++ น้ำพระทัยของพระเจ้า ++

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

อังคาร ก.ค. 29, 2008 3:20 pm

::017:: แว่วเสียงซึงมาว่า มีคนกำลังแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าอยู่ รวมทั้งตัวพี่เองด้วยในขณะเวลาที่จิตตกเวลานี้ สับสนกับตัวเองว่า อะไรคือน้ำพระทัยของพระองค์กันแน่  ก็เลยเซิร์ทหาที่นี่เหมือนเคยว่าเอามาลงแล้ว แต่หาไม่เจอ เลยอยากนำหนังเก่ามาเล่าใหม่ เผื่อพี่-น้อง และผองเพื่อนที่กำลังจิตตกใขขณะนี้ จะได้มีกำลังใจขึ้นมาบ้าง ขอให้ทุกคนที่กำลังมีปัญหาคาใจ และรอคอยน้ำพระทัยได้พบกับคำตอบที่นี่นะคะ


::001:: อันนี้เป็นคำตอบจากพ่อจั่ว ที่เคยเขียนเมลไปถามพ่อเกี่ยวกับเรื่องน้ำพระทัยของพระองค์


เรื่องน้ำพระทัยหรือพระประสงค์ของพระเจ้านั้นจะเข้าใจยากหน่อยสำหรับคนทั่วไปนะแต่พ่อจะพยายามตอบคือ

1. ชีวิตคริสตชนนั้นมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าเสมอ และเขาเชื่อว่าพระเจ้าประทานสิ่งต่างๆให้แก่เรานั้นล้วนเพื่อความดีงามของเราทั้งสิ้น เพราะพระเจ้าเหมือนพ่อแม่ที่รักลูกเสมอ อันนี้พระเยซูเจ้าเองก็ยืนยันและได้มีบันทึกไว้ในพระคัมภีร์


2. ชีวิตคนเรานั้นมักจะมีคำถามเสมอว่า อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตนี้ นี่เป็นคำถามที่ลึกซึ้งมาก เพราะคำว่า ดีนั้นแต่ละคนก็จะตีความและคาดหวังต่างกันออกไป เช่นบางคนจะบอกว่าชีวิตดีคือชีวิตที่สะดวกสบาย ร่ำรวยมีเงินทองใช้สอยไม่ขาดมือ แต่หลายคนก็บอกว่าชีวิตเช่นนั้นไม่ดีเพราะทำให้เกิดความขี้เกียจไม่อยากทำอะไรและทำอะไรไม่เป็นต้องพึ่งคนอื่นเสมอ  ชีวิตที่ดีนั้นคือมีสุขภาพดี มีพออยู่พอกิน รู้จักใช้ความสามารถให้เป็นประโยชน์ ฯลฯ  หรือคนชอบหวย ก็จะบอกว่าการถูกรางวัลนั้นดีเพราะจะมีเงินใช้ แต่อีกคนจะบอกว่าถูกรางวัลแล้วนอนไม่หลับ นอกจากกลัวจะมีคนมาขอให้รำคาญใจแล้วอาจจะกลัวคนมาปล้น เพราะงั้นการถูกรางวัลใช่จะดีเสมอไป สู้ทำมาหาเลี้ยงชีพตามอัตภาพดีกว่า 

สรุปแล้ว คำว่าดีนั้นตีความต่างกันขึ้นอยู่กับแต่ละคน


3. นอกจากคนที่มองว่าความดีนั้นเป็นเรื่องของปัจเจคบุคคลแล้ว ยังมีคนอีกพวกหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย เพราะเขาถือว่า ความดีสากลที่เหมาะสำหรับทุกคนน่าจะมี แต่ความดีตัวนั้นมันอยู่ที่ไหนในเมื่อไม่ใช่อยู่ในตัวปัจเจคบุคคลหรืออยู่ในตัวคนเรา  เขาก็ตอบว่า ความดีนั้นน่าจะอยู่นอกตัวคนเรา  ดังนั้นความดีสากลจึงอยู่นอกตัวเรา แต่นอกตัวเรานั้นมันอยู่ที่ไหน เขาตอบว่า อยู่ในพระเจ้า เพราะฉะนั้นพระเจ้าเท่านั้นที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดและดีสากลให้กับมนุษย์ได้  เหตุนี้เองเขาจึงถือว่า อะไรก็ตามที่มาจากพระเจ้าย่อมดีที่สุดแม้บางครั้งมันอาจจะขัดกับความคาดหวังของคนๆนั้นก็ตาม เพราะถือว่าพระเจ้ามองเห็นได้ไกลกว่าตัวเราเองมากนัก ตัวอย่างเช่น คนที่กำลังมีความสุขกับอาชีพการทำงาน กำลังเจริญก้าวหน้า จู่ๆก็ค้นพบว่าในตัวเขานั้นมะเร็งกำลังกำเริบ เขาทำใจไม่ได้ ต้องรีบไปรักษา ต้องเสียเงินทอง ต้องเสียงาน ฯลฯ  ถ้าหากคนที่ใจไม่แข็งพอก็จะมองว่า เขาซวย แต่คนที่มีสติก็จะมองไปว่า การที่เขาป่วยและต้องลาออกจากหน้าที่นั้นเขาได้มีเวลาให้ครอบครัว มีเวลาทบทวนความหมายของชีวิตซึ่งขณะที่ทำงานนั้นเขาทำไม่ได้ ฯลฯ  นี่คือการมองแบบคนทั่วไปที่มองในด้านดี


