ผมกำลังแสวงหาอะไรอยู่?
1คร 9:1-27 แบบอย่างของเปาโล
9 (1)ข้าพเจ้าไม่เป็นอิสระหรือ ข้าพเจ้าไม่ใช่อัครสาวกคนหนึ่งหรือ ข้าพเจ้าไม่ได้เห็นพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราหรือ ท่านทั้งหลายไม่ใช่ผลงานของข้าพเจ้าในองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือ (2)แม้ว่าคนอื่นไม่ยอมรับข้าพเจ้าเป็นอัครสาวก แต่สำหรับท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าเป็นอัครสาวกอย่างแน่นอน เพราะท่านเป็นตราแสดงว่า ข้าพเจ้าเป็นอัครสาวกรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า (3)นี่คือคำป้องกันตนเพื่อตอบโต้ผู้ที่ กล่าวหาข้าพเจ้า (4)เราไม่มีสิทธิที่จะกินและดื่มหรือ (5)และไม่มีสิทธิที่จะมีภรรยาผู้มีความเชื่อคอยติดตามเหมือนอัครสาวกคนอื่น เหมือนพี่น้องของพระเยซูเจ้า และเหมือนกับที่เคฟาสมีหรือ (6)มีแต่ข้าพเจ้าและบารนาบัสเท่านั้นหรือที่ต้องทำงานเลี้ยงชีพ (7)ใครบ้างที่รับราชการทหารโดยออกค่าใช้จ่ายเอง ใครบ้างทำสวนองุ่นโดยไม่กินผลองุ่นจากสวนนั้น ใครบ้างดูแลฝูงแกะโดยไม่ดื่มน้ำนมจากแกะนั้น (8)ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้มิใช่ตามเหตุผลเท่านั้น ธรรมบัญญัติเองก็กล่าวไว้เช่นเดียวกัน ธรรมบัญญัติของโมเสสเขียนไว้ว่า (9)
9 (1)ข้าพเจ้าไม่เป็นอิสระหรือ ข้าพเจ้าไม่ใช่อัครสาวกคนหนึ่งหรือ ข้าพเจ้าไม่ได้เห็นพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราหรือ ท่านทั้งหลายไม่ใช่ผลงานของข้าพเจ้าในองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือ (2)แม้ว่าคนอื่นไม่ยอมรับข้าพเจ้าเป็นอัครสาวก แต่สำหรับท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าเป็นอัครสาวกอย่างแน่นอน เพราะท่านเป็นตราแสดงว่า ข้าพเจ้าเป็นอัครสาวกรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า (3)นี่คือคำป้องกันตนเพื่อตอบโต้ผู้ที่ กล่าวหาข้าพเจ้า (4)เราไม่มีสิทธิที่จะกินและดื่มหรือ (5)และไม่มีสิทธิที่จะมีภรรยาผู้มีความเชื่อคอยติดตามเหมือนอัครสาวกคนอื่น เหมือนพี่น้องของพระเยซูเจ้า และเหมือนกับที่เคฟาสมีหรือ (6)มีแต่ข้าพเจ้าและบารนาบัสเท่านั้นหรือที่ต้องทำงานเลี้ยงชีพ (7)ใครบ้างที่รับราชการทหารโดยออกค่าใช้จ่ายเอง ใครบ้างทำสวนองุ่นโดยไม่กินผลองุ่นจากสวนนั้น ใครบ้างดูแลฝูงแกะโดยไม่ดื่มน้ำนมจากแกะนั้น (8)ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้มิใช่ตามเหตุผลเท่านั้น ธรรมบัญญัติเองก็กล่าวไว้เช่นเดียวกัน ธรรมบัญญัติของโมเสสเขียนไว้ว่า (9)
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อังคาร ก.พ. 14, 2006 11:52 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ขอความช่วยเหลือในการอธิบายความ
ผมถามพระเจ้าว่าจะแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมได้อย่างไรแล้วเปิดพระคัมภีร์
กจ 16:13) วันสับบาโตวันหนึ่ง เราออกนอกประตูเมืองไปยังริมลำธาร เพราะคิดว่าที่นั่นเป็นสถานที่สำหรับอธิษฐานภาวนา เรานั่งพูดคุยกับบรรดาสตรีที่มาชุมนุมกันอยู่ที่นั่น
