อยากช่วยตอบให้นะครับ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
ศาสนาพุทธเกิดก่อนคริสต์ พระผู้ไถ่มาทีหลังความเชื่อแบบการพึ่งพาตนเองของพุทธ แต่ความจริงศาสนาพุทธมีพระเจ้านะครับ ผมเคยอ่านหนังสือของท่านพุทธทาส เรื่องศาสนเปรียบเทียบ คริสต์พุทธ ท่านบอกว่า อย่าโง่ไปบอกใครว่าพุทธไม่มีพระเจ้า พุทธก้อมีพระเจ้า แต่เป็นธรรมธาติ คือธรรมะขั้นสูงสุด แต่จะเป็นบุคคลเหมือนในคริสตมั้ย ทางพุทธไม่สนใจ สนใจแต่เรื่องธรรมะเท่านั้น
ทีนี้ ผมเชื่อว่าคนพุทธเวลาเค้าตาย พระเป็นเจ้าทรงให้เสียงเรียกในใจเค้ามาตลอดชีวิตทุกคนครับ มันคือมโนธรรม เสียงในใจ พระเป็นเจ้าทรงให้เสียงนี้พอกับทุกคนที่อยากจะมารู้จักพระองค์ ผมเชื่อว่าถ้าเค้าค้นหาพระองค์จริงๆ เค้าไม่ได้เป็นของโลก ต้องแยกกันนะครับ คนดีของโลกนี้ กับคนของพระเป็นเจ้า คนดีของโลกนี้อาจมีหน้าที่การงานที่ดี แต่เล่นการพนัน เพราะคิดว่า เราเต็มใจที่จะได้และเสีย และเป็นเงินที่หามาได้โดยความเต็มใจและสุจริต ไม่นอบน้อมต่อคำสอนของพระเจ้า ใช้ตัวเองเป็นที่ตั้ง เค้าคนนั้นจงไม่มีความสัมพันธ์กับพระเป็นเจ้าครับ ไม่คิดว่าถ้าเค้าได้คนอื่นก้อเสีย เหมือนกับ พวกฟารีสี ที่ถือปฎิบัติทุกข้อ บริจาคเงินตามรายได้ แต่ไม่นอบน้อมต่อพระเป็นเจ้า แต่กับคนเก็บภาษีคนบาปที่มีใจนอบน้อม สำนึกว่าตนเป็นคนบาป ความสัมพันธ์กับพระเจ้ามันต่างกันและเป็นสิ่งสำคัญ
ผมเชื่อว่าเวลาเค้าตาย เค้าจะเห็นตามความเป็นจริงครับ เค้าจะต้องเลือกระหว่างพระเป็นเจ้า กับตัวเขาครับ ไม่มีโลกให้เลือกอีกแล้วครับ แต่พระเป็นเจ้าเป็นความดีงาม คนที่จะไปอยู่กับพระองค์ได้ต้องใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมสุภาพ ไม่ใช่ขาดรุ่งริ่ง ผมเชื่อว่าถ้าเป็นคนพุทธที่กระหายความจริง เค้าจะมีเวลาได้เรียนรู้พระเป็นเจ้าตอนเค้าตาย ให้พอที่จะเลือกหรือไม่เลือกพระองค์ครับ
มันเหมือนกับในพระคัมภีร์ครับ " เมื่อเราหิวท่านก้อให้อาหาร เมื่อเราเจ็บป่วยท่านได้ดูแล เมื่อเราถูกจำคุกท่านได้มาเยี่ยม" พวกเราได้ไปทำให้ท่านตั้งแต่ตอนไหน ? ความจริงแล้ว "สิ่งที่ท่านได้ทำให้กับผู้อื่นแม้กับผู้ที่ต่ำต้อยที่สุด สิ่งนั้นท่านได้ทำกับเรา"
แต่การประกาศพระวาจา ผมว่าต้องทำครับ คำของพระเจ้าเป็นคำที่เข้าใจยากอยู่นะครับ เพราะมันต้องการความนอบน้อมด้วย เหมือนกับพระเยซู พระองค์ก้อถูกต่อต้านครับ คือถ้าจำเป็นต้องพูดก้อต้องพูดครับ ให้พระจิตเจ้าดลใจและพูด ทำ ในสิ่งที่ควรทำครับ ไม่ต้องอธิบายมากครับ และภาวนาให้เขาด้วยครับ
เรื่องเครียดๆ
คนไม่รู้จักพระเจ้า เลวมาตลอด มากลับใจช่วงหลัง จะได้ขึ้นสวรรค์หรือ
