++ นพวารนักบุญอันตน แห่งปาดัว ++
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 15, 2008 10:55 am
คำนำ
ในประวัติของท่านนักบุญอันตน มีอัศจรรย์เกิดขึ้นมากมายทำให้ผู้คนต่างหันมาขอความช่วยเหลือจากพระเป็นเจ้า โดยอาศัยคำเสนอวิงวอนของท่าน เพื่อสนองความต้องการของผู้ที่ศรัทธาต่อท่านนักบุญ จึงได้มีการแปลและเรียบเรียงหนังสือเล่มนี้ขึ้น จากหนังสือ Novena to St Anthony of Padua ของสำนักพิมพ์ St Paul Publications, Chennai, India เพื่อเป็นคู่มือในการปฏิบัติกิจศรัทธาแด่ท่านนักบุญ
หวังว่า ท่านนักบุญอันตนแห่งปาดัว จะเป็นที่พึ่ง เป็นความหวัง และเพิ่มพูนความเชื่อของเราแต่ละคนต่อพระเป็นเจ้า และให้มีจิตใจรักร้อนรนต่อพระองค์ยิ่งๆขึ้น
เรียบเรียงครูหาญฯ - แปล คุณพ่อบุญส่ง หงษ์ทอง
นักบุญอันตนแห่งปาดัว
นักบุญอันตนแห่งปาดัว เป็นพระสงฆ์ และนักปราชญ์ของพระศาสนจักร ท่านเกิดที่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1195 ท่านเกิดในตระกูลสูงศักดิ์ ในพระราชวังใกล้กับอาสนวิหารของกรุงลิสบอน มีนามเดิมว่า แฟร์นันโด เด โบยญอน เป็นบุตรของมาร์ติโน เด โบยญอน ผู้ว่าราชการของเมืองลิสบอน และเทเรซา คาเวรา นับตั้งแต่เริ่มแรก ชีวิตของท่านเป็นชีวิตแห่งการถวายตัวโดยไม่รู้ตัว ท่านเป็นคนอ่อนหวาน เห็นใจผู้อื่นและเต็มไปด้วยความรัก ท่านได้อุทิศตนเป็นพิเศษต่อคนยากจน ผู้ที่ได้รับความโศกเศร้าและอยู่ในอันตราย
วันหนึ่งในวัยเยาว์ ขณะที่ท่านคุกเข่าอยู่ต่อหน้าพระแท่นแม่พระในอาสนวิหารดวงตาทอดมองศีลมหาสนิทที่อยู่ในตู้ศีลฯ ปีศาจจิตโสโครกตนหนึ่งได้ปรากฏมาหาท่าน ท่านตกใจมาก แต่ด้วยสัญชาติญาณของผู้ศรัทธา ท่านลุกขึ้นและทำสำคัญมหากางเขน ภาพนั้นก็หายไป แต่จนถึงบัดนี้ เครื่องหมายกางเขนศักดิ์สิทธิ์อันนี้ยังคงปรากฏอยู่บนแผ่นหินอ่อนอย่างไม่เลือนลาง
เมื่ออายุ 15 ปี ท่านได้เข้าเป็นนักบวชของคณะเอากุสติน ที่อารามของนักบุญวินเซนต์ นอกกำแพงเมืองลิสบอน ตลอด 2ปีที่ใช้ชีวิตนักบวชอยู่ที่นั่นมักมีมิตรสหายเก่ามาเยี่ยมเยียนมิได้ขาด ท่านจึงขออนุญาตย้ายไปอยู่ในที่อารามฤๅษีแห่งซานตาครุส ซึ่งเป็นบ้านแม่ของคณะเอากุสติเนียน ห่างจากกรุงลิสบอนเกือบร้อยไมล์ ท่านใช้เวลา 8 ปีที่นี่ ในความนบนอบ ในการภาวนา ในการศึกษาเล่าเรียน ที่อารามแห่งนี้ท่านได้รักษาฤๅษีที่ป่วยเป็นโรคประสาทซึ่งอาละวาดอย่างรุนแรงให้หายขาด ด้วยการเอาเสื้อหล่อคลุมศีรษะของผู้ป่วยที่อารามฤๅษีแห่งซานตาครุสนี้ ท่านได้มีโอกาสรู้จักกับฤๅษีห้าท่านของคณะนักบุญฟรังซิส แห่งอัสซีซี และท่านก็เริ่มสนใจพวกเขาเป็นการส่วนตัว ซึ่งต่อมาฤๅษีทั้งห้าท่านได้กลายเป็นมรณะสักขีที่ประเทศโมรอกโก และได้มีการสร้างสักการสถานที่เก็บพระธาตุที่ซานตาครุส ในที่สุดท่านได้ตัดสินใจสมัครเข้าเป็นนักบวชและสวมเครื่องแบบสีน้ำตาลของคณะฟรังซิสกัน
และได้รับนามใหม่ว่า อันตน
ท่านได้ชื่อว่า คุณพ่ออันตนนักเทศน์ และได้ทำอัศจรรย์ต่างๆมากมาย ท่านเป็นบิดาแห่งเทวศาสตร์ด้านฌาน การเทศน์สอนของท่านมักจะได้รับการยืนยันโดยการอัศจรรย์ในขณะอยู่ที่อิตาลี ท่านเทศน์เป็นภาษาอิตาเลียน ขณะที่อยู่ประเทศฝรั่งเศสท่านก็เทศน์เป็นภาษาฝรั่งเศสแม้ว่าท่านไม่เคยเรียนภาษาฝรั่งเศสเลยก็ตามความสามารถในการเทศน์ของท่าน เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณะชนเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 1222 โดยที่คุณพ่อกราเซียนได้ขอให้คุณพ่ออันตนพูดเตือนใจผู้ที่จะรับศีลบวช ความซื่อๆ และความสละสลวยของภาษาที่ใช้ พร้อมกับท่าทางของท่านช่วยท่านได้มาก ทำให้ท่านได้ชื่อว่า คุณพ่ออันตนนักเทศน์ในเวลาต่อมา และได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในการเทศน์สั่งสอนในที่ต่างๆ
