พุทธคริสต์อิสลามพราหมณ์ฮินดูสิขฯลฯ
- SHANTIRAKSA
- โพสต์: 87
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 19, 2005 8:58 pm
มีกระทู้เรื่องความไม่เข้าใจกันระหว่างพี่น้องพ่อแม่ชาวคริสต์และพุทธอยู่ในห้องนี้และอีกห้อง
หน้าที่ของผม(ตั้งเอาเองอ่ะ) คือสร้างความเข้าใจให้บังเกิดดีขึ้น ซ้ำแล้วซ้ำอีก
เพราะผมได้รับความกรุณาจากทุกท่าน จากศาสนิกในทุกศาสนา ผมจึงอยากให้ประโยชน์อย่างที่ผม
ได้รับนั้น เผื่อแผ่ไปถึงท่านอื่นบ้าง ด้วยปัญญาอันกระจิดริดของผม
กระทู้ในห้องนู้นอันหนึ่งกล่าวถึงเรื่องกุมารทองกับสายประคำ แม้แต่ชาวคริสต์เองก็ทราบว่า
กุมารทองไม่เกี่ยวกับศาสนาพุทธตรงไหน รวมทั้งไม่เกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์ฮินดูตรงไหนเช่นกัน
กระทู้ในห้องนี้กล่าวเรื่องคุณแม่ให้ไหว้พระพุทธรูป จขกท บอกว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ไหว้รูปเคารพนี่นา
.....ใช่ครับถูกต้องล่ะ แล้วก็มีผู้มาตอบในกระทู้นั้นดีแล้ว
แต่ก่อนโน้นไม่จำเป็นหรอกที่เราจะต้องเข้าใจในศาสนาอื่นๆ ถ้าเราปฏิบัติตามหลักศาสนาเราอย่างจริงแท้แล้ว
แต่ในโลกต้องการสันติภาพมากขึ้นทุกวันๆนี้ ผมว่าต้องแล้วล่ะ ถ้าเรายังต้องวนๆเวียนๆอยู่ในสังคมที่มีเรื่องให้โฉบมา
กระทบกันได้เพื่อเราจะได้รู้ว่าข้อไหนคือหลักจริงๆ และข้อไหนคืออารมณ์ที่ใส่กันไปเอง แยกคนที่ใช้เหตุผลจริงๆ
กับคนที่มาป่วนโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้หลักศาสนาจริงๆ
อย่างที่ท่านหนึ่งบอกไว้ในบอร์ดนี้ว่า ที่แสงธรรมก็ต้องเรียนพุทธปรัชญานะจ๊ะ เช่นกันกับที่วิทยาลัยสงฆ์ในพุทธศาสนา
ก็สอนเรื่องศาสนาอื่นๆ เพราะต้องยอมรับความจริงว่า ยังมีศรัทธาอื่นๆอีกมากมายที่ชี้นำโลกนี้ไปในทางที่ดีงาม
ไม่ต้องย้ำถึงการประกาศทางศาสนาที่สำคัญๆต่างๆในการแสวงหาสันติธรรมทั่วโลก
อย่างเช่นที่ผมบอกท่านว่า ผมไปวัดคาทอลิกบ้าง เมื่อมีโอกาส และผมไหว้เคารพพระคริสต์ทุกครั้ง แต่ไม่อาจทำเครื่องหมายกางเขนเพราะเกรงว่าอาจจะไม่สมควรสำหรับผม(อืม ข้อนี้ไม่เคยถามสักที ถามเลยดีกว่าว่าทำได้ไหมครับ) และโดยส่วนตัวนั้นผมเคารพนักบุญฟรันซิส แห่ง อัสซีซีเป็นพิเศษ จึงห้อยไม้กางเขนแบบฟรันซิสกันอยู่ที่คอ(แทรกเรื่องที่ได้มาอย่างอัศจรรย์ หลังจากที่ผมหาในเมืองไทยมาหลายปี ไปถึงอารามกลาร่าก็ไม่มี สุดท้ายท่านผู้ใจดีสวมอยู่แล้วให้ผ่านน้องสาวผมมาอีกทีหนึ่ง) กางเขนนี้คอยเตือนผมให้ระลึกถึงสันติ และ ปมเชือกสามปม ระลึกถึงความยากจน ความอ่อนน้อม และความถ่อมตน
