วันนี้ ระลึกถึงพระเยซูเจ้าตั้งศีลมหาสนิท - ร่วมรับศีลมหาสนิทอย่างซาบซึ้ง
วันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของพระศาสนจักร เพราะเป็นวันระลึกถึงวันที่พระเยซูเจ้า ทรงตั้งศีลมหาสนิทในการเสวยพระกายาหารค่ำมื้อสุดท้าย
จึงขอนำ การไขแสดงจากพระองค์เองในเรื่องเกี่ยวกับศีลมหาสนิท มาหนุนจิตใจ เพื่อทุกท่านที่จะไปร่วมพิธีในวันพฤหัสศักดิ์สิทธิืนี้ จะได้รับกระกายและพระโลหิตได้อย่างซาบซึ้ง
พอถึงบทขอบพระคุณ พระอัครสังฆราชกล่าวบทเสกศีล ท่านเป็นคนร่างสูงปานกลาง แต่ท่านเริ่มสูงขึ้นในบัดดล ท่านเปี่ยมไปด้วยแสงสว่าง มีแสงเหนือ
ธรรมชาติสีทองเรื่อๆโอบคลุมท่านและส่งประกายเจิดจ้าบริเวณใบหน้า ฉันจึงมองไม่เห็นเด่นชัด
ฉันเห็นมือท่านตอนที่ท่านยกแผ่นศีล และที่หลังมือของท่านปรากฏรอยตำหนิที่ส่งแสงเจิดจ้าออกมา เป็นพระเยซูเจ้านั่นเอง! เป็นพระองค์เอง ที่สวมร่างของพระอัครสังฆราชราวกับพระองค์โอบมือท่านไว้ด้วยความรัก
ในชั่วขณะนั้นเอง แผ่นศีลเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเป็นแผ่นศีลขนาดมหึมา และในแผ่นศีลนั้นปรากฏพระพักตร์พระเยซูเจ้ากำลังมองมายังประชากรของพระองค์
ฉันก้มศีรษะลงโดยสัญชาตญาณ แล้วแม่พระตรัสดังนี้ “อย่ามองลง จงเงยหน้าขึ้นมองพระองค์ พิจารณาพระองค์ สบตาพระองค์ แล้วสวดบทภาวนาของฟาติมาตามแม่ดังนี้
“ข้าแต่พระเจ้า ลูกเชื่อในพระองค์ ลูกนมัสการพระองค์ ลูกวางใจในพระองค์ และลูกรักพระองค์ ลูกกราบขอสมาโทษแทนคนที่ไม่เชื่อในพระองค์ ไม่นมัสการพระองค์ ไม่วางใจในพระองค์ และไม่รักพระองค์...
แล้วบอกพระองค์ตอนนี้ว่าลูกรักพระองค์มากแค่ไหน แล้วขอให้ลูกถวายบังคมต่อจอมกษัตริย์”
ฉันบอกพระองค์ตามนี้และราวกับพระองค์ทรงมองจากแผ่นศีลขนาดใหญ่มาที่ฉันคนเดียว แต่ฉันทราบมาว่าพระองค์ทรงมองแต่ละคนในลักษณะเดียวกันนี้ด้วยความรักเต็มเปี่ยม ฉันซบหน้าลงจรดพื้นเหมือนกับที่เทวดาและผู้ศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ทำ พอท่านอัญเชิญแผ่นศีลลง แผ่นศีลก็กลับเป็นขนาดเท่าเดิมฉันน้ำตาไหลอาบแก้ม ไม่อาจกลั้นความอัศจรรย์ใจไว้ได้
จึงขอนำ การไขแสดงจากพระองค์เองในเรื่องเกี่ยวกับศีลมหาสนิท มาหนุนจิตใจ เพื่อทุกท่านที่จะไปร่วมพิธีในวันพฤหัสศักดิ์สิทธิืนี้ จะได้รับกระกายและพระโลหิตได้อย่างซาบซึ้ง
พอถึงบทขอบพระคุณ พระอัครสังฆราชกล่าวบทเสกศีล ท่านเป็นคนร่างสูงปานกลาง แต่ท่านเริ่มสูงขึ้นในบัดดล ท่านเปี่ยมไปด้วยแสงสว่าง มีแสงเหนือ
ธรรมชาติสีทองเรื่อๆโอบคลุมท่านและส่งประกายเจิดจ้าบริเวณใบหน้า ฉันจึงมองไม่เห็นเด่นชัด
ฉันเห็นมือท่านตอนที่ท่านยกแผ่นศีล และที่หลังมือของท่านปรากฏรอยตำหนิที่ส่งแสงเจิดจ้าออกมา เป็นพระเยซูเจ้านั่นเอง! เป็นพระองค์เอง ที่สวมร่างของพระอัครสังฆราชราวกับพระองค์โอบมือท่านไว้ด้วยความรัก
ในชั่วขณะนั้นเอง แผ่นศีลเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเป็นแผ่นศีลขนาดมหึมา และในแผ่นศีลนั้นปรากฏพระพักตร์พระเยซูเจ้ากำลังมองมายังประชากรของพระองค์
ฉันก้มศีรษะลงโดยสัญชาตญาณ แล้วแม่พระตรัสดังนี้ “อย่ามองลง จงเงยหน้าขึ้นมองพระองค์ พิจารณาพระองค์ สบตาพระองค์ แล้วสวดบทภาวนาของฟาติมาตามแม่ดังนี้
“ข้าแต่พระเจ้า ลูกเชื่อในพระองค์ ลูกนมัสการพระองค์ ลูกวางใจในพระองค์ และลูกรักพระองค์ ลูกกราบขอสมาโทษแทนคนที่ไม่เชื่อในพระองค์ ไม่นมัสการพระองค์ ไม่วางใจในพระองค์ และไม่รักพระองค์...
