<<< มหาพรต ....มาหาพระ >>>

วันระลึกถึงนักบุญ 365-6วัน ประวัตินักบุญ และวันฉลองสำคัญของคริสตศาสนา
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ก.พ. 08, 2005 9:00 pm

มหาพรต .....มาหาพระ
โดยโปรดปราน

“พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย” (โรม. 12:1)

ผู้เขียนอยากนำพี่น้องมอบถวายชีวิตในเทศกาลมหาพรต ปีนี้ เมื่อวันพุธที่ 9กุมภาพันธ์ 2005 คือวันพุธรับเถ้า ฝรั่งเรียกว่า Ash Wednesday เทศกาลมหาพรต (Lent)

เทศกาลมหาพรตจะเริ่มตั้งแต่วันพุธรับเถ้าเรื่อยไปประมาณ 40 วัน ก่อนที่จะถึงวันอาทิตย์ทางตาล หรือวันอาทิตย์ใบตาล (Palm Sunday) ซึ่งถือเป็นวันเริ่มต้นของสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ (Holy Week) มหาพรตเป็นเทศกาลที่เกี่ยวเนื่อง และเพื่อระลึกเหตุการณ์ที่พระเจ้าทรงกระทำให้มีฝนตกสี่สิบวันสี่สิบคืนในสมัยของโนอาห์ ระลึกถึงเหตุการณ์ที่ชนชาติอิสราเอลต้องรอนแรมอยู่ในถิ่นทุรกันดารถึงสี่สิบปีในสมัยของโมเสส ระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญที่สุด คือการถูกมารทดลองในถิ่นทุรกันดารและการอดพระกระยาหารสี่สิบวัน

พระเยซูคริสต์ได้เสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มก่อนที่จะถูกตรึงที่บนไม้กางเขน ฉะนั้นเทศกาลมหาพรตจึงเป็นเทศกาลแห่งการสำนึกในความผิดบาปและการกลับใจเสียใหม่ เป็นเทศกาล การสำรวจตนเองว่าได้ดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าต่อพระเยซูคริสต์พระผู้ไถ่เราหรือไม่ สีที่ใช้ประจำเทศกาลนี้คือ สีม่วง ซึ่งเป็นสีที่เล็งให้เห็นถึงการทนทุกข์ การสำนึกถึงความผิดบาป อีกทั้งสีม่วงยังเป็นสีประจำราชวงศ์ดาวิดด้วย

วันพุธรับเถ้า (Ash Wednesday) เป็นวันแรกในเทศกาลเข้าสู่ธรรม จากวันพุธรับเถ้าถึงวันอาทิตย์ทางตาล เป็นเวลา 6 สัปดาห์ 40 วัน เป็นโอกาสที่คริสตชนจะได้ไตร่ตรอง หรือสำรวจถึงการดำเนินชีวิตในหนึ่งปีที่ผ่านมา เราจะมีการสำรวจทำการประกาศ และสนองตอบต่อการสิ้นพระชนม์ขององค์พระเยซูคริสต์ด้วยความรัก เพื่อช่วยกู้คนบาปให้พ้นคำพิพากษาที่นำไปสู่ความตายนิรันดร

นับได้ว่าพุธรับเถ้า คือการเตรียมให้คริสตชนทุกคนมุ่งไปสู่อีสเตอร์ ( ปัสกา ) โดยถือว่าเป็นเวลาแห่งการกลับใจ เป็นเวลาแห่งการทำความดีตอบสนองพระคุณของพระเยซูคริสต์ที่ยอมวายพระชนม์บนไม้กางเขน การมอบชีวิตถวายแด่พระเยซู

ช่วงเทศกาลมหาพรตผู้ที่ถือมหาพรตทำได้อย่างไร จึงขอแนะนำในสิ่งที่คริสตชนสามารถทำได้ คือ
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ก.พ. 08, 2005 9:02 pm

1. มอบถวายคำอธิษฐานภาวนา

แม้ว่าคริสตชนหลายคนจะคิดว่าเทศกาลมหาพรต เป็นเทศกาลที่เน้นเรื่องการทำความดี การถืออดอาหาร แต่ถ้าเรามาดูคำสอนของบรรดาปิตาจารย์แล้วจะเห็นว่า การถืออดอาหารและการเพียรทำความดีต่างๆ นั้นเป็นขั้นรอง และเป็นวิธีการที่จะนำไปพบเป้าหมายเท่านั้น จะมีผลและให้คุณค่าทางวิญญาณ ก็ต้องประกอบด้วยเงื่อนไขต่างๆ คือ การมความสัมพันธ์ใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวกันกับผู้เป็นพระเจ้า ด้วยการภาวนาอธิษฐาน ซึ่งเป็นการขจัดความเห็นแก่ตัว และได้รับพลังทางใจจากการถืออดอาหาร และการอุทิศคำอธิษฐานภาวนา จึงนับเป็นกิจกรรมสำคัญในระหว่างเทศกาลมหาพรต

บางคริสตจักรและพระศาสนจักรได้จัดวางวิธีการภาวนาอธิษฐานที่ดีเลิศแบบหนึ่งให้คริสตชนถือปฏิบัติ ในช่วงเวลาพิเศษเหล่านี้ คือ บทอธิษฐานและบทอ่านจากพระคัมภีร์ในชีวิตประจำวัน บทอ่านเหล่านี้เน้นถึงหัวข้อสำคัญๆ ของคำสอนที่เกี่ยวข้องระหว่างเรามนุษย์กับพระเป็นเจ้า เช่น ความเชื่อ การกลับใจจากบาป การภาวนาอธิษฐาน การทำความดีด้วยความรัก เป็นต้น

2. การถืออดอาหาร

การอดอาหารเป็นหัวใจสำคัญของเทศกาลมหาพรตก็จริง แต่เทศกาลนี้ก็เป็นเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ ในขณะอธิษฐานชีวิตทางจิตใจเป็นเรื่องของตัวตนมนุษย์นั้นคือ กาย ใจ วิญญาณ ในขณะที่เราทำการอดอาหาร เราก็ต้องอธิษฐานถึงพระผู้เป็นเจ้าในเวลาเดียวกัน การถืออดอาหารเป็นการพยายามลดความเห็นแก่ตัวอันมาจากเนื้อหนังและเป็นความพยายามที่ขจัดความเห็นแก่ตัวเพื่อไปมุ่งสนใจเพื่อนบ้านด้วยการบริจาคทรัพย์ ให้การช่วยเหลือคนทุกข์ยาก ด้วยใจกว้างขวางนั้นก็ทำให้คำอธิษฐานของเรามีค่ามีพลังสูงส่ง

การถืออดอาหาร หมายถึงอะไร การอดอาหารช่วงมหาพรตมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญ คือเป็นเครื่องมือที่จะปราบกิเลส หรือลด เลิก ทำบาป หรือลดการใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย สนใจแต่ตัวเองเป็นสำคัญ ถึงเวลาที่เราควรหันไปสนใจคนรอบข้าง
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ก.พ. 08, 2005 9:05 pm

3. รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเองและการบริจาคทรัพย์

��ารแสดงความรักเพื่อนบ้านฉันท์พี่น้องที่แสดงออกมาทางภาคปฏิบัติ ที่มองเห็นเด่นชัดคือการบริจาคทรัพย์สินช่วยคนยากจน คนที่ต้องการความช่วยเหลือในช่วงเทศกาลมหาพรตจึงเป็นโอกาสพิเศษ เป็นต้น บทเทศน์ระหว่างเทศกาลมหาพรตเกือบจะทั้งหมด พูดถึงความรัก การยกโทษ และการบริจาคทรัพย์ช่วยคนยากจน การกระทำดังกล่าว เป็นรูปแบบทางภาคปฏิบัติที่มองเห็นชัดเจนยิ่งของความรักต่อเพื่อนมนุษย์ จึงกล่าวได้ว่า การบรินาคทรัพย์ควบคู่กับการถืออดอาหารทำให้เกิดความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระผู้เป็นเจ้าในคำภาวนา อธิษฐาน

��่าสังเกตว่าบรรดาปิตาจารย์ จะสอนเรื่องความรักต่อพี่น้องโดยเฉพาะการบริจาคทรัพย์ช่วยคนยากจน ที่ควบคู่ไปกับการอธิษฐาน แต่คริสตชนส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มความศรัทธาแบบ ความรอดของปัจเจกชน (ความรอดส่วนตัว) เท่าที่สังเกต คริสตจักรโปรเตสแตนต์ยังไม่เน้นการถวายชีวิตโดยการอธิษฐาน และบริจาคทรัพย์เพื่อผู้ยากไร้ในช่วยมหาพรต ดังนั้นผู้เขียนเห็นว่าเราควรจะเปิดตนไปสู่โลก ควรมีการอุทิศคำอธิษฐานเพื่อโลก เพื่อสังคม เพื่อเพื่อนบ้าน เพื่อเพื่อนร่วมงาน เพื่อเพื่อนร่วมสถานศึกษา เป็นต้น และอุทิศคำภาวนา เพื่อคน หรือเรื่องที่เรามีภาระใจพิเศษในช่วงนี้ นอกจากนี้แล้วเรา ควรจะอดออมกันทั้งคริสตจักร หรือวัด ในเทศกาลมหาพรตนี้ เพื่อไว้ช่วยคนยากไร้และผู้ด้อยโอกาส ซึ่งเป็นการสำแดงความรักแบบพระเยซู ที่สละกระทั่งชีวิตที่พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างของเรา


สรุป

��เราคริสตชนมีพระเยซูคริสต์เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตแล้ว ดังนั้นการมอบถวายชีวิตด้วยการอดอาหาร ด้วยการภาวนาอธิษฐาน ด้วยการช่วยเหลือด้านปัจจัยในเทศกาลมหาพรต ก็เพื่อทำให้เรามีหัวใจที่เหมือนกับพระเยซู คือพร้อมที่จะประกาศ และสร้างอาณาจักรของพระเป็นเจ้าที่มีความยุติธรรม เพื่อสันติและความชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ( พระจิต ) การอุทิศชีวิตเช่นนี้เป็นเครื่องหมายและเป็นเพียงเครื่องมือไม่ใช่เป้าหมาย เราอดอาหารไม่ใช่เพื่อให้เราได้รับพระพร หรือความเอ็นดูพิเศษจากพระเจ้า แต่เพราะการทำดังนั้นทำให้เราเข้าใจน้ำพระทัยแห่งการสละตนเองขงพระคริสต์ ซึ่งพระองค์ทรงเป็นแบบในการถวายชีวิตอุทิศเพื่อทำให้เราออกจากตัวเองมุ่งช่วยเหลือคนอื่นในสังคม ดังนี้เราก็จะผ่านช่วงวันเวลาในเทศกาลมหาพรตนี้อย่างดีอย่างศักดิ์สิทธิ์ เป็นการเตรียมฉลองอีสเตอร์ ( ปัสกา ) อันเป็นจุดสุดยอดแห่งการเฉลิมฉลองทั้งปวงของคริสตชน