ผมไม่ได้สั่นคลอนในความเชื่อเดิม(พุทธศาสนา)แต่ผมระลึกถึงความดีงามทั้งหลายได้ทางศาสนาอื่นๆหรือ"สัญะ"ในศาสนาอื่นๆด้วยเช่นกัน ผมสวดว่าพุทธัง สรณัง....ขอถือซึ่งพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง(เช่นในทุกศาสนา คุณต้องเชื่ออย่างมั่นคงในศาสนาของคุณ) แต่ผมก็สามารถไหว้พะคริสตเจ้าได้อย่างเคารพ เพราะผมคิดว่า...โอ้ ท่านช่างเป็นผู้เสียสละ อย่างที่เราๆมนุษย์ผู้เห็นแก่ตัวไม่อาจทำได้จริงๆ....และเราก็คงพบเรื่องแห่งการเสียสละเหล่านี้ได้จากพระศาสดาทั้งหลาย
ผมไม่ได้หมายถึงว่า เราต้องไหว้ อะไรๆไปซะหมด ผมเพียงแต่หมายถึงในกรณีที่ท่านได้ศีกษาแล้ว ท่านอาจจะไหว้หรือแสดงความเคารพในกาละ และเทศะ ที่จำเป็นได้อย่างสบายใจและบังเกิดประโยชน์น้อมนำจิตใจให้สันติสุขมากกว่าจะรู้สึกแย่จนกลายเป็นความขุ่นข้องใจ และหวังว่าเราคงจะหาแนวทางที่เป็นกลางและสันติได้ จะได้ไม่ต้องมีเหน็บแนมกันดังที่มีกันอยู่(บ้าง)
ขออภัยที่เขียนพร่ำยาวทุกครั้งครับ
พูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ที่เมลครับ
หน้าที่ของผม(ตั้งเอาเองอ่ะ) คือสร้างความเข้าใจให้บังเกิดดีขึ้น ซ้ำแล้วซ้ำอีก
เพราะผมได้รับความกรุณาจากทุกท่าน จากศาสนิกในทุกศาสนา ผมจึงอยากให้ประโยชน์อย่างที่ผม
ได้รับนั้น เผื่อแผ่ไปถึงท่านอื่นบ้าง ด้วยปัญญาอันกระจิดริดของผม
กระทู้ในห้องนู้นอันหนึ่งกล่าวถึงเรื่องกุมารทองกับสายประคำ แม้แต่ชาวคริสต์เองก็ทราบว่า
กุมารทองไม่เกี่ยวกับศาสนาพุทธตรงไหน รวมทั้งไม่เกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์ฮินดูตรงไหนเช่นกัน
กระทู้ในห้องนี้กล่าวเรื่องคุณแม่ให้ไหว้พระพุทธรูป จขกท บอกว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ไหว้รูปเคารพนี่นา
.....ใช่ครับถูกต้องล่ะ แล้วก็มีผู้มาตอบในกระทู้นั้นดีแล้ว
แต่ก่อนโน้นไม่จำเป็นหรอกที่เราจะต้องเข้าใจในศาสนาอื่นๆ ถ้าเราปฏิบัติตามหลักศาสนาเราอย่างจริงแท้แล้ว
แต่ในโลกต้องการสันติภาพมากขึ้นทุกวันๆนี้ ผมว่าต้องแล้วล่ะ ถ้าเรายังต้องวนๆเวียนๆอยู่ในสังคมที่มีเรื่องให้โฉบมา
กระทบกันได้เพื่อเราจะได้รู้ว่าข้อไหนคือหลักจริงๆ และข้อไหนคืออารมณ์ที่ใส่กันไปเอง แยกคนที่ใช้เหตุผลจริงๆ
กับคนที่มาป่วนโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้หลักศาสนาจริงๆ
อย่างที่ท่านหนึ่งบอกไว้ในบอร์ดนี้ว่า ที่แสงธรรมก็ต้องเรียนพุทธปรัชญานะจ๊ะ เช่นกันกับที่วิทยาลัยสงฆ์ในพุทธศาสนา
ก็สอนเรื่องศาสนาอื่นๆ เพราะต้องยอมรับความจริงว่า ยังมีศรัทธาอื่นๆอีกมากมายที่ชี้นำโลกนี้ไปในทางที่ดีงาม
ไม่ต้องย้ำถึงการประกาศทางศาสนาที่สำคัญๆต่างๆในการแสวงหาสันติธรรมทั่วโลก
