ตอบจากหัวข้อ!!! เห็นด้วยไหม...ที่พระเจ้าไม่เคยผิดพลาด!!!

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ตอบกลับโพส
jacob_tao
โพสต์: 21
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 14, 2009 4:21 pm
ติดต่อ:

อังคาร ก.พ. 23, 2010 1:33 pm

ผมมีบทความหนึ่งจากหนังสือเรื่อง"พยานแห่งความหวัง"
ที่ว่าพระเจ้าไม่เคยผิดพลาดจริงครับ
แต่ลองมาดูข้อบกพร่องของพระเยซูบ้าง
                    ข้อแรกเลย
พระเยซูเจ้าทรงมีความจำที่แย่มาก
เช่นอย่างแรกเลย ขณะที่พระองค์ทรงถูกตรึงกางเขนอยู่นั้น
พระองค์ได้ยินเสียงโจรที่ถูกตรึงทางขวามือของพระองค์ทูลว่า"ข้าแต่พระเยซูโปรดระลึกถึงข้าพเจ้าด้วย เมื่อพระองค์เสด็จเข้าสู่พระอาณาจักรของพระองค์"
ถ้าเราเป็นพระเยซูคงตอบว่า "เราจะไม่ลืมเจ้าแน่นอนเพราะอาชญากรรมต่างๆของเจ้าจะต้องได้รับการชดเชยด้วยการตกไฟชำระอย่างน้อยยี่สิบปีเสียก่อน"
แต่พระเยซูทรงตอบเขาว่า "เราขอบอกความจริงแก่ท่านว่า วันนี้ ท่านจะอยู่กับเราในสวรรค์" พระองค์ทรงลืมบาปทั้งหมดของโจรคนนั้น
                    ข้อที่สอง
พระเยซูเจ้าทรงไม่รู้วิชาคณิตศาสตร์
หากพระเยซูทรงสอบวิชาคณิตศาสตร์คงอาจจะทรงสอบตกเป็นแน่
พระองค์ทรงส่อแววในเรื่องนี้ด้วยนิทานเปรียบเทียบเรื่องแกะตัวที่หายไป คนเลี้ยงแกะมีแกะอยู่100ตัวแต่บังเอิญมีตัวหนึ่งได้หายไปเขามิร้อช้า
รีบออกตามหามันโดยทิ้งอีก99ตัวไว้ในที่เปลี่ยว และเมื่อพปมันแล้วเขาก็แบกมันกลับมาหาเพื่อนๆ
สำหรับพระเยซูเจ้าแล้วแกะตัวหนึ่งก็มีค่าเท่ากันกับเก้าสิบเก้าตัว บางทีอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไปใครจะรับได้
                    ข้อที่สาม
พระองค์ทรงไม่รู้จักตรรกวิทยา
หญิงคนหนึ่งมีเงินอยู่สิบเหรียญบังเอิญเหรียญหนึ่งหายไปเธอก็จุดตะเกียงเพื่อค้นหามันเมื่อได้พบแล้วก็ตะโกนกับเพื่อนบ้านว่า "จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันได้พบเหรียญที่หายไปแล้ว"
มันช่างไม่มีเหตุผลเลย เงินเหรียญเดียวต้องเรียกเพื่อนบ้านเพื่อมาเลี้ยงฉลอง ยิ่งไปกว่านั้นการเชิญเพื่อนบ้านมาเลี้ยงฉลองต้องใช้จ่ายด้วยเงินเหรียญที่ได้มาแน่นอน
แล้วที่สำคัญเงินสิบเหรียญที่มีจะพอเลี้ยงเพื่อนบ้านหรือเปล่า
                    ข้อที่สี่
พระเยซูเจ้าทรงเป็นนักเสี่ยง
ผู้จัดการต่างๆเช่นนักหาเสียงมักจะมีโครงการที่ชัดเจนรวมไปถึงคำสัญญาต่างๆด้วย
แต่สำหรับพระเยซูไม่มีการแบบนี้เลย
พระเยซูทรงสัญญาให้มีความทุกข์ทรมานและการเบียดเบียนสำหรับผู้ที่ติดตามพระองค์
บรรดาศิษย์ของพระองค์ต้องละทิ้งทุกสิ่งเพื่อติดตามพระองค์พระองค์มิได้สัญญาว่า จะให้ข้าวของเงินทอง แต่ จะมีส่วนร่วมในวิถีชีวิตของพระองค์เอง
ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุขเมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหง และใส่ร้ายต่างๆนานาเพราะเรา จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นใหญ่ยิ่งนัก
บรรดาสานุศิษย์เชื่อในนักเสี่ยงพระองค์นี้ตลอดเวลาสองพันปีและจนสิ้นพิพบมหาชนที่ติดตามพระเยซูไม่มีวันขาดสาย
มองดูนักบุญแต่ละยุคเป็นการเพียงพอแล้วพวกเขาหลายๆคนเป็นสมาชิกของสมาคมนักเสี่ยงนี้โดยปราศจากที่อยู่ และทุกสิ่งอย่าง เพื่อพระองค์
                    ข้อที่ห้า
พระเยซุไม่ทรงเข้าใจเรื่องการเงินหรือเศรษฐกิจ
ฟังเรื่องสวนองุ่นกันก่อนนะ
อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับพ่อบ้านออกบ้านแต่เช้าตรู่เพื่อไปจ้างคนงานมาทำงานในสวนองุ่นครั้นได้คนงานก้อตกลงค่าจ้างวันละหนึ่งเหรียญ
แล้วส่งคนงานไปทำงานในสวนองุ่น ประมาณสามโมงเช้า พ่อบ้านเห็นคนที่ยังไม่มีงานทำจึงพูดกับคนเหล่านั้นว่า "จงไปทำงานในสวนองุ่นของฉันเถิดฉันจะให้ค่าจ้างตามสมควร"
คนเหล่านั้นก็ไป พ่อบ้านออกไปประมาณเที่ยงวันและบ่ายสามโมงทำเช่นเดียวกัน ประมาณห้าโมงพ่อบ้านออกไปอีก พบคนอื่นยืนอยู่จึงถามว่า"ทำไมท่านยืนอยู่นี่ทั้งวัน"
พวกเขาก็ตอบว่า "เพราะไม่มีใครจ้างไปทำงาน" พ่อบ้านจึงพูดว่าจงไปทำงานในสวนองุ่นของฉันเถิด" ครั้นพอค่ำ เจ้าของสวนบอกผู้จัดการว่า "ไปเรียกคนงานมาจ่ายค่าจ้างโดยเริ่มตั่งแต่คนสุดท้ายจนถึงคนแรก"
ถ้าหากพระเยซูเจ้าถูกตั้งขึ้นเป็นผู้จัดการธุรกิจ ธุรกิจนั้นคงล้มเหลวเป็นแน่แท้ มีใครบ้างที่จะจ่ายคนที่มาทำงานห้าโมงเท่ากับคนที่มาทำงานแต่เช้าตรู่
เป็นความเข้าใจผิดหรือเปล่าไม่หรอกพระองค์ทรงตั้งพระทัยพระองค์ทรงอธิบายว่า "ฉันไม่มีสิทธิ์ใช้เงินของฉันตามที่ฉันพอใจหรือ ท่านอิจฉาริษยาเพราะฉันใจดีหรือ"
อยากให้ทุกคนอ่านแล้วคิดตามนะครับกลัวทุกคนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขียนอ่านแล้วคิดตามนะครับขอบคุณครับ
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