-----------------------------------
หมายเหตุ เป็นบทความที่เขียนให้คริสตจักรแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ เมื่อ มหาพรต 2004
แก้ไขล่าสุดโดย Prod Pran เมื่อ อังคาร ก.พ. 08, 2005 9:06 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ก.พ. 08, 2005 9:46 pm

ข้อพระคัมภีร์ที่ใช้ในเทศกาลมหาพรตนี้ จะอ่านจากพันธสัญญาเดิมเช่น พระธรรมปฐมกาลโดยเฉพาะเรื่องของโนอาห์, พระธรรมอพยพ, พระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ, พระธรรมเยเรมีย์, พระธรรมบทเพลงคร่ำครวญ, พระธรรมเอเศเคียล ส่วนพันธสัญญาใหม่จะอ่านจากพระธรรมมัทธิวบทที่ 4-7 พระธรรมมาระโกบทที่ 1 พระธรรมลูกาบทที่ 4 และบทที่ 6 รวมถึงข้อพระคัมภีร์เกี่ยวกับการอธิษฐานของพระเยซูคริสต์ในสวนเกมเสมนี และพระธรรมฮีบรู5

---------------------------------

ฮีบรูบทที่ 5

5:1 ฝ่ายมหาปุโรหิตทุกคนก็เลือกมาจากมนุษย์ และแต่งตั้งไว้ให้แทนมนุษย์ ในบรรดาการซึ่งเกี่ยวกับพระเจ้า คือนำเครื่องบรรณาการและเครื่องบูชามาถวาย เพื่อลบล้างบาป

5:2 ท่านแสดงใจอดทนนานด้วยความรักต่อคนเขลาและคนหลงผิดได้ เพราะท่านเองก็มีความอ่อนแอเช่นเดียวกับมนุษย์ทุกคน

5:3 เพราะเหตุนี้ท่านจึงต้องถวายเครื่องบูชาเพื่อลบล้างบาป ทั้งของตัวเองและของคนทั้งปวงด้วย

5:4 และไม่มีผู้ใดตั้งตนเองเป็นปุโรหิตได้ แต่พระเจ้าทรงเรียกเหมือนอย่างทรงเรียกอาโรน

5:5 ในทำนองเดียวกันพระคริสต์ก็ไม่ได้ทรงยกย่องพระองค์เองขึ้นเป็นมหาปุโรหิต แต่ทรงรับพระเกียรตินี้จากพระเจ้า ผู้ได้ตรัสกับพระองค์ว่า ท่านเป็นบุตรของเรา วันนี้เราให้กำเนิดท่าน

5:6 และได้ตรัสอีกแห่งหนึ่งว่า ท่านเป็นปุโรหิตเป็นนิตย์ ตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค {ดูบทที่}

5:7 ฝ่ายพระเยซู {กรีกว่า พระองค์} ขณะเมื่อพระองค์ทรงเป็นมนุษย์อยู่นั้น พระองค์ได้ทรงร้องอธิษฐาน และทูลวิงวอนด้วยน้ำพระเนตรไหล ต่อพระเจ้าผู้ทรงสามารถช่วยพระองค์ให้พ้นจากความตายได้ และพระเจ้าได้ทรงสดับเนื่องด้วยความยำเกรงของพระเยซู

5:8 ถึงแม้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตร พระองค์ก็ทรงเรียนรู้ที่จะนอบน้อมยอมเชื่อฟังโดยความทุกข์ลำบาก ที่พระองค์ได้ทรงทน

5:9 เมื่อพระเจ้าทรงทำให้พระเยซูเพียบพร้อมทุกประการแล้ว พระเยซูก็เลยทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความรอดนิรันดร์ สำหรับคนทั้งปวงที่เชื่อพระองค์

5:10 โดยพระเจ้าได้ทรงตั้งพระองค์ให้เป็นมหาปุโรหิต ตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค

5:11 เรื่องเกี่ยวกับมหาปุโรหิตนั้นมีมากและยากที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ เพราะว่าท่านทั้งหลายกลายเป็นคนหูตึงเสียแล้ว

5:12 ถึงแม้ว่าขณะนี้ท่านทั้งหลายควรจะเป็นครูได้แล้ว แต่ท่านก็ต้องให้คนอื่นสอนท่านอีก ในเรื่องหลักธรรมเบื้องต้นแห่งพระวจนะของพระเจ้า ท่านทั้งหลายต้องกินน้ำนมไม่ใช่อาหารแข็ง

5:13 เพราะว่าทุกคนที่ยังกินน้ำนมนั้น ยังไม่เข้าใจในเรื่องความชอบธรรม เพราะเขายังเป็นผู้เยาว์

5:14 อาหารแข็งเป็นอาหารสำหรับผู้ใหญ่ สำหรับผู้ที่ได้รับการฝึกหัดอบรมให้สามารถรู้จักผิดชอบชั่วดีแล้ว
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

พุธ ก.พ. 09, 2005 5:52 am

พุธรับเถ้า: เริ่มเทศกาลมหาพรต

พระคัมภีร์เดิม โยเอล บทที่ 2

2:12 พระเจ้าตรัสว่า "ถึงกระนั้นก็ดี เจ้าทั้งหลายจงกลับมาหาเราเสียเดี๋ยวนี้ ด้วยความเต็มใจ ด้วยการอดอาหาร ด้วยการร้องไห้ และด้วยการโอดครวญ
2:13 จงฉีกใจของเจ้า มิใช่ฉีกเสื้อผ้าของเจ้า"จงหันกลับมาหาพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย เพราะว่าพระองค์ทรงกอปรด้วยพระคุณและทรงพระกรุณาทรงกริ้วช้าและบริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคง และทรงกลับพระทัยไม่ลงโทษ
2:14 ใครจะรู้ได้พระองค์อาจจะทรงกลับและเปลี่ยนพระทัย และทรงอำนวยพระพรไว้ คือให้มีธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาสำหรับถวาย แด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านแล้ว
2:15 จงเป่าเขาสัตว์ที่ในศิโยน จงเตรียมทำพิธีอดอาหาร จงเรียกประชุมตามพิธี
2:16 จงรวบรวมบรรดาประชาชน จงชำระชุมนุมชนให้บริสุทธิ์ จงประชุมบรรดาผู้ใหญ่ จงรวบรวมเด็กๆ แม้ว่าเด็กที่ยังกินนม จงให้เจ้าบ่าวออกจากเรือนหอ และเจ้าสาวออกจากห้องของตน
2:17 ให้ปุโรหิต คือผู้ปรนนิบัติพระเจ้า คร่ำครวญอยู่ระหว่างเฉลียงและแท่นบูชา ให้ทูลว่า "ข้าแต่พระเจ้าขอทรงเวทนาประชากรของพระองค์ขออย่าทรงกระทำให้มรดกของพระองค์ที่เขาประณามกันและเป็นที่เยาะเย้ยในท่ามกลางประชาชาติ ควรหรือที่เขาจะกล่าวท่ามกลางชนชาติทั้งหลายว่า'พระเจ้าของเขาอยู่ที่ไหน"
2:18 แล้วพระเจ้าทรงหวงแหนแผ่นดินของพระองค์ และทรงสงสารประชากรของพระองค์

พระคัมภีร์ใหม่ 2 โครินธ์ 5,6

5:20 ฉะนั้นเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์ โดยที่พระเจ้าทรงขอร้องท่านทั้งหลายทางเรา เราจึงขอร้องท่านในนามของพระคริสต์ให้คืนดีกันกับพระเจ้า
5:21 เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์

6:1 ในเมื่อเราทำงานร่วมกับพระคริสต์แล้ว เราจึงขอวิงวอนท่านว่า อย่าสักแต่รับพระคุณของพระเจ้าเท่านั้น
6:2 เพราะพระองค์ตรัสว่า ในเวลาอันชอบเราได้ฟังเจ้า ในวันแห่งความรอดเราได้ช่วยเจ้า นี่แน่ะ บัดนี้เป็นเวลาอันชอบ นี่แน่ะ บัดนี้เป็นวันแห่งความรอด

พระวรสาร ( กิตติคุณ ) มัทธิว 6

6:1 "จงระวัง อย่ากระทำศาสนกิจเพื่ออวดคนอื่น ถ้าทำอย่างนั้นท่านจะไม่ได้รับบำเหน็จจากพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์
6:2 "เหตุฉะนั้น เมื่อท่านทำทานอย่าเป่าแตรข้างหน้าท่าน เหมือนคนหน้าซื่อใจคด กระทำในธรรมศาลาและตามถนน เพื่อให้คนสรรเสริญ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว
6:3 ฝ่ายท่านทั้งหลายเมื่อทำทาน อย่าให้มือซ้ายรู้การซึ่งมือขวากระทำนั้น
6:4 ทานของท่านจะต้องเป็นทานลับ และพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นในที่ลี้ลับ จะทรงโปรดประทานบำเหน็จแก่ท่าน
6:5 "เมื่อท่านทั้งหลายอธิษฐาน อย่าเป็นเหมือนคนหน้าซื่อใจคด เพราะเขาชอบยืนอธิษฐานในธรรมศาลาและตามถนน เพื่อจะให้คนทั้งปวงได้เห็น เราบอกความจริงแก่ท่านว่าเขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว
6:6 ฝ่ายท่านเมื่ออธิษฐานจงเข้าในห้องชั้นใน และเมื่อปิดประตูแล้ว จงอธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในที่ลี้ลับ และพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นในที่ลี้ลับจะทรงโปรดประทานบำเหน็จแก่ท่าน

