หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 31, 2005 12:01 pm
โดย meMyself
ไปหยิบแผ่นพับของเวลาเรียนคำสอนที่โบสถ์อัสสัมมา
แล้วเห็นว่ามีเพื่อน ๆ หลายคนอยากทราบข้อมูลส่วนนี้
เลยเอามาบอกกันค่ะ ;D

โบสถ์อัสสัม (ซ. โอเรียลเต็ล/เจริญกรุง 40) - เรียนวันอาทิตย์ เวลา 10.00-11.30
เบอร์โทร 0-2234-8556,0-2234-4592 ,0-2233-7120

วัดเซนต์หลุยส์ สาทร - เรียนวันอาทิตย์ เวลา 15.30-17.00
เบอร์โทร 02-2110220 , 01-2130199, 02-6723406-7

วัดราชินีแห่งสันติสุข (สุขุมวิท 101 ) - เรียนวันอาทิตย์ เวลา 15.00-16.30
เบอร์โทร 02-7418502-2

วัดพระกุมารเยซู (ซ.ราม 2 / บางนา ตราด กม.ที่ 8 - เรียนวันอาทิตย์ เวลา 10.00-11.30
เบอร์โทร 02-3164910-11

วัดพระมหาไถ่ (ซ.ร่วมฤดี 5) - เรียนวันอาทิตย์ เวลา 9.00-11.00
เบอร์โทร 02-2566578 , 02-2566305

วัดแม่พระฟาติมา (ดินแดง) - เรียนวันจันทร์ ถึงศุกร์ เวลา 17.00-19.00 และ วันอาทิตย์ เวลา 10.00-12.00
เบอร์โทร 02-2451039 , 02-6429906

วัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ (สามเสน - ใกล้ ๆ โรงเรียนเซนต์ฟรัง) - เรียนวันอาทิตย์ เวลา 11.00-12.00
เบอร์โทร 02-2430060-2

วัดเซนต์จอห์น (ห้าแยกลาดพร้าว) - เรียนวันอาทิตย์ เวลา 16.00-17.00

วัดธรรมาสน์นักบุญเปโปตร (บางเชือกหนัง) (ซ.จริญสนิทวงศ์13 ) - เรียนวันเสาร์ เวลา 17.00-18.00 และ วันอาทิตย์ 10.00-12.00

วัดนักบุญเทเรซา (หนองจอก ถ.สังฆสันติสุข) - เรียนวันอาทิตย์ เวลา 10.30-12.00

วัดแม่พระองค์อุปถัมภ์ (ถ.กรุงเทพกรีฑา หัวหมาก) - เรียนวันอาทิตย์ เวลา 10.30-11.30

วัดพระมารดานิจจานุเคราะห์ (คลองจั่น - ซ.โอฬาร) - เรียนวันอาทิตย์ เวลา 10.30-12.00

วัดนักบุญมาร์โก ปทุมธานี - เรียนวันอาทิตย์ เวลา 10.30-12.00

วัดพระชนนีพระเป็นเจ้า (รังสิต อยู่เลยทางเข้าซอย หมู่บ้านเมืองเอกไปหน่อยนึง) - เรียนวันอาทิตย์ เวลา 10.15-12.00
เบอร์โทร 02-9921363-4

วัดอัครเทวดามีคาแอล (สะพานใหม่) - เรียนวันอาทิตย์ เวลา 16.00-17.30
เบอร์โทร 02-5211408 , 02-9724989-90

Re:เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 1:42 am
โดย ~@Little lamb@~
ขอบใจมากเลยจ๊ะ Nicky
น่ารักมากๆ :-* :-*

Re:เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 1:44 am
โดย meMyself
จริง ๆ ที่อื่นก็มีอีกอะค่ะ แต่ว่าในแผ่นพับที่ได้มา ไม่มีเวลาเขียนบอกเอาไว้อะค่ะ
จะมีก็แต่เบอร์โทรที่ให้โทรไปถามเอาเองอะค่ะ เพราะฉะนั้น รายชื่อบางวัดอาจจะไม่มีในรายชื่อที่ใส่ลงมา :)

Re:เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 1:48 am
โดย ~@Little lamb@~
สำหรับวัดอื่น ใส่เบอร์โทรไว้ เผื่อให้เขาโทรไปถามก็ได้จ๊ะ

Re:เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 1:51 am
โดย meMyself
โอเคค่ะ .. เดี๋ยวพรุ่งนี้ nicky มาโพสให้นะคะ :)

Re:เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 2:51 am
โดย ~@Little lamb@~
จ๊า~~~~~ :-*

Re:เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 10:35 am
โดย Belief Bcause Love
ดีจังเลยค่ะ

Re:เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 10:44 am
โดย Ot@
ขอบคุณมากๆครับ :-*


เออ เจ๊จิง รู้ไหมว่าที่วัดมารีสวรรค์เรียนคำสอนตอนไหนอะ? ???

Re:เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 9:09 pm
โดย ~@Little lamb@~
55555555

เดี๋ยวพี่ถามพ่อให้ :D

Re:เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 9:22 pm
โดย St.paul
แล้วไม่ลงวันที่เริ่มเรียนหรอครับ
ผมสนใจวัดวัดพระมหาไถ่ (ซ.ร่วมฤดี 5)

วัดแม่พระฟาติมา (ดินแดง) - เรียนวันจันทร์ ถึงศุกร์ เวลา 17.00-19.00 อันนี้ไปแค่วันอาทิตย์ เวลา 10.00-12.00
ได้มั้ยวันธรรมดาไม่ว่าง

Re:เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 9:37 pm
โดย claustrophobia
Welcome to St.john .
Je vous en prie.
:D *inlove

Re:เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 10:02 pm
โดย ~@Little lamb@~
ลองโทรไปติดต่อเองนะจ๊ะ
เบอร์โทรหาไม่ยาก ;)



ปล.
เหลือบดูน้องNicky
.........รอเบอร์ที่น้องหนูสัญญา :-*

Re:เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 1:54 am
โดย meMyself
มาแว้วค่าพี่จิง
nicky post เอาไว้ในข้อความเดียวกัน เพื่อคนที่เข้ามาดูจะได้ง่ายขึ้น
ไม่ต้องเลื่อนลงมาหาเยอะ ๆ
เลยจับใส่ไว้ในอันเดียวกันซะเลย :)

----------------

ส่วนเวลาของการเริ่มเรียนว่าเมื่อไหร่นั้น
ต้องโทรถามทางวัดเองอะค่ะ เพราะว่าแต่ละวัดจะเริ่มเรียนไม่เหมือนกัน
แต่ส่วนมาก จะเริ่มเรียนช่วงนี้ค่ะ (เดือนพฤษภา - มิถุนา)

และอีกหนึ่งอย่างคือ บางวัดที่มีเรียนหลาย ๆ วัน รวมทั้งมีวันอาทิตย์อย่างที่ถามเอาไว้
สามารถไปเรียนวันอาทิตย์วันเดียวก็ได้ค่ะ ..

