the Vatican's Exorcists การขับไล่ปีศาจ(ภาค4) ผู้หญิงถูกสิงมากกว่าผู้ชาย

วันระลึกถึงนักบุญ 365-6วัน ประวัตินักบุญ และวันฉลองสำคัญของคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nihil
~@
โพสต์: 1763
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 4:36 pm
ที่อยู่: Pax
ติดต่อ:

จันทร์ พ.ค. 26, 2008 11:24 pm

สงครามกับปีศาจ


การ Exorcism ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเชื่อของศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ว่า "ปีศาจเป็นศัตรูของพระเจ้า ที่มิอาจเทียบกับพระเจ้าได้" อย่างที่เราทราบว่าปีศาย คือ ทูตสวรรค์ที่ตกสวรรค์  เป็นหนึ่งในสิ่งสร้างที่พระเจ้าได้ทรงสร้างขึ้นมา

ดังนั้นสิ่งสร้างมิอาจเป็นใหญ่กว่าผู้สร้างไปได้ฉันใด  ปีศาจก็มิอาจเหนือหรือเทียบเคียงเท่ากับพระเจ้าได้ฉันนั้น



ซึ่งหมายความว่า สงครามครั้งนี้เป็นสงครามที่ไม่เสมอภาคกัน
ถ้ารบกันจริงๆ ฝ่ายพระเจ้าจะชนะเสมอ และไม่มีทางแพ้ได้

ดังนั้นสงครามนี้จึงไม่อาจเรียกว่าสงครามที่แต่ละฝ่ายเท่าเทียมกันได้เลย




ตามหลักข้อความเชื่อในหนังสือถามตอบของคริสตศาสนา (Catechism) ได้กล่าวเอาไว้ว่า :





"ฤทธิ์อำนาจของซาตานนั้นหาได้ไร้ขอบเขตไม่
เพราะมันเป็นเพียงสิ่งสร้าง
เพียงทรงอำนาจจากข้อความจริงที่ว่า มันเป็นจิตวิญญาณที่ทรงอำนาจ
แต่ก็เป็นความจริงว่า มันเป็นเพียงแค่หนึ่งในสิ่งสร้างเท่านั้น


มันมิอาจหยุดยั้งพระราชอาณาจักรของพระเป็นเจ้าได้

ถึงแม้มันอาจจะกระทำสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ โดยแสดงออก ถึงความเกลียดชังต่อพระอาณาจักรของพระเจ้า และพระเยซูคริสต์


และแม้การกระทำของมัน
อาจสร้างความบอบช้ำต่อธรรมชาติ
ต่อมนุษย์แต่ละคน และ สังคมมนุษยชาติได้


การกระทำดังกล่าวได้รับอนุญาติให้เกิดขึ้นได้
ภายใต้พระญาณสอดส่องของพระเป็นเจ้า ที่จะคอยชี้นำทางให้กับมวลมนุษยชาติและจักรวาลสากล


มันอาจเป็นธรรมล้ำลึกที่ว่า
ทำไมพระญาณสอดส่องจึงอนุญาติให้ปีศาจกระทำการเยี่ยงนี้ในโลกได้


แต่เรารู้ดีว่า
ในทุกกิจการของพระเจ้านำไปสู่ความดีงาม ต่อผู้ที่รักพระองค์"



รม 8:28
เรารู้ว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์


รูปภาพ

พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่2 เคยตรัสไว้ในปี 1987 ว่า


"สงครามต่อต้านปีศาจยังคงเกิดขึ้นอยู่ในทุกวันนี้  เพระปีศาจมันคงอยู่และทำงานของมันในโลกทุกวันนี้ ปีศาจอยู่รอบตัวเราในแต่ละวัน

ความวุ่นวายสับสน และ โรคระบาด ทั้งหลายที่เกิดขึ้นอย่างเป้นประจำในสังคมเรา เป็นผลมาจากบาปกำเนิด และผลการกระทำอันชั่วร้ายของซาตาน"
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ค. 29, 2008 3:34 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nihil
~@
โพสต์: 1763
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 4:36 pm
ที่อยู่: Pax
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. พ.ค. 29, 2008 12:40 am

ผู้หญิงตกเป็นเหยื่อของปีศาจมากกว่าผู้ชาย


สำหรับผู้ตกเป็นเหยื่อการถูกปีศาจสิงนั้น จากข้อมูลทางสถิติแล้ว พบว่าเป็นเพศหญิงสูงกว่าเพศชายมาก ซึ่งสาเหตุจริงๆ เพราะ ผู้หญิงกล้าที่จะแสดงตัว เปิดเผยตัว และกล้าที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมามากกว่าผู้ชาย

สาเหตุอื่นๆ ที่ผู้ถูกสิงมักเป็นผู้หญิงมากกว่านั้น เชื่อว่า ผู้หญิง มักจะตกเป็นเป้าหมายการประจญหลักของปีศาจมาแต่โบราณแล้ว ซึ่งอาจนับย้อนหลังได้ตั้งแต่สมัยปฐมกาล ที่นางเอวาตกเป็นเหยื่อการล่อลวงของซาตานเลยก็ได้