6:16 "เมื่อท่านถืออดอาหาร อย่าทำหน้าเศร้าหมองเหมือนคนหน้าซื่อใจคด ด้วยเขาทำหน้าให้มอมแมม เพื่อจะให้คนเห็นว่าเขาถืออดอาหาร เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้บำเหน็จของเขาแล้ว
6:17 ฝ่ายท่านเมื่อถืออดอาหาร จงล้างหน้าและเอาน้ำมันใส่ศีรษะ
6:18 เพื่อคนจะไม่ได้รู้ว่าถืออดอาหาร แต่ให้ปรากฏแก่พระบิดาของท่าน ผู้ทรงสถิตในที่ลี้ลับ และพระบิดาของท่าน ผู้ทรงเห็นในที่ลี้ลับจะทรงโปรดประทานบำเหน็จแก่ท่าน

:) :) :) :) :) :) :) :) :) ;) ;) ;) ;) ;) ;) ;) ;) :D :D :D :D :D :D :D :D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D :-* :-* :-* :-*

ข้อคิด

วันนี้เป็นวันแรกเข้าสู่เทศกาลมหาพรต โปรเตสแตนต์ (สภาคริสตจักร )เรียกว่าเทศกาลรักษาธรรม
นั่นคือเป็นช่วงเวลาที่สำรวจชีวิต เรียนรู้ชีวิตของพระเยซูคริสต์ที่ทรงวางแบบให้กับพวกเราแล้ว
เป็นโอกาสที่จะสำนึก กลับใจ จากสิ่งที่เคยทำอย่างไร้สาระ มาทำสิ่งที่มีสาระ เพื่อประโยชน์ต่อตัวเอง และต่อผู้อื่น

จึงเชิญชวนพี่น้องคริสตชน

-อธิษฐานภาวนา เป็นพิเศษเรื่องต่างๆ
-อ่านพระวาจาของพระเจ้า
-กลับใจเปลี่ยนแปลงชีวิต ตามแบบที่พระเยซูคริสต์วางไว้
-ร่วมมิสซา/นมัสการ ประจำอย่าได้ขาด
-อดอาหารบ้างตามเหมาะสมของแต่ละคน
-ลด เลิก ละ ในสิ่งฟุมเฟือย ไร้สาระ
-อด ออม เงิน เพื่อการถวาย (ทำบุญ)ให้กับ ผู้ยากไร้ หรือสมทบกับโบสถ์ /วัด

ขอพระเจ้าทรงอวยพรทุกๆท่านๆ
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ ก.พ. 09, 2005 8:49 am

ขอบคุณสำหรับบทความดีดีครับ พี่พีพี
spirit

พุธ ก.พ. 09, 2005 10:05 am

มาอ่านค่ะ ขอบใจเจ้พีพีมากๆๆ


ปล. :oนึกว่าลืมซะแล้ว :-X
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

พุธ ก.พ. 09, 2005 10:06 am

อืม วันนี้แล้วสิครับ ที่เมืองไทย ขอให้ทุกท่านสามารถพลีกรรมได้ตลอด 40 วันนะครับ

เรามาภาวนาถึงพระเจ้ากันดีกว่าครับ :)
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

พุธ ก.พ. 09, 2005 7:41 pm

Lost Lamb เขียน: มาอ่านค่ะ ขอบใจเจ้พีพีมากๆๆ


ปล. :oนึกว่าลืมซะแล้ว :-X
ไม่เคยลืมค่ะ 8)
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. ก.พ. 10, 2005 6:21 am

พฤหัสวันที่ 2

โมเสสกล่าวกับประชาชนว่า

เฉลยธรรมบัญญัติ บทที่ 30

30:15 "จงดูเถิด ในวันนี้ข้าพเจ้าได้วางชีวิตและสิ่งดี ความตายและสิ่งร้ายไว้ต่อหน้าท่าน
30:16 คือในการที่ข้าพเจ้าได้บัญชาท่านในวันนี้ ให้รักพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ให้ดำเนินในพระมรคาทั้งหลายของพระองค์และให้รักษาพระบัญญัติ และกฎเกณฑ์และกฎหมายของพระองค์ แล้วท่านจะมีชีวิตอยู่และทวีมากขึ้น และพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านจะอำนวยพระพรแก่ท่านในแผ่นดินซึ่งท่านเข้าไปยึดครองนั้น
30:17 ถ้าใจของท่านหันเหไปและท่านมิได้เชื่อฟัง แต่ถูกลวงให้ไปนมัสการพระอื่นและปรนนิบัติพระนั้น
30:18 ข้าพเจ้าขอประกาศแก่ท่านทั้งหลายในวันนี้ว่า ท่านทั้งหลายจะพินาศเป็นแน่ ท่านจะไม่มีชีวิตอยู่นานในแผ่นดินซึ่งท่านกำลังจะยกข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปยึดครองนั้น
30:19 ข้าพเจ้าขออัญเชิญสวรรค์และโลกให้เป็นพยานต่อท่านในวันนี้ว่า ข้าพเจ้าตั้งชีวิตและความตาย พระพรและคำสาปแช่งไว้ต่อหน้าท่าน เพราะฉะนั้นท่านจงเลือกเอาข้างชีวิตเพื่อท่านและลูกหลานของท่านจะได้มีชีวิตอยู่
30:20 ด้วยมีความรักต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ และติดพันอยู่กับพระองค์ กระทำเช่นนั้นจะได้ชีวิตและความยืนนาน เพื่อท่านจะได้อยู่ในแผ่นดินซึ่งพระเจ้าปฏิญาณแก่บรรพบุรุษของท่าน คือแก่อับราฮัมแก่อิสอัค และแก่ยาโคบว่า จะประทานแก่ท่านเหล่านั้น"

พระวรสาร (กิตติคุณ )ลูกา บทที่ 9

9:22 และตรัสว่า "บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ พวกผู้ใหญ่ พวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์จะไม่ยอมรับพระองค์ ในที่สุดพระองค์จะต้องถึงถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สามพระองค์จะทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่"
9:23 พระองค์จึงตรัสแก่คนทั้งหลายว่า "ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกทุกวัน และตามเรามา
9:24 เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด
9:25 เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียตัวของตนเองผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร

ข้อคิด

พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีเสรีภาพ ในการเลือกทำดี หรือทำชั่ว พระเจ้าไม่ประสงค์จะบังคับใคร
ให้ไปสวรรค์ หรือลงนรก เรามีเสรีภาพเต็มที่กับชีวิตของตัวเอง

แต่พระเยซูคริสต์ทรงเชิญชวนให้พวกเราร่วมแบกกางเขนกับพระองค์ นั่นคือร่วมทุกข์ในโลกนี้
เพราะพระองค์เองทรงประทานให้อย่างเต็มใจและไม่เสียดาย แล้วเราล่ะ ....ยินดีเดินไปบนเส้น
ทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค แต่เปี่ยมไปด้วยความรัก

ขอให้ภาวนา ถึง หัวข้อพิเศษ และเรื่องราวที่เรามีภาระใจ
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ก.พ. 13, 2005 5:49 am

สัปดาห์ที่ ๑ เทศกาลมหาพรต

วันอาทิตย์ที่ ๑๓ กพ.

โรม บทที่ 5

5:12 เหตุฉะนั้น เช่นเดียวกับที่บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคนๆเดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคน เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป
5:13 ความจริงบาปได้มีอยู่ในโลกแล้วก่อนมีธรรมบัญญัติ แต่ที่ใดไม่มีธรรมบัญญัติก็ไม่ถือว่ามีบาป
5:14 อย่างไรก็ตาม ความตายก็ได้ครอบงำตลอดมาตั้งแต่อาดัมจนถึงโมเสส แม้คนที่มิได้ทำบาปอย่างเดียวกับการละเมิดของอาดัม ผู้ซึ่งเป็นแบบของผู้ที่จะเสด็จมาภายหลัง
5:15 แต่ของประทานแห่งพระคุณนั้นหาเป็นเช่นความละเมิดนั้นไม่ เพราะว่าถ้าคนเป็นอันมากต้องตายเพราะการละเมิดของคนๆเดียว มากยิ่งกว่านั้น พระคุณของพระเจ้าและของประทานโดยพระคุณของพระองค์ผู้เดียวนั้น คือพระเยซูคริสต์ ก็มีบริบูรณ์แก่คนเป็นอันมาก
5:16 และของประทานนั้นก็ไม่เหมือนกับผล ซึ่งเกิดจากบาปของคนนั้นคนเดียว เพราะว่าการพิพากษาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการละเมิดเพียงครั้งเดียวนั้น ได้นำไปสู่การลงโทษ แต่ของประทานจากพระเจ้าภายหลังการละเมิดหลายครั้งนั้น นำไปสู่ความชอบธรรม
5:17 เพราะว่าถ้าโดยการละเมิดของคนนั้นคนเดียว เป็นเหตุให้ความตายครอบงำอยู่โดยคนนั้นคนเดียว มากยิ่งกว่านั้นคนทั้งหลายที่รับพระกรุณาอันไพบูลย์ และรับของประทานคือความชอบธรรมก็จะดำรงชีวิต และครอบครองโดยพระองค์ผู้เดียว คือพระเยซูคริสต์
5:18 ฉะนั้นการพิพากษาลงโทษได้มาถึงคนทั้งปวง เพราะการละเมิดครั้งเดียวฉันใด การกระทำอันชอบธรรมครั้งเดียว ก็นำการปลดปล่อยและชีวิตมาถึงทุกคนฉันนั้น
5:19 เพราะว่าคนเป็นอันมากเป็นคนบาป เพราะคนคนเดียวที่มิได้เชื่อฟังฉันใด คนเป็นอันมากก็เป็นคนชอบธรรม เพราะพระองค์ผู้เดียวที่ได้ทรงเชื่อฟังฉันนั้น


