+++หลุยส์ ปาสเตอร์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ธำรงฉายาลักษ

แบ่งปัน คำพยาน ประสบการณ์ชีวิตกับพระเจ้า และการอัศจรรย์ ที่พระเจ้าได้ทรงกระทำต่อชีวิตของเราแต่ละคน
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 11:52 pm

หลุยส์ ปาสเตอร์
นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่

(ค.ศ. 1822 – 1895)

ครบรอบ 110 ปี ที่ถึงแก่กรรม ในปีนี้

วันหนึ่ง ๆ นั้นช่างยาวนานเหลือเกิน สำหรับผู้คนที่ยากจนที่อาศัยอยู่ตามหมู่บ้านเชิงเขาชื่อ ยูรา (Jura) ในประเทศฝรั่งเศส ลำพังแต่เสียงเห่าหอนของสุนัขป่าบ้าคลั่งที่ดังมาแต่ไกล ก็เพียงพอที่จะสะกดให้ทุกคนรีบวิ่งเข้าบ้าน ปิดประตูลงกลอน จะโผล่ออกมาอีกครั้งก็ต่อเมื่อเสียงนั้นค่อยๆ จางหายไปในป่าทึบแล้ว

ช่างเป็นเหตุบังเอิญอะไรเช่นนั้น ที่มีชายฝรั่งเศสตระกูลต่ำต้อยคนหนึ่งตั้งแต่วัยเด็กมาแล้ว ก็ได้ยินเสียงเห่าหอนของสุนัขป่า และก็ต้องคอยวิ่งหนีเข้าบ้าน เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในหมู่บ้านเดียวกัน. อย่างไรก็ดีทั้ง ๆ ที่พยายามกักตัวเองอยู่แต่ภายในบริเวณลานตากหนังสัตว์ของบิดาซึ่งมีอาชีพเป็นช่างฟอกหนัง แต่เขาก็ได้กลายเป็นนักค้นพบผู้ยิ่งใหญ่ สามารถช่วยชีวิตมนุษย์นับแสนนับล้านคน มิให้ตกเป็นเหยื่อของโรคพิษสุนัขบ้า ที่ในสมัยนั้นถือว่า ถ้าใครถูกพิษของมันเข้าแล้ว ก็เท่ากับต้องคำพิพากษาให้ประหารชีวิต

อาการเช่นนี้ มิใช่เกิดเฉพาะแต่ในประเทศฝรั่งเศสแห่งเดียว...ทุกแห่งที่มีสุนัข ไม่ว่าจะเป็นสุนัขป่าหรือสุนัขบ้าน เมื่อมันเกิดเป็นบ้าขึ้นมา เที่ยวกัดใครต่อใคร ทุกคนที่ถูกพิษของมัน จะไม่มีทางรอด...นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ต่างตระหนักถึงพิษภัยร้ายกาจนี้ และพยายามค้นคว้าเพื่อหาทางเอาชนะโรคร้ายนี้ให้จงได้

รูปภาพ

ในบรรดานักวิทยาศาสตร์ ที่ศึกษาค้นคว้านี้ก็มีหลุยส์ ปาสเตอร์(Louis Pasteur) รวมอยู่ด้วย. ท่านเป็นนักบัคเตรีวิทยา. ท่านได้ค้นพบยาที่รักษาโรคพิษสุนัขบ้าได้ชะงัดว่าเพื่อน. ที่คลินิกท่านที่กรุงปารีส ในช่วง 12 เดือนของปี 1886 มีคนไข้ที่ถูกพิษสุนัขบ้ามาขอรับการรักษา 2,671 ราย. มีเพียง 25 รายเท่านั้นที่เสียชีวิต...นอกนั้นได้รับการรักษาให้หายทั้งหมดเรียกว่าหายกว่า 99%. ในระยะต่อๆ มา หลังจากที่ได้มีการปรับปรุงคุณภาพของยาให้ดีขึ้น เปอร์เซ็นต์การหายจากโรคก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้อีก...ชื่อเสียงของท่านจึงขจรขจายไปยังประเทศต่างๆ

แผนการรักษาของท่านได้นำไปปฏิบัติตามประเทศต่างๆ และเป็นที่ยอมรับกันในวงการแพทย์ว่าเป็นการรักษาโรคพิษสุนัขบ้าที่ได้ผลชะงัดที่สุด. ผู้ป่วยบางคนที่มีฐานะการเงินดี ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลเพียงไร ก็ยังอุตส่าห์ดั้นด้นมาให้ท่านปาสเตอร์รักษาดังเช่น เยาวชนอเมริกัน 4 คน อยู่ถึงนิวยอร์ก ยังอุตส่าห์มาให้ท่านปาสเตอร์รักษา...เพียงไม่กี่วัน ก็หายเป็นปรกติ ยิ้มกลับบ้านได้