ครั้งหนึ่งที่เมืองรีมีนี ซึ่งมีพวกถือนอกรีตอยู่มากมาย นักบุญอันตนต้องการที่จะนำพวกเขากลับคืนสู่แสงสว่างแห่งความเชื่อที่แท้จริงและในหนทางแห่งฤทธิ์กุศล ท่านได้เทศน์ให้พวกเขาฟังเป็นเวลาหลายวันเกี่ยวกับความเชื่อในพระคริสตเจ้าและเกี่ยวกับพระคัมภีร์ แต่พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ปฏิบัติตามคำสอนอันศักดิ์สิทธิ์ของท่านเท่านั้น แต่กลับปฎิเสธที่จะฟังท่านเหมือนกับคนบาปที่ใจแข็งและหัวดื้อ ท่านนักบุญจึงไปที่ตลิ่งริมแม่น้ำ และเริ่มเทศน์ให้ปลาฟังในพระนามของพระเป็นเจ้า ฝูงปลามาชุมนุมกันมากมายเพื่อฟังเทศน์ เมื่อเห็นอัศจรรย์เช่นนี้ชาวเมืองก็เริ่มทยอยกันออกมาและบรรดาหัวหน้าของพวกถือนอกรีตก็มากับเขาด้วย พวกเขาสะเทือนใจมากเมื่อได้เห็นอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น พร้อมหน้ากันกราบลงแทบเท้าของนักบุญอันตนเพื่อฟังคำเตือนของท่าน
วันหนึ่งท่านนักบุญอันตนได้เข้าพักที่บ้านของชาโตเนิฟ ผู้ที่มีความเคารพรักท่านนักบุญอันตนพร้อมคณะก็เข้าพักในห้องพัก และเริ่มสวดภาวนาจนดึก เจ้าของบ้านซึ่งอยู่ห้องถัดไปรู้สึกตกใจเพราะแสงสว่างที่ลอดออกมาจากช่องประตูห้องนักบุญอันตน จึงวิ่งไปที่ห้องแต่ก็ไม่กล้าเข้าไปเพราะกลัวว่าจะรบกวนแขก จึงหยุดเงี่ยหูฟังอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงคุยกัน เขาจึงสนใจ และแอบมองทางรอยแตก เขาได้เห็นภาพนักบุญอันตนคุกเข่าอยู่ที่โต๊ะ ซึ่งมีหนังสือเล่มใหญ่เล่มหนึ่งเปิดอยู่ บนหนังสือเล่มนั้นเขาแลเห็นร่างกายของพระกุมารเยซู ส่องแสงเรืองๆออกมาจากทุกด้าน
ใบหน้าส่องแสงสวยงามมาก แสงอันสดใสส่องไปทั่วห้องและจากม่านหมอกบางๆซึ่งส่งกลิ่นหอมจากสวรรค์ พระกุมารทรงเอนเข้าซบในอ้อมกอดและกระซิบที่หูของท่านของนักบุญอันตน
ท่านนักบุญอันตนเลือกเมืองปาดัวเป็นที่พำนัก และจบชีวิตลงที่นั่น ในปี ค.ศ.1231 ขณะที่ท่านมีอายุได้ 36 ปี ศพของท่านถูกนำไปไว้ที่วัดซานตา มารีอา ในเมืองปาดัวบรรจุอยู่ในโกฏหินอ่อน จากสถานที่แห่งนี้ อัศจรรย์มากมายได้เกิดขึ้น คนตาบอดมองเห็นได้ คนหูหนวกได้ยิน คนง่อยเดินได้ และคนป่วยกลับหายเป็นปกติ เป็นเวลากว่า 30 ปี ที่ศพของนักบุญอันตนประดิษฐานอยู่ที่สักการสถานหินอ่อนที่วัด ซานตา มารีอา ต่อมาในปี ค.ศ. 1263 ได้มีการเคลื่อนย้ายไปยังพระแท่นกลางในวัดแห่งใหม่ โดยนักบุญบอนาแวนตูรา ซึ่งคณะฤๅษีน้อยได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่ท่าน ในการเปิดสักการสถานในโอกาสนี้ก็พบว่าศพได้กลายเป็นฝุ่นหมดแล้วแต่ว่าลิ้นยังคงอยู่ในสภาพสีธรรมชาติ นักบุญบอนาแวนตูราอุทานออกมาในขณะขนย้ายอัฐิว่า “โอ! ลิ้นที่ได้รับพระพร ซึ่งสรรเสริญพระเป็นเจ้าอยู่ตลอดการและทำให้ผู้อื่นสรรเสริญพระองค์ด้วยบัดนี้ก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าพระเป็นเจ้าทรงยกย่องเจ้าของขนาดไหน”
การปฏิบัติกิจศรัทธาในวันอังคาร
ซึ่งเป็นวันที่อุทิศเพื่อเป็นเกียรติแด่ท่านนักบุญอันตนศพของท่านนักบุญอันตนถูกนำเข้าไปในเมืองปาดัวในวันอังคาร และเป็นที่ยืนยันว่าไม่เคยมีใครที่เจ็บป่วยแล้ววิงวอนขอความช่วยเหลือจากท่านในวันอังคารจะไม่ได้รับการรักษาให้หาย อัศจรรย์ครั้งแรกหลังจากมรณภาพของท่านก็เกิดขึ้นในวันอังคาร ด้วยเหตุนี้วันอังคารจึงเป็นวันที่อยู่ในความทรงจำของประชาชนและพวกเขาพากันเรียกวันอังคารว่า “วันนักบุญอันตน” เป็นวันประเพณี
