในสมัย รัชกาลที่ 3 และ สมัย สมเด็จพระเจ้าตากสิน
ใครช่วยแถลงหน่อย ฮะ 8)
เอ่อ อยากถามว่า "ซูแปติซัง" นี่ปัจจุบัน คาทอลิกในไทยยังถือมากไหม
เพราะเคยอ่านเจอว่ามีปัญหามาก ในสมัย รัชกาลที่ 3 และ สมัย สมเด็จพระเจ้าตากสิน
ใครช่วยแถลงหน่อย ฮะ 8)
-
- โพสต์: 659
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
- ที่อยู่: I believe in God...
ผมเคยอ่านนะ ประเทศไทยมีประชากรที่เป็นคริสต์ศาสนา นิกายโรมันคาธอลิก รองลงมาคือ โปรเตสแตนต์อะครับ << แล้วมันเกี่ยวเปล่าหว่า
ซูแปติซัง คือการปฏิบัติที่ขัดต่อความเชื่อของคริสตชน เช่นการดูดวง การเชื่อโหราศาสตร์ การขอหวยจากอำนาจลึกลับ การปล่อยสัตว์เพื่อต่ออายุ สรุปคืออะไรก็ตามที่ทำแล้วขัดต่อพระบัญญัติของพระเจ้าประมาณที่ 1 "จงนับถือพระเจ้าผู้เดียวของเจ้า" ในปัจจุบันนี้คาทอลิกก็ยังห้ามทำสิ่งเหล่านี้อยู่ครับ แต่เราก็ไม่อาจจะบังคับทุก ๆ คนไม่ให้ทำได้ แต่ผมก็ไม่ค่อยได้ยินหรือเห้นใครทำซูแปติซังแล้ว เพราะที่จริงสิ่งเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่งมงายสำหรับคนสมัยปัจจุบันเช่นกันJeab Agape เขียน:
ปัจจุบันนี้เจี๊ยบว่าเราไม่เรียก กันว่า เฮเรติ๊ก แล้วมั้ง
เอ่อ อยากถามว่า "ซูแปติซัง" นี่ปัจจุบัน คาทอลิกในไทยยังถือมากไหม
เพราะเคยอ่านเจอว่ามีปัญหามาก ในสมัย รัชกาลที่ 3 และ สมัย สมเด็จพระเจ้าตากสิน
ใครช่วยแถลงหน่อย ฮะ 8)
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ถ้า เรื่อง การดูดวง การเชื่อโหราศาสตร์ การขอหวย จากอำนาจลึกลับAndreas เขียน:
ซูแปติซัง คือการปฏิบัติที่ขัดต่อความเชื่อของคริสตชน เช่นการดูดวง การเชื่อโหราศาสตร์ การขอหวยจากอำนาจลึกลับ การปล่อยสัตว์เพื่อต่ออายุ สรุปคืออะไรก็ตามที่ทำแล้วขัดต่อพระบัญญัติของพระเจ้าประมาณที่ 1 "จงนับถือพระเจ้าผู้เดียวของเจ้า" ในปัจจุบันนี้คาทอลิกก็ยังห้ามทำสิ่งเหล่านี้อยู่ครับ แต่เราก็ไม่อาจจะบังคับทุก ๆ คนไม่ให้ทำได้ แต่ผมก็ไม่ค่อยได้ยินหรือเห้นใครทำซูแปติซังแล้ว เพราะที่จริงสิ่งเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่งมงายสำหรับคนสมัยปัจจุบันเช่นกัน
ยัง พบนะฮะ พี่เพชร ที่คริสตชน ยังทำอย่างนี้ โดยเฉพาะเรื่องหวยนี่กลายเป็นสายเลือดคนไทย
เจี๊ยบฟังแล้วทะแม่งนิดหนึ่ง ว่า การขอหวยจากอำนาจลึกลับ ถ้าไม่ขอจากอำนาจลึกลับ เช่น เห็นปุ๊บซื้อปั๊บ
ขอจากพระ จากแม่พระ จากนักบุญ ทางคาทอลิก อนุญาต หรืออนุหยวน ฮับ ???
ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำที่จะขอหวยจากพระเจ้า แม่พระ และนักบุญJeab Agape เขียน:ถ้า เรื่อง การดูดวง การเชื่อโหราศาสตร์ การขอหวย จากอำนาจลึกลับAndreas เขียน:
ซูแปติซัง คือการปฏิบัติที่ขัดต่อความเชื่อของคริสตชน เช่นการดูดวง การเชื่อโหราศาสตร์ การขอหวยจากอำนาจลึกลับ การปล่อยสัตว์เพื่อต่ออายุ สรุปคืออะไรก็ตามที่ทำแล้วขัดต่อพระบัญญัติของพระเจ้าประมาณที่ 1 "จงนับถือพระเจ้าผู้เดียวของเจ้า" ในปัจจุบันนี้คาทอลิกก็ยังห้ามทำสิ่งเหล่านี้อยู่ครับ แต่เราก็ไม่อาจจะบังคับทุก ๆ คนไม่ให้ทำได้ แต่ผมก็ไม่ค่อยได้ยินหรือเห้นใครทำซูแปติซังแล้ว เพราะที่จริงสิ่งเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่งมงายสำหรับคนสมัยปัจจุบันเช่นกัน
ยัง พบนะฮะ พี่เพชร ที่คริสตชน ยังทำอย่างนี้ โดยเฉพาะเรื่องหวยนี่กลายเป็นสายเลือดคนไทย
เจี๊ยบฟังแล้วทะแม่งนิดหนึ่ง ว่า การขอหวยจากอำนาจลึกลับ ถ้าไม่ขอจากอำนาจลึกลับ เช่น เห็นปุ๊บซื้อปั๊บ
ขอจากพระ จากแม่พระ จากนักบุญ ทางคาทอลิก อนุญาต หรืออนุหยวน ฮับ ???