อังคาร ก.พ. 23, 2010 2:40 pm

ทุกข้อเป็นเรื่องจริงในเนื้อหาแต่ละข้อ
แค่ว่า ใช้ศัพท์ออกจะแรงไปหน่อยเท่านั้นเองครับ
ซึ่งคิดว่าผู้เขียนไม่ได้เจตนาอื่นแอบแฝง เพราะเข้าใจเนื้อหา

พระเยซูเจ้าทรงมีความจำที่แย่มาก = พระเยซูเจ้าทรงลืมความผิดของเราทั้งสิ้น เมื่อเราสำนึกในบาปนั้น
พระเยซูเจ้าทรงไม่รู้วิชาคณิตศาสตร์ = พระองค์ทรงรักมนุย์แต่ละคนและให้ความสำคัญแต่ละคนมาก ถึงขนาดถ้าหายไป พระองค์ต้องตามหา
พระองค์ทรงไม่รู้จักตรรกวิทยา = (เหมือนกับเรื่องแกะที่หายไป)
พระเยซูเจ้าทรงเป็นนักเสี่ยง = พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้าและทรงตรัสว่า ทางของพระเจ้าและทางของโลกนั้นคนละทาง
พระเยซูไม่ทรงเข้าใจเรื่องการเงินหรือเศรษฐกิจ = พระเยซูเจ้าทรงตรัสถึงแผนการไถ่กู้
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