(14) สตรีคนหนึ่งชื่อ ลิเดีย มาจากเมืองธิอาทิรา เป็นคนขายผ้ากำมะหยี่สีม่วงแดง เป็นคนเลื่อมใสในพระเจ้าฟังเราอยู่ องค์พระผู้เป็นเจ้าเปิดใจนางให้ยอมรับถ้อยคำของเปาโล
(15) นางและทุกคนในครอบครัวรับศีลล้างบาป แล้วจึงเชิญเรา พูดว่า
ผมถามพระเจ้าว่าจะแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมได้อย่างไรแล้วเปิดพระคัมภีร์
กจ 16:13) วันสับบาโตวันหนึ่ง เราออกนอกประตูเมืองไปยังริมลำธาร เพราะคิดว่าที่นั่นเป็นสถานที่สำหรับอธิษฐานภาวนา เรานั่งพูดคุยกับบรรดาสตรีที่มาชุมนุมกันอยู่ที่นั่น
(14) สตรีคนหนึ่งชื่อ ลิเดีย มาจากเมืองธิอาทิรา เป็นคนขายผ้ากำมะหยี่สีม่วงแดง เป็นคนเลื่อมใสในพระเจ้าฟังเราอยู่ องค์พระผู้เป็นเจ้าเปิดใจนางให้ยอมรับถ้อยคำของเปาโล
(15) นางและทุกคนในครอบครัวรับศีลล้างบาป แล้วจึงเชิญเรา พูดว่า
1.แบบอย่างนางลิเดีย ง่ายมากครับ
แค่เปิดใจและรับพระองค์เข้ามาในชีวิต "คำว่าเชิญเข้ามาในบ้าน" ก็คือในที่ๆเรารู้สึกปลอดภัยอบอุ่นและเป็นทั้งหมดของเรา จงเชิญพระองค์เข้ามาอย่างแท้จริงในชีวิต เพื่อบ้านของเราในโลกนี้จะสมบูรณ์เพียบพร่อมไปด้วยพระองค์ และในส่วนที่เรารักมากที่สุดคือในร่างกายเราในจิตวิญญาณของเราให้เป้นวิหารของพระจิตเจ้า ในทุกๆแห่งที่เราอยู่ให้มีพระองค์อยู่ด้วย"เป็นครอบครัวของคุณ" คำว่าเชิญเข้ามาในบ้าน เราใช้กับคนที่เราไว้ใจแล้วเท่านั้น ดังนั้นจงวางใจในพระองค์สุดจิตใจ
2.กรณีนางทรง
เราจะพบรูปแบบของจิตอื่นๆหรือความเชื่ออื่นๆ เราจะพบอีกว่าจิตนั้นไม่ได้ทำชั่วเหมือนกรณีที่ผีสิงคนแล้วพยายามทำร้ายคนที่โดนสิง ดังนั้นท่านเปาโลจึงไม่ได้ไล่ไปทันทีที่พบ นี่คือ "สิทธิ์" ที่พระเจ้าอณุญาติทั้งต่อจิตต่างๆที่จะมาเกี่ยวข้องกับมนุย์ และต่อตัวมนุษย์เองที่จะพึ่งจิตนั้น จะเห็นว่าในเรื่องนี้ คนที่พึ่งจิตนั้นพึ่งเรื่องเงินทอง ไม่ใช่พึ่งเรื่องความรอด แต่พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่านั้นมาก ให้ได้แม้แต่ความรอด และจิตนั้นอยู่ใต้อาณัติของพระเยซูเจ้า พระองค์กำลังบอกคุณว่า ความชอบธรรมของพระองค์ต้องพึ่งพระองค์สมบูรณ์ทุกด้าน ไม่ใช่พึ่งพระองค์แต่ด้านความดี แต่พออยากได้เงินก็ไปไหว้เข้า เข้าทรง ดูหมอ พระองค์ต้องการให้คุณตัดสัมพันธ์กับเรื่องพวกนี้ทั้งหมดด้วย
3.พระเจ้าปลดปล่อยเปาโลและสิลาท
ความเชื่อแท้จริง ไม่ใช่เชื่อเฉพาะตอนได้ผลประโยชน์ แม้ในเวลาทุกข์ซวยสุดๆก็ต้องเชื่อและวางใจด้วย เช่นเปาโลและสิลาทที่เมื่อถูกข่มเหงติดคุกยังวางใจสรรเสริญพระเจ้า เมื่อพระเจ้าช่วยกู้ผู้วางใจแท้จริงในทุกกรณีแล้ว เมื่อวิกฤตผ่านมาได้แล้ว เรายังสามารถเอาชีวิตของเราเป็นพยานให้คนรอบข้างได้กลับใจมาเชื่อพระเจ้าอีก เห็นไม๊ครับว่า พระเจ้าไม่อยากให้เรารอดคนเดียวแล้วจบ แต่พระองค์อยากให้เราสำแดงพระองค์กับคนรอบข้างด้วย นี่คือชีวิตที่บังเกิดผล ดังที่พระองค์ตรัสเสมอในพระคัมภีร์ ว่าให้เราเป็นพืชที่เกิดผล นั่นคือเกิดผลภายใน(ความเชื่อศรัทธาของตัวเองเติบโตเรื่อยๆ) และเกิดผลภายนอก(ทำให้คนที่เรารักหรือรู้จักกลับใจด้วยการเห็นแบบอย่างทั้งจากการกระทำและคำพูดของเรา)