มีหลายครั้งที่ผู้หญิงตกเป็นเครื่องมือของปีศาจ เพราะผู้ชายมักจะอ่อนแอ หรือ ใจอ่อน ในเรื่องที่เกี่ยวกับผู้หญิง และแน่นอน เหมือนที่ชายหนุ่มมักจะพ่ายแพ้ต่อการประจญล่อลวงจากเสน่ห์ของหญิงสาวง่ายด้วย


รูปภาพ


คุณพ่อ อามอร์ธ แสดงความเห็นเรื่อง เหยื่อที่ถูกปีศาจสิงเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชายว่า ;



การที่ผู้หญิงถูกปีศาจประจญล่อลวง หรือ ถูกสิงมากกว่าผู้ชายนั้น
สาเหตุแรกเพราะผู้หญิงมักสวดภาวนามากกว่าผู้ชาย จึงกลายเป็นเป้าหมายแรกที่ปีศาจต้องการประจญ
และเมื่อถูกรังควาญหรือมีปัญหาแล้ว ผู้หญิงน้อยคนนักที่จะไปหาบาทหลวง



เหตุผลต่อมา คือ ผู้หญิงมักอ่อนไหว และชื่นชอบในสิ่งที่เหนือธรรมชาติ สิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ มากกว่าผู้ชาย
จึงไม่แปลกเลยที่พวกผู้หญิงจะนิยม อาคม คุณไสย การทรงเจ้า หรือ ทำนาย ดูดวง กันมากกว่าผู้ชาย
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการเปิดโอกาสให้จิตชั่วร้ายเข้าแทรกได้ง่าย



เหตุผลสุดท้าย คือ
ซาตาน เกลียด แม่พระ เพราะมันถูกกำหนดไว้ว่าต้องเป็นศัตรูกับสตรี

Genesis 3:15
I shall put enmity between you and the woman, and between your offspring and hers; it will bruise your head and you will strike its heel.'


เราจะให้เจ้ากับ “สตรี” เป็นศัตรูกัน และระหว่างพงศ์พันธุ์ของเจ้ากับนางด้วย นาง(และพวกพงศ์พันธุ์ของนาง)จะบดขยี้หัวเจ้า และเจ้าจะฉกกันส้นเท้าของนาง(และพวกพงศ์พันธุ์ของนาง)



ความเกลียดชังแม่พระแปรเปลี่ยนไปเป็นการเกลียดมนุษย์เพศหญิงทั้งหมดไปด้วย
และโดยอาศัยผู้หญิง ปีศาจสามารถใช้เธอเหล่านั้นล่อลวงประจญผู้ชายได้อีกต่อหนึ่งด้วย


[hr]

หมายเหตุ-จะทะยอยลงทีละภาคครับ แล้วหลังจากผ่านไปหลายๆภาคแล้วจะรวมเป็นกระทู้เดียวทีหลัง เพื่อกระทู้จะไม่ยาวเกินไป

--------------------------------------------------------------------------------
ภาค5 viewtopic.php?f=2&t=8396


ภาคแรก viewtopic.php?f=2&t=8241.0

ภาค2 viewtopic.php?f=2&t=8274.0

ภาค3 viewtopic.php?f=2&t=8303.0
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 06, 2008 2:33 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. พ.ค. 29, 2008 4:06 am

เป็นเรื่องน่าแปลกดี

พออ่านเรื่องวันนี้ ผมนึกถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ในพิธีมิซซา อยู่ๆผมก็นึกถึงความแตกต่างฝ่ายจิตของหญิงกับชายออกมา

อย่างแรกเลยคือการเข้ามาหาความเชื่อ

(ขอเน้นว่าต่อไปนี้คือการประเมินจากสถิติส่วนมากไม่ใช่ทุกคน ดังนั้น อาจมีผู้หญิงหรือผู้ชายบางคนที่อาจจะใช้เกณฑ์แบบเดียวกับเพศตรงข้ามก็ได้ แต่อันนี้ ผมแน่ใจว่าโดยทั่วไปเป็นเช่นนั้น)

หญิง-(ส่วนมากไม่ใช่ทุกคน) ผู้หญิงจะเข้ามาเลื่อมใสด้านความศักดิ์สิทธิ์ก่อน เช่นการฟังคำพยาน ใครขอแล้วได้ หรือเปลี่ยนแปลงชีวิตยังไง และแม้แต่คำพยานเรื่องฝ่ายจิตเช่น ได้รับความรักมากมายเหลือเกินสุดพรรณา

