มีเรื่องเล่าเปรียบเทียบมาแบ่งปัน
มีเมืองอยู่เมืองหนึ่ง ผู้คนในเมืองนี้ล้มป่วยและเป็นโรคกันอยุ่เป็นนิจย์ ด้วยว่าคนในเมืองนี้ไม่รู้วิธีการรักษาสุขภาพและไม่มีการจัดการเรื่องความสะอาดที่ดีพอ พวกเขามักจะปล่อยตัวให้ตัวเอกสกปรกเปรอะเปื้อนไปกับคราบและความสกปรกต่างๆอันเป็นแหล่งเพาะบนให้เกิดซึ่งโรคร้ายโดยที่พวกเขาเองก็มิรู้ตัวตระหนักถึง จนกระทั่งวันหนึ่งมีนายแพทย์เดินทางมาที่เมืองนี้ นายแพทย์ผู้นี้มีความรู้และเชี่ยวชาญในการรักษาโรคดี เขาเล็งเห็นว่าสาเหตุที่คนล้มป่วยกันบ่อยๆก็เพราะความสกปรกและระบบสาธารณสุขที่ไม่ได้มาตรฐานนั่นเอง เห็นดังนี้นายแพทย์จึงเริ่มลงมือรักษาคนทันที โดยเริ่มจากคนป่วยหนักที่ต้องการหมอเป็นพิเศษก่อน แล้วจึงค่อยรักษาคนที่อาการยังไม่หนักมาก เมื่อรักษาแล้วนายแพทย์ก็ย้ำถึงเรื่องสุขพลานามัย โดยเน้นย้ำว่าอย่าไปยุ่งกับสิ่งของที่สกปรก ต้องหมั่นอาบน้ำล้างตัวทำความสะอาดตัวอยู่เสมอ เพราะในความสกปรกมีเชื้อโรคทำให้เราป่วยได้
ชาวเมืองจำนวนหนึ่งหลังได้รับความรู้ความเข้าใจจากนายแพทย์ก็เปลี่ยนตัวเองใหม่ หันมาใส่ใจทำความสะอาดตัวเอง และ ที่อยู่อาศัยของตนให้สะอาดมากยิ่งขึ้น ทำให้พวกเขาปอดจากโรคร้ายนี้ แต่ก็มีชาวเมืองบางคนที่แม้จะได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถุกต้องเรื่องสุขพลานามัยจากนายแพทย์คนนี้แล้ว ก็ยังเลือกที่จะใช้ชีวิตจมปลักกับความสกปรกที่เคยชินแบบเดิมอยู่ ทำให้พวกเขาต้องทุกข์ทรมานจากโรคร้ายที่มาจากความสกปรกนั้น แต่กระนั้นก็ดีนายแพทย์คนนั้นก็ไม่เคยคิดจะท้อถอยในการช่วยรักษาโรคให้กับผู้คนทั้งเมืองนี้ ไม่ว่าคนไข้คนไหนจะดื้อแค่ไหน บอกวิธีรักษาควมสะอาดแล้วแต่ไม่ทำก็ตาม
นายแพทยืเข้าใจดีว่าเป็นการยากสหรับคนในเมืองนี้ที่พึ่งจะมารู้จักวิธีรักษาควาสะอาดอย่างถุกต้อง เพราะพวกเขาจมปลักกับวิธีใช้ชีวิตเดิมๆอย่างไม่รักษาสุขภาพของสังคมนี้มานานแล้ว และความสกปรกก็มีอยู่ทุกหย่อมหญ้าในเมืองนี้ แม้ผู้ที่ได้รักษาสุขพลานามัย รักษาตนจนสะอาดตามที่นายแพทยืบอกแล้ว แต่เมื่อมาเดินในเมืองก็ยังเสี่ยงที่เนื้อตัวจะสกปรกไปด้วย เพราะว่าเมืองนี้มีความสกปรกมานานแล้ว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนายแพทยืก็ยังไม่ท้อถอยตั้งใจทำงานต่อไป โดยเขาเน้นย้ำให้ผู้ที่เข้าใจวิธีการรักษาความสะอาดดีแล้วให้ทำต่อไปอย่างที่เขาสอน