พอจะนับถือพระแม่อย่างมั่นคง แต่คริสเตียนก็ทำให้เราบั่นทอนอีก

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ตอบกลับโพส
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

อังคาร ม.ค. 08, 2013 1:20 pm

คำถามคุณเยอะมาก น่าจะใส่เป็นข้อๆนะครับ จะทยอยตอบให้ก็แล้วกันครับ

1. เรื่องการให้อภัยบาปของพระ เราต้องเข้าใจว่าในทรรศนะของคาทอลิก บาปมีทั้งตัวบาปคือความผิดต่อความรัก และโทษของมัน การที่คนเรากลับใจไปสารภาพบาปแล้วบาปจะหลุดหมดหรือไม่ จะได้รับการละเว้นโทษของบาปหรือไม่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า พระสงฆ์เป็นสื่อกลางที่ทำหน้าที่แทนพระ การสารภาพบาปอย่างจริงใจมีความทุกข์ที่สมบูรณ์เท่านั้นที่จะได้รับการอภัยและยกโทษของบาปทั้งหมด และมนุษย์ผู้สารภาพบาปยังต้องปฏิบัติกิจชดเชยความเสียหายที่ตนก่อขึ้นเท่าที่จะทำได้ด้วย (คือบางอย่างสุดวิสัย เช่นไปฆ่าคนตาย เราทำให้เค้าฟื้นขึ้นมาไม่ได้) ทั้งหมดนี้อยู่ที่มโนธรรมสำนึกของคนๆนั้น ฉะนั้นเราไม่ใช่พระ เราไปตัดสินใครไม่ได้ว่าเค้าทำชั่วขนาดนี้เค้าต้องรับโทษ รับกรรมมากแค่ไหน เราไม่มีทางรู้ว่าเค้าสำนึกจริงไม่จริง มีนักบุญบางองค์ที่พระเจ้าประทานญาณพิเศษให้สามารถล่วงรู้บาปและการสำนึกในใจของเค้าได้ เช่นนักบุญยอห์น มารีย์ เวียนเนย์ และนักบุญ คพ.ปีโอ เป็นต้น

2. การพูดจาให้สุภาพ ไม่ได้หมายความว่า ให้นิ่งเฉยดูดายกับสิ่งไม่ดี การตำหนิติเตียนในเรื่องที่ไม่ถูกต้องเป็นหน้าที่ๆพึงกระทำอยู่แล้ว แต่ตำหนิแล้วคนเค้าจะฟังเราหรือไม่ ไม่ใช่อำนาจของเราจะไปบังคับเค้าได้

3. เรื่องการคุมกำเนิด หลักๆคือให้ใช้มโนธรรมสำนึกของเราทำในสิ่งที่ไม่เป็นการเห็นแก่ตัว การจะใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบไหน ขึ้นกับความสะดวกด้วย แต่ไม่ใช่ว่าอะไรๆก็ไม่สะดวก ถ้าเป็นไปได้ให้ใช้วิธีที่ธรรมชาติที่สุดไว้ก่อน

4. พระเจ้าทรงมีฤทธานุภาพไม่จำกัด จะทรงทราบทุกเรื่องพร้อมๆกันได้ไม่แปลก โลกของเราก็มีมนุษย์ 7,000 ล้านเข้าไปแล้ว ยังอาจจะมีมนุษย์ที่อื่นๆอีกเหลือคณานับในจักรวาลที่อยู่ในการดูแลของพระองค์ ไม่ต้องไปปวดหัวแทนพระองค์หรอกครับ

5. พระเจ้าไม่ได้สร้างธรรมชาติการมีเพศสัมพันธ์ให้เป็นบาปมาแต่แรก และไม่ได้ให้การมีเพศสัมพันธ์เป็นไปเพื่อมีบุตรแต่เพียงอย่างเดียว แต่เพศสัมพันธ์ที่ไม่อยู่ในกรอบศีลธรรมหรือเป็นไปด้วยความเห็นแก่ตัวจึงเป็นบาป ธรรมชาติที่มนุษย์จะต้องกิน ขับถ่าย อาบน้ำ และมีเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้างมา ไม่ต้องไปคิดว่ามันน่าเกลียดในสายพระเนตรของพระองค์ เพียงแต่อย่าไปทำในสิ่งที่ผิดเท่านั้นครับ