แล้วบอกพระองค์ตอนนี้ว่าลูกรักพระองค์มากแค่ไหน แล้วขอให้ลูกถวายบังคมต่อจอมกษัตริย์”
ฉันบอกพระองค์ตามนี้และราวกับพระองค์ทรงมองจากแผ่นศีลขนาดใหญ่มาที่ฉันคนเดียว แต่ฉันทราบมาว่าพระองค์ทรงมองแต่ละคนในลักษณะเดียวกันนี้ด้วยความรักเต็มเปี่ยม ฉันซบหน้าลงจรดพื้นเหมือนกับที่เทวดาและผู้ศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ทำ พอท่านอัญเชิญแผ่นศีลลง แผ่นศีลก็กลับเป็นขนาดเท่าเดิมฉันน้ำตาไหลอาบแก้ม ไม่อาจกลั้นความอัศจรรย์ใจไว้ได้
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พฤหัสฯ. เม.ย. 01, 2010 7:02 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
พระอัครสังฆราชกล่าวเสกเหล้าองุ่นต่อทันที ช่วงที่กล่าวอยู่นั้นปรากฏสายฟ้าแลบจากเบื้องบนและพื้นหลัง กำแพงกับเพดานโบสถ์หายลับไปทุกอย่างมืดสนิท เหลือแต่แสงโชติช่วงจากพระแท่น
ทันใดนั้น ฉันเห็นภาพพระเยซูถูกตรึงกางเขนลอยอยู่กลางอากาศ ฉันเห็นพระองค์แค่ครึ่งองค์ถึงบริเวณใต้ทรวงอก มีมือขนาดใหญ่และทรงพลังประคองลำแสงที่ไขว้กันนั้นอยู่ จากด้านในของลำแสงที่โชติช่วงนั้นมีแสงเล็กๆเหมือนกับนกพิราบที่ส่งประกายเจิดจรัสกระพือปีกบินไปรอบโบสถ์ แล้วมาเกาะอยู่ที่บ่าซ้ายของพระอัครสังฆราชที่ยังเห็นเป็นพระเยซูเจ้าอยู่ ที่ฉันแยกแยะออกก็เพราะพระเกศายาวสลวยของพระองค์ รอยแผลที่เปล่งแสงที่เห็นได้ชัดของพระองค์และพระวรกายของพระองค์ แต่ฉันมองไม่เห็นพระพักตร์พระองค์ เหนือขึ้นไปคือพระเยซูถูกตรึงกางเขน พระเศียรเอนลงไปทางไหล่ขวา ฉันสามารถพิจารณาพระพักตร์ ส่วนแขนที่ถูกโบยและเนื้อหนังที่เหวอะหวะ ทรวงอกด้านขวามีรอยแผล พระองค์บาดเจ็บ มีเลือดทะลักออกมาทางซีกซ้ายและซีกขวาเหมือนกับสายธารระยิบระยับ ดูเหมือนลำแสงพุ่งออกมาเป็นสายไปทางสัตบุรุษแล้วเคลื่อนไปทางขวาแล้วก็ทางซ้าย ฉันทึ่งกับปริมาณเลือดที่ไหลชโลมจอกกาลิกษ์ ฉันนึกว่าเลือดจะไหลล้นออกมาอาบพระแท่น แต่กลับไม่มีสักหยดที่กระเซ็นออกมา
ในช่วงนั้นเอง แม่พระตรัส “นี่คืออัศจรรย์เหนืออัศจรรย์ทั้งหลาย แม่เคยบอกลูกแล้วว่า องค์พระผู้เป็นเจ้ามิได้ถูกจำกัดด้วยเวลาและสถานที่ พอถึงช่วงบทขอบพระคุณนั้นผู้มาร่วมพิธีได้ถูกนำไปยังเชิงเขากัลวารีโอในเวลาที่พระเยซูถูกตรึง กางเขน”
ใครเล่าจะคาดคิดได้ เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่เราทุกคนไปอยู่ที่นั่นจริงในห้วงเวลาที่พวกเขาตรึงกางเขนพระเยซูเจ้า แล้วพระองค์กำลังวอนขอให้พระบิดาประทานอภัยให้เราแต่ละคนที่ได้ทำบาปด้วย มิใช่เฉพาะคนที่ประหารพระองค์เท่านั้น
“พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยความผิดแก่เขาเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร”
นับจากวันนั้นมา ฉันได้แต่ขอให้ทุกคนคุกเข่าและพยายามทุ่มเทจิตใจให้กับสิทธิพิเศษที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบให้เรานี้
