สเปนไม่เอาไม้กางเขน

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ภาพประจำตัวสมาชิก
ouroboros
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ย. 26, 2008 8:07 am

เสาร์ ธ.ค. 20, 2008 12:00 am

"โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มิได้มุ่งแสวงหากำไร เปิดให้บริการรักษาผู้ป่วยทั่วไปทั้งผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยใน"

โรงพยาบาลของเอกชนนะฮะ กฏนี้ไม่ได้เอาไม้กางเขนออกจากสถานที่เอกชนหรือส่วนบุคคลสักหน่อย

อ่านข่าวต้องระวัง Propaganda นะฮะ คนเขียนอาจแปลไม่ดี เข้าใจผิด โกรธ ทำให้ข่าวดูใหญ่ก็ได้ ลองอ่านเนื้อจริงๆที่พี่ Edwardius เอาลิงค์มาวางก่อน
ใจเย็นๆฮะ
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ ธ.ค. 20, 2008 12:14 am

เหอะๆ...ค่อนข้างเห็นด้วยกับคุณ ouroboros 
และขอขอบคุณ คุณ Edwardius ที่อนุเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม

จะมีรูปพระหรือไม่มี คนเราก็เชื่อหรือไม่เชื่อได้เหมือนกัน

และเห็นด้วยกับการแยกอาณาจักรออกจากศาสนจักรอย่างเด็ดขาด
มันไม่ใช่เรื่องที่รัฐจะเข้าไปอุ้มศาสนาใด ศาสนาหนึ่ง
นั่นไม่ใช่ภารกิจของรัฐ

ส่วนตัวเกลียดการ Propaganda และการให้เชื่ออะไรบางอย่างมาตั้งแต่เกิด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

เสาร์ ธ.ค. 20, 2008 12:54 am

จริงๆ เรื่องที่ผมพูดไว้ว่า คาทอลิกอาจเจ็บช้ำน้ำใจ แต่นิกายอื่นๆ อาจเห้นดีด้วยเนี่ยมันมีเ้หตุผลครับ

ภาษาไทยได้ได้มีไม้กางเขนมาโดยวัฒนธรรมของมัน และไม่ได้รับการถ่ายทอดวัฒนธรรมเช่นนั้นมาเลยจนกระทั่งการเข้ามาของคณะธรรมทูตในสมัยอยุธยา

แต่จริงๆ ในภาษาตระกูลที่รับอิืทธิพลของคริสตศาสนาจะมีคำเหล่านี้ไว้เป็นการเฉพาะ โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ

1. Cross - (French: Croix, German: das Kreuz, Italian: Croce, Spanish: Cruz)

    อันหมายถึง ไม้กางเขนที่ไม่มีรูปของพระเยซูตรึงอยู่

2. Crucifix - (French: Crucifix, German: das Kruzifix, Italian: Crocifisso, Spanish: Crucifijo)

    อันหมายถึง ไม้กางเขนที่มีรูปของพระเยซูตรึงอยู่ (จาก v. to crucify)

ทีนี้ ในบริบทของความขัดแย้งทางศาสนาที่ไม่รุนแรงของบ้านเรา หรือบริบทที่พอเรียกไม้กางเขนปุ๊บก็นึกถึงคริสต์ทั้งหมดปั๊บมันจะมองไม่เห็นครับ

แต่ในบริบทที่มีการ "แย่งชิง" ลูกแกะกันในยุโรป หรือที่อื่นๆ แ้ล้ว เรื่องราวเิชิงสัญญะเป็นอะไรที่สำคัญมาก

ในโลกนี้มีการใช้ Crucifix กันจริงๆ แต่ 3 นิกายครับ คือ Catholic, Orthodox, Anglican

ในขณะที่ Protestant-ism "ส่วนมาก" ใช้ Cross หรือไม่ใช้เลย

ดังนั้นการที่ภาพของความเป็นคาทอลิก (Catholicism) ซ้อนทับอยู่บน Crucifix นั้นย่อมเป้นที่ประจักษ์ในความเข้าใจว่า Catholic=Crucifix

และตามข่าวนั้น เป็นคำสั่งของศาลให้ "ปลด" Crucifix ออกจากกำแพงโรงเรียนแห่งหนึ่งครับ ไม่ใช่การปลด Cross

ดังนั้นโดยสัญญะของการต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นที่แล้วต้องบอกว่า ณ จุดนี้คาทอลิก "เสียรังวัด" ไปมากๆ

และแม้นิกายอื่นๆ จะไม่ได้เรียกร้องให้เอาออกไป แต่ก็ได้รับผลประโยชน์ไปโดยปริยาย

-อันนี้เป็นจุดที่ต้องอธิบายให้คริสตชนไทยเข้าใจหน่อยครับ-

ส่วนเรื่องที่คุณ billa-bong บอกว่า "อีกอย่างวัตถุที่คุณพูดเนี่ย เป็นสัญญาลักษณ์ของศาสนาคริสต์ทั้งหมด ไม่ได้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง คนทั่วไปถ้าพูดว่าไม้กางเขนเค้าก็ว่าคริสต์ล่ะครับ ไม่มารู้ลึกหรอกว่า คริสต์ตัง หรือ คริสต์เตียน หรือคริสต์นิกายอื่นๆ"

ผมขอตอบส่วนที่เป็นเส้นใต้นะครับ

จริงๆ แล้วในเชิงความรับรู้ความเข้าใจแล้ว สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของศาสนาคริสต์แล้วคนนอก หรือคริสตชนเองยอมรับจริงๆ มีเพียง 2 อย่าง

นั่นก็คือ คัมภีร์ไบเบิล โดยเฉพาะภาคพันธสัญญาใหม่ และ ไม้กางเขน

ถูกครับที่บอกว่ามองไม้่กางเขนแล้วนึกถึงคริสต์ แต่ถ้ามองลึกลงไปแล้ว มันเป็น Cross หรือ Crucifix อย่างในข่าวล่ะที่พูดๆ กันอยู่

และเราต้องไม่ลืมว่า เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป รวมไปถึงการตีความ และการให้คุณค่าของสัญลักษณ์ด้วยเช่นกัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

เสาร์ ธ.ค. 20, 2008 1:03 am

ส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องน่ากลัวมากนะครับเนี่ย

ที่ว่ากันเรื่องรัฐแยกกับศาสนามันก็ถูกอยู่หรอก แต่เท่าที่ผมลองอ่านและพิจารณาดู ไม่ว่ามองมุมไหน การให้เอาสัญลักษณ์ออกก็เท่ากับการเบียดเบียนอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็น Cross หรือ Crucifix ก็ตาม

ไม่รู้สิ ส่วนตัวมองคนนอกว่า ขอเพียงพวกนั้นเห็นกางเขนก็นึกถึงคริสต์กันแล้วไม่ว่านิกายไหน เพราะคนเราส่วนมากหากไม่ใช่เรื่องของตัวเองไม่ค่อยจะศึกษาวิเคราะห์ให้ลึกพอกันเสียด้วย