6. แม่พระถือว่าเป็นสิ่งสร้างพิเศษที่สุดยอดกว่าบรรดานักบุญองค์อื่นๆ และท่านไม่มีแม้แต่บาปกำเนิดคือความโน้มเอียงที่จะทำชั่ว ดังนั้นคุณอาจจะทำไม่ได้เหมือนท่าน แต่ขอให้พยายามเลียนแบบท่านเท่าที่คุณจะทำได้ และใช้ความพยายามทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆพระเจ้าก็ทรงพอพระทัยแล้วครับ
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

อังคาร ม.ค. 08, 2013 5:05 pm

1. เรื่องรูปเคารพ โดยหลักการแล้วเมื่อเรามีความเชื่อว่ามีพระเจ้าสูงสุดที่เรานับถือเพียงองค์เดียว การนับถือ กราบไหว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นใดในฐานะพระเจ้าถือเป็นสิ่งผิดต่อพระองค์ จริงๆแล้วจะผิดหรือไม่ต้องดูที่เจตนาและความเหมาะสมด้วย คาทอลิกเรามีค่านิยมประเพณีในการทูลขอพระเจ้าผ่านทางการเสนอวิงวอน ของแม่พระ นักบุญทั้งหลาย นอกเหนือไปจากการสวดภาวนาตั้งจิตอธิษฐานกับพระเจ้าโดยตรง จริงๆแล้วจะขอแบบไหนพระเจ้าทรงทราบอยู่แล้ว แต่หากมีผู้ศักดิสิทธิ์ช่วยทูลขออีกแรงก็นับเป็นเรื่องดี

พระบัญญัติของพระเจ้าที่ทรงประทานให้ชาวยิวมีเรื่องของการนับถือบิดามารดา การเคารพรูปของบิดามารดาจึงไม่ใช่สิ่งผิดครับ

ส่วนนักบวชในศาสนาอื่นๆเช่นพระภิกษุเราสามารถทำความเคารพได้เพราะถือเป็นการไหว้ผู้ใหญ่ แต่ระเบียบของพระศาสนจักรคาทอลิกไทยไม่อนุญาตให้กราบพระพุทธรูป เพราะคนไทยกราบพระพุทธเจ้าแล้วดูเสมือนกับยกท่านเป็นพระเจ้า ดังนั้นการกราบพระพุทธรูปจึงเป็นที่สะดุด

จะว่าตามจริงแล้วพระพุทธเจ้าก็เป็นอาจารย์ผู้สอนสิ่งดีๆให้กับชาวโลกมากมายควรแก่การเคารพ แต่การกราบพระพุทธรูปทำให้ดูเป็นที่สะดุดดังนั้นจึงต้องห้ามไว้ครับ

โปรเตสแตนท์เขาอาจจะตีความตามตัวอักษรแต่ไม่ใช่ตามเจตนารมณ์ของคำสอนครับ แต่เถึยงกันไปก็ไม่รู้จบครับ

พระเยซูเจ้าทรงสอนว่าการทำตัวเป็นตย.ที่ไม่ดีส่งผลร้ายแรงมาก เหตุผลสำคัญส่วนหนึ่งที่มีการแยกนิกายออกไปเป็นโปรเตสแตนท์ก็เพราะผู้มีอำนาจในพระศาสนจักรยุคนั้นบางส่วนมีความไม่โปร่งใสครับ ซึ่งเราควรเข้าใจว่าทุกองค์กรมีคนไม่ดีปะปนในคนดี และคนดีเองก็อาจจะถูกประจณล่อลวงให้ทำบาปได้เสมอนะครับ

