อยากปรึกษา มีปัญหากับทางบ้านค่ะ

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ตอบกลับโพส
momo
โพสต์: 3
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ส.ค. 07, 2010 1:44 am

เสาร์ ส.ค. 07, 2010 2:34 am

สวัสดีค่ะ
เรามีปัญหากลุ้มใจมากๆอยากรบกวนขอคำแนะนำจากเพื่อนๆค่ะ

คือเราเกิดมาในครอบครัวคาทอลิกที่ศรัทธามากๆค่ะ
เรารับศีลล้างบาปตั้งแต่แบเบาะเลย

แต่เราได้มีโอกาสศึกษาหลักธรรมของศาสนาอื่นตอนวัยรุ่นจึงเกิดความศรัทธา และได้เปลี่ยนมาดำเนินชีวิตตามแนวทางศาสนาอื่น10กว่าปีแล้ว (ตอนนี้อายุ25) โดยที่ที่บ้านก็รู้

แต่คุณแม่กลับไม่สนใจและมักจะทำเฉยๆ
และมักจะคอยบอกให้เราสวดภาวนาอยู่บ่อยๆ บางครั้งก็นำสวด เราก็เลยต้องสวดตาม แล้วก็บอกให้ไปเข้าร่วมพิธีมิสซาตลอดเลย รวมทั้งรับศีลแก้บาป รับศีลมหาสนิทด้วย (ซึ่งเราก็ไม่ได้ไป ยกเว้นถูกบังคับไปจริงๆแบบเลี่ยงไม่ได้ ประมาณปีละครั้ง)

แล้วเราก็ไม่อยากไปรับศีลแบบส่งๆด้วย เพราะรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง แต่ก็มักจะถูกคุณแม่บังคับให้ไปรับ (ซึ่งเคยเรียนคำสอนมาตอนเด็กๆ ว่าเป็นสิ่งที่ผิดมากเลยถ้าไปรับศีลโดยไม่ได้ศรัทธา บางครั้งเราเลยต้องแกล้งเดินไปรับ แต่จริงๆไม่ได้รับค่ะ)

เราเข้าใจว่าแม่รักและหวังดีกับเรา อยากให้เรานับถือพระเจ้า กับ แม่พระ

แต่เรารู้สึกอึดอัดและเครียดมากๆเลยค่ะ :s008: ทุกท่านคงทราบนะคะว่าเรื่องความเชื่อความศรัทธานั้นเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ (มีเพื่อนเราหลายคนก็เปลี่ยนศาสนามานับถือคริสต์ค่ะ เพราะว่าตรงกับจริตของเขา)

แต่เราไม่ได้แอนตี้ศาสนาคริสต์หรือพระเจ้านะคะ และเราไม่เคยคิดเลยว่าศาสนาไหนดีกว่ากัน เราดีใจที่คุณพ่อคุณแม่ศรัทธาในพระเจ้า และก็มีความสุขกับแนวทางของท่าน ยินดีกับท่านเวลาที่ท่านไปมิสซาวันอาทิตย์
แต่เราก็อยากมีความสุขตามแนวทางของเราเหมือนกัน

เราไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงให้คุณแม่เข้าใจและยอมรับการตัดสินใจของเราบ้าง บางครั้งเราก็อยากไปปฏิบัติธรรมตามแนวทางที่เรานับถือ แต่คุณแม่ก็มักจะไม่พอใจ และบอกว่า ให้ไหว้พระเราสิ (คุณแม่เราจะเรียกพระในศาสนาคริสต์ว่า "พระเรา" ค่ะ)

อย่างเช่น เรามีเวลาว่างอยากจะไปบวชชี ปฏิบัติธรรมสักพัก แต่เราก็ไม่กล้าบอกท่านเลย นอนไม่หลับอยู่หลายคืน เพราะกลัวท่านไม่อนุญาต ไม่พอใจและดุว่าเรา