--คำตอบเรียบง่ายและชัดเจนมาก ชี้ชัดว่าพระเจ้าฟังคำภาวนาของคุณเสมอ และพระองค์ทรงรักคุณมากครับ
แค่เปิดใจและรับพระองค์เข้ามาในชีวิต "คำว่าเชิญเข้ามาในบ้าน" ก็คือในที่ๆเรารู้สึกปลอดภัยอบอุ่นและเป็นทั้งหมดของเรา จงเชิญพระองค์เข้ามาอย่างแท้จริงในชีวิต เพื่อบ้านของเราในโลกนี้จะสมบูรณ์เพียบพร่อมไปด้วยพระองค์ และในส่วนที่เรารักมากที่สุดคือในร่างกายเราในจิตวิญญาณของเราให้เป้นวิหารของพระจิตเจ้า ในทุกๆแห่งที่เราอยู่ให้มีพระองค์อยู่ด้วย"เป็นครอบครัวของคุณ" คำว่าเชิญเข้ามาในบ้าน เราใช้กับคนที่เราไว้ใจแล้วเท่านั้น ดังนั้นจงวางใจในพระองค์สุดจิตใจ
2.กรณีนางทรง
เราจะพบรูปแบบของจิตอื่นๆหรือความเชื่ออื่นๆ เราจะพบอีกว่าจิตนั้นไม่ได้ทำชั่วเหมือนกรณีที่ผีสิงคนแล้วพยายามทำร้ายคนที่โดนสิง ดังนั้นท่านเปาโลจึงไม่ได้ไล่ไปทันทีที่พบ นี่คือ "สิทธิ์" ที่พระเจ้าอณุญาติทั้งต่อจิตต่างๆที่จะมาเกี่ยวข้องกับมนุย์ และต่อตัวมนุษย์เองที่จะพึ่งจิตนั้น จะเห็นว่าในเรื่องนี้ คนที่พึ่งจิตนั้นพึ่งเรื่องเงินทอง ไม่ใช่พึ่งเรื่องความรอด แต่พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่านั้นมาก ให้ได้แม้แต่ความรอด และจิตนั้นอยู่ใต้อาณัติของพระเยซูเจ้า พระองค์กำลังบอกคุณว่า ความชอบธรรมของพระองค์ต้องพึ่งพระองค์สมบูรณ์ทุกด้าน ไม่ใช่พึ่งพระองค์แต่ด้านความดี แต่พออยากได้เงินก็ไปไหว้เข้า เข้าทรง ดูหมอ พระองค์ต้องการให้คุณตัดสัมพันธ์กับเรื่องพวกนี้ทั้งหมดด้วย
3.พระเจ้าปลดปล่อยเปาโลและสิลาท
ความเชื่อแท้จริง ไม่ใช่เชื่อเฉพาะตอนได้ผลประโยชน์ แม้ในเวลาทุกข์ซวยสุดๆก็ต้องเชื่อและวางใจด้วย เช่นเปาโลและสิลาทที่เมื่อถูกข่มเหงติดคุกยังวางใจสรรเสริญพระเจ้า เมื่อพระเจ้าช่วยกู้ผู้วางใจแท้จริงในทุกกรณีแล้ว เมื่อวิกฤตผ่านมาได้แล้ว เรายังสามารถเอาชีวิตของเราเป็นพยานให้คนรอบข้างได้กลับใจมาเชื่อพระเจ้าอีก เห็นไม๊ครับว่า พระเจ้าไม่อยากให้เรารอดคนเดียวแล้วจบ แต่พระองค์อยากให้เราสำแดงพระองค์กับคนรอบข้างด้วย นี่คือชีวิตที่บังเกิดผล ดังที่พระองค์ตรัสเสมอในพระคัมภีร์ ว่าให้เราเป็นพืชที่เกิดผล นั่นคือเกิดผลภายใน(ความเชื่อศรัทธาของตัวเองเติบโตเรื่อยๆ) และเกิดผลภายนอก(ทำให้คนที่เรารักหรือรู้จักกลับใจด้วยการเห็นแบบอย่างทั้งจากการกระทำและคำพูดของเรา)
--คำตอบเรียบง่ายและชัดเจนมาก ชี้ชัดว่าพระเจ้าฟังคำภาวนาของคุณเสมอ และพระองค์ทรงรักคุณมากครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ ก.พ. 17, 2006 3:45 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
เสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมาผมไปงาน TOP 4 ของ AMWAY ได้อ่านแนวคิดของ นากาจิมา คาโอรุ
และนึกถึงคำพูดของคุณ HOLLY เรื่องประสบการณ์ส่วนตัว นั่นแหละคือสิ่งที่ผมแสวงหา ประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้า ประสบการณ์ส่วนตัวในธุรกิจ ประสบการณ์ส่วนตัวในเรื่องมีการเวียนว่ายตายเกิดหรือไม่ ?