4. เอาล่ะทีนี้มาถึงคนอีกระดับหนึ่งคือคนที่มองทุกอย่างสัมพันธ์กับพระเจ้าล่ะ คนพวกนี้จะถือว่า ความดีนั้นมีอยู่ในพระเจ้า จะดีจะร้าย พระเจ้าต้องมาเกี่ยวข้องเสมอและอะไรก็ตามที่มาจากพระองค์แล้ว แม้แรกๆจะมองว่าไมดี แต่ถ้ามองลึกๆแล้วจะพบว่าดีที่สุดสำหรับเขา เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง ดังนั้นทางที่งายที่สุดคือ มอบตัวเองไว้ในความดูแลของพระเจ้า มอบน้ำใจตัวเองไว้ในพระเจ้า และถือว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตพระเจ้ารับทราบ เมื่อพระเจ้ารับทราบแล้วเขาก็ยอมรับและทำใจให้ยอมรับ  ตรงนี้เองคือที่มาของคำว่า น้ำพระทัยพระเจ้า คือเขาถือว่าชีวิตของเขาวางไว้ให้พระเจ้าจัดการทุกอย่างแล้ว จะดีจะร้ายอย่างไรเขาก็ยอมรับ ถ้าสิ่งดีเกิดขึ้นกับตัวเขาตามคาดหวัง เขาก็ขอบคุณพระ ถ้าสิ่งร้ายเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด เขาก็ถือว่าพระรู้เห็นแล้วและจะหาทางช่วยเขาอีกแรงด้วย   คำว่าน้ำพระทัยพระเจ้านั้นพระเยซูเจ้าก็สอนเราด้วย พระองค์สอนเราให้สวดว่าให้น้ำพระทัยพระเจ้าสำเร็จไปในตัวเรา ในบทข้าแต่พระบิดานั่นเอง   สรุปในข้อนี้ คนที่จะเข้าถึงระดับนี้ได้ต้องมีพื้นฐานความเชื่อในพระเจ้าสูงถึงจะยอมรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตว่าพระเจ้าทรงทราบและรู้และปล่อยให้เกิดขึ้น เพื่อผลดีของเราเอง


5) คนอีกระดับที่สูงขึ้นมาขั้นสุดท้าย คือ คนที่ให้ชีวิตของเขาเป็นการแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าโดยตรง  พวกนี้คือพวกนักพรต นักบวชและพวกที่มีชีวิตฝ่ายจิตที่สูงขึ้นมา ปรัชญาของพวกนี้คืออะไร? พวกนี้เชื่อว่า แม้แต่ตัวเอง น้ำใจตัวเอง การตัดสินใจของตัวเองนั้นก็เชื่อไม่ได้ เพราะมันมักจะมีพื้นฐานบนความลำเอียงและความเห็นแก่ตัว วิธีที่จะไม่เชื่อมั่นในตัวเองก็คือ ยกน้ำใจหรือเจตจำนงของตัวเองให้พระเจ้าจัดการแทน แต่พระเจ้าอยู่ไหนล่ะ? ก็อยู่ที่ผู้ใหญ่ อธิการ ฯลฯ นอกนั้น วิธีที่จะไม่คืนความตั้งใจหรือเบี้ยวต่อความตั้งใจนั้น เขาต้องทำการปฏิญาณสาบานตน เหตุนี้พวกนักบวชจึงมีพิธีปฏิญาณตนต่อหน้าผู้ใหญ่ ว่าเขาจะไม่เดินตามน้ำใจตัวเอง แต่ยกน้ำใจให้พระเจ้าผ่านทางผู้ใหญ่ของคณะ โดยคาดหวังว่าทุกสิ่งที่มาจากอธิการเจ้าคณะคือมาจากพระเจ้า และเมื่อมาจากพระเจ้าแล้ว เขายอมรับได้และถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว ศัตรูของคนพวกนี้คือ ตัวเขาเอง เขาถือว่าการตัดน้ำใจของตนเองและมอบให้พระเจ้านั้นคือวีรกรรมขั้นสูงสุดแล้ว เหมือนพระเยซูเจ้าบอกก่อนตรึงกางเขนกับพระบิดาของพระองค์ว่า ..ถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้กาลิกซ์(ความทรมาน)นี้ผ่านไปเถิด...แต่ก็ขออย่าให้เป็นไปตามน้ำใจของลูกเลย แต่ให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์เถิด.. และที่สุดน้ำพระทัยของพระบิดาคือ พระเยซูเจ้าต้องตายบนกางเขน... คนที่ไม่มีพื้นฐานความเชื่อจะมองว่า พระบิดาโหด ไร้ชีวิตจิตใจ ฯลฯ แต่เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว นอกจากพระเยซูเจ้าจะสามารถผ่านความตายกลับคืนชีพได้แล้ว มนุษย์ยังได้รับผลดีจากความตายของพระองค์ด้วย ดังนี้เป็นต้น   ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ในความเจ็บปวดก็ใช่จะเป็นการสาปแช่งเสมอไป  (ตรงนี้เองที่ชาวคริสต์มองเรื่องความทุกข์ต่างจากชาวพุทธที่ต้องการหนีจากทุกข์)



สรุป...คำว่าน้ำพระทัยพระเจ้าคือ สิ่งที่เราเชื่อว่าทุกอย่างที่มาจากพระเจ้าล้วนดีต่อเราทั้งสิ้น แม้กระทั่งสิ่งที่มนุษย์ไม่ชอบ เช่น ความเจ็บปวด ความทรมาน ความยากจน ความเจ็บป่วย หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เราไม่ชอบ ถ้ามาจากพระเจ้าที่เขาเชื่อแล้ว เขาถือว่าดีที่สุดสำหรับเขา  พูดอีกนัยหนึ่งคือ ดีที่สุดสำหรับเขานั้นต้องไม่ใช่มาจากตัวเองเป็นผู้ตัดสินแต่มาจากพระเจ้าตัดสิน คนพวกนี้ล่ะที่คำว่า น้ำพระทัยพระเจ้านั้นมีความหมายลึกซึ้งยิ่ง