แล้วท่านก็บอกเราว่าท่านได้ไปปรึกษาบาทหลวงองค์หนึ่งมาเรื่องที่เราไปนับถือศาสนาอื่น บาทหลวงท่านนั้นบอกว่า เราจะไม่มีวันประสบความสำเร็จในชีวิตเลยค่ะ เพราะเรารับศีลล้างบาปแล้ว แต่เราไม่นับถือพระเจ้า
(คือเราเข้าใจหลักการนะคะว่า ถ้าเรารับศีลล้างบาปแล้ว ก็จะติดตัวไปตลอดชีวิต ข้อนี้เราทราบมาตลอดและยินดีน้อมรับค่ะ )


เราอยากรบกวนปรึกษาเพื่อนๆทุกท่านว่า เราควรจะอธิบายให้คุณแม่ฟังหรือทำความเข้าใจกับท่านยังไงดีคะ รบกวนช่วยแนะนำหน่อย อยากจะปริ๊นท์ไปให้คุณแม่อ่านด้วยค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ส.ค. 07, 2010 10:28 am

จริงๆแล้วคุณยังไม่ได้ซาบซึ้งกับความรักของพระเจ้า คุณยังไม่ได้แสวงหาพระองค์อย่างสุดใจ

คุณทิ้งพระ แต่พระยังไม่ทิ้งคุณ คุณเข้ามาบอร์ดนี้ คงจะเป็นการทรงนำของพระเจ้า

ขอคุณไปคุยกับคุณพ่อ (บาทหลวง) เองก่อน ศึกษาคำสอนกับท่านก่อน ศึกษาชีวิตพระคริสตเจ้าก่อน

แล้วคุณจึงจะตัดสินใจ เซกูดบาย พระองค์

คำแนะนำ คือ "พระเยซูเจ้าทรงรักคุณขณะที่คุณเป็นเช่นนี้ ลองเข้ามาหาพระองค์ คุณจะได้สัมผัสพระทัยอ่อนหวาน
สัมผัสพระเมตตาของพระองค์ จนคุณรู้สึกเหมือน บุตรน้อยหลงหาย (บุญล้างผลาญ) ได้กลับใจใหม่ รีบบึ่งมาหาพระองค์แน่นอน :s002:
momo
โพสต์: 3
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ส.ค. 07, 2010 1:44 am

เสาร์ ส.ค. 07, 2010 12:16 pm

เราก็เคยเรียนคำสอนมาหลายปีค่ะ ตั้งแต่เด็กๆเลย
จะว่าเราทิ้งพระ ก็ยอมรับอ่ะค่ะ
ไม่ทราบจะพูดยังไงดี
:s008:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Niphon
โพสต์: 16
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ พ.ค. 17, 2010 8:22 pm
ที่อยู่: Pattaya
ติดต่อ:

อาทิตย์ ส.ค. 08, 2010 12:41 am

บอร์ดนี้ให้คำแนะนำและความรู้ รวมถึงการแสดงความรักต่อพระคริสต์ ใครเขาจะกล้าแนะนำวิธีให้คุณทิ้งศาสนาหละครับ มันไม่ควร และเป็นบาปด้วย
คงถามผิดบอร์ดแล้วมั่งครับ ลองไปถามบอร์ดศาสนาที่คุณเขื่อดูซิ บางทีอาจจะได้คำตอบมากกว่านี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ส.ค. 08, 2010 1:42 am

การเรียนคำสอนตอนเด็ก ๆ ไม่ได้ช่วยให้เข้าใจพระเจ้ามากเท่าไหร่หรอกค่ะ
เพราะคำสอนตอนเด้ก ๆ ที่โรงเรียนสอน จะสอนเหมือนเป็นวิชาจริยธรรมมากกว่า
คือ เป็นคำสอนที่ย่อยแล้วเสียจนเราไม่ค่อยลึกซึ้งกับพระเจ้าเท่าไหร่