ของเมืองปาดัว ซึ่งคำอธิษฐานอ้อนวอนจะได้รับการตอบสนอง
จอห์น เปคแฮม ผู้เขียนประวัติของท่านนักบุญอันตนกล่าวไว้ว่า “ทุกคนที่สัมผัสหีบศพของท่านนักบุญ ก็หายจากทุพพลภาพ คนตาบอดก็มองเห็น คนใบ้ก็พูดได้ คนหูหนวกก็ได้ยิน คนง่อยก็เดินได้ และคนเป็นอัมพาตก็ได้รับการรักษาให้หาย” อารามของนักบวชคณะฟรังซิสกันทุกแห่งได้มีการประกอบพิธีกรรมเป็นพิเศษในทุกวันอังคารเพื่อ
เป็นเกียรติแด่ท่านนักบุญอันตนสืบต่อกันมา จึงเป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า คริสตชนผู้มีใจศรัทธาควรยึดถือเอาวันอังคารเป็นวันสำคัญเพื่อการอธิษฐานต่อท่านนักบุญอันตน
การทำนพวารในทุกวันอังคาร ถือเป็นการถวายเกียรติแด่ท่านนักบุญอันตน อาจจะเลือกทำนพวารทุกวันอังคารติดต่อกัน 9 ครั้ง หรือจะเลือกทำนพวารติดต่อกันทุกวันเป็นเวลา 9 วันก็ได้ ผู้ที่ทำนพวารมักจะไปแสวงบุญที่วัดของนักบวชคณะฟรังซิสกัน หรือวัดที่มีกิจกรรมการกุศลที่เรียกว่า “ขนมปังของนักบุญอันตน” ถ้าไม่อาจไปที่วัดได้ก็ยังสามารถทำพิธีนพวารที่บ้านได้ หากเป็นไปได้ ให้สวดที่หน้ารูปเคารพของนักบุญอันตนเพื่อให้การทำนพวารบังเกิดผลอย่างเต็มที่ควรปฏิบัติดังนี้คือ
(ก) ควรทำติดต่อกันให้ครบ 9 ครั้ง
(ข) ต้องแก้บาปรับศีลมหาสนิทสม่ำเสมอ
(ค) ในทุกวันอังคารต้องสวดบทภาวนา หรือรำพึง หรือปฏิบัติกิจศรัทธาหรือทำบุญอย่างอื่น เช่นการให้ทานสิ่งของแก่คนยากคนจน เพื่อเพิ่มสิริมงคลแด่พระเจ้า และเพื่อถวายเป็นเกียรติแด่นักบุญของพระองค์
การทำนพวารในทุกวันอังคารจนครบ 9 ครั้งจะได้รับผลตามความต้องการ ในปี ค.ศ. 1617 สตรีผู้หนึ่งจากโบโลญา ซึ่งอยู่ในความกังวลใจ ได้วิงวอนขอนักบุญอันตน ก็ได้เห็นผู้หนึ่งคล้ายๆท่านในความฝัน ท่านผู้นั้นพูดว่า “จงไปเยี่ยมวัดน้อยของคณะฤๅษีน้อย 9 วันอังคารติดต่อกัน พร้อมทั้งรับศีลมหาสนิท แล้วคุณจะได้รับตามที่วิงวอน” แล้วก็เป็นความจริงตามที่ท่านได้สัญญากับเธออัศจรรย์นี้ทำให้เกิดความศรัทธาทำวันอังคาร 9 วันติดต่อกันเพื่อเทิดเกียรตินักบุญอันตน และต่อมาได้เพิ่มเป็น 13 วันเพื่อเทิดเกียรติวันที่ท่านมรณภาพด้วย นับเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่น่ายกย่อง ที่จะกำหนดข้อตั้งใจอย่างแน่วแน่ในตอนเริ่มต้นของการทำนพวาร หรือการทำสิบสามวาระ (สิบสามครั้งติดต่อกัน) เพื่อที่จะปฎิบัติฤทธิ์กุศลต่อไปนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างตั้งใจจริง ตามแบบอย่างของท่านนักบุญอันตน ได้แก่ ความสุภาพถ่อมตน ความนบนอบ ความพากเพียรอดทน ความอ่อนโยน ความเมตตา การปฎิเสธตนเอง ความศรัทธาต่อพระเจ้า โดยที่ท่านต้องเลือกฤทธิ์กุศลที่ท่านต้องการจะปฎิบัติมากที่สุด
ประวัติความเป็นมาของ “ขนมปังของนักบุญอันตน”
ด้วยความบริสุทธิ์ของท่านนักบุญอันตน ซึ่งเป็นฤทธิ์กุศลตามแบบอย่างของนักบุญยอแซฟ ทำให้ท่านสามารถช่วยผู้คนมากมายทั้งทางฝ่ายวิญญาณและฝ่ายร่างกายแต่ความช่วยเหลือที่โดดเด่นที่สุดได้แก่การทำให้ได้สิ่งของที่หายไปกลับคืนมา และการได้รับขนมปังเพื่อประทังความหิวทันต่อความต้องการ ซึ่งเป็นที่มาของกิจกรรมการกุศลที่เรียกว่า “ขนมปังของนักบุญอันตน” เพื่อเป็นการระลึกถึงความกระตือรือร้นของท่านนักบุญอันตน ในการจุนเจือผู้หิวโหยด้วยขนมปังจึงได้มีกิจกรรมแจกจ่ายขนมปังสำหรับคนจนเกิดขึ้น จะมีการจัดวางกล่องไว้ที่ด้านข้างพระแท่น