อย่างเช่นที่ผมบอกท่านว่า ผมไปวัดคาทอลิกบ้าง เมื่อมีโอกาส และผมไหว้เคารพพระคริสต์ทุกครั้ง แต่ไม่อาจทำเครื่องหมายกางเขนเพราะเกรงว่าอาจจะไม่สมควรสำหรับผม(อืม ข้อนี้ไม่เคยถามสักที ถามเลยดีกว่าว่าทำได้ไหมครับ) และโดยส่วนตัวนั้นผมเคารพนักบุญฟรันซิส แห่ง อัสซีซีเป็นพิเศษ จึงห้อยไม้กางเขนแบบฟรันซิสกันอยู่ที่คอ(แทรกเรื่องที่ได้มาอย่างอัศจรรย์ หลังจากที่ผมหาในเมืองไทยมาหลายปี ไปถึงอารามกลาร่าก็ไม่มี สุดท้ายท่านผู้ใจดีสวมอยู่แล้วให้ผ่านน้องสาวผมมาอีกทีหนึ่ง) กางเขนนี้คอยเตือนผมให้ระลึกถึงสันติ และ ปมเชือกสามปม ระลึกถึงความยากจน ความอ่อนน้อม และความถ่อมตน
ผมไม่ได้สั่นคลอนในความเชื่อเดิม(พุทธศาสนา)แต่ผมระลึกถึงความดีงามทั้งหลายได้ทางศาสนาอื่นๆหรือ"สัญะ"ในศาสนาอื่นๆด้วยเช่นกัน ผมสวดว่าพุทธัง สรณัง....ขอถือซึ่งพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง(เช่นในทุกศาสนา คุณต้องเชื่ออย่างมั่นคงในศาสนาของคุณ) แต่ผมก็สามารถไหว้พะคริสตเจ้าได้อย่างเคารพ เพราะผมคิดว่า...โอ้ ท่านช่างเป็นผู้เสียสละ อย่างที่เราๆมนุษย์ผู้เห็นแก่ตัวไม่อาจทำได้จริงๆ....และเราก็คงพบเรื่องแห่งการเสียสละเหล่านี้ได้จากพระศาสดาทั้งหลาย
ผมไม่ได้หมายถึงว่า เราต้องไหว้ อะไรๆไปซะหมด ผมเพียงแต่หมายถึงในกรณีที่ท่านได้ศีกษาแล้ว ท่านอาจจะไหว้หรือแสดงความเคารพในกาละ และเทศะ ที่จำเป็นได้อย่างสบายใจและบังเกิดประโยชน์น้อมนำจิตใจให้สันติสุขมากกว่าจะรู้สึกแย่จนกลายเป็นความขุ่นข้องใจ และหวังว่าเราคงจะหาแนวทางที่เป็นกลางและสันติได้ จะได้ไม่ต้องมีเหน็บแนมกันดังที่มีกันอยู่(บ้าง)
ขออภัยที่เขียนพร่ำยาวทุกครั้งครับ
พูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ที่เมลครับ
หากพี่คิดว่านี่เป็นการพร่ำยาว
ผมก็ขอบอกว่า มันก็ได้ประโยชน์สาระมากครับ
เหล่าครูสอนศาสนา ทั้งหลาย ย่อมต้องขวนขวายหาความรู้ เพื่อก่อสันติแก่โลก
แต่ก็อนิจา คนทั่วไป กลับไม่สนใจ แม้กระทั่งหลักคำสอนในศาสนาที่ตนนับถือเองก็ตามที
เป็นเรื่องธรรมดาเสียแล้ว ที่ศาสนากลับมีค่าเพียง ลายหมึกบนทะเบียนบ้าน
นอกจากที่เราจะเข้าใจ ในศาสนาของตนเองผู้อื่นแล้ว
เราก็ต้องรู้จัก "ให้อภัย" ด้วย
เพราะมีผู้คน มากมายเหลือเกินที่ไม่เข้าใจในสิ่งเหล่านี้
ดั่งที่พระคริสตเจ้า ทรงให้อภัย แม้ ผู้คนที่กำลังปลงพระชนม์ท่านอยู่
"พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยให้เขาด้วยเพราะเขาไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร"
ขอสันติพึงมีแด่ท่านทั้งหลายครับ
ผมก็ขอบอกว่า มันก็ได้ประโยชน์สาระมากครับ
