ขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ภาพประจำตัวสมาชิก
13PM.
โพสต์: 428
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 1:54 am
ที่อยู่: ลุ่มแม่น้ำกังตั๋ง

ศุกร์ พ.ค. 08, 2009 2:04 pm

ขอให้น้องบูหายจากโรคซึมเศร้าไวๆนะครับเอาใจช่วย ใหนๆก็ใหนๆแล้วยกนิทานปิศาจ 4 ตนมาให้อ่านดีกว่าหรืออาจจะเคยอ่านแล้วผมไม่ทราบแต่ทุกครั้งที่อ่านมันสบายใจดี อิอิ

เมื่อนานมาแล้ว..มีปีศาจที่แสนเกลียดชังมนุษย์อยู่สี่ตน

ปีศาจทั้งสี่ วางแผนที่จะขโมยความสุขไปจากมนุษย์

และนำความสุขนั้นไปซ่อน

เพื่อไม่ให้มนุษย์ได้มีความสุขกันอีกต่อไป

ปีศาจทั้งสี่ ต่างออกความคิดเห็นถึงสถานที่ที่จะนำความสุขไปซ่อน

เพื่อให้ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถเข้าถึงความสุขได้เลย

ปีศาจตนที่หนึ่งออกความเห็นว่า

"ข้าคิดว่า เราควรจะเอาความสุขที่แย่งชิงมาจากมนุษย์เนี่ย

ไปซ่อนที่ภูเขา เพราะภูเขา มีต้นไม้ใบหญ้ามากมาย

สามารถที่จะซ่อนความสุขไว้

ไม่ให้มนุษย์สามารถหาเจอได้โดยง่าย"

ปีศาจตนที่สอง ออกความเห็นว่า

"แต่ข้าคิดว่า เราควรจะเอาความสุข
ไปซ่อนไว้ที่ทะเล

เกลียวคลื่นที่ไม่มีวันจบสิ้น

จะสามารถซ่อนความสุขจากมนุษย์ได้"

ปีศาจตนที่สามกล่าวแย้งขึ้นว่า

"ไม่ๆๆ เอาไปซ่อนไว้ที่น้ำตกดีกว่า

กระแสน้ำเชี่ยวกราก และถ้ำมากมายนี้แหละ

ที่จะสามารถซ่อนความสุขไว้ได้มิดชิด"

ปีศาจทั้งสาม ต่างโต้แย้งกัน หาเหตุผลมาต่างๆ นาๆ

เพื่อที่จะสนับสนุนความคิดของตน

ในขณะที่ ปีศาจทั้งสามกำลังโต้แย้งกันนั้น

ปีศาจตนที่สี่ก็ได้แอบไปขโมยความสุขที่แท้จริงไป

หลังจากปีศาจทั้งสามตนทะเลาะกันอย่างหนักหน่วง

และไม่สามารถหาข้อสรุปได้

ทั้งสามจึงแบ่งความสุขที่เหลือ

ออกเป็นสามส่วน และนำไปซ่อนตามสถานที่ต่างๆ

ที่ตนเองคิดไว้

หลังจากที่นำไปซ่อนกันแล้ว

ทั้งสามก็กลับมาเจอปีศาจตนที่สี่

ปีศาจทั้งสามจึงเล่าถึงเรื่องราวที่ตนเองนำความสุขไปซ่อนกันมา

เมื่อปีศาจทั้งสามเล่าจบ

ปีศาจตนที่สี่ก็ได้สารภาพว่า

ตนเองได้ขโมยเอาความสุขที่แท้จริงไปซ่อนเอาไว้แล้ว

ปีศาจทั้งสามจึงถามด้วยความสงสัยว่า

นำไปซ่อนไว้ในที่ใด

"ข้า...ได้นำความสุขที่แท้จริง

ไปซ่อนไว้ในตัวมนุษย์เอง

เพราะมนุษย์ ชอบมองหาความสุขจากภายนอกเท่านั้น

ที่พวกเจ้าได้นำความสุขไปซ่อนไว้ในที่ต่างๆ

น้ำตก ทะเล ภูเขา

มนุษย์ก็สามารถพบกับความสุขได้

เมื่อเดินทางไปท่องเที่ยว

แต่หากนำความสุขไปซ่อนไว้ในตัวมนุษย์

น้อยคนนักที่จะสามารถหาเจอ

เพราะมนุษย์ไม่เคยมองหาความสุข

จากในตัวเองเลย มนุษย์ไม่เคยรู้เลยว่า

ความสุขที่แท้จริงแล้ว อยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคนนั่นเอง"

ป.ล.นำมาให้อ่านเล่นๆเผื่อจะช่วยคลายทุกข์ได้บ้างในช่วงขณะหนึ่งหากอ่านแล้วก็ขออภัยและขอพระเจ้าอวยพร
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