คือ อย่างที่คุณ ~@Little lamb@~ ว่า ผมเห็นด้วยนะ ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องเข้าสิ ชาวคริสต์เขามีสิทธิ์ที่จะสำแดงตนว่ารักพระเจ้าแค่ไหน มาห้ามกันด้วยกฎหมายของมนุษย์แบบนี้ มันเป็นการดูหมิ่นและท้าทายพระผู้เป็นเจ้าเห็น ๆ เลยนะครับ

การกดขี่ยิ่งลุกลามและหลากหลายมากขึ้นทุกวันแล้ว ขอพระบิดาโปรดพิจารณาด้วยเถิด อาเมน
ภาพประจำตัวสมาชิก
ouroboros
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ย. 26, 2008 8:07 am

เสาร์ ธ.ค. 20, 2008 6:16 am

Pegasus เขียน: ส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องน่ากลัวมากนะครับเนี่ย

ที่ว่ากันเรื่องรัฐแยกกับศาสนามันก็ถูกอยู่หรอก แต่เท่าที่ผมลองอ่านและพิจารณาดู ไม่ว่ามองมุมไหน การให้เอาสัญลักษณ์ออกก็เท่ากับการเบียดเบียนอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็น Cross หรือ Crucifix ก็ตาม

ไม่รู้สิ ส่วนตัวมองคนนอกว่า ขอเพียงพวกนั้นเห็นกางเขนก็นึกถึงคริสต์กันแล้วไม่ว่านิกายไหน เพราะคนเราส่วนมากหากไม่ใช่เรื่องของตัวเองไม่ค่อยจะศึกษาวิเคราะห์ให้ลึกพอกันเสียด้วย

คือ อย่างที่คุณ ~@Little lamb@~ ว่า ผมเห็นด้วยนะ ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องเข้าสิ ชาวคริสต์เขามีสิทธิ์ที่จะสำแดงตนว่ารักพระเจ้าแค่ไหน มาห้ามกันด้วยกฎหมายของมนุษย์แบบนี้ มันเป็นการดูหมิ่นและท้าทายพระผู้เป็นเจ้าเห็น ๆ เลยนะครับ

การกดขี่ยิ่งลุกลามและหลากหลายมากขึ้นทุกวันแล้ว ขอพระบิดาโปรดพิจารณาด้วยเถิด อาเมน
พิจารณาดีๆใหม่อีกรอบดูสิฮะ โรงพยาบาลทางศาสนา โรงเรียนคาทอลิก ไม่ได้ถูกสั่งห้ามแสดงไม้กางเขนนะ ประเด็นจริงๆไม่เกี่ยวว่าเป็น Cross หรือ Crucifix หรอกแต่เป็นว่ารัฐบาลต้องเป็นกลางทางศาสนาเพื่อรับรองเสรีภาพทางศาสนาฮะ ประเทศที่เจริญแล้ว มีกฏหมายที่ออกแบบมาเพื่อการอยู่ร่วมกันของทุกคนนั้นไม่มีศาสนาประจำชาตินะฮะ ไม่มีใครเรียกร้องด้วย เพราะเขาถือว่าศาสนาเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างคนกับพระ

แล้วคิดว่าคนสเปนที่เขามีธรรมเนียมคริสต์มานานกว่าบ้านเรา จะไม่รู้หรือฮะว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะกับประเทศเขา อย่างพี่ Edwardius ว่า บริบททางการเมืองการปกครองของเรากับเขาต่างกัน สังคมไทยไปไหนก็มีสัญลักษณ์ทางศาสนาแสดงแต่ของเขาไม่ใช่ รัฐธรรมนูญของเขาชัดเจนกว่าในเรื่องการแยกศาสนากับการปกครอง

จงประพฤติตนดุจคนอิสระ
อย่าใช้อิสรภาพเป็นข้ออ้างเพื่อปิดบังความชั่ว

แค่นี้ก็เป็นความชั่วแล้วเหรอฮะพี่ †Ecclēsia เราตัดสินแบบคนนอกแบบนี้ ถ้าคนสเปนมาอ่านเขาก็รู้สึกเหมือนเราไปตัดสินเขาเป็นคริสต์ที่ไม่ดี ไม่เคร่งพอนั่นแหละฮะ ทั้งที่คนส่วนใหญ่ก็สบายใจกับการตัดสินนี้ ไม่ได้ยินดียินร้ายไปกับเราด้วย คิดว่าศรัทธาเขาจะอ่อนแอขนาดไม่มีไม้กางเขนในใจเลยหรือ? เป็นเดือดเป็นแค้นกันอย่างนี้เราจะต่างอะไรกับคนบูชารูปเคารพล่ะ?

ไม่มีใครบอกให้เลิกนับถือศาสนา แทรกแซงศาสนจักร หรือไปยึดไม้กางเขนตามบ้าน โรงพยาบาลสงฆ์ ไม่ได้ห้ามเอาสายประคำไปสวดที่โรงเรียน เขาแค่ขีดเส้นแบ่งระหว่างรัฐกับศาสนาให้ชัดเจนเท่านั้น ไม่ใช่กระทำความเลวหรือกดขี่ แต่เป็นการยกศาสนาให้สูงเหนือรัฐต่างหาก
billa-bong เขียน: เพราะแบบนี้ไงฮะ จริงๆเรื่องบูชาพระองค์ท่านก็อยากให้ทำเงียบๆในบ้านอยู่แล้ว

มัทธิว 6:6 ฝ่ายท่าน เมื่ออธิษฐานจงเข้าในห้องชั้นใน และเมื่อปิดประตูแล้ว จงอธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในที่ลี้ลับ
และพระบิดาของท่านผู้ทอดพระเนตรเห็นในที่ลี้ลับจะทรงโปรดประทานบำเหน็จแก่ท่านอย่างเปิดเผย

น้องครับ อันนี้ที่น้องหมายถึงเนี่ย เค้าหมายถึงการสวดภาวนาครับ ไม่ได้หมายถึงเรื่องบูชาพระเจ้าน่ะครับ อย่าเข้าใจผิดครับ
ไม่งั้นสมัยอับบราฮัม ไม่ต้องบูชาพระเจ้าด้วยแกะกันในบ้านด้วยเรยหรอครับ ทำทุกอย่างในบ้านเรย จะคุยเรื่องพระกันที มาเข้ามาในห้อง อย่าให้ใครรู้ ประชาชนรู้ รู้แล้วเดี๋ยวพระไม่โปรดบำเหน็ด

