พระเป็นเจ้าส่ง ‘สแตนเล่ย์ วิลลาวีเซนซีโอ’มาเผยแพร่กิจศรัทธาพระเมตตาของพระองค์

แบ่งปัน คำพยาน ประสบการณ์ชีวิตกับพระเจ้า และการอัศจรรย์ ที่พระเจ้าได้ทรงกระทำต่อชีวิตของเราแต่ละคน
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 10:42 pm

(ยาวหน่อยนะครับ  นี่เป็นกระทู้ที่ยาวที่สุดที่ผมเคยตั้งมาเลย ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกท่านครับ  : xemo017 :)

ที่มา : คณะพระเมตตาแห่งประเทศไทย  http://www.thai-divinemercy.com/index_divine_13.html

รูปภาพ

“จงพากเพียรพยายาม...ป่าวประกาศพระเมตตาของเราไปยังทุกคน
โลกเหลือเวลาอีกเพียงน้อยนิด
ดังนั้น ห้วงเวลาแห่งกิจศรัทธานี้จักสิ้นสุดลงในเร็ววัน”
พระเยซูคริสตเจ้าตรัสผ่านสแตนเล่ย์ วิลลาวีเซนซีโอ
มัมบาลิงก์ นครเซบู ฟิลิปปินส์
เมษายน 1996


ในห้วงเวลาที่มนุษยชาติตกอยู่ในภยันตรายก่อนจะถึงวันมหาวิปโยคนั้น ทั้งพระเยซูเจ้าและแม่พระ
(สหพันธ์พระหฤทัยคู่) กำลังทรงเร่งเรียกมนุษยชาติให้สำนึกกลับใจ และพึ่งพาพระเมตตาของพระองค์ด้วย
พระองค์เอง พระเยซูเจ้าทรงมอบหมายให้ สแตนเล่ย์ วิลลาวีเซนซีโอ จากฟิลิปปินส์ เร่งมือส่งเสริมและ
เผยแพร่กิจศรัทธาต่อพระเมตตาของพระองค์

วิธีเรียกขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นน่าพิศวงนัก ตอนที่พระองค์ทรงเรียกสแตนเล่ย์ นักบินของอเวียชั่น
ซีคิวริตี้คอมแมนด์จากนครเซบูในปี 1993 นั้น พระองค์ทรงทำให้เขามีอาการโคม่าเฉียดตาย! ในระหว่างห้วง
เวลานั้นเมื่อแพทย์ชี้ชัดว่าเขา ‘เสียชีวิตแล้ว’ สแตนเล่ย์ได้พบกับพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า องค์ความเมตตา
ในสวรรค์ ทรงรับสั่งกับเขาว่า “จงกลับไปยังโลกเพื่อทำภารกิจหนึ่ง”

สแตนเล่ย์ได้รับคำยินยอมและการสนับสนุนจากจิตตาธิการทั้งสองของเขา คือ คาร์ดินัลริคาร์โด วีดัล

รูปภาพ


และ มองซินญอร์คริสโทบัล การ์เซีย แห่งนครเซบู

รูปภาพ

และด้วยการรับรองจากสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่ง
ฟิลิปปินส์ ให้เขาเป็นพยานถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตเขาครั้งนั้น เขาเผยแพร่สารพระเมตตาของพระเยซู
เจ้าไปทั่วโลก

และต่อไปนี้คือเรื่องราวต่างๆจากประสบการณ์ของสแตนเล่ย์...