พระกิตติคุณ (พระวรสาร นักบุญ)มัทธิว

4:1 ครั้งนั้น พระวิญญาณทรงนำพระเยซูเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร เพื่อมารจะได้มาผจญ
4:2 และพระองค์ทรงอดพระกระยาหารสี่สิบวันสี่สิบคืน ภายหลังพระองค์ก็ทรงอยากพระกระยาหาร
4:3 ส่วนผู้ผจญมาหาพระองค์ทูลว่า "ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นพระกระยาหาร"
4:4 ฝ่ายพระองค์ตรัสตอบว่า "มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า "มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า
4:5 แล้วมารก็นำพระองค์ไปยังนครบริสุทธิ์ และให้พระองค์ประทับที่ยอดหลังคาพระวิหาร
4:6 แล้วทูลพระองค์ว่า "ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงโจนลงไปเถิด เพราะพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า พระเจ้าจะรับสั่งให้เหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์รักษาท่าน และเหล่าทูตสวรรค์จะเอามือประคองชูท่านไว้ มิให้เท้าของท่านกระทบหิน
4:7 พระเยซูจึงตรัสตอบว่า "พระคัมภีร์มีเขียนไว้อีกว่า อย่าทดลองพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่าน
4:8 อีกครั้งหนึ่งมารได้นำพระองค์ขึ้นไปบนภูเขาอันสูงยิ่งนัก และได้แสดงบรรดาราชอาณาจักรในโลก ทั้งความรุ่งเรืองของราชอาณาจักรเหล่านั้นให้พระองค์ทอดพระเนตร
4:9 แล้วได้ทูลพระองค์ว่า "ถ้าท่านจะกราบลงนมัสการเรา เราจะให้สิ่งทั้งปวงเหล่านี้แก่ท่าน"
4:10 พระเยซูจึงตรัสตอบว่า "อ้ายซาตาน จงไปเสียให้พ้น เพราะพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า จงกราบนมัสการพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่าน และปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว
4:11 แล้วมารจึงละพระองค์ไป และมีเหล่าทูตสวรรค์มาปรนนิบัติพระองค์


ข้อคิด


อาดัมกับเอวา ได้ทำบาป เพราะแพ้การประจญจากมาร จึงล้มลงในบาป เพราะไม่เชื่อฟัง
ตกจากมาตรฐาน บาปนั้นส่งผลมาถึงมนุษย์

พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาในโลกเพื่อมาช่วยคนบาปให้กลับไปหาพระบิดา
พระองค์เอง ก็ประจญบาปและการล่อลวง แต่พระองค์ทรงชนะการล่อลวงนั้นได้
โดยการปฏิเสธ การล่อลวงของมารร้าย โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นเวลาอดอาหารในถิ่นทุรกันดาร

ข้อคิดสำหรับพวกเรา เมื่อโดนการล่อลวง หรือมารประจญ เราทำอย่างไร :-*
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ ก.พ. 14, 2005 6:46 am

เลวีนิติ

19:1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
19:2 "จงกล่าวแก่ชุมนุมชนอิสราเอลว่า เจ้าทั้งหลายต้องบริสุทธิ์ เพราะเราคือพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของเจ้าเป็นบริสุทธิ์
.
.
19:11 "เจ้าอย่าลักทรัพย์ หรือโกงหรือมุสาต่อกัน
19:12 อย่าสาบานออกนามของเราเป็นความเท็จ กระทำให้พระนามพระเจ้าของเจ้าเป็นที่เหยียดหยาม เราคือพระเจ้า
19:13 "เจ้าอย่าบีบคั้นเพื่อนบ้านหรือปล้นเขา อย่าให้ค่าจ้างของลูกจ้างค้างอยู่กับเจ้าจนถึงรุ่งเช้า
19:14 เจ้าอย่าแช่งคนหูหนวก หรือวางของให้คนตาบอดสะดุด แต่เจ้าจงยำเกรงพระเจ้าของเจ้า เราคือพระเจ้า
19:15 "เจ้าอย่าพิพากษาด้วยความอยุติธรรม เจ้าอย่าลำเอียงเข้าข้างคนจนหรือเห็นแก่หน้าผู้เป็นใหญ่ แต่เจ้าจงพิพากษาเพื่อนบ้านของเจ้าด้วยความชอบธรรม
19:16 อย่าเทียวขึ้นเทียวล่องคอยส่อเสียดท่ามกลางชนชาติของตน และอย่าปองร้ายต่อชีวิตของเพื่อนบ้าน เราคือพระเจ้า
19:17 "อย่าเกลียดชังพี่น้องของเจ้าอยู่ในใจ แต่เจ้าจงตักเตือนเพื่อนบ้านของเจ้า เพื่อเจ้าจะไม่ต้องรับโทษเพราะเขา
19:18 เจ้าอย่าแก้แค้นหรือผูกพยาบาทลูกหลานญาติพี่น้องของเจ้า แต่เจ้าจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เราคือพระเจ้า

พระกิตติคุณ (วรสาร )มัทธิว


25:31 "เมื่อบุตรมนุษย์ทรงพระสิริเสด็จมากับทั้งหมู่ทูตสวรรค์ เมื่อนั้นพระองค์จะประทับบนพระที่นั่งอันรุ่งเรืองของพระองค์
25:32 บรรดาประชาชาติต่างๆจะประชุมพร้อมกันต่อพระพักตร์พระองค์ และพระองค์จะทรงแยกมนุษย์ทั้งหลายออกเป็นสองพวก เหมือนอย่างผู้เลี้ยงแกะจะแยกแกะออกจากแพะ
25:33 ส่วนฝูงแกะนั้นจะทรงจัดให้อยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ แต่ฝูงแพะนั้นจะทรงจัดให้อยู่เบื้องซ้าย
25:34 ขณะนั้น พระมหากษัตริย์จะตรัสแก่บรรดาผู้ที่อยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ว่า "ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา จงมารับเอาราชอาณาจักร ซึ่งได้ตระเตรียมไว้สำหรับท่านทั้งหลายตั้งแต่แรกสร้างโลก
25:35 เพราะว่าเมื่อเราหิว ท่านทั้งหลายก็ได้จัดหาให้เรากิน เรากระหายน้ำ ท่านก็ให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ได้ต้อนรับเราไว้
25:36 เราเปลือยกายท่านก็ได้ให้เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม เมื่อเราเจ็บป่วยท่านก็ได้มาเยี่ยมเอาใจใส่เรา เมื่อเราต้องจำอยู่ในพันธนาคาร ท่านก็ได้มาเยี่ยมเรา"
25:37 เวลานั้นบรรดาผู้ชอบธรรมจะกราบทูลว่า "พระองค์เจ้าข้า ที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ทรงหิวหรือทรงกระหายน้ำ และได้จัดมาถวายแด่พระองค์แต่เมื่อไร
25:38 ที่ข้าพระองค์ได้เห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลก หน้า และได้ต้อนรับไว้ หรือเปลือยพระกาย และได้สวมฉลองพระองค์ให้แต่เมื่อไร
25:39 ที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ประชวรหรือต้องจำอยู่ในพันธนาคาร และได้มาเฝ้าพระองค์นั้นแต่เมื่อไร"
25:40 แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสกับเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ซึ่งท่านได้กระทำแก่คนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้ ถึงแม้จะต่ำต้อยเพียงไร ก็เหมือนได้กระทำแก่เราด้วย"
25:41 พระองค์จะตรัสกับบรรดาผู้ที่อยู่เบื้องซ้ายพระหัตถ์ของพระองค์ว่า "ท่านทั้งหลายผู้ต้องแช่งสาปจงถอยไปจากเรา เข้าไปอยู่ในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารร้ายและสมุนของมันนั้น
25:42 เพราะว่าเมื่อเราหิวท่านก็มิได้ให้เรากิน เรากระหายน้ำท่านก็มิได้ให้เราดื่ม
25:43 เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ไม่ได้ต้อนรับเราไว้ เราเปลือยกาย ท่านก็ไม่ได้ให้เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม เราเจ็บป่วยและต้องจำอยู่ในพันธนาคาร ท่านไม่ได้เยี่ยมเรา"
25:44 เขาทั้งหลายจะทูลว่า "พระองค์เจ้าข้า ที่ข้าพระองค์ได้เห็นพระองค์ทรงหิวหรือทรงกระหายน้ำ หรือทรงเป็นแขกแปลกหน้าหรือเปลือยพระกาย หรือประชวร หรือต้องจำอยู่ในพันธนาคาร และข้าพระองค์มิได้ปรนนิบัติพระองค์นั้นแต่เมื่อไร"
25:45 เมื่อนั้นพระองค์จะตรัสกับเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ซึ่งท่านมิได้กระทำแก่ผู้ต่ำต้อยที่สุดสักคนหนึ่งในพวกนี้ ก็เหมือนท่านมิได้กระทำแก่เราด้วย"
25:46 และพวกเหล่านี้จะต้องออกไปรับโทษอยู่เป็นนิตย์ แต่ผู้ชอบธรรมจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์"

ตรึกตรอง

พระเจ้าทรงจารึกแผ่นศิลาให้โมเสส คือพระบัญญัติ 10 ประการ
พระเจ้าทรงจารึก ความรัก ในจิตใจพวกเราที่เรียกว่า
"พระบัญญัติรัก" หรือที่เรียกว่าบัญญัติทอง
คือรักพระเจ้าสุดจิตสุดใจสิ้นสุดกำลังและความคิด และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัว
เอง
อัครทูตเปาโล เขียน บทแห่งความรักใน ๑ โครินธ์ ๑๓ ข้อสุดท้าย ที่บอกว่า "ความรักยิ่งใหญ่ที่สุด"
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ก.พ. 20, 2005 5:26 am

สัปดาห์ที่ สอง เทศกาลมหาพรต
วันอาทิตย์ที่ ๒๐ กพ.๒๐๐๕

ปฐมกาล บทที่ 12

2:1 พระเจ้าตรัสแก่อับรามว่า "เจ้าจงออกจากเมืองจากญาติพี่น้องจากบ้านบิดาของเจ้า ไปยังดินแดนที่เราจะบอกให้เจ้ารู้
12:2 เราจะให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่ เราจะอวยพรแก่เจ้า จะให้เจ้ามีชื่อเสียงใหญ่โตเลื่องลือไป แล้วเจ้าจะช่วยให้ผู้อื่นได้รับพร
12:3 เราจะอำนวยพรแก่คนที่อวยพรเจ้า เราจะสาปคนที่แช่งเจ้า บรรดาเผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะได้พรเพราะเจ้า"
12:4 ฝ่ายอับรามก็ไปตามพระดำรัสของพระเจ้าโลทก็ไปด้วย เมื่ออับรามออกจากเมืองฮารานนั้น อายุได้เจ็ดสิบห้าปี


สดุดี บทที่ 33

33:4 เพราะพระวจนะของพระเจ้าเที่ยงธรรม และพระราชกิจของพระองค์ก็สำเร็จด้วยความซื่อสัตย์
33:5 พระองค์ทรงรักความชอบธรรมและความยุติธรรม แผ่นดินโลกเต็มด้วยความรักมั่นคงของพระเจ้า