อย่างที่ดิฉันเอง เรียนคำสอนมาตลอดตั้งแต่เด็ก ก็ไม่ได้ลึกซึ้งกับพระเจ้าเลย พูดได้เต็มปาก
ทั้งมาเซอร์ ทั้งพ่อสอน ไม่ได้ลึกซึ้งเลยค่ะ ไม่ได้รู้สึกอินกับพระ
ไม่ได้รู้สึกถึงความรักของพระ ไปวัดแค่กลัวเป็นบาปถ้าไม่ไป

มาลึกซึ้งมากขึ้น ก็เมื่อโตแล้ว สัมผัสพระเจ้าเองในชีวิตจริง
คาทอลิกโดยกำเนิดส่วนมากมีปัญหานี้กันทั้งนั้นค่ะ คือ เรียนคำสอนก็จริง
แต่ไม่ลึกซึ้ง ที่บ้านศรัทธาก็จริง แต่ไม่ได้สอนให้รู้จักพระเจ้าจริง ๆ
สอนให้เชื่อ สอนให้รัก แบบไม่มีความรู้

พอเจอความเชื่ออื่น ๆ ก็เลยคิดว่ามันใช่ มันโดนใจ
แต่ไม่ได้รู้เลยว่า จริง ๆแล้ว เรายังมีความรู้ในศาสนาคริสต์ แค่กระพี้

เอาง่าย ๆ อ่านพระคัมภีร์จบเล่มแล้วหรือคะ ถึงได้รู้ว่าไม่ถูกจริต :s015:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ ส.ค. 08, 2010 3:22 am

ก่อนจะช่วยหาคำตอบให้คุณในเรื่องนั้นได้จำเป็นต้องทราบพื้นฐานความเชื่อของคุณก่อน

ถามคุณสัก2-3คำถามก่อนว่า

1.คุณไม่เชื่อว่าพระเป็นเจ้ามีจริงเหรอครับ และเพราะอะไรถึงเชื่อแบบนั้น

2.คุณเชื่อเรื่องชาตินี้ ชาติหน้า ชาติก่อนไหมครับ แล้วทำไมถึงเชื่อว่ามีแบบนั้นจริงครับ

3.คุณอ่านพระคัมภีร์ไบเบิ้ลจบตั้งแต่ปฐมกาลถึงพระวิวรณ์หรือยังครับ

---คุณบอกว่าคุณแอบเป็นพุทธมา10ปี แสดงว่าแอบเป็นตอนอายุ15 คุณพ่อคุณแม่คุณไม่เคยบีบบังคับคุณหรือพูดว่าร้ายศาสนาอื่น ท่านใจดีมาก พ่อแม่ของคุณที่ให้กำเนิดร่างกายคุณขึ้นมายังรักคุณขนาดนี้ แล้วผู้ที่ให้กำเนิดวิญญาณของคุณจะรักคุณแค่ไหน และแสนดีกับคุณเพียงไร ทำไมคุณถึงไม่รักเขา ทำไมคุณจึงอยากเป็นลูกกำพร้าทางวิญญาณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
fr_Tony
โพสต์: 96
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 05, 2010 1:38 pm