แล้วพี่ไม่ได้คิดเกินกว่าเหตุนะครับ อยากให้น้องเข้าใจใหม่ ก็อย่างที่น้องบอก ว่าการเมืองกับศาสนาไม่ใช่เรื่องเดียวกัน ก็ถูกแล้ว แต่ตอนนี้เค้ากำลังใช้การเมือง ใช้กฏหมายมายุ่งกับศาสนา ไม่ใช่หรอครับ แล้วประเพณีความเชื่อ ศิลปะ ตามสถานที่สาธาระต่างๆ สมัยก่อน ย่อมมีการอ้างอิงถึงสิ่งที่คนส่วนใหญ่นับถึอ
เช่นเมืองไทย เป็นเมืองพุทธ สิ่งสร้างต่างๆ ยังอ้างอิงถึงความเชื่อ ยกตัวอย่าง เช่น ทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ ที่เราใช้ก็เพิ่งสร้างมาไม่นาน ยังมีกินรี อยู่ตามริมถนนทางเข้า แล้วถ้าทางสเปนเห็นว่าการที่มีรูปเทวดา ตามเสาไฟ อนุเสาวรีของนักบุญ ต่างๆ เป็นการสร้างบรรยกาศทางศาสนาคริสต์มากเกินไปล่ะครับ ถ้าเค้าบอกว่าเออ มันก็เก่าๆแล้ว รื้อๆ ทำใหม่ไปเรย แบบเรียบไปเรย ไม่ต้องมีรวดลายอารายตามสะพาน ส่วนอนุเสาวะรีก็เอาออก แล้วก็เอารูปปั้นคนแบบโป้ๆ มาวางแทน แล้วก็บอกว่าเรื่องทำมะชาติ artมาก แล้วมันก็จะทำให้คนที่เห็นคิดว่าเรื่องเนื้อหนังก็เป็นเรื่องปรกตินี่นา ยังมีอนุเสาวะรีเรย โดยเฉพาะเยาวชน อย่าคิดว่าพี่เกินกว่าเหตุเรยน่ะครับ ขนาดไม้กางเขนยังเอาออกได้พาสาไรกับศิลปะที่เกี่ยวกับทางศาสนา หรือรูปปั้นนักบุญ หรืออะไรที่โน่มเอียงไปทางศาสนา คนรุ่นใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ ก็กลาย เป็นคนไม่เอาศาสนาอารายเรยกันหมด อย่าลืมน่ะครับสภาพแวดล้อมก็ผลกับคนด้วยจริงไม๊ครับ

เชื้อไฟเพียงเล็กน้อยย่อมทำให้ไฟไหม้บ้านได้น่ะครับ แล้วอาจจะมีหลายคนที่จะตายในบ้านด้วย
Edwardius เขียน: จริงๆ เรื่องนี้ไม่น่าจะต้องมาถกเถียงกันนะครับ เำำพราะ solution มันต่างกัน

ไทยคริสต์มองเรื่องนี้ในมุมของการคุกคาม เพราะในประเทศไทยเราถือว่าเป็นชนกลุ่มน้อยทางศาสนาครับ

พอมีอะไรแบบนี้เราจะรู้สึกว่าเป็นการเบียดเบียนของอำนาจรัฐ

แต่สเปนไม่เหมือนกันครับ ถ้าเราไปอยู่ที่โน่น คาทอลิกถือเป็นคนส่วนใหญ่ก็จริง

แต่ในขณะเดียวกัน ศาสนาอื่น รวมถึงศาสนาคริสต์นิกายอื่นๆ ก็กลายเป็นชนกลุ่มน้อยทางศาสนาไปอีก

การห้ามติด Crucifix เป็นการลดแรงเสียดทานทางการเมืองหลายๆ อย่างครับ

เพราะกลุ่มทางศาสนาในต่างประเทศ กับ บริบททางการเมืองในหลายๆ เรื่องมันแยกกันยาก

เช่นว่า ตอนนี้กฎหมายขอให้โรงเรียนรัฐแห่งหนึ่งเอา crucifix ออก อาจกลายเป็นบรรทัดฐานว่า สถานที่ใดๆทางราชการห้ามมิให้ติดสัญลักษณ์ทางศาสนา

ซึ่งในทางหนึ่้งอาจดูเป็นการข่มน้ำใจของชาวคาทอลิก แต่กับศาสนาคริสต์นิกายอื่นๆ อาจเป็นเรื่องดีสำหรับเขาก็ได้ ที่รัฐมีบทบาทเป็นกลางมากขึ้น

นานาจิตตัง อย่าไปยึดติดกับสิ่งอันเป็นวัตถุมากเลยครับ

นักบุญท่านหนึ่งสอนเราแล้วว่า เมื่อเราทำทุกหนทางแล้วทุกอย่างไม่ดีขึ้น หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลง ให้ท่านอธิษฐานภาวนา

นี่อาจเป็นเพียงการทดลองจากพระองค์ครับ จงตั้งใจภาวนากันเถิด
ผมว่ามันอาจจะไม่ดีอย่างที่คุณกำลังคิดก็ได้น่ะครับ ในเมื่อที่สะเปนเค้ายังไม่สนใจคนส่วนใหญ่เรย

อีกอย่างวัตถุที่คุณพูดเนี่ย เป็นสัญญาลักษณ์ของศาสนาคริสต์ทั้งหมด ไม่ได้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง คนทั่วไปถ้าพูดว่าไม้กางเขนเค้าก็ว่าคริสต์ล่ะครับ ไม่มารู้ลึกหรอกว่า คริสต์ตัง หรือ คริสต์เตียน หรือคริสต์นิกายอื่นๆ

ผมว่าถ้ามีแต่พระอยู่ในบ้าน พระเยซูจะลงมาเทศสอนประชาชนทำไมครับ อยู่ในบ้านกับแม่พระจนขึ้นสวรรค์ ไปเรยก็ได้ไม่ต้องมาโดนด่าว่า โดนฆ่าแบบนี้ เพราะพระองค์ทรงเทศน์สอนนอกบ้าน ให้คนรู้ว่าความจริงคืออะไร

ผมว่าเค้าน่ะเอาการเมืองมายุ่งกับ ศาสนามากเกินไปต่างหาก ถ้าคนส่วนใหญ่ตามบัตรประชาชนเป็นคริสต์ ผมว่าผู้บริหารบ้านเมือง เกินครึ่งก็เป็นคริสต์ ถ้างั้นผมว่าคนที่เล่นการเมืองต่างหากควรจะไม่มีศาสนา จะได้ไม่มีข้ออ้างใดๆว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันกับทางศาสนา เวลาเกิดไรขึ้นก็ "อ่อ ผมกับเพื่อนร่วมรัฐบาลที่ไม่มีศาสนาเป็นคนคิดเอง ทำเองครับ ไม่เกี่ยวอะไรกันกับศาสนาเรยนะครับ"

ผมยอมรับครับว่าผมทนไม่ได้ ที่ได้ยินข่าวแบบนี้ ที่ใครหลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญอะไร

พระเยซูเจ้าที่น่ารักของลูก อีกหน่อยเวลาที่ลูกอยู่ข้างนอกบ้าน ลูกคงต้องนึกถึงพระพักตร์พระองค์ในใจกับรูปของพระองค์ในกระเป๋าสตางค์ซะแล้วหรือพระเจ้าข้า ลูกรักพระองค์ ลูกเชื่อในพระองค์ ลูกหวังในพระองค์ ลูกนมัสการพระองค์ ลูกของสมาโทษ แทนผู้ที่ไม่รักพระองค์ ไม่เชื่อในพระองค์ ไม่หวังในพระองค์ ไม่นมัสการพระองค์
พี่ billa-bong ตอนน้องเห็น Display รูปพี่ครั้งแรกก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นพระแม่กับพระเยซู ต้องมองสักพักถึงนึกออก มุมมองคนเราหลากหลายมากกว่าที่คิดนะฮะ ฝรั่งบางคนเห็นอาจจะแปลกตาหรืออาจไม่ชอบใจด้วยซ้ำ แต่เขาไปว่าพี่ไม่ได้เพราะเรามีเสรีภาพทางศาสนาถูกไหม การที่รัฐจะรับประกันเสรีภาพนี้ให้เราได้คือวางตัวไว้ตรงกลางฮะ ว่าเราจะไม่กำหนดรูปภายนอกว่าต้องเป็นงั้นงี้เพราะพระอยู่ที่หัวใจ กางเขนรัสเซียกับกางเขนบัลกาเรียยังไม่เหมือนกันเลย