ลองโทรถามทางวัดดูนะคะ ทางวัดจะให้คำตอบดีที่สุดเลย :)

Re:เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 2:05 am
โดย ~@Little lamb@~
ขอบใจจ๊ะ *no1
น่ารักมาก เป็นทั้งลูกแกะ และ นางสาวชุมพาบาลเลย

Re:เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 2:08 am
โดย meMyself
เงิ๊ก ... แหม พี่จิงก็ว่าไปนั่น

Re:เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:37 pm
โดย Junior Boy
โอ้ ดีจังเลย

Re:เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 12, 2006 3:42 pm
โดย sarina
บ้านอยู่ใกล้ๆวัดนักบุญ ซฟ ค่ะ
แต่ยังไม่เคยล้างบาปอะไรทั้งสิ้น
ไม่ทราบว่าถ้าสนใจ เนี่ยเข้าไปร่วมฟังได้เลย
หรือว่า ต้องติดต่ออะไรก่อนคะ


(ไม่รู้เรื่องเลยจริงๆค่ะ)

Re:เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 12, 2006 11:59 pm
โดย ~@Little lamb@~
ก็ไปบอกคุณพ่อแหละคะ
ว่าอยากเรียนคำสอน

เดี๋ยวคุณพ่อก็จะบอกเองว่าต้องทำอะไรบ้าง :D

Re: เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 13, 2006 10:52 am
โดย Acts 20:35 s
เพิ่มเติม ครับ

วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ ซ.ลาดพร้าว124 (เข้าทางซอยมหาดไทย ลาดพร้าว 122 ได้สะดวกครับ)
02-514-0501-2

อังคาร 10:30-12:00
อาทิตย์ 11:30-13:00

Re: เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 27, 2006 1:20 am
โดย Aeyu
เวลาเรียนของบ้านเซเวียร์ล่ะคะ

Re: เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 01, 2006 7:55 pm
โดย Agape
sarina เขียน: ไม่ทราบว่าถ้าสนใจ เนี่ยเข้าไปร่วมฟังได้เลย
หรือว่า  ต้องติดต่ออะไรก่อนคะ


(ไม่รู้เรื่องเลยจริงๆค่ะ)
ผมก็อยากทราบเหมือนกันว่าต้องติดต่อก่อนเข้ารึเปล่า

Re: เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 02, 2006 1:09 am
โดย ~@Little lamb@~
ถ้าอยากไปร่วมมิสซาเนี่ย..เข้าไปได้เลยค่ะ
ทำตามเขาทุกอย่าง  มีอยู่อยากเดียวที่ทำไม่ได้  คือออกไปรับศีล

Re: เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 02, 2007 1:47 pm
โดย St.paul
การเรียนคำสอน "คริสตชน พันปีที่สาม" โดย ค.พ.ศิริชัย เล้ากอบกุล

ในความหมายของคริสตศาสนาคือ การเรียนรู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นพระคัมภีร์ (Bible) ข้อความเชื่อ (Dogma) บทบัญญัติ (Testment) และสิ่งที่พระศาสนจักรสอน (Magisterium)


ดังนั้นคำว่า "คำสอน" จึงกินความได้กว้างมาก... สำหรับชาวคริสต์แล้ว วิชาคำสอนจึงเป็นวิชาที่สำคัญมาก เพราะเราจะเชื่อในพระเจ้าได้อย่างไร หากเราไม่มีความรู้เกี่ยวกับพระองค์เลย
แต่ถึงอย่างไรก็ดี ความรู้อาจจะไม่ทำให้เกิดความเชื่อ แต่ประสบการณ์ต่างหาก ที่ทำให้แต่ละคนเชื่อมั่นในศาสนา

คำสอนฉบับย่อนี้ มาจากหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า "คริสตชน พันปีที่สาม"
ยุคนี้เป็นยุคดิจิตอล ทุกสิ่งทุกอย่างจึงต้องฉับไว รวดเร็ว และง่ายต่อการนำไปใช้

คำสอนฉบับย่อนี้จึงพอเป็นแนวทางสำหรับคริสตชน หรือ ผู้ที่สนใจว่า คริสตชน เค้าเชื่ออะไรบ้างอย่างย่อ ๆ จึงเป็นคำสอนฉบับยุคดิจิตอลอย่างแท้จริง!


คริสตชนต้องดำเนินชีวิตอย่างไร?

1. ปฏิบัติธรรมบัญญัติทุกวัน
มีชายหนุ่มคนหนึ่งมาถามพระเยซูว่า จะทำอย่างไรจึงจะได้ไปสวรรค์พระองค์ตอบว่า... 
อย่าฆ่าคน อย่าผิดประเวณี อย่าลักขโมย อย่าโกหก (ใส่ความ นินทา)  จงเคารพบิดามารดาของตน และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง....(มธ.19:16-26)   
อธิบาย ข้อห้ามจะสมบูรณ์ต้องมีข้อปฏิบัติคือ
- อย่าฆ่าคน...ต้องเคารพ ส่งเสริมชีวิต
- อย่าผิดประเวณี...ต้องเคารพศักดิ์ศรีของบุคคล
- อย่าขโมย...ต้องเคารพสิทธิและทรัพย์    สินของผู้อื่น
- อย่าโกหก ใส่ความ นินทา...ต้องพูดความจริง
- เคารพบิดามารดา...รวมทั้งผู้ใหญ่ทางศาสนา บ้านเมือง