ของนักบุญอันตน สำหรับใส่กระดาษที่เขียนความต้องการเพื่อส่งถึงท่านนักบุญ ตัวอย่างเช่น “ข้าแต่ท่านนักบุญอันตน ถ้าเหตุการณ์เป็นไปตามที่ข้าพเจ้าร้องขอ” หรือ “หากข้าพเจ้าสามารถขายหรือให้เช่าบ้านขอข้าพเจ้า” หรือ “หากคำร้องขอของข้าพเจ้าเป็นผล” ฯลฯ “ข้าพเจ้าจะบริจาคขนมปังจำนวน....แก่คนยากคนจน” และเมื่อได้สิ่งที่ตนอธิษฐานวอนขอ พวกเขาเหล่านั้นก็จะนำขนมปังตามจำนวนมาใส่ไว้ในกล่องที่ตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งของพระแท่น ซึ่งกิจศรัทธานี้เป็นความริเริ่มของ บอฟฟิเออร์ ในปี 1890 ซึ่งในช่วงเวลานั้น เงินบริจาคที่พบในกล่องโมทนาคุณมีจำนวนถึง250,000 ฟรังค์ ในสมัยนั้น (เทียบกับค่าของเงินบาทเป็นจำนวนประมาณสองล้านบาท)
บอฟฟิเออร์กล่าวว่า ได้เกิดเหตุการณ์น่าประหลาดใจขึ้น ทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจที่ริเริ่มกิจกรรม “ขนมปังของนักบุญอันตน”ขึ้น เธอมีร้านขายของแห่งหนึ่งในเมืองทูลอน เช้าวันหนึ่งขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูร้าน ปรากฏว่ากุญแจเปิดไม่ออกเนื่องจากสปริงอังหนึ่งในแม่กุญแจหัก เธอให้คนไปตามช่างกุญแจ ซึ่งมาถึงร้านในเวลาต่อมาด้วยลูกกุญแจพวงใหญ่ แต่ก็ไม่มีดอกใดสามารถไขเปิดได้ ช่างกุญแจเสนอว่าต้องพังประตู เมื่อได้รับคำยินยอม ช่างกุญแจจึงไปหาเครื่องมือสำหรับพังประตู
ขณะนั้น บอฟฟิเออร์ได้รับการดลใจให้บนนักบุญอันตนด้วยขนมปังจำนวนหนึ่งสำหรับคนยากจน ถ้าหากสามารถเปิดประตูได้โดยที่ไม่ต้องใช้แรงพังประตู ในไม่ช้าช่างกุญแจก็มาถึงพร้อมด้วยเครื่องมือสำหรับพังประตู แต่เมื่อบอฟฟิเออร์เสนอให้ลองไขกุญแจประตูอีกครั้งหนึ่ง ช่างกุญแจยอมทดลองไขดูอีกครั้ง ก็พบกับความประหลาดใจที่สามารถไขออกได้อย่างงา่ ยดายด้วยลูกกุญแจเพียงดอกแรกเท่านั้น เธอและพวกเพื่อนๆของเธอตา่ งตระหนักว่า
เป็นเพราะคำอธิษฐานและการบนด้วยขนมปังเพื่อคนยากคนจน จึงได้ทำการแก้บนอย่างไม่รอช้า
บทภาวนาต่อนักบุญอันตนองค์อุปถัมภ์ของผู้สูญหายสิ่งของต่างๆ
ข้าแต่ท่านนักบุญอันตนผู้ศักดิ์สิทธิ์ และอ่อนหวานน่ารักยิ่ง ความรักต่อพระเจ้า และสิ่งสร้างของพระองค์ ทำให้ท่านเป็นผู้เหมาะสมได้รับอำนาจทำอัศจรรย์บนโลกนี้ ทุกครั้งที่ท่านภาวนาวอนขอเพื่อผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากและกังวลใจ อัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น ด้วยความคิดเช่นนี้ที่มีอยู่ในใจ ลูกจึงขอวิงวอนท่านได้โปรดให้ลูกได้รับพระคุณเหล่านี้ด้วย..........(บอกความต้องการส่วนตัว) คำภาวนาของลูกอาจต้องการอัศจรรย์ กระนั้นก็ดี ลูกทราบว่า ท่านเป็นนักบุญแห่งอัศจรรย์ โอ้ท่านนักบุญอันตนผู้น่ารักและอ่อนหวาน หัวใจของท่านเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและเมตตาต่อทุกๆคนที่มาพึ่งท่าน โปรดกระซิบที่พระกรรณของพระเยซูกุมารที่อยูในอ้อมแขนของท่าน และบอกความ
ต้องการของลูก ลูกจะสำนึกในพระคุณของท่านตลอดไป อาแมน
นพวารเทิดเกียรติแด่ท่านนักบุญอันตนแห่งปาดัว
บทนำ
ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง พระองค์ผู้ทรงพระเดชานุภาพ ทรงเป็นที่เคารพสักการะท่ามกลางบรรดานักบุญทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านนักบุญอันตนผู้ปกป้องพระเดชานุภาพของพระองค์ท่านนักบุญผู้ที่พระองค์ทรงบันดาลให้เป็นที่เคารพรักของมวลมนุษย์ ผู้ซึ่งช่วยเหลือเมื่อข้าพเจ้าอยู่ในอันตราย และทำให้ข้าพเจ้าอุดมไปด้วยพระพรของพระองค์ โปรดเถิดพระเจ้าข้า โดยเห็นแก่ฤทธิ์กุศลของท่านนักบุญ ที่ได้ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความชั่วร้ายทั้งปวง โปรดประทานพระหรรษทานตามที่ข้าพเจ้าวอนขอในการทำนพวารครั้งนี้ หากเป็นผลดีต่อวิญญาณของข้าพเจ้าและเป็นการเพิ่มพระสิริมงคลของพระองค์เถิด อาแมน