ศุกร์ พ.ค. 08, 2009 6:01 pm

บูไม่รู้ซิ
ตอนนี้นึกอยากจะตบเค้าซักทีแรงๆ
ทำไมต้องทำแบบนี้กะบูด้วย
บูรู้สึกเซ็งมาก ทำยังไงก้อไม่สามารถเอาเรื่องนี้ออกไปจากหัวได้
ก้อรู้ว่ามันผิด
บูควรทำไงดี
ไปหาหมอเหรอ หาใครซักคนคุยด้วยเหรอ
ตอนนี้ความรู้สึกเบื่อ อยากตายมันก้อกลับมาอีกรอบ
จะมีชีวิตอยู่ไปทำไมกันวะ ในเมื่อทุกอย่างที่บูทำน่ะมันผิดไปหมด
พ่อนะพ่อ คนอื่นมีตั้งเยอะทำไมต้องเป็นบูด้วย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ พ.ค. 08, 2009 6:29 pm

ถ้าสมมุติ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พระสงฆ์ แต่เป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้ว

บูจะยังไปหลงรักเขาไหม




ปล.มีรูปนักบุญมารีอา มักดาเลนาด้วย

http://www.newmana.com/yabb/http://newm ... 03#p156103
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

ศุกร์ พ.ค. 08, 2009 7:11 pm

เฮ้อ.....
ก้อต้องตัดใจใช่มั๊ยค่ะ บูก้อรู้
แต่ มันไม่ง่ายขนาดนั้นนะจิค่ะ
โอ๊ย
บูพยายามบอกตัวเองว่า คิดมากน่า เค้าก้อเป็นเหมือนพี่เรานะ ไปคิดยังงั้นได้ไง แต่ก้อ....
อยากตายจริงๆ โอ๊ยๆๆๆ

ปล. อืม น่าสนค่ะ เดี๋ยวบูอาจแวะไปดู
เด็กในสวน*
โพสต์: 2
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 08, 2009 7:21 pm

ศุกร์ พ.ค. 08, 2009 7:28 pm

  ผมคิดว่า ความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอ



แต่ถ้าเราจะรักใคร ต้องดูว่าควรจะรักเขาอย่างไรถึงจะเหมาะสม


      แต่ที่สำคัญต้องรักพระเจ้าเป็นสำคัญ  ต้องละรึกถึงพระองค์อยู่เสมอ นะครับผม



ขอพระเจ้าอวยพรนะ  แน๊ต สวนกุหลาบ
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

ศุกร์ พ.ค. 08, 2009 7:35 pm

MaRy MagDaLenE เขียน: บูไม่รู้ซิ
ตอนนี้นึกอยากจะตบเค้าซักทีแรงๆ
ทำไมต้องทำแบบนี้กะบูด้วย
บูรู้สึกเซ็งมาก ทำยังไงก้อไม่สามารถเอาเรื่องนี้ออกไปจากหัวได้
ก้อรู้ว่ามันผิด
บูควรทำไงดี
ไปหาหมอเหรอ หาใครซักคนคุยด้วยเหรอ
ตอนนี้ความรู้สึกเบื่อ อยากตายมันก้อกลับมาอีกรอบ
จะมีชีวิตอยู่ไปทำไมกันวะ ในเมื่อทุกอย่างที่บูทำน่ะมันผิดไปหมด
พ่อนะพ่อ คนอื่นมีตั้งเยอะทำไมต้องเป็นบูด้วย
ไม่มีใครที่ทำให้เรารักหรือรู้สึกอะไรได้นะคะ ถ้าใจเราไม่รักหรือไม่รู้สึก ...  (และพี่เชื่อว่า เค้าไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ คนอื่นเค้าก็คงทำแบบนี้เหมือนกัน แต่คนอื่นเค้าก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แค่ขำๆ)

ดูอย่างพระเยซูเจ้านะคะ ทำเกือบตาย (ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่า ทำจนตาย) คนยังไม่รักก็มี ไม่มีใครไปบังคับให้ใครรักใครได้นะคะ  มันคือตัวเราเองนะ  ต้องยอมรับตรงนี้นะคะ  การโทษคนอื่น อาจทำให้เราหายเครียดได้นิดนึง แต่สุดท้ายเราก็ต้องยอมรับความผิดพลาดของตัวเองด้วย เมื่อยอมรับแล้ว ก็ให้อภัยตัวเองนะคะ และก็ลุกขึ้นสู้ใหม่นะคะ
MaRy MagDaLenE เขียน: เฮ้อ.....
ก้อต้องตัดใจใช่มั๊ยค่ะ บูก้อรู้
แต่ มันไม่ง่ายขนาดนั้นนะจิค่ะ
โอ๊ย
บูพยายามบอกตัวเองว่า คิดมากน่า เค้าก้อเป็นเหมือนพี่เรานะ ไปคิดยังงั้นได้ไง แต่ก้อ....
อยากตายจริงๆ โอ๊ยๆๆๆ

ปล. อืม น่าสนค่ะ เดี๋ยวบูอาจแวะไปดู
เรื่องตัดใจ ก็ขอให้เลือกนะคะว่า จะทรมานแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หรือว่า จะยอมตัดใจ