ทันใดนั้น ฉันเห็นภาพพระเยซูถูกตรึงกางเขนลอยอยู่กลางอากาศ ฉันเห็นพระองค์แค่ครึ่งองค์ถึงบริเวณใต้ทรวงอก มีมือขนาดใหญ่และทรงพลังประคองลำแสงที่ไขว้กันนั้นอยู่ จากด้านในของลำแสงที่โชติช่วงนั้นมีแสงเล็กๆเหมือนกับนกพิราบที่ส่งประกายเจิดจรัสกระพือปีกบินไปรอบโบสถ์ แล้วมาเกาะอยู่ที่บ่าซ้ายของพระอัครสังฆราชที่ยังเห็นเป็นพระเยซูเจ้าอยู่ ที่ฉันแยกแยะออกก็เพราะพระเกศายาวสลวยของพระองค์ รอยแผลที่เปล่งแสงที่เห็นได้ชัดของพระองค์และพระวรกายของพระองค์ แต่ฉันมองไม่เห็นพระพักตร์พระองค์ เหนือขึ้นไปคือพระเยซูถูกตรึงกางเขน พระเศียรเอนลงไปทางไหล่ขวา ฉันสามารถพิจารณาพระพักตร์ ส่วนแขนที่ถูกโบยและเนื้อหนังที่เหวอะหวะ ทรวงอกด้านขวามีรอยแผล พระองค์บาดเจ็บ มีเลือดทะลักออกมาทางซีกซ้ายและซีกขวาเหมือนกับสายธารระยิบระยับ ดูเหมือนลำแสงพุ่งออกมาเป็นสายไปทางสัตบุรุษแล้วเคลื่อนไปทางขวาแล้วก็ทางซ้าย ฉันทึ่งกับปริมาณเลือดที่ไหลชโลมจอกกาลิกษ์ ฉันนึกว่าเลือดจะไหลล้นออกมาอาบพระแท่น แต่กลับไม่มีสักหยดที่กระเซ็นออกมา
ในช่วงนั้นเอง แม่พระตรัส “นี่คืออัศจรรย์เหนืออัศจรรย์ทั้งหลาย แม่เคยบอกลูกแล้วว่า องค์พระผู้เป็นเจ้ามิได้ถูกจำกัดด้วยเวลาและสถานที่ พอถึงช่วงบทขอบพระคุณนั้นผู้มาร่วมพิธีได้ถูกนำไปยังเชิงเขากัลวารีโอในเวลาที่พระเยซูถูกตรึง กางเขน”
ใครเล่าจะคาดคิดได้ เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่เราทุกคนไปอยู่ที่นั่นจริงในห้วงเวลาที่พวกเขาตรึงกางเขนพระเยซูเจ้า แล้วพระองค์กำลังวอนขอให้พระบิดาประทานอภัยให้เราแต่ละคนที่ได้ทำบาปด้วย มิใช่เฉพาะคนที่ประหารพระองค์เท่านั้น
“พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยความผิดแก่เขาเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร”
นับจากวันนั้นมา ฉันได้แต่ขอให้ทุกคนคุกเข่าและพยายามทุ่มเทจิตใจให้กับสิทธิพิเศษที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบให้เรานี้
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พฤหัสฯ. เม.ย. 01, 2010 6:41 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
พอถึงช่วงที่พระสงฆ์รับศีลมหาสนิท ฉันถึงได้เห็นพระสงฆ์ทุกองค์ที่อยู่ถัดจากพระอัครสังฆราช พอพวกท่านรับศีลมหาสนิท แม่พระตรัสดังนี้
“นี่ เป็นช่วงเวลาที่จะภาวนาให้แก่ประธานในพิธีและพระสงฆ์ที่ร่วมพิธี จงสวดภาวนาพร้อมกับแม่ดังนี้
‘พระเจ้าข้า โปรดอวยพรพวกท่าน โปรดบันดาลให้พวกท่านศักดิ์สิทธิ์
โปรดช่วยเหลือพวกท่าน โปรดรักพวกท่าน โปรดดูแลพวกท่านและค้ำจุนพวกท่าน
ด้วยความรักของพระองค์ โปรดทรงระลึกถึงพระสงฆ์ทุกองค์ทั่วโลก โปรดภาวนาให้แก่วิญญาณผู้ถวายตัวทั้งหลาย’ ...”
พี่น้องที่รัก ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่เราควรภาวนาให้พระสงฆ์เพราะพวกท่านคือพระศาสนจักรเช่นเดียวกับเราผู้เป็นฆราวาส บ่อยครั้งที่ฆราวาสอย่างเราๆเรียกร้องจากพระสงฆ์มากเหลือเกิน แต่เรากลับสวดให้พวกท่านไม่ได้ เราควรเข้าใจว่า พระสงฆ์ก็เป็นมนุษย์ปุถุชนเหมือนกับเรา และพวกท่านต้องการให้เราเข้าใจพวกท่าน พวกท่านต้องการความรักความเมตตาและความเอาใจใส่จากเรา เพราะพวกท่านได้อุทิศชีวิตของท่านให้เราแต่ละคนเหมือนกับที่ท่านได้ถวายตัวแด่พระเยซูเจ้าแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการให้ประชากรที่ทรงมอบหมายไว้กับพระสงฆ์สวดภาวนาให้พระสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ สักวันหนึ่งเมื่อเราอยู่อีกโลกหนึ่งแล้ว เราจะเข้าใจสิ่งน่าพิศวงที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้กระทำมาด้วยการมอบพระสงฆ์ให้มาช่วยเหลือวิญญาณของเราให้รอด
ผู้คนเริ่มลุกจากที่นั่งไปรับศีล ถึงช่วงเวลายิ่งใหญ่แห่งการพบกันแล้ว
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับฉันว่า “รอสักนิด เราอยากให้ลูกดูบางอย่าง...”