พี่บอกว่าเขากำลังเอาการเมืองยุ่งกับศาสนา เปล่านะฮะ เขาไม่ได้ยุ่งกับศาสนาจักร โรงเรียนคาทอลิก โรงพยาบาลสงฆ์ โบสถ์ วัด สถานที่ทางวัฒนธรรม สักนิด ไม่ได้กลั่นแกล้งรังแกเลย มันเป็นการกระทำของรัฐบาลกับสถานที่ราชการให้ตรงกับจิตวิญญาณของรัฐธรรมนูญและกฏหมายต่างหาก นักเรียนทั่วไปอยากสวดมนต์ในโรงเรียน เอารูปนักบุญวางไว้บนโต๊ะก็ได้ไม่มีใครว่า นี่แหละฮะคือเสรีภาพที่รัฐบาลซึ่งเป็นกลางหยิบยื่นให้

มองสังคมเขาก่อนจะกล่าวหาสิฮะ อย่างที่บอกเมื่อกี้ว่าคนสเปนอ่านมันก็เหมือนเราว่าเขาเป็นคริสต์ที่ไม่ดีพอ

เราไม่ได้อยู่สมัยอับราฮัมแล้วนะพี่ ระบบความเชื่อ การปกครองมันก็พัฒนาไปเหมือนพระองค์ที่มีชีวิตอยู่เสมอแหละฮะ หรือจะให้ขว้างหินใส่ลูกที่ไม่เชื่อฟังจนตาย งดกินกุ้ง ผู้หญิงต้องใส่ผ้าคลุมหัวเวลาเข้าโบสถ์ ห้ามลุกขึ้นพูดแบบสมัยก่อนล่ะ

ไม่ต้องกลัวหรอกฮะว่าเขาจะไปไล่ทุบรูปปั้นนักบุญหรือโบสถ์เก่าๆ กฏหมายเขาก็ปกป้องคุ้มครองสถานที่ทางประวัติศาสตร์เช่นกันฮะ รัฐบาลที่ออกกฏนี้ก็เป็นอันเดียวกับที่จ่ายเงินมากมายต่อปีเพื่อทำนุบำรุงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้นะฮะ เขาแยกออกว่าอะไรควรไม่ควร ต้องดูภาพรวมสิฮะ อย่ามองแต่มุมที่ Propaganda ให้

พระเยซูท่านสอนพระวจนะในฐานะนักบวชธรรมดานะฮะ ไม่ใช่ตัวแทนรัฐบาลกษัตริย์เฮรอด นี่ก็อีกสาเหตุที่ต้องแยกศาสนากับการปกครองฮะ ถ้ารัฐผูกกับศาสนามากแล้วทำตัวไม่ดี ศาสนาก็เสื่อมด้วย การเปลี่ยนหัวใจคนไม่ใช่หน้าที่รัฐฮะ แต่เป็นของชาวคริสต์และพระองค์ที่เปิดหัวใจผู้ฟัง คิดกลับกันเกิดทหารสเปนในอัฟกานิสถานเผยแพร่พระวจนะในชุดทหารคนท้องถิ่นจะมองยังไง แต่ถ้าเขาไปเป็นพลเรือนในฐานะพี่น้องกับเขา แค่นี้ก็ต่างแล้วจริงไหม

พระอวยพรนะฮะ
แก้ไขล่าสุดโดย ouroboros เมื่อ เสาร์ ธ.ค. 20, 2008 12:56 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

เสาร์ ธ.ค. 20, 2008 1:57 pm

ต้องเข้าใจอีกอย่างนะครับว่า สเปนห็เป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกครอบงำโดยอำนาจของพระศาสนจักรมาก่อน

ทีนี้มันทำให้ระบบการปกครองทางโลกรวนไปได้เหมือนกัน

ยิ่งสมัยที่พระศาสนจักรเข้มแข็งแต่ชั่วร้ายเนี่ย (ต้องขออนุญาตใช้คำนี้จริงๆ) อำนาจรัฐถูกแทรกแซงในทุกด้าน

ประวัติศาสตร์มันหล่อหลอมให้เค้าคิดแยกอาณาจักรออกจากศาสนจักร เพราะ เขาถูกครอบงำมาก่อน

---

ต่างจากเมืองไทยนะครับ เพราะเมืองไทย ศาสนจักรเป็นเสมือนเสาค้ำอาณาจักรมาตลอด

ศาสนจักรให้ความชอบธรรมกับอาณาจักร ในขณะที่อาณาจักรก็คุ้มครองและบำรุงศาสนจักรมาตลอด

ศาสนจักรถูกครอบงำโดยอาณาจักรมาตลอด แม้กระทั่งปัจจุบัน แต่อาณาจักรก็เชิดชูศาสนจักรไว้ด้วยเหมือนกัน

ประวัติศาสตร์ที่ศาสนจักรไม่เคยถูกข่มเหง และอาณาจักรไม่เคยเป็นข้าศาสนจักรทำให้เมืองไทยไม่มีประเด็นเช่นนี้มากนักครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ouroboros
โพสต์: 36
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ย. 26, 2008 8:07 am

เสาร์ ธ.ค. 20, 2008 9:31 pm

ขอเสริมพี่ Edwardius นิดนึงฮะ ว่าจอมเผด็จการฟรังโก้แห่งสเปนที่ร่วมมือกับฮิตเลอร์ตอนสมัยสงครามโลกก็รวมศาสนากับการปกครองเช่นกัน โดยเขาเรียกระบบนี้ว่า nacional catolicismo หรือชาตินิยมคาทอลิก โดยเหมือนเป็นกึ่งรัฐกึ่งศาสนาคล้ายกับทาลิบันถึงจะไม่โหดร้ายเท่า

Franco's Spain

In Franco's authoritarian Spain, Protestantism was deliberately marginalized and persecuted. During the Civil War, the government persecuted the country's 30,0000[79] Protestants, and forced many Protestant pastors to leave the country. Once authoritarian rule was established, non-Catholic Bibles were confiscated by police and Protestant schools were closed. [80] Although the 1945 Spanish Bill of Rights purportedly granted freedom of private worship, Protestants suffered legal discrimination and non-catholic religious services were not permitted publicly, to the extent that they could not be in buildings which had exterior signs indicating it was a house of worship and that public activities were prohibited.