บัญญัตินี้สรุปเป็น "ให้รักผู้อื่นเหมือนตนเอง" หมายถึงรักตนเองก่อน แล้วจึงรักผู้อื่นให้เท่า ๆ กับรักตนเอง
การรักตนเอง หมายถึง การดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าและมีความสุข ตามที่พระเยซูสอนไว้   

- ผู้มีจิตใจอ่อนโยน ก็เป็นสุข
- ผู้ที่กระหายความชอบธรรม ก็เป็นสุข
- ผู้ที่ได้แสดงความเมตตา ก็เป็นสุข
- ผู้ที่มีใจบริสุทธิ์ ก็เป็นสุข
- ผู้ที่สร้างสันติก็เป็นสุข
- แม้แต่ผู้ที่ถูกเบียดเบียนข่มเหง
ใส่ร้ายเพราะท่านเป็นศิษย์ของเราก็เป็นสุขเพราะรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก
นี่เป็นพื้นฐานที่จะช่วยเราให้แสดงความรักต่อผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อคนยากจน คนโหยหิว และคนที่ทุกข์ระทม (เทียบ มธ.5:1-12)

2. ไปวัดในวันพระเจ้า (วันอาทิตย์ )
- เพื่อร่วมใจกับพี่น้องคริสตชน ถวายบูชามิสซาระลึกถึงพระเยซูและรับการไถ่บาปจากพระองค์
- ในมิสซา
- มีการภาวนาและสรรเสริญพระเจ้า
- ฟังเทศน์
- ทำบุญ
- รับศีล
- รับพร   

3. สวดภาวนาทุกวัน
การภาวนา คือการอยู่กับพระเจ้าการภาวนาจึงเป็นการสัมพันธ์กับพระเจ้าจากห้วงลึกของจิต - วิธีภาวนา พนมมือ หลับตา สำรวมจิตใจระลึกถึงพระบิดา พระบุตรและพระจิต (หรือแม่พระ นักบุญอื่น ๆ ) แล้วอธิษฐานสิ่งที่ต้องการ

-  เนื้อหาในการภาวนา มีการขอบคุณ ขอโทษสรรเสริญพระเจ้า หรือวอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์ ควรภาวนาเมื่อไร ?  ก่อนนอน เมื่อตื่นนอน
ก่อนทำงาน หรือจะออกเดินทาง
  การภาวนามีสองแบบคือ  แบบหนี่งพูดกับพระเจ้าตามความรู้สึกของจิตใจ เช่น "ข้าแต่พระเจ้าเวลานี้ลูกรู้สึกสับสน โปรดชี้แนะและนำทางในการตัดสินใจครั้งนี้..." เป็นต้น
  อีกแบบหนึ่งคือ     ภาวนาตามบทภาวนาที่ พระศาสนจักรแต่งขึ้น  ซึ่งเราใช้ภาวนาพร้อมกันในที่ชุมชนของคริสตชน  หรือส่วนตัวก็ได้ ต่อไปเป็นบทภาวนาที่ควรจำให้ขึ้นใจ

3-1.  เครื่องหมายกางเขน
  เดชะพระนาม  พระบิดา  และพระบุตร และพระจิต อาแมน

3-2.  เชิญพระจิต
  เชิญเสด็จมาพระจิตเจ้าข้า เชิญมาสถิตในดวงใจสัตบุรุษ และบันดาลให้เร่าร้อนด้วยความรักต่อพระองค์ โปรดส่งพระจิตของพระองค์และสรรพสิ่งจะอุบัติขึ้นมา แล้วพระองค์จะเนรมิตแผ่นดินขึ้นใหม่
  ข้าแต่พระเป็นเจ้า พระองค์สอนใจสัตบุรุษด้วยความสว่างของพระจิต ขอให้เราทราบซึ้งในความเที่ยงตรงด้วยพระจิตนั้น และให้ได้รับความบรรเทาจากพระองค์เสมอ เดชะพระสวามีคริสตเจ้า  อาแมน


3-3.  ข้าแต่พระบิดา
  ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์
โปรดประทานอาหารประจำวัน แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้
โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าอภัยให้แก่ผู้อื่น
โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้แพ้การประจญ
แต่โปรดช่วยให้พ้นจากความชั่วร้ายเทอญ


3-4. วันทามารีอา
  วันทามารีอา เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน พระเจ้าสถิตกับท่าน ผู้มีบุญกว่าหญิงใดๆ และพระเยซูโอรสของท่าน ทรงบุญนักหนา
  สันตะมารีอามารดาพระเจ้า โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาป บัดนี้และเมื่อจะตาย อาแมน


3-5. สิริพึงมี
  สิริพึงมีแด่พระบิดา และพระบุตร และพระจิต เหมือนในปฐมกาล บัดนี้และทุกเมื่อตลอดนิรันดร อาแมน


3-6. ข้าพเจ้าเชื่อ
  ข้าพเจ้าเชื่อถึงพระเป็นเจ้า พระบิดาทรงสรรพานุภาพสร้างฟ้าดิน เชื่อถึงพระเอกาบุตรเยซูคริสต์สวามีของเรา ปฎิสนธิเดชะพระจิตบังเกิดจากพระนางมารีย์พรหมจารี รับทรมานสมัยปอนซีโอ ปีลาโต ถูกตรึงกางเขนตายและฝังไว้เสด็จลงใต้บาดาล วันที่สามกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย เสด็จขึ้นสวรรค์ ประทับเบื้องขวาพระเป็นเจ้าพระบิดาทรงสรรพนุภาพ แล้วจะเสด็จมาพิพากษาผู้เป็นและผู้ตาย ข้าพเจ้าเชื่อถึงพระจิต พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์สากล สหพันธ์นักบุญ การยกบาป  การคืนชีพของเนื้อหนัง และ ชีวิตนิรันดร อาแมน


3-7. เยซู มารีอา ยอแซฟ
  เยซู มารีอา ยอแซฟ ข้าพเจ้าขอถวายดวงใจสติปัญญา และชีวิตแด่ท่าน
  เยซู มารีอา ยอแซฟ โปรดช่วยข้าพเจ้าเมื่อใกล้จะตาย
  เยซู มารีอา ยอแซฟ ขอช่วยให้ข้าพเจ้าสิ้นใจอย่างราบรื่นในศีลในพรของท่าน