ประสบการณ์ส่วนตัวของผู้อื่นเป็นเพียงแนวทางเท่านั้น
"ข้อเท็จจริงมีเพียงหนึ่งเดียว แต่ว่าความจริงมีได้มากตามจำนวนคน "
นากาจิมะ คาโอรุ
ความจริงคือ ประสบการณ์ของแต่ละบุคคล
ความจริงนี้แหละที่ถูกเล่าขานและทำให้องค์กร แต่ละองค์กรดำรงอยู่ได้
หรือทำให้องค์กรล่มสลาย
และนึกถึงคำพูดของคุณ HOLLY เรื่องประสบการณ์ส่วนตัว นั่นแหละคือสิ่งที่ผมแสวงหา ประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้า ประสบการณ์ส่วนตัวในธุรกิจ ประสบการณ์ส่วนตัวในเรื่องมีการเวียนว่ายตายเกิดหรือไม่ ?
ประสบการณ์ส่วนตัวของผู้อื่นเป็นเพียงแนวทางเท่านั้น
"ข้อเท็จจริงมีเพียงหนึ่งเดียว แต่ว่าความจริงมีได้มากตามจำนวนคน "
นากาจิมะ คาโอรุ
ความจริงคือ ประสบการณ์ของแต่ละบุคคล
ความจริงนี้แหละที่ถูกเล่าขานและทำให้องค์กร แต่ละองค์กรดำรงอยู่ได้
หรือทำให้องค์กรล่มสลาย
แก้ไขล่าสุดโดย sakda88 เมื่อ จันทร์ เม.ย. 03, 2006 1:09 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
สิ่งที่เกิดขึ้น กับ การตีความหมาย
อนาคตว่างเปล่า
อนาคตที่แทบทำนายได้ กับ การสร้างอนาคตที่เป็นไปได้
ผมเป็นใคร ผมเป็นคำพูดของผม คำพูดของผมเป็นจุดยืนของผม จุดยืนของผมคือ
การสร้างความเป็นไปได้ของ ความมั่นคง อิสระ รู้ความต้องการของตนเองและผู้อื่น
เลือก กับ การยอมรับ
สิ่งเหล่านี้คือส่วนหนึ่งที่เสนอโดย แลนด์มาร์คฟอรัม มีท่านใดเอ๊ะใจกับเรื่องใดบ้าง
อนาคตว่างเปล่า
อนาคตที่แทบทำนายได้ กับ การสร้างอนาคตที่เป็นไปได้
ผมเป็นใคร ผมเป็นคำพูดของผม คำพูดของผมเป็นจุดยืนของผม จุดยืนของผมคือ
การสร้างความเป็นไปได้ของ ความมั่นคง อิสระ รู้ความต้องการของตนเองและผู้อื่น
เลือก กับ การยอมรับ
สิ่งเหล่านี้คือส่วนหนึ่งที่เสนอโดย แลนด์มาร์คฟอรัม มีท่านใดเอ๊ะใจกับเรื่องใดบ้าง
ผมกำลังพยายามนำเสนอหลักสูตรหนึ่งที่ผมเคยต่อต้าน และตามประสบการณ์ของผมมัน work
มีการแนะนำหลักสูตรนี้ วันอังคารที่ 2 พค ที่อาคาร เฉลิมพระเกียรติ ซ. ศูณย์วิจัย ถ. เพชรบุรีตัดใหม่ จากหลักสูตรนี้เองที่ทำให้ผมตระหนักว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์สมบรูณ์แบบมากเพียงใด คนหนึ่งที่นำหลักสูตรนี้เข้าสู่เมืองไทย คือ มาติน่า ซึ่งเป็นคาธอลิกคนหนึ่ง
สนใจติดต่อ 013061137
มีการแนะนำหลักสูตรนี้ วันอังคารที่ 2 พค ที่อาคาร เฉลิมพระเกียรติ ซ. ศูณย์วิจัย ถ. เพชรบุรีตัดใหม่ จากหลักสูตรนี้เองที่ทำให้ผมตระหนักว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์สมบรูณ์แบบมากเพียงใด คนหนึ่งที่นำหลักสูตรนี้เข้าสู่เมืองไทย คือ มาติน่า ซึ่งเป็นคาธอลิกคนหนึ่ง
สนใจติดต่อ 013061137
แก้ไขล่าสุดโดย sakda88 เมื่อ พฤหัสฯ. เม.ย. 13, 2006 5:06 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
*thx *thx *thx คุณบอมไซยา ที่โทร ฯหาผมวันนี้ผมสัมผัสได้ถึงความรัก ความเป็นห่วงของคุณ
