ฟาติมาสาร - “พันธมิตรผู้ศักดิ์สิทธิ์” และ “การให้อภัย” (2 กั

วันระลึกถึงนักบุญ 365-6วัน ประวัตินักบุญ และวันฉลองสำคัญของคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 27, 2012 5:16 pm

สัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวฮือฮาชิ้นหนึ่งที่สื่อต่างประเทศให้ความสนใจมาก นั่นคือ “สำนักพิมพ์วาติกัน (LIBRERIA EDITRICE VATICANA) เซ็นสัญญาพันธมิตรกับแอปเปิ้ล บริษัทไอทีระดับตำนานของโลก” จุดประสงค์หลักของการทำสัญญาก็เพื่อให้สินค้าตระกูลแอปเปิ้ล ทั้งไอโฟน, ไอแพด, ไอพอด และ แอพสโตร์ เป็นช่องทางในการเผยแพร่งานคำสอนของพระสันตะปาปาให้กับคนบนโลกดิจิตอลได้รับรู้เรื่องราวของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น
รูปภาพ
การทำสัญญานี้ แอปเปิ้ลเป็นฝ่ายเริ่มเจรจาก่อน เพราะตระหนักดีว่า สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเป็นหนึ่งในนักเทวศาสตร์ที่ได้รับการยกย่องว่าเก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ งานเขียนหลายอย่างของพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบันก็ถูกบรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอนสำหรับบ้านเณรเกือบทุกประเทศทั่วโลก (พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดนักเทวศาสตร์มาตั้งแต่สมัยเป็นพระสงฆ์ หนึ่งในตัวอย่างชัดเจนที่สุดคือได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ที่ 23 ให้เป็นที่ปรึกษาด้านเทวศาสตร์ระหว่างสังคายนาวาติกัน ที่ 2 ทั้งๆที่ตอนนั้น พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ยังเป็นพระสงฆ์หนุ่มวัย 35 ปี) ฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมผลงานของพระองค์ยังเป็นที่นิยมในยุโรปและอเมริกาอย่างไม่เสื่อมคลาย

สำหรับการลงนามความร่วมมือพันธมิตรครั้งนี้ เป็นการทำสัญญาแบบได้ทั้งสองฝ่าย สำนักพิมพ์วาติกันก็จะมีพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ในการแพร่ธรรมบนโลกดิจิตอล เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ทุกวันนี้คนหลายล้านทั่วโลกใช้ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ล เฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเด็กและเยาวชน การได้เป็นพันธมิตรเช่นนี้จะทำให้พระศาสนจักรคาทอลิกมีช่องทางเข้าถึงเยาวชนได้แบบตัวต่อตัว ขณะที่แอปเปิ้ลก็จะมีรายได้จากการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นที่เป็นของวาติกัน ดังนั้น ดีลนี้จึงส่งผลดีให้กับทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม สำหรับการทำสัญญาครั้งนี้ วาติกันจะเริ่มนำผลงานของพระสันตะปาปามาเผยแพร่เฉพาะในแอพสโตร์ของอิตาลีก่อน จากนั้น จึงจะมีการพัฒนาออกไปยังประเทศต่างๆและทำเป็นหลากหลายภาษา

..............................

สัปดาห์ที่ผ่านมาอีกเช่นกัน มีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นที่กรุงวอร์ซอว์ ประเทศโปแลนด์ เมื่อมีการลงนามในข้อตกลง “ให้อภัยและคืนดี ระหว่างพระศาสนจักรคาทอลิกโปแลนด์และพระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งมอสโก”