รัฐบาลฟรังโก้กดขี่คริสเตียน บางครั้งถึงกับฆ่า มีการขับไล่อนุศาสนาจารย์ออกนอกประเทศ พระคัมภีร์ฉบับที่ไม่ใช่ของคาทอลิกถูกยึดโดยตำรวจและโรงเรียนคริสเตียนก็ถูกปิดโดยรัฐบาล, คริสตังเท่านั้นสามารถประกอบพิธีทางศาสนาในสถานที่สาธารณะได้ 

รูปภาพ

เห็นนายพลจอมเผด็จการเป็นมิตรกับศาสนจักรอย่างนี้ ชาวบ้านก็พาเสื่อมศรัทธาศาสนาไปด้วยว่าไปร่วมมือกับคนพรรค์นี้ได้ยังไง พอจบยุคฟรังโก้นี่แหละฮะทำให้เขาตระหนักได้ว่าจะทำนุบำรุงศาสนา ก็ต้องไม่ให้รัฐไปก้าวก่าย ::001::
แก้ไขล่าสุดโดย ouroboros เมื่อ เสาร์ ธ.ค. 20, 2008 9:47 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
จอมนางกระบี่เดี่ยว
โพสต์: 1159
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm

อังคาร ธ.ค. 23, 2008 11:27 am

จริง ๆ กระทู้นี่น่าสนใจนะ มีการค้นคว้าอะไรเพื่มเติมเพื่ออภิปรายประเด็นของตนเอง ถ้าคนอ่านมีใจกว้างขวางและร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองที่ต่างกัน จะได้ประโยชน์เยอะทีเดียว

แต่ขออภัยจริง ๆที่ไม่มีเวลาอ่าน แต่ก็อยากจะชี้ชวนให้ดู ความขัดแย้งในเสปนที่มีมากอย่างยาวนานบางครั้งก็มีความรุนแรงเกิดขึ้น  มีการเจรจาสันติภาพกันหลายรอบจากหลายฝ่าย ที่นั่นดูเหมือนจะมีหลายชาติพันธุ์เสียด้วย คงไม่ใช่แค่เรื่องศาสนาที่ต่างกันอย่างเดียว ความซับซ้อนของความขัดแย้งคงจะมีมาก ดังนั้น การตัดสินใจทำสิ่งใดของรัฐน่าจะมีเหตุผลเพื่อความสันติสุขในดินแดนของเขา อย่างไรก็ตาม หากต้องการวิพากาวิจารณ์กำหมายฉบับที่ว่า ก็ควรไปค้นมาอ่านกัน พร้อมกับศึกษาความเป็นมาแบบเชิงลึก ไม่ใช่แค่ระดับปรากฏการณ์

การเสียสละนำมาซึ่งสันติภาพเสมอ อย่างที่บัดดี้ว่า คริสตชนสูญเสียอัตลักษณ์ภายนอก ก็ควรทำให้อัตลักษณ์ภายใน เข้มแข็งขึ้น พระเยซูเจ้ายอมตายบนไม้กางเขนเอง ก้เพื่อสันติสุขมิใช่หรือ 

 
Dis volentibus

ศุกร์ ธ.ค. 26, 2008 1:38 am

ouroboros เขียน: แค่นี้ก็เป็นความชั่วแล้วเหรอฮะพี่ †Ecclēsia เราตัดสินแบบคนนอกแบบนี้ ถ้าคนสเปนมาอ่านเขาก็รู้สึกเหมือนเราไปตัดสินเขาเป็นคริสต์ที่ไม่ดี ไม่เคร่งพอนั่นแหละฮะ ทั้งที่คนส่วนใหญ่ก็สบายใจกับการตัดสินนี้ ไม่ได้ยินดียินร้ายไปกับเราด้วย คิดว่าศรัทธาเขาจะอ่อนแอขนาดไม่มีไม้กางเขนในใจเลยหรือ? เป็นเดือดเป็นแค้นกันอย่างนี้เราจะต่างอะไรกับคนบูชารูปเคารพล่ะ?
เอ่อ ไม่อยากจะขุดกระทู้นี้เท่าไหร่นัก เเล้วก็ไม่ได้เข้ามาอ่านบ่อยครั้ง เพราะส่วนตัวคิดว่า เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับพระเจ้า
ยิ่งอ่านยิ่งสลด ไม่ได้เสริมสร้างความเชื่อ (นอกจากนั้นยังเสียบรรยากาศวันคริสตสมภพซะอีก)

เเต่ ขอโทษนะคะ
"ในการโพสต์ครั้งนั้น" ข้าพเจ้ายกเเต่พระคัมภีร์ล้วนๆ ไม่ได้ใส่ความเห็นส่วนตัวลงไปเลย!...
ไม่ได้กล่าวหาหรือตัดสิน การกระทำของรัฐบาลสเปน, คนสเปนว่า "เป็นความชั่ว" เเละก็ไม่ได้เป็นเดือดเป็นเเค้น

พระคัมภีร์ 1เปโตร 2:13  ไม่ได้ระบุว่าการกระทำของใครชั่วหรือไม่ชั่ว เเต่บอกเเนวทางที่คริสตชนควรปฏิบัติว่า
"...จงประพฤติตนดุจคนอิสระ อย่าใช้อิสรภาพเป็นข้ออ้างเพื่อปิดบังความชั่ว..."
คำสอนนี้ครอบคลุมถึงคริสตชนทุกคน ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใคร และพระวาจาของพระเจ้าเป็นความจริง

ซึ่ง ไม่จำเป็นจะต้องเดือดร้อนอะไรขนาดนี้เลยนี่คะ
สำหรับข้าพเจ้าคิดว่า พระวาจาตอนนี้สะกิดใจดี ทำให้คริสตชนรู้จุดยืนของตนเอง แต่ถ้าใครคิดว่าเป็นมลทินก็เป็นมลทินสำหรับเขา (โรม14:14)

คุณ ouroboros เรื่องการตัดสินคนอื่นนั้น
ขอให้ท่านเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด ท่านจะเห็นชัด เเล้วจึงค่อยไปเขี่ยเศษฟางจากดวงตาของพี่น้อง (ลูกา 6:42)
โปรดเคารพในความเห็นที่เเตกต่างของพี่น้องท่านอื่นด้วย...เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมองในมุมเดียวกันกับคุณ เเละคิดเหมือนที่คุณคิดว่าเขาคิด


ขออภัยพี่น้องท่านอื่น เเละขออภัยคุณ ouroboros หากเป็นการเสียมารยาทที่ได้พิมพ์ไปเเบบนั้น
เเต่ข้าพเจ้าได้อดทนมาชั่วระยะหนึ่งเเล้ว เเละจะเป็นการไม่ดีนัก หากมีพี่น้องบางท่านเข้าใจผิดในเรื่องนี้

ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ  :wink:
แก้ไขล่าสุดโดย Dis volentibus เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 26, 2008 12:04 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
honeypor
โพสต์: 49
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ส.ค. 26, 2007 5:31 am

ศุกร์ ธ.ค. 26, 2008 3:46 am

เคยไปเยี่ยมสเปนมาครั้งนึง เท่าที่สังเกตคนสเปนเข้าโบสถ์มากกว่าคนเนเธอร์แลนด์ คนสเปนเคร่งศาสนาพอดูเลยล่ะ เราไปที่  catherdal โบสถ์ใหญ่ของบาเซโลน่า ที่ข้างหน้ามีป้ายบอกว่าแต่งตัวไม่สุภาพห้ามเข้า มียามเฝ้าอยู่ด้วย ใครแต่งตัวโป๊ะเค้าไม่ให้เข้าเลย