ผมขอยืนยันว่าผมเชื่อในพระเจ้า ผมเชื่อว่าพระเจ้ารักมนุษย์มากจริง ๆ ผมเชื่อว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์สมบรูณ์แบบมาก ๆๆๆ ในความสมบรูณ์นั้นมันมีเงื่อนไขแทบไม่ต่างจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์เลย
*thx *thx *thx ในความรักที่คุณบอมไซยา มอบให้
ผมมองย้อนกลับไปในประสบการณ์ของผม ผมกำลังมองย้อนกลับไปในประสบการณ์ของผม ผมกำลังดูว่าอะไรมัน WORK ที่สุด ผมเชื่อว่าพระเจ้าทรงนำทางผมด้วยวิถีทางนั้น
ผมขอยืนยันว่าผมเชื่อในพระเจ้า ผมเชื่อว่าพระเจ้ารักมนุษย์มากจริง ๆ ผมเชื่อว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์สมบรูณ์แบบมาก ๆๆๆ ในความสมบรูณ์นั้นมันมีเงื่อนไขแทบไม่ต่างจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์เลย
*thx *thx *thx ในความรักที่คุณบอมไซยา มอบให้
ผมมองย้อนกลับไปในประสบการณ์ของผม ผมกำลังมองย้อนกลับไปในประสบการณ์ของผม ผมกำลังดูว่าอะไรมัน WORK ที่สุด ผมเชื่อว่าพระเจ้าทรงนำทางผมด้วยวิถีทางนั้น
สิ่งหนึ่งที่เห็นได้จากพระวรสารบทนี้คือ คนส่วนมากไม่เชื่อว่าสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิตได้
คนที่เชื่ออย่างแน่นอนคือคนที่มีประสบการณ์ตรง
คนที่เชื่ออย่างแน่นอนคือคนที่มีประสบการณ์ตรง
แก้ไขล่าสุดโดย sakda88 เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 05, 2006 10:39 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
วันนี้นึกถึงบทเรียนหนึ่งจาก landmark education ที่ว่าคุณจะรู้จักชีวิตจริง ๆ เมื่อคุณตระหนักว่า"ชีวิตคือการสร้างสรรค์" ทำให้นึกถึง
ปฐก 1:26 พระเจ้าตรัสว่า "เราจงสร้างมนุษย์ ขึ้นตามภาพลักษณ์ของเรา ให้มีความคล้ายคลึงกับเรา ให้เป็นนายปกครองปลาในทะเล นกในท้องฟ้า สัตว์เลี้ยง สัตว์ป่า และสัตว์เลื้อยคลานบนพื้นดิน"
ภาพลักษณ์หนึ่งของพระเจ้าคือการสร้างสรรค์ มนุยษ์ถูกสร้างขึ้นมาให้มีศักยภาพในการสร้างสรรค์สูงมาก
นึกถึงแล้วอดขอบพระคุณพระเจ้าไม่ได้
ผมขอขอบพระคุณพระเจ้าผู้ประทานพระพรให้ผมอย่างมากมายและได้รับความรักจากพระองค์สุดที่จะประมาณได้
ปฐก 1:26 พระเจ้าตรัสว่า "เราจงสร้างมนุษย์ ขึ้นตามภาพลักษณ์ของเรา ให้มีความคล้ายคลึงกับเรา ให้เป็นนายปกครองปลาในทะเล นกในท้องฟ้า สัตว์เลี้ยง สัตว์ป่า และสัตว์เลื้อยคลานบนพื้นดิน"
ภาพลักษณ์หนึ่งของพระเจ้าคือการสร้างสรรค์ มนุยษ์ถูกสร้างขึ้นมาให้มีศักยภาพในการสร้างสรรค์สูงมาก
นึกถึงแล้วอดขอบพระคุณพระเจ้าไม่ได้
ผมขอขอบพระคุณพระเจ้าผู้ประทานพระพรให้ผมอย่างมากมายและได้รับความรักจากพระองค์สุดที่จะประมาณได้
แก้ไขล่าสุดโดย sakda88 เมื่อ พุธ พ.ค. 17, 2006 5:41 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
หนังสือ วาทะของดับเบิ้ลมงกุฎฑูต ของ Holly Chen
เป็นหนังสือที่ดีมาก ๆ เล่มหนึ่ง ผมอ่านแล้วอ่านอีก