เหล่าครูสอนศาสนา ทั้งหลาย ย่อมต้องขวนขวายหาความรู้ เพื่อก่อสันติแก่โลก
แต่ก็อนิจา คนทั่วไป กลับไม่สนใจ แม้กระทั่งหลักคำสอนในศาสนาที่ตนนับถือเองก็ตามที
เป็นเรื่องธรรมดาเสียแล้ว ที่ศาสนากลับมีค่าเพียง ลายหมึกบนทะเบียนบ้าน
นอกจากที่เราจะเข้าใจ ในศาสนาของตนเองผู้อื่นแล้ว
เราก็ต้องรู้จัก "ให้อภัย" ด้วย
เพราะมีผู้คน มากมายเหลือเกินที่ไม่เข้าใจในสิ่งเหล่านี้
ดั่งที่พระคริสตเจ้า ทรงให้อภัย แม้ ผู้คนที่กำลังปลงพระชนม์ท่านอยู่
"พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยให้เขาด้วยเพราะเขาไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร"
ขอสันติพึงมีแด่ท่านทั้งหลายครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร ก.ย. 12, 2006 2:45 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
จริงด้วยยศตอบได้ดีมากยศิโยน:ผู้เห็นแด่พระเจ้า เขียน: หากพี่คิดว่านี่เป็นการพร่ำยาว
ผมก็ขอบอกว่า มันก็ได้ประโยชน์สาระ*กครับ
เหล่าครูสอนศาสนา ทั้งหลาย ย่อมต้องขวนขวายหาความรู้ เพื่อก่อสันติแก่โลก
แต่ก็อนิจา คนทั่วไป กลับไม่สนใจ แม้กระทั่งหลักคำสอนในศาสนาที่ตนนับถือเองก็ตามที
เป็นเรื่องธรรมดาเสียแล้ว ที่ศาสนากลับมีค่าเพียง ลายหมึกบนทะเบียนบ้าน
"พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยให้เขาด้วยเพราะเขาไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร"
ขอสันติพึงมีแด่ท่านทั้งหลายครับ
:+:S.PAULVS:+: เขียน:จริงด้วยยศตอบได้ดีมากยศิโยน:ผู้เห็นแด่พระเจ้า เขียน: หากพี่คิดว่านี่เป็นการพร่ำยาว
ผมก็ขอบอกว่า มันก็ได้ประโยชน์สาระ*กครับ
เหล่าครูสอนศาสนา ทั้งหลาย ย่อมต้องขวนขวายหาความรู้ เพื่อก่อสันติแก่โลก
แต่ก็อนิจา คนทั่วไป กลับไม่สนใจ แม้กระทั่งหลักคำสอนในศาสนาที่ตนนับถือเองก็ตามที
เป็นเรื่องธรรมดาเสียแล้ว ที่ศาสนากลับมีค่าเพียง ลายหมึกบนทะเบียนบ้าน
"พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยให้เขาด้วยเพราะเขาไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร"
ขอสันติพึงมีแด่ท่านทั้งหลายครับ
เรียกพี่หน่อยก็ดีนะจ้ะ
-
- โพสต์: 1159
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm
ยศ แก่กว่า S.PAULVS เหรอ นึกว่าจะเป็นเหล่าเยาวชน อิอิ
จขกท. ชอบนักบุญฟรังซิส อัสซีซี เหมือนกันเลยค่ะ และเห็นด้วยในหลักการที่นำเสนอนะคะ
การให้เกียรติแก่ศาสนาอื่น หรือเคารพความเชื่อของศาสนา นอกจากจะเป็นการแสดงถึงความสุภาพอ่อนโยนและมีน้ำใจดี แล้ว ยังเป็นการบอกด้วยว่า คนนั้นมีความหนักแน่นในศาสนาของตน เพราะ เราสามารถแยกแยะ ระหว่างสิ่งที่เราเชื่อ กับการแสดงออกที่เป็นการเคารพความเชื่อของคนอื่น เมื่อต้องอยู่ร่วมกันได้