รูปภาพ

นอกจากค้นพบยาแก้โรคพิษสุนัขบ้าแล้วท่านปาสเตอร์ยังค้นพบว่าความร้อนสามารถฆ่าจุลินทรีย์ได้...นักวิทยาศาสตร์จึงได้นำเอาความรู้ไปใช้ ก่อให้เกิดคุณประโยชน์มหาศาลแก่วงการแพทย์ และนักวิทยาศาสตร์เรียกวิธีการฆ่าเชื้อแบบนี้ในภาษาอังกฤษว่า “ปาสเจอไร้ส์” (Pasteurize) คือใช้ชื่อของท่านมาทับศัพท์นั่นเอง...วิทยาการนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราอย่างใกล้ชิด เช่นนมสดที่รีดจากแม่โคนมใหม่ ๆ ต้องผ่านปาสเจอไร้ส์ คือผ่านความร้อนที่อุณภูมิหนึ่ง ชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ นมสดจึงจะเก็บไว้ได้นานไม่เสีย
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อาทิตย์ ก.พ. 08, 2009 11:47 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 11:56 pm

   ในสมัยท่านปาสเตอร์   กสิกรเลี้ยงไหมทางภาคใต้ฝรั่งเศส   ต้องประสบปัญหากับโรคระบาดชนิดหนึ่งที่เกิดกับตัวไหม   ทำให้ลำตัวเป็นจุดๆ   เรียกว่า   โรคเปบรีน   (Pebrine)   และตายไปในที่สุด.   อุตสาหกรรมไหมได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก...ท่านปาสเตอร์ใช้เวลาศึกษาค้นคว้าอยู่ถึง   5   ปี   จึงพบยาที่ใช้ปราบโรคเปบรีนได้   กสิกรเลี้ยงไหมได้รอดพ้น   จากความหายนะก็โดยอาศัยท่าน   ปาสเตอร์ผู้นี้.

รูปภาพ

   ทุกวันนี้   ทั่วโลกยกย่องหลุยส์ปาสเตอร์   ในฐานะผู้ทำคุณประโยชน์แก่สาธารณชนแต่มีอยู่สิ่งหนึ่งทุกคนมักจะมองข้ามเสีย   คือความศรัทธาที่ท่านมีต่อบิดาของท่าน.   ในฐานะที่บิดาของท่านมีความเชื่อในพระเจ้าอย่างแรงกล้า   ตัวท่านเองก็ได้รับเอาความเชื่อนั้นเป็นมรดกตกทอดมาด้วย.   ในความเปรื่องปราดของท่าน   ท่านมองเห็นภาพพระผู้สร้างสะท้อนอยู่ในทุกสิ่งที่อยู่รอบกายท่าน   และท่านก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมนักวิทยาศาสตร์รุ่นราวคราวเดียวกับท่านหลายคนจึงมองไม่เห็นสัจธรรมข้อนี้.

รูปภาพ

   โยเซฟปาสเตอร์   บิดาของท่านนั้นมีฐานะยากจน   ประกอบอาชีพเป็นนักฟอกหนัง   แต่ก็มีความศรัทธาแก่กล้าในพระศาสนาคาทอลิกเป็นอย่างยิ่ง   และได้ถ่ายทอดความศรัทธานั้นให้แก่ลูกชายอย่างครบถ้วน.   หลุยส์ปาสเตอร์   สมัยเมื่อเป็นเด็กๆ   ชอบวาดภาพต่างๆ   ไว้มาก...วันดีคืนดีโยเซฟ   ปาสเตอร์   ผู้เป็นพ่อมักจะเอาภาพเหล่านั้นออกมาอวดเพื่อนๆ ...ที่แปลกก็คือทุกภาพจะต้องมีรูปกางเขนติดอยู่   อันเป็นฝีมือของปาสเตอร์ผู้พ่อ...   ปาสเตอร์ผู้ลูกก็ยอมรับ...ถึงกับเล่าไว้ในจดหมายที่เขียนถึงภรรยาว่า   ส่วนที่สวยที่สุดของภาพวาดเหล่านั้น   ก็คือภาพกางเขนนั่นเอง.
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อาทิตย์ ก.พ. 08, 2009 11:48 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ มิ.ย. 04, 2005 12:06 am