อังคาร ก.พ. 23, 2010 3:11 pm

เนื้อหาโอเค แต่ไม่ชอบหัวข้อเหมือนกัน บางครั้งผู้เขียนอาจจะไม่ได้มีเจตนาอะไร แต่ผู้อ่าน อ่านแล้วเสียความรู้สึกกับหัวข้ออ่ะคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ecclēsia
โพสต์: 976
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
ติดต่อ:

อังคาร ก.พ. 23, 2010 10:37 pm

เเหม่... เกือบไปไกลเสียเเล้วตอนเห็นหัวข้อ เเต่บทความดีค่ะ ขอบพระคุณ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร ก.พ. 23, 2010 10:40 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

อังคาร ก.พ. 23, 2010 10:59 pm

ถ้าเกิดพระเจ้าไม่ทำเป็นลืมแบบในข้อ 1 ล่ะก็

.......ตายหมดยกแผ่นดินโลกค่ะ ตกนรกกัน 100% ด้วย ไม่รอดสักคนนอกจากพระองค์คนเดียว
jacob_tao
โพสต์: 21
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 14, 2009 4:21 pm
ติดต่อ:

อังคาร ก.พ. 23, 2010 11:15 pm

ขอบคุรครับทุกเม้นเลยแล้วจะพยายามเขียนให้เข้าจัยนะครับ
ขอบคุณที่ติชม
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

พุธ ก.พ. 24, 2010 8:12 am

ขอชี้แจงหน่อยนะครับ
เนื่องจากมีหนังสือเล่มนี้ไว้ครอบครองเช่นกัน

ข้อความที่ดูกระด้าง ซึ่งพี่เต๋าได้หยิบมานั้น

เป็นคำพูดของพระคุณเจ้า เหวี่ยน-วัน ถ่วน พระคาร์ดินัล ชาวเวียดนาม
ท่านถูกคุมขังเป็นนักโทษของลัทธิคอมมิวนิสต์ 13ปี
ระหว่างนั้น ท่านถูกรัฐบาลห้ามใส่เสื้อหล่อ ห้ามใครเรียกท่านว่าพระคุณเจ้าหรือคุณพ่อ
บรรดาผู้ร่วมคุมขังซึ่งต่างความเชื่อมาถามถึง "เหตุผลแห่งความหวัง"ของท่าน

ท่านจึงตอบคำถามโดยตรรกกะที่ดูนอกรีตเสียหน่อย (ท่านได้กล่าวขอโทษ เมื่อพูดคำพูดเหล่านี้ซ้ำในการเข้าเงียบ)

ประสบการณ์ความหวังของท่าน ทำให้พระสันตะปาปาจอห์นปอลที่2
ได้แต่งตั้งท่านเป็นนักเทศน์ส่วนพระองค์และข้าราชบริพารในการเข้าเงียบที่กรุงโรม ในปี2000 ปิติมหาการุญครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ ก.พ. 24, 2010 8:16 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mminnano
โพสต์: 221
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 06, 2007 10:24 pm
ติดต่อ:

พุธ มี.ค. 17, 2010 9:00 pm

อยากบอกว่า......
    อ่านแล้วรู้สึกสุดยอด เหมือนจะว่ากล่าว แต่จริงๆแฝงไปด้วยความหมายแห่งความรัก และความเมตตาที่พระเยซูมีต่อพวกเราอย่างแท้จริง ท่านผู้แต่ง ช่างคิดทำให้ถ้าคนที่ไม่ชอบพระองค์เห็นจะต้องอ่าน และเมื่ออ่าน ก็จะเริ่มมีอะไรเกิดขึ้นในใจเค้าแน่ๆ ขอชื่นชมอีกครั้ง

และเชื่อว่า พระองค์ไม่เคยผิดพลาด ลูกเชื่อพระองค์จงใจ  : emo045 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

พุธ มี.ค. 17, 2010 9:43 pm

ไอ้รักมันก็รัก แต่จะให้เชื่อว่าไม่เคยผิดพลาดนี่......