ปล. คนที่ไม่มีพื้นฐานชีวิตฝ่ายจิตสัมพันธ์กับพระเจ้าแล้ว คำว่า น้ำพระทัยพระเจ้าก็จะกลายเป็นสิ่งที่รับไม่ได้แน่นอน แถมจะมองว่าเหลวไหลด้วย ดังนั้นพ่อจึงไม่แนะนำให้คนใช้คำว่า น้ำพระทัยพระเจ้าพร่ำเพรื่อ โดยที่ไม่มีพื้นฐานความเชื่อในพระเจ้า แต่ถ้าถามว่าแล้วพระเจ้ามีบทบาทในคนที่ไม่เชื่อพระองค์ด้วยหรือไม่ เช่น คนพุทธ คนที่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า  คำถามนี้ตอบยาก แต่ส่วนตัวพ่อเชื่อว่าแม้ในคนที่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าพระองค์ก็มีความรักให้เขาด้วยเช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขานั้นเชื่อว่าพระเจ้าน่าจะทราบ แต่เจ้าตัวไม่ทราบก็เป็นได้ เช่นนี้เขาจึงจัดการกับปัญหาแบบไม่มีภาพลักษณ์ของพระเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้องเลยได้ แต่สำหรับพ่อแล้ว พ่อคิดว่า มีพระเจ้ามาช่วยแก้ไขและช่วยอยู่ในใจนั้นมันอบอุ่นกว่าคนที่แก้ปัญหาเองไม่มีพระเจ้าคอยหนุนใจเยอะเลยล่ะ

พ่อไพบูลย์


::001:: อันนี้หาจาก http://www.gotquestions.org/Thai/Thai-God-will.html

คำถาม: ฉันจะรู้ถึงน้ำพระทัยพระเจ้าสำหรับชีวิตของฉันได้อย่างไร? พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงการรู้น้ำพระทัยพระเจ้าอย่างไร?


คำตอบ: มีกุญแจสองดอกที่จะทำให้ทราบถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับแต่ละสถานการณ์คือ

(1) ให้เราแน่ใจว่าสิ่งที่เราทูลขอต่อพระองค์ หรือสิ่งที่เราคิดจะทำนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เป็นข้อห้ามในพระคัมภีร์ และ

(2) ให้แน่ใจว่าสิ่งที่เราทูลขอต่อพระองค์ หรือสิ่งที่เราคิดจะทำนั้นเป็นที่ถวายเกียรติแด่พระองค์ และจะทำให้เราเจริญขึ้นในฝ่ายจิตวิญญาณ ถ้าคุณทำตามสองข้อนี้แล้วแต่พระเจ้ายังไม่ได้ทรงประทานสิ่งที่คุณขอจากพระองค์
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร ก.ค. 29, 2008 3:22 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

อังคาร ก.ค. 29, 2008 4:22 pm

::017:: น้ำพระทัยของพระเจ้าจะไม่นำคุณไป ....

ยังที่ที่พระคุณของพระเจ้าไม่สามารถรักษาคุณไว้

ยังที่ที่พระหัตถ์ของพระเจ้าไม่สามารถสนับสนุนคุณ

ยังที่ที่ความมั่งคั่งของพระเจ้าไม่สามารถช่วยเหลือความจำเป็นของคุณ

ยังที่ที่ฤทธิ์เดชของพระเจ้าไม่ประทานให้แก่คุณ



ยังที่ที่พระวิญญาณของพระเจ้าจะไม่สามารถทำงานผ่านคุณ

ยังที่ที่พระปัญญาของพระเจ้าไม่สามารถสอนคุณ

ยังที่ที่กองทัพของพระเจ้าไม่สามารถคุ้มครองคุณ

ยังที่ที่พระหัตถ์ของพระเจ้าไม่สามารถหล่อหลอมคุณ



ยังที่ที่ความรักของพระเจ้าไม่สามารถหุ้มห่อคุณ

ยังที่ที่พระเมตตาของพระเจ้าไม่สามารถผยุงคุณไว้

ยังที่ที่สันติสุขของพระเจ้าไม่สามารถสงบความกลัวของคุณ

ยังที่ที่สิทธิอำนาจของพระเจ้ามีอำนาจเหนืออุปสรรคเพื่อคุณ



ยังที่ที่การปลอบโยนของพระเจ้าไม่สามารถเช็ดน้ำตาของคุณ

ยังที่ที่พระวจนะของพระเจ้าไม่สามารถเลี้ยงดูคุณ

ยังที่ที่การอัศจรรย์ของพระเจ้าไม่สามารถทำเพื่อคุณ

ยังที่ที่การสถิตทั่วของพระเจ้าไม่สามารถหาตัวคุณพบ




จากหนังสือ ทางออก หลุดพ้นพันธนาการ..ก้าวสู่อิสรภาพ
จอมนางกระบี่เดี่ยว
โพสต์: 1159
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm

อังคาร ก.ค. 29, 2008 4:31 pm

แต้งกิ้วหลาย กำลังบอกตัวเองให้สงบใจและเรียนรู้ที่จะอดทนให้มากกว่านี้
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

อังคาร ก.ค. 29, 2008 4:40 pm

--------------------------------------------------------------------------------


คำถาม: ฉันจะทำให้พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของฉันได้อย่างไร?

คำตอบ: มีคนหลายคนมองว่า
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

อังคาร ก.ค. 29, 2008 6:04 pm

ขอบคุณที่แบ่งปันนะครับ ::001::
ภาพประจำตัวสมาชิก
ignatius
.
.
โพสต์: 2597
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 12:48 pm

พุธ ก.ค. 30, 2008 5:24 am

ขอบคุณนะคะ  :smiley:
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พุธ ก.ค. 30, 2008 5:50 am

ตอบง่ายๆ แต่เข้าใจหรือเปล่าไม่ทราบ อิอิ :grin:

น้ำพระทัย พระเจ้า คือสิ่งที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้พี่ทำ ให้เกิดขึ้น ให้ได้รับ ภายใต้พระปัญญาของพระองค์
แต่พวกเราจะมีปัญหา ถ้าเรื่องนั้นเราไม่ได้รับ ตามที่เราคิดเราหวัง เราขอ แล้วเรารอไม่ได้

ยกตัวอย่างเช่น

1.การที่พวกเราได้มาร่วมบอร์ดเดียวกัน มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ก็เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าให้เราร่วมกันทำพันธกิจ
และสำแดงความรักในพระกาย

2. การที่บอร์ดเรามีทั้งคริสเตียนและคริสตังด้วยกัน ซึ่งหลายๆบอร์ดต้องทะเลาะกัน ก็เป็นน้ำพระทัยพระเจ้า สำหรับคนที่มีจิตใจที่เสริมสร้างสันติ
เหมาะสมที่จะอยู่ด้วยกัน เป็นการสำแดงความรัก ของพระเยซูคริสต์องค์สันติราชา