ถ้าเป็นความรักที่แท้จริงนะคะ มันไม่ต้องใช้การตัดใจเลยค่ะ เพราะเราจะสุขเมื่อเห็นเค้าได้ดี เค้าไม่ต้องอยู่กับเรา เราก็ไม่ทุกข์ เค้าจากไป เราก็ยังสุขอยู่  แต่ถ้าไม่ใช่ความรักที่แท้จริงแล้ว เราต้องตัดใจ เพราะเราไปครอบครอง ที่ให้ตัด จึงไม่ใช่ให้ตัดเรื่องความรัก แต่ให้ตัดเรื่องการเป็นเจ้าของ การครอบครอง การยึดติด ซึ่งไม่มีบังคับให้ตัดใจนะคะ แต่อยู่เราเลือกว่า จะทรมานแบบนี้ต่อไป หรือจะตัดใจ

โรคซึมเศร้า เราก็ยังไม่หายนะคะ ยิ่งตอนนี้เรื้อรังยิ่งจะหายยาก ถ้าเราไม่พยายาม และถ้าต่อไปเราโตขึ้น จะมีเรื่องการมีแฟนเข้ามา มี emotional involved มากขึ้น ถ้าเรายังไม่หายนะ จะมีแฟนก็จะมีปัญหานะคะ ดังนั้น ก่อนที่อายุจะมากไปกว่านี้นะคะ ต้องพยายามและรีบรักษาให้หายนะคะ

พระอวยพรค่ะ
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ พ.ค. 09, 2009 10:10 am

: xemo026 : รักนั้นไม่ผิด ...ผิดที่จะครอบครอง : xemo026 : เพราะเขา เป็นของพระ และเป็นของสาธารณะ

รักเขาจริง ต้องปล่อยท่านไป ด้วยหัวใจที่สดชื่น และสัญญาว่าจะภาวนาให้เขา ตลอดชีพ : xemo033 :

ที่เสียใจ และผิดหวัง เพราะ บูรักตัวเองเท่านั้นเอง จึงไม่อยากให้ตัวเองเจ็บปวด : emo057 :

บูเคยคิด หรือ ออกค่ายอาสา ไปดูแล คนอื่นๆ ที่ลำบาก ยากไร้บ้างไหม แล้วจะเห็นคุณค่าของชีวิต และบุคคลรอบข้าง : emo010 :
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

เสาร์ พ.ค. 09, 2009 11:23 am

บูต้องได้รับการรักษาแบบจริงจังแล้วใช่มั๊ย
บูคุยกะแม่แล้ว แม่ก้อบอกว่า ไปทำไมที่สุขุมวิทมันไกลนะ - -''
ทำไมต้องเจ็บปวดขนาดนี้ด้วย
เจ็บจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว
อยู่ไปก้อเป็นแบบนี้ บูก้อเบื่อ
อยู่ไปทำไม
ทำไมต้องรักเค้าด้วย
จะเลิกรักก้อทำไม่ได้
ต้องปล่อยไปซะใช่มั๊ย
บูเกลียดตัวเองจังที่เป็นแบบนี้
ทั้งๆที่รู้ว่ามันผิด มันไม่ได้ มันบ้าไปแล้ว แต่ก้อ
บูอยากจะลืมแต่ก้อทำไม่ได้
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ พ.ค. 09, 2009 11:26 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ พ.ค. 09, 2009 9:43 pm

MaRy MagDaLenE เขียน: บูต้องได้รับการรักษาแบบจริงจังแล้วใช่มั๊ย
บูคุยกะแม่แล้ว แม่ก้อบอกว่า ไปทำไมที่สุขุมวิทมันไกลนะ - -''
ทำไมต้องเจ็บปวดขนาดนี้ด้วย
เจ็บจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว
อยู่ไปก้อเป็นแบบนี้ บูก้อเบื่อ
อยู่ไปทำไม
ทำไมต้องรักเค้าด้วย
จะเลิกรักก้อทำไม่ได้
ต้องปล่อยไปซะใช่มั๊ย
บูเกลียดตัวเองจังที่เป็นแบบนี้
ทั้งๆที่รู้ว่ามันผิด มันไม่ได้ มันบ้าไปแล้ว แต่ก้อ
บูอยากจะลืมแต่ก้อทำไม่ได้
ถ้างั้นก็บอกคุณแม่หาที่ counselling ให้นะคะ และก็ไปตามคุณแม่ เพราะถ้าคุณแม่ไม่เห็นด้วย และเค้าต้องขับรถพาเราไป เกิดเค้าบ่นหรืออะไรขึ้นมา มันจะไม่ดีกับอาการของเราค่ะ น้องบูจะยิ่งสับสนมากยิ่งขึ้น และคนที่อยู่กับเรามากกว่าคือ คุณแม่ ไม่ใช่ counsellor

แต่ถ้าคุณแม่หาไม่ได้ ก็บอกละกันว่า มีเพื่อนแนะนำมา ที่นี่ดีตรงที่ counsellor เป็นคาทอลิกนะคะ (ถ้าจำไม่ผิดเป็นคนนี้นะคะ -- David Bailey)

David Bailey, M.Div.  Mr. Bailey provides individual, couples and group psychotherapy.  He specializes in anxiety, stress, relationship problems and cross-cultural issues.