3-8. โอ้พระชนนีของพระเป็นเจ้า
  โอ้พระชนนีของพระเป็นเจ้า ชาวเราหลบมาพึ่งท่าน โปรดอย่าเมินเฉยต่อคำวิงวอนในยามทุกข์ร้อนของเรา แต่โปรดช่วยเราให้พ้นภัยทั้งสิ้นเสมอเถิด ท่านศรีพรหมจารีผู้ทรงบุญ


3-9. ก่อนอาหาร
  ข้าแต่พระเป็นเจ้า โปรดอวยพรแก่ข้าพเจ้า และอาหารที่จะรับประทานนี้ อาแมน


3-10. หลังอาหาร
  ขอโมทนาพระคุณ โอ้พระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ ดำรงชีพและเสวยราชย์ตลอดนิรันดร อาแมน


3-11. การรับศีลอภัยบาป
  หลังจากได้พิจารณาบาปที่ตนได้ทำแล้ว ให้สำนึกผิดและขอโทษพระเจ้าและพี่น้องที่เราได้ทำผิด และตั้งใจว่าจะแก้ไขความผิดต่าง ๆ รวมทั้งการชดเชยสิ่งที่เสียหายจากความผิดนั้น (เมื่อเข้าพบพระสงฆ์เพื่อสารภาพบาป)
  คุณพ่อที่เคารพ ลูกแก้บาปครั้งสุดท้ายมาได้
  (บอกจำนวน) วัน/อาทิตย์/เดือน/ปี
  บาปของลูกมีดังนี้.............(ให้บอกบาปและจำนวนครั้ง)
แล้วฟังพระสงฆ์ให้คำแนะนำ พร้อมทั้งรับกิจการชดเชยบาป เสร็จแล้วสวดบทแสดงความทุกข์ในขณะเดียวกันพระสงฆ์จะสวดบทยกบาปให้ จบแล้วออกไปทำกิจการชดเชยบาป


3-12. บทแสดงความทุกข์
  ข้าแต่พระเป็นเจ้า ข้าพเจ้าเป็นทุกข์เสียใจที่ได้กระทำบาป เพราะบาปเรียกร้องอาชญาของพระองค์ แต่เป็นต้นเพราะมันทำเคืองพระทัยพระองค์ ซึ่งดีและน่ารักยิ่งนัก เดชะพระหรรษทานช่วย ข้าพเจ้าตั้งใจแน่วแน่ว่า จะไม่ทำบาปอีกเลย ทั้งจะอุตส่าห์ใช้โทษ ขอทรงพระกรุณายกบาปแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด
อาแมน


3-13. บทภาวนาของนักบุญฟรังซิส แห่งอัสซีซี
  ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้ข้าพเจ้าเป็นเครื่องมือของพระองค์เพื่อสร้างสันติ

- ที่ใดมีความเกลียดชัง ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำความรัก
- ที่ใดมีความเจ็บแค้น ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำการอภัย
- ที่ใดมีความแตกแยก ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำความสามัคคี
- ที่ใดมีความเท็จ ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำความจริง
- ที่ใดมีความสงสัย ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำความเชื่อ
- ที่ใดมีความสิ้นหวัง ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำความหวัง
- ที่ใดมีความมืด ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำความสว่าง
- ที่ใดมีความเศร้าโศก ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำความหรรษา
- ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้ข้าพเจ้าเป็นผู้บรรเทามากกว่าที่จะรับการบรรเทา
- เห็นใจผู้อื่นมากกว่าจะรับความเห็นใจ
- ให้รักผู้อื่นก่อนที่จะให้คนอื่นรักข้าพเจ้า เหตุว่า ผู้ที่ให้เท่านั้นก็จะได้รับ
  ผู้ที่ยกโทษก็จะได้รับการอภัย และในความตายนั้น จะได้เกิดใหม่ของชีวิตนิรันดร์   

3-14. ธรรมเนียมที่น่าสนใจ

- สวดสายพระคำ
- นพวาร คือการภาวนาตามบทภาวนาที่กำหนดเป็นเวลา 9 วัน ต่อพระเยซูเจ้าต่อแม่พระ หรือต่อนักบุญองค์ใดองค์หนึ่ง
- เดินรูป 14 ภาค คือพิธีกรรมระลึกถึงพระทรมานของพระเยซูเจ้า
-พิธีอวยพรด้วยศีลมหาสนิท
- ขอมิสซา เป็นการถวายปัจจัยให้พระสงฆ์ถวายบูชามิสซาอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตายหรือผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่

4. เรียนคำสอนเพิ่มเติม

- ควรอ่านพระคัมภีร์ทุกวัน
- เพื่อเรียนรู้ประวัติพระเยซู และคำสอนของพระองค์
- เพื่อเรียนรู้จิตตารมณ์คริสตชน ในการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างไร ?
- เรียนรู้เรื่องศีลศักดิ์สิทธิ์ ข้อความเชื่อต่าง ๆ และการภาวนา

พระเยซูสั่งว่า "จงรักกันไว้ ฉันรักพวกท่านอย่างไร พวกท่านก็จงรักกันอย่างนั้น...แล้วทุกคนจะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา" (ยน.13:33-35) อีกแง่หนึ่งคือ "จงทำตัวเป็นหนึ่งเดียวกันกับมนุษย์ชาติ"
-  จงทำคนนอกให้เป็นคนใน (ลก. 5:27-32) ด้วยการเชิญชวน และเป็นกันเองโดยการร่วมสังสรรค์กับเขา
- จงทำศัตรูให้เป็นมิตร (ลูกา 6:27-36) ด้วยการรักศัตรู ทำดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่าน อวยพรให้ผู้ที่แช่ด่าท่าน ภาวนาให้คนที่เคี่ยวเข็ญท่าน...ถ้าท่านรักแต่คนที่รักท่านแม้คนชั่วช้าก็ยังทำเช่นนั้น

ให้ภาวนาขอต่อพระเจ้า และเรียกพระองค์เป็นบิดา ดังนี้  ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย  พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง ขอให้ทุกสิ่งเป็นไปตามน้ำพระทัย ในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์  ขอประทานอาหารประจำวัน แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้ โปรดยกโทษข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้ายกให้ผู้อื่น อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าทั้งหลายแพ้การประจญ แต่โปรดช่วยให้พ้นภัย อาแมน (มธ.6:7-13)

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------


เราภาวนาขอสิ่งใดจากพระเจ้า ?