   เมื่อบิดาสุดที่รักตายไปในปี   1865   บุตรก็มีความศรัทธามาก.   ตลอดเวลา   30    ปี   หลังจากนั้น   บุตรไม่เคยลืมบิดาเลยยังคงเฝ้าระลึกถึง อธิษฐานภาวนา และทำบุญขอมิซซษอุทิศให้บิดาตลอดเวลา.   ท่านสำนึกเสมอว่าตอนท่านเป็นเด็กเป็นบิดาเองที่คอยกีดกันมิให้ท่านคลุกคลีกับเพื่อนที่ไม่ดี,   หัดให้ท่านขยันขันแข็งในการทำงานและมีความซื่อสัตย์สุจริตอย่างไม่มีที่ติ,   มีความเชื่อมั่นในพระเป็นเจ้า  และท่านก็ปฏิบัติอย่างครบถ้วน

รูปภาพ
อุปกรณ์ที่ท่านใช้สมัยมีชีวิต

ท่านเองคือ1ในนักวิทยาศาสตร์ ที่ทำให้เหล่านักนิยมทฤษฎีที่เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตเกิดได้เอง รวมทั้งผู้นิยมชาร์ล ดาร์วิน ต้องกลับไปคิดทบทวนใหม่ เพราะท่านได้ทำการทดลองพิสูจน์ว่า สิ่งมีชีวิต ไม่สามารถเกิดขึ้นเองได้ ในสมัยนั้นผู้นิยมทฤษฎีวิวัฒฒนาการของ ชาร์ล ดาวิน มักอ้างว่าสิ่งมีชีวิตเกิดเองได้ไม่จำเป็นต้องมีพระเจ้า เช่นถ้าเราทิ้งเนื้อไว้เฉยๆ จะเกิดหนอนขึ้นมา แปลว่าหนอน(สิ่งมีชีวิต)เกิดจากก้อนเนื้อ(ไม่มีชีวิต)ได้ ถ้าหากมีอาหาร และมีอุณหภูมิเหมาะสม แต่50ปีต่อมา หลุยส์ ปาสเตอร์ ก็ได้พิสูจน์ โดยการเก็บเนื้อ2ชิ้น ชิ้นหนึ่งวางทิ้งไว้ ชิ้นหนึ่งเก็บไว้ในที่ปิดมิดชิด ปรากฎว่าเนื้อที่เก็บในครอบแก้วอย่างไรก็ไม่มีทางเกิดหนอน ท่านอธิบายว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆเกิดเองได้ หนอนนั้น เกิดจากแมลงวันที่มาตอมชิ้นเนื้อแล้ววางไข่ไว้ต่างหาก
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อาทิตย์ ก.พ. 08, 2009 11:48 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ มิ.ย. 04, 2005 12:26 am

ท่านปาสเตอร์แม้ว่าตอนนั้น จะมีชื่อเสียงโด่งดังมากแล้ว แต่ท่านก็ยังคงเป็นคนสุภาพถ่อมตน เจริญชีวิตแบบเรียบง่าย. มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งท่านกลับจากการประชุมนักวิทยาศาสตร์ครั้งสำคัญที่กรุงปารีส มีนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลกมาร่วมประชุม...เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมแล้วต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน...ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่จะมาในมาดใหม่ๆ ทั้งสิ้น ไปมาโดยเครื่องบินส่วนตัว, มีรถยนต์คันงามรับส่ง

แต่สำหรับท่านปาสเตอร์แล้วท่านโดยสารรถไฟชั้นธรรมดา ขณะมากลางทาง พบเด็กหนุ่มคนหนึ่งท่าทางเป็นคนฉลาดปราดเปรียวและหยิ่งผยองและถูกลัทธิอเทวนิยมล้างสมอง. เมื่อเห็นท่านสุภาพบุรุษสูงอายุ น่าเคารพนั่งอยู่คนเดียว นัยน์ตามองออกไปทางหน้าต่าง มือขวาถือสายประคำ. เด็กหนุ่มคนนั้นก็ปราดเข้ามาทักทายพลางแนะนำตัวเองเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย พร้อมกับกล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า

“ลุงยังเชื่อสิ่งที่ถืออยู่ในมือหรือ?”