ลองคิดถึงเรื่องของคนงานกับนายจ้างครับ นายจ้างสัญญาว่าให้เงินลูกจ้าง 1 เดนาริอัน แล้วเค้าก้ออกไปทำงาน ต่อมาตอนเที่ยงๆ นายจ้างเห็นคนว่างๆ เลยชวนเค้าไปทำงาน เค้าก้อไป ใกล้บ่ายๆ เย็นๆ เจอคนว่างอีก ก้อชวนเค้าไปทำงาน เค้าก้อไป
สุดท้ายนายจ้างจ่ายเงินเท่ากันครับ คนที่ทำงานแต่เช้าก้อคิดว่า ทำไมตนถึงได้เท่าคนอื่น ตนควรได้มากกว่า แต่นายจ้างตอบว่า " เราได้ตกลงเรื่องค่าจ้างกับท่านไว้ เราจะใช้เงินของเราตามความพอใจไม่ได้หรือ"
หรือจะเป็นโจรเบื้องซ้ายที่กลับใจครับ
ผมว่ามันขึ้นอยู่กับพื้นฐานชีวิตครับ โจรคนนั้นอาจไม่เคยรู้จักพระองค์มาทั้งชีวิต ครับ และด้วยโอกาสสุดท้ายในชีวิตที่เขาได้รู้จักพระองค์ เขาก้อร้องขอครับ พระองค์ก้อเมตตาครับ
เพราะฉะนั้นเราจงพยายามมีความเมตตาเหมือนพระองค์ครับ ผมรู้ว่ามันยากนะครับ ถ้าคิดว่าเขาได้ทำอะไรมาทั้งชีวิต ลองคิดกลับกันเราเป็นพระองค์ครับ เราจะให้อภับเขาและเมตตาต่อเขาได้เหมือนพระองค์มั้ยครับ อันนี้ผมว่าเราต้องใช้ความรักและพลังอย่างใหญ่หลวงจากเบื้องบนครับ มันทำให้เราต่างจากคนที่พึ่งพาตนเองไปสวรรค์ด้วยตนเอง
ลองไปพูดเรื่องการอภัยบาปให้พุทธเค้าฟังซิครับ เค้าจะไม่เชื่อหรอกครับว่ามีคนที่ให้อภัยบาปให้อีกคนหนึ่งได้ นั่นคือพระคริสต์ ใครทำกรรมอะไรไว้คนนั้นก้อรับไปครับ
ลองคิดถึงเรื่องของคนงานกับนายจ้างครับ นายจ้างสัญญาว่าให้เงินลูกจ้าง 1 เดนาริอัน แล้วเค้าก้ออกไปทำงาน ต่อมาตอนเที่ยงๆ นายจ้างเห็นคนว่างๆ เลยชวนเค้าไปทำงาน เค้าก้อไป ใกล้บ่ายๆ เย็นๆ เจอคนว่างอีก ก้อชวนเค้าไปทำงาน เค้าก้อไป
สุดท้ายนายจ้างจ่ายเงินเท่ากันครับ คนที่ทำงานแต่เช้าก้อคิดว่า ทำไมตนถึงได้เท่าคนอื่น ตนควรได้มากกว่า แต่นายจ้างตอบว่า " เราได้ตกลงเรื่องค่าจ้างกับท่านไว้ เราจะใช้เงินของเราตามความพอใจไม่ได้หรือ"
หรือจะเป็นโจรเบื้องซ้ายที่กลับใจครับ
ผมว่ามันขึ้นอยู่กับพื้นฐานชีวิตครับ โจรคนนั้นอาจไม่เคยรู้จักพระองค์มาทั้งชีวิต ครับ และด้วยโอกาสสุดท้ายในชีวิตที่เขาได้รู้จักพระองค์ เขาก้อร้องขอครับ พระองค์ก้อเมตตาครับ
เพราะฉะนั้นเราจงพยายามมีความเมตตาเหมือนพระองค์ครับ ผมรู้ว่ามันยากนะครับ ถ้าคิดว่าเขาได้ทำอะไรมาทั้งชีวิต ลองคิดกลับกันเราเป็นพระองค์ครับ เราจะให้อภับเขาและเมตตาต่อเขาได้เหมือนพระองค์มั้ยครับ อันนี้ผมว่าเราต้องใช้ความรักและพลังอย่างใหญ่หลวงจากเบื้องบนครับ มันทำให้เราต่างจากคนที่พึ่งพาตนเองไปสวรรค์ด้วยตนเอง
ลองไปพูดเรื่องการอภัยบาปให้พุทธเค้าฟังซิครับ เค้าจะไม่เชื่อหรอกครับว่ามีคนที่ให้อภัยบาปให้อีกคนหนึ่งได้ นั่นคือพระคริสต์ ใครทำกรรมอะไรไว้คนนั้นก้อรับไปครับ
1) ถ้าคนที่ไม่รู้เรื่องพระเจ้าเลย แต่เค้าเป็นคนดีตลอด เค้าจะได้ขึ้นสวรรค์มั๊ย ?
