+ มารทั้ง 6 ใน Exorcism of Emily (อัพเดท!!)+
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
จากกระทู้ + หนังเรื่อง The Exorcism of the Emily Rose+
เราจะพบว่ามาถึงฉากๆหนึ่งที่หลวงพ่อสั่งให้มารบอกชื่อของมันมา มารนั้นสิงเอมิลี่ด้วยกันทั้งสิ้น 6 ตนดังนี้
-มารที่ครอบครองร่างคาอิน
-มารผู้ครองครองร่างเนโร
-มารที่สิงอยู่ในตัวยูดาสอิสคาริโอท
-มารที่สิงอยู่กับชายชาวเกราซาใน มาระโก 5:1
-ซาตานที่ชื่อ เบลิเอล
-พญามาร ลูซิเฟอร์
ที่นี้หลายๆคนอาจจะมีคำถาม ดังนั้นผมอยากให้เรามาทำความเข้าใจกันก่อนถึงสิ่งเหล่านี้
------------------------------------------------------------------------------
Q: ปีศาจสามารถสิงคนได้อย่างไร?
A: ปีศาจสามารถเข้าสิงเราได้เพระาปีศาจนั้นเป็นจิต เช่นเดียวกับที่พระเป็นเจ้าซึ่งเป็นจิตสามรถมาประทับอยู่กับตัวเรา ปีศาจเองก็เช่นเดียวกันแต่ว่ามันต้องขออณุญาติจากพระเป็นเจ้าก่อนเท่านั้นไม่ว่าจะสิงเราหรือล่อลวงเราก็ตาม
ลก 22:31-34
‘ซีโมน ซีโมน จงฟังเถิด ซาตานได้ขอและพระเจ้าทรงอนุญาตให้ซาตานทดสอบท่านทั้งหลายเหมือนฝัดข้าวสาลี แต่เราอธิษฐานอ้อนวอนเพื่อท่านให้ความเชื่อของท่านมั่นคงตลอดไป และเมื่อท่านกลับใจแล้ว จงช่วยค้ำจุนพี่น้องของท่านเถิด’
Q: ทำไมพระเป็นเจ้าถึงอณุญาติให้ปีศาจเล่นงานเรา?
A: ลองอ่านพระคำภีร์บทนี้ดูก่อน
ยน 9:1
ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินผ่านไป พระองค์ทอดพระเนตรเห็นคนตาบอดแต่กำเนิดคนหนึ่ง บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ใครทำบาป ชายคนนี้ หรือบิดามารดาของเขา เขาจึงเกิดมาตาบอด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “มิใช่ชายคนนี้ หรือบิดามารดาของเขาทำบาป แต่เขาเป็นเช่นนี้ก็เพื่อให้กิจการของพระเจ้าปรากฏในตัวเขา”
หลังจากที่เอมิลี่โดนปีศาจสิงอยู่ถึงหกตัวและเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการไล่ผีที่เกิดขึ้นและมีการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องจริงมันน่าสนใจที่เอมิลี่เสียชีวิตเพราะเรื่องเหลือเชื่อ ซึ่งมันกระตุ้นให้คนเกิดคำถามสำหรับสิ่งที่พวกเขาไม่เชื่อ เป็นเรื่องที่หลายๆ มุมในโลกเริ่มยอมรับสำหรับโลกของวิญญาณแล้ว"
Q: การเข้าสิงของปีศาจเป็นยังไงบ้าง?
A: การเข้าสิงของปีศาจเท่าที่เห็นในพระคำภีร์มีดังนี้
การเข้าสิงในใจเพื่อให้ทำสิ่งที่หยาบช้า
กจ 5:1-11
ชายคนหนึ่งชื่ออานาเนียมีภรรยาชื่อสัปฟีราขายที่ดินของตน เขายักยอกเงินส่วนหนึ่งไว้โดยที่ภรรยาเห็นด้วย แล้วจึงนำเงินส่วนที่เหลือมอบให้บรรดาอัครสาวก เปโตรจึงถามว่า “อานาเนีย ทำไมซาตานเข้าสิงในใจของท่านให้กล่าวมุสาต่อพระจิตเจ้าและยักยอกเงินจากราคาที่ดินไว้ส่วนหนึ่งเล่า ที่ดินเป็นของท่านอยู่ก่อนที่จะขายมิใช่หรือ และเมื่อขายแล้ว ท่านมีสิทธิ์ที่จะเก็บเงินไว้ใช้ตามใจมิใช่หรือ ท่านคิดจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านมิได้กล่าวมุสาต่อมนุษย์ แต่กล่าวมุสาต่อพระเจ้า” เมื่ออานาเนียฟังถ้อยคำเหล่านี้ ก็ล้มลงสิ้นใจ ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต่างมีความกลัวอย่างยิ่ง คนหนุ่มบางคนจัดการห่อศพของเขาและนำไปฝัง หลังจากนั้นประมาณสามชั่วโมง ภรรยาของเขาก็มาถึงโดยไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น เปโตรจึงถามนางว่า “บอกเราตามตรงนะ ท่านทั้งสองขายที่ดินได้เงินเท่านี้จริงหรือ” นางตอบว่า ”ถูกแล้ว ได้เท่านี้” เปโตรจึงพูดว่า “ทำไมท่านทั้งสองจึงตกลงกันที่จะทดลองพระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าเล่า ฟังซิ เท้าของผู้ที่ฝังสามีของท่านอยู่ที่ประตูแล้ว เขาจะนำท่านไปฝังด้วย” ทันใดนั้นเอง นางก็ล้มลงแทบเท้าของเปโตรและสิ้นใจ เมื่อคนหนุ่มเข้ามาก็พบว่านางตายแล้ว จึงนำศพของนางไปฝังไว้เคียงข้างสามี พระศาสนจักรทั้งหมด รวมทั้งทุกคนที่รู้เรื่องนี้จึงมีความกลัวอย่างยิ่ง
การเข้าสิงซึ่งส่งผลให้ควบคุมตนเองไม่ได้ ซึ่งจะแสดงอาการก้าวร้าวและดุร้าย
มธ 8:28
พระเยซูเจ้าเสด็จข้ามฟากมาถึงดินแดนของชาวกาดาราผู้ถูกปีศาจสิงสองคนออกจากบริเวณหลุมศพมาเฝ้าพระองค์ ทั้งสองคนดุร้ายมากจนไม่มีใครเดินผ่านทางนั้นได้
------------------------------------------------------------------------------
เราจะพบว่ามาถึงฉากๆหนึ่งที่หลวงพ่อสั่งให้มารบอกชื่อของมันมา มารนั้นสิงเอมิลี่ด้วยกันทั้งสิ้น 6 ตนดังนี้
-มารที่ครอบครองร่างคาอิน
-มารผู้ครองครองร่างเนโร
-มารที่สิงอยู่ในตัวยูดาสอิสคาริโอท
-มารที่สิงอยู่กับชายชาวเกราซาใน มาระโก 5:1
-ซาตานที่ชื่อ เบลิเอล
-พญามาร ลูซิเฟอร์
ที่นี้หลายๆคนอาจจะมีคำถาม ดังนั้นผมอยากให้เรามาทำความเข้าใจกันก่อนถึงสิ่งเหล่านี้
------------------------------------------------------------------------------
Q: ปีศาจสามารถสิงคนได้อย่างไร?