2. การลงโทษนั้นมีอยู่ผู้ที่กระทำบาป แต่พระเจ้าทรงเป็นองค์ความรัก ความรักหรือพระเมตตาของพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่กว่าบาปของเรา ยิ่งใหญ่กว่าพระยุติธรรมของพระองค์เองอีกด้วยนะครับ การลงโทษตามกฎแห่งกรรมนั้นมีจริงสำหรับผู้ที่ไม่ยอมกลับใจครับ แต่หากกลับใจแบบความทุกข์ไม่สมบูรณ์ หรือว่าใช้โทษของบาปไม่หมด ก็จะต้องไปใช้ต่อในแดนชำระ ว่าตามคำสอนแล้วการตกนรกนิรันดรของศาสนาคริสต์แม้จะน่ากลัวแต่ใช่ว่าจะตกนรกได้ง่ายๆเพราะต้องทำผิดบาปในข้อหนักจริงๆด้วยความเต็มใจและมีสติรู้ตัวทุกประการ และที่สำคัญคือปฏิเสธที่จะสำนึกผิดกลับใจก่อนตาย ในความเชื่อของเรานั้นพระเจ้าจะประทานโอกาสให้เรากลับใจก่อนตายเสมอถ้าเรามีความเชื่อและรักพระองค์เป็นพื้นฐาน ถึงเราจะเกิดพลาดไปทำบาปหนักเข้าก็จะมีโอกาสกลับใจแต่เราจะรับมันหรือไม่เท่านั้น
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

อังคาร ม.ค. 08, 2013 5:32 pm

3. พระเจ้าทรงรู้ความปรารถนาของเราก่อนที่เราทูลขอเสียอีกนั่นก็จริงอยู่ เราคุยกับพระได้หลายวิธีตั้งแต่การสวดภาวนาในบทภาวนามาตรฐาน สวดสายประคำ สวดพระเมตตา การรำพึงส่วนตัว การทำสมาธิแบบคริสต์หรือจิตภาวนาแบบคริสต์ก็เป็นการสื่อสารถึงพระเป็นเจ้าเช่นกันครับ ฉะนั้นวิธีการมันมีหลากหลายซึ่งล้วนมีประโยชน์ควรทำทั้งนั้น เราทำสมาธิภาวนาได้ แล้วทำไมจะต้องละเลยการสวดภาวนาแบบมาตรฐานด้วยหละครับ

การภาวนาด้วยจิตระดับสูงของคาทอลิกคือการพยายามยกจิตใจให้เข้าเป็นหนึ่งเดียวกับองค์พระเจ้า

การทูลขอพระเจ้านั้นถ้าเรามีความเชื่อเราก็ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยไว้ใจว่าพระองค์จะประทานสิ่งที่เหมาะสมที่สุดให้กับเรา

4. ไม้กางเขนเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ แต่อีกนัยหนึ่งการตรึงกางเขนเป็นการลงโทษอันทารุณโหดร้าย แสดงให้เห็นว่าแม้การถูกกระทำอย่างโหดร้ายพระเจ้าซึ่งไม่มีความผิดก็ทรงยอมรับได้เพื่อใช้สิ่งนี้ชดเชยบาปกรรมให้กับมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งสร้างที่พระองค์ทรงรัก ใครจะมองว่าเป็นการสาปแช่งอะไรก็ช่างเค้าเถอะครับ

5. พิธีบูชาขอบพระคุณได้พัฒนามาจากธรรมเนียมการแบ่งขนมปังของคริสตชนรุ่นแรก และเป็นการรื้อฟื้นการไถ่บาปของพระเยซูเจ้า คริสตชนต่างนิกายถ้าเค้าไม่พยายามเข้าใจหรือยอมรับตรงนี้ก็คงต้องปล่อยเค้าไปครับ

6. บทภาวนามีหลากหลาย จริงๆไม่จำเป็นต้องสวดแต่บทภาวนามาตรฐาน แต่บทมาตรฐานนั้นก็มีไว้ให้เราภาวนาร่วมกันกับคนอื่น และบทภาวนามาตรฐานก็ล้วนมีความหมายที่ดีทั้งสิ้น การสวดสายประคำแม่พระเป็นคนสอนให้เราสวดเองตั้งแต่ 800 ปีที่แล้ว การสวดขอพระเมตตาก็เป็นองค์พระเยซูเจ้าที่เผยแสดง แล้วจะบอกว่าเป็นการพูดซ้ำๆแบบคนนอกรีตได้อย่างไรครับ ที่ว่าพูดซ้ำแบบคนนอกรีตผมเข้าใจว่าหมายถึงสวดไปเรื่อยๆแต่ไม่ตั้งใจสวด ไม่มีสมาธิ สวดเพราะคิดว่าเป็นหน้าที่ ทำให้มันจบๆไปมากกว่าครับ