ขอพระเจ้าประทานสันติสุขในจิตใจของเราทุกคน และโลกใบนี้ด้วย
จขกท. ชอบนักบุญฟรังซิส อัสซีซี เหมือนกันเลยค่ะ และเห็นด้วยในหลักการที่นำเสนอนะคะ
การให้เกียรติแก่ศาสนาอื่น หรือเคารพความเชื่อของศาสนา นอกจากจะเป็นการแสดงถึงความสุภาพอ่อนโยนและมีน้ำใจดี แล้ว ยังเป็นการบอกด้วยว่า คนนั้นมีความหนักแน่นในศาสนาของตน เพราะ เราสามารถแยกแยะ ระหว่างสิ่งที่เราเชื่อ กับการแสดงออกที่เป็นการเคารพความเชื่อของคนอื่น เมื่อต้องอยู่ร่วมกันได้
ขอพระเจ้าประทานสันติสุขในจิตใจของเราทุกคน และโลกใบนี้ด้วย
ก็ห่างกัน ปีเดียวเองฮะจอมนางกระบี่เดี่ยว เขียน: ยศ แก่กว่า S.PAULVS เหรอ นึกว่าจะเป็นเหล่าเยาวชน อิอิ
แถมยศหน้าเด็กกว่าด้วย
- lovejesus(cap)
- โพสต์: 250
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ เม.ย. 17, 2006 7:15 pm
ไม้กางเขนแบบฟรังซิสกันเป็นยังไงหรอครับและโดยส่วนตัวนั้นผมเคารพนักบุญฟรันซิส แห่ง อัสซีซีเป็นพิเศษ จึงห้อยไม้กางเขนแบบฟรันซิสกันอยู่ที่คอ
lovejesus(cap) เขียน:ไม้กางเขนแบบฟรังซิสกันเป็นยังไงหรอครับและโดยส่วนตัวนั้นผมเคารพนักบุญฟรันซิส แห่ง อัสซีซีเป็นพิเศษ จึงห้อยไม้กางเขนแบบฟรันซิสกันอยู่ที่คอ
คิดว่าน่าจะใช่สักอันนึง ละครับ
หารูปชัดสุดได้แค่นี้ละขอโทษด้วย
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ ก.ย. 17, 2006 6:02 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
พียส พี่ยศ พี่ยศฮ้า
อืมบอกตามตรงผมนับถือศาสนาพุทธ แต่ผมก็ชอบคำสอน+กับอีกหลายๆเรื่องของคริส แล้วก็ชอบระเบียบวินัย การปฏิบัติตัว และคำสอนอีกหายๆข้อของอิศลามด้วย
อืมอาจจะไม่ดีนัก แต่ผมเลือกที่จะทำตามในหลายๆข้อของหลายๆศาสนา เพราะมันสามารถเอามาใช้ในชีวิตจริงได้ และมันช่วยให้เราใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ดีขึ้นจริงๆ
อืมบอกตามตรงผมนับถือศาสนาพุทธ แต่ผมก็ชอบคำสอน+กับอีกหลายๆเรื่องของคริส แล้วก็ชอบระเบียบวินัย การปฏิบัติตัว และคำสอนอีกหายๆข้อของอิศลามด้วย
อืมอาจจะไม่ดีนัก แต่ผมเลือกที่จะทำตามในหลายๆข้อของหลายๆศาสนา เพราะมันสามารถเอามาใช้ในชีวิตจริงได้ และมันช่วยให้เราใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ดีขึ้นจริงๆ
- SHANTIRAKSA
- โพสต์: 87
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 19, 2005 8:58 pm
ไม้กางเขนแบบฟรานซิสกัน ลักษณะเหมือนตัว T ครับ บางทีเรียก ไม้กางเขนแบบนักบุญแอนโธนี่(อันตน)