A: ปีศาจสามารถเข้าสิงเราได้เพระาปีศาจนั้นเป็นจิต เช่นเดียวกับที่พระเป็นเจ้าซึ่งเป็นจิตสามรถมาประทับอยู่กับตัวเรา ปีศาจเองก็เช่นเดียวกันแต่ว่ามันต้องขออณุญาติจากพระเป็นเจ้าก่อนเท่านั้นไม่ว่าจะสิงเราหรือล่อลวงเราก็ตาม
ลก 22:31-34
‘ซีโมน ซีโมน จงฟังเถิด ซาตานได้ขอและพระเจ้าทรงอนุญาตให้ซาตานทดสอบท่านทั้งหลายเหมือนฝัดข้าวสาลี แต่เราอธิษฐานอ้อนวอนเพื่อท่านให้ความเชื่อของท่านมั่นคงตลอดไป และเมื่อท่านกลับใจแล้ว จงช่วยค้ำจุนพี่น้องของท่านเถิด’
Q: ทำไมพระเป็นเจ้าถึงอณุญาติให้ปีศาจเล่นงานเรา?
A: ลองอ่านพระคำภีร์บทนี้ดูก่อน
ยน 9:1
ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินผ่านไป พระองค์ทอดพระเนตรเห็นคนตาบอดแต่กำเนิดคนหนึ่ง บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ใครทำบาป ชายคนนี้ หรือบิดามารดาของเขา เขาจึงเกิดมาตาบอด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “มิใช่ชายคนนี้ หรือบิดามารดาของเขาทำบาป แต่เขาเป็นเช่นนี้ก็เพื่อให้กิจการของพระเจ้าปรากฏในตัวเขา”
หลังจากที่เอมิลี่โดนปีศาจสิงอยู่ถึงหกตัวและเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการไล่ผีที่เกิดขึ้นและมีการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องจริงมันน่าสนใจที่เอมิลี่เสียชีวิตเพราะเรื่องเหลือเชื่อ ซึ่งมันกระตุ้นให้คนเกิดคำถามสำหรับสิ่งที่พวกเขาไม่เชื่อ เป็นเรื่องที่หลายๆ มุมในโลกเริ่มยอมรับสำหรับโลกของวิญญาณแล้ว"
Q: การเข้าสิงของปีศาจเป็นยังไงบ้าง?
A: การเข้าสิงของปีศาจเท่าที่เห็นในพระคำภีร์มีดังนี้
การเข้าสิงในใจเพื่อให้ทำสิ่งที่หยาบช้า
กจ 5:1-11
ชายคนหนึ่งชื่ออานาเนียมีภรรยาชื่อสัปฟีราขายที่ดินของตน เขายักยอกเงินส่วนหนึ่งไว้โดยที่ภรรยาเห็นด้วย แล้วจึงนำเงินส่วนที่เหลือมอบให้บรรดาอัครสาวก เปโตรจึงถามว่า “อานาเนีย ทำไมซาตานเข้าสิงในใจของท่านให้กล่าวมุสาต่อพระจิตเจ้าและยักยอกเงินจากราคาที่ดินไว้ส่วนหนึ่งเล่า ที่ดินเป็นของท่านอยู่ก่อนที่จะขายมิใช่หรือ และเมื่อขายแล้ว ท่านมีสิทธิ์ที่จะเก็บเงินไว้ใช้ตามใจมิใช่หรือ ท่านคิดจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านมิได้กล่าวมุสาต่อมนุษย์ แต่กล่าวมุสาต่อพระเจ้า” เมื่ออานาเนียฟังถ้อยคำเหล่านี้ ก็ล้มลงสิ้นใจ ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต่างมีความกลัวอย่างยิ่ง คนหนุ่มบางคนจัดการห่อศพของเขาและนำไปฝัง หลังจากนั้นประมาณสามชั่วโมง ภรรยาของเขาก็มาถึงโดยไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น เปโตรจึงถามนางว่า “บอกเราตามตรงนะ ท่านทั้งสองขายที่ดินได้เงินเท่านี้จริงหรือ” นางตอบว่า ”ถูกแล้ว ได้เท่านี้” เปโตรจึงพูดว่า “ทำไมท่านทั้งสองจึงตกลงกันที่จะทดลองพระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าเล่า ฟังซิ เท้าของผู้ที่ฝังสามีของท่านอยู่ที่ประตูแล้ว เขาจะนำท่านไปฝังด้วย” ทันใดนั้นเอง นางก็ล้มลงแทบเท้าของเปโตรและสิ้นใจ เมื่อคนหนุ่มเข้ามาก็พบว่านางตายแล้ว จึงนำศพของนางไปฝังไว้เคียงข้างสามี พระศาสนจักรทั้งหมด รวมทั้งทุกคนที่รู้เรื่องนี้จึงมีความกลัวอย่างยิ่ง
การเข้าสิงซึ่งส่งผลให้ควบคุมตนเองไม่ได้ ซึ่งจะแสดงอาการก้าวร้าวและดุร้าย
มธ 8:28
พระเยซูเจ้าเสด็จข้ามฟากมาถึงดินแดนของชาวกาดาราผู้ถูกปีศาจสิงสองคนออกจากบริเวณหลุมศพมาเฝ้าพระองค์ ทั้งสองคนดุร้ายมากจนไม่มีใครเดินผ่านทางนั้นได้
------------------------------------------------------------------------------
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ มิ.ย. 04, 2006 2:46 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
1.ผู้ครอบครองร่าง Kain
คาอินคือใคร?