ได้รับภูมิปัญญามากมายจากหนังสือเล่มนี้
พระเจ้าทรงหยิบยื่นหนังสือเล่มนี้ให้แก่ผมโดยแท้จริง
พระองค์ทรงนำผมให้ได้พบเครื่องมือใหม่ ๆ ในการ
ช่วยเหลือผู้คนที่ต้องการช่วยเหลือตนเองด้วย
พระผู้เป็นเจ้ารักมนุษย์ยิ่งนัก
เป็นหนังสือที่ดีมาก ๆ เล่มหนึ่ง ผมอ่านแล้วอ่านอีก
ได้รับภูมิปัญญามากมายจากหนังสือเล่มนี้
พระเจ้าทรงหยิบยื่นหนังสือเล่มนี้ให้แก่ผมโดยแท้จริง
พระองค์ทรงนำผมให้ได้พบเครื่องมือใหม่ ๆ ในการ
ช่วยเหลือผู้คนที่ต้องการช่วยเหลือตนเองด้วย
พระผู้เป็นเจ้ารักมนุษย์ยิ่งนัก
ผมเชื่อว่า มีหลายคนในเวบบอร์ดนี้ได้ภาวนาเผื่อผมอยู่ ผมขอบคุณบุคคลเหล่านั้น
บัดนี้เมื่อผมพบอะไรใหม่ผมจะนำมาเล่าให้ฟัง และผมบอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
ว่าพระผู้เป็นเจ้ารักมนุษย์มากจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้คุณต้องสัมผัสความรัก
นั้นด้วยตัวคุณเอง
ขอพระเจ้าโปรดอวยพรทุกท่าน ผมขอขอบพระคุณพระองค์ผู้ทรงรักและนำทางชีวิต
ของผม และขอโมทนาคุณพระองค์ผู้ทรงสรรพานุภาพเสยวราชย์และดำรงชีพตลอด
นิรันดร อาแมน
บัดนี้เมื่อผมพบอะไรใหม่ผมจะนำมาเล่าให้ฟัง และผมบอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
ว่าพระผู้เป็นเจ้ารักมนุษย์มากจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้คุณต้องสัมผัสความรัก
นั้นด้วยตัวคุณเอง
ขอพระเจ้าโปรดอวยพรทุกท่าน ผมขอขอบพระคุณพระองค์ผู้ทรงรักและนำทางชีวิต
ของผม และขอโมทนาคุณพระองค์ผู้ทรงสรรพานุภาพเสยวราชย์และดำรงชีพตลอด
นิรันดร อาแมน
ผมรู้สึกถึงความรักที่พระเจ้ามีต่อผม และมนุษยชาติมากขึ้นทุกวัน ทุกวัน เหตุนี้เพราะถึงรักเพื่อนมนุษย์ได้มากขึ้นทุกวัน ทุกวัน แน่นอนว่าผมไม่เชื่อทุกสิ่งที่พระศาสนาจักรสั่งสอน แต่ผมก็ไม่ต่อต้าน พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ผมได้รับการฝึกฝนมา ให้ยึดถือข้อมูลหลักฐานทุก ๆ ด้าน ไม่ใช้เฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง และที่สำคัญไม่มีใครรู้พระประสงค์ของพระเจ้าจริง ๆ จนกว่าพระคริสตเจ้าจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ผมเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิดเพราะมีหลักฐานในเรื่องนี้อยู่บ้าง และที่สำคัญมีการรวบรวมข้อมูลเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้กันอยู่ในทางวิทยาศาสตร์ สถานะของพระเจ้าลึกล้ำเกินกว่าที่มนุษย์เข้าใจได้
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