ในประวัติของท่านนักบุญอันตน มีอัศจรรย์เกิดขึ้นมากมายทำให้ผู้คนต่างหันมาขอความช่วยเหลือจากพระเป็นเจ้า โดยอาศัยคำเสนอวิงวอนของท่าน เพื่อสนองความต้องการของผู้ที่ศรัทธาต่อท่านนักบุญ จึงได้มีการแปลและเรียบเรียงหนังสือเล่มนี้ขึ้น จากหนังสือ Novena to St Anthony of Padua ของสำนักพิมพ์ St Paul Publications, Chennai, India เพื่อเป็นคู่มือในการปฏิบัติกิจศรัทธาแด่ท่านนักบุญ
หวังว่า ท่านนักบุญอันตนแห่งปาดัว จะเป็นที่พึ่ง เป็นความหวัง และเพิ่มพูนความเชื่อของเราแต่ละคนต่อพระเป็นเจ้า และให้มีจิตใจรักร้อนรนต่อพระองค์ยิ่งๆขึ้น
เรียบเรียงครูหาญฯ - แปล คุณพ่อบุญส่ง หงษ์ทอง
นักบุญอันตนแห่งปาดัว
นักบุญอันตนแห่งปาดัว เป็นพระสงฆ์ และนักปราชญ์ของพระศาสนจักร ท่านเกิดที่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1195 ท่านเกิดในตระกูลสูงศักดิ์ ในพระราชวังใกล้กับอาสนวิหารของกรุงลิสบอน มีนามเดิมว่า แฟร์นันโด เด โบยญอน เป็นบุตรของมาร์ติโน เด โบยญอน ผู้ว่าราชการของเมืองลิสบอน และเทเรซา คาเวรา นับตั้งแต่เริ่มแรก ชีวิตของท่านเป็นชีวิตแห่งการถวายตัวโดยไม่รู้ตัว ท่านเป็นคนอ่อนหวาน เห็นใจผู้อื่นและเต็มไปด้วยความรัก ท่านได้อุทิศตนเป็นพิเศษต่อคนยากจน ผู้ที่ได้รับความโศกเศร้าและอยู่ในอันตราย
วันหนึ่งในวัยเยาว์ ขณะที่ท่านคุกเข่าอยู่ต่อหน้าพระแท่นแม่พระในอาสนวิหารดวงตาทอดมองศีลมหาสนิทที่อยู่ในตู้ศีลฯ ปีศาจจิตโสโครกตนหนึ่งได้ปรากฏมาหาท่าน ท่านตกใจมาก แต่ด้วยสัญชาติญาณของผู้ศรัทธา ท่านลุกขึ้นและทำสำคัญมหากางเขน ภาพนั้นก็หายไป แต่จนถึงบัดนี้ เครื่องหมายกางเขนศักดิ์สิทธิ์อันนี้ยังคงปรากฏอยู่บนแผ่นหินอ่อนอย่างไม่เลือนลาง
เมื่ออายุ 15 ปี ท่านได้เข้าเป็นนักบวชของคณะเอากุสติน ที่อารามของนักบุญวินเซนต์ นอกกำแพงเมืองลิสบอน ตลอด 2ปีที่ใช้ชีวิตนักบวชอยู่ที่นั่นมักมีมิตรสหายเก่ามาเยี่ยมเยียนมิได้ขาด ท่านจึงขออนุญาตย้ายไปอยู่ในที่อารามฤๅษีแห่งซานตาครุส ซึ่งเป็นบ้านแม่ของคณะเอากุสติเนียน ห่างจากกรุงลิสบอนเกือบร้อยไมล์ ท่านใช้เวลา 8 ปีที่นี่ ในความนบนอบ ในการภาวนา ในการศึกษาเล่าเรียน ที่อารามแห่งนี้ท่านได้รักษาฤๅษีที่ป่วยเป็นโรคประสาทซึ่งอาละวาดอย่างรุนแรงให้หายขาด ด้วยการเอาเสื้อหล่อคลุมศีรษะของผู้ป่วยที่อารามฤๅษีแห่งซานตาครุสนี้ ท่านได้มีโอกาสรู้จักกับฤๅษีห้าท่านของคณะนักบุญฟรังซิส แห่งอัสซีซี และท่านก็เริ่มสนใจพวกเขาเป็นการส่วนตัว ซึ่งต่อมาฤๅษีทั้งห้าท่านได้กลายเป็นมรณะสักขีที่ประเทศโมรอกโก และได้มีการสร้างสักการสถานที่เก็บพระธาตุที่ซานตาครุส ในที่สุดท่านได้ตัดสินใจสมัครเข้าเป็นนักบวชและสวมเครื่องแบบสีน้ำตาลของคณะฟรังซิสกัน
และได้รับนามใหม่ว่า อันตน
ท่านได้ชื่อว่า คุณพ่ออันตนนักเทศน์ และได้ทำอัศจรรย์ต่างๆมากมาย ท่านเป็นบิดาแห่งเทวศาสตร์ด้านฌาน การเทศน์สอนของท่านมักจะได้รับการยืนยันโดยการอัศจรรย์ในขณะอยู่ที่อิตาลี ท่านเทศน์เป็นภาษาอิตาเลียน ขณะที่อยู่ประเทศฝรั่งเศสท่านก็เทศน์เป็นภาษาฝรั่งเศสแม้ว่าท่านไม่เคยเรียนภาษาฝรั่งเศสเลยก็ตามความสามารถในการเทศน์ของท่าน เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณะชนเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 1222 โดยที่คุณพ่อกราเซียนได้ขอให้คุณพ่ออันตนพูดเตือนใจผู้ที่จะรับศีลบวช ความซื่อๆ และความสละสลวยของภาษาที่ใช้ พร้อมกับท่าทางของท่านช่วยท่านได้มาก ทำให้ท่านได้ชื่อว่า คุณพ่ออันตนนักเทศน์ในเวลาต่อมา และได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในการเทศน์สั่งสอนในที่ต่างๆ