1. เราเรียกพระเจ้าเป็นพระบิดาของมนุษยชาติ  พระเจ้าเป็นต้นกำเนิดชีวิตของมนุษยชาติพระองค์จึงเป็นบิดาของเรา ตามที่พระคัมภีร์ได้บรรยายและสรุปได้ดังนี้
พระเจ้าสร้างโลก 6 วาระดังนี้ ...


-  พระเจ้าสร้างมนุษย์สุดท้าย     ตามรูปแบบของพระองค์แล้วมอบโลกให้เป็นสมบัติของมนุษย์ทุกคน เพื่อการดำเนินชีวิตร่วมกัน   ดังนั้นมนุษย์ทุกคนจึงมีสิทธิ์ในโลกนี้   นี่คือ  "สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน"

- พระเจ้าสร้างมนุษย์คนแรกชื่ออาดัม ต่อมาพระองค์เอาซี่โครงของอาดัม มาสร้างกายของเอวา แล้วมอบให้เป็นเพื่อนคู่ชีวิตแก่อาดัม
- อาดัมและเอวา จึงเป็นบิดามารดาคู่แรกของมนุษยชาติ เราจึงเป็นพี่น้องกัน (ปฐก.1-2) 

2. ขอให้อาณาจักรพระเจ้าจงมาถึง

  เราจะรู้ได้ว่า มารกำลังครอบงำโลกเพราะความชั่วเป็นใหญ่ เห็นได้ชัดจากที่คนจนและผู้ถูกกดขี่ต้องทนทุกข์ต้องทนทุกข์ และอยู่ใต้อำนาจจิตชั่ว เห็นได้จากความหน้าซื่อใจคด ความใจดำของชนชั้นนำในสมัยนั้น   และพระเยซูได้เรียกคนยุคนั้นว่า "ยุคชั่วช้าอธรรม"   ส่วนอาณาจักรพระเจ้านั้น พระเยซูประกาศว่า วันนั้นมาถึง คนจนจะได้มีส่วนในอาณาจักรพระเจ้า ผู้ที่โหยหิวจะได้อิ่มหนำ และผู้ที่กำลังร้องได้จะได้หัวเราะอย่างเบิกบาน (เทียบ ลก.6:20-21)   ดังนั้น เรากำลังอ้อนวอนพระเจ้าว่า ที่ใดมีเงาของอาณาจักรมาร ก็ขอให้อาณาจักรพระเจ้าเข้าครอบครองแทน และเราเองต้องเป็นเครื่องมือของพระเจ้าในภารกิจนี้ 


3. ขอให้มีอาหารรับประทานทุก ๆ วัน

  เราขออาหารประจำวันสำหรับทุก ๆ คนไม่ใช่ทุกคนจะโชคดีเหมือนกันหมด เมื่อเรามีเราจึงควรแบ่งปันให้กับคนขัดสนตามความสามารถให้มีกิน มีที่อยู่อาศัย ได้รับการศึกษา (เทียบ ลก.3:10-14)

4. ขอพระเจ้าอภัยในความผิดของเรา ให้เราเป็นคนใจกว้างพร้อมที่จะ...

  อภัยให้ตนเอง อย่างไม่มีเงื่อนไข   อภัยให้คนอื่น อย่างไม่มีเงื่อนไข   สาวกเปโตรถามพระเยซูว่า "เราต้องยกโทษให้พี่น้องที่ทำผิดต่อเราสักกี่ครั้ง ? สักเจ็ดครั้งพอไหม ?" พระเยซูตรัสตอบว่า "ไม่พอ ไม่ใช่เจ็ดครั้งเท่านั้น แต่เจ็ดสิบครั้งคูณด้วยเจ็ด" (มธ.18:21-22)

5. ขออย่าปล่อยให้เราแพ้การประจญ
  พระเยซูสอนว่า...

"จงระวังให้ดีและภาวนา เพื่อว่าพวกท่านจะได้ไม่ต้องถูกล่อลวงให้ทำบาป จิตใจพร้อมแล้วก็จริงแต่ร่างกายยังอ่อนแออยู่"    (มก.14:38)     การประจญที่พบบ่อย ๆ แม้แต่พระเยซูก็พบนั้นคือ  การหลงใหลใน อำนาจ ชื่อเสียงและเงินทอง แต่พระองค์ก็ชนะการประจญทุกครั้ง" (เทียบ มธ.4:1-11)




-------------------------------------------------------------------------------------------------------------มารีย์ มารดาของพระเยซู   
   
  มารีย์เป็นมารดาของพระเยซูตามคำเชื้อเชิญของพระเจ้าดังนี้... มารีย์มารดาของพระเยซูหมั้นอยู่กับยอแซฟแต่ก่อนที่ท่านทั้งสองจะแต่งานอยูกินด้วยกัน มารีย์ก็ทราบว่าพระจิตของพระเจ้าบันดาลให้เธอตั้งครรภ์...  เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นสมจริงตามพระดำรัสพระเจ้าที่ตรัสผ่านทางประกาศกว่า  "หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชาย ใคร ๆ จะเรียกท่านว่า อิมมานูแอล (แปลว่า พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา)" (มธ.1:18-23)   เราเรียกพระนางมารีย์สั้น ๆ ว่า "แม่พระ" เพราะพระนางเป็นแม่ของพระเยซูเจ้า และพระเยซูเจ้าได้มอบแม่พระให้เป็นแม่ของเรา ณ เชิงกางเขนที่พระองค์ถูกตรึงอยู่ว่า "แม่ ลูกของแม่อยู่ที่นั้น" แล้วตรัสกับสาวกว่า "แม่ของท่านอยู่ที่นั่น" (ยน.19:26-27)
บทบาทของแม่พระ

- เป็นคริสตชนคนแรก เพราะมอบทั้งชีวิตติดตามพระเยซูเจ้า
- นำคนให้รู้จักพระ และนำพระพรของพระมาสู่คน
- ร่วมรหัสธรรมปัสกากับพระเยซู (เกิด-รับทรมาน-ตาย และกลับเป็นขึ้นมาของพระเยซูเจ้า)
- แม่พระเป็นที่พึ่งและวีรสตรีของคริสตชน 

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Re: เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 02, 2007 1:55 pm
โดย St.paul
ศีลศักดิ์สิทธิ์

ศีลศักดิ์สิทธิ์ คืออะไร ?
           