33:18 ดูเถิด พระเนตรของพระเจ้าอยู่เหนือผู้ที่ยำเกรงพระองค์ เหนือผู้ที่หวังในความรักมั่นคงของพระองค์
33:19 เพื่อพระองค์จะทรงช่วยกู้จิตวิญญาณของเขาจากมัจจุราช และให้เขาดำรงชีวิตอยู่ได้ในเวลากันดารอาหาร
33:20 จิตวิญญาณของเราทั้งหลายรอคอยพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นความอุปถัมภ์และเป็นโล่ของเรา
33:21 เออ จิตใจของเราทั้งหลายยินดีในพระองค์ เพราะเราวางใจในพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์
33:22 ข้าแต่พระเจ้า ขอความรักมั่นคงของพระองค์ จงอยู่เหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย ตามที่ข้าพระองค์หวังใจในพระองค์


2 ทิโมธีบทที่ 11

:8 อย่าละอายที่จะเป็นพยานฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา หรือฝ่ายตัวข้าพเจ้าที่ถูกจำจองอยู่เพราะเห็นแก่พระองค์ แต่จงมีส่วนในการยากลำบาก เพื่อเห็นแก่ข่าวประเสริฐ โดยอาศัยฤทธิ์เดชแห่งพระเจ้า
1:9 ผู้ทรงช่วยเราให้รอด และทรงให้เรามาเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ไม่ใช่เพราะเห็นแก่การดีที่เราได้กระทำ แต่เพราะเห็นแก่พระประสงค์ของพระองค์เอง และพระคุณซึ่งทรงประทานแก่เรา ในพระเยซูคริสต์ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มานั้น
1:10 และบัดนี้ได้ทรงสำแดงให้ประจักษ์ โดยการที่พระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเราเสด็จมา ผู้ได้ทรงกำจัดความตายให้สูญสิ้น และได้ทรงกระทำให้ชีวิตและสภาพอมตะกระจ่างแจ้ง โดยข่าวประเสริฐ


มัทธิว 17


17:1 ครั้นล่วงไปได้หกวันแล้วพระเยซูทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องของยากอบขึ้นภูเขาสูงแต่ลำพัง
17:2 แล้วพระกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา พระพักตร์ของพระองค์ก็ทอแสงเหมือนแสงอาทิตย์ ฉลองพระองค์ก็ขาวผ่องดุจแสงสว่าง
17:3 โมเสสและเอลียาห์ก็มาปรากฏแก่พวกสาวกเหล่านั้น กำลังเฝ้าสนทนากับพระองค์
17:4 ฝ่ายเปโตรทูลพระเยซูว่า "พระองค์เจ้าข้า ซึ่งเราอยู่ที่นี่ก็ดี ถ้าพระองค์ต้องพระประสงค์ ข้าพระองค์จะทำเพิงสามหลังที่นี่ สำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง สำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง"
17:5 เปโตรทูลยังไม่ทันขาดคำ ก็บังเกิดมีเมฆสุกใสมาปกคลุมเขาไว้ แล้วมีพระสุรเสียงออกมาจากเมฆนั้นว่า "ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านผู้นี้มาก จงเชื่อฟังท่านเถิด"
17:6 ฝ่ายพวกสาวกเมื่อได้ยินก็ซบหน้ากราบลงกลัวยิ่งนัก
17:7 พระเยซูจึงเสด็จมาถูกต้องเขา แล้วตรัสว่า "จงลุกขึ้นเถิด อย่ากลัวเลย"
17:8 เมื่อเขาเงยหน้าดูก็ไม่เห็นผู้ใด เห็นแต่พระเยซูองค์เดียว
17:9 เมื่อลงมาจากภูเขาพระเยซูตรัสห้ามเหล่าสาวกว่า "นิมิตซึ่งพวกท่านได้เห็นนั้น อย่าบอกเล่าแก่ผู้ใดจนกว่าบุตรมนุษย์จะฟื้นขึ้นมาจากความตาย"


ข้อคิด


บ่อยครั้งพวกเรา ก็เหมือนกับท่านเปโตร คือชอบง่ายๆ และสบายๆ แท้จริงแล้ว
การติดตาม พระเยซูเจ้า คือการแบกกางเขนแต่ละวัน ชีวิตเราจะพบอุปสรรค
นาๆชนิด จากภายใน และภายนอก จากคนใกล้ชิด และคนห่างไกล

การติดตามพระเยซูเจ้า ไม่มีคำตอบสำเร็จรูป ไม่มีเงื่อนไข พระองค์ทรงท้าทาย
ผู้ติดตามพระองค์ เมื่อมองไปที่บรรพชนแห่งความเชื่อ แต่ละคนที่พระเจ้าเรียกออกมา
ให้ติดตามพระองค์ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่บุคคลเหล่านั้นเชื่อฟัง
เช่นอับราฮัม ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งความเชื่อ ท่านเปาโล ได้ทิ้ง ชื่อเสียง เกียรติยศ คำสรรเสริญ
ฐานะทั้งหมด เดินตามพระทางที่พระเจ้าทรงปูไว้ด้วยความยากลำบาก แต่เปาโลยังมั่นคง
และท้าทายเชิญชวนพวกเรา ในการแบกกางเขนของพระเยซูเจ้าทุกวัน

เชิญภาวนา พิเศษ เรื่องต่างๆ มั่นใจเสมอว่าพระเจ้าทรงฟัง
แก้ไขล่าสุดโดย Prod Pran เมื่อ อาทิตย์ ก.พ. 20, 2005 5:27 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ มี.ค. 13, 2005 6:32 am

สัปดาห์ที่ ๕ เทศกาลมหาพรต

เอเสเคียล บทที่ ๓๗


37:12 เพราะฉะนั้น จงเผยพระวจนะและกล่าวแก่เขาว่า พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า "ดูเถิด โอ ประชากรของเราเอ๋ย เราจะเปิดหลุมฝังศพของเจ้า และยกเจ้าออกมาจากหลุมฝังศพของเจ้า และจะนำเจ้ากลับมายังแผ่นดินอิสราเอล
37:13 โอ ประชากรของเราเอ๋ย เจ้าจะทราบว่า เราคือพระเจ้า ในเมื่อเราเปิดหลุมศพของเจ้า และยกเจ้าออกมาจากหลุมศพของเจ้า
37:14 และเราจะบรรจุวิญญาณของเราไว้ในเจ้า และเจ้าจะมีชีวิต และเราจะวางเจ้าไว้ในแผ่นดินของเจ้า แล้วเจ้าจะทราบว่าเราคือพระเจ้าได้ลั่นวาจาแล้ว และเราได้กระทำ พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ"

สดุดีบทที่ ๑๓๐

130:1 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์จากที่ลึก
130:2 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงฟังเสียงของข้าพระองค์ขอทรงเงี่ยพระโสต ฟังเสียงคำวิงวอนของข้าพระองค์
130:3 ข้าแต่พระเจ้า ถ้าพระองค์จะทรงหมายความบาปผิดไว้ องค์พระผู้เป็นเจ้าเจ้าข้า ผู้ใดจะยืนอยู่ได้
130:4 แต่พระองค์มีการอภัย เพื่อเขาจะยำเกรงพระองค์
130:5 ข้าพเจ้าคอยพระเจ้า จิตใจของข้าพเจ้าคอยอยู่และข้าพเจ้าหวังในพระวจนะของพระองค์
130:6 จิตใจของข้าพเจ้าคอยองค์พระผู้เป็นเจ้า ยิ่งกว่าคนยามคอยเวลารุ่งเช้า ยิ่งกว่าคนยามคอยเวลารุ่งเช้า
130:7 อิสราเอลเอ๋ย จงหวังใจในพระเจ้า เพราะในพระเจ้ามีความรักมั่นคง และในพระองค์มีการไถ่อย่างสมบูรณ์
130:8 และพระองค์จะทรงไถ่อิสราเอล จากความบาปผิดทั้งสิ้นของเขา


โรม บทที่ ๘


8:8 และคนทั้งหลายที่อยู่ใต้เนื้อหนัง จะเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าก็หามิได้
8:9 ถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลายจริงๆแล้วท่านก็มิได้อยู่ใต้เนื้อหนัง แต่อยู่ใต้พระวิญญาณ ผู้ใดไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ ผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์
8:10 และถ้าพระคริสต์อยู่ในท่านทั้งหลายแล้ว ถึงแม้ว่าร่างกายของท่านจะตายไปเพราะบาป แต่วิญญาณจิตของท่านก็จะดำรงอยู่เพราะความชอบธรรม
8:11 ถ้าพระวิญญาณของพระองค์ ผู้ทรงชุบให้พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย ทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย พระองค์ผู้ทรงชุบให้พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากความตายแล้วนั้น จะทรงกระทำให้กายซึ่งต้องตายของท่าน เป็นขึ้นมาใหม่ โดยเดชแห่งพระวิญญาณของพระองค์ซึ่งทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย


ยอห์นบทที่ ๑๑

11:3 ดังนั้นพี่สาวทั้งสอง จึงให้คนไปเฝ้าพระเยซูทูลว่า "พระองค์เจ้าข้า ผู้ที่พระองค์ทรงรักนั้นกำลังป่วยอยู่"
11:4 แต่เมื่อพระเยซูทรงได้ยินแล้วก็ตรัสว่า "โรคนั้นจะไม่ถึงตาย แต่เกิดขึ้นเพื่อเชิดชูพระเกียรติของพระเจ้า เพื่อให้พระบุตรของพระเจ้าทรงได้รับเกียรติเพราะโรคนั้น"
11:5 พระเยซูทรงรักมารธาและน้องสาวของเธอและลาซารัส
11:6 ครั้นพระองค์ทรงได้ยินว่าลาซารัสป่วยอยู่ พระองค์จึงทรงพักอยู่ที่ที่พระองค์ทรงอยู่นั้นอีกสองวัน
11:7 หลังจากนั้นพระองค์ก็ตรัสกับพวกสาวกว่า "เราเข้าไปในแคว้นยูเดียกันอีกเถิด"