ครั้งหนึ่งที่เมืองรีมีนี ซึ่งมีพวกถือนอกรีตอยู่มากมาย นักบุญอันตนต้องการที่จะนำพวกเขากลับคืนสู่แสงสว่างแห่งความเชื่อที่แท้จริงและในหนทางแห่งฤทธิ์กุศล ท่านได้เทศน์ให้พวกเขาฟังเป็นเวลาหลายวันเกี่ยวกับความเชื่อในพระคริสตเจ้าและเกี่ยวกับพระคัมภีร์ แต่พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ปฏิบัติตามคำสอนอันศักดิ์สิทธิ์ของท่านเท่านั้น แต่กลับปฎิเสธที่จะฟังท่านเหมือนกับคนบาปที่ใจแข็งและหัวดื้อ ท่านนักบุญจึงไปที่ตลิ่งริมแม่น้ำ และเริ่มเทศน์ให้ปลาฟังในพระนามของพระเป็นเจ้า ฝูงปลามาชุมนุมกันมากมายเพื่อฟังเทศน์ เมื่อเห็นอัศจรรย์เช่นนี้ชาวเมืองก็เริ่มทยอยกันออกมาและบรรดาหัวหน้าของพวกถือนอกรีตก็มากับเขาด้วย พวกเขาสะเทือนใจมากเมื่อได้เห็นอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น พร้อมหน้ากันกราบลงแทบเท้าของนักบุญอันตนเพื่อฟังคำเตือนของท่าน
วันหนึ่งท่านนักบุญอันตนได้เข้าพักที่บ้านของชาโตเนิฟ ผู้ที่มีความเคารพรักท่านนักบุญอันตนพร้อมคณะก็เข้าพักในห้องพัก และเริ่มสวดภาวนาจนดึก เจ้าของบ้านซึ่งอยู่ห้องถัดไปรู้สึกตกใจเพราะแสงสว่างที่ลอดออกมาจากช่องประตูห้องนักบุญอันตน จึงวิ่งไปที่ห้องแต่ก็ไม่กล้าเข้าไปเพราะกลัวว่าจะรบกวนแขก จึงหยุดเงี่ยหูฟังอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงคุยกัน เขาจึงสนใจ และแอบมองทางรอยแตก เขาได้เห็นภาพนักบุญอันตนคุกเข่าอยู่ที่โต๊ะ ซึ่งมีหนังสือเล่มใหญ่เล่มหนึ่งเปิดอยู่ บนหนังสือเล่มนั้นเขาแลเห็นร่างกายของพระกุมารเยซู ส่องแสงเรืองๆออกมาจากทุกด้าน
ใบหน้าส่องแสงสวยงามมาก แสงอันสดใสส่องไปทั่วห้องและจากม่านหมอกบางๆซึ่งส่งกลิ่นหอมจากสวรรค์ พระกุมารทรงเอนเข้าซบในอ้อมกอดและกระซิบที่หูของท่านของนักบุญอันตน
ท่านนักบุญอันตนเลือกเมืองปาดัวเป็นที่พำนัก และจบชีวิตลงที่นั่น ในปี ค.ศ.1231 ขณะที่ท่านมีอายุได้ 36 ปี ศพของท่านถูกนำไปไว้ที่วัดซานตา มารีอา ในเมืองปาดัวบรรจุอยู่ในโกฏหินอ่อน จากสถานที่แห่งนี้ อัศจรรย์มากมายได้เกิดขึ้น คนตาบอดมองเห็นได้ คนหูหนวกได้ยิน คนง่อยเดินได้ และคนป่วยกลับหายเป็นปกติ เป็นเวลากว่า 30 ปี ที่ศพของนักบุญอันตนประดิษฐานอยู่ที่สักการสถานหินอ่อนที่วัด ซานตา มารีอา ต่อมาในปี ค.ศ. 1263 ได้มีการเคลื่อนย้ายไปยังพระแท่นกลางในวัดแห่งใหม่ โดยนักบุญบอนาแวนตูรา ซึ่งคณะฤๅษีน้อยได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่ท่าน ในการเปิดสักการสถานในโอกาสนี้ก็พบว่าศพได้กลายเป็นฝุ่นหมดแล้วแต่ว่าลิ้นยังคงอยู่ในสภาพสีธรรมชาติ นักบุญบอนาแวนตูราอุทานออกมาในขณะขนย้ายอัฐิว่า “โอ! ลิ้นที่ได้รับพระพร ซึ่งสรรเสริญพระเป็นเจ้าอยู่ตลอดการและทำให้ผู้อื่นสรรเสริญพระองค์ด้วยบัดนี้ก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าพระเป็นเจ้าทรงยกย่องเจ้าของขนาดไหน”
การปฏิบัติกิจศรัทธาในวันอังคาร
ซึ่งเป็นวันที่อุทิศเพื่อเป็นเกียรติแด่ท่านนักบุญอันตนศพของท่านนักบุญอันตนถูกนำเข้าไปในเมืองปาดัวในวันอังคาร และเป็นที่ยืนยันว่าไม่เคยมีใครที่เจ็บป่วยแล้ววิงวอนขอความช่วยเหลือจากท่านในวันอังคารจะไม่ได้รับการรักษาให้หาย อัศจรรย์ครั้งแรกหลังจากมรณภาพของท่านก็เกิดขึ้นในวันอังคาร ด้วยเหตุนี้วันอังคารจึงเป็นวันที่อยู่ในความทรงจำของประชาชนและพวกเขาพากันเรียกวันอังคารว่า “วันนักบุญอันตน” เป็นวันประเพณี
ของเมืองปาดัว ซึ่งคำอธิษฐานอ้อนวอนจะได้รับการตอบสนอง