จะขึ้นสวรรค์ได้คือเราต้องเป็นคนดีรักพระ รักเพื่อนมนุษย์ ให้อภัยแบบไม่มีที่สิ้นสุดแบบที่พระเยซูทรงสอน และสำนึกผิดในบาปของเราอย่างจริงใจครับ เรื่องพิธีกรรมควรทำให้ถูกต้อง แต่สุดท้ายแล้วพระเจ้าทรงตัดสินเราที่เจตนาของเราเอง จากมโนธรรมสำนึกของเราเองครับ ซึ่งตรงนี้สำคัญกว่าพิธีกรรมหรือว่าบทสวด แต่พิธีกรรมหรือบทสวดก็เป็นสิ่งที่พระเจ้าและพระศาสนจักรสอนเราด้วยเจตนาดี ให้ใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการเข้าถึงพระ แล้วทำไมเราต้องไปปรามาสด้วยหละครับ
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

อังคาร ม.ค. 08, 2013 5:40 pm

มาตบมือให้ค่ะพี่s :s022: : xemo017 : : emo045 : เยอะมาก :s013:
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

อังคาร ม.ค. 08, 2013 5:43 pm

จะนับถือนิกายไหนคุณควรจะเลือกตามมโนธรรมในใจของคุณเองครับ

สำหรับนิกายคาทอลิกเป็นนิกายที่มีระบบบการปกครองทางศาสนาโดยนักบวชซึ่งสืบตำแหน่งมาตั้งแต่อัครสาวกของพระเยซูเจ้า โดยนักบุญเปโตรเป็นพระสันตปาปาองค์แรก ดังนั้นพระศาสนจักรวาติกันจึงถือได้ว่าเป็นองค์กรที่ตั้งโดยพระเจ้า คือองค์พระเยซูเจ้าเอง ไม่ใช่สถาปนาขึ้นโดยมนุษย์ธรรมดา

สวดภาวนาให้มากๆครับ แล้วคุณจะพบคำตอบ จะสวดให้ด้วยนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

อังคาร ม.ค. 08, 2013 6:31 pm

กระจ่างม๊ากๆ :s021:
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

อังคาร ม.ค. 08, 2013 9:41 pm

พี่ซันเอารูปอิ๊คคิวซังมาจากไหนน่ะ :s030:
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

พุธ ม.ค. 09, 2013 5:37 pm

อิ๊คคิวซังอะไรล่ะ ::024:: รูปแม่พระอุ้มพระกุมารศิลปะแบบเกาหลี
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

พุธ ม.ค. 09, 2013 6:39 pm

มั่ว :s030: เเดจังกึมกับอิ๊คคิวซัง :s030:
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

อาทิตย์ ม.ค. 13, 2013 12:45 am

ยินดีด้วยครับคุณ จขกท

ถ้าคุณเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมตอบไปทั้งหมด คุณสามารถเป็นคาทอลิกที่ดีได้แน่ๆครับ

พระเป็นเจ้ามิได้ห้ามเราสงสัย แต่สงสัยแล้วขอให้ถาม ไม่ใช่สงสัยแล้วพาลไม่เชื่อครับ

การมีองค์กรศาสนาที่ใหญ่โต และพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์หลายๆอย่างต้องไปผูกอยู่กับพระสงฆ์นักบวชทำให้มีการมองได้เหมือนกันว่าองค์กรศาสนานั้นตั้งกฎเกณฑ์มากมายเสียจนทำให้ดูเหมือนกับว่ามนุษย์อยู่ห่างจากพระเจ้า ซึ่งมันเป็นแค่มุมมอง ถ้ามีความเชื่อที่มากพอก็จะมีปัญญาที่เข้าใจได้ถึงกุศโลบายที่ทางพระศาสนจักรสร้างขึ้นมาครับ

พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 7 อย่างนั้นปกติต้องทำโดยพระสงฆ์ แต่จริงๆแล้วก็มีการเปิดช่องเอาไว้ตามความเหมาะสมนะครับ