ถ้าไม่เคยผิดพลาดจริง ก็ไม่น่าจะปล่อยให้ลูซิเฟอร์กบฎและไปล่อลวงมนุษย์ถึงสวนอีเดนตั้งแต่แรก

และไม่น่าจะอยู่เฉยจนโลกผิดพลาดไปขนาดนี้

(อย่าให้ได้พูดถึงตัวเราอีกนะ จะยาวกว่านี้)

ถึงจะบอกว่ามนุษย์ทำเอง ถ้าทำจริงก็น่าจะดูแลหรือยับยั้งได้สิ

ในเมื่อทุกสิ่งในโลกเกิดขึ้นเพราะน้ำพระทัย แล้วน้ำพระทัยที่ว่า ถึงขนาดปล่อยให้คนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเลยในโลก หรือหญิงที่ถูกข่มขืนขนาดสิ้นศรัทธา ต้องลงนรกเพราะไม่อยู่ในพระองค์ แถมด่าพระองค์แค่นั้นหรือ (ในเมื่อพระองค์ปล่อยให้พวกเขาเจ็บไม่ยอมช่วยเอง)

.......ถ้าคิดจะรับชั้นเป็นลูก และพระองค์เป็นพ่อจริง เจอคำบ่นแค่นี้คงไม่สติแตกนะ พระองค์ก็น่าจะ็รู้ว่าชั้น Dark ขนาดไหน

(........อย่าแปลกใจ รีพลายเราหากออกไปในทางต่างกัน ย่อมหมายถึงอารมณ์ที่ต่างกันในแต่ละช่วงเวลาของเราด้วยเหมือนกัน)
ภาพประจำตัวสมาชิก
sasuke
~@
โพสต์: 1120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 06, 2006 12:00 am
ที่อยู่: ใต้เสื้อคลุมของแม่

พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 12:49 am

ทฤษฎีเมตาฟิสิกส์

ตามหลักเมตาฟิสิกส์ เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นสาเหตุของการเกิดเหตุการณ์ในอนาคต
เราทุกคน ทั้งปีศาจและเทวดา โลกและจักรวาลทั้งสิ้น เป็นสิ่งสร้างของพระองค์ พระองค์ย่อมรู้จักเราดีแน่นอน
เพราะฉะนั้นไม่ว่าเราจะเลือกทางไหน พระก็จะสามารถรู้ได้หมด เพราะพระรู้ขอบจำกัดของเราและสิ่งสร้างทั้งมวล
พระองค์สามารถรู้ได้ว่าเราทำอะไรได้มากแค่ไหน และมีผลแบบใดที่เป็นไปได้บ้าง ไม่ว่าดีหรือร้ายพระองค์สามารถรู้ได้หมด

และไม่ว่าเราจะเลือกทางไหน พระก็ได้เตรียมทางที่เราจะเลือกนั้นให้เราแล้ว แล้วทางนั้นจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราเลือก
ระหว่างทางจะดีหรือไม่ดีก็อยู่ที่การเลือกของเรา แต่แน่นอนว่าไม่ว่าเราเลือกทางไหนพระก็สอดส่องดูแลเราตลอดเวลา
และสุดท้ายปลายทางทุกสิ่งจะต้องออกมาีดีตามพระสัญญา แค่อยู่ที่ว่าเราจะยังเลือกสิ่งที่ดีอยู่รึเปล่า

สิ่งสร้างทั้งหลายทั้งปวงล้วนมี "ความงาม" และ "เหตุผลในการดำรงอยู่" ของมัน
แม้แต่สิ่งไม่ดีก็เป็นเหตุผลตามหลักเมตาฟิสิกส์เพื่อให้เกิดสิ่งที่ดี ดังเช่นที่พระเจ้าทรงยอมให้มีความืด เพื่อให้แสดงสว่างนั้นเด่นชัด

ตามความคิดของผม "ความไม่สมบูรณ์" "ความดี" "ความชั่ว" "ความพอดี" "ความไม่สมดุล"
เพราะความไม่สมบูรณ์ของสิ่งสร้างเหล่านี้แหละ ที่ทำให้สิ่งสร้างของพระองค์นั้น "งดงามอย่างสมบูรณ์แบบ"
แก้ไขล่าสุดโดย sasuke เมื่อ พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 12:58 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 11:50 am