รูปภาพ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แก้ไขล่าสุดโดย Cho เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 11:45 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 10:46 pm

สแตนเลย์ วิลลาวีเซนซีโอ พบพระเยซูคริสตเจ้า องค์ความเมตตา

ตายตอนเช้า

     วันที่ 2 มีนาคม 1993 สแตนเล่ย์ตั้งใจตื่นแต่เช้าลงมารับรูปปั้นแม่พระจาก กลุ่มดอนโรซารี่ครูเสด
เดอร์ส แต่กลับลุกไม่ขึ้น ล้มตัวลงนอนต่อ เช้านั้น แม่ยายเขาไปพบสแตนเล่ย์นอนชัก น้ำลายฟูมปาก
กระอักเลือด หาสัญญาณชีพจรแทบไม่เจอ จึงรีบนำเขาส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลจงหัวในเซบู พวกหมอต่าง
พบว่าเขาสิ้นลมแล้ว ส่งตัวเขาเข้าห้องผู้ป่วยวิกฤติใช้เครื่องช่วยหายใจยื้อชีวิตไว้ พ่อกับน้องสาวเขาซึ่งเป็น
หมอทั้งคู่บินมาจากนีกรอสโอเรียนทัลเข้าตรวจอาการด้วยพร้อมกับหมอเฉพาะทางที่เซบูสี่นาย พวกหมอต่าง
ลงความเห็นว่าหมดทางรอดแล้ว เลือดในหลอดเลือดดำก็ไม่ไหลเวียนให้เจาะตรวจได้ สัญญาณชีพของเขา
จากเครื่องวัดคลื่นหัวใจแสดงเส้นตรง ตัวเขียวหัวจรดเท้า หัวใจ-สมองหยุดทำงานโดยสิ้นเชิง ญาติๆต่าง
ยอมรับว่าเป็นเรื่องสุดวิสัย หมอบอกว่าถ้าสแตนเล่ย์รอดคราวนี้ ก็ต้องเป็นอัมพาตหรือเป็นเจ้าชายนิทรา

     ถึงหมอจะลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าสแตนเล่ย์ ‘ได้เสียชีวิตแล้ว’ แต่ครอบครัวเขาก็ไม่ยอมให้ถอด
เครื่องช่วยหายใจ กลุ่มดอนโรซารี่ครูเสดเดอร์สวดให้เขาตลอดห้วงเวลาวิกฤตินั้น ส่วนญาติๆก็เริ่มจัดเตรียม
งานศพกัน

สแตนเล่ย์พบพระเยซูคริสตเจ้า

   เมื่อร่างของสแตนเล่ย์ไร้ชีวิต วิญญาณเขาไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าแสงเลือนรางซึ่งค่อยๆกระจ่างขึ้นจน
สว่างเต็มที่แต่ก็ยังไม่เจิดจ้านัก แล้วตรงแสงที่สุกใสนั้นก็เผยให้เห็นร่างๆหนึ่งซึ่งสแตนเล่ย์ระลึกได้ว่าเป็น
พระเยซูคริสตเจ้า!


   บังเอิญว่าสแตนเล่ย์ได้อุทิศตนต่อพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่สมัยเขาเป็นนักเรียนโรงเรียนพระหฤทัย
ศักดิ์สิทธิ์ในบาอีส นีกรอสโอเรียลทัล หลังจากสมรสกับเมลิสซ่า แกนตูอังโก วิลลาร์ แล้วย้ายไปอยู่
มัมบาลิงก์ นครเซบู พระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ก็เข้ามามีบทบาทต่อเขาอีกครั้งอย่างเด่นชัด เขาเป็นประธานวัดน้อย
สัญจรของบารังไกย์ในปี 1983

พระเยซูคริสตเจ้าที่เขาเห็น
  
   สแตนเล่ย์บรรยายว่าพระเยซูเจ้าที่เขาเห็นเหมือนกับในภาพพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์มากทีเดียว นอกจาก
พระเกศาของพระองค์เป็นสีดำยาว เป็นคลื่นเล็กน้อย ปลิวไสวเมื่อต้องลม “ตาสีฟ้า ผิวขาวเนียน ดูเกือบ
โปร่งแสง จมูกเหมือนในรูป ปากก็เหมือนในรูปแต่แดงกว่า” ทรงสวมชุดยาวสีขาว ดูเรืองแสง มีรังสีสีขาว
ส่องออกมาจากตรงหน้าอก (ไม่ได้มีสีสันอื่นแบบในรูป) สแตนเล่ย์เล่าว่า “ผมมองดูที่พระหัตถ์ว่ามีรอยตะปู
ไหม ก็ไม่มี แล้วพระองค์ก็ไม่ได้สวมอัญมณีใดๆ พอผมมองลงไปที่พระบาท ก็ไม่เห็นรอยตะปูเพราะ
พระองค์ทรงชุดยาวกลอมพระบาท”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 10:51 pm

พบพระองค์ในสวรรค์?