ปฐมกาล 4:1-8
ฝ่ายชายนั้นสมสู่อยู่กับเอวาภรรยาของตนนางก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชื่อคาอินนางจึงกล่าวว่า"พระเจ้าทรงโปรดให้ฉันได้ผู้ชายคนหนึ่ง"ต่อมานางก็ให้กำเนิดน้องชายของเขาชื่ออาแบลอาแบลเป็นคนเลี้ยงแกะส่วนคาอินเป็นคนทำไร่ไถนาอยู่มาวันหนึ่งคาอินนำพืชผลที่เกิดจากไร่นามาถวายพระเจ้าส่วนอาแบลก็นำแกะหัวปีจากฝูงและไขมันของแกะมาถวายพระเจ้าทรงพอพระทัยอาแบลและเครื่องบูชาของเขาแต่คาอินกับเครื่องบูชาของเขานั้นพระองค์ไม่พอพระทัยคาอินก็โกรธแค้นนักหน้าบูดบึ้งอยู่พระเจ้าจึงตรัสถามคาอินว่า"เจ้าโกรธเคืองหน้าบูดบึ้งอยู่ทำไมถ้าเจ้าทำดีเราก็จะพอใจรับเจ้ามิใช่หรือถ้าเจ้าทำไม่ดีบาปก็หมอบอยู่ที่ประตูอยากตะครุบเจ้าเจ้าจะต้องเอาชนะบาปนั้นให้ได้ฝ่ายคาอินก็พูดชวนอาแบลน้องชายของตนว่า"เราไปนากันเถอะ"เมื่ออยู่ที่นาด้วยกันคาอินก็โถมเข้าฆ่าอาแบลน้องชายของตนเสีย..
ดังนั้นเป็นมารตัวนี้เองที่สิงในใจของคาอินทำให้เกิดความอิจฉาริษยา ทำได้แม้กระทั่งฆ่าน้องชายตนเอง
คาอินคือใคร?
ปฐมกาล 4:1-8
ฝ่ายชายนั้นสมสู่อยู่กับเอวาภรรยาของตนนางก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชื่อคาอินนางจึงกล่าวว่า"พระเจ้าทรงโปรดให้ฉันได้ผู้ชายคนหนึ่ง"ต่อมานางก็ให้กำเนิดน้องชายของเขาชื่ออาแบลอาแบลเป็นคนเลี้ยงแกะส่วนคาอินเป็นคนทำไร่ไถนาอยู่มาวันหนึ่งคาอินนำพืชผลที่เกิดจากไร่นามาถวายพระเจ้าส่วนอาแบลก็นำแกะหัวปีจากฝูงและไขมันของแกะมาถวายพระเจ้าทรงพอพระทัยอาแบลและเครื่องบูชาของเขาแต่คาอินกับเครื่องบูชาของเขานั้นพระองค์ไม่พอพระทัยคาอินก็โกรธแค้นนักหน้าบูดบึ้งอยู่พระเจ้าจึงตรัสถามคาอินว่า"เจ้าโกรธเคืองหน้าบูดบึ้งอยู่ทำไมถ้าเจ้าทำดีเราก็จะพอใจรับเจ้ามิใช่หรือถ้าเจ้าทำไม่ดีบาปก็หมอบอยู่ที่ประตูอยากตะครุบเจ้าเจ้าจะต้องเอาชนะบาปนั้นให้ได้ฝ่ายคาอินก็พูดชวนอาแบลน้องชายของตนว่า"เราไปนากันเถอะ"เมื่ออยู่ที่นาด้วยกันคาอินก็โถมเข้าฆ่าอาแบลน้องชายของตนเสีย..
ดังนั้นเป็นมารตัวนี้เองที่สิงในใจของคาอินทำให้เกิดความอิจฉาริษยา ทำได้แม้กระทั่งฆ่าน้องชายตนเอง
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
2.ข้าคือผู้ครอบครองร่าง เนโร
จักรพรรดิ เนโร(nero the man of sins)แห่งโรมันคือผู้ที่เบียดเบียนคริสตจักรใช่ช่วง คศ 64 เขาเป็นผู้ที่ทำให้ชาวคริสต์จำนวนมากมายมหาศาลต้องตาย เขาได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการเบียดเบียนคริสต์ศาสนา(Antichrist)อีกด้วย
ในศตวรรษที่ 17 ได้มีการทำก๊อปปี้ภาพวาดของ HORTUS DELICIARUM ซึ่งถูกรวบรวมโดยแม่ชีอธิการ Herrad แห่ง Landsberg ภาพนี้ได้รับการนับถือว่าเป็นภาพที่เป็นแหล่งของความศรัทธาทางจิตใจสำหรับแม่ชีลูกคณะของเธอในวิหาร Hohenberg ซึ่งภาพต้นฉบับนี้ได้ถูกทำลายโดยแรงระเบิดในสงครามระหว่าง Franco และ Prussian ในปี1870.
คำบรรยายใต้ภาพนี้อ้างอิงถึงบทพระคำภีร์วิวรณ์ และมีคำอธิบายใว้ว่า
What is most striking here, of course, is the imposing figure of the Woman, who in this instance represents the Church of all ages. "To her was given a pair of the great eagle's wings to fly away from the serpent into the desert, to the place where she was to be looked after." (Apocalypse 12:14). At the bottom left a crowned lion is persecuting God's faithful with a sword on the right, signifying the Emperor Nero.
จักรพรรดิ เนโร(nero the man of sins)แห่งโรมันคือผู้ที่เบียดเบียนคริสตจักรใช่ช่วง คศ 64 เขาเป็นผู้ที่ทำให้ชาวคริสต์จำนวนมากมายมหาศาลต้องตาย เขาได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการเบียดเบียนคริสต์ศาสนา(Antichrist)อีกด้วย
ในศตวรรษที่ 17 ได้มีการทำก๊อปปี้ภาพวาดของ HORTUS DELICIARUM ซึ่งถูกรวบรวมโดยแม่ชีอธิการ Herrad แห่ง Landsberg ภาพนี้ได้รับการนับถือว่าเป็นภาพที่เป็นแหล่งของความศรัทธาทางจิตใจสำหรับแม่ชีลูกคณะของเธอในวิหาร Hohenberg ซึ่งภาพต้นฉบับนี้ได้ถูกทำลายโดยแรงระเบิดในสงครามระหว่าง Franco และ Prussian ในปี1870.