11:3 ดังนั้นพี่สาวทั้งสอง จึงให้คนไปเฝ้าพระเยซูทูลว่า "พระองค์เจ้าข้า ผู้ที่พระองค์ทรงรักนั้นกำลังป่วยอยู่"
11:4 แต่เมื่อพระเยซูทรงได้ยินแล้วก็ตรัสว่า "โรคนั้นจะไม่ถึงตาย แต่เกิดขึ้นเพื่อเชิดชูพระเกียรติของพระเจ้า เพื่อให้พระบุตรของพระเจ้าทรงได้รับเกียรติเพราะโรคนั้น"
11:5 พระเยซูทรงรักมารธาและน้องสาวของเธอและลาซารัส
11:6 ครั้นพระองค์ทรงได้ยินว่าลาซารัสป่วยอยู่ พระองค์จึงทรงพักอยู่ที่ที่พระองค์ทรงอยู่นั้นอีกสองวัน
11:7 หลังจากนั้นพระองค์ก็ตรัสกับพวกสาวกว่า "เราเข้าไปในแคว้นยูเดียกันอีกเถิด"

11:33 เมื่อพระเยซูทรงเห็นเธอร้องไห้ และพวกยิวที่มากับเธอก็ร้องไห้ด้วย พระองค์ก็ทรงสะเทือนพระทัยและทรงเป็นทุกข์
11:34 พระองค์ตรัสว่า "พวกเจ้าเอาศพเขาไปไว้ที่ไหน" เขาทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า เชิญเสด็จมาดูเถิด"
11:35 พระเยซูทรงพระกันแสง {ราชาศัพท์ แปลว่า ร้องไห้}
11:36 พวกยิวจึงกล่าวว่า "ดูซิพระองค์ทรงรักเขาเพียงไร"
11:37 แต่บางคนก็พูดว่า "ท่านผู้นี้ทำให้คนตาบอดมองเห็น จะทำให้คนนี้ไม่ตายไม่ได้หรือ"
11:38 พระเยซูทรงสะเทือนพระทัยอีกจึงเสด็จมาถึงอุโมงค์ฝังศพ อุโมงค์นั้นเป็นถ้ำ มีหินก้อนหนึ่งวางปิดปากไว้
11:39 พระเยซูตรัสว่า "จงเอาหินออกเสีย" มารธาพี่สาวของผู้ตายจึงทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า ป่านนี้ศพมีกลิ่นเหม็นแล้ว เพราะว่าเขาตายมาสี่วันแล้ว"
11:40 พระเยซูตรัสกับเธอว่า "เราบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่า ถ้าเจ้าเชื่อเจ้าก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า"
11:41 พวกเขาจึงเอาหินออก พระเยซูทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นตรัสว่า "ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ ที่พระองค์ทรงโปรดฟังข้าพระองค์
11:42 ข้าพระองค์ทราบว่าพระองค์ทรงฟังข้าพระองค์อยู่เสมอ แต่ที่ข้าพระองค์กล่าวอย่างนี้ก็เพราะเห็นแก่ประชาชนที่ยืนอยู่ที่นี่ เพื่อเขาจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา"
11:43 เมื่อพระองค์ตรัสดังนั้นแล้วจึงเปล่งพระสุรเสียง ตรัสว่า "ลาซารัสเอ๋ย ออกมาเถิด"
11:44 ผู้ตายนั้นก็ออกมา มีผ้าพันมือและเท้า และที่หน้าก็มีผ้าพันอยู่ด้วย พระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า "จงแก้ผ้าที่พันออกเสีย แล้วปล่อยเขาเถิด"
11:45 ดังนั้นพวกยิวหลายคนที่มาหามารีย์ และได้เห็นการกระทำของพระเยซู ก็วางใจในพระองค์


ข้อคิด

สำหรับคริสตชนพื้นฐานหนึ่งของความเชื่อคือ การเป็นขึ้นจากความตาย หรือการกลับคืนชีพ เพราะว่าถ้าเราไม่เชื่อเรื่องนี้แล้ว คงไม่มีเหตุผลใดที่เราจะเดินตามรอยพระบาทของพระเยซูคริสต์ หรือเรียกตัวเองว่า คริสตชน

เรื่องการคืนชีพ เป็นเรื่องลึกลับทางเทวศาสตร์ หรือหาคำอธิบายยากสำหรับความรู้อันน้อยนิดของมนุษย์ เมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ...จากบทอ่านในพระคัมภีร์ ยอห์น เรื่องลาซารัส เป็นบทเริ่มต้นของการนำไปสู่ ความเชื่อ เรื่องการกลับคืนชีพ นั่นเอง
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ มี.ค. 20, 2005 5:56 am

Palm Sun Day

เริ่มต้นสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์แล้วนะคะ...หวังว่า สัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์พิเศษสำหรับพวกเรา
ที่จะใช้เวลา ไตร่ตรอง ถึงพระมหาทรมานของพระเยซูคริสต์เจ้า ที่ทรงเสียสละเพื่อพวกเรา
ทุกๆคน

ดังนั้น ค่าชีวิตของพวกเรา คือชีวิตที่พระมหาไถ่ ทรงจ่ายด้วยชีวิตพระองค์เอง
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ มี.ค. 20, 2005 6:06 am

วันอาทิตย์ ใบลาน /ทางตาล

เชิญพิจารณาพระคัมภีร์ต่อไปนี้

อิสยาห์ บทที่ ๕๐


50:4 พระเจ้าได้ประทานให้ข้าพเจ้ามี ลิ้นของบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงสอน เพื่อข้าพเจ้าจะได้รู้ที่จะค้ำชู ผู้ที่เหน็ดเหนื่อยไว้ด้วยถ้อยคำ ทุกๆเช้าพระองค์ทรงปลุก ทรงปลุกหูของข้าพเจ้า เพื่อให้ฟังอย่างผู้ที่พระองค์ทรงสอน
50:5 พระเจ้าได้ทรงเบิกหูข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ไม่ดื้อดัน ข้าพเจ้าไม่หันกลับ
50:6 ข้าพเจ้าหันหลังให้แก่ผู้ที่โบยตีข้าพเจ้า และหันแก้มให้แก่คนที่ดึงเคราข้าพเจ้าออก ข้าพเจ้าไม่หนีหน้า จากความอายแก่การถ่มน้ำลายรด
50:7 เพราะว่าพระเจ้าทรงช่วยข้าพเจ้า เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่ขายหน้า เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงตั้งหน้าของข้าพเจ้าอย่างหินเหล็กไฟ และข้าพเจ้าทราบว่าข้าพเจ้าจะไม่ได้อาย


สดุดีบทที่ ๒๒

22:7 ผู้ที่เห็นข้าพระองค์ก็เย้ยหยัน เขาบุ้ยปากและสั่นศีรษะใส่ข้าพระองค์กล่าวว่า
22:8 เขามอบตัวไว้กับพระเจ้า ให้พระองค์ทรงช่วยเขาสิ ให้พระองค์ช่วยเขา เพราะพระองค์ทรงพอพระทัยในเขา

22:16 พระเจ้าข้า บรรดาสุนัขล้อมรอบข้าพระองค์ไว้ คนทำชั่วหมู่หนึ่งล้อมข้าพระองค์ เขาแทงมือแทงเท้าข้าพระองค์
22:17 ข้าพระองค์นับกระดูกของข้าพระองค์ได้เป็นชิ้นๆเขาจ้องมองและยิ้มเยาะข้าพระองค์
22:18 เสื้อผ้าของข้าพระองค์เขาแบ่งปันกัน ส่วนเสื้อของข้าพระองค์นั้นเขาก็จับฉลากกัน
22:19 ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์อย่าทรงห่างไกลเลย ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงอุปถัมภ์ขอทรงเร่งรีบมาช่วยข้าพระองค์ด้วยเถิด

22:22 ข้าพระองค์จะบอกเล่าพระนามของพระองค์แก่พี่น้องของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชุมนุมชน
22:23 ท่านผู้เกรงกลัวพระเจ้า จงสรรเสริญพระองค์ .....


