เคยมั้ยครับ
ผมเคยนะ หลายครั้ง มีคนที่ทำให้เราเจ็บใจ หื้มมมม อยากชกหน้าคืน อยากฆ่ามันทิ้งออกไปจากโลกนี้ อยากกดมันลงชักโครก โอ้ววว มันส์มาก
แต่ผมเชื่อว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ส่งสัญญาณAlarm เตือนขึ้นในใจคุณ (เสียงพระวิญญาณตรัสกับเรา) เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับผม
ว่า "เรายังอภัยให้เจ้าเลย แล้วทำไมเจ้าจะให้อภัยคนคนนั้นที่ทำให้เจ้าเจ็บ ถวายเป็นเครื่องบูชาให้เราไม่ได้เชียวหรือ"
อื้มม นั่นสิ
พระเจ้ายังให้อภัยเรา
แล้วทำไม เราไม่ให้อภัยผู้อื่น ทำไม ทำไม ทำม๊ายยย (สติแตก)
55555+ :laugh:
เอาละ กำลังนั่งพิมพ์อยู่ มือถือก็ดัง "ตื่นได้แล้ว ๆๆ "
6 โมงเช้า เอ้อ ยังไม่ได้นอนเลย :embarrassed:
ครับ
ผมอยากหนุนใจพี่น้อง ที่ยังเจ็บปวดกับคนบาปทั้งหลาย ทั้งที่เค้าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจทำให้เราเจ็บปวดก็ตาม
ขอให้เรา ให้อภัยเค้าถวายพระเจ้า :rolleyes:
เหมือนที่พระเยซูคริสต์ไถ่บาปเราถวายแด่พระบิดา(พระเจ้าทรงรักโลก)
ลองนึกดูสิครับ เพราะบาปของเรา เพราะความโกรธของเรา เพราะความจองเวร อาฆาตพยาบาท ของเรา ทำให้แกะบริสุทธิ์ต้องถูกโซ่ตวนฟาดจนหลัดเหวอะเละอาบเลือด ถูกทุบตี ถูกถ่มน้ำลายใส่ ถูกล่ามโซ่ลากไปตามถนนหนทาง ถูกตอกตะปูอันใหญ่ที่ปลายแขนทั้งสอง แถมต้องห้อยแบกรับน้ำหนักตัวอีก
เพราะใครหละครับ ก็เพราะเรา
ฉะนั้น หยุดความบาปไว้เพียงเท่านี้ ให้ความบาปจบลงแค่ตรงนี้
"อย่าสานต่อความบาป" :azn:
แค่นี้ ก็เป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้าอย่างมาก
และคุณก็จะได้รับพระพรจากพระองค์ด้วย
"เพราะผู้ใดทนถึงที่สุด ผู้นั้นจะได้มงกุฏแห่งชีวิต" :cheesy:
---------
พระเจ้าบอกให้เราอธิษฐานเผื่อศัตรู :huh:
ทำไมพระองค์ถึงบอกเช่นนั้น :huh:
เพราะพระองค์ ไม่ประสงค์ให้มนุษย์ทุกคนตกอยู่ในความบาป
พระองค์จึงให้คุณ เป็นผู้ยุติความบาป คือ "ไม่สานต่อความบาป"
นี่แหละครับ พระเจ้ารักคุณมาก ขอให้คุณข้ามผ่านไปให้ได้ ผมเองกว่าจะผ่านไปได้ ก็ยากไม่น้อย และพอผมได้ดูข่าว ก็อืม เกิดอาการแค้นเคืองนั้นขึ้นมาอีก แต่ก็ก้าวข้ามผ่านมาได้ และมองทุกสิ่งด้วยความเข้าใจ และผมเชื่อว่าคุณก็ทำได้
ผมเอง ยังเอ๊าะๆ เลือดร้อนแรง ยังผ่านไปได้ คุณอายุมากแล้ว เอ้ย ไม่ใช่ คุณใจเย็นกว่าผมมากแน่ คุณต้องทำใจให้อภัยได้เร็วกว่าผมแน่นอน (ผมให้อภัยภายใน 1 คืน) ของคุณก็ ครึ่ง คืน พอนะครับ 55555+ :shocked:
เอาละ ลาไปก่อน วันนี้อยู่บ้านทั้งวัน ไว้จะแวะเวียนมาคุยเรื่อยๆ :police:
สำหรับใครที่ถูกข่มเหง รังแกฯลฯ แล้วตอนนี้ยังให้อภัยเขาไม่ได้ Click!