ทำไมถึงพูดถึงพระเจ้าแบบนั้นหล่ะครับ
พระองค์เป็นพระเจ้านะครับ ไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์คุณ
กรุณาหยุดเถอะครับ

ขอพระเจ้าทรงเมตตาคุณ Valkyrie Zero Number ครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Batholomew เมื่อ พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 11:52 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 2:47 pm

ทุราจาร
ถ้าคิดจะรับชั้นเป็นลูก และพระองค์เป็นพ่อจริง เจอคำบ่นแค่นี้คงไม่สติแตกนะ พระองค์ก็น่าจะ็รู้ว่าชั้น Dark ขนาดไหน
ในทำนองเดียวกัน หากจะรับพระองค์เป็นพ่อจริง ก็อย่าพูดอะไรทำนองนี้ จริกอยู่คุณจะดากแค่ไหน พระองค์ก็ยังรักคุณนั่นแหละ แต่พระองค์ทรงเป็นความสว่าง ฉะนั้นถ้ารู้ตัวว่าอยู่ฝ่ายดาก ก็อย่าไปเอาแว่นดากๆไปดูความสว่าง เพราะก็จะเห็นแต่มุมมองดากๆ และเข้าใจแบบดากๆ สุดท้ายความรอดที่พระองค์ประทานให้ก็กลายเป็นของเน่าเสียไป คุณเลือกเอง ลองไปอ่านคำอุปมาเรื่องการหว่านเมล็ดดูนะครับ แล้วจะลองเลือกดู พระองค์ทรงให้อำเภอใจแก่คุณ ก็เลือกเอาเองแล้วกันว่าจะอยู่อย่างดากหรือจะอยู่อย่างสว่าง
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 3:12 pm

::034::  คุณ Valkyrie Zero Number ค่อยๆ อ่าน และพยายามทำความเข้าใจกับมันหน่อยนะคะ คิดว่าคุณกำลังเข้าข่ายนี้อยู่หรือเปล่าเห็นพูดถึงพระเจ้าแนวนี้มาหลายโพสแล้ว

*********************************************************************************************************

บาปผิดต่อพระจิต
Sins Against The Holy Spirit

ศาสนจักรโรมันคาทอลิก ศาสนจักรออร์ทอด็อกซ์ตะวันออก และบูรพทิศ เชื่อว่า  การกล่าวร้ายต่อพระจิตเป็นบาปที่อภัยไม่ได้ (บาปชั่วนิรันดร)

ตามคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิกนั้น  พระเมตตาของพระเป็นเจ้าไม่มีขอบเขต  แต่ผู้ใดก็ตามที่ปฏิเสธที่จะรับพระเมตตาโดยการใช้โทษบาป ไม่ยอมรับการอภัยต่อบาปของตน และการไถ่ให้รอดที่เสนอให้จากพระจิต  ความแข็งกระด้างของหัวใจ อาจจะนำไปสู่ความไม่สามารถใช้โทษบาปขั้นสุดท้าย และความสูญเสียชั่วนิรันดร

อย่างไรก็ดี  ควรจะต้องสังเกตุว่า พระศาสนจักรยังคงเชื่อว่า ไม่มีความผิด(บาป)ใด แม้จะหนักหนาสากรรจ์ขนาดไหนที่พระศาสนจักรจะอภัยไม่ได้  อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครชั่วร้าย และมีความผิด  ซึ่งอาจจะไม่หวังอย่างไว้วางใจในการอภัย หากการใช้โทษบาปนั้นกระทำอย่างสุจริต  พระคริสตเจ้าที่สิ้นพระชนม์สำหรับมนุษย์ทุกคน มีพระประสงค์ว่า ในพระศาสนจักรของพระองค์ ประตูแห่งการให้อภัยคงเปิดเสมอ สำหรับใครก็ตามที่หันหนีจากบาป

ศาสนจักรออร์ทอด็อกซ์ก็ยึดมั่นในหลักการเดียวกันในคำสอนนี้  แม้จะเข้าใจธรรมชาติของคำว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ มี.ค. 19, 2010 8:45 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. มี.ค. 18, 2010 7:02 pm

^
ชัดเจนค่ะ
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

ศุกร์ มี.ค. 19, 2010 1:06 am

โตซะทีเถอะครับ Valkyrie Zero Number
ตอบกลับโพส