มัทธิว บทที่ ๒๗

27:11 เมื่อพระเยซูทรงยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าเมือง เจ้าเมืองจึงถามว่า "ท่านเป็นกษัตริย์ของพวกยิวหรือ" พระเยซูตรัสตอบว่า "ก็ท่านว่าแล้วนี่" {หรือ "ท่านว่า ถูกแล้ว"}
27:12 แต่เมื่อพวกมหาปุโรหิต และพวกผู้ใหญ่ได้ฟ้องกล่าวโทษพระองค์ พระองค์มิได้ทรงตอบประการใด
27:13 ปีลาตจึงกล่าวแก่พระองค์ว่า "ซึ่งเขาได้กล่าวความปรักปรำท่านเป็นหลายประการนี้ ท่านไม่ได้ยินหรือ"
27:14 แต่พระองค์มิได้ตรัสตอบสักคำเดียว เจ้าเมืองจึงอัศจรรย์ใจนัก
27:15 ในเทศกาลนั้น เจ้าเมืองเคยปล่อยนักโทษคนหนึ่งให้แก่หมู่ชนตามใจชอบ
27:16 คราวนั้นมีนักโทษสำคัญคนหนึ่งชื่อบารับบัส
27:17 เมื่อคนทั้งปวงชุมนุมกันแล้ว ปีลาตได้ถามเขาว่า "เจ้าทั้งหลายปรารถนาให้ปล่อยผู้ใด บารับบัส หรือเยซูที่เรียกว่าพระคริสต์"
27:18 เพราะท่านรู้อยู่แล้ว ว่าเขาได้อายัดพระองค์ไว้ด้วยความอิจฉา
27:19 ขณะเมื่อปีลาตนั่งว่าราชการอยู่นั้น ภรรยาของท่านได้ใช้คนมาเรียนว่า "อย่าพัวพันกับเรื่องของคนชอบธรรมนั้นเลย ด้วยว่าวันนี้ดิฉันฝันร้าย ไม่มีความสบายใจเพราะท่านผู้นั้น"
27:20 ฝ่ายพวกมหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ ก็ยุยงหมู่ชนให้ขอให้ปล่อยบารับบัส และให้ประหารพระเยซูเสีย
27:21 เจ้าเมืองจึงถามเขาว่า "ในสองคนนี้เจ้าจะให้เราปล่อยคนไหน" เขาตอบว่า "บารับบัส"
27:22 ปีลาตจึงถามว่า "ถ้าอย่างนั้น เราจะทำอย่างไรแก่พระเยซู ที่เรียกว่าพระคริสต์" เขาพากันร้องว่า "ให้ตรึงเสียที่กางเขนเถิด"
27:23 เจ้าเมืองถามว่า "ตรึงทำไม เขาได้ทำผิดประการใด" แต่เขาทั้งหลายยิ่งร้องว่า "ให้ตรึงเสียที่กางเขนเถิด"
27:24 เมื่อปีลาตเห็นว่าไม่ได้การมีแต่จะเกิดวุ่นวายขึ้น ก็เอาน้ำล้างมือต่อหน้าหมู่ชน แล้วว่า "เราไม่มีผิดด้วยเรื่องความตาย {คำเดิมตามตัวอักษร แปลว่า โลหิต} ของคนนี้ เจ้ารับธุระเอาเองเถิด"
27:25 บรรดาหมู่ชนเรียนว่า "ให้ความผิดด้วยเรื่องความตายของเขา ตกอยู่แก่เราทั้งบุตรของเราด้วย"
27:26 ท่านจึงปล่อยบารับบัสให้เขา และเมื่อให้โบยตีพระเยซูแล้ว ก็มอบให้ตรึงไว้ที่กางเขน
27:27 พวกทหารของเจ้าเมืองจึงพาพระเยซูไปไว้ในศาลาปรีโทเรียม แล้วก็รวมทหารทั้งกองไว้ข้างหน้าพระองค์
27:28 และเปลื้องฉลองพระองค์ออก เอาเสื้อสีแดงเข้มมาสวมพระองค์
27:29 เอาหนามสานเป็นมงกุฎสวมพระเศียรพระองค์ แล้วเอาไม้อ้อให้ถือไว้ในพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์ และได้คุกเข่าลงต่อพระพักตร์พระองค์เยาะเย้ยว่า "กษัตริย์ของพวกยิวเจ้าข้า ขอทรงพระเจริญ"
27:30 แล้วก็ถ่มน้ำลายรด และเอาไม้อ้อนั้นตีพระเศียรพระองค์
27:31 เมื่อเยาะเย้ยพระองค์แล้วเขาถอดเสื้อนั้นออก แล้วเอาฉลองพระองค์สวมให้ และนำพระองค์ออกไป เพื่อจะตรึงเสียที่กางเขน
27:32 ครั้นออกไปแล้วได้พบชาวไซรีนคนหนึ่งชื่อซีโมน จึงเกณฑ์ให้แบกกางเขนของพระองค์ไป
27:33 เมื่อมาถึงตำบลหนึ่งที่เรียกว่ากลโกธา แปลว่าที่กะโหลกศีรษะ
27:34 เขาเอาเหล้าองุ่นเปรี้ยวระคนกับของขม มาถวายพระองค์เมื่อพระองค์ทรงชิมก็ไม่เสวย
27:35 ครั้นตรึงพระองค์ที่กางเขนแล้ว เขาก็เอาฉลองพระองค์มาจับฉลากแบ่งปันกัน
27:36 แล้วก็นั่งเฝ้าพระองค์อยู่ที่นั่น
27:37 และเขาได้เอาถ้อยคำข้อหา ที่ลงโทษพระองค์ไปติดไว้เหนือพระเศียร ซึ่งอ่านว่า "ผู้นี้คือเยซูกษัตริย์ของชนชาติยิว"
27:38 คราวนั้นเขาเอาโจรสองคนตรึงไว้พร้อมกับพระองค์ ข้างขวาคนหนึ่งข้างซ้ายคนหนึ่ง
27:39 ฝ่ายคนทั้งปวงที่เดินผ่านไปมานั้น ก็กล่าวเหยียดหยามพระองค์ สั่นศีรษะเยาะเย้ย
27:40 ว่า "เจ้าผู้จะทำลายพระวิหาร และสร้างขึ้นในสามวันน่ะ จงช่วยตัวเองให้รอด ถ้าเจ้าเป็นบุตรของพระเจ้า จงลงมาจากกางเขนเถิด"
27:41 พวกมหาปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์และพวกผู้ใหญ่ ก็เยาะเย้ยพระองค์ว่า
27:42 "เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้ เขาเป็นกษัตริย์ของชาติอิสราเอล ให้เขาลงมาจากกางเขนเดี๋ยวนี้เถิด เราจะได้เชื่อถือบ้าง
27:43 เขาไว้ใจในพระเจ้า ถ้าพระองค์พอพระทัยในเขาก็ให้ทรงช่วยเขาเดี๋ยวนี้เถิด ด้วยเขาได้กล่าวว่าเขาเป็นพระบุตรของพระเจ้า"
27:44 ถึงโจรที่ถูกตรึงไว้กับพระองค์ ก็ยังกล่าวคำหยาบช้าต่อพระองค์เหมือนกัน
27:45 แล้วก็บังเกิดมืดมัวทั่วแผ่นดิน ตั้งแต่เวลาเที่ยงวันจนถึงบ่ายสามโมง
27:46 ครั้นประมาณบ่ายสามโมง พระเยซูทรงร้องเสียงดังว่า "เอลี เอลี ลามาสะบักธานี" แปลว่า "พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย
27:47 บางคนที่ยืนอยู่ที่นั่น เมื่อได้ยินก็พูดว่า "คนนี้เรียกเอลียาห์"
27:48 ในทันใดนั้น คนหนึ่งในพวกเขา วิ่งไปเอาฟองน้ำชุบเหล้าองุ่นเปรี้ยวเสียบปลายไม้อ้อ ส่งให้พระองค์เสวย
27:49 แต่คนอื่นร้องว่า "อย่าเพ่อก่อน ให้เราคอยดูซิว่าเอลียาห์จะมาช่วยเขาให้รอดหรือไม่"
27:50 ฝ่ายพระเยซูร้องเสียงดังอีกครั้งหนึ่ง แล้วสิ้นพระชนม์
27:51 และดูเถิด ม่านในพระวิหารก็ขาดออกเป็นสองท่อน ตั้งแต่บนตลอดล่าง แผ่นดินก็ไหว ศิลาก็แตกออกจากกัน
27:52 อุโมงค์ฝังศพก็เปิดออก ศพของธรรมิกชนหลายคนที่ล่วงหลับไปแล้วได้เป็นขึ้นมา
27:53 และเมื่อพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาแล้ว เขาทั้งหลายก็ออกจากอุโมงค์ พากันเข้าไปในนครบริสุทธิ์ปรากฏแก่คนเป็นอันมาก
27:54 ส่วนนายร้อยและทหารที่เฝ้าพระศพพระเยซูอยู่ด้วยกัน เมื่อได้เห็นแผ่นดินไหวและการทั้งปวงซึ่งบังเกิดขึ้นนั้น ก็พากันครั่นคร้ามยิ่งนัก จึงพูดกันว่า "แท้จริงท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า"
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ มี.ค. 20, 2005 6:12 am

ข้อคิด

วันนี้ ที่คริสตจักร หรือวัดคาทอลิก จะมีพิธีที่สำคัญ คือการแห่ใบลาน/ทางตาล
เพื่อเป็นการจำลอง การเสด็จเข้าสู่เยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิต ของพระเยซูคริสต์

เชิญชวนให้พวกเรา ร้องโฮซันนา สรรเสริญพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอด และพระองค์
ทรงเป็นกษัติรย์ ที่เรียกว่า องค์สันติราชา ที่ทรงปกครองในจิตใจของพวกเรา

วันนี้พระองค์ทรงลา เป็นการวางแบบของความถ่อมสุภาพ พระเยซูคริสต์
ไม่เคยประสงค์ความรุนแรง พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์แห่งสันติสุขและความรัก ;)
แก้ไขล่าสุดโดย Prod Pran เมื่อ อาทิตย์ มี.ค. 20, 2005 6:12 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
DokPeepHorm

อาทิตย์ มี.ค. 20, 2005 6:33 am

AMEN ...
แก้ไขล่าสุดโดย DokPeepHorm เมื่อ อาทิตย์ มี.ค. 20, 2005 6:33 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
spirit

อาทิตย์ มี.ค. 20, 2005 6:36 am

Prod Pran เขียน:
Palm Sun Day

เริ่มต้นสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์แล้วนะคะ...หวังว่า สัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์พิเศษสำหรับพวกเรา
ที่จะใช้เวลา ไตร่ตรอง ถึงพระมหาทรมานของพระเยซูคริสต์เจ้า ที่ทรงเสียสละเพื่อพวกเรา
ทุกๆคน

ดังนั้น ค่าชีวิตของพวกเรา คือชีวิตที่พระมหาไถ่ ทรงจ่ายด้วยชีวิตพระองค์เอง
ต้องระลึกถึงราชกิจที่ยิ่งใหญ่ ที่ทรงกระทำ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

อาทิตย์ มี.ค. 20, 2005 3:48 pm

ทางคาทอลิกเขามีทำเนียมงดเล่นดนตรีและตีระฆังหลังจากร้องเพลง "พระสิริรุ่งโรจน์" ในค่ำวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ด้วยนะครับ โดยจะเริ่มตีระฆังและเล่นดนตรีอีกครั้งในคืนวันเสาร์ตั้งแต่บทเพลง "พระสิริรุ่งโรจน์"เป็นต้นไป แต่วันนี้ที่เป็นวันอาทิตย์ใบลาน ซิสเตอร์ใช้เด็กมาบอกผมว่าวันนี้ไม่ให้เล่นดนตรี ผมก็ถามเด็กไปว่าทำไมเล่นไม่ได้ เขาก็บอกว่าซิสเตอร์ให้มาบอก แต่ผมก็ยังดึงดันว่าผมจะเล่น เพราะไม่เห็นบอกเหตุผลมาเลยว่าทำไมไม่ให้เล่น เพราะผมมาเช็คดูในหนังสือคู่มือสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ก็มีบอกไว้แบบที่ผมบอกในตอนต้น วันอาทิตย์ใบลานนี้เขาในร้องเพลงอย่างสง่าเพื่อต้อนรับพระเยซูเจ้า แต่ซิสเตอร์กลับจะสร้างบรรยากาศเศร้าซะอย่างนั้นโดยไม่ให้เล่นดนตรี ผมก็เลยเล่น พอจะเริ่มเล่นซิสเตอร์ก็มาสะกดบอก ว่า "ปิดหนังสือไปได้แล้ว ไม่ต้องใช้" ผมก็งงสิครับ ผมก็ไม่สนหละ ผมเคยเล่นดนตรีทุกปี วันนี้เขาก็ให้เล่นดนตรีกัน ผมก็เลยไปถามพ่อของผม ท่านก็บอกว่า "ซิสเตอร์คงหลงมั้ง " แหมซิสเตรอ์อายุก็ยังไม่มากเลยนะครับ หลงได้ไงเนี่ยครับ ผมเองก็เกือบงอนไม่เล่นดนตรีเลยหละครับ อุตส่าห์เตรียมมาเล่นแล้ว เพื่ออีกคนก็ยกกีตาร์กับแอมป์มาก็หนักเพื่อมาเล่นดนตรีในมิสซา
แก้ไขล่าสุดโดย Andreas เมื่อ อาทิตย์ มี.ค. 20, 2005 3:52 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ มี.ค. 20, 2005 5:27 pm