เป็นเครื่องหมายภายนอก ที่ชี้หรือนำมนุษย์ให้ได้สัมผัสกับความรักของพระเจ้าในชีวิตประจำวัน และพระศาสนจักรได้แสดงออกในรูปแบบของพิธีกรรม ซึ่งนำพระหรรษทานมาสู่ผู้รับศีล
           
ศีลศักดิ์สิทธิ์ (Sacraments) ในความหมายที่กว้างออกไปอีก เราคริสตชนก็สมารถเป็นเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์ได้ ถ้าเราเป็นสื่อให้พี่น้องของเราได้ใกล้ชิดกับพระ หรือได้สัมผัสกับความรักของพระองค์ในชีวิตประจำวัน

ศีลศักดิ์สิทธิ์ มีกี่ศีลในพระศาสนจักร ?
  ในพระศาสนจักรมีศีลศักดิ์สิทธิ์อยู่ 7 ศีล ดังต่อไปนี้...

1. ศีลล้างบาป
  เป็นศีลแรกที่ทุกคนต้องรับเพื่อที่จะเป็นสมาชิกของพระศาสนจักร ตามที่พระเยซูเจ้าได้อธิบายให้นิโคเดมุสฟังว่า..  ผู้ที่จะเป็นประชากรของอาณาจักรพระเจ้าจะต้องเกิดใหม่จากน้ำและพระจิต     (ยน.3:1-8)
     
คนที่จะรับศีลนี้ต้องแน่ใจว่า จะละทิ้งหนทางที่ไร้ความรัก ความเมตตาต่อมนุษยชาติ และหันมารับเอาหนทางของพระเยซูคริสต์ ตามที่ยอห์นได้ประกาศเป็นแนวทางว่า จงกลับใจเสียใหม่...ใครมีเสื้อสองตัว จงเอาตัวหนึ่งให้คนที่ไม่มี และคนมีอาหาร จงแบ่งให้คนอดอยาก...ส่วนคนเก็บภาษีอย่าเก็บเกินพิกัด และพวกทหารอย่าบังคับขู่เข็ญเอาเงินจากผู้ใดหรือใส่ร้ายเขา จงพอใจกับค่าจ้างที่ตนได้รับ...(ลก.3:7-17)
ศีลศักดิ์สิทธิ์นี้ยังทำให้เขาเป็นสาวกของพระเยซู มีส่วนร่วมในบุญบารมีและศักดิ์ศรีของพระองค์คือการเป็น สงฆ์ ประกาศก และกษัตริย์ (ผู้นำ) ในชีวิตประจำวันของเขา

- หน้าที่สงฆ์คือ ภาวนา และร่วมถวายบูชามิสซา
- หน้าที่ประกาศกคือ สั่งสอนด้วยคำพูดและตัวอย่างที่ดี
- หน้าที่ของผู้นำคือ ต้องรักและช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก

2. ศีลกำลัง    เป็นศีลที่พระศาสนจักรอัญเชิญพระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือผู้รับ และประทานพระพรพิเศษให้ผู้รับ และประทานพระพิเศษให้ผู้รับได้มีพลังและปรีชญาณในการทำหน้าที่ของคริสต ในฐานะที่มีภารกิจร่วมกับพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็น สงฆ์ ประกาศก และกษัตริย์ เหมือนสมัยอัครสาวก
ห้าสิบวันหลังจากงานฉลองวันกู้ชาติ พวกสานุศิษย์มาชุมนุมในที่แห่งเดียวกัน ทันใดนั้นมีเสียงลมพัดจัด พัดกระโชกเข้ามาในบ้านที่กำลังชุมนุมกันอยู่ เขาเห็นเปลวไฟรูปร่างเหมือนลิ้นกระจายออกไปถูกทุกคน ต่างคนต่างได้รับพระจิต จึงเริ่มพูดภาษาอื่นตามที่พระจิตทรงบันดาลให้เขาพูด (กจ.2:1-4)
ในสมัยก่อน ผู้ใดจะเป็นสงฆ์ ประกาศกหรือกษัตริย์จะต้องได้รับการเจิมก่อนและในศีลบวชเป็นพระสงฆ์ในปัจจุบัน พระสังฆราชเจิมผู้สมัครบวชด้วยน้ำมันคริสมา ซึ่งเป็นน้ำมันที่ใช้เจิมผู้รับศีลกำลังด้วยเช่นกัน

3. ศีลมหาสนิท
    เป็นศีลที่พระเยซูตั้งขึ้นระหว่างทานเลี้ยงมื้อสุดท้ายกับสาวก พระองค์ตรัสว่า

  "เราปรารถนาเป็นอย่างมาก จะเลี้ยงฉลองกับพวกท่านก่อนที่เราจะถูกทรมาน"...แล้วพระองค์หยิบขนมปังขึ้นมาขอบคุณ พระองค์ทรงหักออกแล้วส่งให้บรรดาสาวกพลางตรัสว่า "นี่เป็นกายของเรา ซึ่งได้อุทิศให้พวกท่าน จงทำอย่างนี้เป็นที่ระลึกถึงเรา         (ลก.22:14-19)   พระองค์ทรงหยิบถ้วยขึ้นมา กล่าวขอบพระคุณพระเจ้า แล้วส่งให้พวกเขา ตรัสว่า "พวกท่านทุกคนดื่มเถิด นี่เป็นโลหิตของเราซึ่งประทับตราพันธสัญญาของพระเจ้า โลหิตของเราต้องไหลออกเพื่อคนเป็นอันมากจะได้รับการอภัยบาป           (มธ.26:26-29)
พระเยซูยังตรัสอีกว่า

