( ตอนที่ ๙ )
~@0@~.. คณะชีลับกลาริสกาปูชิน ในประเทศไทย..~@0@~
ใน ประเทศแถบตะวันตก มีชีลับอยู่หลายคณะด้วยกัน สำหรับประเทศไทย มีเพียง 2 คณะ คือ คณะคาร์เมไลท์ และคณะ กลาริส กาปูชิน
อารามการิสปูชิน เปิดอารามแรกที่บ้านโป่ง ราชบุรี เมื่อ พ.ศ. 2479 ปัจจุบันอารามชีลับกลาริส มีเพิ่มอีก 6 แห่ง รวมทั้งหมด 7 แห่ง คือ
อารามแห่งที่ 2 ที่ บ้านแสงอรุณ ทับสะแก ประจวบคีริขันธ์
อารามแห่งที่ 3 ที่อำเภอเมือง อุดรธานี
อารามแห่งที่ 4 ที่สามพราน นครปฐม
อารามแห่งที่ 5 ที่ ท่าแร่ อำเภอเมือง สกลนคร
อารามแห่งที่ 6 ที่อำเภอพนม สุราษฏร์ธานี
อารามแห่งที่ 7 ที่ อำเภอบ้านดุง อุดรธานี
>
คุณสมบัติของสตรีผู้สมัครใจจะบวชในคณะกลาริส กาปูชิน
1.อายุ อย่างต่ำ 15 ปี
2.การศึกษาอย่างต่ำ ชั้นประถม 4
3.สตรีโสด นิกาย คริสต์โรมันคาทอลิก
4. กรณีอายุยังน้อย เมื่อเข้ามาใช้ชีวิตในอารามแล้ว ตามกฏของคณะต้องให้อายุครบ 18 ปี ก่อนถึงจะเข้านวกภาพ รับศีลบนได้
5. ถือจิตตารมณ์ 4 ข้อ คือ ความบริสุทธิ์ ความยากจน ความสุภาพนอบน้อม และ การเจริญชีวิตในเขตพรต
เชือกที่ผูกเอวในชุดเครื่องแบบของภคินีจะมีอยู่ 4 ปม เป็นสัญลักษณ์จิตตารมณ์ทั้ง 4ข้อ
นักบุญ คลารา แห่งอัสซีซี ผู้ก่อตั้งคณะ กลาริส กาปูชิน
>
โดย ทั่วๆไป ก็เหมือนๆ กับภคินีอารามคาร์เมไลท์ คือใช้ชีวิตในเขตพรต ไม่เหยียบย่างออกไปข้างนอก ( ยกเว้นกรณีจำเป็นจริงๆ เช่นเจ็บป่วย ) ใช้ชีวิตอยู่กับการรำพึงภาวนา
ตัดขาดความยินดีจากโลก ในอารามภคินีลับนี้ก็ไม่มีกระจกสำหรับส่องรูปโฉมโนมพรรณ ทั้งนี้เพราะถือว่าภคินีทั้งหลายได้สละความสวยงามทางโลกแล้ว การใช้ชีวิตเรียบง่าย โดยไม่ต้องปรุงแต่ง
ภคินีกาปูชินจะมีเฉพาะภคินีภายใน ไม่มีภคินีภายนอก ทางอารามจะมีฆราวาสทำหน้าที่ไปซื้อของ และทำกิจธุระข้างนอกให้
เอกลักษณ์พิเศษของคณะคือความยากจนและความรักกันฉันพี่น้อง ชีวิตจะเรียบง่าย เหมือนกับภคินีคาร์เมไลท์ มีสมบัติส่วนตัวตามความจำเป็นเท่านั้น ชีวิตของภคินีก็อยู่เพื่ออุทิศการรำพึงภาวนา
และพลีกรรม
ปกติแล้วถ้าเทศกาลสำคัญๆ เช่นงานฉลองนักบุญกลาราและนักบุญฟรังซีส นักบุญองค์อุปถัมภ์ของคณะ หรือวันฉลองนักบุญเปโตร นักบุญเปาโล หรือวันแม่พระยกขึ้นสวรรค์
ภคินีจะเฝ้าศีลมหาสนิท เป็นชั่วโมงๆ