คำบรรยายใต้ภาพนี้อ้างอิงถึงบทพระคำภีร์วิวรณ์ และมีคำอธิบายใว้ว่า
What is most striking here, of course, is the imposing figure of the Woman, who in this instance represents the Church of all ages. "To her was given a pair of the great eagle's wings to fly away from the serpent into the desert, to the place where she was to be looked after." (Apocalypse 12:14). At the bottom left a crowned lion is persecuting God's faithful with a sword on the right, signifying the Emperor Nero.
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
3.ข้าคือผู้ที่อยู่ใน ยูดาสผู้ทรยศ
ลก 22:1-6
เทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อที่เรียกว่าปัสกากำลังจะมาถึง บรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์คิดหาวิธีกำจัดพระองค์ แต่ยังเกรงกลัวประชาชนอยู่เวลานั้นซาตานเข้าสิงยูดาสที่เรียกว่าอิสคาริโอท และเป็นคนหนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคน ยูดาสไปเจรจากับบรรดาหัวหน้าสมณะและนายทหารรักษาพระวิหารว่าจะมอบพระองค์ได้อย่างไร คนเหล่านั้นยินดีและตกลงจ่ายเงินให้
ยูดาสยอมรับและพยายามหาโอกาสเหมาะเพื่อมอบพระองค์ให้พวกเขาโดยประชาชนไม่รู้เรื่องนี้
มารตัวเป็นๆตัวนี้เองที่ได้สิงจิตใจของยูดาสให้มืดบอดไป ทำให้โลภเงินถึงกับขายพระเยซูเจ้าไปในราคาแค่ 30 เหรียญเท่านั้น
ลก 22:1-6
เทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อที่เรียกว่าปัสกากำลังจะมาถึง บรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์คิดหาวิธีกำจัดพระองค์ แต่ยังเกรงกลัวประชาชนอยู่เวลานั้นซาตานเข้าสิงยูดาสที่เรียกว่าอิสคาริโอท และเป็นคนหนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคน ยูดาสไปเจรจากับบรรดาหัวหน้าสมณะและนายทหารรักษาพระวิหารว่าจะมอบพระองค์ได้อย่างไร คนเหล่านั้นยินดีและตกลงจ่ายเงินให้
ยูดาสยอมรับและพยายามหาโอกาสเหมาะเพื่อมอบพระองค์ให้พวกเขาโดยประชาชนไม่รู้เรื่องนี้
มารตัวเป็นๆตัวนี้เองที่ได้สิงจิตใจของยูดาสให้มืดบอดไป ทำให้โลภเงินถึงกับขายพระเยซูเจ้าไปในราคาแค่ 30 เหรียญเท่านั้น
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
4.ข้าคือผู้ที่อยู่กับ ลิเกียง
ลิเกียงนั้นไม่ใช่ชื่อ แต่คำว่าลิเกียงเขียนว่า Legion ซึ่งแปลว่า"กองพล" นั่นหมายถึงคำว่า 'ข้าคือผู้ที่อยู่กับ ลิเกียง' นั่นก็คือเป็นปีศาจหนึ่งในหลายๆตนที่สิงชายชาวเกราซาในพระคำภีร์บทนี้
มก 5:1-20
พระเยซูเจ้าและบรรดาศิษย์ข้ามทะเลสาบมาถึงดินแดนของชาวเกราซา ครั้นพระองค์เสด็จขึ้นจากเรือ ชายคนหนึ่งซึ่งถูกปีศาจสิงออกมาจากบริเวณหลุมศพ เข้ามาเฝ้าพระองค์ทันที ชายคนนี้อาศัยอยู่ตามหลุมศพ ไม่มีใครล่ามเขาไว้ได้ แม้จะใช้โซ่ล่ามก็ตาม มีผู้ใช้โซ่ตรวนล่ามเขาหลายครั้ง เขาก็หักโซ่ตรวน ไม่มีใครทำให้เขาสยบได้ เขาอยู่ตามหลุมศพและตามภูเขาตลอดวันตลอดคืน ส่งเสียงร้องเอ็ดอึงและใช้หินทุบตีตนเอง เมื่อเห็นพระเยซูเจ้าแต่ไกล เขาก็วิ่งเข้ามากราบเฉพาะพระพักตร์ ร้องเสียงดังว่า
ลิเกียงนั้นไม่ใช่ชื่อ แต่คำว่าลิเกียงเขียนว่า Legion ซึ่งแปลว่า"กองพล" นั่นหมายถึงคำว่า 'ข้าคือผู้ที่อยู่กับ ลิเกียง' นั่นก็คือเป็นปีศาจหนึ่งในหลายๆตนที่สิงชายชาวเกราซาในพระคำภีร์บทนี้
มก 5:1-20
พระเยซูเจ้าและบรรดาศิษย์ข้ามทะเลสาบมาถึงดินแดนของชาวเกราซา ครั้นพระองค์เสด็จขึ้นจากเรือ ชายคนหนึ่งซึ่งถูกปีศาจสิงออกมาจากบริเวณหลุมศพ เข้ามาเฝ้าพระองค์ทันที ชายคนนี้อาศัยอยู่ตามหลุมศพ ไม่มีใครล่ามเขาไว้ได้ แม้จะใช้โซ่ล่ามก็ตาม มีผู้ใช้โซ่ตรวนล่ามเขาหลายครั้ง เขาก็หักโซ่ตรวน ไม่มีใครทำให้เขาสยบได้ เขาอยู่ตามหลุมศพและตามภูเขาตลอดวันตลอดคืน ส่งเสียงร้องเอ็ดอึงและใช้หินทุบตีตนเอง เมื่อเห็นพระเยซูเจ้าแต่ไกล เขาก็วิ่งเข้ามากราบเฉพาะพระพักตร์ ร้องเสียงดังว่า
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
5. ข้าชื่อเบลิเอล(Belial)
Satanel ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นฑูตสวรรค์ชั้น เซราฟิม(seraphim) และ คุณธรรม(Virtues)
Belial (มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า Ba'al ,Belhor, Baalial, Beliar, Beliall, Beliel ซึ่งในภาษาฮิบรูแปลว่า "ไร้คุณค่า")