อาทิตย์ ส.ค. 08, 2010 10:32 am

ผมเชื่อว่าในการเดินทางด้านจิตวิญญาณของชีวิตเราแต่ละคน บางคนจะใช้ทางตรงในการแสวงหาพระ แต่บางคนก็ใช้ทางอ้อม ผมว่าการที่เราตั้งใจที่จะสร้างชีวิตจิตให้กับตนเองเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมทีเดียว ยังไงก็ตามถ้าเราปราถนาที่จะได้เจอพระองค์และทุ่มเทในการค้นหานั้นสักวันหนึ่งเราก็จะได้พบพระองค์ และซาบซึ้งในความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ความเชื่อเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ก็จริง แต่ขอให้มีความเปิดใจในการรับฟังสิ่งที่ครอบครัวและเพื่อนๆชาวคริสต์เล่าให้ฟังเกี่ยวกับพระเจ้าซะก่อนที่จะตัดสินใจว่า ไม่เชื่อก็แล้วกัน ผมคิดว่าคนที่เคยนับถึอศาสนาอื่นๆ ก่อนที่จะเข้าศาสนาคริสค์เขาาหล่านั้นก็ต้องคิดหนักเหมือนกันเพราะการเปลี่ยนศาสนาไม่ใช่เรื่องเล่น เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมแนะนำให้คุณคือ คุณต้องเข้าใจอย่างชัดเจนว่าคุณกำลังละทิ้งอะไร และจะได้รับอะไรแทน บางทีเราแค่รู้ว่าเราจะได้อะไร แต่เราไม่ค่อยรู้แน่ว่าสิ่งที่เราละทิ้งนั้นคืออะไร ถ้าคุณมีคำตองอย่างชัดเจนให้กับตัวเอง คูณก็จะมีความสุขและสันติในการเลือกของคุณ ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงหลั่งพระพรของพระองค์เหนือคุณครับ
supernova
โพสต์: 38
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 21, 2010 5:10 pm

จันทร์ ส.ค. 09, 2010 10:45 pm

เราขอตอบในฐานะคนที่เคยเป็นพุทธแล้วเปลี่ยนมาเชื่อพระเจ้านะครับ เราเข้าใจเรื่องความเชื่อมากเลยนะ ว่ามันเปลี่ยนกันไม่ได้ เราก้เหมือนกันใครจะว่ายังงัย เราก้มั่นใจได้พระเจ้า ใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนเราได้ เราพอจะเข้าใจว่าการนั่งสมาธิทำให้จิตใจสงบ ผ่องใส บริสุทธิ์ มีสมาธิในการทำงาน การนั่งสมาธิเป็นสิ่งที่ดี เรายอมรับ แต่เรานับพระพุทธเจ้าเป็นเพียงปราชญ์คนหนึ่ง ที่สามารถหาวิธีให้เรามีสมาธิ ผ่อนคลายย แต่เหนือสิ่งอื่นใด คนที่สร้างเรา คนที่คอยดูแลเรา คนที่คอยชี้นำทางเราไปทางที่ถูก คือ พระเจ้า การนั่งสมาธิ คุณสามารถทำได้ แต่เราว่าไม่ควรที่จะไปนับถือ เทิดทูล บูชานะครับ เพราะว่าในความเชื่อของเราคนที่เราควรนับถือ บูชา นมัสการคือพระเจ้า่นะครับ ลองเปิดใจให้พระเจ้าดูสิครับ พระองค์รักคุณนะครับ เราเชื่อเพราะว่าเราสัมผัสได้ว่าพระองค์ทรงช่วยชี้ทางเราและคอยดูแลเราอยู่ตลอดเวลา เราว่าลองไปเข้าเงียบค้นหาตัวเองสักครั้งดูดีมั้ยครับ
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

อังคาร ส.ค. 10, 2010 11:36 am

จริงๆมันบังคับกันไม่ได้ครับ แม้องค์พระเจ้าเองท่านยังไม่บังคับใจใครเลยนะครับ

คุณแม่คุณรักและเป็นห่วงคุณตามความเชื่อของท่านซึ่งก็คงเชื่อเหมือนกับเพื่อนๆคาทอลิกหลายคนในนี้คือ เมื่อเรามีความเชื่อ ไว้ใจ ในความรักและการมีอยู่ของพระเจ้า แน่นอนว่าเราย่อมไม่อยากให้คนที่เรารักไม่เชื่อเหมือนที่เราเชื่อ แม้ว่าเราจะทราบดีว่าเราไม่สามารถบังคับใครได้

