พระวาจา ประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2555

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
tuztiz
โพสต์: 423
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 19, 2007 7:45 pm

จันทร์ ต.ค. 15, 2012 11:48 am

วันอังคารที่ 16 ตุลาคม 2012 สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา
ถ้าเราอยากเข้าใจเรื่อง “แอก” ที่เปาโลกล่าวถึงจริงๆ เราคงต้องอ่านหนังสือกิจการอัครสาวกบทที่ 15 เมื่อเปาโลและบาร์นาบัสได้พบปัญหาเรื่อการกลับใจของชาวต่างชาติมาเป็นคริสตชนพวเขาจะต้องถือธรรมเนียมของชาวยิวหรือไม่ และธรรมเนียมของชาวยิวข้อที่สุดยอดข้อหนึ่งคือ “การเข้าสุหนัต” เพราะเป็นพระบัญชาที่พระเจ้าทรงสั่งอย่างหนักแน่นแก่อับราฮัมให้ลูกหลานอิสราเอลทุกคนที่เป็นชายต้องเข้าสุหนัต เพราะเป็น “เครื่องหมายของพันธสัญญา” และเรื่องนี้เป็นเรื่องหนักแน่นๆมาก (ปฐมกาลบที่ 17) ตอนแรกนี้พ่อขอยกตัวบทพระคัมภีร์สองตอนดังกล่าวมาโดยสรุปให้อ่านหน่อยหนึ่งก่อนนะครับ
• (ปฐก 17: 9-14) พระเจ้าตรัสกับอับราฮัมว่า “ท่านและลูกหลานของท่านที่จะตามมาทุกรุ่นจะต้องรักษาพันธสัญญาของเราไว้ 10นี่คือพันธสัญญาของเรา ซึ่งท่านจะต้องรักษาไว้คือพันธสัญญากับท่านและกับลูกหลานของท่านที่จะตามมาภายหลัง ผู้ชายทุกคนจะต้องเข้าสุหนัต คือกรีดหนังหุ้มปลายองคชาติ เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาระหว่างเรากับท่าน เมื่อมีอายุแปดวัน เด็กชายทุกคน ทุกรุ่น รวมทั้งลูกทาสที่เกิดในบ้าน และทาสที่ซื้อมาจากคนต่างด้าวที่ไม่ใช่เชื้อสายของท่าน จะต้องเข้าสุหนัต ทุกคนต้องเข้าสุหนัตไม่ว่าจะเกิดในบ้านหรือซื้อมา ดังนั้น พันธสัญญาของเราจะมีเครื่องหมายติดกายของท่าน เป็นพันธสัญญาที่คงอยู่ตลอดไป ผู้ชายที่ไม่ได้เข้าสุหนัต...จะถูกตัดออกจากชนชาติของตน เพราะเขาได้ละเมิดพันธสัญญาของเรา”
• (กจ 15:1-10 สรุปย่อ...) คริสตชนชาวยิวบางคนลงมาจากแคว้นยูเดีย และสอนบรรดาพี่น้องว่า “ถ้าท่านทั้งหลายมิได้เข้าสุหนัตตามธรรมประเพณีของโมเสส ท่านจะรอดพ้นไม่ได้” เปาโลและ บารนาบัสไม่เห็นด้วย จึงโต้แย้งกับเขาเหล่านั้นอย่างรุนแรง มีการตกลงกันให้เปาโลและ บารนาบัสพร้อมกับพี่น้องบางคนขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อปรึกษาปัญหานี้กับบรรดาอัครสาวก และบรรดาผู้อาวุโส....ผู้มีความเชื่อบางคนที่เคยอยู่ในกลุ่มชาวฟาริสีลุกขึ้นกล่าวว่า “ต้องให้คนต่างศาสนาเข้าสุหนัต และปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของโมเสส” บรรดาอัครสาวกและผู้อาวุโสจึงประชุมกันเพื่อพิจารณาปัญหานี้ หลังจากโต้เถียงกันมากแล้ว เปโตรลุกขึ้นกล่าวแก่ที่ประชุม.... (ยากอบจึงสรุปว่า) ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเห็นว่าไม่ควรก่อความยุ่งยากแก่คนต่างศาสนาที่กลับใจมาหาพระเจ้า
นี่คือพระคัมภีร์สองตอนที่พ่อยกมาเพื่อให้เห็นว่า ธรรมเนียมของชาวยิวตอนนี้สำคัญจริงๆ แต่ “สำคัญสำหรับยิวไม่ใช่คนต่างชาติ” อย่าเอามาปนกัน เพราะการเป็นคริสตชนนั้นไม่ได้เป็นการเข้าเทียมแอกของธรรมเนียมของชาวยิว ไม่ต้องเข้าสุหนัต คือ ไม่ต้องตัดเพียงหนังหุ้มปลายองคชาติอย่างที่ชาวยิวปฏิบัติและถือว่าสำคัญเหลือเกิน...เพราะเป็น “ธรรมเนียม ธรรมเนียม ธรรมเนียม” ขอเน้นสามครั้งเพราะชาวยิวถือว่าสำคัญมากๆๆๆ แต่เปาโล แม้ท่านเป็นยิว แต่ท่านพบธรรเนียมใหม่ในพระคริสตเจ้าจริงๆ ไม่ใช่ธรรมเนียมเดิมที่เรียกว่า “แอกหรือภาระ” และท่านนักบุญเปาโลได้เน้นหนักมากในการสอนของท่าน และถ้าเราอ่านคำสอนของคริสตชนที่มาจากเปาโลแล้ว เราจะพบว่ามีสิ่งใหม่ “ไม่ใช่แอก” แต่เป็น “ความเชื่อ ความรักและความหวังในพระคริสตเยซู” เท่านั้น เปาโลย้ำว่า “เพราะในพระคริสตเยซูนั้น การเข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัตนั้นไม่สำคัญ เรื่องที่สำคัญก็คือมีความเชื่อที่แสดงออกเป็นการกระทำอาศัยความรัก”
พี่น้องที่รักครับ พ่อเชื่อว่า การเป็นคริสตชนนั้น บางทีเราก็มีเรื่องของธรรมเนียมปฏิบัติมากมายในบางเรื่องเช่นกัน และบางทีเราก็เคร่งครัด งัดข้อ และไม่ยอมลดข้อต่อกันเหมือนกัน บางทีธรรมเนีมบางอย่าง “ภายนอก” ก็ก่อให้เกิดความแตกแยกในความคิดและการกระทำเหมือนกัน.... ต้องยกตัวอย่างไหมเอ่ย... เอาสักหน่อย... บางคนคิดว่าเพลงศักดิ์สิทธิ์ต้องภาษาลาตินเท่านั้น...บางคนเคยบอกพ่อด้วยซ้ำว่าต้องลาตินเพราะในสวรรค์ใช้แต่ภาษาลาติน(งงงงงง รู้ได้อย่างไรหนอ) เวลาสวดต้อง “วันทามารีอา...ห้ามวันทามารีย์...” บางทีสวดด้วยกันก็ยังแย่งชิงกันออกเสียงข่มกันอยู่.. การแก้บาปต้องมีแผงกันหรือไม่มีแผงกั้น... ฟังบทอ่านต้องพนมมือหรือนั่งสงบๆ หลายๆแห่งก็ยังไม่ปฏิบัติให้เหมือนกันบางท่านก็เคืองๆโกรธๆ (แม้ในพิธีกรรมแห่งความรัก...ยังเคือง) พอแล้วมันเยอะน่ะครับ แต่ที่พ่อดีใจมากและขอบคุณนักบุญเปาโลสุดชีวิตก็คือเป็นคริสตชนไม่ต้องเข้าสุหนัตนี่แหละครับ
สุดท้ายครับ อะไรคือ “วัฒนธรรมหรือธรรมเนียม” เคร่งครัดที่สุดของเราคริสตชนหนอ... คำตอบครับ... “วัฒนธรรมแห่งความรัก” (Civilization of LOVE) ครับ สิ่งที่ต้องติดกายของเรา ติดชีวิตของเราเหมือนกันเข้าสุหนัต และยิ่งกว่าเข้าสุหนัตคือหายไปไม่ได้เลยคือ “ความรัก” ชีวิตคริสตชนไม่รักไม่ได้... ชัดขึ้น “เกลียดกัน ชังกัน โกรธและไม่ให้อภัยกัน” ไม่ได้นะครับ.... ครับ ขอให้มีวัฒนธรรมแห่งความรักนะครับ....จงเข้าเทียมแอกที่อ่อนนุ่มขอพระเยซูคือความรัก ไม้กางเขนที่เราต้องเข้าแบกด้วยความรักและการให้อภัยกันตลอดไป ขอให้เราทุกคนได้เข้าสุหนัตด้วยการกรีดหนังหนาๆของหัวใจที่ทำให้ใจของเราอาจแข็งกระด้างหรือด้านหนาจนเกินไปออกไปเสียจนใจแข็ง ใจดำ ใจด้านหนาไร้ความรู้สึก ใจร้าย ใจไม้ (หิน) ไส้ระกำ ทั้งนี้เข้าสุหนัตแบบนี้เถอะครับเพื่อว่าหัวใจของเราคริสตชนจะได้รัก รัก และก็รัก และสามารถให้อภัยได้เสมอไป ใจดี ใจงดงาม ใจบริสุทธิ์ ใจเมตตา ใจอ่อนโยน... เพราะนี่คือวัฒนธรรมแห่งความรักของเราคริสตชนนะครับ เอาเป็นว่าเป็นคริสตชนแล้วไม่น่ารัก ไม่รัก ไม่ได้นะครับ... และนี่คือผลของพระจิตเจ้าที่เราจะเห็นได้จากคำสอนของเปาโลในบทอ่านวันพรุ่งนี้ด้วยนะครับ... ขอพระเจ้าอวยพรครับ