เชื่อกันว่ารูปตัว T แบบนี้ เป็นสัญลักษณ์ที่มีใช้กันมานาน ในดินแดนแถบอียิปต์ และบาบิโลน
บางท่านเรียกว่าเป็นกางเขนแห่งพระคัมภีร์เก่า เพราะเชื่อว่า โมเสส ใช้ไม้เท้ารูปแบบนี้ในตอนที่ยกงูติดกับเสา
....และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า "จงทำงูแมวเซาตัวหนึ่งติดไว้ที่เสา และต่อมาทุกคนที่ถูกงูกัดเมื่อเขามองดู เขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้" (กันดารวิถี21:8)
ความเชื่อนี้ได้เชื่อมโยงไปถึงว่านี่อาจเป็นไม้กางเขนแบบที่พวกโรมันใช้กับพระคริสตเจ้า
อ้างจาก ......โมเสสได้ยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น
เพื่อผู้ใดที่เชื่อในพระองค์จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์..... ยอห์น3:14-15
ไม้กางเขนแบบนี้ถูกอ้างจากบทนี้เป็นสำคัญ เอเสเคียล 9:4
"และพระเยโฮวาห์ตรัสกับเขาว่า "จงผ่านไปท่ามกลางนครนั้นให้ตลอด คือตลอดท่ามกลางกรุงเยรูซาเล็ม และทำเครื่องหมายไว้บนหน้าผากของประชาชนที่ถอนหายใจ และร่ำไห้เพราะสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนทั้งสิ้นที่กระทำกันท่ามกลางนครนั้น"
คำว่าเครื่องหมาย(หรือmark)ในตัวเขียนฉบับฮิบรูนั้น เขียนได้มีลักษณะเช่นนี้:/\ X + T(ก็คล้ายๆกับขีดไขว้กันให้แทนคำว่า"เครื่องหมาย") และต่อมาก็ใกล้ไปในทางตัว T มากที่สุด ตัวอักษรนี้เองที่ฮิบรูออกเสียงว่า Taw, Tav หรือ Tau
จึงเรียกไม้กางเขนแบบนี้ว่า แบบ เทา(บางคนออกเสียงเตา, เต๋า หรืออะไรก็ตามแต่)
ไม้กางเขนแบบนี้ถูกใช้กันแพร่หลายโดยเหล่าฤษีแอนโธนี่ซึ่งก่อตั้งขึ้นในอียิปต์ ต่อมาเหล่าพระในคณะนี้ออกเผยแผ่
คำสอนไปยังดินแดนต่างๆ รวมทั้งที่อิตาลี ซึ่งท่านเหล่านี้ยังสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเรื้อนเป็นหน้าที่อีกด้วย
นักบุญฟรันซิส คุ้นเคยอยู่กับเหล่าพระในคณะนี้ดีเพราะบ้านพักของผู้ป่วยโรคเรื้อนนั้นตั้งอยู่ในอัสซีซีด้วย
ในขณะเดียวกันนั้นเอง พระสันตปาปาอินโนเซนท์ที่3 ทรงก่อตั้งและเปิด The Fourth Lateran Council (ไม่รู้ภาษาไทยบัญญัติว่ายังไงครับ) และทรงดำรัสว่า สำหรับท่าน สำหรับพระศาสนจักร และ ชาวคาทอลิกทุกคน สัญลักษณ์ที่แท้จริงแห่งปัสกาคือ ไม้กางเขนแบบ เทา และนี่คือไม้กางเขนแบบที่พระคริสต์ถูกทรมานอย่างแท้จริง
"The TAU has exactly the same form as the Cross on which our Lord was crucified on Calvary, and only those will be marked with this sign and will obtain mercy who have mortified their flesh and conformed their life to that of the Crucified Savior."
