Michael the Archangel
ฉลองอัครเทวดา มีคาแอล
อัครเทวดามีคาแอล (Archangel Michael) (ภาษาฮีบรู מִיכָאֵל, Micha'el ภาษากรีก Μιχαήλ, Mikhaḗl; ภาษาลาติน : Michael ภาษาอาหรับ میکائیل, Mikā'īl)
ในภาษาฮีบรู นามมีคาเอลนี้มีความหมายว่า “ใครเล่าจะเสมอเหมือนพระเจ้า ?” ซึ่งทางศาสนจักรคาทอลิคจะเรียกท่านว่า “Saint Michael the Archangel” หรือ “Saint Michael” ซึ่งไม่ได้หมายความว่าท่านเป็นนักบุญ ตามอย่างมนุษย์ที่ถูกยกให้เป็นนักบุญท่านอื่นๆ ในคริสต์ศาสนาแต่อย่างใด หากแต่เป็นการยก และให้เกียรติท่าน ผ่านชื่อยศเทิดเกียรติดังกล่าว ขณะที่ทางออโธด็อกซ์ จะเรียกท่านว่า “Taxiarch Michael” หรือ “Archistrategos” อันมีความหมายว่า “ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งทัพชาวสวรรค์”
ท่านเป็นอัครเทวดาของชาวยิว ชาวคริสต์ และชาวอิสลาม ท่านเป็นอัครเทวดาหลักองค์หนึ่งในสวรรค์ ซึ่งอยู่ในฐานะจอมทัพสวรรค์ ผู้นำกองทัพทูตสวรรค์ของพระเจ้าเข้าต่อสู้กับปีศาจและความชั่วร้าย ชื่อของท่านปรากฏขึ้นทั้งในหนังสือของดาเนียล และบทวิวรณ์ ซึ่งในหนังสือบทของดาเนียลนั้น ท่านมีคาแอลปรากฎออกมาในฐานะเจ้าชายพระองค์หนึ่ง ซึ่งปรากฏกายมาช่วยเหลือเทวดากาเบรียล ในการสู้รบปรบมือกับทูตสวรรค์ของเปอร์เซีย นอกจากนี้ ท่านยังเป็นผู้แก้ต่างให้ชนชาวอิสราเอล และเป็นองค์ชายผู้ยืนหยัดเพื่อเหล่าประชากรของดาเนียลอีกด้วย
นอกจากความที่ท่านเป็นจอมทัพสวรรค์แล้ว ท่านยังอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าทูตสวรรค์อื่นทั้งหลายอีกด้วย ซึ่ง นักบุญ บาซิล คุณพ่อ ซัลเมรอน เบลลารไมน์ และคุณพ่อท่านอื่นๆ ได้ลงความเห็นเช่นเดียวกันว่า ยศ “อัครเทวดา” (Archangel) นี้ ไม่ได้มีไว้เรียกเปล่าๆ เฉยๆ แต่การที่ท่านมีคาแอลถูกเรียกว่า อัครเทวดา นั้น นั่นก็เพราะ ท่านเป็นหัวหน้าทูตสวรรค์ เป็นดังเจ้าชายของบรรดาเทวดา ทั้งหลายจริงๆ และแม้แต่ในหมู่ทูตสวรรค์ชั้นเซราฟิม ที่ถือว่าสูงที่สุดในบรรดาทูตสวรรค์ทั้ง 9 ชั้นเอง ท่านก็ยังจัดว่าเป็นเจ้าชายของบรรดาเซราฟิมทั้งหลายอีกด้วย สิ่งนี้ได้รับการยืนยันผ่านบทสวดของทางโรมัน ที่กล่าวถึงท่านว่า "Princeps militiae coelestis quem honorificant angelorum cives" คือ เป็นจอมทัพสวรรค์เหนือทูตสวรรค์ทั้งปวง โดยได้ขนานนามจัดให้ท่านเป็น “Archistrategos” หรือ “จอมทัพสูงสุด” อีกด้วย
อัครเทวดา มีคาแอลถูกยกให้เป็นทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์ชนชาวอิสราเอล ดังที่เห็นจากพระคัมภีร์ หนังสือของดาเนียลบทที่ 13 ที่กล่าวถึงมีคาเอลในฐานะผู้พิทักษ์ช่วยเหลือชนชาติอิสราเอล และในบทที่ 12 ที่ดาเนียลได้รับการบอกกล่าวว่า อัครเทวดามีคาเอลจะถูกส่งลงมายืนหยัดเพื่อชนชาวอิสราเอลในช่วงเวลาสิ้นสุดพิภพ แต่แม้ท่านจะเป็นผู้พิทักษ์ชนชาวอิสราเอลอย่างดีก็ตาม ในขณะเดียวกัน ท่านก็เป็นผู้พิทักษ์คริสต์ศาสนิกชน และ ธรรมิกชนทั้งหลายด้วย โดยพิทักษ์บรรดาธรรมิกชนจากความชั่วร้าย และนำมาซึ่งชัยชนะในการต่อสู้กับปีศาจและความชั่วร้าย จึงได้มีการสร้างโบสถ์วิหาร และสถานที่สักการะขึ้นในนามของท่าน หรือถวายในนามของท่าน หลายต่อหลายแห่งด้วยกัน และในนั้นก็มีจำนวนไม่น้อย ที่มีเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้นทั้งการรักษาโรค และเหตุอัศจรรย์อื่นๆ ในช่วงยุคกลาง อัครเทวดามีคาเอลถูกยกให้เป็นองค์อุปถัมภ์ของภาคีอัศวิน องค์อุปถัมภ์ของนักรบ ทหาร ตำรวจ และได้ยกให้ท่าน เป็นผู้พิทักษ์ธรรมิกชนทั้งหลาย จากการศึกการต่อสู้กับความชั่วร้ายทั้งหลายด้วย