หากเผลอเรอติดสิ่งสกปรกมาเพียงใดให้รีบล้างออก ทำความสะอาดทันที เพื่อโรคภัยจะได้ไม่มาเยือน อย่าปล่อยทิ้งไว้นานเพราะจะทำให้เชื้อโรคแพร่ไปทั่วร่างจนล้มป่วยขึ้นมาอีก ที่สำคัญ นายแพทย์คนนี้เน้นย้ำตลอดเวลาว่าคลีนิคของเขาเปิดอยู่ที่ท้ายเมืองตลอดเวลา หากรู้สึกว่าตนเองป่วยเมื่อไหร่ให้มาเล่าอาการให้เขาฟังได้ เขาจะได้รีบรักษาโรคนั้นให้ในทันทีอย่าอายที่จะมาบอกว่าตนป่วยอีกแล้ว
นายแพทย์คนนี้ยังคงทำงานอย่างขยันขันแข็งต่อไป มีอาสาสมัครหลายคนมาช่วยนายแพทย์คนนี้ด้วยโดยสมัครเป็นอาสาสมัครบุรุษพยาบาล และ นางพยาบาล ช่วยรักษาผู้คน และ เผยแพร่วิธีการรักษาความสะอาดที่ถูกต้องให้แก่ชาวเมืองนั้น แม้จะยังมีหลายคนที่ยังป่วยอยู่และไม่ออกมารับการรักษา หรือยังไม่รักษาความสกปรกที่ติดตัวอยู่
แต่นายแพทย์คนนี้ก็ยังรอพวกเขา หวังว่าพวกเขาจะทำตามวิธีรักษาความสะอาดที่ได้สอนไป ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อประโยชน์ต่อตัวพวกเขาเอง
นายแพทย์คนนั้นมีชื่อว่า พระเยซูคริสต์
เรื่องเล่าเปรียบเทียบของนายแพทย์คนหนึ่ง
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
เสริมนิดว่า บางทีนายแพทย์ผู้นี้ก็เดินไปรักษาถึงที่บ้านเลยทีเดียว แต่ก็มีบางบ้านที่เปิดมาแล้วเห็นว่าเป็นหมอก็เลยตะโกนว่า"ฉันใช้ชีวิตแบบนี้แล้วมันหนักหัวใคร !!" ว่าแล้วก็ปิดประตู ปึ่ง!! แต่นายแพทย์ผู้นั้นก็คอยมาเคาะประตูอยู่ตลอดอย่างไม่หมดหวัง จวบจนวาระสุดท้ายของชิวิตเจ้าบ้านผู้นั้นซึ่งนายแพทย์ไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้ว..
ปล. แต่งเอง
ปล. แต่งเอง
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
:-* :-* แต่งเก่งจัง :-* :-*
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
เยี่ยมกู๊ด *no1
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นชาวบ้านที่ดื้อไม่ยอมเปลี่ยนตัวเอง
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ดีมากเลยครับ ตอนแรกอ่าน งง ๆ นะเพราะเหมือนลิงตั้งใจจะเล่านิทาน แต่พออ่านไปเรื่อย ๆ ก็เข้าใจที่ลิงกำลังบอกครับ
*thx ลิงครับ
*thx ลิงครับ
เปรียบได้เห็นภาพมากเลยครับ
สงสัยผมคงเป็นชาวบ้านที่ไม่ค่อยอาบน้ำเท่าไหร่
อีกหน่อยต้องป่วยหนักแน่ๆเลย
:-[
สงสัยผมคงเป็นชาวบ้านที่ไม่ค่อยอาบน้ำเท่าไหร่
อีกหน่อยต้องป่วยหนักแน่ๆเลย
:-[
อื้มมมม แจ่งแจ้งเป็นรูปธรรม *no1