3.การที่เราแต่ละคน ได้รู้จักพระเจ้า ตามรูปแบบ (นิกาย)ที่เราสามารถเข้าถึงพระเจ้าได้ดี ก็เป็นน้ำพระทัยพระเจ้า

4.การที่บางคนเป็นเนื้อคู่ของบางคน เป็นคนที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมให้เขา ก็เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า

ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ

แต่ที่เราเคืองพระเจ้า โกรธพระองค์ ไม่เข้าใจพระองค์ เพราะเราอยากได้ แบบนั้น อย่างโน่น อย่างนี้ เราวิงวอนและคาดหวังว่าพระองค์ให้แน่ๆ
แต่ไม่ได้ เพราะ 1.ให้รอ 2.ไม่ให้เลย  ในหลายๆเรื่อง พระเจ้าให้ และเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า แต่ต้องรอ เพราะพระเจ้าทรงรู้จักเรา ทรงรู้สถานการณ์
ว่าเวลาไหน หรือแบบไหนเหมาะกับเรา.........หรือไม่ให้เลย เพราะรู้ว่าไม่ดีต่อเรา หรือเราใช้เพื่อสนองตัณหาของตัวเอง

ปกติที่เจี๊ยบสังเกต ที่เราบ่นว่าไม่เข้าใจน้ำพระทัยพระเจ้า และท้อใจ มักจะเกิดจาก ไม่ได้สนองตัณหาของเรามากกว่า

ปวดหัว เดี๋ยวจะภาวนาให้เจ๊จ้า :wink:
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

พุธ ก.ค. 30, 2008 11:47 am

::010:: แทงยู พยายามอ่านและทำความเข้าใจภาษาเจี๊ยบอยู่จ้า
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. ก.ค. 31, 2008 6:05 am

การไม่คิดมาก ปล่อยวาง ให้ไปตาม วิถีที่พระเจ้าให้เกิด นี่คือ "น้ำพระทัยพระเจ้า"

การรู้จัก "ขัดใจตัวเอง" ก็เป็นน้ำพระทัยพระเจ้า ครับ
Domonic
โพสต์: 88
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มิ.ย. 28, 2008 11:34 am

พฤหัสฯ. ก.ค. 31, 2008 6:41 am

ลองใส่ความรักไปในทุกกกิจการที่ทำสิครับ
เเล้วคุณจะพบว่า นั่นก็คือน้ำพระทัยพระเหมือนกัน
เพราะพระเจ้าคือความรัก
ภาพประจำตัวสมาชิก
ignatius
.
.
โพสต์: 2597
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 12:48 pm

พฤหัสฯ. ก.ค. 31, 2008 7:23 am

Domonic เขียน: ลองใส่ความรักไปในทุกกกิจการที่ทำสิครับ
เเล้วคุณจะพบว่า นั่นก็คือน้ำพระทัยพระเหมือนกัน
เพราะพระเจ้าคือความรัก
ถูกใจจังคะ ประโยคนี้ น่ารักมากๆเลย
ใช่.....พระเจ้าคือองค์ความรัก
และเป็นพันธกิจที่เรามีต่อพระองค์นะคะ : emo038 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jack Sparrow
โพสต์: 353
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 26, 2007 3:06 am

ศุกร์ ส.ค. 01, 2008 12:08 am

คนแสวงหาพระเจ้าก็มีหลายระดับ ผมคงเป็นได้แค่แต่ปากเท่านั้นแหละจิตใจยังอีกไกลที่จะเดินเข้าหาพระ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ignatius
.
.
โพสต์: 2597
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 12:48 pm

ศุกร์ ส.ค. 01, 2008 7:56 am

Jack Sparrow เขียน: คนแสวงหาพระเจ้าก็มีหลายระดับ ผมคงเป็นได้แค่แต่ปากเท่านั้นแหละจิตใจยังอีกไกลที่จะเดินเข้าหาพระ
ถ้าอย่างนั้น สิ่งที่คุณJack กำลังทำอยุ่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากๆนะคะ

" มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ข้าพเจ้าได้เชื่อ จึงได้พูด เรามีจิตแห่งความเชื่อเดียวกันนี้

เราเชื่อ เราจึงพูด
เพราะรู้ว่าพระองค์ทรงบันดาลให้พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงกลับคืนพระชนมชีพ

ทรงบันดาลให้เรากลับคืนชีพพร้อมกับพระเยซูเจ้าด้วย จะทรงนำเราและท่านทั้งหลายไปอยู่กับพระองค์

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับท่านเพื่อว่า เมื่อพระหรรษาทานแผ่ไปถึงคนมากขึ้น

การขอบพระคุณจะยิ่งทวีขึ้น เป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า ( 2 คร 4:1)
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

เสาร์ ส.ค. 09, 2008 12:47 am

เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีใครๆ ก็พากันทิ้งพระเจ้าเป็นแถวๆ เมื่อมีเงินทองใช้จ่ายก็สรรเสริญพระเจ้า เมื่อเงินไม่พอใช้ก็แช่งด่าพระเจ้ามนุษย์ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jack Sparrow
โพสต์: 353
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 26, 2007 3:06 am

เสาร์ ส.ค. 09, 2008 1:19 am

ใครจะไปเหมือนคุณโจแซฟ นั่งๆ นอนๆ อยู่หน้าคอมฯทั้งวันไม่ทำมาหากิน กินๆ จนอ้วนเป็นหมูอยู่แล้ว พระหรรษทานเยอะจริงๆ พระเจ้าคงเลี้ยงดูมากสิท่า ผมสิอดอยากรายได้มาก็ไม่พอใช้เงินเดือนได้มายังไม่ถึงสิ้นเดือนก็หมดแล้ว ผมว่าเรือผมคงแตกแล้วละครับเจอพายุใหญ่อย่างนี้ติดตามพระเจ้าไม่ไหวแล้วแหละประคองไม่ไหวแล้วละมันจะจม ทำโอก็อุดรอยรั่วได้บ้างไม่งั้นน้ำเข้ามาเยอะเรือมันจะจม
แก้ไขล่าสุดโดย Jack Sparrow เมื่อ เสาร์ ส.ค. 09, 2008 1:22 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