ในฐานะที่คุณอยู่ในสังคมไทยซึ่งค่อนข้างให้ความเคารพให้เกียรติ์บุพการี คงไม่เหมาะที่คุณจะไปหักดิบต่อต้านอย่างเปิดเผยต่อท่าน แม้ว่าคุณจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดังนั้นถ้าคุณจะไปปฏิบัติธรรมหรือร่วมกิจกรรมทางศาสนากับชาวพุทธ คุณก็ไม่ควรทำอย่างเปิดเผยให้แม่คุณทราบ เพื่อไม่ให้ท่านไม่สบายใจ

เรื่องความเชื่อนี่บังคับกันไม่ได้ คุณต้องถามใจตัวเองดูดีๆอย่างถี่ถ้วนว่าคุณเชื่อว่ามีพระเจ้าจริงหรือไม่ ถ้าหากว่ายังเชื่อว่ามี แล้วคุณเชื่อว่าพระองค์ทรงรักคุณหรือไม่ ความรักที่เรามนุษย์มีต่อองค์พระผู้สร้างเป็นความรักที่ไม่ถูกบังคับ หากว่าถูกบังคับนั่นก็ไม่เรียกว่าความรัก

ถ้าให้วิจารณ์ในฐานะคนที่เชื่อผมคงคิดเหมือนหลายคนในนี้คือคุณคงยังไม่เข้าถึงความรักของพระองค์มากนักซึ่งไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่ยังไงก็ตามอยากให้คุณลองคิดพิจารณาดูให้ดีๆนะครับ

จะภาวนาให้ครับ ผมเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงจัดหาในสิ่งที่เหมาะกับคุณให้แต่คุณต้องเปิดใจรับด้วย และผมเชื่อว่าพระองค์จะทรงหาทางให้คุณกลับมา เหมือนการตามหาแกะที่หายไป
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

อังคาร ส.ค. 10, 2010 12:45 pm

ขออนุญาตินำบทความของคุณเจี๊ยบมาให้ คุณ momo อ่าน นะคะ
Jeab Agape เขียน:
บทกวีโดยรัสเซล เคลเฟอร์

คุณเป็นอย่างที่คุณเป็นเพื่อเหตุผลบางประการ
คุณเป็นส่วนหนึ่งของแผนการอันซับซ้อน
คุณเป็นผลงานล้ำค่าและมีเอกลักษณ์อย่างสมบูรณ์
ได้รับการขนานนามว่าเป็นหญิงและชายที่พิเศษของพระเจ้า


คุณมีหน้าตาแบบนี้เพื่อเหตุผลบางประการ
พระเจ้าของเราไม่ผิดพลาด
พระองค์ทอคุณขึ้นภายในครรภ์มารดา
คุณเป็นอย่างที่พระองค์ต้องการจะสร้าง


พ่อแม่คุณคือผู้ที่พระองค์ทรงเลือก
และไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร
พวกเขาก็ถูกกำหนดไว้อย่างเจาะจงตามแผนการของพระเจ้า
และมีตราของพระองค์ประทับอยู่


ถูกแล้ว ความชอกช้ำที่คุณเผชิญอยู่ ไม่ใช่เรื่องง่าย
และพระเจ้ากรรแสงเพราะมันทำคุณเจ็บปวด
แต่พระองค์อนุญาตให้เกิดขึ้นเพื่อหล่อหลอมหัวใจคุณ
เพื่อคุณจะเติบโตเหมือนพระฉายพระองค์มากขึ้น


คุณเป็นอย่างที่คุณเป็นเพื่อเหตุผลบางประการ
คุณได้รับการปั้นแต่งขึ้นโดยคฑาของพระเจ้า
คุณเป็นอย่างที่คุณเป็น โอ ผู้เป็นที่รัก
เพราะว่ามีพระเจ้า!
ไม่ว่าคุณ momo จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ในพระเป็นเจ้า
พระเป็นเจ้า ก็มีอยู่จริง และทรงดำรงอยู่เสมอ
พระองค์ทรงรอคอยอยู่ตลอดเวลา และให้อภัยในบาปผิดทุกสิ่งที่มนุษย์ทำ ไม่ว่าบาปนั้นจะมากมาย หรือหนักหนาสาหัสแค่ไหน ทรงความรักยิ่งใหญ่เสมอไม่เคยเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะความรักที่ทรงมีต่อมนุษย์ ที่พระองค์ทรงสร้างมา ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์รุ่นไหน หรือมนุษย์ในยุคสมัยใด พระองค์ก็ทรงรักไม่น้อยไปกว่ากันเลย