พิธีล้างบาปฆราวาสสามารถกระทำได้ในกรณีฉุกเฉิน เช่นคนป่วยใกล้เสียชีวิตที่อาจจะกลับใจอยากมารับนับถือคาทอลิกในนาทีสุดท้าย หรือทารกที่ป่วยเสียชีวิต (ผมเคยทำงานเป็นกุมารแพทย์เห็นเด็กทารกเสียชีวิตมามากครับ แต่เสียดายเหมือนกันที่สมัยนั้นตนเองไม่ได้มีความเชื่อมากเท่าทุกวันนี้เลยไม่ได้ทำในสิ่งที่คุณปู่ของผมเคยสอนเอาไว้)

การสารภาพบาปให้ผ่านทางพระสงฆ์เพราะพระเยซูเจ้าทรงประทานอำนาจในการยกบาปให้กับนักบุญเปโตรและท่านก็ได้ส่งผ่านอำนาจนี้ผ่านการปกครองของพระศาสนจักร การที่เรารู้สึกละอายที่ต้องไปเล่าเรื่องไม่งามที่เราทำนั้นเป็นโทษของบาปบางส่วนที่เราจะต้องรับ

การเสกปังศักดิ์สิทธิ์ทำได้โดยพระสงฆ์เท่านั้น นักบวชอื่นๆก็ยังทำไม่ได้ เป็นกุศโลบายให้เกิดความรู้ซึ้งถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระกายและพระโลหิตขององค์พระเยซู แต่จริงๆแม้คนที่ทำบาปหนักมา หรือมีบาปอันเป็นที่สะดุดไม่สามารถออกไปรับในมิสซาได้ก็ยังสามารถอัญเชิญพระเยซูเจ้ามาประทับกับเราโดยความปรารถนาได้อยู่ดี แต่ไม่ใช่รู้อย่างนี้แล้วไม่รีบไปสารภาพบาปกับคพ.นะครับ มีโอกาสให้รีบไปโดยด่วน

การรับพระจิตเจ้าก็เช่นกัน เราอัญเชิญองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์มาประทับในตัวเราได้ เราขอความสว่างหรือปรีชาญาณจากพระองค์ท่านได้เสมอ แต่เราก็ควรไปรับพระองค์อย่างสง่าในพิธีที่กระทำโดยพระสังฆราช

พิธีบวชพระสงฆ์ต้องทำโดยพระสังฆราช อันนี้ก็ตรงไปตรงมา คือเป็นระบบการปกครองตามลำดับชั้นของพระศาสนจักร

พิธีแต่งงาน ทำให้โบสถ์ ทำระหว่างมิสซา เพื่อให้สมเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์ มีสักขีพยาน

การเจิมผู้ป่วยอันนี้ไม่ได้มีการเปิดช่องให้ฆราวาสกระทำแทนได้ แต่จริงๆแล้วจากคำสอนก็ไม่ได้มีการสอนว่าถ้าไม่ได้เจิมแล้วตายไปไม่ได้ไปสวรรค์ เพียงแต่ถ้าสามารถเชิญคพ.มาทำพิธีให้ได้อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้ผู้ป่วย ทำให้จิตใจสงบ เป็นการเสริมการเตรียมจิตวิญญาณที่อาจจะกำลังต้องก้าวผ่านชีวิตในโลกนี้ไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5972
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ม.ค. 16, 2013 10:32 pm

ละเอียดดีค่ะ ....อ่านแล้วเข้าใจอะไรเป็นอะไรมากขึ้นค่ะ ขอบคุณค่ะ ... :s002:
ภาพประจำตัวสมาชิก
King Zadin
โพสต์: 419
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
ติดต่อ:

พุธ พ.ค. 29, 2013 10:58 am

ไม่ได้เข้ามาในบอร์ดเสียนานขอแบ่งปันบ้างละกันครับ ผิดถูกอย่างไรก็ขอเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชี้แนะด้วย