ได้ค่ะถ้าเขาประพฤติตามเสียงมโนธรรมอย่างดี
2)ถ้าคนรู้เรื่องพระเจ้า แต่ถ้าเค้าเป็นคนดีแต่ปฎิเสธ เค้าจะตกนรกทันทีหรือ ?
ในวาระสุดท้ายของชีวิต พระเจ้าจะเสด็จมาพร้อมแสงสว่างนำทางเขา แล้วเวลานั้นที่เขาจะเลือกแสงสว่างหรือจะปฏิเสธพระองค์ ซึ่งเป็นทางเลือกของเขาเพราะเวลานั้นเขาจะได้รู้ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้แล้ว
3) แล้วถ้าคนไม่รู้พระเจ้า แต่เลวมากมาตลอด แล้วมากลับใจทีหลัง เค้าจะได้ขึ้นสวรรค์หรือ ?
ได้ค่ะ เพราะพระเจ้ารอคอยเราเสมอ พระองค์จะทรงยินดีมากเลยเมื่อพระองค์ได้พบลูกแกะที่หายไป
4) แล้วถ้าคนเป็นคาทอลิกดีมาตลอด ทำดีมาตลอด อดกลั้นกิเลสทุกอย่างมาตลอด เค้าคนนั้นคงได้อยู่กับพระเจ้าแน่นอน แต่ถ้าคนที่นับถือศาสนาอื่น เลวมาตลอด มากลับใจ เค้าคนนั้นก็ได้อยู่กับพระเจ้าเลยหรือ ?
คำตอบเดียวกับข้อสามนะค๊ะ น้อง mytime ค๊ะ พระเยซูเจ้าเป็นองค์ความรักน๊ะค๊ะ พระองค์ใจกว้างและเมตตามาก
พระองค์บอกว่าพระองค์เป็นพ่อ และพี่ชายของเรา แล้วถ้าลูกผู้หลงทางกลับมาพระองค์ย่อมทรงยินดีมาก พระองค์เคยบอกกับวาสสุลา ไรเด็น ว่าพระองค์เปี่ยมด้วยความเมตตา ลงโทษเราอย่างขอไปที พระองค์ไม่ชอบลงโทษหรอกค่ะ เพียงแต่จะสอนหรือตักเตือนเราเท่านั้น
ปัญหาคาใจอื่นๆ
เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อสาร์นจากพระบิดา ซึ่งเป็นพระบิดามาคุยกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เขียนไว้ว่า พระเจ้าให้มนุษย์มีส่วนร่วมในการสร้างมนุษย์กับพระองค์ เพราะฉะนั้นการ makelove จึงมีความสุขเพราะเป็นพระพรของพระเพื่อสร้างมนุษย์ ไม่เหมือนกับ sex ซึ่งเป็นการที่มนุษย์ทำเพื่อตัวเอง เอาพระพรของพระมาตอบสนองตันหาของตัวเอง อันนี้จึงเป็นบาป
การที่ผู้หญิงเจ็บท้องคลอดบุตร เพราะเอวาไม่เชื่อฟังพระเจ้ากินผลไม้ต้องห้ามและนำไปให้อาดัมกินด้วย
ส่วนการคุมกำเนิด พระศาสนจักรประกาศแล้วว่าไม่อนุญาติให้คุมกำเนิด พระศาสนจักรคาทอลิกมีข้อกำหนดชัดเจนว่า ห้ามกระทำการคุมกำเนิดโดยวิธีการต่างๆ ที่อาศัยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ทุกชนิด รวมทั้งการทำหมันด้วย อนุญาตให้คุมกำเนิดได้วิธีเดียว คือ “การคุมกำเนิดโดยวิธีทางธรรมชาติ” เนื่องจากการประทานบุตรเป็นน้ำพระทัยของพระที่สร้างมนุษย์ร่วมกับเรา
ได้ค่ะถ้าเขาประพฤติตามเสียงมโนธรรมอย่างดี
2)ถ้าคนรู้เรื่องพระเจ้า แต่ถ้าเค้าเป็นคนดีแต่ปฎิเสธ เค้าจะตกนรกทันทีหรือ ?