ฉันเงยหน้าขึ้นมอง เห็นผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มของเราที่ไปแก้บาปก่อนเข้ามิสซา กำลังรับศีลด้วยปาก พอพระสงฆ์วางแผ่นศีลลงบนลิ้นของเธอนั้น มีแสงสีขาวออกทองแผ่กำจายเข้าสู่ตัวเธอ โอบด้านหลังแล้วแผ่มาที่ไหล่แล้วก็ที่ศีรษะของเธอ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “วิธีนี้แหละที่ทำให้เราปลื้มใจที่ได้ โอบกอดวิญญาณหนึ่งผู้มารับเราด้วยหัวใจที่ใสสะอาด” พระสุรเสียงของพระองค์เหมือนคนที่ กำลังเบิกบานใจฉันตะลึงเมื่อเห็นเพื่อนคนนี้เดินกลับที่โดยมีแสงรอบตัวเธอและองค์พระผู้เป็นเจ้าโอบกอดเธออยู่
ฉันฉุกนึกถึงความมหัศจรรย์ที่เราพลาดไปหลายต่อหลายครั้ง เพราะเราเดินไปรับพระเยซูเจ้าทั้งๆที่เรายังมีบาปเบาหรือบาปหนัก เรามักแก้ตัวว่า
ไม่มีพระสงฆ์ฟังสารภาพบาปในช่วงที่กำหนดไว้ ปัญหากลับไม่ได้อยู่ตรงนั้น หากอยู่ที่เราปล่อยใจให้ตกอยู่ในความชั่วอีกเหมือนเดิม ผู้หญิงมักเข้าร้านเสริมสวย ส่วนผู้ชายก็ไปตัดผมเสียก่อนไปงานรื่นเริงฉันใด เราก็ควรพยายามมองหาพระสงฆ์เพื่อขจัดความสกปรกออกจากวิญญาณเราก่อนไปรับศีลฉันนั้น เราไม่ควรบุ่มบ่ามไปรับพระเยซูเจ้าเมื่อจิตใจของเราเต็มไปด้วยความอัปลักษณ์
“นี่ เป็นช่วงเวลาที่จะภาวนาให้แก่ประธานในพิธีและพระสงฆ์ที่ร่วมพิธี จงสวดภาวนาพร้อมกับแม่ดังนี้
‘พระเจ้าข้า โปรดอวยพรพวกท่าน โปรดบันดาลให้พวกท่านศักดิ์สิทธิ์
โปรดช่วยเหลือพวกท่าน โปรดรักพวกท่าน โปรดดูแลพวกท่านและค้ำจุนพวกท่าน
ด้วยความรักของพระองค์ โปรดทรงระลึกถึงพระสงฆ์ทุกองค์ทั่วโลก โปรดภาวนาให้แก่วิญญาณผู้ถวายตัวทั้งหลาย’ ...”
พี่น้องที่รัก ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่เราควรภาวนาให้พระสงฆ์เพราะพวกท่านคือพระศาสนจักรเช่นเดียวกับเราผู้เป็นฆราวาส บ่อยครั้งที่ฆราวาสอย่างเราๆเรียกร้องจากพระสงฆ์มากเหลือเกิน แต่เรากลับสวดให้พวกท่านไม่ได้ เราควรเข้าใจว่า พระสงฆ์ก็เป็นมนุษย์ปุถุชนเหมือนกับเรา และพวกท่านต้องการให้เราเข้าใจพวกท่าน พวกท่านต้องการความรักความเมตตาและความเอาใจใส่จากเรา เพราะพวกท่านได้อุทิศชีวิตของท่านให้เราแต่ละคนเหมือนกับที่ท่านได้ถวายตัวแด่พระเยซูเจ้าแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการให้ประชากรที่ทรงมอบหมายไว้กับพระสงฆ์สวดภาวนาให้พระสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ สักวันหนึ่งเมื่อเราอยู่อีกโลกหนึ่งแล้ว เราจะเข้าใจสิ่งน่าพิศวงที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้กระทำมาด้วยการมอบพระสงฆ์ให้มาช่วยเหลือวิญญาณของเราให้รอด
ผู้คนเริ่มลุกจากที่นั่งไปรับศีล ถึงช่วงเวลายิ่งใหญ่แห่งการพบกันแล้ว
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับฉันว่า “รอสักนิด เราอยากให้ลูกดูบางอย่าง...”