ชาย-มักเข้ามาด้วยหลักการ เช่นชอบหลักคำสอน หรือคำสอนมีเหตุผลดีเข้าท่า


ดังสังเกตุว่า ในพันทึบ พวกนับถือศาสนาเพราะกลัวโง่ แล้วชอบออกมาด่าคนอื่น อ้างอะไรดูว่าตรูฉล๊าดฉลาดมักเป็นผู้ชาย ในขณะที่ ฝ่ายที่ออกสนามในแนวศรัทธาและหรือพบความรักฝ่ายจิตและหรือมีคำพยานอันเหลือเชื่อจนออกไปประกาศให้คนอื่นเขารู้(แล้วโดนพวกแรกเข้ามาด่า)มักเป็นผู้หญิง

กรณีนี้ไม่เฉพาะเรื่องศาสนา แต่จากการวิจัยทางจิตวิทยา พบว่า เวลาผู้ชายซื้อของ จะชอบฟังข้อมูลของสิ่งของ เช่น ทำจากอะไร มีส่วนผสมอะไร ส่งผลอะไร มีสถาบันไหนรับรองบ้าง บลาๆๆๆ แล้วจะจึงจะตัดสินใจซื้อ แต่ผู้หญิง ชอบซื้อของจากผลของมัน เช่น ใช้แล้วหน้าเด้ง รอยเหี่ยวหาย ขาวใสใน4วัน โดนเฉพาะถ้ามีตัวอย่างการใช้จริงที่เห็นผลมาบอกเล่าด้วยตัวเอง จะซื้อมาก


นอกจากนี้ เมื่อผมคิดไปแล้วกวาดตามองไปในวัด ก็เห็นสตรีใจศรัทธามากกว่าผู้ชาย

และก็มีความคิดอีกอันพุ่งเข้ามาว่า หลังจากยุคประกาศก คือยุคที่ผู้ชายยังเป็นใหญ่ และเป็นเพศเดียวที่พูดแล้วคนฟัง เมื่อเปลี่ยนทุกอย่างในสมัยพระเยซู เมื่อปัจจัยการเลื่อมล้ำทางบทบาททางเพศเริ่มน้อยลง ในพระศาสนจักรเอง ผู้หญิงกลับพุ่งแซงหน้า ในฐานะ Visionary หรือผู้รับการประจักษ์ มากกว่าผู้ชายอย่างมาก และถ้าอ่านประวัติ นักบุญชายส่วนมาก ก็จะมีเรื่องราวเชิงการทำงานมากกว่า ในขณะที่นักบุญหญิง จะมีเรื่องฝ่ายจิต การรับนิมิต หรือแนวคาริสมาติกมากกว่า แถมมีหลายคนที่เวลารับสารอะไรที รับได้ยาว ละเอียดยิบๆกว่าฝ่ายชายมาก


แม้แต่ทุกวันนี้ เวลาผมอยากคุยเรื่องฝ่ายจิต ในเมืองไทย ผมหาคุณพ่อคุยด้วยนับคนได้  แต่กับชีลับ เข้าอารามไหนก็เจอคนที่ฟังเรารู้เรื่อง

แปลกดีที่อีก2วันก็ได้มาอ่านเรื่องนี้ทำให้นึกถึงเรื่องที่พิจารณาในมิซซาวันอาทิตย์ขึ้นมา

สรุปว่า ผมพิพม์ยืดยาว เพื่อจะบอกว่า ผมยอมรับว่าชายและหญิงเท่าเทียมกัน แต่ก็ยอมรับว่าพระสร้างมาแตกต่างกันมากครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Kichinto
โพสต์: 532
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 17, 2007 7:34 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. พ.ค. 29, 2008 9:48 pm

มันสามารถควบคุมคนมาฆ่า คนได้ไหมเอ๋ย (น่ากลัวจัง)

ถ้าเกิดมีคนตาย สืบเนื่องมาจากภัยพิบัติที่มันกระทำลงไปไม่ว่าอะไรก็ตาม จะอยู่ใน case ไหนเอ๋ย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. พ.ค. 29, 2008 11:12 pm

Kichinto เขียน: มันสามารถควบคุมคนมาฆ่า คนได้ไหมเอ๋ย (น่ากลัวจัง)

ถ้าเกิดมีคนตาย สืบเนื่องมาจากภัยพิบัติที่มันกระทำลงไปไม่ว่าอะไรก็ตาม จะอยู่ใน case ไหนเอ๋ย
ลองกลับไปอ่านภาค2ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mobster
โพสต์: 1623
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 30, 2007 8:02 pm
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

ศุกร์ พ.ค. 30, 2008 9:09 pm

อื้มรอต่อๆ ความรู้เยอะ เอาไว้ไล่ ผีไขมันออกจากร่าง อิอิ
In the name of father
โพสต์: 719
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
ที่อยู่: กาญจนบุรี

เสาร์ พ.ค. 31, 2008 7:03 am

Gray Cat de St.Tsar NicholasII เขียน: อื้มรอต่อๆ ความรู้เยอะ เอาไว้ไล่ ผีไขมันออกจากร่าง อิอิ
แบกไม้กางเขนอันเท่าขื่อบ้านวิ่งรอบสนามสิครับ  ::011:: 2-3 อาทิตย์เห็นผลแน่นอน
ตอบกลับโพส