ในผลงานเชิงศิลป์แล้ว อัครเทวดา มีคาแอลมักถูกจำลอง ถอดภาพออกมาเป็นทูตสวรรค์นักรบ สวมศาสตราวุธ หมวกเหล็ก ดาบ หอก โล่ เข้าต่อสู้กับพญามังกร ซาตาน และบดขยี้มันไว้ใต้ฝ่าเท้า หรือเอาหอกแทงทะลุทะลวงร่างของมัน (และโล่ที่ท่านถือ ก็มักจารึกคำภาษาลาตินเอาไว้ว่า Quis ut Deus ? หรือ ใครเล่าจะเสมอเหมือนพระเจ้า เอาไว้ด้วย) ซึ่งเชื่อว่าการถอดความ รังสรรค์ภาพผลงานเชิงศิลป์ของท่านออกมาเช่นนั้น ส่วนหนึ่งได้อิทธิผลมาจากผลงาน บทประพันธ์ “Paradise Lost” ของ จอห์น มิลต้อน ด้วย ซึ่งได้กล่าวถึงเหตุการณ์ศึกระหว่างมีคาเอลกับซาตาน ที่ประหัตถ์ประหารกัน เนื้อหาในส่วนนั้น มาจากหนังสือเล่มที่ 6 ของ Paradise Lost บทที่ 296
นอกจากภาพของอัครเทวดามีคาแอลในแบบนักรบสวมยุทธภัณฑ์เครื่องรบ ดาบ หอก โล่ นี้แล้ว นี้ยังมีภาพผลงานเชิงศิลป์ของท่าน ที่ถือสิ่งอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ด้วย ดังเช่น ตราชู (ไว้ใช้ชั่งตวง บรรดาดวงวิญญาณของผู้วายชนม์ทั้งหลาย) และหนังสือแห่งชีวิต (เป็นเครื่องหมายว่าท่านมีบทบาทในการพิพากษาด้วย) ซึ่งเป็นการถูกถอดความรังสรรค์ออกมาโดย ไมเคิล แองเจโล่ ที่ได้วาดไว้บนเพดานของโบสถ์ ซิสทีน นั่นเอง ส่วนรูปหล่ออื่นๆ ของท่านมักมีการประดับประดา ประดิษฐานท่านไว้ ณ ตามยอดสูงของโบสถ์วิหาร หรือในที่สูง เพื่อเป็นเกียรติแด่ท่าน ให้ผู้คนทั่วไปได้แลเห็นได้ชัดเจน และเพื่อนำท่านไปทับแทนที่ตำแหน่งรูปปั้นเทพเทวาอื่นๆ ก่อนที่คริสตศาสนาจะเข้ามา
มีความเชื่อกันว่า อัครเทวดา มีคาเอลเป็นผู้นำพาดวงวิญญาณของผู้วายชนม์ไปยังโลกหน้า และปรากฏให้ผู้ที่ใกล้ตายได้แลเห็นท่านได้ (ซึ่งจากความเชื่อตรงนี้ ทำให้ภาพมีคาเอลบางรูป ถูกทำออกมาไม่มีหน้า เพราะเชื่อว่าเฉพาะผู้ตาย หรือผู้ที่ใกล้ตายเท่านั้น จึงจะสามารถแลเห็นท่านได้นั่นเอง) ซึ่งเชื่อว่า ในห้วงที่ความเป็นความตายของมนุษย์คนนั้นๆ มาเยือน ท่านจะลงมาจากสวรรค์ มาปลอบประโลมดวงวิญญาณดวงนั้น และให้ดวงวิญญาณดวงนั้น ได้มีโอกาสเป็นทุกข์ถึงบาป และกลับใจ ก่อนที่จะสิ้นลมหายใจ ซึ่งบทบาทตรงนี้ของท่านรวมถึงขับไล่ปีศาจและสมุนของมัน ที่จะมาก่อกวนแย่งชิงดวงวิญญาณดวงนั้นด้วย นอกจากนี้ สำหรับในสถานพิพากษา เบื้องพระพักตร์พระเป็นเจ้าแล้ว ท่านยังมีบทบาทในการชั่งตวงวิญญาณแต่ละดวง ด้วยตราชูในมือท่าน ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้นนั่นเอง
วันฉลอง อัครเทวดา มีคาเอล
ในปฏิทินสหพันธ์นักบุญของทางโรมันคาทอลิก และของทางลูเธอรัน วันฉลองอัครเทวดา มีคาแอลคือวันที่ 29 กันยายน โดยรู้จักกันในนาม “Michaelmas” (มีคาเอลมาส) ในขณะที่ทางคริสตจักรออร์โธด็อกซ์ จะมีวันฉลองของท่านในวันที่ 8 พฤศจิกายน ส่วนในออสเตรเลีย มีวันฉลองในวันที่ 29 กันยายนด้วยเช่นเดียวกัน โดยถือว่าวันนั้นเป็นวันระลึกถึงตำรวจแห่งชาติด้วย (เนื่องจากได้มีการยกท่านเป็นองค์อุปถัมภ์ให้กับตำรวจด้วยนั่นเอง)