ท่านนักบุญฟรันซิสก็ได้ฟังพระดำรัสในครั้งนั้น และประทับใจอย่างมาก ท่านจึงถือเอาไม้กางเขนแบบนี้เป็นสัญลักษณ์ของท่านและคณะ เคารพและภาวนาอย่างลึกซึ้งต่อไม้กางเขนแบบเทา
(เก็บความและแปลเอาอย่างภาษาไม่แข็งแรงครับ)
เชื่อกันว่ารูปตัว T แบบนี้ เป็นสัญลักษณ์ที่มีใช้กันมานาน ในดินแดนแถบอียิปต์ และบาบิโลน
บางท่านเรียกว่าเป็นกางเขนแห่งพระคัมภีร์เก่า เพราะเชื่อว่า โมเสส ใช้ไม้เท้ารูปแบบนี้ในตอนที่ยกงูติดกับเสา
....และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า "จงทำงูแมวเซาตัวหนึ่งติดไว้ที่เสา และต่อมาทุกคนที่ถูกงูกัดเมื่อเขามองดู เขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้" (กันดารวิถี21:8)
ความเชื่อนี้ได้เชื่อมโยงไปถึงว่านี่อาจเป็นไม้กางเขนแบบที่พวกโรมันใช้กับพระคริสตเจ้า
อ้างจาก ......โมเสสได้ยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น
เพื่อผู้ใดที่เชื่อในพระองค์จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์..... ยอห์น3:14-15
ไม้กางเขนแบบนี้ถูกอ้างจากบทนี้เป็นสำคัญ เอเสเคียล 9:4
"และพระเยโฮวาห์ตรัสกับเขาว่า "จงผ่านไปท่ามกลางนครนั้นให้ตลอด คือตลอดท่ามกลางกรุงเยรูซาเล็ม และทำเครื่องหมายไว้บนหน้าผากของประชาชนที่ถอนหายใจ และร่ำไห้เพราะสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนทั้งสิ้นที่กระทำกันท่ามกลางนครนั้น"
คำว่าเครื่องหมาย(หรือmark)ในตัวเขียนฉบับฮิบรูนั้น เขียนได้มีลักษณะเช่นนี้:/\ X + T(ก็คล้ายๆกับขีดไขว้กันให้แทนคำว่า"เครื่องหมาย") และต่อมาก็ใกล้ไปในทางตัว T มากที่สุด ตัวอักษรนี้เองที่ฮิบรูออกเสียงว่า Taw, Tav หรือ Tau
จึงเรียกไม้กางเขนแบบนี้ว่า แบบ เทา(บางคนออกเสียงเตา, เต๋า หรืออะไรก็ตามแต่)
ไม้กางเขนแบบนี้ถูกใช้กันแพร่หลายโดยเหล่าฤษีแอนโธนี่ซึ่งก่อตั้งขึ้นในอียิปต์ ต่อมาเหล่าพระในคณะนี้ออกเผยแผ่
คำสอนไปยังดินแดนต่างๆ รวมทั้งที่อิตาลี ซึ่งท่านเหล่านี้ยังสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเรื้อนเป็นหน้าที่อีกด้วย
นักบุญฟรันซิส คุ้นเคยอยู่กับเหล่าพระในคณะนี้ดีเพราะบ้านพักของผู้ป่วยโรคเรื้อนนั้นตั้งอยู่ในอัสซีซีด้วย
ในขณะเดียวกันนั้นเอง พระสันตปาปาอินโนเซนท์ที่3 ทรงก่อตั้งและเปิด The Fourth Lateran Council (ไม่รู้ภาษาไทยบัญญัติว่ายังไงครับ) และทรงดำรัสว่า สำหรับท่าน สำหรับพระศาสนจักร และ ชาวคาทอลิกทุกคน สัญลักษณ์ที่แท้จริงแห่งปัสกาคือ ไม้กางเขนแบบ เทา และนี่คือไม้กางเขนแบบที่พระคริสต์ถูกทรมานอย่างแท้จริง
"The TAU has exactly the same form as the Cross on which our Lord was crucified on Calvary, and only those will be marked with this sign and will obtain mercy who have mortified their flesh and conformed their life to that of the Crucified Savior."