ในวาระสุดท้ายของชีวิต พระเจ้าจะเสด็จมาพร้อมแสงสว่างนำทางเขา แล้วเวลานั้นที่เขาจะเลือกแสงสว่างหรือจะปฏิเสธพระองค์ ซึ่งเป็นทางเลือกของเขาเพราะเวลานั้นเขาจะได้รู้ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้แล้ว
3) แล้วถ้าคนไม่รู้พระเจ้า แต่เลวมากมาตลอด แล้วมากลับใจทีหลัง เค้าจะได้ขึ้นสวรรค์หรือ ?
ได้ค่ะ เพราะพระเจ้ารอคอยเราเสมอ พระองค์จะทรงยินดีมากเลยเมื่อพระองค์ได้พบลูกแกะที่หายไป
4) แล้วถ้าคนเป็นคาทอลิกดีมาตลอด ทำดีมาตลอด อดกลั้นกิเลสทุกอย่างมาตลอด เค้าคนนั้นคงได้อยู่กับพระเจ้าแน่นอน แต่ถ้าคนที่นับถือศาสนาอื่น เลวมาตลอด มากลับใจ เค้าคนนั้นก็ได้อยู่กับพระเจ้าเลยหรือ ?
คำตอบเดียวกับข้อสามนะค๊ะ น้อง mytime ค๊ะ พระเยซูเจ้าเป็นองค์ความรักน๊ะค๊ะ พระองค์ใจกว้างและเมตตามาก
พระองค์บอกว่าพระองค์เป็นพ่อ และพี่ชายของเรา แล้วถ้าลูกผู้หลงทางกลับมาพระองค์ย่อมทรงยินดีมาก พระองค์เคยบอกกับวาสสุลา ไรเด็น ว่าพระองค์เปี่ยมด้วยความเมตตา ลงโทษเราอย่างขอไปที พระองค์ไม่ชอบลงโทษหรอกค่ะ เพียงแต่จะสอนหรือตักเตือนเราเท่านั้น
ปัญหาคาใจอื่นๆ
เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อสาร์นจากพระบิดา ซึ่งเป็นพระบิดามาคุยกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เขียนไว้ว่า พระเจ้าให้มนุษย์มีส่วนร่วมในการสร้างมนุษย์กับพระองค์ เพราะฉะนั้นการ makelove จึงมีความสุขเพราะเป็นพระพรของพระเพื่อสร้างมนุษย์ ไม่เหมือนกับ sex ซึ่งเป็นการที่มนุษย์ทำเพื่อตัวเอง เอาพระพรของพระมาตอบสนองตันหาของตัวเอง อันนี้จึงเป็นบาป
การที่ผู้หญิงเจ็บท้องคลอดบุตร เพราะเอวาไม่เชื่อฟังพระเจ้ากินผลไม้ต้องห้ามและนำไปให้อาดัมกินด้วย
ส่วนการคุมกำเนิด พระศาสนจักรประกาศแล้วว่าไม่อนุญาติให้คุมกำเนิด พระศาสนจักรคาทอลิกมีข้อกำหนดชัดเจนว่า ห้ามกระทำการคุมกำเนิดโดยวิธีการต่างๆ ที่อาศัยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ทุกชนิด รวมทั้งการทำหมันด้วย อนุญาตให้คุมกำเนิดได้วิธีเดียว คือ “การคุมกำเนิดโดยวิธีทางธรรมชาติ” เนื่องจากการประทานบุตรเป็นน้ำพระทัยของพระที่สร้างมนุษย์ร่วมกับเรา