ที่เนเธอร์แลนด์ปอว่าเน่ากว่าสเปนซะอีก โบสถ์เก่าหลายๆโบสถ์ถูกทำเป็นออฟฟิศ ร้านอาหาร หนักเข้าก็คาเฟ่เลย  เข้าใจว่าเพราะคนเค้าไม่เข้าโบสถ์กันแล้วไงเห็นแล้วสะเทือนใจสงสารพระเจ้า ถ้าพูดตรงๆปอว่าคนเนเธอร์แลนด์มีเสรีในการนับถือศาสนามากกว่า มีคนจำนวนมากไม่มีศาสนา แต่กฏหมายของสเปนที่ออกมาตัวนี้ปอว่าห่วยแตกค่ะ

ที่อังกฤษมีวัดไทยพุทธซื้อโบสถ์เก่ามาทำเป็นวัด คนที่ซื้อปอเข้าใจเจตนา เพราะเค้าเห็นว่าตัวอาคารนั้นศักดิ์สิทธิ์และเขาก็เอามาสร้างในสิ่งที่เขาเห็นว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดสำหรับเขา ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่แต่อย่างใด แต่ไอคนขายอ่ะดิหัวใจทำด้วยอะไรหนอ ที่เนเธอร์แลนด์ก็เหมือนกันเมื่อเกือบ 2 ปีที่แล้วเกือบได้ซื้อโบสถ์มาทำเป็นวัดแล้ว เผอิญมีปัญหาซะก่อน

สุดท้าย ขอให้ตัวเราอย่าเป็นฝ่ายทำซะเองก็พอ จะห้ามคนอื่นมันก็ยากเหลือเกิน เพราะเด๋วนี้อะไรๆก็อ้างแต่เสรีภาพๆๆ

พระเจ้าอวยพรค่ะ
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

ศุกร์ ธ.ค. 26, 2008 11:44 am

Prod Pran เขียน:
เมื่อกี้คุณพ่ออนุชา ไชยเดช ก็ได้นำเรื่องนี้มาเล่าให้นักศึกษาโปรฯฟัง ก่อนจะเล่าว่าคริสต์ศตวรรษที่ 16 สเปน และโปรตุเกต เป็นผู้ออกไปแพร่ธรรม
นำคนอื่นมารู้จักพระเจ้า  แต่มาถึงวันนี้ คนที่ประวัติศาสตร์บันทึกว่าประเทศที่ไปนำคนอื่นมารู้จักพระเจ้า
กำลังมีปัญหาเรื่องการยืนหยัดรักษาความเชื่อ :cheesy:

ใช่ครับ พวกฝรั่ง พวกตะวันตก พวกมันเริ่มไม่เอาพระเจ้าแล้ว(ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และประเทศที่มีฝรั่งอาศัยอยู่เป็นประชาชนหลัก) อันนี้ว่ากันไม่ได้หรอก แล้วแต่พระ แต่ประเภทฝรั่งที่คิดว่าพระเจ้าเป็นของคนผิวขาวเท่านั้นเนี่ย แย่กว่าพวกทึ้งความเชื่ออีก(ผมไม่อยากจะพูดเรื่องนี้อีกแล้ว)

ดีเหมือนกัน เมื่อพวกฝรั่งตะวันตกมันทึ้งความเชื่อซะหมด ไม่แน่นะ ต่อไปผู้นำระดับสูงของพระศาสนจักร อาจจะมีแต่คนเอเชียก็ได้ และผู้แพร่ธรรมอาจเป็นคนเอเชียก็ได้ครับ พระเจ้าเป็นของทุกคน ไม่ใช่ของฝรั่งใจดำ ขอบคุณครับ

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

เสาร์ ธ.ค. 27, 2008 1:57 am

เมื่อไหร่ที่วัตถุมีค่ามากกว่าจิตใจ

เมื่อนั้นมนุษย์จะไร้ค่ายิ่งว่าสัตว์อื่นๆ เสียอีก
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

เสาร์ ธ.ค. 27, 2008 2:55 am

Edwardius เขียน: เมื่อไหร่ที่วัตถุมีค่ามากกว่าจิตใจ

เมื่อนั้นมนุษย์จะไร้ค่ายิ่งว่าสัตว์อื่นๆ เสียอีก
จริงๆครับ ผมเห็นหลายคนเลยครับ ยกตัวอย่างเช่น นักศึกษาสาว(ที่เสี่ยเลี้ยง)ตาม ม.เอกชน แค่เสี่ยซื้อห้องในอพาท์เมนต์ ซื้อรถ และให้เงินใช้รายเดือน(ขอบอกว่ามากยิ่งกว่าคนจบปริญญาตรี ทำงานอีกครับ) ถึงกับยอมเป็นเมียน้อยเสี่ย(เพราะเสี่ยมีเมียหลวงอยู่แล้ว) เวลาอยู่มหาวิทยาลัย หยิ่ง เชิด ดูถูก เหยียดหยามคนที่ใช้ชีวิตสมณะ(เพราะด้วยความเชื่อทางศาสนา และด้วยกระเป๋าตัง รวมทั้งพ่อแม่เราก็ไม่ค่อยมีเงินหรอก)ว่าเป็นคนไม่มีระดับ ต่ำ และเสียเกียรติ์หากไปคบหรือคุยด้วย(*****พี่แก้วกรุณาใช่คำให้สุภาพหน่อยได้มั๊ยคะ ตอบอย่างที่คริสตชนพึงตอบนะคะ *****) ส่วนเงินที่หลอกเสี่ยมาได้นี่น ก็ถูกนำมาปรนเปรอแฟน(ลับ)หนุ่ม ที่นอนห้องเดียวกัน

สาวเสี่ยเลี้ยงพวกนี้ ไม่ใช่ว่าบ้านจนนะ ดูหน้า ดูโหวงเฮ้งแล้ว มีชาติตระกูล แต่........กลับดูหมิ่นคนอื่น หยิ่ง จองหอง ใช้เงินเก่ง เอาแต่ใจ หลงตัวเอง(ว่าสวย จริงๆแล้ว ไม่ได้สวยมากหรอก) เป็นเมียน้อยหรือแกล้งท้องกับเสี่ย เพื่อขอรถ ห้องคอนโดฯ และเงินทอง คิดกันง่ายๆจังเลย ส่วนมากพวกนี้ ค่อนข้างหัวดื้อด้วย ไม่ค่อยฟังใคร เอาแต่ใจ ติดเที่ยว และมีแฟน(หนุ่ม)อยู่แล้ว ดูโครตหยิ่งในมหาลัย แต่ง่ายสำหรับเสี่ยเงินถึง(และอดทนพอที่จะยอมเป็นคนโง่ ยอมให้เสี่ย)