"เราเป็นอาหารแท้ที่มาจากสวรรค์...คนที่กินอาหารนี้จะมีชีวิตนิรันดร"  (ยน.6:58)
  ดังนั้นศีลมหาสนิทจึงเป็นศีลแห่งการยกบาป และเป็นศีลที่จะให้ชีวิตนิรันดรแก่ผู้รับด้วย


4. ศีลอภัยบาป
    เป็นศีลที่อภัยบาปของเรา เมื่อเราผิดพลาดไป ไม่ว่าจะหนักหนาแค่ไหน เพื่อจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ชีวิตที่เราสัญญาไว้ในตอนรับศีลล้างบาป
    พระศาสนจักรได้รับอำนาจยกบาปจากพระเยซูเจ้า เมื่อพระองค์ตรัสกับนักบุญเปโตรว่า

"เปโตร ท่านคือศิลา บนศิลานี้เราจะสร้างศาสนจักรของเราไว้ แม้แต่ความตายก็ไม่อาจจะเอาชนะศาสนจักรของเราได้ เราจะมอบกุญแจเข้าอาณาของพระเจ้าให้ท่านไว้ สิ่งใดที่ท่านห้ามในโลกนี้ก็จะถูกห้ามในสวรรค์ และสิ่งใดที่ท่านอนุญาตในโลกนี้ก็จะได้รับอนุญาตบนสวรรค์ด้วย"          (มธ.16:16-20 , ยน.20:19-23)

5. ศีลเจิมคนไข้
    ความเจ็บป่วยหรือเวลาใกล้จะตาย เป็นเวลาที่เราจะเผชิญหน้ากับ "พระเจ้า" ผู้ซึ่งได้เชื้อเชิญเราให้มาอยู่กับพระองค์
    ศีลเจิมคนไข้เป็นศีลที่จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับสุขภาพดีคืนมา หรือรับการยกบาป ตามที่นักบุญยากอบเขียนไว้ว่า

มีใครในพวกท่านป่วยหรือ ? เขาควรจะเชิญผู้อาวุโสในศาสนจักรมาอธิษฐานเพื่อเขาแล้วให้ผู้อาวุโสนั้นชโลมน้ำมันให้ในนามพระเจ้า คำอธิฐานที่กล่าวมาด้วยความเชื่อจะช่วยคนป่วยได้ พระเจ้าจะให้เขากลับมีสุขภาพดีดังเดิม และจะทรงอภัยบาปที่ได้กระทำไปแล้ว ฉะนั้น จงสารภาพบาปต่อกันและอธิฐานเพื่อกัน เพื่อท่านจะได้หายโรค คำอธิฐานของคนดีมีพลังยิ่งนัก

6.  ศีลสมรส
    เป็นศีลที่คู่บ่าวสาวได้แสดงความรักและสมัครใจ  ต่อหน้าพระศาสนจักรว่า  จะรัก  ยกย่องให้เกียรติแก่กันและกัน    และใช้ชีวิตร่วมกันฉันสามีภรรยาจนกว่าชีวิตจะหาไม่  โดยไม่ถูกบังคับหรือมีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น

พระเยซูเจ้าได้ตรัสสอนเกี่ยวกับการสมรสว่า...

  แรกเริ่มเดิมทีนั้นพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้น  เป็นชายและหญิง เพราะเหตุนี้ชายจะละบิดามารดาของเขาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และทั้งสองจะเป็นดุจคน ๆ เดียวกัน   ดังนั้น...มนุษย์ต้องไม่แยกสิ่งที่พระเจ้าทรงผูกพันเข้าด้วยกัน...ถ้าชายใดหย่าภรรยาของตน...ชายนั้นไปแต่งงานใหม่  เขาก็ผิดประเวณี (มธ.19:1-9)
  ดังนั้น เมื่อรับศีลนี้แล้วจะหย่าแล้วแต่งงานใหม่ไม่ได้  จนกว่าฝ่ายหนึ่งจะตายจากไป


7.  ศีลบวชเป็นพระสงฆ์
    เป็นศีลที่พระศาสนาจักรเจิมให้ผู้ที่ได้รับการอบรมมาดีแล้วเป็นพระสงฆ์ เพื่อรับใช้พระศาสนจักรตามที่พระเยซูเจ้าได้สั่งสอนไว้

"กษัตริย์ในโลกนี้  มีอำนาจเหนือประชากรของเขา... แต่พวกท่านต้องไม่เป็นเช่นนั้น...ผู้นำตัองรับใช้ปวงชน... เหมือนอย่างที่เรามาอยู่ท่ามกลางพวกท่านดังผู้รับใช้    (ลก.22:24-27; เทียบ ยน.13:13-14)
พระสงฆ์ มีหน้าที่ปกครองสัตบุรุษในเขตวัดที่ได้รับมอบหมายจากพระสังฆราช มีหน้าที่ให้การอภิบาลสัตบุรุษโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านศีลศักดิ์สิทธิ์  สอนคำสอนของพระศาสนจักรและถวายบูชามิสซา

Re: เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 02, 2007 2:02 pm
โดย St.paul
"คริสตชน พันปีที่สาม" โดย ค.พ.ศิริชัย เล้ากอบกุล

Re: เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 03, 2007 9:32 am
โดย Florian
ชื่นชมน้องแทงค์จากใจจริง น้องมีแหล่งข้อมูลเยอะมาก สงสัยที่บ้านน้องคงมีหนังสือศรัทธามากมาย เปิดเป็นห้องสมุดได้เลยนะเนี่ย  :cheesy:  เปิดเป็นร้านหนังสือ(ศรัทธา)ให้เช่าคงดีเหมือนกันครับ  :angel:

Re: เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 22, 2007 1:25 pm
โดย ScapeGoat
เรียนถาม