ฉันเงยหน้าขึ้นมอง เห็นผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มของเราที่ไปแก้บาปก่อนเข้ามิสซา กำลังรับศีลด้วยปาก พอพระสงฆ์วางแผ่นศีลลงบนลิ้นของเธอนั้น มีแสงสีขาวออกทองแผ่กำจายเข้าสู่ตัวเธอ โอบด้านหลังแล้วแผ่มาที่ไหล่แล้วก็ที่ศีรษะของเธอ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “วิธีนี้แหละที่ทำให้เราปลื้มใจที่ได้ โอบกอดวิญญาณหนึ่งผู้มารับเราด้วยหัวใจที่ใสสะอาด” พระสุรเสียงของพระองค์เหมือนคนที่ กำลังเบิกบานใจฉันตะลึงเมื่อเห็นเพื่อนคนนี้เดินกลับที่โดยมีแสงรอบตัวเธอและองค์พระผู้เป็นเจ้าโอบกอดเธออยู่
ฉันฉุกนึกถึงความมหัศจรรย์ที่เราพลาดไปหลายต่อหลายครั้ง เพราะเราเดินไปรับพระเยซูเจ้าทั้งๆที่เรายังมีบาปเบาหรือบาปหนัก เรามักแก้ตัวว่า
ไม่มีพระสงฆ์ฟังสารภาพบาปในช่วงที่กำหนดไว้ ปัญหากลับไม่ได้อยู่ตรงนั้น หากอยู่ที่เราปล่อยใจให้ตกอยู่ในความชั่วอีกเหมือนเดิม ผู้หญิงมักเข้าร้านเสริมสวย ส่วนผู้ชายก็ไปตัดผมเสียก่อนไปงานรื่นเริงฉันใด เราก็ควรพยายามมองหาพระสงฆ์เพื่อขจัดความสกปรกออกจากวิญญาณเราก่อนไปรับศีลฉันนั้น เราไม่ควรบุ่มบ่ามไปรับพระเยซูเจ้าเมื่อจิตใจของเราเต็มไปด้วยความอัปลักษณ์
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พฤหัสฯ. เม.ย. 01, 2010 6:46 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
พอฉันเดินไปรับศีลมหาสนิท พระเยซูเจ้าบอกฉันว่า
“อาหารค่ำมื้อสุดท้ายคือช่วงเวลาที่เราได้ใกล้ชิดลูกของเรามากที่สุด ระหว่างช่วงเวลาแห่งความรักนั้น เราได้ตั้งสิ่งซึ่งมนุษย์มองว่าเป็นการกระทำที่พิเรนทร์ที่สุดและทำให้เราเป็น ผู้ถูกจองจำเพราะความรัก เราได้ตั้งศีลมหาสนิท เราอยากอยู่กับลูกต่อไปจวบจนสิ้นยุคเพราะเรารักลูกเกินกว่าจะทนให้ลูกๆที่เรารักยิ่งกว่าชีวิตนั้นต้องอยู่อย่างไร้ ที่พึ่ง”
แผ่นศีลที่ฉันรับคราวนั้นมีรสชาติต่างไปจากเดิมเหมือนกับเลือดผสมกำยานที่ซาบซึมไปทั่วสรรพางค์ ฉันสัมผัสรู้ถึงความรักที่เปี่ยมล้นจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ฉันเดินกลับที่ไปคุกเข่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส “ฟัง สิ...” ต่อมาสักพักฉันเริ่มได้ยินคำภาวนาในใจของผู้หญิงที่นั่งอยู่แถวหน้าที่เพิ่งไปรับศีลมา สิ่งที่เธอภาวนาในใจอยู่ประมาณว่า ‘พระเจ้าข้า นี่ก็ใกล้สิ้นเดือนแล้ว ลูกยังไม่มีปัญญาจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าส่งรถกับค่าเล่าเรียนของลูกๆเลย พระองค์ต้องหาทางช่วยลูกนะ... ได้โปรดเถิด อย่าให้สามีของลูกเมาหัวราน้ำแบบนี้ ลูกชักจะทนไม่ไหวแล้ว ลูกคนสุดท้องก็ต้องเรียนซ้ำชั้นแน่ถ้าพระองค์ไม่ช่วย เขาต้องสอบอาทิตย์นี้แล้ว ...แล้วก็โปรดอย่าลืมเพื่อนบ้านของเราที่ต้องย้ายออกไปรายนั้นด้วย โปรดให้เธอย้าย
ออกทันที ลูกทนเธอไม่ได้อีกแล้ว...”
พระอัครสังฆราชกล่าว “ให้เราภาวนา” แล้วบรรดาพระสงฆ์ก็ยืนขึ้นสวดบทภาวนาปิดพิธี
พระเยซูเจ้าตรัสอย่างเศร้าสร้อย “ลูกสังเกต คำภาวนาของเธอไหมไม่มีช่วงไหนเลยที่เธอบอกว่าเธอรักเรา เธอไม่ขอบคุณเราสักนิดที่เรามอบพระพรให้เธอด้วยการลดความเป็นพระเจ้าของเราลงมาสู่ความเป็นมนุษย์ที่น่าสงสารของเธอเพื่อยกย่องเธอขึ้นมาหาเรา ไม่มีคำพูดแม้สักคำว่า ‘ขอบพระคุณพระองค์พระเจ้าข้า’ นี่เป็นบทร่ำวิงวอนเหมือนกับของลูกๆแทบทุกคนที่มารับเรา”
“อาหารค่ำมื้อสุดท้ายคือช่วงเวลาที่เราได้ใกล้ชิดลูกของเรามากที่สุด ระหว่างช่วงเวลาแห่งความรักนั้น เราได้ตั้งสิ่งซึ่งมนุษย์มองว่าเป็นการกระทำที่พิเรนทร์ที่สุดและทำให้เราเป็น ผู้ถูกจองจำเพราะความรัก เราได้ตั้งศีลมหาสนิท เราอยากอยู่กับลูกต่อไปจวบจนสิ้นยุคเพราะเรารักลูกเกินกว่าจะทนให้ลูกๆที่เรารักยิ่งกว่าชีวิตนั้นต้องอยู่อย่างไร้ ที่พึ่ง”
แผ่นศีลที่ฉันรับคราวนั้นมีรสชาติต่างไปจากเดิมเหมือนกับเลือดผสมกำยานที่ซาบซึมไปทั่วสรรพางค์ ฉันสัมผัสรู้ถึงความรักที่เปี่ยมล้นจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ฉันเดินกลับที่ไปคุกเข่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส “ฟัง สิ...” ต่อมาสักพักฉันเริ่มได้ยินคำภาวนาในใจของผู้หญิงที่นั่งอยู่แถวหน้าที่เพิ่งไปรับศีลมา สิ่งที่เธอภาวนาในใจอยู่ประมาณว่า ‘พระเจ้าข้า นี่ก็ใกล้สิ้นเดือนแล้ว ลูกยังไม่มีปัญญาจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าส่งรถกับค่าเล่าเรียนของลูกๆเลย พระองค์ต้องหาทางช่วยลูกนะ... ได้โปรดเถิด อย่าให้สามีของลูกเมาหัวราน้ำแบบนี้ ลูกชักจะทนไม่ไหวแล้ว ลูกคนสุดท้องก็ต้องเรียนซ้ำชั้นแน่ถ้าพระองค์ไม่ช่วย เขาต้องสอบอาทิตย์นี้แล้ว ...แล้วก็โปรดอย่าลืมเพื่อนบ้านของเราที่ต้องย้ายออกไปรายนั้นด้วย โปรดให้เธอย้าย
ออกทันที ลูกทนเธอไม่ได้อีกแล้ว...”