มีสองเทศกาลที่ภคินีเตรียมจิตใจฉลอง สมโภช และเตรียมร่างกายให้พร้อมเพื่อการชดใช้โทษบาป นับเป็นช่วงข้มข้นการพลีกรรม การรำพึงภาวนาพิเศษคือเทศกาลมหาพรต ก่อนปัสกา 40 วัน
และเทศกาลเตรียมรับเสด็จช่วง 40 วันก่อนคริสตมาส ช่วงนี้ภคินีจะถือศีลเงียบ ไม่ติดต่อกับโลกภายนอก มัธยัสถ์เรื่องการกินมากขึ้น และมีกิจส่วนรวมมากขึ้นในการภาวนา เช่นเดินรูป 14 ภาค
เพื่อระลึกถึงพระมหาทรมาน ปกติทำเฉพาะวันศุกร์ในเทศกาลนี้จะทำมากขึ้น
>
ปกติ อารามภคินีลับทุกแห่งจะมีรายได้จากเงินบริจาค ( เงินถวาย –โปรเตสแตนต์ )ของผู้มีจิตศรัทธา หรือผู้ที่มาขอให้สวดภาวนา นอกจากนี้ยังมีรายได้ประจำจาก งานฝีมือ เช่น ทำเสื้อมิสซา
ทำอุปกรณ์เครื่องใช้ของบาทหลวง เช่นรัดประคด คือเชือกคาดเอวเสื้อหล่อ ที่อารามคาร์แมล กรุงเทพฯ ได้จากการทำแผ่นศีล ( แผ่นปัง )ส่งไปทั่วประเทศ และบางที่ก็มีผลิตผลจากการเกษตรกรรม เป็นต้น เนื่องจากภคินีลับ ถือความยากจน ใช้ชีวิตเรียบง่าย สมถะ ปราศจากสมบัติใดๆในทางโลก ดังนั้นการใช้จ่ายจึงไม่มากนัก
>
ภคินี กาปูชินรับประทานเนื้อสัตว์บกได้ ตามที่พระวินัยกำหนด ทั้งนี้เพื่อถือความสะดวกแก่ผู้มาทำบุญถวายอาหาร ยกเว้นทุกวันจันทร์ พุธ และวันศุกร์ จะไม่รับประทานเนื้อสัตว์บก เพื่อการพลีกรรม ภคินีคณะนี้นอนบนฟูกบางๆได้ ทำจากนุ่นและหนุนหมอนที่ยัดด้วยแกลบ ภายในห้องนอนไม่มีพัดลม ในหน้าร้อนอาจมีพัดเล็กๆ ช่วยพัดให้ความเย็นเท่านั้น
เวลานอนภคินีจะใส่เครื่องแบบสีน้ำตาลห่มคลุมมิดชิด เหมือนชุดปกติ ทั้งนี้เพราะต้องอยู่ในสภาพที่เรียบร้อย เนื่องจากชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ภคินีเตรียมพร้อมเสมอที่จะเฝ้าพระเจ้า
หากหมดลมหายใจในกรณีภคินีเสีย ชีวิตพระวินัยไม่ได้กำหนดตายตัวบางอารามมีเนื้อที่มาก ก็ฝังร่างภคินีในสุสานของอารามเขตพรต บางอารามมีที่น้อย ก็ฝังที่สุสานภายนอก
หากพ่อแม่ป่วยหนัก หรือเสียชีวิต เป็นการตัดสินใจของภคินีรูปนั้นว่าจะไปเยี่ยม หรือร่วมพิธีศพ ทั้งนี้ส่วนมากภคินีจะไม่ไป ถือการพลีกรรมและการสวดภาวนาให้มากกว่า
~@.ขั้นตอนการบวช
1. เป็นอาสปิลันต์ คือเป็นเพียงผู้ที่รู้ตนเองว่ามีพระกระแสเรียกมาทดลอง อยู่ในอาราม ซึ่งไม่เกิน 6 เดือน หรือ 1 ปี