เสาร์ ส.ค. 09, 2008 1:35 am

วางใจพระครับ ให้พระเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ฝากชีวิตให้พระเจ้าดูแล
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jack Sparrow
โพสต์: 353
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 26, 2007 3:06 am

เสาร์ ส.ค. 09, 2008 1:49 am

คุณโจแซฟก็ไม่ได้วางใจพระเจ้าเหมือนกันเห็นบ่นๆ อยากมีเมีย บ่นชีวิตตัวเองตกต่ำลงทุกวัน นี่คืออาการของคนขาดการวางใจในพระเจ้า เพราะคนวางใจพระเจ้าจะไม่เป็นแบบนี้ชีวิตเขาจะดีขึ้นกว่านี้ ส่วนผมรู้ตัวแหละครับว่าไม่ได้วางใจ
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

เสาร์ ส.ค. 09, 2008 1:59 am

ยังไงพี่น้องก็ช่วยภาวนาเผื่อพี่ด้วยนะครับ รู้สึกว่าตัวเองก็ความเชื่อน้อยไม่ได้วางใจเท่าไร เมื่อวานก็โดนเจ้าเชเตือนมาทีแล้วนี่
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ เสาร์ ส.ค. 09, 2008 2:01 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

อาทิตย์ ส.ค. 10, 2008 1:19 pm

วันนี้ไปวัดพ่อเทศตรงเลย เรื่องเปโตรเดินบนน้ำ พ่อเทศว่า พอเรือโดนพายุหลายคนก็กลัวพากันตกใจว่าเรื่อจะล่ม แต่พระเยซูบอกไม่้ต้องกลัวให้เข้ามาพักพิงในเรา เราจะช่วยให้รอดจากคลื่นลมที่น่ากลัว  ให้เข้ามาพักพิงในพระเจ้าพักสงบในพระเจ้า พระเจ้าจะช่วย ความเชื่อสามารถทำให้เราเดินบนน้ำได้ เมื่อไรที่เราหมดความเชื่อเราก็จะจม เราจะไม่จมถ้าเรามีความเชื่อ ดังนั้นเมื่อเราเจอปัญหาให้เรามีความเชื่อ และเข้ามาวางใจในพระองค์ แล้วพระองค์จะช่วย

ช่วงนี้หลายต่อหลายคนประสบกับปัญหานี้ ก็เป็นการทดลองอย่างหนึ่งเกี่ยวกับความเชื่อและการวางใจ การทดลองก็เป็นการวัดตัวเราอย่างหนึ่งว่าเราหนักแน่นมั่นคงในพระเจ้าแค่ไหน เมื่อเราถูกทดลองแล้วเราหนักแน่นมุ่งมั่นไปหาพระพระเจ้าจะอวยพร

ถ้าเปรียบดังเรือเดินสมุทร พี่เองก็เหมือนแจ็คบอกนั่นแหละ คือเรือที่กำลังจะค่อยๆ จม แต่มันไม่ได้จมทันทีอาจต้องใช้เวลาเป็นสิบปี ช่วยสวดภาวนาเผื่อพี่ด้วยแล้วกันครับ เพราะรูรั่วมันเล็กน้ำเลยซึมเข้ามาน้อยทำให้จมได้ช้านี่แหละที่พี่กังวลรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเกี่ยวกับอนาคตไม่ได้สุขนักกลัวว่าตัวเองจะจมลงไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง ส่วนเรือแจ็คเขามีปัญหาที่ต้องออกแรกอุดกันยกใหญ่ในตอนนี้แบบพักได้ได้เลยถ้าหยุดเมื่อไรเรือจมทันที ไม่ใช่แจ็คคนเีดียวที่เป็นอย่างนี้ อีกหลายๆ คน ทำไมคนที่เงินดือนหมื่นกว่าบาทอย่างแจ็คไม่พอใช้จ่ายถึงจะมีการปรับเงินเดิือนเพิ่มมากขึ้นก็ยังไม่พอใช้อยู่ดี ทำไมถึงต้องลำบางเรื่องค่าเช่าห้องพัก เรื่องค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าเดินทางไปทำงาน ค่าอาหารวันหนึ่ง 3 เวลา เงินเดือนหมื่นกว่าบาทได้มาแทบจะไม่พอใช้ถึงสิ้นเดือนทั้งๆ ที่มีแค่ชีวิตเดียว ไม่ใช่แค่แจ็ค พี่เชื่อว่า หลายต่อลหายคนตอนนี้ก็เป็นอย่างนี้ ก็ต้องพึ่งวางใจในพระเจ้า ยังไงก็สวดให้พี่ด้วยแล้วกัน

พระเจ้าอวยพรทุกท่านครับที่ประสบปัญหาอยู่ตอนนี้ อาแมน
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ อาทิตย์ ส.ค. 10, 2008 1:40 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

อาทิตย์ ส.ค. 10, 2008 1:57 pm

เสริมอีกนิด เจ้าเช พี่แกล้งถามมันว่า เศรษฐกิจอย่างนี้ไม่เดือดร้อนหรือ เห็นคนอื่นเขาทำงานกินเงินเดือนกันแทบจะไม่พอใช้ ชักหน้าไม่ถึงหลัง แล้วน้องไม่ได้ทำงานทำการอะไรทำงานให้พระอย่างเดียวแล้วพอใช้หรือ เจ้าเชบอกว่า พอใช้ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แล้วสอนให้พี่มีความเชื่อไว้วางใจอีก รวมทั้งเรื่องแฟนด้วย เฮ้อๆ รู้สึกว่าเขาจะวางใจพระเจ้าดี ดังนั้นชีวิตคนเราก็ต้องอยู่ได้ด้วยกาาวางใจ