หลายๆคนอาจจะสงสัยว่า เบลิเอล คือใคร? เบลิเอลในพระคำภีร์นอกสารบบ พระกิตติคุณ บาร์โธโลมิว(Godspel of Bartholomew) บันทึกถึงตอนที่นักบุญบารฺโธโลมิวถามว่า Belial คือใคร... Belial ตอบว่า "ตอนแรกเรามีชื่อว่า satanel มีหน้าที่เป็นผู้นำสารของพระเจ้า แต่เมื่อเราได้ปฏิเสธพระเจ้า ชื่อของเราได้เปลี่ยนมาเป็น Satanas นั่นคือเราได้กลายมาเป็นผู้คุมนรก (Tartarus) เราคือทูตสวรรค์ลำดับแรกๆในสวรรค์ที่พระเจ้าสร้าง หลังจากที่พระเจ้าสร้างเราแล้วพระเจ้าก็สร้างมิคาแอลเป็นลำดับสอง กาเบรียลเป็นลำดับสาม อูริแอลลำดับสี่ ราฟาแอลลำดับห้า" Belial ยังบอกอีกด้วยว่า "เขาถูกสร้างเป็นลำดับต่อไป หลังจากพระเจ้าสร้างลูซิเฟอร์เป็นฑูตสวรรค์ตนแรกในสวรรค์("I have been created next after Lucifer"). [Rf. James, The Apocryphal New Testament,God spell of Bartholomew] เบลิเอลยังบอกว่าเขาเคยอยู่ในกลุ่มทูตสวรรค์ชั้น เซราฟิม(seraphim) และ คุณธรรม(Virtues) และเป็นเขาเองที่คอยยั่วยุลูซิเฟอร์ให้ก่อการกบฏนั่นทำให้เขาเป็นทูตสวรรค์ตนแรกที่ถูกขับออกจากสวรรค์
ลก 10:17-20
ศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสองคนกลับมาด้วยความชื่นชมยินดี ทูลว่า
Satanel ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นฑูตสวรรค์ชั้น เซราฟิม(seraphim) และ คุณธรรม(Virtues)
Belial (มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า Ba'al ,Belhor, Baalial, Beliar, Beliall, Beliel ซึ่งในภาษาฮิบรูแปลว่า "ไร้คุณค่า")
หลายๆคนอาจจะสงสัยว่า เบลิเอล คือใคร? เบลิเอลในพระคำภีร์นอกสารบบ พระกิตติคุณ บาร์โธโลมิว(Godspel of Bartholomew) บันทึกถึงตอนที่นักบุญบารฺโธโลมิวถามว่า Belial คือใคร... Belial ตอบว่า "ตอนแรกเรามีชื่อว่า satanel มีหน้าที่เป็นผู้นำสารของพระเจ้า แต่เมื่อเราได้ปฏิเสธพระเจ้า ชื่อของเราได้เปลี่ยนมาเป็น Satanas นั่นคือเราได้กลายมาเป็นผู้คุมนรก (Tartarus) เราคือทูตสวรรค์ลำดับแรกๆในสวรรค์ที่พระเจ้าสร้าง หลังจากที่พระเจ้าสร้างเราแล้วพระเจ้าก็สร้างมิคาแอลเป็นลำดับสอง กาเบรียลเป็นลำดับสาม อูริแอลลำดับสี่ ราฟาแอลลำดับห้า" Belial ยังบอกอีกด้วยว่า "เขาถูกสร้างเป็นลำดับต่อไป หลังจากพระเจ้าสร้างลูซิเฟอร์เป็นฑูตสวรรค์ตนแรกในสวรรค์("I have been created next after Lucifer"). [Rf. James, The Apocryphal New Testament,God spell of Bartholomew] เบลิเอลยังบอกว่าเขาเคยอยู่ในกลุ่มทูตสวรรค์ชั้น เซราฟิม(seraphim) และ คุณธรรม(Virtues) และเป็นเขาเองที่คอยยั่วยุลูซิเฟอร์ให้ก่อการกบฏนั่นทำให้เขาเป็นทูตสวรรค์ตนแรกที่ถูกขับออกจากสวรรค์
ลก 10:17-20
ศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสองคนกลับมาด้วยความชื่นชมยินดี ทูลว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ มิ.ย. 04, 2006 3:00 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
6.ส่วนข้าคือ ลูซิเฟอร์ พยามารตัวจริง
อดีตฑูตสวรรค์ชั้นเครูบิม(Cerubim) Lucifer แปลว่า ดาวประจำกลางวัน
อิสยาห์ 14:11-20
ความโอ่อ่าของเจ้าถูกนำลงมาถึงแดนคนตายและเสียงพิณของเจ้าตัวหนอนจะเป็นที่นอนอยู่ใต้ตัวเจ้าและตัวหนอนจะเป็นผ้าห่มของเจ้า โอดาวประจำกลางวัน(lucifer)เอ๋ยพ่อโอรสแห่งพระอรุณเจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิเจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอเจ้าผู้กระทำให้บรรดาประชาชาติตกต่ำน่ะเจ้ารำพึงในใจของเจ้าว่า'ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้าข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้าณที่สูงนั้นข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน{คือสถานเทพชุมนุม}ณที่อุดรไกล ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด'แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่แดนคนตายยังที่ลึกของปากแดนบรรดาผู้ที่เห็นเจ้าจะเพ่งดูเจ้าและจะพิจารณาเจ้าว่า'ชายคนนี้หรือที่ทำให้โลกสั่นสะเทือนผู้เขย่าราชอาณาจักรทั้งหลายผู้ที่ได้กระทำให้โลกเป็นเหมือนถิ่นทุรกันดารและคว่ำหัวเมืองของโลกเสียผู้ไม่ยอมให้เชลยกลับไปบ้านของเขา'พระราชาทั้งสิ้นของบรรดาประชาชาตินอนอยู่อย่างมีเกียรติต่างก็อยู่ในอุโมงค์ของตนแต่เจ้าถูกเหวี่ยงออกไปห่างจากหลุมศพของเจ้าเป็นศพที่น่าเกลียดสวมเสื้อของผู้ที่ถูกฆ่าคือที่ถูกแทงด้วยดาบซึ่งลงไปยังศิลาของหลุมศพเป็นศพที่ถูกเหยียบย่ำเจ้าจะไม่ได้รับการฝังศพร่วมกับเขาเพราะเจ้าได้ทำลายแผ่นดินของเจ้าเจ้าได้สังหารประชาชนของเจ้า"ขออย่าให้ใครเอ่ยถึงชื่อของเชื้อวงศ์แห่งผู้กระทำความชั่วอีกเลย..
