กว่าจะอ่านทั้งหมดจบ ... เหนื่อยจัง
ไม่ได้ติดตามกระทู้นี้มานานเลย...
บูครับ ผมเคยมีอาการคล้ายๆ กับบู
ตอนอยู่ ม.ปลาย อะคับ ...
อาการที่คิดว่า มีแต่คนไม่รัก ... เครียด
คิดมาก ไม่อยากเรียน อยากตาย
ไม่อยากเจอหน้าใคร ... เจอภาพในอดีต
วนเวียนอยู่ในสมองตลอดเวลา ... เจอภาพแปลกๆ
โผล่ขึ้นมา แล้วทักว่า เป็นสิ่งที่เคยเจอ เคยพบมาก่อน
อาการแบบนี้แหละที่ทำให้ผม มีเส้นโน้มเอียงไป
ทางคนที่เป็นโรคประสาท และบ้าในที่สุด
แต่ต้องขอขอบคุณ คพ. อภิสิทธิ์ กฤษฤๅลัม (อาจสะกดผิด)
หรือ พ่อโกร่ง คณะพระมหาไถ่ นะคับ
ท่านเป็นนักจิตวิทยา ที่เชียวชาญเรื่องนี้มาก...
ท่านได้ให้ผมทำข้อสอบ แล้วสามารถ สรุปอาการทางจิตที่เกิดขึ้นได้
ว่า มีเรื่องหลักๆ มาจากสาเหตุใด
เรื่องทางจิตที่ผมมี มีสาเหตุมาจาก
1. อารมณ์ที่แปรปรวนง่ายมาก (เดี่ยวโมโห เดี่ยวยิ้ม)
2. อารมณ์ที่มีจุด Peak มากกว่า ชาวบ้านปกติ
เช่น แมวตาย ก็เสียใจเหมือนเห็นคนตาย ซื้อของได้ถูกกว่าเขานิดนึง ก็นึกว่าได้รางวัลที่หนึ่ง (แบบนั้น)
ซึ่งคุณพ่อได้เสริมด้วยอารมณ์ขัน ว่า มันโน้มเอียงเข้าหา เส้น (ปัญญาอ่อน) หรือไม่ก็เส้นอัจฉริยะ เพราะมันใกล้กัน
เมื่อผมรู้ตัวเองแบบนี้ ยังมีน้าๆ เพื่อนๆ ที่คอยสอนผมว่า
หากเริ่มรู้ตัวเองว่า "นั่น ภาพนี้ เหตุการณ์นี้ ฉันรู้สึกคุ้นๆ ว่าพบมาก่อน"
พยายามเลยครับ เมื่อเห็นภาพแบบนั้น เหตุการณ์ แบบนั้น คิดอย่างเดียวว่า
ฉันไม่เคยเห็นมัน ฉันเพิ่งมายืนตรงนี้ เพิ่งจะเห็นมันตะกี้ ... ฝึกแบบนี้ไปเรื่อยๆ
อาการแบบประสาทหลอนเล็กๆ นี้จะหายไป ผมใช้เวลาเป็นเดือนเหมือนกัน
ถึงจะชินกับความรู้สึกแบบนี้
ส่วนอารมณ์ที่แปรปรวนง่าย ก็แก้ไม่ยาก
วิธีก็คือ พยายามอยู่กับบุคคลที่มีจิตใจหนักแน่น
หางาน หรือกิจกรรมที่เราต้องใช้อารมณ์ใด อารมณ์หนึ่งกับงานนั้นๆ มากๆ
แล้วความแปรปรวนจะลดลง
ส่วนอารมณ์แบบ Peak อันนี้ ก็ไม่ยาก
พยายามมองโลกให้เป็นเรื่องธรรมดา
เช่น ใครจะเป็นอะไร ก็คิดว่า ... เขาก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว
คิดว่า มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ... แล้วอารมณ์เราจะไม่ Peak ในที่สุด
จากสาเหตุ 2 ข้อเนี่ย มีผลทำให้
ความรู้สึก เบื่อ อยากตาย เครียด หายไปเลยครับ
ที่เรา เบื่อ อยากตาย เครียด ก็เพราะ เราไม่สามารถ
ยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ด้านได้
เช่น บางคนเคยสัญญา แล้วผิดสัญญา เรารับไม่ได้
เราก็กลับมาคิด เครียดๆ และเครียด
ซึ่งจะตรงกับอารมณ์ Peak เลย คือ ช่างมันปะไร
ใครๆ ก็ผิดนัดได้ ... เป็นต้น
เมื่อทุกอย่างอาการทุกอย่างถูกยอมรับแล้ว
อารมณ์เราก็จะนิ่ง สุขุม เยือกเย็น เป็นผู้ใหญ่
แล้วที่สำคัญ จิตแพทย์คงเป็นบุคคลสุดท้ายที่คิดถึง
เพราะอาการต่างๆ ได้หายไปแล้วนั่นเอง
แต่ที่สำคัญอีกข้อหนึ่ง
อย่าแก้ปัญหาที่ว่ามาด้วยตัวบูคนเดียว
เรื่องทั้งหมดนี้ ต้องวิงวอนขอพระหรรษทาน
จากพระเจ้าด้วย เพราะพระองค์ก็ปรารถนา
ช่วยให้เรากลับมาเป็นปกติ เช่นกัน
ที่หลายครั้งเราคิดว่า พระองค์ไม่ได้ยิน
ก็เป็นเพราะอาการเหล่านั้นแหละ มันไปบดบัง
เสียงของพระองค์ ... เพราะเสียงของพระองค์
เบาสะเหลือเกินสำหรับผู้่มีความเชื่อน้อย
แต่ดังเหมือนฝ่าผ้า หากท่านมีความเชื่อมากล้น ...
พระองค์ฟังเสมอครับ
แต่ต้องหยุดนิ่ง และฟังเสียงพระองค์ด้วยนะคับ
ลองฝึกดูละกัน
บอกพระองค์ว่า "ขอพระองค์จงเปิดดวงตา หัวใจลูก ได้เข้าใจความหมายในสิ่งที่พระองค์จะประทานให้ลูกเถิด"
ไว้แค่นี้ก่อนนะคับ