วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ ระลึกถึงพระทรมานของพระเยซูเจ้า

วันระลึกถึงนักบุญ 365-6วัน ประวัตินักบุญ และวันฉลองสำคัญของคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
~ฮีUโปฟัuxaoxน้ๅโJ™~
โพสต์: 1653
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-

พฤหัสฯ. ก.พ. 18, 2010 9:18 am

วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ ระลึกถึงพระทรมานของพระเยซูเจ้า

วันนี้ ไม่มีพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ เราฉลองพระทรมานของพระเยซูเจ้า แต่ไม่ใช่พระทรมานซึ่งนำมาซึ่งความเศร้าโศก แต่เป็น glorious passion พระสงฆ์ใส่กาซูลาสีแดงไม่ใช่สีดำ สีแดงหมายถึง พระโลหิตที่พระเยซูเจ้าจอมกษัตริย์ทรงหลั่งบนไม้กางเขนอันเป็นการแสดงความ รักและลบล้างบาปของเรา (สีแดงเป็นสีของมรณสักขี ซึ่งยอมสละชีวิตของตนตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า)

พิธี ระลึกถึงพระทรมานให้ทำตอนบ่ายราว 3 โมง แต่อาจจะเลื่อนไปทำในเวลาที่เหมาะกว่า เพื่อให้สัตบุรุษมาร่วมพิธีได้มากที่สุดก็ได้ แต่ต้องไม่ล่าเกิน 3 ทุ่ม

โครงสร้างของพิธีกรรมแบ่งออกเป็น 3 ภาค คือ

1. ภาควจนพิธีกรรม

2. ภาคนมัสการกางเขน

3. ภาครับศีลมหาสนิท

ภาควจนพิธีกรรม

เริ่ม ด้วยขบวนแห่ของพระสงฆ์และศาสนบริกร บรรยากาศเป็นการรำพึงเงียบ ๆ ไม่มีเพลงเริ่มพิธี หลังจากนั้นพระสงฆ์หมอบกราบลง ซึ่งเป็นเครื่องหมายถึงความต่ำต้อยของมนุษย์และความเสียใจของพระศาสนจักร (คำแนะนำเรื่องเทศกาลมหาพรตและการเตรียมการสมโภชปัสกา ข้อ 65)

หลัง จากนั้นเป็นบทภาวนาของประธาน (ไม่กล่าวให้เราภาวนา) จากนั้นเป็นบทอ่าน 2 บท อสย 52:13-53:12 บทเพลงของผู้รับใช้ที่ 4 และ ฮบ 4:14-16.5:7-9 "ถึงแม้ว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตร ก็ยังทรงเรียนรู้ที่จะนบนอบเชื่อฟังโดยการรับทรมาน และเมื่อทรงกระทำภารกิจของพระองค์สำเร็จบริบูรณ์แล้ว ก็ทรงเป็นผู้บันดาลความรอดพ้นนิรันดรแก่ทุกคนที่ยอมนอบน้อมเชื่อฟังพระองค์"

ศูนย์ กลางของภาควจนพิธีกรรมอยู่ที่การอ่านพระทรมานของพระเยซูเจ้าจากพระวรสารนัก บุญยอห์น ซึ่งเล่าถึงพระทรมานของพระเยซูเจ้าเป็น เป็น glorious passion พระองค์ทรงรับพระทรมานด้วยใจสงบ ทรงเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นพระประสงค์ของพระองค์ (ไม่ใช่เพราะสถานการณ์บังคับ) ที่จะถวายชีวิตของพระองค์เป็นเครื่องบูชาแด่พระบิดา เพื่อความรอดพ้นของมนุษย์ทุกคน

หลัง จากนั้นเป็นบทภาวนาเพื่อมวลชน โดยลักษณะของบทภาวนาเพื่อมวลชนเป็นการตอบรับพระวาจาของพระเจ้า และเป็นการทำหน้าที่สงฆ์แห่งศีลล้างบาปของคริสตชนที่จะภาวนาเพื่อเพื่อน มนุษย์และเพื่อโลก จะสังเกตว่าบทภาวนาเพื่อมวลชนในวันนี้มีถึง 10 ข้อ และครอบคลุมอย่างกว้าง ๆ ถึงความต้องการของพระศาสนจักรและของโลก และในกรณีที่สังคมมีความต้องการสำคัญจริง ๆ (พระสังฆราช) ประมุขท้องถิ่นอาจอนุญาตให้เพิ่มเจตนาพิเศษได้ ชี้ให้เราเห็นว่า พระทรมานของพระเยซูเจ้าเป็นการถวายบูชาเพื่อมนุษย์ทุกคน

ดังนั้นภาควจนพิธีกรรมจึงเน้นที่การประกาศพระทรมาน การรำพึงถึงพระทรมาน และการภาวนาวอนขอให้ผลของพระทรมานบังเกิดผลแก่มนุษย์ทุกคน