พระอัครสังฆราชกล่าว “ให้เราภาวนา” แล้วบรรดาพระสงฆ์ก็ยืนขึ้นสวดบทภาวนาปิดพิธี
พระเยซูเจ้าตรัสอย่างเศร้าสร้อย “ลูกสังเกต คำภาวนาของเธอไหมไม่มีช่วงไหนเลยที่เธอบอกว่าเธอรักเรา เธอไม่ขอบคุณเราสักนิดที่เรามอบพระพรให้เธอด้วยการลดความเป็นพระเจ้าของเราลงมาสู่ความเป็นมนุษย์ที่น่าสงสารของเธอเพื่อยกย่องเธอขึ้นมาหาเรา ไม่มีคำพูดแม้สักคำว่า ‘ขอบพระคุณพระองค์พระเจ้าข้า’ นี่เป็นบทร่ำวิงวอนเหมือนกับของลูกๆแทบทุกคนที่มารับเรา”
“เรายอมตายก็เพราะรัก และเราได้กลับคืนชีพแล้ว เราเฝ้าคอยลูกแต่ละคนเพราะรักและเรายังอยู่กับลูกก็เพราะรัก... แต่ลูกมิได้รู้สำนึกเลยว่าเราต้องการความรักจากลูก จำไว้เถิดว่าเราเป็นผู้มาวอนขอความรักในวาระที่สูงส่งสำหรับวิญญาณนี้”
พวกท่านรู้หรือไม่ว่าพระองค์ผู้เป็นองค์ความรักกำลังอ้อนวอนขอความรักจากเรา แล้วเราไม่ได้มอบความรักแด่พระองค์ มิหนำซ้ำ เรายังเลี่ยงที่จะพบองค์ความรักผู้พลีชีวิตเป็นเครื่องบูชานิรันดรเพียงเพราะความรัก
ฉันเคยได้ยินมาว่าองค์พระผู้เป็นเจ้ายังอยู่กับเราอีก 5-10 นาทีหลังรับศีล ฉันเลยถือโอกาสถามพระองค์เรื่องนี้ “พระเจ้าข้า จริงๆแล้วพระองค์อยู่กับพวกเรานานแค่ไหนหลังรับศีลมหาสนิท”
พระองค์ตอบว่า
“เราอยู่กับลูกตลอดเวลาที่ลูกต้องการให้เราอยู่นั่นแหละ ถ้าหากลูกพูดคุยกับเราตลอดวัน เรารับฟังลูกเวลาที่ลูกพูดกับเราระหว่างทำงานบ้าน เราอยู่กับลูกตลอดเวลา ลูกนั่นแหละเป็นฝ่ายที่จากเราไปเมื่อเลิกมิสซา หรือเมื่อวันฉลองบังคับสิ้นสุดลง ลูกถือวันของพระเจ้าก็จริง และตอนนี้ก็หมดหน้าที่ของลูกแล้ว ลูกไม่ได้คิดหรอกว่าเราอยากมีส่วนร่วมกับชีวิตครอบครัวของลูก อย่างน้อยก็ในวันนั้น”
“เราต้องการช่วยสิ่งสร้างของเราให้รอด เพราะในช่วงที่เปิดประตูสู่สวรรค์นั้น ท่วมล้นไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน... ระลึกไว้เถิดว่าไม่มีแม่คนไหนที่เอาเนื้อของนางเองมาเลี้ยงลูกของตนหรอก เราบรรลุถึงความรักระดับสูงที่สุดแล้วเพื่อถ่ายทอดบุญกุศลของเรามายังลูกทุกคน”
ตัดทอนจาก Eucharistic Heart of Jesus
สามารถอ่านแบบเต็มได้ที่ http://www.belongtothetruth.com/Holy/mass01.htm
พวกท่านรู้หรือไม่ว่าพระองค์ผู้เป็นองค์ความรักกำลังอ้อนวอนขอความรักจากเรา แล้วเราไม่ได้มอบความรักแด่พระองค์ มิหนำซ้ำ เรายังเลี่ยงที่จะพบองค์ความรักผู้พลีชีวิตเป็นเครื่องบูชานิรันดรเพียงเพราะความรัก
ฉันเคยได้ยินมาว่าองค์พระผู้เป็นเจ้ายังอยู่กับเราอีก 5-10 นาทีหลังรับศีล ฉันเลยถือโอกาสถามพระองค์เรื่องนี้ “พระเจ้าข้า จริงๆแล้วพระองค์อยู่กับพวกเรานานแค่ไหนหลังรับศีลมหาสนิท”
พระองค์ตอบว่า
“เราอยู่กับลูกตลอดเวลาที่ลูกต้องการให้เราอยู่นั่นแหละ ถ้าหากลูกพูดคุยกับเราตลอดวัน เรารับฟังลูกเวลาที่ลูกพูดกับเราระหว่างทำงานบ้าน เราอยู่กับลูกตลอดเวลา ลูกนั่นแหละเป็นฝ่ายที่จากเราไปเมื่อเลิกมิสซา หรือเมื่อวันฉลองบังคับสิ้นสุดลง ลูกถือวันของพระเจ้าก็จริง และตอนนี้ก็หมดหน้าที่ของลูกแล้ว ลูกไม่ได้คิดหรอกว่าเราอยากมีส่วนร่วมกับชีวิตครอบครัวของลูก อย่างน้อยก็ในวันนั้น”