จาก มัทธิว 19:1-9 ที่ว่า
แรกเริ่มเดิมทีนั้นพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้น  เป็นชายและหญิง เพราะเหตุนี้ชายจะละบิดามารดาของเขาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และทั้งสองจะเป็นดุจคน ๆ เดียวกัน  ดังนั้น...มนุษย์ต้องไม่แยกสิ่งที่พระเจ้าทรงผูกพันเข้าด้วยกัน...ถ้าชายใดหย่าภรรยาของตน...ชายนั้นไปแต่งงานใหม่  เขาก็ผิดประเวณี
ดังนั้น เมื่อรับศีลนี้แล้วจะหย่าแล้วแต่งงานใหม่ไม่ได้  จนกว่าฝ่ายหนึ่งจะตายจากไป

ทำไมคู่สมรสที่รับศีลจึงมีการหย่าร้างกันได้ อย่างนี้ก้อผิดศีล หรือบางทียังเห็นบางคนแต่งใหม่เลย แปลว่าในบางประเทศ อย่างอเมิรกา เป็นคาทอลิกที่ไม่เคร่งอย่างนั้นเหรอ เพื่อนที่รู้จักก็หย่า ก่อนนั้นเขาทนทุกข์มาก ตอนนี้เปลี่ยนเป็นคริสเตียนไปแล้ว ทั้งที่ตอนแรกยังชวนไปโบสถ์ เก่าแก่ อายุ 180 ปีอยู่เลย แต่เขามีชุมชนที่ดี ช่วยเหลือกัน และเป็นกำลังใจจนเขา
ผ่านวันแย่ ๆมาได้ ด้วยศรัทธา ที่แท้จริง ตามหลักคำสอนกับการปฏิบัิติบางทีมีพื้นฐานของความสมเหตุสมผลและ ปัจจัยอื่นที่อนุโลมได้มาเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า 
แค่อยากรู้น่ะ

Re: เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 22, 2007 1:39 pm
โดย อันตน
ScapeGoat เขียน: เรียนถาม

จาก มัทธิว 19:1-9 ที่ว่า
แรกเริ่มเดิมทีนั้นพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้น  เป็นชายและหญิง เพราะเหตุนี้ชายจะละบิดามารดาของเขาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และทั้งสองจะเป็นดุจคน ๆ เดียวกัน   ดังนั้น...มนุษย์ต้องไม่แยกสิ่งที่พระเจ้าทรงผูกพันเข้าด้วยกัน...ถ้าชายใดหย่าภรรยาของตน...ชายนั้นไปแต่งงานใหม่  เขาก็ผิดประเวณี
ดังนั้น เมื่อรับศีลนี้แล้วจะหย่าแล้วแต่งงานใหม่ไม่ได้  จนกว่าฝ่ายหนึ่งจะตายจากไป

ทำไมคู่สมรสที่รับศีลจึงมีการหย่าร้างกันได้ อย่างนี้ก้อผิดศีล หรือบางทียังเห็นบางคนแต่งใหม่เลย แปลว่าในบางประเทศ อย่างอเมิรกา เป็นคาทอลิกที่ไม่เคร่งอย่างนั้นเหรอ เพื่อนที่รู้จักก็หย่า ก่อนนั้นเขาทนทุกข์มาก ตอนนี้เปลี่ยนเป็นคริสเตียนไปแล้ว ทั้งที่ตอนแรกยังชวนไปโบสถ์ เก่าแก่ อายุ 180 ปีอยู่เลย แต่เขามีชุมชนที่ดี ช่วยเหลือกัน และเป็นกำลังใจจนเขา
ผ่านวันแย่ ๆมาได้ ด้วยศรัทธา ที่แท้จริง ตามหลักคำสอนกับการปฏิบัิติบางทีมีพื้นฐานของความสมเหตุสมผลและ ปัจจัยอื่นที่อนุโลมได้มาเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า 
แค่อยากรู้น่ะ
เขาหย่ากันตามกฎหมายหรือเปล่าครับ เท่าที่ผมทราบพระศาสนจักรไม่อนุญาตให้หย่านะครับ นอกจากจะแยกกันอยู่ แต่นั่นก็ไม่ใช่หย่า ส่วนแต่งงานใหม่ถ้ามีข้อพิสูจน์ได้ว่าการแต่งงานครั้งก่อนเป็นโมฆะก็สามารถทำได้ แต่ทั้งนี้ศีลกล่าวที่ให้ไปแล้วไม่มียกเลิกครับ (คุณพ่อที่อบรมคู่แต่งงานบอก)

Re: เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 22, 2007 2:36 pm
โดย Holy
1.อเมริกาส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นคาทอลิค แต่เป็นโปรแตสแตนท์
2.ฝรั่งส่วนมากเดี๋ยวนี้ ไม่ได้แต่งแบบเป็นศีลสมรสจริงๆ แค่ทำพิธีคล้ายๆ แต่ที่จริงไม่ใช่ก็มีมาก
3.หากหย่ากันตามกฎหมาย แต่ทำพิธีศีลสมรสแล้ว ศีลสมรสไม่ยอมรับการหย่าตามกฎหมาย เมื่อมีการแต่งงานใหม่ ถือเป็นการผิดประเวณี ดังนั้น จึงไม่สามารถรับศีลสมรสได้อีก
4.ส่วนมากอเมริกาก็อยู่กินกันเฉยๆเยอะแยะ แล้วแค่จดทะเบียนสมรมตามกฎหมายเท่านั้น แบบนั้นจะแต่งจะหย่ากันกี่รอบพระศาสนจักรไม่รับรู้ แต่พระเจ้ารู้
5.มีกรณีที่เกิดขึ้นกับดาราฮอลิวู้ดชื่อดัง คือ เจนิเฟอร์ โลเปส ซึ่งทำพิธีศีลสมรสแล้วหย่า เมื่อจะแต่งงานใหม่ พระศาสนจักรไม่อณุญาติทำพิธีศีลสมรสให้เธออีกแล้ว

Re: เวลาเรียนคำสอน(การเรียนก่อนจะล้างบาปเป็นคริสต์)ของแต่ละโบสถ์

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 24, 2007 3:43 pm
โดย ~*Little`Child*~
ขอบคุณมากๆคะ...

ได้สถานที่จะไปเรียนแล้วคะ...

แล้วซักวัน...จะได้ออกไปรับศีล..

ขอบคุณที่ช่วยมาบอกนะคะ...ได้ข้อมูลที่ดีมากคะ