ดูแล้วมันไม่ต่างจาก หมาตัวผุ้ ต้องหากระดูกมาให้ตัวเมีย(เหมือนเสี่ยฯเลี้ยง) พวกนี้ส่วนใหญ่มักจะ สุดแสนหยิ่ง และชอบดูหมิ่นผู้อื่น ขัดในตัวเอฝเป็นต้อง " โด่ " แต่............เวลาเสี่ยปรนเปรอเงินทองมาน้น (*****พี่แก้วกรุณาใช่คำให้สุภาพหน่อยได้มั๊ยคะ ตอบอย่างที่คริสตชนพึงตอบนะคะ *****)  จึงยอมให้ทุกอย่าง แบบนี้ไม่เรียกว่ารักหรอก

พอแล้ว ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ ธ.ค. 27, 2008 3:16 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

เสาร์ ธ.ค. 27, 2008 10:36 am

Pry-Kaew เขียน:
Edwardius เขียน: เมื่อไหร่ที่วัตถุมีค่ามากกว่าจิตใจ

เมื่อนั้นมนุษย์จะไร้ค่ายิ่งว่าสัตว์อื่นๆ เสียอีก
จริงๆครับ ผมเห็นหลายคนเลยครับ ยกตัวอย่างเช่น นักศึกษาสาว(ที่เสี่ยเลี้ยง)ตาม ม.เอกชน แค่เสี่ยซื้อห้องในอพาท์เมนต์ ซื้อรถ และให้เงินใช้รายเดือน(ขอบอกว่ามากยิ่งกว่าคนจบปริญญาตรี ทำงานอีกครับ) ถึงกับยอมเป็นเมียน้อยเสี่ย(เพราะเสี่ยมีเมียหลวงอยู่แล้ว) เวลาอยู่มหาวิทยาลัย หยิ่ง เชิด ดูถูก เหยียดหยามคนที่ใช้ชีวิตสมณะ(เพราะด้วยความเชื่อทางศาสนา และด้วยกระเป๋าตัง รวมทั้งพ่อแม่เราก็ไม่ค่อยมีเงินหรอก)ว่าเป็นคนไม่มีระดับ ต่ำ และเสียเกียรติ์หากไปคบหรือคุยด้วย(ปี๊บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ) ส่วนเงินที่หลอกเสี่ยมาได้นี่น ก็ถูกนำมาปรนเปรอแฟน(ลับ)หนุ่ม ที่นอนห้องเดียวกัน

สาวเสี่ยเลี้ยงพวกนี้ ไม่ใช่ว่าบ้านจนนะ ดูหน้า ดูโหวงเฮ้งแล้ว มีชาติตระกูล แต่........กลับดูหมิ่นคนอื่น หยิ่ง จองหอง ใช้เงินเก่ง เอาแต่ใจ หลงตัวเอง(ว่าสวย จริงๆแล้ว ไม่ได้สวยมากหรอก) เป็นเมียน้อยหรือแกล้งท้องกับเสี่ย เพื่อขอรถ ห้องคอนโดฯ และเงินทอง คิดกันง่ายๆจังเลย ส่วนมากพวกนี้ ค่อนข้างหัวดื้อด้วย ไม่ค่อยฟังใคร เอาแต่ใจ ติดเที่ยว และมีแฟน(หนุ่ม)อยู่แล้ว ดูโครตหยิ่งในมหาลัย แต่ง่ายสำหรับเสี่ยเงินถึง(และอดทนพอที่จะยอมเป็นคนโง่ ยอมให้เสี่ย)

ดูแล้วมันไม่ต่างจาก หมาตัวผุ้ ต้องหากระดูกมาให้ตัวเมีย(เหมือนเสี่ยฯเลี้ยง) พวกนี้ส่วนใหญ่มักจะ สุดแสนหยิ่ง และชอบดูหมิ่นผู้อื่น ขัดในตัวเอฝเป็นต้อง " โด่ " (ปี๊บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ)

พอแล้ว ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม





::013:: ขอเตือนคุณพลายแก้วในฐานะที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งในบอร์ดนิวมานา บอร์ดศาสนา บอร์ดแห่งความรัก สังเกตคำพูดคุณแต่ละคำไม่สมควรที่จะมาโพสบนบอร์ดศาสนาแห่งนี้ และโดยเฉพาะกระทู้นี้ เพราะมันส่อ และสื่อ ให้เห็นอะไรต่อมิอะไรในตัวตนของผู้โพสได้หลายอย่าง เพราะฉะนั้นจะโพสอะไรให้เห็นแก่เจ้าของบอร์ด สมาชิกท่านอื่นๆ และผู้มาเยือนด้วย


ปล. เตือนมาด้วยความรักนะคะ ไม่อยากให้บอร์ดเลอะเทอะไปด้วยอารมณ์ของคำหยาบคาย
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ ธ.ค. 27, 2008 3:16 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Isolation
โพสต์: 1042
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 22, 2008 11:37 am
ที่อยู่: Ether23@hotmail.com

เสาร์ ธ.ค. 27, 2008 11:46 am

นักบุญทุกองค์ยังรักไม้กางเขนเลยคับ ::013::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

เสาร์ ธ.ค. 27, 2008 3:05 pm

พระองค์ทรงเสด็จมาเพื่อความชื่นชมยินดีของชาวเรา.........ให้เราภาวนาเพื่อที่เราจะได้ยินดีในพระสิริของพระองค์

พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่โทษบาปของชาวเรา..........ให้เราภาวนาเพื่อที่เราจะไม่ตกเป็นทาสของบาปอีก

พระองค์ทรงเสด็จคืนพระชนม์ชีพเพื่อรับเกียรติจากพระบิดา...ให้เราภาวนาเพื่อเราจะได้เหมาะสมมีส่วนในพระเกียรติของพระองค์

พระองค์ทรงเสด็จสู่สวรรค์และประทับเบื้องขวาพระบิดา.......ให้เราภาวนาเพื่อที่เราจะได้อยู่กับพระองค์ในสวรรค์นิรันดร
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ธ.ค. 28, 2008 9:37 pm

:+: seraphim :+: เขียน:
Pry-Kaew เขียน:
Edwardius เขียน: เมื่อไหร่ที่วัตถุมีค่ามากกว่าจิตใจ

เมื่อนั้นมนุษย์จะไร้ค่ายิ่งว่าสัตว์อื่นๆ เสียอีก
จริงๆครับ ผมเห็นหลายคนเลยครับ ยกตัวอย่างเช่น นักศึกษาสาว(ที่เสี่ยเลี้ยง)ตาม ม.เอกชน แค่เสี่ยซื้อห้องในอพาท์เมนต์ ซื้อรถ และให้เงินใช้รายเดือน(ขอบอกว่ามากยิ่งกว่าคนจบปริญญาตรี ทำงานอีกครับ) ถึงกับยอมเป็นเมียน้อยเสี่ย(เพราะเสี่ยมีเมียหลวงอยู่แล้ว) เวลาอยู่มหาวิทยาลัย หยิ่ง เชิด ดูถูก เหยียดหยามคนที่ใช้ชีวิตสมณะ(เพราะด้วยความเชื่อทางศาสนา และด้วยกระเป๋าตัง รวมทั้งพ่อแม่เราก็ไม่ค่อยมีเงินหรอก)ว่าเป็นคนไม่มีระดับ ต่ำ และเสียเกียรติ์หากไปคบหรือคุยด้วย(ปี๊บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ) ส่วนเงินที่หลอกเสี่ยมาได้นี่น ก็ถูกนำมาปรนเปรอแฟน(ลับ)หนุ่ม ที่นอนห้องเดียวกัน