พอเราไปคุยเรื่อง conflict relationship เค้าจะเข้าใจค่ะ

พระอวยพรนะจ้ะ
Yan Agape
โพสต์: 1258
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 17, 2005 10:57 am

อาทิตย์ พ.ค. 10, 2009 3:25 am

Hello MaRy MagDaLenE,

Poor baby!  I have been keeping my mouth shut and praying hard for you.  It is a cry for help!!!  And who am I to deny your love?  Who am I to judge you?  Alas, I could not take it anymore, got to write in English which might turn you off.  But I could not type in Thai and I know you are fluent in English.  I can feel your PAIN!!!  But baby, nobody can save you unless you want to be saved.

Please keep this for future reference, in case you got what you want.  It will save you lots of time when all hell broke loose.


Material world (where people struggle to make ends meet)

1).  The vast majority of priests, 99%, who left priesthood for their lovers were not successful as the bread winner.  Priests are not trained to raise a family.  They got their degree in Philosophy or theology, not technical or medical field that can be used to make a decent living.  Money is the number one ingredient for successful marriage, top of the list.  Look it up, Baby.

By the way, once they leave priesthood they are at least 6-8 years behind their peer in the material world in term of work experience and
education (which they have to get a new and practical degree to make a decent living).  Who will support them, at least 3-4 years, while they struggle to catch up?  No degree means less opportunity.  You might be rich enough not to worry about the money but can you babysit him during that time?  Worse, he might just stay home and cling to you 24/7 because he is lost and unfamiliar with the way of the material world.  It might be cute for a couple months then it gets old real quick.

2). Ex-priests are not good lover,  99.9% of them are virgin.  Oh, you might laugh and think it is silly.  But as a husband and wife you have to be compatible and sex is the number two on the list to have a successful marriage.  Remember number one is money.  Look it up, Baby.
By the way, most of the ex-priests do not have children.  Funny, huh?

Spiritual world

1). The vast majority of ex-priests could not find peace once they left priesthood and got married.  The guilt will eat them alive because they know they have betrayed their Maker by breaking the vow.  Every time they look at their wives or lovers they are constantly reminded of their sin.

2).  The stress from guilt and daily struggle to make ends meet will eventually destroy their lives or marriage. 

3). Their aura that draws their lovers and wives to them will gradually disappear.  Saying daily Mass is the reason they have the aura.  It is God
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ พ.ค. 10, 2009 9:00 am

ขอบคุณอาฮะ เป็นการเตือนสติพวกเราชาว นิวมานาทุกคนด้วย โดยเฉพาะสาวๆ ที่ชอบคนในเครื่องแบบ(ชุดหล่อ) : xemo026 :
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อาทิตย์ พ.ค. 10, 2009 10:09 pm

Jeab Agape เขียน:
ขอบคุณอาฮะ เป็นการเตือนสติพวกเราชาว นิวมานาทุกคนด้วย โดยเฉพาะสาวๆ ที่ชอบคนในเครื่องแบบ(ชุดหล่อ) : xemo026 :
คนในชุดหล่อนั้น คือพระเยซูเจ้าเองนะคะ ไม่ให้รักได้ไงคะ  : xemo017 :

แต่การที่มีปัญหาเกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะความรัก แต่เพราะความสัมพันธ์ ซึ่งอย่างที่บอกนะคะ ส่วนมาก คนที่มีปัญหานี้ จะเป็นคนที่มีปัญหาอยู่แล้ว  คนที่มีความสุขกับชีวิตดีๆ ไม่มีใครหลงรักพระสงฆ์แบบนั้นหรอกค่ะ  สนิทแค่ไหนก็จะเห็นเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นญาติผู้ใหญ่ และส่วนตัวเชื่อว่า พระเป็นเจ้าต้องการอภิบาลเค้าเป็นอย่างมาก ต้องการรักเค้าเป็นอย่างมาก จนพระองค์เองต้องมาเอง ให้คนที่เป็นหัวใจของพระองค์มาเอง

ถ้ามีใครมาปรึกษาเรื่องนี้นะคะ ถ้าเป็นผู้หญิง เราก็ปล่อยให้เค้าได้ระบาย และเราก็รับฟังอย่างไม่ตัดสิน เมื่อเค้าสงบ ก็ค่อยๆถามเค้าว่า มีปัญหาชีวิตอื่นมั้ย ครอบครัวเป็นไง เชื่อเถอะว่า จะพรั่งพรูออกมามากยิ่งกว่าเรื่องความสัมพันธ์นี้ซะอีก ตรงนั้นต่างหากคือ ปัญหาของเค้า ที่ต้องการการอภิบาล และเป็นปัญหาที่พระเจ้าต้องการสัมผัสเค้า จนต้องเอาคนของพระองค์เข้าไปเสี่ยง  ซึ่งส่วนใหญ่ปัญหาจะเยอะ เกินกว่าที่เราๆ จะให้คำปรึกษาเค้าได้ เราทำได้คือ 1) รับฟังให้เค้าได้ระบาย 2) แนะนำเค้าให้ผู้เชี่ยวชาญ และ 3) สวดภาวนา

พระเป็นเจ้ารักเรามากนะคะ รักจนตายเพื่อเราได้ พรหมจรรย์ของเรา พระองค์ปกป้องเสมอ  และยิ่งเมื่อเราถวายตัวแล้ว การปกป้องยิ่งมีมากกว่าปกติ เพราะเราได้ให้ตัวเรากับพระองค์