กท 5:1-6…………….
1พระคริสตเจ้าทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระแล้ว ฉะนั้น จงยืนหยัดมั่นคง และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย
2จงฟังเถิด ข้าพเจ้า เปาโลขอบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านเข้าสุหนัต พระคริสตเจ้าก็จะไม่มีประโยชน์อะไรกับท่าน 3ข้าพเจ้าขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งกับทุกคนที่เข้าสุหนัตว่า จำเป็นต้องปฏิบัติตามธรรมบัญญัติทุกข้อด้วย 4ท่านที่คิดว่าเป็นผู้ชอบธรรมอาศัยธรรมบัญญัติ ก็แยกตัวออกไปจากพระคริสตเจ้าและขาดจากพระหรรษทาน 5ส่วนเรานั้น พระจิตเจ้าทรงนำเราให้รอคอยความชอบธรรมที่หวังจะได้รับจากความเชื่อ 6เพราะในพระคริสตเยซูนั้น การเข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัตนั้นไม่สำคัญ เรื่องที่สำคัญก็คือมีความเชื่อที่แสดงออกเป็นการกระทำอาศัยความรัก

cr. - คุณพ่อ สมเกียรติ ตรีนิกร

ขอพระ้เจ้าอวยพร ค่ะ :s002:
ตอบกลับโพส