นักบุญที่ฉลอง วันที่ 6 กันยายน

วันระลึกถึงนักบุญ 365-6วัน ประวัตินักบุญ และวันฉลองสำคัญของคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Veritas
โพสต์: 483
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 01, 2010 1:24 pm

เสาร์ ก.ย. 04, 2010 11:05 am

นักบุญที่ฉลอง วันที่ 6 กันยายน


Saint Magnus
นักบุญ แม็กนัส


องค์อุปถัมภ์ : ต้านลูกเห็บ, ต้านพายุหิมะ, ต้านฟ้าผ่า, ต้านงู, ต้านแมลง เห็บไร กวนใจ, พิทักษ์พืชผล



รูปภาพ



รูปภาพ





ท่านเป็นพระในอารามนักบุญ กาลเลน ในประเทศ สวิทเซอร์แลนด์ ท่านเกิดในช่วงปี 700 และมรณภาพวันที่ 6 กันยายน ปี 772 ขณะที่บางแหล่งข้อมูลกล่าวว่าเป็นปี 750 ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติของท่านมากนัก เช่นเดียวกับข้อมูลประวัติอื่นๆ ของท่าน แต่เรื่องราวที่โดดเด่นและน่าสนใจที่สุดของท่าน ไม่พ้นเรื่องการเดินทางและสยบมังกรร้ายของท่าน


นักบุญแม็กนัส ได้ออกเดินทางออกจากอาราม นักบุญ กาลเลน ออกเดินทางร่วมไปกับสหายของท่าน 2 คน คือ ทอซโซ่ และ เธโอดอร์ โดยจุดประสงค์ของการเดินทางนี้ คือการไปลดปัญหาอันร้อนระอุในเขต อัลเกาว์ (ทางตอนใต้ของเยอรมัน) ท่านเดินทางผ่าน เขตทะเลสาบ บอแดน เคมป์เทน เขตทะเลทราย จนไปถึงเมืองของพวกเพเกิน ที่นั่นท่านได้ฟื้นฟูคริสต์ศาสนาความเชื่อ ความศรัทธาของผู้คน ณ สถานที่แห่งนั้น พร้อมกับได้ทำการบูรณะโบสถ์วิหารขึ้นมาใหม่ด้วย เธโอดอร์ ได้จากท่านไปทำหน้าที่เป็นบาทหลวงประจำเมืองนั้น ทำให้เหลือเพียง แม็กนัส กับ ทอซโซ่ เพียง 2 คนเท่านั้นที่ทำการเดินทางต่อ


ท่านเดินทางต่อจนมาถึงละแวกใกล้เคียงของ ฟุซเซน ณ ที่นั่นมีโบสถ์ถูกสร้างไว้ใกล้ๆ กับหมู่บ้าน วอลเตนโฮเฟน ซึ่งในภายหลังได้ก่อตั้งอารามแห่ง ฟุซเซน ขึ้น ณ สถานที่แห่งนั้น ระหว่างการเดินทางและการจารึกแสวงบุญของนักบุญ แม็กนัส ท่านได้ทำการอัศจรรย์ต่างๆ ไว้มากมาย แต่เรื่องราวที่โดดเด่นและได้สร้างชื่อให้กับท่านมากที่สุด คือ เรื่องราวการต่อสู้ระหว่างท่านกับมังกร ใน เคมป์เทน และ รอซเฮาพ์เทน