รูปภาพ

ท่านปาสเตอร์ไม่ตอบว่ากระไร ส่วนเจ้าหนุ่มยังไม่ยอมแพ้ คงเซ้าซี้ชวนท่านคุยเละแจ้งความประสงค์อยากจะรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของท่าน

ท่านปาสเตอร์อดรนทนไม่ได้ก็จำใจหยิบนามบัตรขึ้นมาใบหนึ่งส่งให้เด็กหนุ่มคนนั้น...พอเห็นชื่อ “หลุยส์ ปาสเตอร์” เท่านั้น ถึงกับหน้าถอดสีละล่ำละลักกล่าวคำขอโทษและรีบขอตัวจากไป


   
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อาทิตย์ ก.พ. 08, 2009 11:49 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ มิ.ย. 04, 2005 12:30 am

หลุยส์ ปาสเตอร์ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 28 กันยายน 1895 ในมือยังคงถือสายประคำอยู่ ท่ามกลางการห้อมล้อมของสมาชิกในครอบครัว, ลูกศิษย์ลูกหาที่รักใคร่เคารพในตัวท่าน...ในช่วงที่อาการของท่านทรุดหนัก จนไม่สามารถอ่านหนังสือด้วยตนเองได้แล้ว ท่านก็ขอให้คนอ่านชีวประวัติของท่านนักบุญ วินเซนต์ เดอปอล บุตรชาวนาผู้ยากจนเช่นเดียวกับท่าน. แต่ได้บำเพ็ญประโยชน์แก่ชาวโลก มากมายเหลือคณานับ. ท่านเองก็หวังว่า ผลงานของท่านคงจะได้ช่วยให้คนเป็นอันมาก ได้พ้นทุกข์ทรมาน เป็นต้นพวกเด็กๆ และคนยากจนทั้งหลาย

รูปภาพ
เหนือหีบศพที่เรียบง่ายของท่านในโบสถ์บริเวณสถาบันปาสเตอร์

บนหีบศพของท่าน ภายในโบสถ์บริเวณสถาบันปาสเตอร์ (Pasteur Institute) ที่กรุงปารีสมีข้อความที่คัดมาจากบทประพันธ์ของนักวิทยาศาสตร์จารึกไว้ดังนี้:

“ผู้ที่ธำรงฉายาลักษณ์พระเจ้าและเจริญชีวิตตามนั้น คือความงามที่ล้ำเลิศ, วิทยาการที่ทรงคุณค่า, ความภาคภูมิของประเทศชาติ และคุณธรรมแห่งพระวรสาร”
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อาทิตย์ ก.พ. 08, 2009 11:49 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

เสาร์ มิ.ย. 04, 2005 12:40 am

อาแมน :D
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ มิ.ย. 04, 2005 11:21 am

ขอบคุณครับ
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ มิ.ย. 05, 2005 8:47 pm

ขนลุก :) อาเมน :D
spirit

จันทร์ มิ.ย. 06, 2005 11:01 am

อยากทำได่อย่างท่านบ้างจัง ;)
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. ก.พ. 04, 2010 12:29 am

เผื่อใครอยากอ่านกระทู้นี้ครับ : xemo028 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ก.พ. 04, 2010 10:31 am

ดูแบบมีภาพประกอบได้ที่นี่ครับ : emo045 :
http://www.belongtothetruth.com/Science ... teur01.htm
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5972
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ พ.ค. 27, 2011 11:18 am

ตัวอย่างที่ดีๆ ของนักวิทยศาสตร์คนหนึ่งที่เชื่อและรักพระเจ้าจริงๆ แต่ก็มีนักวิทยาศาสตร์บางคน
สมัยนี้หลงลืมพระเจ้า คิดว่ามนุษย์ต่างดาวสร้างทุกสิ่ง ทุกอย่างมาจากมนุษย์ต่างดาว เสาะแสวง
หาแต่มนุษย์ต่างดาว..........มนุษย์บนโลกนี้ก็เป็นเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ต่างดาว...ที่มาไข่ทิ้งไว้...
มีนักวิทยาศาสตร์ที่หลงไปแบบนี้มากมายในต่างประเทศ.........วังเวง.ค่ะวังเวง
พระเจ้าสร้าง ให้สติปัญญาแต่พวกเขาหลงทางไปซะนี่...เสียดายจัง :s030:
ภาพประจำตัวสมาชิก
COLUMBUS
โพสต์: 96
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ เม.ย. 22, 2012 1:14 pm

พุธ พ.ค. 02, 2012 11:15 am

วิทยาศาสตร์ที่แท้จริงคือวิทยาศาสตร์ที่รับใช้ความจริงเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าครับขอให้ท่านหลุยส์ ปาสเตอร์จงสถิตในไอศวรรย์เคียงข้างพระคริสต์ตลอดกาลเทอญ อาเมน :s007:
ตอบกลับโพส