ดังนั้น การป้องกันที่ดีคือ ขอให้เห็นพระเจ้าในทุกสถานการณ์และอย่างี่เง่า

1) ถ้าพระสงฆ์แข็งแรงดี แต่ผู้หญิงอ่อนแอ ...  พระสงฆ์ก็อย่างี่เง่า และหลงตัวเองว่า มีผู้หญิงมาชอบ หรือกลัวว่า เค้าจะมาพรากพรหมจรรย์ตัวเองไป ไม่เช่นนั้น เราจะพลาดงานอภิบาลชิ้นใหญ่ที่พระเป็นเจ้ามอบให้เราทำทันที ขอให้เห็นว่า เค้าคือคนที่พระส่งมาให้เราดูแล เค้าก็เป็นของพระเหมือนกัน ไม่ใช่ของเรา ...  ผู้ทำงานอภิบาลทุกคน ก็จะเจอแบบนี้เหมือนกัน เพราะเราเป็นพ่อสื่อแม่สื่อให้กับพระเป็นเจ้า และเจ้าบ่าวของเราก็น่ารักซะด้วย บ่อยครั้งที่เค้าเห็นความดีของพระและเห็นว่า เป็นเรา แรกๆ เราก็ต้องปล่อยให้เป็นแบบนั้น แต่เมื่อเค้าได้รู้จักพระมากขึ้นแล้ว เราจะถูกถีบหัวส่งทันที  เราจะตัวเล็กลงๆๆๆๆ  และพระจะใหญ่ขึ้นๆๆๆๆ   : xemo026 :

2) ถ้าพระสงฆ์อ่อนแอ แต่ผู้หญิงแข็งแรงดี ผู้หญิงก็อย่างี่เง่าว่า มีผู้ชายมาชอบ กระโตกกระตากโวยวายว่า ทำตัวไม่เหมาะสม  คิดไว้ก่อนว่า เค้ามีปัญหา และต้องการความช่วยเหลือ  (ถ้าไม่มีปัญหา ไม่มีใครทำแบบนี้หรอกค่ะ)  เราก็ควรเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้อภิบาลทันที เป็นพระเยซูเจ้าให้กับเค้า เพราะเค้าต้องการพระองค์ ... ถ้าเรารับฟังเค้าได้ ก็ขอให้ฟัง (เค้าจะไม่เผยตัวหรอก แต่ถ้าคุยนานๆ มันจะค่อยๆออกมา) แต่ถ้าไม่ได้ (คือเป็นผู้หญิงก็ต้องห่วงความปลอดภัยตัวเองด้วย) ก็ขอให้ปรึกษาคนอื่น และแนะนำเค้าให้กับผู้เชี่ยวชาญ

3) ถ้าอ่อนแอกันทั้งคู่  อันนี้คือกรณีที่เลวร้ายที่สุด และมักจะเป็นแบบนี้ ตามธรรมชาติแล้ว มันจะดึงดูดกัน  "คนมีปัญหามักไปหาคนมีปัญหาด้วยกัน"   ... ซึ่งกรณีนี้ ก็ขอให้เชื่อในพระญาณสอดส่องว่า พระองค์จะส่งคนมาช่วยเสมอ ถ้าเราเป็นคนนึงที่พระส่งมาให้รับรู้เรื่องนี้ ขอให้สวดให้ทันที และพยายามให้ผู้เชี่ยวชาญได้มาช่วยแก้ปัญหา ซึ่งปัญหาที่ว่า ก็ไม่ใช่ปัญหาความสัมพันธ์ ซึ่งเป็นปัญหาปลายเหตุ แต่เป็นปัญหาทางต้นเหตุที่ทำให้ทั้งสองโคจรมาพบกัน  และตรงนั้นแหละที่พระเป็นเจ้าต้องการเยียวยาเค้าทั้งคู่

ขอให้เห็นพระในทุกสถานการณ์นะคะ และขอให้เชื่อว่า พระทำงานผ่านความปรารถนาของเราค่ะ : emo045 :

พระอวยพรนะคะ
แก้ไขล่าสุดโดย Buddy เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 10, 2009 10:18 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

อังคาร พ.ค. 12, 2009 8:54 am

กรณีนี้บูงี่เง่าใช่มั๊ย
หรือเค้าเองก้องี่เง่าเพอกันที่มาเล่นกะบู
ไม่รู้ซิ บูก้อเบื่อตัวเองเหมือนกันนะ ไม่รู้จะทำยังไงดี
รู้ก้อรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ก้อได้แต่ทำใจใช่มั๊ย
บูเป็นบ้าไปแล้วอ่ะ
ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไปกันแน่
มันไมมีวันเป็นไปได้ บูก้อรู้ แต่
หลายวันผ่านมาก้อไม่เห็นดีขึ้นเลย
บางคนบอกว่าเวลาจะช่วยเราเอง แต่อีกนานเท่าไรละ
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อังคาร พ.ค. 12, 2009 10:03 am