สาวเสี่ยเลี้ยงพวกนี้ ไม่ใช่ว่าบ้านจนนะ ดูหน้า ดูโหวงเฮ้งแล้ว มีชาติตระกูล แต่........กลับดูหมิ่นคนอื่น หยิ่ง จองหอง ใช้เงินเก่ง เอาแต่ใจ หลงตัวเอง(ว่าสวย จริงๆแล้ว ไม่ได้สวยมากหรอก) เป็นเมียน้อยหรือแกล้งท้องกับเสี่ย เพื่อขอรถ ห้องคอนโดฯ และเงินทอง คิดกันง่ายๆจังเลย ส่วนมากพวกนี้ ค่อนข้างหัวดื้อด้วย ไม่ค่อยฟังใคร เอาแต่ใจ ติดเที่ยว และมีแฟน(หนุ่ม)อยู่แล้ว ดูโครตหยิ่งในมหาลัย แต่ง่ายสำหรับเสี่ยเงินถึง(และอดทนพอที่จะยอมเป็นคนโง่ ยอมให้เสี่ย)

ดูแล้วมันไม่ต่างจาก หมาตัวผุ้ ต้องหากระดูกมาให้ตัวเมีย(เหมือนเสี่ยฯเลี้ยง) พวกนี้ส่วนใหญ่มักจะ สุดแสนหยิ่ง และชอบดูหมิ่นผู้อื่น ขัดในตัวเอฝเป็นต้อง " โด่ " (ปี๊บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ)

พอแล้ว ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม





::013:: ขอเตือนคุณพลายแก้วในฐานะที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งในบอร์ดนิวมานา บอร์ดศาสนา บอร์ดแห่งความรัก สังเกตคำพูดคุณแต่ละคำไม่สมควรที่จะมาโพสบนบอร์ดศาสนาแห่งนี้ และโดยเฉพาะกระทู้นี้ เพราะมันส่อ และสื่อ ให้เห็นอะไรต่อมิอะไรในตัวตนของผู้โพสได้หลายอย่าง เพราะฉะนั้นจะโพสอะไรให้เห็นแก่เจ้าของบอร์ด สมาชิกท่านอื่นๆ และผู้มาเยือนด้วย


ปล. เตือนมาด้วยความรักนะคะ ไม่อยากให้บอร์ดเลอะเทอะไปด้วยอารมณ์ของคำหยาบคาย



ขอบคุณมากครับที่เตือน เนื่องจากอันนี้เจอมากับตัวเองเป็นสิบสิบปี ทำให้เข้าใจว่า ทำไมพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก จึงขอร้องให้แต่งงานกับคาทอลิกด้วยกัน ผมเชื่อนะ ว่าแม้นคริสตังสาวคนใด จะความเชื่อห่วยแตก และทึ้งวัดทึ้งวา(แต่ยังมาวัดอยู่ และเชื่อในพระอยู่ แก้บาป รับศีล)คงไม่ทำตัวแบบที่ผมเจอในเคสนี้แน่นอน สาวคริสตังไทยก็มีน้อย ที่มีก็มีสามี(หรือแฟน)หมดสิ้นไปแล้วจนไม่มีเหลือ สงสัยผมคงต้องจำใจแต่งกับ รด.หญิงแล้วง่ะ(แม้นต่างศาสนา แต่เธอไม่เคยดูหมิ่นเหยียดหยามผม และให้กำลัง หนุนใจผมเสมอ)

ขอบคุณครับที่เตือนสติ

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

อาทิตย์ ธ.ค. 28, 2008 9:47 pm

พี่พลายแก้วผมเข้าใจนะที่พี่หงุดหงิดกับอะไรหลายๆอย่างในชีวิตทั้งคนทั้งอะไรหลายๆอย่าง  แต่ทุกคนก็เจอเหมือนกันครับถึงแม้จะเป็นต่างเคสกันไปก็เถอะ

แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าเราอยู่ร่วมกันเป็นสังคม ยิ่งเป็นบอร์ดศาสนาแล้วก็ยิ่งแล้วใหญ่เลย  ยังมีวิธีระบายให้ดีกว่านี้ได้ครับ ::001::
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ธ.ค. 28, 2008 9:58 pm

พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เขียน: พี่พลายแก้วผมเข้าใจนะที่พี่หงุดหงิดกับอะไรหลายๆอย่างในชีวิตทั้งคนทั้งอะไรหลายๆอย่าง  แต่ทุกคนก็เจอเหมือนกันครับถึงแม้จะเป็นต่างเคสกันไปก็เถอะ

แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าเราอยู่ร่วมกันเป็นสังคม ยิ่งเป็นบอร์ดศาสนาแล้วก็ยิ่งแล้วใหญ่เลย  ยังมีวิธีระบายให้ดีกว่านี้ได้ครับ ::001::

ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ คำเตือนสติของพี่น้องทุกท่าน ผมถือว่าเป็นคำสอนของพระฯมาเตือนผมครับ ขอบคุณครับ

เอาเป็นว่า ต่อไปผมจะระบายด้วยการ " สวดภาวนา" ดีกว่าไหมครับ

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
Like a Heaven
.
.
โพสต์: 1739
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
ที่อยู่: In the Christ

จันทร์ ธ.ค. 29, 2008 3:14 am

Pry-Kaew เขียน:
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เขียน: พี่พลายแก้วผมเข้าใจนะที่พี่หงุดหงิดกับอะไรหลายๆอย่างในชีวิตทั้งคนทั้งอะไรหลายๆอย่าง  แต่ทุกคนก็เจอเหมือนกันครับถึงแม้จะเป็นต่างเคสกันไปก็เถอะ

แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าเราอยู่ร่วมกันเป็นสังคม ยิ่งเป็นบอร์ดศาสนาแล้วก็ยิ่งแล้วใหญ่เลย  ยังมีวิธีระบายให้ดีกว่านี้ได้ครับ ::001::

ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ คำเตือนสติของพี่น้องทุกท่าน ผมถือว่าเป็นคำสอนของพระฯมาเตือนผมครับ ขอบคุณครับ

เอาเป็นว่า ต่อไปผมจะระบายด้วยการ " สวดภาวนา" ดีกว่าไหมครับ

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
ชื่นใจครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

จันทร์ ธ.ค. 29, 2008 2:04 pm

Pry-Kaew เขียน:


ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ คำเตือนสติของพี่น้องทุกท่าน ผมถือว่าเป็นคำสอนของพระฯมาเตือนผมครับ ขอบคุณครับ

เอาเป็นว่า ต่อไปผมจะระบายด้วยการ " สวดภาวนา" ดีกว่าไหมครับ

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม

อาแมน

ขอบคุณพระเจ้า และ ขอบคุณพี่แก้วคะ
s.gabriel
โพสต์: 1011
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 27, 2009 2:21 pm

อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 3:14 pm

ข้าแต่พระบิดาเจ้าข้า โปรดให้อภัยแก่พวกเขาด้วยเถิด เพราะพวกเขาไม่รู้กำลังทำอะไรลงไป
ตอบกลับโพส