ภาคนมัสการกางเขน

กางเขนเป็นเครื่องหมายแห่งความรักและการลบล้างบาปที่พระเยซูเจ้าประทานแก่เรา ภาคนมัสการกางเขนเริ่มด้วยการแสดงกางเขนซึ่งมี 2 แบบ

แบบ ที่ 1 ผู้ช่วยพิธีถือกางเขนที่มีผ้าคลุม กับอีกสองคนถือเทียนที่จุดแล้วมายังแท่น พระสงฆ์ยืนหน้าแท่นบูชา รับกางเขน เปิดผ้าตอนบนออกเล็กน้อย ชูกางเขนขึ้น ร้องเพลง "นี่คือไม้กางเขน" ทุกคนร้องตอบว่า "เชิญมากราบนมัสการร่วมกันเถิด" หลังจากนั้นทุกคนคุกเข่านมัสการเงียบ ๆ ครู่หนึ่ง แต่พระสงฆ์ยังคงยืนถือกางเขนชูอยู่ หลังจากนั้นพระสงฆ์เปิดผ้าคลุมแขนขวาของกางเขนชูขึ้นอีกครั้งพลางร้องเพลง และสัตบุรุษตอบรับและนมัสการกางเขนเหมือนข้างต้น ที่สุดพระสงฆ์เปิดผ้าคลุมกางเขนออกหมด ชูขึ้นพลางร้องเพลงและสัตบุรุษตอบรับและนมัสการกางเขนเหมือนเดิม ต่อจากนั้น พระสงฆ์พร้อมกับผู้ถือเทียนสองคน นำกางเขนไปที่ระหว่างโต๊ะรับศีลหรือที่อื่นที่เหมาะสม วางกางเขนลง ณ ที่นั้น หรือมอบให้ผู้ร่วมพิธีถือไว้โดยมีเทียนตั้งอยู่ทางซ้ายและขวาของกางเขน และนมัสการกางเขน

แบบที่ 2 พระสงฆ์หรือสังฆานุกรพร้อมกับผู้ช่วยอื่นไปที่ประตูวัด รับกางเขนที่ไม่มีผ้าปิด ส่วนผู้ช่วยพิธีก็รับเทียนที่จุดแล้วแห่ผ่านกลางวัดไปยังสักการสถาน ผุ้ถือกางเขนชูกางเขนขึ้นที่ใกล้ประตูครั้งหนึ่ง กลางวัดครั้งหนึ่ง และระหว่างโต๊ะรับศีลอีกครั้งหนึ่ง พลางร้องเพลง "นี่คือไม้กางเขน" ทุกคนร้องตอบว่า "เชิญมากราบนมัสการร่วมกันเถิด" หลังจากนั้นทุกคนคุกเข่านมัสการเงียบ ๆ ครู่หนึ่ง ต่อไป นำกางเขนไปที่ระหว่างโต๊ะรับศีลพร้อมด้วยเชิงเทียน

พระสงฆ์สามารถ เลือกวิธีหนึ่งได้ตามความเหมาะสม (ถ้าในวัดมีธรรมเนียมคลุมกางเขนและรูปพระน่าจะเลือกแบบที่ 1 แต่ถ้าที่วัดไม่มีธรรมเนียมคลุมกางเขนและรูปพระน่าจะเลือกแบบที่ 2 ...ผู้เขียน)

การ นมัสการกางเขนให้สัตบุรุษนมัสการแต่ละคน เป็นเจตนาเฉพาะของพิธีในวันนี้ แต่ถ้ามีสัตบุรุษจำนวนมาก อาจให้ทุกคนนมัสการไม้กางเขนพร้อมกัน อย่างที่มีกำหนดไว้ในหนังสือพิธี ให้ใช้ไม้กางเขนเพียงอันเดียวสำหรับให้สัตบุรุษนมัสการ เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ที่สมบูรณ์ในพิธี ไม้กางเขนที่ใช้ควรมีขนาดใหญ่และสวยงามพอสมควร

ภาครับศีลมหาสนิท

การ รับศีลเป็นการมีส่วนร่วมในพระทรมาน โดยการมีส่วนร่วมกับองค์พระเยซูเจ้าผู้ทรงมอบพระองค์เพื่อเรา และดำเนินชีวิตบนหนทางที่พระองค์ให้เป็นแบบอย่างแก่เรา

บทภาวนาหลังรับศีลเป็นบทวิงวอนเพื่อขอพระเจ้าได้โปรดรักษาผลงานแห่งพระเมตตาของพระองค์ไว้ในตัวของเรา

บท ขอพรเพื่อประชากรกล่าวถึงธรรมล้ำลึกปัสกา "ประชากรของพระองค์ได้รำลึกถึงการสิ้นพระชนม์ของพระบุตร พร้อมกลับหวังว่าจะกลับคืนชีพในภายหน้าแล้ว...โปรดให้เขาได้รับความเอ็นดู ปรานี ความทุเลาบรรเทา ความเชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ และความรอดพ้นตลอดนิรันดร"