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ขอบคุณนะครับ อ่านแล้วนึกถึงบทอ่านเมื่อวานนี้เลยครับ
วันพุธที่12 กันยายน 2007
สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโคโลสี คส 3:1-11
พี่น้อง ถ้าท่านทั้งหลายได้กลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว ก็จงใฝ่หาแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนเถิด ณ ที่นั้นพระคริสตเจ้าประทับเบื้องขวาของพระเจ้า จงคิดถึงแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบน อย่าพะวงถึงสิ่งของบนแผ่นดินนี้ เพราะท่านทั้งหลายได้ตายไปแล้ว และชีวิตของท่านก็ซ่อนอยู่กับพระคริสตเจ้าในพระเจ้า เมื่อพระคริสตเจ้า องค์ชีวิตของท่านจะทรงปรากฏ เมื่อนั้นแหละท่านจะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์ด้วย
เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงปราบโลกียวิสัยในตัวท่านเสีย ได้แก่ การผิดประเวณี ความลามก กิเลสตัณหา ความปรารถนาในทางชั่วร้าย ความโลภซึ่งเป็นการนับถือรูปปฏิมาอย่างหนึ่ง โลกียวิสัยเหล่านี้แหละนำการตัดสินลงโทษของพระเจ้าลงมายังผู้ดื้อรั้น ท่านเองครั้งหนึ่งก็เคยเป็นเช่นนี้เมื่อดำเนินชีวิตในกิเลสตัณหาเหล่านี้ แต่บัดนี้ ท่านจงปลดเปลื้องเสียให้สิ้นทุกอย่าง คือความโกรธ ความโมโหร้าย การปองร้าย การสาปแช่ง และการพูดหยาบคาย อย่าพูดเท็จต่อกัน ท่านทั้งหลายได้ปลด เปลื้องวิสัยมนุษย์เก่าๆพร้อมกับการกระทำของมันแล้ว และได้สวมใส่วิสัยมนุษย์ใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อมุ่งไปหาความรู้ตามภาพลักษณ์ขององค์พระผู้สร้างในที่นี้ ไม่มีชาวกรีก ไม่มีชาวยิว ไม่มีการเข้าสุหนัตหรือการไม่เข้าสุหนัต ไม่มีอนารยชนหรือชาวสิเธีย ไม่มีทาส ไม่มีไทย มีแต่พระคริสตเจ้าที่ทรงเป็นทุกสิ่งในทุกคน
ขอพระเจ้าอวยพรนะครับ
วันพุธที่12 กันยายน 2007
สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโคโลสี คส 3:1-11
พี่น้อง ถ้าท่านทั้งหลายได้กลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว ก็จงใฝ่หาแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนเถิด ณ ที่นั้นพระคริสตเจ้าประทับเบื้องขวาของพระเจ้า จงคิดถึงแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบน อย่าพะวงถึงสิ่งของบนแผ่นดินนี้ เพราะท่านทั้งหลายได้ตายไปแล้ว และชีวิตของท่านก็ซ่อนอยู่กับพระคริสตเจ้าในพระเจ้า เมื่อพระคริสตเจ้า องค์ชีวิตของท่านจะทรงปรากฏ เมื่อนั้นแหละท่านจะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์ด้วย
เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงปราบโลกียวิสัยในตัวท่านเสีย ได้แก่ การผิดประเวณี ความลามก กิเลสตัณหา ความปรารถนาในทางชั่วร้าย ความโลภซึ่งเป็นการนับถือรูปปฏิมาอย่างหนึ่ง โลกียวิสัยเหล่านี้แหละนำการตัดสินลงโทษของพระเจ้าลงมายังผู้ดื้อรั้น ท่านเองครั้งหนึ่งก็เคยเป็นเช่นนี้เมื่อดำเนินชีวิตในกิเลสตัณหาเหล่านี้ แต่บัดนี้ ท่านจงปลดเปลื้องเสียให้สิ้นทุกอย่าง คือความโกรธ ความโมโหร้าย การปองร้าย การสาปแช่ง และการพูดหยาบคาย อย่าพูดเท็จต่อกัน ท่านทั้งหลายได้ปลด เปลื้องวิสัยมนุษย์เก่าๆพร้อมกับการกระทำของมันแล้ว และได้สวมใส่วิสัยมนุษย์ใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อมุ่งไปหาความรู้ตามภาพลักษณ์ขององค์พระผู้สร้างในที่นี้ ไม่มีชาวกรีก ไม่มีชาวยิว ไม่มีการเข้าสุหนัตหรือการไม่เข้าสุหนัต ไม่มีอนารยชนหรือชาวสิเธีย ไม่มีทาส ไม่มีไทย มีแต่พระคริสตเจ้าที่ทรงเป็นทุกสิ่งในทุกคน
ขอพระเจ้าอวยพรนะครับ
ผมชอบมากครับ บทอ่านนี้Batholomew เขียน: ขอบคุณนะครับ อ่านแล้วนึกถึงบทอ่านเมื่อวานนี้เลยครับ
วันพุธที่12 กันยายน 2007
สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโคโลสี คส 3:1-11
พี่น้อง ถ้าท่านทั้งหลายได้กลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว ก็จงใฝ่หาแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนเถิด ณ ที่นั้นพระคริสตเจ้าประทับเบื้องขวาของพระเจ้า จงคิดถึงแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบน อย่าพะวงถึงสิ่งของบนแผ่นดินนี้ เพราะท่านทั้งหลายได้ตายไปแล้ว และชีวิตของท่านก็ซ่อนอยู่กับพระคริสตเจ้าในพระเจ้า เมื่อพระคริสตเจ้า องค์ชีวิตของท่านจะทรงปรากฏ เมื่อนั้นแหละท่านจะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์ด้วย
เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงปราบโลกียวิสัยในตัวท่านเสีย ได้แก่ การผิดประเวณี ความลามก กิเลสตัณหา ความปรารถนาในทางชั่วร้าย ความโลภซึ่งเป็นการนับถือรูปปฏิมาอย่างหนึ่ง โลกียวิสัยเหล่านี้แหละนำการตัดสินลงโทษของพระเจ้าลงมายังผู้ดื้อรั้น ท่านเองครั้งหนึ่งก็เคยเป็นเช่นนี้เมื่อดำเนินชีวิตในกิเลสตัณหาเหล่านี้ แต่บัดนี้ ท่านจงปลดเปลื้องเสียให้สิ้นทุกอย่าง คือความโกรธ ความโมโหร้าย การปองร้าย การสาปแช่ง และการพูดหยาบคาย อย่าพูดเท็จต่อกัน ท่านทั้งหลายได้ปลด เปลื้องวิสัยมนุษย์เก่าๆพร้อมกับการกระทำของมันแล้ว และได้สวมใส่วิสัยมนุษย์ใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อมุ่งไปหาความรู้ตามภาพลักษณ์ขององค์พระผู้สร้างในที่นี้ ไม่มีชาวกรีก ไม่มีชาวยิว ไม่มีการเข้าสุหนัตหรือการไม่เข้าสุหนัต ไม่มีอนารยชนหรือชาวสิเธีย ไม่มีทาส ไม่มีไทย มีแต่พระคริสตเจ้าที่ทรงเป็นทุกสิ่งในทุกคน
ขอพระเจ้าอวยพรนะครับ
พระเป็นพระเจ้าทรงเล็งให้เราเห็นว่า กิเลส ตัณหา ย่อมมีอยู่ในใจของมนุษย์
ทุกคน แต่ว่าใครจะหลีกเลี่ยงกิเลสแห่งมนุษย์ ได้มากน้อยไม่เท่ากัน
ขึ้นอยู่กับพระพรของพระจิตเจ้าที่ได้รับ
เพราะเราจะต้องถุกเผชิญการล่อลวงตลอดเวลา
จะทำให้ใจของเราหวั่นไหวแต่พระจะอยู่คอยช่วยเราตลอดเวลา
แก้ไขล่าสุดโดย Nat เมื่อ ศุกร์ ต.ค. 05, 2007 8:20 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.