จอห์น เปคแฮม ผู้เขียนประวัติของท่านนักบุญอันตนกล่าวไว้ว่า “ทุกคนที่สัมผัสหีบศพของท่านนักบุญ ก็หายจากทุพพลภาพ คนตาบอดก็มองเห็น คนใบ้ก็พูดได้ คนหูหนวกก็ได้ยิน คนง่อยก็เดินได้ และคนเป็นอัมพาตก็ได้รับการรักษาให้หาย” อารามของนักบวชคณะฟรังซิสกันทุกแห่งได้มีการประกอบพิธีกรรมเป็นพิเศษในทุกวันอังคารเพื่อ
เป็นเกียรติแด่ท่านนักบุญอันตนสืบต่อกันมา จึงเป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า คริสตชนผู้มีใจศรัทธาควรยึดถือเอาวันอังคารเป็นวันสำคัญเพื่อการอธิษฐานต่อท่านนักบุญอันตน
การทำนพวารในทุกวันอังคาร ถือเป็นการถวายเกียรติแด่ท่านนักบุญอันตน อาจจะเลือกทำนพวารทุกวันอังคารติดต่อกัน 9 ครั้ง หรือจะเลือกทำนพวารติดต่อกันทุกวันเป็นเวลา 9 วันก็ได้ ผู้ที่ทำนพวารมักจะไปแสวงบุญที่วัดของนักบวชคณะฟรังซิสกัน หรือวัดที่มีกิจกรรมการกุศลที่เรียกว่า “ขนมปังของนักบุญอันตน” ถ้าไม่อาจไปที่วัดได้ก็ยังสามารถทำพิธีนพวารที่บ้านได้ หากเป็นไปได้ ให้สวดที่หน้ารูปเคารพของนักบุญอันตนเพื่อให้การทำนพวารบังเกิดผลอย่างเต็มที่ควรปฏิบัติดังนี้คือ
(ก) ควรทำติดต่อกันให้ครบ 9 ครั้ง
(ข) ต้องแก้บาปรับศีลมหาสนิทสม่ำเสมอ
(ค) ในทุกวันอังคารต้องสวดบทภาวนา หรือรำพึง หรือปฏิบัติกิจศรัทธาหรือทำบุญอย่างอื่น เช่นการให้ทานสิ่งของแก่คนยากคนจน เพื่อเพิ่มสิริมงคลแด่พระเจ้า และเพื่อถวายเป็นเกียรติแด่นักบุญของพระองค์
การทำนพวารในทุกวันอังคารจนครบ 9 ครั้งจะได้รับผลตามความต้องการ ในปี ค.ศ. 1617 สตรีผู้หนึ่งจากโบโลญา ซึ่งอยู่ในความกังวลใจ ได้วิงวอนขอนักบุญอันตน ก็ได้เห็นผู้หนึ่งคล้ายๆท่านในความฝัน ท่านผู้นั้นพูดว่า “จงไปเยี่ยมวัดน้อยของคณะฤๅษีน้อย 9 วันอังคารติดต่อกัน พร้อมทั้งรับศีลมหาสนิท แล้วคุณจะได้รับตามที่วิงวอน” แล้วก็เป็นความจริงตามที่ท่านได้สัญญากับเธออัศจรรย์นี้ทำให้เกิดความศรัทธาทำวันอังคาร 9 วันติดต่อกันเพื่อเทิดเกียรตินักบุญอันตน และต่อมาได้เพิ่มเป็น 13 วันเพื่อเทิดเกียรติวันที่ท่านมรณภาพด้วย นับเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่น่ายกย่อง ที่จะกำหนดข้อตั้งใจอย่างแน่วแน่ในตอนเริ่มต้นของการทำนพวาร หรือการทำสิบสามวาระ (สิบสามครั้งติดต่อกัน) เพื่อที่จะปฎิบัติฤทธิ์กุศลต่อไปนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างตั้งใจจริง ตามแบบอย่างของท่านนักบุญอันตน ได้แก่ ความสุภาพถ่อมตน ความนบนอบ ความพากเพียรอดทน ความอ่อนโยน ความเมตตา การปฎิเสธตนเอง ความศรัทธาต่อพระเจ้า โดยที่ท่านต้องเลือกฤทธิ์กุศลที่ท่านต้องการจะปฎิบัติมากที่สุด
ประวัติความเป็นมาของ “ขนมปังของนักบุญอันตน”
ด้วยความบริสุทธิ์ของท่านนักบุญอันตน ซึ่งเป็นฤทธิ์กุศลตามแบบอย่างของนักบุญยอแซฟ ทำให้ท่านสามารถช่วยผู้คนมากมายทั้งทางฝ่ายวิญญาณและฝ่ายร่างกายแต่ความช่วยเหลือที่โดดเด่นที่สุดได้แก่การทำให้ได้สิ่งของที่หายไปกลับคืนมา และการได้รับขนมปังเพื่อประทังความหิวทันต่อความต้องการ ซึ่งเป็นที่มาของกิจกรรมการกุศลที่เรียกว่า “ขนมปังของนักบุญอันตน” เพื่อเป็นการระลึกถึงความกระตือรือร้นของท่านนักบุญอันตน ในการจุนเจือผู้หิวโหยด้วยขนมปังจึงได้มีกิจกรรมแจกจ่ายขนมปังสำหรับคนจนเกิดขึ้น จะมีการจัดวางกล่องไว้ที่ด้านข้างพระแท่น