ท่านนักบุญฟรันซิสก็ได้ฟังพระดำรัสในครั้งนั้น และประทับใจอย่างมาก ท่านจึงถือเอาไม้กางเขนแบบนี้เป็นสัญลักษณ์ของท่านและคณะ เคารพและภาวนาอย่างลึกซึ้งต่อไม้กางเขนแบบเทา
(เก็บความและแปลเอาอย่างภาษาไม่แข็งแรงครับ)
แก้ไขล่าสุดโดย SHANTIRAKSA เมื่อ อังคาร ก.ย. 19, 2006 11:16 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
พระพุทธเจ้าและพระเยซูเจ้าเป็น2บุรุษที่มาเติมแต่งให้โลกสมบูรณ์ : พระพุทธทาสกล่าว
เห็นบางคนสงสัยเคยถามศาลพรถภูมิ(พระภูมิ เจ้าที่) ที่เรียกกันเป็นของศาสนาพุทธหรอ จริงๆไม่ใช่นะจ้า
เป็นของศาสนาพราหมณ์จ๊ะ
เห็นบางคนสงสัยเคยถามศาลพรถภูมิ(พระภูมิ เจ้าที่) ที่เรียกกันเป็นของศาสนาพุทธหรอ จริงๆไม่ใช่นะจ้า
เป็นของศาสนาพราหมณ์จ๊ะ
-
- โพสต์: 361
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 08, 2012 8:57 pm
พระเยซูคริสตเจ้า เป็นพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้
พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์แท้ๆ
อันที่จริงถึงพื้นฐานความเชื่อทางศาสนาจะมีผลต่อกิจวัตรประจำวันที่แตกต่างจริงๆ แต่หากอยู่บนหลักศาสนาก็ไม่น่าจะมีปัญหากันเพราะไม่น่ามีศาสนาไหนสอนให้ ไม่ยอมกัน ไม่อภัยกัน ไม่รักกัน ถ้าจะมีใครมีเรื่องกันคนพวกนั้นไม่น่าจะเป็นคนที่ตั้งตัวในหลักคำสอนของศาสนานี่นะ แค่อ้างความต่างมาแก้ตัวความแตกแยกและความพาลของตัวเอง......เนอะ
พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์แท้ๆ
อันที่จริงถึงพื้นฐานความเชื่อทางศาสนาจะมีผลต่อกิจวัตรประจำวันที่แตกต่างจริงๆ แต่หากอยู่บนหลักศาสนาก็ไม่น่าจะมีปัญหากันเพราะไม่น่ามีศาสนาไหนสอนให้ ไม่ยอมกัน ไม่อภัยกัน ไม่รักกัน ถ้าจะมีใครมีเรื่องกันคนพวกนั้นไม่น่าจะเป็นคนที่ตั้งตัวในหลักคำสอนของศาสนานี่นะ แค่อ้างความต่างมาแก้ตัวความแตกแยกและความพาลของตัวเอง......เนอะ
-
- โพสต์: 361
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 08, 2012 8:57 pm
ก็พี่บังเอิ๊ญบังเอิญไปเจอเข้านี๊นา ><