หวัดดีค่ะน้อง mytime
พี่ดีใจที่น้องมาตั้งคำถามนะค๊ะ เพราะการที่น้องนำมาคิดก็แสดงว่าน้องแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าและแม่พระ แม่พระจะนำทางน้องไปหาพระแม่ น้องจึงมานั่งสงสัยว่าพูดแบบไหน ถ้าน้องคิดว่าสิ่งที่น้องทำถูกต้องแล้ว น้องคงไม่มาตั้งกระทู้ถามด้วยความสงสัยแบบนี้นะค๊ะ พี่คิดว่าแม่พระคงเอ็นดูน้องที่น้องอยากทำในสิ่งที่ถูกต้องจริงๆ ทั้งที่น้องคิดว่าตัวเองทำถูกแล้วยังนึกสงสัยอยู่ว่าใช่หรือเปล่า ถูกต้องไหม เพราะน้องอยากทำในสิ่งที่ถูกต้องจริงๆ งั้นพี่ขออนุญาติแนะนำน้องนะค๊ะ แม่ของเราเป็นคนใจสุภาพ นอบน้อม ถ่อมตน และพระเยซูก็ถูกใจในกุศลนี้ คำพูดแม่พระก็เป็นคำพูดที่สุภาพ อ่อนหวาน แม้แม่พระจะเตือนเราเมื่อเราทำผิด ก็เตือนด้วยความรักและเป็นห่วง จากที่แม่พระพูดเมื่อประจักษ์ในที่ต่างๆ คำพูดเต็มไปด้วยความรัก อยากให้เราเข้าใจแม่พระ และให้รู้เสมอว่าแม่พระเป็นห่วงเรา รักเรา ซึ่งน่าจะเป็นหนทางในการพูดที่ถูกต้องที่เราจะทำตามอย่าง รักแม่ ก็เดินตามแม่นะค๊ะ ขอพระเจ้าอวยพรนะค๊ะ
พูดแบบไหน ? ? ? ? ถึงไม่บาป
ขึ้นกับเจตนาครับ ถ้าเจตนาพูดไปเพราะความโกรธแค้นอยากให้อีกฝ่ายเจ็บใจอันนี้ก็เป็นบาปครับ ถึงแม้อีกฝ่่ายจะเริ่มก่อนก็ตาม
การตำหนิที่เป็นการติเพื่อก่อไม่เป็นบาปครับ แต่ต้องระวังว่าเป็นการตำหนิที่เป็นการเตือนให้อีกฝ่ายรู้ตัวจริงๆ
การตำหนิผู้อื่นในเรื่องที่เราใช้มโนธรรมตัดสินแล้วว่าควรพูดเป็นการติเพื่อก่อเป็นสิ่งควรทำครับถ้าทำได้ แม้ว่าจะเป็นการพูดที่อาจจะไม่เข้าหูคนฟังเลยก็ตาม
พระเยซูเจ้าเองก็ทรงตำหนิพวกฟาริสีที่มีพฤติกรรมหน้าไหว้หลังหลอกอยู่หลายครั้ง และเคยตำหนิอัครสาวกบางคนอย่างรุนแรงด้วยเหมือนกันนะครับ
พระเยซูเจ้าทรงขับไล่กลุ่มคนที่เข้ามาทำหากินกันหน้าพระวิหารอย่างน่าเกลียดด้วยการว่ากล่าวอย่างแรงและทรงใช้เชือกไล่ตีคนเหล่านั้นมาแล้ว แสดงให้เราเห็นว่าการตำหนิในสิ่งที่ไม่ถูกต้องโดยไม่ใช้อคติหรือความอาฆาตแค้นเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ครับ
อย่างไรก็ตามการเลือกใช้คำพูดที่เหมาะสมก็อาจจะเป็นเรื่องยากในหลายๆสถานการณ์ซึ่งเราอาจจะต้องขอพระจิตเจ้าประทานความสว่างให้กับเราด้วยครับ
การตำหนิที่เป็นการติเพื่อก่อไม่เป็นบาปครับ แต่ต้องระวังว่าเป็นการตำหนิที่เป็นการเตือนให้อีกฝ่ายรู้ตัวจริงๆ
การตำหนิผู้อื่นในเรื่องที่เราใช้มโนธรรมตัดสินแล้วว่าควรพูดเป็นการติเพื่อก่อเป็นสิ่งควรทำครับถ้าทำได้ แม้ว่าจะเป็นการพูดที่อาจจะไม่เข้าหูคนฟังเลยก็ตาม