เคมป์เทนกลายเป็นสถานที่อันรกร้างไปแล้วเมื่อท่านแม็กนัสกลับมาที่นี่ ไม่มีผู้ใดเลยกล้าที่จะพักค้างคืนที่นี่แม้สักคืนหนึ่ง ด้วยเหตุว่าที่นี่บัดนี้กลายเป็นรังของหนอน งู ไปแล้ว แม็กนัส ได้ตัดสินใจค้างคืน ณ สถานที่แห่งนั้น และไม่นานนัก งูร้ายขนาดยักษ์ หรือ มังกร นามว่า โบอัส ก็ปรากฏกายขึ้นมา โบอัสพุ่งตรงไปทางกลุ่มคณะเดินทางของแม็กนัส โดยมีท่าทีอันมุ่งร้าย ทอซโซ่ และคนอื่นรีบปีนหนีขึ้นไปบนต้นไม้ เอาชีวิตรอดไปได้ แต่แม็กนัส กับ เธอโอดอร์ ยังคงคุกเข่าสวดภาวนา ทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขน เฝ้าคอยเจ้าอสูรกายร้ายโดยไม่หวั่นไหว


เมื่อมังกรโบอัสคืบคลานเข้ามาเผชิญหน้ากับแม็กนัส เขาก็หยิบไม้กางเขนของนักบุญ กัลป์ลุส ขึ้นมา และสั่งด้วยพลังอำนาจให้มัน “หมอบลง” และมันก็ทำตามอย่างน่าอัศจรรย์ แม็กนัส ออกคำสั่งกับปีศาจ ซึ่งซ่อนเร้นอยู่ในร่างของอสูรกายนั้น ให้ฆ่า โบอัส ทิ้ง และโดยอาศัยซึ่งถ้อยคำเหล่านั้น ท่านได้ใช้ไม้เท้าวิเศษของท่านบดขยี้หัวเจ้ามังกรร้ายจนแหลกละเอียด หลังมังกรโบอัสอันเป็นเจ้านายใหญ่ได้สิ้นชีพลง งู และ บรรดาหนอนร้ายทั้งหลายก็แตกตื่นตระหนก คืบคลานหลบหนีไปจากเมืองนั้นจนหมดสิ้นในทันที
เคมป์เทน กลับกลายเป็นสถานที่อันสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง บรรดาปีศาจที่เคยอาศัย ณ สถานที่แห่งนั้นถูกขับไล่ไปจนสิ้น แม็กนัส และบรรดาผู้ติดตามของท่าน ก็ได้ก่อตั้งโบสถ์ขึ้นมา ณ เมืองนั้น และทอซโซ่ ได้ทำการเจิมศีลล้างบาปให้กับบรรดาชาวเมืองที่อาศัย ณ สถานที่แห่งนั้น

หลังจากทิ้งเธโอดอร์ให้ทำหน้าที่อยู่เบื้องหลังท่านแม็กนัส ออกเดินทางต่อไปยัง ฟุซเซน ท่านได้เผชิญกับมังกรตัวที่ 2 ในเขตช่องแคบของหุบเขาที่เรียกว่า รอซชาปเทน มังกรดังกล่าวอาศัยอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้น และมันไม่ยอมให้ใครก็ตามที่ย่างกรายมาในที่อาศัยของมันผ่านไปได้อย่างง่ายๆ แม็กนัสจึงตัดสินใจค้างคืน ณ สถานที่แห่งนั้น ด้วยความหวังว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะสดับฟังคำภาวนาของเขา ต่อมาแม็กนัสหยิบปังศักดิ์สิทธิ์ใส่ไปในย่ามสะพาย เขาหยิบยางไม้ออกมา กำไว้ในมือของเขา และห้อยสร้อยกางเขนรอบศีรษะของท่าน ในขณะที่มืออีกข้างท่านยังคงจับไม้เท้าวิเศษของนักบุญ กัลป์ลุสอยู่ ท่านเคลื่อนตัวไปใกล้กับรังมังกร ปากกัดปังศักดิ์สิทธิ์ และทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขน ในทันทีที่เจ้ามังกรสังเกตว่ามีผู้รุกล้ำเข้ามาในรังของมัน มันก็ลุกขึ้น และวิ่งดิ่งตรงมาหาผู้บุกรุกหมายจะขย้ำกลืนกินเสียให้สิ้นในทันที แต่แม็กนัส สวดภาวนาต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เหวี่ยงยางไม้เข้าไปในปากของเจ้ามังกร ผ่านลำคอลงไปในท้อง ฉับพลันนั้นเองเกิดไฟลุกขึ้นมาจากร่างของมัน และมันก็ถูกเผาไฟจากภายในออกมาจนสิ้นชีวิต