ของนักบุญอันตน สำหรับใส่กระดาษที่เขียนความต้องการเพื่อส่งถึงท่านนักบุญ ตัวอย่างเช่น “ข้าแต่ท่านนักบุญอันตน ถ้าเหตุการณ์เป็นไปตามที่ข้าพเจ้าร้องขอ” หรือ “หากข้าพเจ้าสามารถขายหรือให้เช่าบ้านขอข้าพเจ้า” หรือ “หากคำร้องขอของข้าพเจ้าเป็นผล” ฯลฯ “ข้าพเจ้าจะบริจาคขนมปังจำนวน....แก่คนยากคนจน” และเมื่อได้สิ่งที่ตนอธิษฐานวอนขอ พวกเขาเหล่านั้นก็จะนำขนมปังตามจำนวนมาใส่ไว้ในกล่องที่ตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งของพระแท่น ซึ่งกิจศรัทธานี้เป็นความริเริ่มของ บอฟฟิเออร์ ในปี 1890 ซึ่งในช่วงเวลานั้น เงินบริจาคที่พบในกล่องโมทนาคุณมีจำนวนถึง250,000 ฟรังค์ ในสมัยนั้น (เทียบกับค่าของเงินบาทเป็นจำนวนประมาณสองล้านบาท)
บอฟฟิเออร์กล่าวว่า ได้เกิดเหตุการณ์น่าประหลาดใจขึ้น ทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจที่ริเริ่มกิจกรรม “ขนมปังของนักบุญอันตน”ขึ้น เธอมีร้านขายของแห่งหนึ่งในเมืองทูลอน เช้าวันหนึ่งขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูร้าน ปรากฏว่ากุญแจเปิดไม่ออกเนื่องจากสปริงอังหนึ่งในแม่กุญแจหัก เธอให้คนไปตามช่างกุญแจ ซึ่งมาถึงร้านในเวลาต่อมาด้วยลูกกุญแจพวงใหญ่ แต่ก็ไม่มีดอกใดสามารถไขเปิดได้ ช่างกุญแจเสนอว่าต้องพังประตู เมื่อได้รับคำยินยอม ช่างกุญแจจึงไปหาเครื่องมือสำหรับพังประตู
ขณะนั้น บอฟฟิเออร์ได้รับการดลใจให้บนนักบุญอันตนด้วยขนมปังจำนวนหนึ่งสำหรับคนยากจน ถ้าหากสามารถเปิดประตูได้โดยที่ไม่ต้องใช้แรงพังประตู ในไม่ช้าช่างกุญแจก็มาถึงพร้อมด้วยเครื่องมือสำหรับพังประตู แต่เมื่อบอฟฟิเออร์เสนอให้ลองไขกุญแจประตูอีกครั้งหนึ่ง ช่างกุญแจยอมทดลองไขดูอีกครั้ง ก็พบกับความประหลาดใจที่สามารถไขออกได้อย่างงา่ ยดายด้วยลูกกุญแจเพียงดอกแรกเท่านั้น เธอและพวกเพื่อนๆของเธอตา่ งตระหนักว่า
เป็นเพราะคำอธิษฐานและการบนด้วยขนมปังเพื่อคนยากคนจน จึงได้ทำการแก้บนอย่างไม่รอช้า
บทภาวนาต่อนักบุญอันตนองค์อุปถัมภ์ของผู้สูญหายสิ่งของต่างๆ
ข้าแต่ท่านนักบุญอันตนผู้ศักดิ์สิทธิ์ และอ่อนหวานน่ารักยิ่ง ความรักต่อพระเจ้า และสิ่งสร้างของพระองค์ ทำให้ท่านเป็นผู้เหมาะสมได้รับอำนาจทำอัศจรรย์บนโลกนี้ ทุกครั้งที่ท่านภาวนาวอนขอเพื่อผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากและกังวลใจ อัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น ด้วยความคิดเช่นนี้ที่มีอยู่ในใจ ลูกจึงขอวิงวอนท่านได้โปรดให้ลูกได้รับพระคุณเหล่านี้ด้วย..........(บอกความต้องการส่วนตัว) คำภาวนาของลูกอาจต้องการอัศจรรย์ กระนั้นก็ดี ลูกทราบว่า ท่านเป็นนักบุญแห่งอัศจรรย์ โอ้ท่านนักบุญอันตนผู้น่ารักและอ่อนหวาน หัวใจของท่านเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและเมตตาต่อทุกๆคนที่มาพึ่งท่าน โปรดกระซิบที่พระกรรณของพระเยซูกุมารที่อยูในอ้อมแขนของท่าน และบอกความ
ต้องการของลูก ลูกจะสำนึกในพระคุณของท่านตลอดไป อาแมน
นพวารเทิดเกียรติแด่ท่านนักบุญอันตนแห่งปาดัว
บทนำ
ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง พระองค์ผู้ทรงพระเดชานุภาพ ทรงเป็นที่เคารพสักการะท่ามกลางบรรดานักบุญทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านนักบุญอันตนผู้ปกป้องพระเดชานุภาพของพระองค์ท่านนักบุญผู้ที่พระองค์ทรงบันดาลให้เป็นที่เคารพรักของมวลมนุษย์ ผู้ซึ่งช่วยเหลือเมื่อข้าพเจ้าอยู่ในอันตราย และทำให้ข้าพเจ้าอุดมไปด้วยพระพรของพระองค์ โปรดเถิดพระเจ้าข้า โดยเห็นแก่ฤทธิ์กุศลของท่านนักบุญ ที่ได้ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความชั่วร้ายทั้งปวง โปรดประทานพระหรรษทานตามที่ข้าพเจ้าวอนขอในการทำนพวารครั้งนี้ หากเป็นผลดีต่อวิญญาณของข้าพเจ้าและเป็นการเพิ่มพระสิริมงคลของพระองค์เถิด อาแมน