  สแตนเล่ย์จึงระลึกได้ว่าเขายืนอยู่ในทุ่งหญ้า ในสวนที่งดงาม หอม เย็นสบาย เบื้องหลังพระเยซูเจ้า
ดารดาษไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ รวมถึงกุหลาบดอกใหญ่ ใหญ่มาก สารพัดสีเท่าที่พึงจินตนาการได้
(คาร์ดินัลวีดัลบอกสแตนเล่ย์ว่านั่นคือสวรรค์)

สแตนเล่ย์ได้ดูหนังย้อนอดีตชีวิตบนโลกของตัวเอง

  “แล้วในความเงียบ พระเยซูเจ้าทรงยกพระหัตถ์ซ้ายขึ้นเบื้องบน มีกลุ่มเมฆลอยลงมา หมุนติ้วไปรอบๆ
เพื่อให้ผมเห็นจอขนาดยักษ์ซึ่งฉายหนังอดีตของผมตรงหน้าผม
 
  พอถึงตอนที่ผมทำความผิด ภาพจะฉายช้าลง ถึงขนาดซูมเข้ามา แล้วขยายใหญ่ให้ผมเห็นความผิด
ของตัวเองที่มากมายกว่านั้นได้ชัดๆ ผมถึงกับตะลึงกับหนังที่ฉายโดยปราศจากการตัดทอนให้ผมได้เห็นการ
กระทำในอดีตของผมทั้งหมด ไม่มีทางรอดตัวจากความเป็นจริงไปได้ เพราะแต่ละฉากระบุเวลา เป็นวินาที
นาทีและลงวันที่ไว้ในทุกๆเหตุการณ์ หนังย้อนอดีตของผมไม่ได้ฉายแค่ครั้งเดียว แต่สามครั้ง ถึงสองครั้ง
หลังจะหมุนเร็วขึ้นก็ตาม”

  แล้วสแตนเล่ย์ก็เห็นตัวเองบนจอหนังว่าเดินผ่านวัดน้อยพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ที่เขาช่วยสร้างไป เขาเห็น
ผู้คนในวัดน้อยเล่นการพนันกันอยู่ แต่ตัวเองก็แค่รีบๆเดินผ่านไปโดยไม่ได้ใส่ใจ
 
  อีกฉากเป็นฉากวัดน้อย ผู้คนในนั้นไม่เพียงแค่เล่นการพนัน แต่ดื่มสุราเมามายด้วย แล้วเขาก็เข้าไป
ร่วมวงสรวลเสเฮฮากับเขาด้วย เขาเล่าว่า “พอถึงตรงนี้ มีการซูมภาพเข้ามาเพื่อขยายใหญ่ให้ผมเห็นปาก
มูมมามของตัวเองที่กำลังดื่มเหล้าจนคับจอ!”
 
  ครั้งที่สามเป็นฉากวัดน้อยเดิม คราวนี้ มีรถของเพื่อนบ้านจอดอยู่ในตัววัดน้อย แต่เขาก็แค่เดินผ่านไป
เฉยๆ “ภาพเริ่มซูมเข้า-ซูมออกเป็นระยะๆจนผมตาลาย”

  พระเยซูเจ้าตรัสกับสแตนเล่ย์ว่า “เราไม่ต้องการให้ใช้วัดน้อยทำกิจอื่นที่ไม่ใช่กิจของวัด เราอยากให้
ผู้คนมาสวดภาวนากันที่นั่นทุกวัน ถ้าทำไม่ได้ อย่างน้อยสักสัปดาห์ละครั้งก็ยังดี เราอยากให้ลูกขยาย
ขนาดของวัดให้ใหญ่ขึ้นเท่าตัวด้วย และออกแบบประตูให้เป็นรูปหัวใจ”