พูดฐานะพี่ก่อน พ่อพี่เป็นนักธรกิจ แต่ปลดเกษียนตัวเองไปนานหลายปีแล้ว
พี่สาวพี่เป็น นักธุรกิจ สามีเป็นนักธุรกิจระดับพันล้านไม่ใช่คุยเรื่องจริง
ส่วนพี่ ว่างงาน (อายุจะ 40 แล้วยังไม่มีหลักมีฐาน)
น้องสาว ทำธุรกิจ
น้องชายทำงานบริษัท

เห็นไมว่าพี่มีปัญหาถ้าเห็นใจก็ช่วยสวดให้ที
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ ศุกร์ ส.ค. 15, 2008 11:53 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

อาทิตย์ ส.ค. 10, 2008 3:22 pm

Joseph เขียน:
ส่วนพี่ ว่างงาน (อายุจะ 40 แล้วยังไม่มีหลักมีฐาน)

::018:: ด้วยความเคารพนะพี่โจ เหตุนี้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สาวไม่เลือกอ่ะ ลองแก้ไขดู ::004::
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

อาทิตย์ ส.ค. 10, 2008 5:37 pm

:+: seraphim :+: เขียน:
Joseph เขียน:
ส่วนพี่ ว่างงาน (อายุจะ 40 แล้วยังไม่มีหลักมีฐาน)

::018:: ด้วยความเคารพนะพี่โจ เหตุนี้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สาวไม่เลือกอ่ะ ลองแก้ไขดู ::004::
ก็นี่ละสิที่เป็นปัญหาถึงวิตกกังวลอยู่นี่ไง จะจีบใครก็เป็นกังวลถึงเรื่องนี้ไม่รู้จะทำยังไง พี่น้องช่วยๆ กันสวดภาวนาเผื่อพี่ด้วยแล้วกัน
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ อาทิตย์ ส.ค. 10, 2008 5:48 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

อาทิตย์ ส.ค. 10, 2008 8:02 pm

::012:: ทำไงหรือ???  ก็ต้องเริ่มทำมาหากินหน่ะ ยิ่งเป็นผช.ด้วยถ้าไม่กล้า ไม่มีความมั่นคงต่อให้หล่อโคตรๆ ก็คงไม่มีผญ.(ที่มีความคิด) คิดจะใช้ชีวิตร่วมอ่ะคะ สวดภาวนาอย่างเดียวแม่กล้าออกมาสู่โลกความเป็นจริง คำภาวนาก็คงไม่เกิดผลอะไร ::011::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jack Sparrow
โพสต์: 353
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 26, 2007 3:06 am

อาทิตย์ ส.ค. 10, 2008 9:28 pm

คุณโจแซฟมีแม่ที่ดีนะ ขนาดวันๆ ไม่ทำมาหากินอะไรนั่งอยู่แต่หน้าคอมฯ ทั้งวันเดี๋ยวแม่ก็ยกนู้น ยกนี่ไปให้กินเอาใจตลอด กับข้าวพอรู้ว่าคุณโจแซฟชอบกินอะไรก็ไปซื้อมาให้ ส่วนพ่อคุณโจแซฟนี่ดูแสนดุด่าคุณโจแซฟทั้งวันพอเห็นหน้าก็ด่าแล้ว สาเหตุเพราะว่าคุณโจแซฟไม่ยอมทำการทำงาน พ่อแม่เขาแทนที่จะเก็บเงินไว้กินตอนแก่เป็นค่ายาค่าพยาบาลเวลาเจ็บป่วยเจ็บไข่ก็ต้องมาดูแลคุณโจแซฟอีกคนหนึ่ง ซึ่งพี่ๆ น้องๆ คนอื่นๆ เขาช่วยตัวเองได้หมดแล้วส่วนคุณโจแซฟยังช่วยตัวเองไมได้เลย

คุณโจแซฟตอนนี้แสนสุขสบายไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องเหนื่อยดิ้นรนแต่ถ้าเกิดแก่ตัวไปแล้วเงินที่มีอยู่ตอนนี้ใช้หมดไปแล้วที่นี้คุณโจแซฟจะต้องเป็นคนแก่ที่ลำบากที่สุด  สวนสาวๆ ใหม่ๆ เขาก็คบคุณโจแซฟดีเพราะเขาไม่รู้ว่าคุณโจแซฟไม่มีงานการทำพอเขารู้เท่านั้นมีอาการช๊อกหายไปไม่คุยกับคุณโจแซฟอีกเลยตั้งแต่นั้นมา

ไม่ใช้คุณโจแซฟไม่มีความคิดนะคุณโจแซฟมีปัญญาดีรู้ในทุกอย่าง แต่อย่างที่คุณฟิมบอกนั่นแหละคือเขาไม่กล้าออกมาสู่โลกภายนอก เป็นคนที่คิดแต่ไม่กล้าทำ แล้วอีกอย่างนะเขาคิดว่าเขาเคยเป็นลูกเจ้านายเคยมีลูกน้องเยอะแล้วถ้ามาทำงานเป็นลูกน้องคนอื่นโดนคนอื่นใช้เขารับไม่ได้นี่แหละที่เป็นปัญหาที่ทำให้เขาไม่กล้าออกมา ไม่ยอมออกจากตัวเอง ออกจากความเคยเป็นในอดีตยังอยู่แต่เรื่องเก่าๆ
แก้ไขล่าสุดโดย Jack Sparrow เมื่อ อาทิตย์ ส.ค. 10, 2008 11:14 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

อาทิตย์ ส.ค. 10, 2008 9:34 pm

Jack Sparrow เขียน: คุณโจแซฟมีแม่ที่ดีนะ ขนาดวันๆ ไม่ทำมาหากินอะไรนั่งอยู่แต่หน้าคอมฯ ทั้งวันเดี๋ยวแม่ก็ยกนู้น ยกนี่ไปให้กินเอาใจตลอด กับข้าวพอรู้ว่าคุณโจแซฟชอบกินอะไรก็ไปซื้อมาให้ ส่วนพ่อคุณโจแซฟนี่ดูแสนดุด่าคุณโจแซฟทั้งวันพอเห็นหน้าก็ด่าแล้ว สาเหตุเพราะว่าคุณโจแซฟไม่ยอมทำการทำงาน พ่อแม่เขาแทนที่จะเก็บเงินไว้กินตอนแก่เป็นค่ายาค่าพยาบาลเวลาเจ็บป่วยเจ็บไข่ก็ต้องมาดูแลคุณโจแซฟอีกคนหนึ่ง ซึ่งพี่ๆ น้องๆ คนอื่นๆ เขาช่วยตัวเองได้หมดแล้วส่วนคุณโจแซฟยังช่วยตัวเองไมได้เลย