พระเยซูเจ้าเองก็ทรงตำหนิพวกฟาริสีที่มีพฤติกรรมหน้าไหว้หลังหลอกอยู่หลายครั้ง และเคยตำหนิอัครสาวกบางคนอย่างรุนแรงด้วยเหมือนกันนะครับ
พระเยซูเจ้าทรงขับไล่กลุ่มคนที่เข้ามาทำหากินกันหน้าพระวิหารอย่างน่าเกลียดด้วยการว่ากล่าวอย่างแรงและทรงใช้เชือกไล่ตีคนเหล่านั้นมาแล้ว แสดงให้เราเห็นว่าการตำหนิในสิ่งที่ไม่ถูกต้องโดยไม่ใช้อคติหรือความอาฆาตแค้นเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ครับ
อย่างไรก็ตามการเลือกใช้คำพูดที่เหมาะสมก็อาจจะเป็นเรื่องยากในหลายๆสถานการณ์ซึ่งเราอาจจะต้องขอพระจิตเจ้าประทานความสว่างให้กับเราด้วยครับ
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ดับเบิลยู แบร์รี มิลเลอร์ เขียนในหนังสือ “สุนัขจิ้งจอกตัวเล็กที่ทำลายสวนองุ่น” ตอนออกค้นหาจิ้งจอกสีเทา เขาเห็นว่า การใช้คำพูดหรือการไม่พูดของเราเป็นสีเทาและสีเทาในชีวิตมักจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง “ ...คำดูหมิ่น คำสาปแช่ง คำที่ไร้เมตตา คำวิพากวิจารณ์ คำเหล่านี้จะเปรียบเสมือนรอยเปื้อนสกปรกที่ติดอยู่บนกำแพงที่ สวยงามในชีวิตของเรา” เมื่อคริสตชนควบคุมลิ้นไม่ได้คำพูดเป็นสีเทา เท่ากับเขาได้ทำลายพยานชีวิต ...
นักปราชญ์กล่าวว่า การที่เราจะพูดเรื่องคนอื่นต้องตรวจสอบ สามประการคือ (๑) เป็นความจริงไหม (๒) มีความเมตตาไหม และ (๓ )เป็นสิ่งจำเป็นไหม
หนทางเดียวในการกำจัดสีเทาหรือความบาปจากการใช้ลิ้นคือ การยอมจำนนถวายชีวิตให้พระเยซูคริสต์เจ้าครอบครอง จิตวิญญาณเราเป็นเช่นไร คำพูดที่เปล่งออกมาก็เป็นเช่นนั้น พระคริสต์เท่านั้นทรงสามรถเปลี่ยนแปลงชีวิตภายในของเราได้
“ลิ้นที่สุภาพเป็นต้นไม้แห่งชีวิต แต่ลิ้นตลบตะแลงทำน้ำใจให้แตกสลาย” (สภษ.๑๕.๔)
“ถ้อยคำแช่มชื่นเหมือนรวงผึ้ง เป็นความหวานแก่วิญญาณจิต และเป็นอนามัยแก่ร่างกาย” ( สภษ.๑๖.๒๔ )
นักปราชญ์กล่าวว่า การที่เราจะพูดเรื่องคนอื่นต้องตรวจสอบ สามประการคือ (๑) เป็นความจริงไหม (๒) มีความเมตตาไหม และ (๓ )เป็นสิ่งจำเป็นไหม
หนทางเดียวในการกำจัดสีเทาหรือความบาปจากการใช้ลิ้นคือ การยอมจำนนถวายชีวิตให้พระเยซูคริสต์เจ้าครอบครอง จิตวิญญาณเราเป็นเช่นไร คำพูดที่เปล่งออกมาก็เป็นเช่นนั้น พระคริสต์เท่านั้นทรงสามรถเปลี่ยนแปลงชีวิตภายในของเราได้
“ลิ้นที่สุภาพเป็นต้นไม้แห่งชีวิต แต่ลิ้นตลบตะแลงทำน้ำใจให้แตกสลาย” (สภษ.๑๕.๔)
“ถ้อยคำแช่มชื่นเหมือนรวงผึ้ง เป็นความหวานแก่วิญญาณจิต และเป็นอนามัยแก่ร่างกาย” ( สภษ.๑๖.๒๔ )