จริงๆแล้ว พระศาสนจักรคาทอลิกโปแลนด์และพระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งมอสโกไม่ได้ขัดแย้งกัน แต่สิ่งที่ขัดกันอย่างรุนแรงคือ “ประวัติศาสตร์แห่งความเกลียดชัง” ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ทั้งสองชาติต่างบุกทำสงครามเหย้า-เยือนกันตลอด ยิ่งเป็นช่วง ค.ศ.1939 (สงครามโลก ครั้งที่ 2) โซเวียตบุกยึดโปแลนด์และฆ่าชาวโปลล้มตายเป็นจำนวนมาก เรื่องดังกล่าวเป็นรอยแค้นฝังลึกลงในจิตใจของชาวโปล เรียกได้ว่า คน 2 ชาตินี้เจอกันเมื่อไหร่มีเรื่องกันทุกที (ตัวอย่างที่ชัดๆคือฟุตบอลยูโร 2012 ที่โปแลนด์เป็นเจ้าภาพ และมีรัสเชียเป็นคู่แข่งร่วมสายเอ ปรากฏว่า นัดที่ทั้งสองชาติเจอกัน เกิดจลาจลวุ่นวายกลางกรุงวอร์ซอ โดยพวกรัสเชียบุกทำร้ายชาวโปลเหมือนในประวัติศาสตร์ไม่มีผิดเพี้ยน)

ที่กล่าวมาเป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ในอดีต ส่วนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ผู้นำพระศาสนจักรทั้งสองนิกายจากสองประเทศ ต่างหวังว่า ความบาดหมางจะหมดไปและเริ่มต้นศักราชใหม่ด้วยการให้อภัยและเป็นพี่น้องกัน พระอัครสังฆราช โยเซฟ มิชาลิค ประธานสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งโปแลนด์ และ พระอัยกาคีริล ประมุขพระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งมอสโก จึงได้ลงนามในข้อตกลงดังกล่าว เรียกได้ว่า เป็นข้อตกลงประวัติศาสตร์ก็ว่าได้ และยังส่งผลทางบวกต่อความสัมพันธ์ระหว่างพระศาสนจักรคาทอลิกและออโธด็อกซ์อีกด้วย

การลงนามครั้งนี้ มีรายงานจากวงในว่า สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พระองค์หวังว่าความไม่เข้าใจกันระหว่างคาทอลิกและออโธด็อกซ์จะเริ่มหมดไปด้วยเช่นกันหลังจากทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจผิดกันมา 1,000 กว่าปี

สำคัญสุด นอกเหนือจากการให้อภัยกันครั้งนี้จะส่งผลดีกับทุกฝ่ายแล้ว ยังเป็นการเติมเต็มความฝันของ “บุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2” ด้วย ขณะยังทรงพระชนม์ พระองค์ไม่เคยปิดบังเลยว่าต้องการเสด็จเยือนรัสเชีย หรือไม่ก็ให้พระอัยกาของออโธด็อกซ์รัสเชียเดินทางมาโปแลนด์ เพื่อเป็นเครื่องหมายของการให้อภัยความหมองใจกัน (พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 เสด็จเยือนรัสเชียไม่ได้ เนื่องจากรัสเชียไม่ต้อนรับ รัสเชียยุคนั้นมองว่าพระองค์เป็นชาวโปแลนด์ ศัตรูหมายเลขหนึ่งของตัวเอง)

มาถึงวันนี้ ความฝันที่หวังเห็นคน 2 ชาติเริ่มให้อภัยกัน เริ่มเป็นจริงขึ้นมาแล้ว เรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยากแบบนี้ ต้องให้ผู้นำที่กล้าลดทิฐิเท่านั้นถึงกล้าจะทำได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ขอชื่นชม พระอัครสังฆราช โยเซฟ มิชาลิค ประธานสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งโปแลนด์ และ พระอัยกาคีริล ประมุขพระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งมอสโก ที่แสดงให้เห็นถึงพระเยซูในตัวพวกท่าน นี่แหละแบบอย่างผู้นำทางจิตวิญญาณที่พร้อมลดอีโก้ลงและหันหน้าสร้างความเป็นพี่น้องกัน

อ้างอิง http://www.popereport.com
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5966
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 27, 2012 8:36 pm

ที่ใดมีความรักที่นั่นพระเจ้าประทับอยู่ ดีจริงที่2 นิกายจะได้คืนดีกัน... :s007:
ลูกsun หาบทความดีๆมาแบ่งปันกันอ่านดี จัง... :s007:
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 27, 2012 8:41 pm

ขอบคุณค่ะพี่ซัน :s007: :s007:
ตอบกลับโพส