คุณโจแซฟตอนนี้แสนสุขสบายไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องเหนื่อยดิ้นรนแต่ถ้าเกิดแก่ตัวไปแล้วเงินที่มีอยู่ตอนนี้ใช้หมดไปแล้วที่นี้คุณโจแซฟจะต้องเป็นคนแก่ที่ลำบากที่สุด  สวนสาวๆ ใหม่ๆ เขาก็คบคุณโจแซฟดีเพราะเขาไม่รู้ว่าคุณโจแซฟไม่มีงานการทำพอเขารู้เท่านั้นมีอาการช๊อกหายไปไม่คุยกับคุณโจแซฟอีกเลยตั้งแต่นั้นมา

ไม่ใช้คุณโจแซฟไม่มีความคิดนะคุณโจแซฟมีปัญญาดีรู้ในทุกอย่าง แต่อย่างที่คุณฟิมบอกนั่นแหละคือเขาไม่กล้าออกมาสู่โลกภายนอก เป็นคนที่คิดแต่ไม่กล้าทำ แล้วอีกอย่างนะเขาคิดว่าเขาเคยเป็นลูกเจ้านายเคยมีลูกน้องเยอะแล้วถ้ามาทำงานเป็นลูกน้องคนอื่นโดนคนอื่นใช้เขารับไม่ได้นี่แหละที่เป็นปัญหาที่ทำให้เขาไม่กล้าออกมา ไม่ยอมออกจากตัวเอง ออกจากความเคยเป็นในอดีต ยังอยู่แต่เรื่องเก่าๆ

::011:: จริงๆ แล้วเรื่องที่คุณแจ๊คพูดมามันเป็นเรื่องส่วนตัวเอาไว้คุยกัน 2 คนเถอะคะ เชื่อว่า ไม่มีใครอยากทราบเบื้อหน้า เบื้อหลัง เบื้องลึก เบื้องสับซ้อนอะไรของพี่โจหรอกคะ เอามาพูดแบบนี้เดี๋ยวพี่โจจะไม่เหลือหน้านะ ไปคุยส่วนตัวน่าจะดีกว่า เพราะเชื่อว่าในที่นี้ไม่มีใครอยากรู้ประวัติแกอ่ะคะ อ่านๆ แล้วเหมือนเอาแกมาประจานไงไม่รู้ ::015:: แทนที่ไม่มีใครรู้เลยรู้กันหมดเลยเนี่ย
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ ส.ค. 10, 2008 10:02 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
mind
.
.
โพสต์: 527
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 5:45 pm
ที่อยู่: BKK

อาทิตย์ ส.ค. 10, 2008 10:05 pm

จริง หยอ
แล้วไม คุณ แจ๊คแปโล่ ไปรู้เรื่องพี่โจ ได้ไง รู้เย่อะจัง :shocked:

เราก็ช่วยภาวนาได้ โดย ช่วยภาวนาให้พี่โจคิดได้ และ กล้าออกมาสู่โลกภายนอก ไง : xemo028 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
ignatius
.
.
โพสต์: 2597
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 12:48 pm

อาทิตย์ ส.ค. 10, 2008 10:08 pm

อืม...ก็ลำบากใจนะ
จะภาวนาให้น้องโจแล้วกันนะคะ
เอาใจช่วย หาตัวเองให้เจอ
จริงๆสิ่งที่ทำอยู่มีคุณค่ามากๆนะ
ขอพระเจ้าอวยพร
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

อาทิตย์ ส.ค. 10, 2008 10:08 pm

mind เขียน: จริง หยอ
แล้วไม คุณ แจ๊คแปโล่ ไปรู้เรื่องพี่โจ ได้ไง รู้เย่อะจัง :shocked:

เราก็ช่วยภาวนาได้ โดย ช่วยภาวนาให้พี่โจคิดได้ และ กล้าออกมาสู่โลกภายนอก ไง : xemo028 :


: xemo029 : ป๊าด...มากริ๊ดเจ้าบ่าวหมาดๆ ออกมาตอบได้ด้วย อิอิอิอิ ชวนเพื่อนสะใภ้มาปรากฏตัวด้วยซิย่ะ ::018::
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

อาทิตย์ ส.ค. 10, 2008 10:18 pm

ใช่แล้วผประจานพี่ที่นี่เดี๋ยวน้องๆ มองพี่แย่เลยหาว่าไม่มีความคิด ไม่รู้จักทำมาหากิน นั่งๆ นอนๆ เฮ้อๆ  พี่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรจ๊ะ

ถูกแล้วทุกคนต้องทำมาหากิน พี่เองก็ต้องทำมาหากิน ต้องทำงาน ถึงงานได้เงินยังไม่มาพี่ก็ทำงานไม่ได้เงินไปก่อนเช่นงานพระเจ้า งานแพร่ธรรม ไม่ใช่พี่ไม่กังวลเรื่องนี้เป็นทุกข์ใจที่สุด ถึงบอกไงก็สวดๆ ให้พี่ด้วย ตัวเองก็ต้องวางใจพระเยอะๆ