sakda88 เขียน: ผมรู้สึกถึงความรักที่พระเจ้ามีต่อผม และมนุษยชาติมากขึ้นทุกวัน ทุกวัน เหตุนี้เพราะถึงรักเพื่อนมนุษย์ได้มากขึ้นทุกวัน ทุกวัน แน่นอนว่าผมไม่เชื่อทุกสิ่งที่พระศาสนาจักรสั่งสอน แต่ผมก็ไม่ต่อต้าน พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ผมได้รับการฝึกฝนมา ให้ยึดถือข้อมูลหลักฐานทุก ๆ ด้าน ไม่ใช้เฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง และที่สำคัญไม่มีใครรู้พระประสงค์ของพระเจ้าจริง ๆ จนกว่าพระคริสตเจ้าจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ผมเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิดเพราะมีหลักฐานในเรื่องนี้อยู่บ้าง และที่สำคัญมีการรวบรวมข้อมูลเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้กันอยู่ในทางวิทยาศาสตร์ สถานะของพระเจ้าลึกล้ำเกินกว่าที่มนุษย์เข้าใจได้
;D ;D ตกลงว่า ชื่อตามหัวข้อกระทู้ ผมกำลังแสวงหาอะไร ตอนนี้หาความรักของพระจ้าเจอแล้วใช่มั๊ยจ๊ะ
ช่วงเวลานี้ผมอ่านหนังสือเรื่อง เป้าหมาย ของ Brian Tracy
เป็นหนังสือที่ดีมาก ๆ เล่มหนึ่ง คนเราแตกต่างกันที่เป้าหมาย
และการใช้สติปัญญาที่พระเจ้าประทานให้
คนส่วนมากถึง 80 ใน 100 ไร้เป้าหมายส่วนตัว
พวกเขาเหล่านั้นดำเนินชีวิตตามเป้าหมายที่คนอื่นกำหนดให้
เป้าหมายหนึ่งของผมขณะนี้คือ
ช่วยผู้คนตั้งเป้าหมายในชีวิตของพวกเขาเอง
เป้าหมายที่มีแรงบันดาลใจ
ให้พวกเขาเดินต่อไป
เป็นหนังสือที่ดีมาก ๆ เล่มหนึ่ง คนเราแตกต่างกันที่เป้าหมาย
และการใช้สติปัญญาที่พระเจ้าประทานให้
คนส่วนมากถึง 80 ใน 100 ไร้เป้าหมายส่วนตัว
พวกเขาเหล่านั้นดำเนินชีวิตตามเป้าหมายที่คนอื่นกำหนดให้
เป้าหมายหนึ่งของผมขณะนี้คือ
ช่วยผู้คนตั้งเป้าหมายในชีวิตของพวกเขาเอง
เป้าหมายที่มีแรงบันดาลใจ
ให้พวกเขาเดินต่อไป
- Acts 20:35 s
- โพสต์: 55
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ค. 03, 2006 8:42 am
- ติดต่อ:
... ...
ผมกำลังถามตัวเองอยู่เช่นกันว่า ผมต้องการอะไรกันแน่
และสิ่งหนึ่งที่ผมกำลังฝึกคือ การละวางอคติ ละวางการให้ความหมายของสิ่งต่าง ๆ
ละวาง เหตุผล และมองดูว่าอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ และเล่าเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ
ผมศึกษาประวัติศาสตร์บ้าง ถ้าผมละวางได้มากพอ และมองสิ่งที่เกิดขึ้นได้มากพอ
ผมแทบทำนายอนาคตในบางเรื่องได้
รูปแบบของสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นรูปแบบที่ไม่เคยเปลี่ยนเลย
และสิ่งหนึ่งที่ผมกำลังฝึกคือ การละวางอคติ ละวางการให้ความหมายของสิ่งต่าง ๆ
ละวาง เหตุผล และมองดูว่าอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ และเล่าเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ
ผมศึกษาประวัติศาสตร์บ้าง ถ้าผมละวางได้มากพอ และมองสิ่งที่เกิดขึ้นได้มากพอ
ผมแทบทำนายอนาคตในบางเรื่องได้
รูปแบบของสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นรูปแบบที่ไม่เคยเปลี่ยนเลย
วันนี้ผมคิดถึงดุลยภาพของชีวิต
เกือบ 1 เดือน ผมเกิดซึมเศร้าขึ้น
จากการผิดหวังบางอย่าง
วันนี้ฟังคุณพ่อพูดเรื่องการหย่าร้าง
หลักคำสอนเรื่องการให้ทั้งครบด้วยความรัก
ผมรู้สึกว่าเป็นคำพูดที่โกหก