“จงกลับไปยังโลก”
 
  ก่อนที่พระเยซูเจ้าจะหายไปในม่านหมอก พระองค์ตรัสกับสแตนเล่ย์ว่า “จงกลับไปยังโลก ลูกยังมีอีก
หลายเรื่องที่ต้องทำ เราจะมาเข้าฝันถ้าเรามีสารถึงลูก”


  พอสแตนเล่ย์ฟื้นขึ้นมาจากความตาย เขารู้สึกดีเอามากๆ เขาดึงสายน้ำเกลือและสายยางที่สอดเข้า
จมูกลงท้องของเขาออก พอพยาบาลเห็นคนตายลุกขึ้นมาก็วิ่งหน้าตื่นจนส้นรองเท้าหลุด เธอไปเรียกหมอ
และพยาบาลมาหลายคน! หมอเจ้าของไข้เปลี่ยนเครื่องตรวจฟังใหม่เพราะสงสัยว่าอันแรกจะเสีย แถม
เปลี่ยนแบตเตอรี่เครื่องมือตรวจคนไข้ถึงสองครั้ง เมลิสซ่า ภรรยาเขาก็มาด้วย เธอมาพร้อมกับชุดพิธีที่จะ
สวมให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย เธออึ้งถึงกับพูดไม่ออกเป็นนาน!

  ในที่สุด เมื่อผลการตรวจบ่งบอกว่าสแตนเล่ย์ไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยใดๆเลย หมอก็อนุญาตให้เขากลับ
บ้านได้ เนื่องจากภรรยาเขายังช็อกอยู่ เขาก็เลยลงไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลด้วยตัวเอง พอดีเขาไม่ได้นำเงิน
ติดตัวมาชำระรายการหนักๆประเภทนี้ เขาก็เลยไปหานายลิม หลิว เพื่อนเขา ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของโรง
พยาบาล พอเห็นสแตนเล่ย์เข้าเท่านั้น นายลิม หลิว ก็ลุกพรวดเตรียมแจวอ้าวคิดว่าเห็นผี เพราะล่าสุดรู้มา
ว่าท่าทางเพื่อนไม่รอดแน่ สแตนเล่ย์ต้องไปยืนดักขวางประตูไว้ นายลิม หลิวได้เซ็นสัญญานัดชำระเงินให้

  พอจัดการเรื่องโรงพยาบาลเสร็จสรรพ สแตนเล่ย์ก็ขับรถกลับบ้านโดยมีภรรยานั่งคู่ไปด้วย ภรรยานั่ง
เงียบ มิวายเหลือบมองสามีที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาของเธอเพราะยังไม่เชื่อสายตาตัวเองเท่าไรนัก มุมถนนตาบาดา
ตัดกับทาโกนอลนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่พากันวงแตกเมื่อเห็นเขา พอจวนถึงบ้าน เขาก็จอดเทียบผู้หญิงท้องคน
หนึ่งที่เดินกลับจากตลาดพอดี เธอเพิ่งไปซื้อดอกไม้เตรียมไปเคารพศพเขา ส่วนบรรดาเพื่อนบ้านแถวหัวมุม
ถนนนั้น เขามารู้เอาภายหลังว่ากำลังยืนรอรถขนหีบศพอยู่ เพื่อเตรียมไปส่งศพเขาที่วัดน้อย

  เขาฟื้นจากความตายในวันศุกร์ต้นเดือนพอดิบพอดี เป็นเวลาสามวันนับจากวันที่เขาถูกหามเข้าโรงหมอ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 10:54 pm