การที่จะทิ้งความรักที่ยิ่งใหญ่อันหาที่สุดนี้ไปเสีย เป็นการน่าเสียดายยิ่งนัก

ทำไมจึงหวังใจในมนุษย์ที่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
แต่กลับทิ้งความรักอันเป็นนิรันดรในพระเป็นเจ้า ผู้ทรงสร้างมนุษย์ และสรรพสิ่งทุกอย่าง

ขอพระเป็นเจ้าทรงสถิตย์อยู่กับ คุณ momo ตลอดไปค่ะ
ขอพระจิตเจ้าทรงไขแสดงให้ คุณ momo รู้ถึงการดำรงอยู่ของพระองค์
momo
โพสต์: 3
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ส.ค. 07, 2010 1:44 am

อังคาร ส.ค. 10, 2010 9:14 pm

ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของทุกท่านนะคะ
ที่ทำให้เราได้ข้อคิดดีๆกลับไปคิดค่ะ
:s002:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ot@
~@
โพสต์: 989
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:44 pm

พุธ ส.ค. 11, 2010 12:26 am

momo เขียน:ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของทุกท่านนะคะ
ที่ทำให้เราได้ข้อคิดดีๆกลับไปคิดค่ะ
:s002:
เอาใจช่วยครับคุณmomo :s004:

อ่านคอมเมนต์ของคุณholyแล้วลองตอบดูนะครับ ถ้าอยากจะแชร์มุมมองหรือถามความเห็นก็มาโพสต่อได้ครับ รอหนุนใจให้เสมอครับ พี่ๆบางคนอาจจะดูพูดแรงไป แต่ไม่ต้องกลัวนะครับ คุณมาถูกบอร์ดแล้วครับ

โดยส่วนตัวผมเห็นด้วยกับอิสระภาพทางความเชื่อ แต่ตัวเราต้องเข้าใจสิ่งที่เราเลือก(และตัดสินใจไม่เลือก)จริงๆ
ตัวผมเองก็โตมาในครอบครัวพุทธ ตั้งแต่หันมานับถือแม่พระแบบออกหน้าออกตา ก็โดนเบียดเบียน ซักถาม(แบบกวนๆ) กีดกัน อะไรสาระพัด แต่ผมก็ยิ้มรับและถือว่าเป็นโอกาสดีที่เราจะได้แสดงความมั่นคงในพระเจ้าของเรา ในขณะเดียวกัน ผมก็ตั้งใจศึกษาศาสนาพุทธ และศาสนาอื่นๆด้วย เพื่อที่จะอธิบายให้คนอื่นๆฟังได้ว่า "ทำไม" ผมถึงเลือกคริสต์

ผมว่าก็ลองดู คุยกับที่บ้านไปตรงๆว่าอยากศึกษา แล้วก็ไปซื้อหนังสือมาอ่าน ไปสนทนาธรรมกับพระสงฆ์(พุทธ คริส อิสลาม ฯลฯ) แล้วค่อยมาวิเคราะห์ดู...
พอผู้ใหญ่เห็นว่าเราตั้งใจจะศึกษาจริงๆ ส่วนมากเขาก็จะเปิดโอกาสอยู่แล้วละครับ :)

แต่ผมมั่นใจครับ ว่าพระเจ้าทรงเลือกลูกแกะของพระองค์ไว้อย่างดีแล้ว และแกะของพระองค์ก็จะกลับมาตามเสียงของท่านอยู่เสมอเช่นกัน ::004::