ทำให้คิดถึงเรื่องนี้ขึ้น
ดุลยภาพของชีวิต
เกือบ 1 เดือน ผมเกิดซึมเศร้าขึ้น
จากการผิดหวังบางอย่าง
วันนี้ฟังคุณพ่อพูดเรื่องการหย่าร้าง
หลักคำสอนเรื่องการให้ทั้งครบด้วยความรัก
ผมรู้สึกว่าเป็นคำพูดที่โกหก
ทำให้คิดถึงเรื่องนี้ขึ้น
ดุลยภาพของชีวิต
ที่เห็นว่าโกหก เพราะไม่เคยได้สัมผัสsakda88 เขียน: วันนี้ผมคิดถึงดุลยภาพของชีวิต
เกือบ 1 เดือน ผมเกิดซึมเศร้าขึ้น
จากการผิดหวังบางอย่าง
วันนี้ฟังคุณพ่อพูดเรื่องการหย่าร้าง
หลักคำสอนเรื่องการให้ทั้งครบด้วยความรัก
ผมรู้สึกว่าเป็นคำพูดที่โกหก
ทำให้คิดถึงเรื่องนี้ขึ้น
ดุลยภาพของชีวิต
เปิดใจให้พระนิดนึงนะคะ แล้วจะสวดให้ ส่งชื่อมาให้ก็ดีนะคะ แต่ถ้าไม่ส่งก็ไม่เป็นไร
มากกว่า 120 วันแล้วหรือนี่ ไม่น่าเชื่อเลย ผมสารภาพบาปครั้งสุดท้าย 17 กย 2006 เพราะคำพูดประโยคเดียวเท่านั้น คุณแก้บาปแล้วทำบาปเดิมอีกคุณผิดสัญญากับพระเจ้า ผมเห็นด้วยและตระหนักด้วยว่าการสารภาพบาปของผมไม่ได้ช่วยผมให้หยุดทำบาปนั้นเลย และหลังจากนั้นผมขาดมิซซามาเกือบทุกสัปดาห์ พรุ่งนี้รับเถ้าแล้ว ต้องไปรับเถ้าแล้วละ แก้บาปรับศิลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งในเทศการปาสกาใกล้มาแล้ว
ความรักความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่สุดที่จะพรรณาได้ ผู้ที่จะรู้จักพระเจ้าได้ก็ด้วยความรักความเมตตาเท่านั้น
ความรักความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่สุดที่จะพรรณาได้ ผู้ที่จะรู้จักพระเจ้าได้ก็ด้วยความรักความเมตตาเท่านั้น
แก้ไขล่าสุดโดย sakda88 เมื่อ อังคาร ก.พ. 20, 2007 5:52 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีศักยภาพสูงมาก มากจนไม่มีผู้ใดคาดถึงได้
ตั้งแต่ผมเลิกพิจารณาสิ่งต่างด้วยทัศนะที่แบ่ง ถูก ผิด ดี ชั่ว บาป บุญ
และพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้น ดว้ยกระบวนการที่มันเกิดขึ้น
ผมได้เห็นอะไรมากมาย มากมาย อย่างคาดไม่ถึง
การกระทำของเรา ความคิดของเรา มีผลต่อชีวิตของเราอย่างใหญ่หลวง
ทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราล้วนเป็นเรานั่นแหละทำให้มันเกิด
ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว เราไม่สามารถโทษผู้ใดได้เลย
การฝึกให้มีอุเบกขาสูง ๆ สำคัญมาก สำคัญมากจริง ๆ
ตั้งแต่ผมเลิกพิจารณาสิ่งต่างด้วยทัศนะที่แบ่ง ถูก ผิด ดี ชั่ว บาป บุญ
และพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้น ดว้ยกระบวนการที่มันเกิดขึ้น
ผมได้เห็นอะไรมากมาย มากมาย อย่างคาดไม่ถึง
การกระทำของเรา ความคิดของเรา มีผลต่อชีวิตของเราอย่างใหญ่หลวง
ทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราล้วนเป็นเรานั่นแหละทำให้มันเกิด
ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว เราไม่สามารถโทษผู้ใดได้เลย
การฝึกให้มีอุเบกขาสูง ๆ สำคัญมาก สำคัญมากจริง ๆ