ความหยาบกระด้างและความหยิ่งจองหองทำให้ลูซิเฟอร์ไม่นมัสการพระเจ้าในขณะที่เทวดาทั่วฟ้าสวรรค์กำลังแซ่ซ้องสรรเสิญและนมัสการพระองค์
อดีตฑูตสวรรค์ชั้นเครูบิม(Cerubim) Lucifer แปลว่า ดาวประจำกลางวัน
อิสยาห์ 14:11-20
ความโอ่อ่าของเจ้าถูกนำลงมาถึงแดนคนตายและเสียงพิณของเจ้าตัวหนอนจะเป็นที่นอนอยู่ใต้ตัวเจ้าและตัวหนอนจะเป็นผ้าห่มของเจ้า โอดาวประจำกลางวัน(lucifer)เอ๋ยพ่อโอรสแห่งพระอรุณเจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิเจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอเจ้าผู้กระทำให้บรรดาประชาชาติตกต่ำน่ะเจ้ารำพึงในใจของเจ้าว่า'ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้าข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้าณที่สูงนั้นข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน{คือสถานเทพชุมนุม}ณที่อุดรไกล ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด'แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่แดนคนตายยังที่ลึกของปากแดนบรรดาผู้ที่เห็นเจ้าจะเพ่งดูเจ้าและจะพิจารณาเจ้าว่า'ชายคนนี้หรือที่ทำให้โลกสั่นสะเทือนผู้เขย่าราชอาณาจักรทั้งหลายผู้ที่ได้กระทำให้โลกเป็นเหมือนถิ่นทุรกันดารและคว่ำหัวเมืองของโลกเสียผู้ไม่ยอมให้เชลยกลับไปบ้านของเขา'พระราชาทั้งสิ้นของบรรดาประชาชาตินอนอยู่อย่างมีเกียรติต่างก็อยู่ในอุโมงค์ของตนแต่เจ้าถูกเหวี่ยงออกไปห่างจากหลุมศพของเจ้าเป็นศพที่น่าเกลียดสวมเสื้อของผู้ที่ถูกฆ่าคือที่ถูกแทงด้วยดาบซึ่งลงไปยังศิลาของหลุมศพเป็นศพที่ถูกเหยียบย่ำเจ้าจะไม่ได้รับการฝังศพร่วมกับเขาเพราะเจ้าได้ทำลายแผ่นดินของเจ้าเจ้าได้สังหารประชาชนของเจ้า"ขออย่าให้ใครเอ่ยถึงชื่อของเชื้อวงศ์แห่งผู้กระทำความชั่วอีกเลย..
ความหยาบกระด้างและความหยิ่งจองหองทำให้ลูซิเฟอร์ไม่นมัสการพระเจ้าในขณะที่เทวดาทั่วฟ้าสวรรค์กำลังแซ่ซ้องสรรเสิญและนมัสการพระองค์
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ มิ.ย. 04, 2006 3:02 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
อีกฉากหนึ่งที่น่าสนใจมากๆคือฉากนี้ครับ
คืนหนึ่งขณะที่เอมิลีได้หลับอยู่นั้น จู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อเธอ เธอจึงตื่นและได้เดินลงมาที่กลางทุ่งหน้าบ้านเธอ เธอได้พบกับผู้ที่เรียกชื่อเธอ..คนนั้นคือ พระแม่มารีย์
พระแม่ได้กล่าวแก่เธอว่า
"เอมิลี่ สวรรค์มิได้เมินเฉยต่อความทุกข์ทรมาณของลูก"
เธอได้ถามพระแม่ว่า
"ทำไม คืนนี้ปีศาจจึงไม่ออกไปจากร่างหนูละค่ะ"
พระแม่กล่าวว่า
"ลูกรัก ฉันจะให้เธอเลือกว่าจะมามีความสุขกับฉันบนสวรรค์ หรือเจ้าจะทนทุกข์ในโลกต่อไป เพื่อประกาศแก่มวลมนุษย์ว่าโลกแห่งวิญญาณนี้มีอยู่จริง"
สิ่งที่น่าสนใจมากๆก็คือ
Q: ทำไมพระเป็นเจ้าจึงส่งพระแม่มารีย์ให้มาหาเอมิลี่เพื่อให้เธอเลือกว่าจะอยู่อย่างทรมาณต่อไป หรือตายไปตอนนั้นแล้วมาอยุ่กับพระองค์แทน ในเมื่องพระองค์เป็นผู้ที่อนุญาติให้เหตุการ์ณนี้เกิดขึ้น?
A: ต้องขออธิบายก่อนด้วยว่า พระเป็นเจ้านั้นเป็นเจ้าของทุกสรรพสิ่งเพราะทุกสรระสิ่งเป็นสิ่งสร้างของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นเจ้าของตัวเราและวิญญาณขงเราและแน่นอน "อำเภอใจ"ของเราด้วย แต่พระองค์ทรงถ่อมตนและเคารพในการตัดสินใจของเรา พระองค์ให้เราได้รับอิสรภาพในการเลือกที่จะทำอะไรหรือไม่ทำอะไรก็ได้
กท 5:13
พี่น้องทั้งหลาย พระเจ้าทรงเรียกท่านให้มารับอิสรภาพ ขอเพียงแต่อย่าใช้ อิสรภาพนั้นเป็นข้อแก้ตัวที่จะทำตามใจตน แต่จงรับใช้ซึ่งกันและกันด้วยความรัก
ดังนั้นเสียงโอดครวญในความความทุกข์ทรมาณของเอมิลี่ได้ดังขึ้นไปถึงสวรรค์ ทำให้พระเป็นเจ้าทรงส่งพระแม่มารีย์มาถามเธอว่าจะยังอยากรับใช้พระบนโลกนี้ต่อไป หรือจะไปอยุ่กับพระองค์ในสวรรค์เลย และสิ่งที่เอมิลี่เลือกก็คือรับทรมาณบนโลกนี้ต่อไปเพื่อใช้ตัวเธอและเรื่องราวของเธอป่าวประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าวิญญาณและปีศาจนั้นมีจริง ซึ่งสาเหตุการตัดสินใจของเธอนี้เป็นสิ่งยืนยันว่าเธอมีความหวังและศรัทธาที่แรงกล้าต่อพระเป็นเจ้า และเต็มใจมอบ"อำเภอใจ"ของเธอให้พระองค์โดยการไม่ทำตามใจตนเอง แต่ทำตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าผู้สถตย์บนสวรรค์
รม 8:18-25