ขอพระเจ้าอวยพรครับ
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

พุธ ส.ค. 11, 2010 1:20 pm

คุณ จขกท ได้รับศีลล้างบาปมาแล้ว จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ผมว่าตอนนี้คุณลองศึกษามันทั้ง 2 ศาสนา ให้ละเอียดลึกซึ้งไปด้วยกันเลยก็ดีนะครับ หลักปฏิบัติส่วนใหญ่ของคาทอลิกกับพุทธก็ไม่ได้ขัดแย้งกันขนาดสุดขั้วอยู่แล้ว เพียงแต่ให้ระวังบางอย่างที่มันจะเป็นที่สะดุดกับคนรอบข้างด้วย
hippologamy
โพสต์: 4
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 25, 2010 11:11 am

พุธ ส.ค. 25, 2010 1:58 pm

supernova เขียน:เราขอตอบในฐานะคนที่เคยเป็นพุทธแล้วเปลี่ยนมาเชื่อพระเจ้านะครับ เราเข้าใจเรื่องความเชื่อมากเลยนะ ว่ามันเปลี่ยนกันไม่ได้ เราก้เหมือนกันใครจะว่ายังงัย เราก้มั่นใจได้พระเจ้า ใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนเราได้ เราพอจะเข้าใจว่าการนั่งสมาธิทำให้จิตใจสงบ ผ่องใส บริสุทธิ์ มีสมาธิในการทำงาน การนั่งสมาธิเป็นสิ่งที่ดี เรายอมรับ แต่เรานับพระพุทธเจ้าเป็นเพียงปราชญ์คนหนึ่ง ที่สามารถหาวิธีให้เรามีสมาธิ ผ่อนคลายย แต่เหนือสิ่งอื่นใด คนที่สร้างเรา คนที่คอยดูแลเรา คนที่คอยชี้นำทางเราไปทางที่ถูก คือ พระเจ้า การนั่งสมาธิ คุณสามารถทำได้ แต่เราว่าไม่ควรที่จะไปนับถือ เทิดทูล บูชานะครับ เพราะว่าในความเชื่อของเราคนที่เราควรนับถือ บูชา นมัสการคือพระเจ้า่นะครับ ลองเปิดใจให้พระเจ้าดูสิครับ พระองค์รักคุณนะครับ เราเชื่อเพราะว่าเราสัมผัสได้ว่าพระองค์ทรงช่วยชี้ทางเราและคอยดูแลเราอยู่ตลอดเวลา เราว่าลองไปเข้าเงียบค้นหาตัวเองสักครั้งดูดีมั้ยครับ

เห็นด้วยค่ะ ดิชั้นเป็นคาทอลิค แต่ชอบปราชญ์ของพระพุทธเจ้าอยู่หลายข้อ เช่นการนั่งสมาธิ
การปล่องวาง การอย่ายึดติด

คุณรักพระเจ้า แล้วศึกษาธรรมะไปด้วย แบบนี้ดีมั้ยคะจะได้สบายใจ
ถ้าคุณเป็นคนดี ยังไงพระเจ้าก็ไม่ทอดทิ้งคุณหรอกค่ะ
st.matthew
โพสต์: 26
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 18, 2010 8:11 pm

อาทิตย์ ส.ค. 29, 2010 9:02 pm

ครูเราบอกว่ากางเขนศักดิ์สิทธิ์จากศีลล้างบาปจะอยู่ติดกับเราตลอดไป :s002: แม้ว่าเราจะละทิ้งพระไป แต่พระไม่เคยทิ้งเรา แม่พระยังคงสวดแก่ท่าน แต่หากคุณรู้สึกผิดจริงๆอยากจะปรึกษา และ สารภาพกับใคร ก็ขอให้มีความเชื่อ เราจงมีความเชื่อพระก็ยังคงให้อภัยเราเสมอครับ :s002: พระจะนำท่านสู่ห่นทางแห่งความสว่าง แล้วแต่คุณครับ ::003::
ตอบกลับโพส