ต้องร้องสิ ...วันนี้ก่อนเทศนา เราร้องเพลงกันครึกครื้น เพลงโฮซันนา
พี่เกือบจะโห่ร้อง ไปด้วย รู้สึกครึกครื้น กับองค์สันติราชา ที่เสด็จเข้าสู่เยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิต

แต่ในที่สุดได้เล่นดนตรี เพราะคุณพ่อไม่ลืม อิอิ ;D

คริสตังนี่คุณพ่อเล่นดนตรีกันเก่งไหมคะ ;D
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ก.พ. 28, 2006 10:53 pm

พรุ่งนี้ พุธ รับเถ้า เราเริ่มเข้าสู่มหาพรต

ขอเชิญชวนให้เราอธิษฐานภาวนา อ่านพระคัมภีร์ สงบจิตใจ
ทบทวนชีวิตของตัวเองกับพระเจ้าด้วยกันค่ะ
Nativity
โพสต์: 766
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 15, 2005 3:31 pm
ที่อยู่: Peace in sinner

พุธ มี.ค. 01, 2006 1:10 am

น.มัทธิว27:54 ส่วนนายร้อยและทหารที่เฝ้าพระศพพระเยซูอยู่ด้วยกัน เมื่อได้เห็นแผ่นดินไหวและการทั้งปวงซึ่งบังเกิดขึ้นนั้น ก็พากันครั่นคร้ามยิ่งนัก จึงพูดกันว่า "แท้จริงท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า"

วันนี้เเล้วขอรับย้ากก เตรียมตัวกันให้พร้อมเพรียงนะครับผมจะเป็นนักบุญในสายตาของ
พระเยซูเจ้าเเละแม่พระให้ได้ :D
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

พฤหัสฯ. มี.ค. 02, 2006 9:06 pm

Prod Pran เขียน:
พรุ่งนี้ พุธ รับเถ้า เราเริ่มเข้าสู่มหาพรต

ขอเชิญชวนให้เราอธิษฐานภาวนา อ่านพระคัมภีร์ สงบจิตใจ
ทบทวนชีวิตของตัวเองกับพระเจ้าด้วยกันค่ะ




;D ;D ขอบคุณพี่พีพีค่ะ พอดีกระทู้นี้มันลงล่างไปหน่อยเลยดันๆขึ้นมาเตือนสติตัวเองค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
KaL 's Z
โพสต์: 149
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 5:30 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 02, 2006 9:11 pm

แล้ววันไหน
วัน อีสเตอร์ หรอคะ

ง๊ง งง กับ เทศกาลนี้
อ่านแล้วไม่เข้าใจ -*-
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. มี.ค. 02, 2006 9:16 pm

+NONstopPASToff+ [K]EL_ViL เขียน: แล้ววันไหน
วัน อีสเตอร์ หรอคะ

ง๊ง งง กับ เทศกาลนี้
อ่านแล้วไม่เข้าใจ -*-
แต่ละปี เลขไม่ตรงกันนะ

จะเลือกตาม ศุกร์-เสาร์อาทิตย์

ปีนี้ ศุกร์ศักดิ์สิทธิ์-อาทิตย์อีสเตอร์ ชน สงกรานต์13-15 เมษาเลย เย้ :D
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. มี.ค. 02, 2006 11:04 pm

+NONstopPASToff+ [K]EL_ViL เขียน: แล้ววันไหน
วัน อีสเตอร์ หรอคะ

ง๊ง งง กับ เทศกาลนี้
อ่านแล้วไม่เข้าใจ -*-
เดี๋ยว (อีกนาน ) จะลองค้นที่พี่พีพี เคยโพสต์ไว้ให้ดู หรือค้นเอง หน้า ศาลาธรรมนี่แหละ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. มี.ค. 02, 2006 11:17 pm

Jeab Agape เขียน:
+NONstopPASToff+ [K]EL_ViL เขียน: แล้ววันไหน
วัน อีสเตอร์ หรอคะ

ง๊ง งง กับ เทศกาลนี้
อ่านแล้วไม่เข้าใจ -*-
เดี๋ยว (อีกนาน ) จะลองค้นที่พี่พีพี เคยโพสต์ไว้ให้ดู หรือค้นเอง หน้า ศาลาธรรมนี่แหละ
เจอละ

http://www.newmana.com/yabb/http://newm ... readid=473
Nativity
โพสต์: 766
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 15, 2005 3:31 pm
ที่อยู่: Peace in sinner

พฤหัสฯ. มี.ค. 02, 2006 11:34 pm

เทศกาลนี้ทรมารร่างกายตัวเองจังเลย *sob
St.paul

จันทร์ มี.ค. 06, 2006 11:02 am

คริสตชนฉลองปัสกาเพื่อระลึกถึงการผ่านจากความตายเข้าสู่ชีวิตพร้อมกับองค์พระคริสต์เจ้า ดังนั้น ในเทศกาลมหาพรตซึ่งเป็นการเตรียมสมโภชปัสกานี้ พระศาสนจักรจึงย้ำถึงความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตโดยการกลับใจละทิ้งบาป และกิจการชั่วร้ายต่างๆ ที่ทำให้เราเหินห่างจากพระเจ้า จะได้หันกลับมาหาพระองค์เพื่อรื้อฟื้นชีวิตใหม่ในพระคริสตเจ้าให้เข้มแข็งยิ่งๆ ขึ้นทุกปี

เทศกาลมหาพรตจึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับการเตรียมตัวคริสตชนสำรอง เพื่อรับศีลล้างบาปในคืนวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองปัสกาที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงมีชัยชนะต่อบาป และความตายกลับคืนพระชนม์ชีพนอกจากนั้นยังเป็นโอกาสที่พระศาสนจักรจะอภัยบาปแก่คริสตชนที่ทำบาปหนัก และต้องการจะคืนดีกับพระเจ้าและพระศาสนจักร เพราะฉะนั้นเทศกาลมหาพรตจึงเป็นระยะเวลาที่คนบาปเช่นนี้แสดงการกลับใจ โดยปฏิบัติกิจใช้โทษบาปที่พระศาสนจักรกำหนดให้ เป็นเทศกาลแห่งการเตรียมตัว โดยเน้นที่การฟื้นฟูชีวิตฝ่ายจิต ประกอบด้วยการจำศีล ภาวนา อดอาหาร การกลับใจโดยการทำทาน ปฏิบัติกิจเมตตา ชดเชยบาป ทำกิจศรัทธาเพิ่มมากขึ้น

การถือศีลอดอาหาร การทำพลีกรรมสะกดอดใจไม่ทำอะไรตามใจตัวเอง การฝืนใจทำความดีที่เราถอยหนี ไม่อยากสวดเพราะเบื่อหน่าย การอดออมเงินที่เราอยากไปใช้เพื่อความสุขส่วนตัวเก็บลงกระปุกมหาพรตเพื่อนำไปช่วยคนที่ยากลำบากกว่าเราเป็นรูปแบบของการสร้างสมบุญกุศลที่เอาตัวเองเป็นเครื่องบูชาแบบพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขน และสัมฤทธิ์ผลก็โดยอาศัยร่วมทุกข์ไปกับบารมีแห่งมหาทรมานของพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขน

สำหรับคริสตชนผู้ใหญ่ที่รับศีลล้างบาปแล้วตั้งแต่เป็นเด็ก แต่ไม่ได้รับการพัฒนาในด้านความเชื่อ หรือยังไม่ได้รับศีลกำลัง หรือยังไม่ได้รับศีลมหาสนิท เทศกาลมหาพรต ต้องเป็นโอกาสสั่งสอนหลักความเชื่อ (cathechesis) อย่างเข้มข้น เพื่อเตรียมจิตใจพวกเขาเหล่านั้นให้รับศีลอภัยบาป ซึ่งอาจจะจัดให้มี "วจนพิธีกรรมขอสมาโทษ (penitential services)"

สำหรับผู้ที่ได้รับเลือกให้รับศีลล้างบาป หรือคริสตชนสำรอง ซึ่งหมายถึงผู้ใหญ่ที่ขอสมัครเรียนคำสอนเพื่อเตรียมตัวรับศีลล้างบาปเป็นคริสตชนคาทอลิก โดยปกติ จะมีการสอนคำสอนอย่างต่อเนื่องมาประมาณ 1 ปี ก่อนที่จะเข้ารับศีลล้างบาป พิธีเกี่ยวกับคริสตชนสำรองจึงมีขั้นตอนตามลำดับ ประกอบด้วย "พิธีเลือกสรร (Rite of Election)" และมีลำดับขั้นตอนต่างๆในทุกวันอาทิตย์ตลอดเทศกาล รวมเรียกว่า "พิธีรับผู้ใหญ่เข้าเป็นคริสตชน (Christian Initiation)" ดังนี้

พิธีเลือกนักบุญองค์อุปถัมภ์ พ่อ-แม่ทูนหัว และลงทะเบียนรายชื่อสำหรับการรับศีลล้างบาป

พิธีตรวจสอบคุณสมบัติและพิธีไล่ปีศาจ ที่เชื่อมโยงกับการอ่านพระวรสารนักบุญยอห์น

พิธีมอบสัญลักษณ์ของความเชื่อ (หรือการมอบบทสัญลักษณ์อัครสาวก) และบทข้าแต่พระบิดาฯ ซึ่งถือเป็นบทสังเคราะห์ความเชื่อและการภาวนา

พิธีเตรียมตัวขั้นสุดท้ายก่อนรับศีลล้างบาป
ตอบกลับโพส