ข้าพเจ้าคิดว่า ความทุกข์ทรมานในปัจจุบันเปรียบไม่ได้เลยกับพระสิริรุ่งโรจน์ที่จะทรงบันดาลให้ปรากฏแก่เรา เพราะสรรพสิ่งต่างกำลังรอคอยอย่างกระวนกระวาย เพื่อพระเจ้าจะได้ทรงบันดาลให้บรรดาบุตรของพระองค์ปรากฏในพระสิริรุ่งโรจน์ สรรพสิ่งต้องอยู่ใต้อำนาจของความไม่ยั่งยืนมิใช่โดยสมัครใจ แต่ตามความประสงค์ของผู้ที่บังคับให้สรรพสิ่งต้องอยู่ในสภาพดังกล่าว ถึงกระนั้น สรรพสิ่งยังมีความหวังว่า จะได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นทาสของความเสื่อมสลายเพื่อไปรับอิสรภาพอันรุ่งเรืองของบรรดาบุตรของพระเจ้า เรารู้ดีว่าจนถึงเวลานี้ สรรพสิ่งกำลังร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดราวกับสตรีคลอดบุตร มิใช่เพียงแต่สรรพสิ่งเท่านั้น แม้แต่เราเองซึ่งได้รับผลิตผลครั้งแรกของพระจิตเจ้าแล้ว ก็ยังคร่ำครวญอยู่ภายใน ในเมื่อเรามีความกระตือรือร้นรอคอยให้พระเจ้าทรงรับเราเป็นบุตรบุญธรรม ให้ร่างกายของเราได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ เพราะ เราได้รอดพ้นเพียงในความหวัง แต่ความหวังที่มองเห็นได้ก็ไม่ใช่ความหวัง เพราะสิ่งที่มองเห็นแล้ว เขาจะหวังไปทำไมอีกเล่า แต่ถ้าเราหวังสิ่งที่เรามองไม่เห็น เราก็ย่อมมีความมานะพากเพียรรอคอยสิ่งนั้น
คืนหนึ่งขณะที่เอมิลีได้หลับอยู่นั้น จู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อเธอ เธอจึงตื่นและได้เดินลงมาที่กลางทุ่งหน้าบ้านเธอ เธอได้พบกับผู้ที่เรียกชื่อเธอ..คนนั้นคือ พระแม่มารีย์
พระแม่ได้กล่าวแก่เธอว่า
"เอมิลี่ สวรรค์มิได้เมินเฉยต่อความทุกข์ทรมาณของลูก"
เธอได้ถามพระแม่ว่า
"ทำไม คืนนี้ปีศาจจึงไม่ออกไปจากร่างหนูละค่ะ"
พระแม่กล่าวว่า
"ลูกรัก ฉันจะให้เธอเลือกว่าจะมามีความสุขกับฉันบนสวรรค์ หรือเจ้าจะทนทุกข์ในโลกต่อไป เพื่อประกาศแก่มวลมนุษย์ว่าโลกแห่งวิญญาณนี้มีอยู่จริง"
สิ่งที่น่าสนใจมากๆก็คือ
Q: ทำไมพระเป็นเจ้าจึงส่งพระแม่มารีย์ให้มาหาเอมิลี่เพื่อให้เธอเลือกว่าจะอยู่อย่างทรมาณต่อไป หรือตายไปตอนนั้นแล้วมาอยุ่กับพระองค์แทน ในเมื่องพระองค์เป็นผู้ที่อนุญาติให้เหตุการ์ณนี้เกิดขึ้น?
A: ต้องขออธิบายก่อนด้วยว่า พระเป็นเจ้านั้นเป็นเจ้าของทุกสรรพสิ่งเพราะทุกสรระสิ่งเป็นสิ่งสร้างของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นเจ้าของตัวเราและวิญญาณขงเราและแน่นอน "อำเภอใจ"ของเราด้วย แต่พระองค์ทรงถ่อมตนและเคารพในการตัดสินใจของเรา พระองค์ให้เราได้รับอิสรภาพในการเลือกที่จะทำอะไรหรือไม่ทำอะไรก็ได้
กท 5:13
พี่น้องทั้งหลาย พระเจ้าทรงเรียกท่านให้มารับอิสรภาพ ขอเพียงแต่อย่าใช้ อิสรภาพนั้นเป็นข้อแก้ตัวที่จะทำตามใจตน แต่จงรับใช้ซึ่งกันและกันด้วยความรัก
ดังนั้นเสียงโอดครวญในความความทุกข์ทรมาณของเอมิลี่ได้ดังขึ้นไปถึงสวรรค์ ทำให้พระเป็นเจ้าทรงส่งพระแม่มารีย์มาถามเธอว่าจะยังอยากรับใช้พระบนโลกนี้ต่อไป หรือจะไปอยุ่กับพระองค์ในสวรรค์เลย และสิ่งที่เอมิลี่เลือกก็คือรับทรมาณบนโลกนี้ต่อไปเพื่อใช้ตัวเธอและเรื่องราวของเธอป่าวประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าวิญญาณและปีศาจนั้นมีจริง ซึ่งสาเหตุการตัดสินใจของเธอนี้เป็นสิ่งยืนยันว่าเธอมีความหวังและศรัทธาที่แรงกล้าต่อพระเป็นเจ้า และเต็มใจมอบ"อำเภอใจ"ของเธอให้พระองค์โดยการไม่ทำตามใจตนเอง แต่ทำตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าผู้สถตย์บนสวรรค์
รม 8:18-25
ข้าพเจ้าคิดว่า ความทุกข์ทรมานในปัจจุบันเปรียบไม่ได้เลยกับพระสิริรุ่งโรจน์ที่จะทรงบันดาลให้ปรากฏแก่เรา เพราะสรรพสิ่งต่างกำลังรอคอยอย่างกระวนกระวาย เพื่อพระเจ้าจะได้ทรงบันดาลให้บรรดาบุตรของพระองค์ปรากฏในพระสิริรุ่งโรจน์ สรรพสิ่งต้องอยู่ใต้อำนาจของความไม่ยั่งยืนมิใช่โดยสมัครใจ แต่ตามความประสงค์ของผู้ที่บังคับให้สรรพสิ่งต้องอยู่ในสภาพดังกล่าว ถึงกระนั้น สรรพสิ่งยังมีความหวังว่า จะได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นทาสของความเสื่อมสลายเพื่อไปรับอิสรภาพอันรุ่งเรืองของบรรดาบุตรของพระเจ้า เรารู้ดีว่าจนถึงเวลานี้ สรรพสิ่งกำลังร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดราวกับสตรีคลอดบุตร มิใช่เพียงแต่สรรพสิ่งเท่านั้น แม้แต่เราเองซึ่งได้รับผลิตผลครั้งแรกของพระจิตเจ้าแล้ว ก็ยังคร่ำครวญอยู่ภายใน ในเมื่อเรามีความกระตือรือร้นรอคอยให้พระเจ้าทรงรับเราเป็นบุตรบุญธรรม ให้ร่างกายของเราได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ เพราะ เราได้รอดพ้นเพียงในความหวัง แต่ความหวังที่มองเห็นได้ก็ไม่ใช่ความหวัง เพราะสิ่งที่มองเห็นแล้ว เขาจะหวังไปทำไมอีกเล่า แต่ถ้าเราหวังสิ่งที่เรามองไม่เห็น เราก็ย่อมมีความมานะพากเพียรรอคอยสิ่งนั้น
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ มิ.ย. 04, 2006 2:45 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
เจ๊ทาน่าร้ากกก :D
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
เยี่ยมเลยครับ
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
*thx สุดยอดดดดดดดจ๊ะ
-
- โพสต์: 659
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
- ที่อยู่: I believe in God...