MaRy MagDaLenE เขียน: กรณีนี้บูงี่เง่าใช่มั๊ย
หรือเค้าเองก้องี่เง่าเพอกันที่มาเล่นกะบู
ไม่รู้ซิ บูก้อเบื่อตัวเองเหมือนกันนะ ไม่รู้จะทำยังไงดี
รู้ก้อรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ก้อได้แต่ทำใจใช่มั๊ย
บูเป็นบ้าไปแล้วอ่ะ
ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไปกันแน่
มันไมมีวันเป็นไปได้ บูก้อรู้ แต่
หลายวันผ่านมาก้อไม่เห็นดีขึ้นเลย
บางคนบอกว่าเวลาจะช่วยเราเอง แต่อีกนานเท่าไรละ
เปล่าจ้ะ ไม่ได้งี่เง่า แต่ปล่อยตัวเองให้เป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรังอยู่หลายปี ไม่ตั้งใจที่จะรักษาให้หาย  (ไปหาหมอ ก็ไปแบบไม่ได้ศรัทธาอะไร ไปหาแบบมีความคิดฝังใจว่า ไม่มีใครเข้าใจเรา และไม่มีใครช่วยเราได้) เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ emotional มากๆ เช่น ตกหลุมรัก หรือจากคนที่รัก ก็เลยไม่มีความสามารถในการจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้จ้ะ

"เมื่อผ่านไป อะไรๆจะดีขึ้นเอง" อันนั้นเค้าใช้กับคนที่ปกติน่ะค่ะ ไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้าหรืออะไร เค้าจะจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ เค้าจะอยู่ได้ 

แล้วตกลง หา counsellor ได้รึยังคะ
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

อังคาร พ.ค. 12, 2009 10:27 am

คุยกะแม่แล้ว แม่เค้าก้ออะไรก้อไม่รู้ - -''
บอกไม่อยากให้ไปหาหมอ
ตอนนี้บูก้อคุยๆอยู่กะพี่วิทย์ ที่เค้าเป็นนักจิต แต่ช่วงนี้พี่เค้าไม่ว่างอ่าค่ะ
บูก้อไม่รู้คุยกะพี่เค้าได้ช่วยบูบ้างหรือป่าว
บูก้ออยากคุยกะใคซักคนที่จะมาเข้าใจบูนะ
แต่ว่า ก้อไม่รู้อีกนั่นแหละว่าจะหาใครมา
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อังคาร พ.ค. 12, 2009 10:50 am

MaRy MagDaLenE เขียน: คุยกะแม่แล้ว แม่เค้าก้ออะไรก้อไม่รู้ - -''
บอกไม่อยากให้ไปหาหมอ
ตอนนี้บูก้อคุยๆอยู่กะพี่วิทย์ ที่เค้าเป็นนักจิต แต่ช่วงนี้พี่เค้าไม่ว่างอ่าค่ะ
บูก้อไม่รู้คุยกะพี่เค้าได้ช่วยบูบ้างหรือป่าว
บูก้ออยากคุยกะใคซักคนที่จะมาเข้าใจบูนะ
แต่ว่า ก้อไม่รู้อีกนั่นแหละว่าจะหาใครมา
ตอนนั้นก็เคยไปหาแล้วไม่ใช่เหรอจ้ะ  คุณแม่เค้ามีเหตุผลอะไรเหรอคะ หรือว่า เค้าไม่เข้าใจว่า บูต้องการนักจิตวิทยาจ้ะ

บางทีนะ การที่มี counsellor เป็นคนที่รู้จัก สนิทกัน มีข้อดีคือ เราไว้ใจเค้า และเปิดใจกับเค้า แต่ข้อเสียคือเรื่อง boundary  มันจะทำให้เราติดเค้าได้ง่ายอ่ะจ้ะ และพอไม่ได้คุย ก็อยู่ด้วยตัวเองไม่ได้ กลายเป็นต้องพึ่งใครอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันจะไม่เป็นผลดีกับเราค่ะ และการรักษาก็จะไม่ได้ผล (ปกติ counsellor เค้าจะต้องมีระยะห่างน่ะจ้ะ ไว้ใจได้ แต่ไม่ติด)  แต่ถ้าตอนนี้หาใครไม่ได้ ก็ต้องคุยกับพี่เค้าไปก่อนค่ะ และก็ต้องเข้าใจว่า เราต้องอดทน เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้นะคะ ที่พี่บอกว่า emotional น่ะค่ะ คนปกติ ธรรมดาทั่วไป ก็รับยากนะคะ แต่พอเราเป็นแบบนี้ เราก็จะทรมานกว่าคนอื่นเค้า พี่ถึงบอกไงว่า ต้องรีบรักษา ไม่งั้นนะ เวลาจะมีแฟนก็ลำบาก เพราะในการคบกัน มันไม่ได้จะประสบความสำเร็จเสมอไป ถ้าเราต้องมาเจอกับการต้องอกหัก รักคุด เนี่ย เราจะหนักกว่าคนอื่นนะคะ และที่จริง ถ้ายังไม่หายจากโรค ไม่ควรมีแฟนนะ เพราะเราจะเรียกร้องจากแฟนมากเกินไป (ซึ่งจะไม่ยุติธรรมกับเค้า ยกเว้นว่า โชคดีจริงๆ เจอคนดีสุดๆ รักเรามากๆจริงๆ  แต่อันนั้นมันยากนะคะ)  และถ้าต้องเลิกกัน เราจะทำใจลำบากกว่าคนอื่นๆค่ะ