ประจานมากเดี๋ยวขายไม่ออกยุ้งเลย สาวๆ บอกว่าพี่โจแซฟ เลี้ยงดูหนูไม่ได้ ไม่เอาหรอกเลือกคนที่เลี้ยงดูหนูได้ดีกว่า รู้จักพี่โจแซฟน้อยไป ตามใจนะคนมีพระเจ้าเลี้ยงดูหนูไม่ได้แล้วคนไม่มีพระเจ้าจะเลี้ยงดูหนูได้แค่ไหน วันหนึ่งถ้าพระเจ้าเขย่าโลกขึ้นมาเศรษฐกิจแย่กว่านี้ หลายคนคงปวดหัวกันตายแย่ รู้ไหมว่าพี่มีที่ดินมากมาย พี่สามารถไปปลูกผักปลูกสวนกินก็ยังได้แถมมีบ้านอีกต้องเยอะแยะ แต่พวกนี้วางใจไม่ได้ที่วางใจได้คือผู้เดียวคือพระเจ้า พี่ไม่อยากวางใจอะไรที่เป็นวัตถุ แล้วสาวๆ ที่สนใจพี่เพราะวัตถุก็สมควรจะไป พี่ไม่ง้อที่เขารู้ว่าจริงแล้วรับไม่ได้นั่นก็คือบุคลที่ไม่เหมาะกับพี่ ถึงเขาแต่งงานกับพี่แล้วเขามองแต่วัตถุ มองแต่สิ่งที่เห็นได้แล้วความเชื่อไม่มากพอเท่าพี่ พี่ก็คิดว่าเขาคนนั้นคงไม่ได้เหมาะอะไรกับพี่

จะยกให้ดูตัวอย่างหนึ่งในพระคัมภีร์ อย่างอับบราฮัม เท่าเป็นคนชอบธรรมด้วยเหตุผลใด ชีวิตท่านไมใช่เป็นคนดีอะไร ทั้งฆ่าคน ทั้งโกหก อับบราฮัมมีภรรยาสวยชื่อ ซาราห์ แต่แล้วเขาต้องอพยพไปอยู่แดนอียิปต์ แล้วเขาก็เกรงว่าถ้าใครรู้ว่าซาราห์เป็นภรรยาตัวเองก็จะฆ่าเขาแล้วชิงภรรยาไป เขาก็เลยไปบอกใครต่อใครว่า นางซาราห์คือน้องสาว ที่นี้ข่าวรู้ไปถึงหูฟา์โรห์ กษัตริย์ฟาโรห์จึงไปรับนางซาราห์มาเป็นภรรยา แล้วก็อยู่ด้วยกันจนกระทั่งเกิดภัยร้ายแรงในอียิปต์ ฟาโรห์ก็สงสัยว่าทำอะไรผิดจึงเกิดภัยเช่นนี้ สืบไปจึงรู้ว่าตนเองรับภรรยาคนอื่นมาเป็นภรรยาของตน จึงส่งนานซาราห์กลับคืนให้กับอับราฮัม แล้วก็บอกว่า ทำไมต้องโกหกเรา่ว่าเป็นน้องสาว ถ้าไม่่เช่นนั้นเราก็ไม่รับภรรยาเจ้ามาเป็นภรรยาเราแล้วก็ไม่เกิดภัยร้ายแรงเช่นนี้ เจ้าจงเอาภรรยาเจ้ากลับคืนไปเถอะ จากนั้นอียิปต์ก็สงบสุข นี่และครับพฤติกรรมของอับบราฮัมไม่ดีเลยทั้งโกหกทั้งปัดภาระเฉพาะตัวยอมยกเมียตัวเองให้เป็นเมียคนอื่น แต่พระเจ้ามองอับบราฮัมไม่ได้ที่เป็นคนดี นักบุญยอห์นก็เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า อับบราฮัมไม่ได้ดีเพราะความประพฤติ แต่เพราะความเชื่อของท่านพระเจ้าจึงนบท่านเป็นผู้ชอบธรรม พระเยซูบอกว่าถ้าความเชื่อท่านเท่าเมล็ดผักกาดท่านจะสั่งภูเขาทั้งลูกให้ไปตั้งอยู่ในน้ำมันก็จะฟังท่าน ทั้งภูเขาที่เป็นทุกข์อยู่ในจิตใจ และภูเขาที่อยู่ภายนอก ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมากับชีวิตของเรามีใครบ้างไหมที่สบายใจ สมมุดว่ามีคนหนึ่งหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส่ดีร่าเริงแล้ววันหนึ่งเกิดมีหนี้สิ้นล้นตัวขึ้นมา ถามว่าตาคนนั้นมันจะยิ้มได้อย่างร่าเริงไหมถ้าไม่ใช่คนสติไม่ดี แต่ถ้ายิ้มได้เพราะความเชื่อหรือหัวเราะห์ได้กินอิ่มนอนหลับก็แสดงว่าตาคนนั้นมีความเชื่อยิ่งใหญ่ คนที่มีความเขื่อและวางใจพระเจ้าเช่นนั้นพระเจ้าถือว่าเป็นคนชอบธรรม เพราะว่าเราชอบธรรมโดยความเชื่อไม่ได้ชอบธรรมเพราะพละกำลังของเราเอง หรือการถือกฏธรรมบัญญัติได้อย่างชอบธรรม

คนของพระเจ้า คนทีมีพระเจ้าจะมองไปที่พระเจ้า จะมองไปที่ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า จะมองหนุ่มๆ ที่แสวงหาพระเจ้าและสนใจมีจิตใจจดจ่ออยุ่กับพระเจ้า เพราะวิถีทางของพระเจ้าพาไปซึ่งความปลอดภัยและการพิทักษ์รักษา แต่สำหรับคนที่มีความเชื่อน้อย พวกที่สายตามองไปที่พละกำลังของตัวเอง ก็จะมองไปที่พลัึงของใครสักคนที่จะมาคอยปกป้องดูแล แต่ไม่ได้มองไปที่พระเจ้าว่าพระองค์ยิ่งใหญ่กว่าชายผู้นั้นแล้วก็เป็นคนดูแลชายผู้นั้นอยู่ ชายผู้นั้นก็เหมือนดังลูกแกะที่อยู่ในครอกของชายผู้นั้น

ปล. คนที่มีปํญญาจะไม่มองหรอกว่าแกะตัวนั้นเก่งหรือไม่เก่ง แข็งแรงแค่ไหน แต่จะมองว่าแกะตัวนั้นแกะของใครและติดตามนายมันมากแค่ไหน
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ จันทร์ ส.ค. 11, 2008 1:09 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jack Sparrow
โพสต์: 353
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 26, 2007 3:06 am

อาทิตย์ ส.ค. 10, 2008 10:31 pm

รู้สิคร้าบเพราะเราสนิทกัน
ตอบกลับโพส