ซ่อมแซมวัดน้อยพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์

  ต่อมาไม่นาน สแตนเล่ย์ก็จัดแจงซ่อมแซมวัดน้อยตามคำสั่งของพระเยซูเจ้า เขาได้เงินค่าแรงคนงาน
และค่าวัสดุก่อสร้างเพื่อมาทำโครงการนี้จากคนที่ช่วยลงขันมาบ้าง ไม่ก็จากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม เมื่อสร้าง
ประตูเป็นรูปหัวใจแล้ว วัดน้อยแห่งนี้ก็เลยกลายเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว รถราวิ่งเข้ามาจอดในตัววัด
น้อยไม่ได้อีก ในระยะหลังๆมานี้เล่าลือกันว่าคนที่มาสวดภาวนาในวัดน้อยแห่งนี้ต่างได้รับการเยียวยารักษา
โรคภัยไข้เจ็บต่างๆในเวลาต่อมา

พบพระเยซูเจ้าในฝัน

   ในเดือนเมษายน 1999 สแตนเล่ย์เล่าว่าได้พบพระเยซูเจ้าในฝันอีก 25 ครั้งหลังจากที่พระองค์ทรง
ปรากฏมาในครั้งแรก มีการสนทนาพูดคุยกันระหว่างที่พระองค์ทรงปรากฏมาในฝัน มาระยะหลังๆนี้ พระเยซู
เจ้าตรัสกับสแตนเล่ย์เป็นคำพูดในวิญญาณในห้วงเวลาที่เขาสวดสายประคำพระเมตตาตอนตีสาม

พันธกิจของสแตนเล่ย์

   วันที่ 6 กันยายน 1993 สแตนเล่ย์แต่งตัวเสร็จสรรพพร้อมไปตามนัดหมายช่วงเที่ยงวัน จู่ๆเขาเกิด
หมดเรี่ยวแรงขึ้นมาดื้อๆแล้วก็ผล็อยหลับไป ระหว่างที่เขาหลับอยู่นั้น พระเยซูเจ้าทรงมาหาเขา ตรัสว่า “ลูก
เรา ลูกเรา เราทำให้ลูกฟื้นขึ้นมาจากความตายก็เพราะลูกมีพันธกิจที่ยิ่งใหญ่ ลูกเป็นคนหนึ่งในบรรดาผู้
เก็บเกี่ยวที่เราเลือกสรรไว้ไม่กี่คน”


   ครั้นแล้วพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรับสั่งให้สแตนเล่ย์ส่งเสริมกิจศรัทธาต่อพระเมตตาของพระองค์
โดยก่อนการบรรยายนั้น พระองค์ให้สแตนเล่ย์มอบภาพพระเมตตาเคลือบวิทยาศาสตร์แก่เจ้าภาพที่เป็น
องค์กร บริษัทหรือวัดน้อย แล้วก็แจกบทสวดสายประคำพระเมตตาให้ทุกคนที่มาร่วมฟังด้วย
ถึงตรงนี้ สแตนเล่ย์ก็ทักท้วงว่าเขาไม่มีเงินจ่ายค่าของแจกเหล่านี้หรอก และพระเยซูเจ้ามีรับสั่งให้เขา
ติดต่อไปที่ มันดาอูแกลลีออนเทรดอิงก์ เรื่องบทสวดสายประคำ และติดต่อ นางวาเลนติน่า พลาซ่า ที่
สแตนเลย์รู้จักแต่ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วเรื่องภาพพระเมตตาเคลือบวิทยาศาสตร์ แล้วก็ติดต่อ อินเดย์
เซลีน อีลาแกน
หัวหน้า กลุ่มพระเมตตาครูเสดของมินดาเนาและวิซายา ให้มาช่วยงานเขาอีกแรง

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจัดหาสิ่งที่สแตนเลย์ต้องใช้

   พอตื่นจากหลับ สแตนเล่ย์ก็ต่อสายไป มันดาอูแกลลีออนเทรดอิงก์ ที่คาบันคาลัน มันดาอู ของ
ครอบครัว กาแมลโลและออยสัน ผู้หญิงที่รับสายแจ้งสแตนเล่ย์ว่า ทางสำนักงานได้รับกล่องพัสดุบรรจุบท
สวดสายประคำจากมะนิลากับดาเวาเมื่อเช้าโดยที่ไม่มีใครสั่งไป แล้วเธอก็ไม่รู้จะจัดการกับของเหล่านี้
อย่างไรดี