2.เป็นโปสตุลันต์ ขั้นนี้นาน 1 ปี ขั้นนี้เรียกว่าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของคณะแล้ว
3. เป็นโนวิส เป็นระยะเวลา 2 ปี ถือว่าเข้าร่วมกับชีวิตนักบวช เมื่อผ่านขั้นโนวิสจะเป็นการปฏิญาณตนถวายตัวครั้งแรก เป็นการถวายตัวชั่วคราว 3 ปี จากนั้น ก็จะปฏิญาณตนถวายตัวตลอดชีวิต
ภคินี เข้าอารามใหม่ๆ จะมีนวกาจารย์ คอยเป็นพี่เลี้ยง ดูแลให้คำปรึกษาแนะนำ และในวันปฏิญาณตนตลอดชีวิต ในพิธีจะมีสังฆราชของสังฆมณฑล จะเป็นผู้มอบแหวนทองซึ่งภคินีจะสวมไว้ที่นิ้วนางซ้าย เป็นสัญลักษณ์การเป็นเจ้าสาวของพระคริสต์ แหวนนี้จะใส่เป็นสัญลักษณ์วิวาห์ในสวรรค์เท่านั้น หลังจากเสร็จพิธีแล้ว ภคินีจะคืนแหวนแก่คุณแม่อธิการิณี ทั้งนี้เนื่องจากชีวิตถือความยากจน ภคินีจะสวมแหวนวงเล็กๆ ไม่มีราคาค่างวดทางโลกเป็นแหวนรูปพระเยซูตรึงบนไม้กางเขนและมีรอยกลมๆเล็กๆ อยู่บนแหวน สำหรับสวดนับลูกประคำไว้แทน
พระวินัยกำหนดให้ภคินีใช้ชีวิตร่วมกันและอยู่ตามลำพัง ดังนี้
05.10 น. ตื่นนอน
05.30 น.เข้าวัดสวดทำวัตรเช้ารำพึงและมิสซา
07.45 น. รับประทานอาหารเช้า
08.00 น.ทำงานตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย ภคินีแต่ละรูปจะได้รับมอบหมายงานเช่น ทำครัว ทำสวน ทำแผ่นศีล เป็นต้น ยกเว้น ภคินี ป่วย หรือชรา ถือเป็นกฏยกเว้นในการทำงาน
10.00 น. เข้าทำงานร่วมกัน
11.00 น. เข้าวัดสวดบทประจำโมงต่อด้วยสวดลูกสายประคำ
11.30 น. รับประทานอาหารเที่ยง หลังอาหารเที่ยงมีเวลาส่วนตัวเล็กน้อย
12.30 น.เป็นเวลาหย่อนใจร่วมกัน
13.00 น. เวลาส่วนตัวภคินีบางรูปอาจรำพึงภาวนาส่วนตัว หรือพักผ่อนตามอัธยาศัย
14.00น. เข้าวัดสวดบทประจำโมงและรำพึงจนถึงเวลา
14.30 น. เข้าห้องทำงานถือชีวิตร่วมและภาวนา
17.30 น. สวดทำวัตรเย็น และรำพึงจนถึง 18.50 น.
18.50 น. จบการรำพึง รับประทานอาหารเย็นเข้าวัดสวดทำวัตรค่ำ ( ทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ จะมีการมัธยัสถ์ และการพลีกรรมในชีวิตส่วนรวมด้วยกัน เพื่อระลึกถึงพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า )
21.30 น. เข้านอน และเวลา 24.00 น.ภคินีจะลุกขึ้นสวดอีกครั้งแล้วนอนต่อ จนถึงเช้ามืด 05.10 น. จึงตื่นมาต้อนรับวันใหม่อีกครั้ง