ค่อยๆให้เวลากับตัวเองนะคะ และก็ให้อภัยตัวเองด้วย วันนี้เราทำใจไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งฟูมฟาย ล้มแล้วก็ลุกขึ้นมา เริ่มใหม่  : emo045 :

พระอวยพรนะจ้ะ  : emo045 :
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร พ.ค. 12, 2009 11:41 am

เคยคุยตรง ๆ กับคุณพ่อองค์นั้นหรือยังครับ ?
ถ้ายังก็ไปคุยกับท่านตรง ๆ เลย
กล้า ๆ หน่อย
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

อังคาร พ.ค. 12, 2009 12:16 pm

ไม่กล้าอ่าค่ะ
อายยยยยยยย
พี่จะบ้าเหรอ ให้ไปบอกพ่อว่า "พ่อๆบูรักพ่อนะ" เอางั้นเลยเหรอ????
ภาพประจำตัวสมาชิก
Lumen
โพสต์: 57
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ย. 04, 2008 7:32 pm
ที่อยู่: Bangkok Metropolis

อังคาร พ.ค. 12, 2009 12:36 pm

MaRy MagDaLenE เขียน: ไม่กล้าอ่าค่ะ
อายยยยยยยย
พี่จะบ้าเหรอ ให้ไปบอกพ่อว่า "พ่อๆบูรักพ่อนะ" เอางั้นเลยเหรอ????
คุณพ่ออาจจะเเนะนำ "ความรักที่เเท้จริง" ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ก็ได้นะ
เชื่อว่าคุณจะเข้าใจคุณพ่อมากขึ้น เเละเข้าใจสถานะภาพของตนมากขึ้น
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

พุธ พ.ค. 13, 2009 3:02 am

ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ
ความทุกข์ที่เป็นอยู่กับความอาย
คงต้องเลือกแล้วล่ะว่าจะทำอย่างไรต่อไป?
อาย กลัว แล้วทุกข์ต่อไป
หรือคุยกับคุณพ่อตรง ๆ ให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปซะ
ซี่งมันอาจทำให้ทุกข์มากกว่าเดิมก็ได้นะ
แต่อีกทางหนี่งมันก็ตื่นเต้นดีมิใช่หรือ ?
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

พุธ พ.ค. 13, 2009 8:17 pm

เฮ้อ...เอาไงดีอ่า
บูไม่กล้านิหน่า
หรือว่าห่างๆกันไปก้อดีแล้ว
ทำใจๆ
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พุธ พ.ค. 13, 2009 8:24 pm

MaRy MagDaLenE เขียน: เฮ้อ...เอาไงดีอ่า
บูไม่กล้านิหน่า
หรือว่าห่างๆกันไปก้อดีแล้ว
ทำใจๆ
ห่างๆ และเก็บไว้ในหลืบของหัวใจ เมื่อจิตใจเธอโตขึ้นกว่านี้ อาจจะหัวเราะตัวเองก็ได้ ::042::

อย่าหมกหมุ่น กับ อนิจจัง ช่วยเพิ่มเติมความรักในพระเยซูเจ้า และบุคคลในครอบครัวดีกว่า ::027::
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

พฤหัสฯ. พ.ค. 14, 2009 8:22 am

MaRy MagDaLenE เขียน: เฮ้อ...เอาไงดีอ่า
บูไม่กล้านิหน่า
หรือว่าห่างๆกันไปก้อดีแล้ว
ทำใจๆ
น้องบูจะเปิดเทอมแล้วรึยังคะ  เทอมนี้เรียนเยอะมั้ยคะ หนักมั้ย
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

พฤหัสฯ. พ.ค. 14, 2009 8:35 am

บูเปิดวันที่แปดเดือนหน้าอ่าค่ะ
เทอมนี้เรียนเจ็ดตัวอ้า...
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. พ.ค. 14, 2009 12:11 pm

MaRy MagDaLenE เขียน: เฮ้อ...เอาไงดีอ่า
บูไม่กล้านิหน่า
หรือว่าห่างๆกันไปก้อดีแล้ว
ทำใจๆ
เลือกแล้วซินะ
อีกทางเลือกยังคงอยู่นะ

ในมุมมองหนึ่งชีวิตคือการเลือกของเราเอง
ดังนั้นเราจึงเป็นต้นเหตุของทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราเอง
ทุกการเลือกมีผลของมัน
ถ้าผลที่ได้ไม่เป็นอย่างที่ต้องการก็พิจารณาทางเลือกใหม่
มีทางเลือกใหม่ ๆ อยู่เสมอ
แก้ไขล่าสุดโดย sakda88 เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ค. 14, 2009 12:25 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

พฤหัสฯ. พ.ค. 14, 2009 1:33 pm

บูไม่รู้ซิ
ก้อเลือกแล้ว ทั้งๆที่รู้ว่ามันผิด แต่ก้อทำไมถึงเลิกไม่ได้?
ทั้งๆที่รู้ดีทุกอย่าง
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. พ.ค. 14, 2009 3:58 pm

เอาคำถามนี้ไปถามคุณพ่อที่บูรักซิ
ไม่เห็นต้องบอกเลยว่าบูรักคุณพ่อนะ
อย่างน้อยความเห็นของคุณพ่ออาจช่วยทำให้บูตัดใจได้ก็ได้ ?