หลังจากปราบมังกรลงได้แล้ว แม็กนัส และ ทอซโซ่ เข้าไปสำรวจในรังของเจ้ามังกรนั้น และพบต้นแอ๊ปเปิ้ลสุกงอมอยู่ภายใน ต้นไม้ต้นนี้เป็นสิ่งมีชีวิตอย่างเดียวที่ปรากฏในรังมังกรอันแห้งแล้งรกร้างนี้ และที่นั่น แม็กนัสก็ได้สร้างอารามขึ้นมาอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งทอซโซ่ก็ได้มาเป็นบาทหลวงประจำอารามแห่งนี้




ในช่วงศตวรรษที่ 18 กลุ่มเพเกินและพวกคนนอกศาสนามักจะกระทำการบูชายัญ โดยใช้สัตว์จำพวกม้าและวัวมาทำการบูชายัญ และมีความเชื่อในการเอากะโหลกศีรษะม้าและวัวมาตั้งในคอกม้าเพื่อป้องกันโรคระบาด ครั้งหนึ่ง แม็กนัส เคยไปเจอะกลุ่มเพเกินกำลังประกอบพิธีกรรมบูชายัญอยู่ โดยใช้ม้าและวัวเป็นเครื่องสังเวยต่อเทพเจ้าของตน แม็กนัสได้ออกคำสั่งไปยังสัตว์ที่ถูกบูชายัญที่ถูกตัดหัวไปเรียบร้อยแล้ว ฉับพลัน สัตว์ที่ไร้หัวเหล่านั้นกลับสามารถลุกขึ้นมามีชีวิตและวิ่งออกไปได้ทั้งๆ ที่ไม่มีหัวอยู่ สร้างความตื่นตระหนกตกตะลึงให้กับบรรดาเพเกินเป็นอย่างมาก ซึ่งท่านก็ได้เทศน์สอนพวกเพเกินเหล่านั้นถึงฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และได้เทศน์สอนให้บรรดาคนนอกศาสนาได้กลับใจใหม่ได้เป็นจำนวนมาก

นักบุญ แม็กนัส เป็นนักบุญที่สร้างชื่อจากวีรกรรมการสยบมังกรร้ายของท่าน ซึ่งนอกจาก รอซชาร์ปเทน แล้ว ยังเชื่อว่ามีหมู่บ้านอีกกว่า 14 แห่ง ที่มีวีรกรรมที่ท่านได้ไปสยบมังกรร้ายลงด้วยอีก

รอนซ์เบิร์ก เป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งในบรรดาหมู่บ้านเหล่านี้ที่มีตำนานวีรกรรมของท่านเป็นที่กล่าวถึง หมู่บ้านนี้ถูกมังกรร้าย 3 ตัวคอยรุกราน เป็นมังกรร้ายที่เหลือรอดมาจากสมัยของพวกเพเกิน ไม่มีมนุษย์หรือฝูงสัตว์ใดเลยที่จะรอดจากมันไปได้ จนกระทั่งในที่สุด ก็มีตัวแทนอันเป็นจอมขมังเวทย์ของหมู่บ้าน ไปขอเจรจากับเจ้ามังกรร้าย โดยอาศัยความช่วยเหลือของมนต์วิเศษของตน เขาสามารถตกลงเจรจาทำสัญญากับมังกรได้สำเร็จ โดยตกลงทำสัญญากันว่า มังกรจะไม่รุกรานหมู่บ้าน และจะไปหาเหยื่อในเขตละแวกอื่นในอาณาบริเวณใกล้เคียงแทน ซึ่งเมื่อทำสัญญาไปเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างก็เหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี ณ ช่วงเวลาหนึ่ง จนกระทั่งในละแวกใกล้เคียงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดหลงเหลือให้เป็นเหยื่อของเจ้ามังกรอีกแล้ว เจ้ามังกรร้ายจึงกลับมาที่รอนซ์เบิร์กอีกครั้ง ในครั้งนี้ จอมขมังเวทย์ของหมู่บ้านไม่สามารถใช้อาคมสะกดหรือเจรจามังกรได้อีกแล้ว และเขาก็ถูกมังกรกินไปเป็นอาหารอีกราย