“เราต้องการช่วยสิ่งสร้างของเราให้รอด เพราะในช่วงที่เปิดประตูสู่สวรรค์นั้น ท่วมล้นไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน... ระลึกไว้เถิดว่าไม่มีแม่คนไหนที่เอาเนื้อของนางเองมาเลี้ยงลูกของตนหรอก เราบรรลุถึงความรักระดับสูงที่สุดแล้วเพื่อถ่ายทอดบุญกุศลของเรามายังลูกทุกคน”
ตัดทอนจาก Eucharistic Heart of Jesus
สามารถอ่านแบบเต็มได้ที่ http://www.belongtothetruth.com/Holy/mass01.htm
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ขอบคุณครับ
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
ขอบคุณจ้า..
ขอบคุณครับ
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
ขอบคุณครับพี่ปอ
ขอแบ่งปันประสบการณ์ ปกติเวลาที่พระสงฆ์เสกศีลมหาสนิทช่วงสั่นกระดิ่งแล้วทุกคนที่คุกเข่าจะก้มศรีษะลงนั้นปกติผมจะคุกเข่าอยู่ที่ที่นั่งซึ่งเมื่อก้มก็จะติดพนักด้านหน้า แต่มีอยู่วันหนึ่งเนื่องจากผมไม่ได้เอากระเป๋าไปจองที่ไว้พอกลับมาจากแก้บาปก็ไม่มีที่นั่งเลยยืนอยู่ด้านข้างตลอดมิสซา ซึ่งพอช่วงเสกศีลจากปกติจะก้มแค่หัวจรดพนัก ในวันนั้นมีบางอย่างบอกให้ผมก้มกราบลงกับพื้น ซึ่งทันทีที่มือผมสัมผัสกับพื้นและหน้าผากสัมผัสกับหลังมือ มันมีความรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูกหัวใจสั่นเต้นรัวและไวมาก ก้มแล้วไม่อยากจะยกศรีษะขึ้นมา แต่เนื่องจากกลัวเป็นที่สะดุดจึงลุกขึ้นมา พอพระสงฆ์เสกเหล้าองุ่นผมก็ก้มอีกความรู้สึกนี้ก็มาอีกครั้ง จนรู้สึกน้ำตาจะไหล แต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้ได้
ปล. ทุกครั้งที่คุณพ่อเสกศีล และเมื่อรับศีล ผมมักจะมีความรู้สึกในสั่น ๆ หัวใจเต้นรัวมาก ๆ จนอยากจะร้องไห้ทุกครั้ง (ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอุปทานหรืออย่างไรแต่ทุกครั้งภาพใน The Passion Of The Christ จะปรากฎขึ้นในสมอง
ขอแบ่งปันประสบการณ์ ปกติเวลาที่พระสงฆ์เสกศีลมหาสนิทช่วงสั่นกระดิ่งแล้วทุกคนที่คุกเข่าจะก้มศรีษะลงนั้นปกติผมจะคุกเข่าอยู่ที่ที่นั่งซึ่งเมื่อก้มก็จะติดพนักด้านหน้า แต่มีอยู่วันหนึ่งเนื่องจากผมไม่ได้เอากระเป๋าไปจองที่ไว้พอกลับมาจากแก้บาปก็ไม่มีที่นั่งเลยยืนอยู่ด้านข้างตลอดมิสซา ซึ่งพอช่วงเสกศีลจากปกติจะก้มแค่หัวจรดพนัก ในวันนั้นมีบางอย่างบอกให้ผมก้มกราบลงกับพื้น ซึ่งทันทีที่มือผมสัมผัสกับพื้นและหน้าผากสัมผัสกับหลังมือ มันมีความรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูกหัวใจสั่นเต้นรัวและไวมาก ก้มแล้วไม่อยากจะยกศรีษะขึ้นมา แต่เนื่องจากกลัวเป็นที่สะดุดจึงลุกขึ้นมา พอพระสงฆ์เสกเหล้าองุ่นผมก็ก้มอีกความรู้สึกนี้ก็มาอีกครั้ง จนรู้สึกน้ำตาจะไหล แต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้ได้
ปล. ทุกครั้งที่คุณพ่อเสกศีล และเมื่อรับศีล ผมมักจะมีความรู้สึกในสั่น ๆ หัวใจเต้นรัวมาก ๆ จนอยากจะร้องไห้ทุกครั้ง (ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอุปทานหรืออย่างไรแต่ทุกครั้งภาพใน The Passion Of The Christ จะปรากฎขึ้นในสมอง