ถ้ามีผู้หญิงคนหนึ่งมารักคุณพ่อเข้า
หญิงคนนั้นควรจะทำอย่างไรดี ?
ซึ่งคำตอบที่ได้คงไม่ต่างจากที่ได้จากที่นี่หรอก

การเลือกที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเลิกรักมันคนละเรื่องนะจ๊ะ

และเอาเข้าจริง ๆ แล้วอะไรละที่ทำให้บูรักคุณพ่อนะ ?
บูคาดหวังอะไรจากคุณพ่อละ ?
และถ้าเกิดจริง ๆ แล้วมันไม่เป็นอย่างที่บูคาดหวังละ ?
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. พ.ค. 14, 2009 6:01 pm

MaRy MagDaLenE เขียน: บูไม่รู้ซิ
ก้อเลือกแล้ว ทั้งๆที่รู้ว่ามันผิด แต่ก้อทำไมถึงเลิกไม่ได้?
ทั้งๆที่รู้ดีทุกอย่าง
ภาษิตบ้านเจี๊ยบบอกว่า "ชั่วดีรู้หมด แต่มันอดไม่ได้" ฮะ ::046::
ภาพประจำตัวสมาชิก
creamy
โพสต์: 68
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ย. 12, 2008 9:59 pm

พฤหัสฯ. พ.ค. 14, 2009 7:07 pm

ฝาก BB บทนี้ไว้ให้ค่ะ  "เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าก็พูดจาเหมือนเด็กๆ คิดเหมือนเด็กๆ ใช้เหตุผลเหมือนเด็กๆ แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกประพฤติเหมือนเด็ก"::050::
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

พฤหัสฯ. พ.ค. 14, 2009 8:09 pm

MaRy MagDaLenE เขียน: บูเปิดวันที่แปดเดือนหน้าอ่าค่ะ
เทอมนี้เรียนเจ็ดตัวอ้า...
มีอย่างนึงนะคะน้องบู ถ้าเราต้องการจะไม่คิดนะคะ มันจะแค่ไม่คิดไม่ได้หรอก เพราะหัวคนเรา ถ้าคิดแล้ว มันจะคิดตลอด วิธีแก้คือ เราต้องหาอย่างอื่นมาคิด

ตอนนี้นะคะ  สิ่งสำคัญคือ เรื่องเรียนนะคะ ก่อนเปิดเทอม เราก็ลองเตรียมตัวก่อนดีมั้ยจ้ะ  และก็มาเริ่มกันใหม่ จากเทอมที่แล้วที่เราผลงานอาจไม่ค่อยดี ก็มาลองเริ่มใหม่ ถ้าน้องบูคิดแต่เรื่องพ่อนะคะ มันไม่มีอะไรดีขึ้นมานะคะ เพราะสาเหตุทั้งหมดมันคือ เรื่องโรคซึมเศร้าที่เป็นมานานนะคะ ถ้าย้อนอดีตนะคะ มันเริ่มๆมาตั้งแต่ก่อนไปเดนมาร์กอีกนะ และมันก็สะสม ถามว่า เราจะปล่อยให้สะสมแล้วโตไปกับเรา  และเป็นปัญหาไปทั้งชีวิตเหรอจ้ะ  ยังไม่ทันจะโตเท่าไหร่เลย ก็มาเจอเรื่องนี้ พอโตไปอีก มันจะไม่หนักกว่านี้เหรอจ้ะ

อธิบายให้คุณแม่เข้าใจถึงความจำเป็นในการไปคุยกับ counsellor นะคะ อยากให้ทำก่อนเปิดเรียน เพราะพอต้องเรียนเยอะๆด้วย และเรื่องนี้ยังไม่เคลียร์เนี่ย มันจะกระทบเรื่องเรียนด้วย มันจะเรียนไม่รู้เรื่องเอานะจ้ะ  ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของเราก็จะลดลงด้วยจ้ะ เมื่อเป็นแบบนั้น บูก็จะไม่โทษใครนะคะ ก็จะไปโทษพ่อเค้าว่า เพราะเค้าคนเดียวที่ทำให้ต้องเป็นแบบนี้  ซึ่งพอถึงตอนนั้น พ่อเค้าก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยนะคะ ... หรือเป็นตอนนี้ก็ตาม เค้าอยากให้บูสดใส สดชื่นเหมือนเด็กคนอื่นๆนะคะ เค้าก็มาแหย่บู มาหยอกล้อ สนิทสนมด้วย เค้าก็ทำหน้าที่ของเค้านะ  จุดประสงค์คือ เพื่อให้บูได้สดใส ไม่ใช่มาคิดมาก ซึมเศร้าหนักกว่าเดิมแบบนี้นะจ้ะ

พระอวยพรนะคะ
ตอบกลับโพส