ข้อ สังเกต การเดินรูปเป็นกิจศรัทธาที่ดีที่พระศาสนจักรสนับสนุน แต่สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกในวันศุกร์ ศักดิ์สิทธิ์ คือ พิธีกรรมระลึกถึงพระทรมานของพระคริสตเจ้า ดังนั้นการกำหนดเวลาต้องแสดงให้เห็นว่า พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์มีความสำคัญมากกว่ากิจศรัทธา

วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์เป็นวันชดเชยใช้โทษบาปโดยบังคับทั่วพระศาสนจักร โดยการอดเนื้อและจำศีลอดอาหาร

ไม่ มีการประกอบศีลศักดิ์สิทธิ์อื่นใดในวันนี้ นอกจากศีลอภัยบาปและศีลเจิมคนไข้ ถ้ามีพิธีฝังศพต้องทำโดยไม่มีการขับร้อง และไม่มีการตีระฆัง

ที่มา: http://www.catholic.or.th/spiritual/art ... ti014.html

และจะขอประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับ กิจกรรมของวันพระตายนะคับ

นอกจากมีมิสซาเวลาบ่าย3โมงแล้ว ก็จะยังมีพิธีถอดพระนะคับ

มีด้วยกัน 3วัดนะคับ ในอัครสังฆมณทลกรุงเทพฯนะคับ

1. คือวัด แม่พระลูกประคำนะคับ หรือว่า วัดกาลหว่า ที่วัดนนี้ ในอดีตจะมีพิธีการถอดพระนะคับ แต่ว่าปัจจุบัน วัดนี้จะเหลือเพียงการนะพระรูปพระศะของพระเยซุเจ้าออกมาแห่คับ และพระศพของวัดนี้ว่ากันว่า สวยที่สุดในสามวัดคับ

รายละเอียด: http://www.catholic.or.th/events/news/n ... holy2.html

2.วัด แม่พระปฎิสนธินิรมล หรือวัด คอนเซ็ปชัญ สามเสนคับ จะมีพิธีการถอดพระคับ โดยจะเป็นเริ่มด้วยการรำพันถึง"ชะตากรรมของผู้รับใช้ที่ต้องรับทรมานและความ ตาย" อันหมายถึงองค์พระเยซูคริสตเจ้า ผู้ซึ่งต้องรับทนทรมานและตายเพื่อไถ่บาปมนุษยชาติ บทรำพันทั้งหมดนี้เป็นคำรำพันของประกาศกเยเรมีย์ เมื่อรำพันจบแต่ละบทแต่ละตอน ก็จะดับเทียนทีละเล่มจนครบ 15 เล่ม จึงจบการรำพัน แล้วต่อด้วยการแสดงถึงการตรึงกางเขน คับ แล้ว ก็จะเป้นพิธี นำพระศพลงจากไม้กางเขน และนำแห่ ไปรอบๆวัดคับ

3. วัดซางตาครู้สคับ เริ่มด้วยการเดินมรรคาศักดิ์สิทธิ์ (เดินรูป 14 ภาค) รอบวัด โดยเริ่มจากสถานที่ 1 จนถึงสถานที่ 11 แล้วต่อด้วยการแสดงจนจบพิธีถอดพระเช่นเดียวกับวัดคอนเซ็ปชัญ และเมื่อเชิญพระศพลง ก็จะเคืล่อนพระศพไปยังบุศบก โบราณ และนำแห่ไปรอบๆวัด คับ พร้อมกับในวัดก็จะมีการเชิญพระธาตุมหากางเขน มาเพื่อให้ผู้คนที่ไปสามารถจูบพระธาตุได้ด้วยคับ

***** การถอดพระไม่ใช่ เป็นพิธีกรรม อะไรคับ เป็นคล้ายๆกับประเพณีของแต่ละท้องถิื่่่นนะคับ

*****พิธีถอดพระ ที่ซางตาครู้ส เริ่ม 1ทุ่มคับ คอนเซ็ปชัญเริ่ม6โมงเย้นคับ ส่วนพิธีแห่พระของกาลหว่า เริ่ม 1ทุ่มคับ

*****ข้อสังเกตุคือ วัดทุกวัดที่มีประเพณีนี้ ส่วนใหญ่ในอดีตล้วนเป้นลูกหลานของชาวโปรตุเกสนะคับ


*** เกิดมีข้อมุลอะไรคลาดเคลื่อนจะมาอัพให้อีกทีนะฮะ


ใครสะดวกก้มาร่วมกันเยอะๆนะคับ>_<
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. ก.พ. 18, 2010 10:52 am

ปีนี้ตรงกับวันที่ 2 เมษายน 2010 นะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Big_TC29
โพสต์: 333
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ค. 17, 2006 12:34 am
ที่อยู่: ในรู

พฤหัสฯ. ก.พ. 18, 2010 2:50 pm

Batholomew เขียน: ปีนี้ตรงกับวันที่ 2 เมษายน 2010 นะครับ
รับทราบครับ
† † † Hiruma Ryuichi † † †
โพสต์: 605
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
ที่อยู่: พเนจร
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ก.พ. 18, 2010 3:02 pm

ขอบคุณที่แบ่งปันครับ  : emo045 :
ตอบกลับโพส