บังเอิญว่าปีนี้ได้เป็นอัครสาวกอีกปีหนึ่ง
ตอนที่พระสงฆ์มาล้างเท้าให้ ชาดนิ มันจับใจบอกไม่ถูก เราเป็นลูกเต้าเหล่าใครพ่อยังไม่รู้พ่อยังอุตส่าห์ล้างเท้าให้ พ่อแม่ของพระสงฆ์นี่ต้องใจกว้างจริงๆถึงได้ยอมมอบลูกให้ทำแบบนี้ได้
ในตอนนั้นนึกไปนึกว่าพาลนึกไปถึงแม่พระว่า แม่พระนี่ก็ใจกว้างอย่างมากทีเดียว ถึงยอมปล่อยให้พระเยซูรับพระมหาทรมานเพื่อเราได้
สาวๆโสดๆรีบหาฝาละมีหาลูกส่งให้เป็นพระสงฆ์กันเยอะๆเน้อ
ปล. พระสงฆ์มีน้อยโปรดใช้สอยอย่างประหยัด
ตอนที่พระสงฆ์มาล้างเท้าให้ ชาดนิ มันจับใจบอกไม่ถูก เราเป็นลูกเต้าเหล่าใครพ่อยังไม่รู้พ่อยังอุตส่าห์ล้างเท้าให้ พ่อแม่ของพระสงฆ์นี่ต้องใจกว้างจริงๆถึงได้ยอมมอบลูกให้ทำแบบนี้ได้
ในตอนนั้นนึกไปนึกว่าพาลนึกไปถึงแม่พระว่า แม่พระนี่ก็ใจกว้างอย่างมากทีเดียว ถึงยอมปล่อยให้พระเยซูรับพระมหาทรมานเพื่อเราได้
สาวๆโสดๆรีบหาฝาละมีหาลูกส่งให้เป็นพระสงฆ์กันเยอะๆเน้อ
ปล. พระสงฆ์มีน้อยโปรดใช้สอยอย่างประหยัด
-
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm
สับดาห์ศักดิ์สิทธิ์ปีนี้ ผมรู้สึกอยากไปมากๆ แต่ก็ไม่ได้ไป แล้วก็ำพวกพี่ๆที่ผมเคยเรียนคำสอนด้วยกันก็จะล้างบาปวันพรุ่งนี้แล้ว รู้สึกน้อยใจตัวเองว่าทำไมเราถึงไม่โอกาสรับศีลล้างบาปเหมือนคนอื่นบ้างล่ะ
เนื่องด้วยหน้าภาระและหน้าที่ในการทำงาน
ลูกจึงไม่อาจไปร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ ของพระองค์ได้ ในวันสำคัญที่ผ่านมา
ลูกช่างเป็นคนบาป อะไรเช่นนี้ ลูกละอายใจเหลือเกิน
ในวันอาทิตย์นี้ ลูกจะขอประกอบพิธีกรรม อย่างตั้งใจ
ขอให้พระเป็นเจ้าทรงยกโทษ ให้ลูกด้วยเทอญ
ลูกจึงไม่อาจไปร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ ของพระองค์ได้ ในวันสำคัญที่ผ่านมา
ลูกช่างเป็นคนบาป อะไรเช่นนี้ ลูกละอายใจเหลือเกิน
ในวันอาทิตย์นี้ ลูกจะขอประกอบพิธีกรรม อย่างตั้งใจ
ขอให้พระเป็นเจ้าทรงยกโทษ ให้ลูกด้วยเทอญ
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
ความรู้สึกเดียวกันเลยตอนที่ผมเรียนคำสอนปีแรก เพื่อน ๆ รุ่นเดียวกันได้รับศีลล้างบาปกันหมด แต่ผมไม่ได้ล้างเพราะว่าติดภาระต้องบวชพระสงฆ์ทางพุทธให้พ่อและแม่ เลยเรียนคำสอนต่ออีก ปีHoly Bible เขียน: สับดาห์ศักดิ์สิทธิ์ปีนี้ ผมรู้สึกอยากไปมากๆ แต่ก็ไม่ได้ไป แล้วก็ำพวกพี่ๆที่ผมเคยเรียนคำสอนด้วยกันก็จะล้างบาปวันพรุ่งนี้แล้ว รู้สึกน้อยใจตัวเองว่าทำไมเราถึงไม่โอกาสรับศีลล้างบาปเหมือนคนอื่นบ้างล่ะ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
หมายถึงใครคนนั้นหรือเปล่าฮะจ้าวอันตน เขียน: สาวๆโสดๆรีบหาฝาละมีหาลูกส่งให้เป็นพระสงฆ์กันเยอะๆเน้อ
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
แถวไหนย่ะเจ้า
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
^
^
จ้าวฮะ มีคนร้อนตัวฮะจ้าว เราคนทำไงดีฮะ?
^
จ้าวฮะ มีคนร้อนตัวฮะจ้าว เราคนทำไงดีฮะ?
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
พัทยามันร้อนอ่ะ