อลังการมาก !!
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
เยี่ยม ๆ ๆ ๆ ๆ *no1
ขอบคุณงับ น่าสนใจมากๆ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
คิด ๆ แล้วก็น่าเสียดายเน๊อะ
เป็นถึงเทวดาชั้น เซราฟิม เครูบิม ที่ได้ชื่อว่าใกล้ชิดพระเจ้ามากที่สุดแล้ว
เป็นถึงเทวดาชั้น เซราฟิม เครูบิม ที่ได้ชื่อว่าใกล้ชิดพระเจ้ามากที่สุดแล้ว
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
พอดีไปเจอมา ขออณุญาติขุดนะครับ
อันนี้คือเสียงที่บันทึกของจริงในขณะทำพิธี
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 1
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 2
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 3
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 4
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 5
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 6
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 7
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 8
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 9
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 10
อันนี้คือเสียงที่บันทึกของจริงในขณะทำพิธี
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 1
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 2
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 3
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 4
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 5
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 6
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 7
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 8
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 9
กดที่นี่ ! #ตอนที่ 10
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ในตอนที่ 1 เป็นตัวที่สิ่งอยู่ในจักรพรรดิเนโรนะครับ(มันบอกในนาทีที่ 5.42 ของตอนที่ 1 )
คุณพ่อพยายามจะถามมันหลายๆเรื่องครับ เรื่องของสายประคำ เรื่องของการสวดภาวนา เรื่องของมารดาพระเจ้า(ที่พอพูดถึงมันก็ฉุนเฉียวใหญ่เลยกับคำนี้) มันไม่ยอมตอบแต่คุณพ่อสั่งมันในนามพระบิดาพระบุตรและพระจิต มันก็ต้องตอบแบบไม่เต็มใจ 555+
คุณพ่อพยายามจะถามมันหลายๆเรื่องครับ เรื่องของสายประคำ เรื่องของการสวดภาวนา เรื่องของมารดาพระเจ้า(ที่พอพูดถึงมันก็ฉุนเฉียวใหญ่เลยกับคำนี้) มันไม่ยอมตอบแต่คุณพ่อสั่งมันในนามพระบิดาพระบุตรและพระจิต มันก็ต้องตอบแบบไม่เต็มใจ 555+
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ ส.ค. 19, 2009 10:32 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 300
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 19, 2007 11:40 am
หวีด ว๊าย น่ากลัวจังเลยครับ ผมยังอดที่จะสวดวันทามารีย์ไปด้วยไม่ได้เลย
ง่ายๆ สุดท้ายไอ้ปีศาจที่ขอนุญาตจากพระเจ้ามันต้องโดนพระเจ้าลงโทษอยู่ดี แล้วมันจะมารังควาญทำไมเนี่ย ไหนๆ สุดท้ายมันก็ต้องโดนลงโทษ ยิ่งมันล่อลวงมากมันยิ่งโดนลงโทษหนัก ปีศาจนี่มันช่างโง่เสียจริงๆ มันเอาสมองส่วนไหนคิด ไอ้พวกปีศาจนี่เอาสมองไปคิดกลับใจมาเป็นพวกของพระเจ้ามันน่าจะฉลาดกว่านะ โง่ไปทำอะไรที่รู้ๆ อยู่แล้วว่าไม่ได้ผลและต้องโดนลงโทษอีก เฮ้อ สมเพชเหล่าปีศาจที่หน้าโง่ทั้งหลาย
-
- โพสต์: 300
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 19, 2007 11:40 am
ปีศาจฉลาดนะครับ เค้าฉลาดกว่าเราเยอะ ฉลาดไม่ฉลาดเค้าก็ล่อลวงคนไปเท่าใดต่อเท่าใดแล้วล่ะครับ อย่าได้ประมาทเทียว ปีศาจอาจจะทำเพื่อความสะใจ ยิ่งมีมนุษย์ปฏิเสธพระเป็นเจ้ามากเท่าใด เค้ายิ่งสะใจมากเท่านั้น ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดจะถูกลงโทษ แต่เค้าก็สะใจที่คนที่พระเป็นเจ้ารัก ก็ถูกลงโทษไปกับเค้าด้วย (ความเห็นส่วนตัวครับ)วอ เขียน: ง่ายๆ สุดท้ายไอ้ปีศาจที่ขอนุญาตจากพระเจ้ามันต้องโดนพระเจ้าลงโทษอยู่ดี แล้วมันจะมารังควาญทำไมเนี่ย ไหนๆ สุดท้ายมันก็ต้องโดนลงโทษ ยิ่งมันล่อลวงมากมันยิ่งโดนลงโทษหนัก ปีศาจนี่มันช่างโง่เสียจริงๆ มันเอาสมองส่วนไหนคิด ไอ้พวกปีศาจนี่เอาสมองไปคิดกลับใจมาเป็นพวกของพระเจ้ามันน่าจะฉลาดกว่านะ โง่ไปทำอะไรที่รู้ๆ อยู่แล้วว่าไม่ได้ผลและต้องโดนลงโทษอีก เฮ้อ สมเพชเหล่าปีศาจที่หน้าโง่ทั้งหลาย
มันไม่ได้โง่หรอกครับ แต่มันจองหองวอ เขียน: เข้าใจแล้วครับ แต่ปีศาจก็ยังโง่อยู่ดีที่ก็รู้ๆ ว่าถ้ากลับใจแล้วมันก็จะไม่ถูกลงโทษ