ในวันต่อมา ชาวบ้านตกลงจ่ายบรรดาวัวให้กับเจ้ามังกร ถึงแม้ว่าแค่วัวธรรมดาจะดูเหมือนเป็นการยากให้มังกรถึง 3 ตัวพึงพอใจได้ แต่กลเม็ดนี้กลับใช้ได้ผล มังกรเหล่านั้นรับวัวไปกินจนอิ่ม และก็ได้ล้มตัวลงนอนหลับลง เป็นเวลานั่นเองที่ผู้ส่งสารถูกส่งไปหานักบุญ แม็กนัส แจ้งเรื่องและพาท่านกลับมาช่วยหมู่บ้านตอนนั้น แม็กนัส พึ่งจะสยบหมีร้ายให้เชื่องและไล่ล่าปีศาจได้สำเร็จ และเมื่อเขามาที่รอนซ์เบิร์ก เขาก็ได้สั่งให้หมีนั้นปลิดชีวิตมังกรเหล่านั้นลงเสีย แม็กนัสเข้าไปในป่าอันเป็นรังของมังกร และเผารังของมันจนสิ้นซาก



แม้ แม็กนัส จะสยบมังกรร้ายและปราบปีศาจมาเป็นจำนวนมาก แต่มีมังกรหนึ่งเดียวที่รอดชีวิตมาได้ คือมังกรเด็กที่พึ่งออกจากไข่ ที่ยังบริสุทธิ์และไร้ซึ่งความชั่วร้าย มังกรน้อยตัวนั้นได้รับการเลี้ยงดูสอนสั่งที่ เคอร์วาง และคอยทำหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านในอาณาละแวกนั้น มันไม่เพียงช่วยตัดต้นไม้ แต่ยังช่วยเลื่อยต้นไม้เป็นท่อนๆ ให้ด้วย ซึ่งนั่นรวมถึงการช่วยขนย้ายไม้ ฟืน หิน ศิลา ช่วยขจัดหิมะออกจากเส้นทาง ไปจนถึงก่อสร้างถนนใหม่ให้ชาวบ้าน แต่มีเพียงความผิดเดียวที่มังกรตัวนี้ได้ทำลงไป เจ้ามังกรน้อยไม่พอใจกับหนู และอาหารที่มันได้รับ มันจึงไปขโมยลูกวัวมาจากชาวบ้าน สร้างความโกรธแค้นให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก บรรดาชาวบ้านตัดสินใจจะสับมังกรตัวนี้ให้เป็นชิ้นๆ ระหว่างที่มันหลับอยู่ แต่เมื่อชาวบ้านคนแรกฟาดอาวุธใส่หน้าอกของเจ้ามังกรแล้ว น้ำนมจำนวนมากก็ไหลออกมาจากบาดแผลของมัน และน้ำนมนั้นก็เป็นน้ำนมที่มีค่ามากกว่าน้ำนมใดๆ ในโลกจะหาเสมือนได้ ทำให้ชาวบ้านตระหนักถึงคุณค่าของเจ้ามังกรตัวนี้ ว่าสามารถให้นมที่ดีเยี่ยมและมีปริมาณมากกว่าที่วัวใดๆ ในโลกจะสามารถให้ได้ แต่สำหรับเจ้ามังกรที่เจอชาวบ้านทำร้ายตนเช่นนี้ มันก็โกรธ และตัดสินใจหนีหายไปและไม่หวนกลับมาอีกเลย
ตอบกลับโพส