1.เรื่องการให้อภัย

ผมคิดว่าเป็นการยุติธรรมแล้วที่ผู้ที่สำนึกผิดจะได้รับการอภัย (สำนึกจริงหรือไม่จริงคงมีแค่เจ้าตัวและพระเจ้าเท่านั้นที่รู้) ส่วนใครจะได้อภัยแค่ไหน ยกบาปไปเลย ลดจากหนักเป็นเบา ตายแล้วไปสวรรค์เลยหรือจะไปอยู่ไฟชำระหรืออะไรผมว่า ปล่อยเรื่องนี้ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ดีกว่าเพราะไม่ใช่หน้าที่เราที่จะไปตัดสินคนอื่นๆ

2.การอดทนต่อผู้อื่น

เอาตรงๆเลย คือก็คงพยายามให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แน่นอนเราอ่อนแอ คงยากที่จะทำได้แบบ 100% ก็ทำให้ดีที่สุดที่เหลือก็สุดแต่พระเป็นเจ้าจะตัดสินพระทัย

3.เรื่องคุมกำเนิด

อันนี้ไม่แน่ใจจริงๆ ส่วนตัวผมว่าต้องมองภาพรวมคือถ้าหักห้ามใจได้ก็คงจะดีที่สุด แล้วแม้จะมีเพศสัมพันธุ์มันก็มีวิธีธรรมชาติที่จะไม่ทำให้ท้องได้ แต่ถ้ากรณีจำเป็นจริง ผมว่าก็ ผิดเบาดีกว่าผิดหนักนะ เช่น ใช้ถุงยางหรือยาคุมก็น่าจะดีกว่าปล่อนให้เกิดท้องขึ้นมาแล้วไม่พร้อมต้องไปทำแท้ง

4.พระมองเห็นเราตลอดมั้ย

จะว่าไปเรื่องนี้เคยรู้สึกนะ สมัยก่อนเคยเป็นเหมือนกันจำได้ว่าเคยขนาดย้ายรูปพระไปให้พ้นระยะจากโซนที่เราออกจากห้องน้ำมาแต่งตัว 555 แต่ตอนนี้ไม่ขนาดนั้นแล้ว ^^ เรื่องนี้เหนือความรับรู้จริงๆ แต่ถ้าเราระลึกอยู่เสมอว่าพระมองเราอยู่ พระอยู่กับเรา เราก็ควรระมัดระวังตัวมากขึ้นในการทำกิจกรรมต่างๆและการดำเนินชีวิต

5.เรื่องรูปเคารพ

สำหรับผมคิดว่าเป็นเพียงสิ่งที่ทำให้เราระลึกถึงได้ง่ายขึ้นผ่านการจินตนาการตามประสามนุษย์ เหมือนเวลาเราคิดถึงญาติหรือแฟนแล้วหยิบรูปขึ้นมาดู เราก็ไม่ได้เชื่อว่าญาติหรือแฟนเราจะสิงอยู่ในรูปหรอกนะ แต่ก็นึกถึงและบรรเทาใจได้ง่ายขึ้น

6.การภาวนาและการขอ

การภาวนาในแง่นึงสิ่งที่ได้จากการภาวนาแน่แบบจับต้องได้ทันทีคือสติและสมาธิกลับมาแน่นอน จากที่สมมติก่อนหน้านั้นเสียใจร้องให้ฟูมฟายหรือตกใจกลัว การสวดภาวนาจะช่วยเรียกสติกลับมา

ส่วนบทภาวนาผมคิดว่าเป็นการรวบรวมคีย์เวิร์ดสำคัญเอาไว้ คลอบคลุมกว้างๆแต่ครบถ้วน หลังสวดตามแบบบทสวดแล้วก็มักจะต่อเติมของตัวเองเข้าไป เช่นเรื่องการขอ ผมก็ขอนะตามประสามนุษย์ ขอนู่นขอนี่ ตามแต่สภาพในตอนนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ผมใช้ปิดท้ายการขอก็คือ เช่น ลูกขอ 1 2 3 4 บลาๆๆๆ แต่สุดท้ายขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ เพราะลูกเชื่อว่าพระองค์มีแผนการที่ดีที่สุดสำหรับลูก เพราะลูกเชื่อว่าพระองค์ทรงสร้างให้เกิดสิ่งที่ดีสำหรับลูกได้แม้จะต้องผ่านสิ่งไม่ดีมาก่อน
ตอบกลับโพส