   เมื่อสแตนเล่ย์สืบหา นางวาเลนติน่า พลาซ่า อดีตผู้ว่าการอากูซอนจนพบตัวที่เซบูแล้ว นางตอบเขาว่า
“ฉันตั้งใจบินไปมะนิลาเช้านี้ แต่ฉันได้รับนิมิตบอกให้ฉันอยู่รอคุณก่อนเพราะคุณกำลังเจอศึกหนัก ให้ฉัน
ช่วยอะไรคุณได้บ้างล่ะคะ” สแตนเล่ย์จึงเล่าเรื่องรับสั่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้เธอฟัง นางพลาซ่าจึงรีบ
จัดการเรื่องภาพพระเมตตาให้สแตนเล่ย์เอาไปแจกให้ในทันทีด้วยความตื่นเต้น


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แก้ไขล่าสุดโดย Cho เมื่อ เสาร์ มิ.ย. 13, 2009 10:01 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 10:57 pm

ปูมหลังของสแตนเล่ย์
  
   ผู้คนอยากรู้ว่าสแตนเล่ย์เป็นคนอย่างไรถึงได้รับพระพรเช่นนี้ จริงๆแล้วสแตนเล่ย์เป็นคนสมถะมาก
สุภาพ อ่อนโยน ศรัทธาต่อพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า เขาเกิดที่บาอีส นีกรอสโอเรียนทัล สูงห้าฟุต
เจ็ด ตัวเตี้ยกว่าพระเยซูเจ้าที่เขาเห็นราว 1-2 นิ้วได้
  
   การที่เขาได้พบองค์พระคริสตเจ้าทำให้เขาสำนึกในความผิดบาปทั้งหมดที่เขาเคยทำมาในอดีต ความน่า
เลื่อมใสศรัทธาคือผลงานของพระจิตเจ้าในตัวเขา เขากลับกลายเป็นคนที่เพียรทน หมั่นสวดภาวนา และ
เปี่ยมด้วยความศรัทธา เขาอดอาหารก่อนให้คำพยานทุกครั้ง และอดอาหารแทบทุกวัน ครั้งหนึ่งองค์พระผู้
เป็นเจ้าทรงไขข้อข้องใจเรื่องการบังคับตัวเองให้อดอาหารว่า “ถ้ามีคนเลี้ยงอาหารลูก ก็จงรับประทานสักคำ
สองคำเพื่อไม่ให้เจ้าภาพเสียน้ำใจ”
บ่อยครั้งที่งานแบ่งปันและการให้คำพยานเต็มเวลานำเขาพร้อมกับทีม
งานไปตามโบสถ์หรือสถานที่ต่างๆถึงวันละ 3-4 แห่ง กระนั้น ความนบนอบต่อพันธกิจขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ก็มิได้ทำให้เขาโอดครวญแต่อย่างใด นั่นคือเหตุผลที่พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัยงานของสแตนเล่ย์
พระองค์ตรัสอย่างรักใคร่เอ็นดูบ่อยครั้งว่า“ลูกเรา ขอบใจสำหรับความจริงใจในการทำงานของลูกนะ...เรา
รักลูก!”


   สแตนเล่ย์และเมลิสซ่ามีลูกด้วยกัน 13 คน ลูกคนหนึ่งเกิดวันอาทิตย์สมโภชพระจิตตาคมปี 1994
เขาตั้งชื่อลูกคนนี้ว่า ‘พระหรรษทานของพระเป็นเจ้า’ (Divine Grace) พอลูกคนที่ 13 เกิดมาในวันที่ 13
สิงหาคมปี 2006 องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ตรัสกับสแตนเล่ย์ว่าลูกคนนี้เป็นคนสุดท้องแล้ว

   ความศรัทธาของสแตนเล่ย์สอนให้เขามอบทุกอย่างไว้ในพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้า แล้วก็เป็นเรื่องน่า
พิศวงด้วยที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจัดหาสิ่งที่จำเป็นต่างๆให้แก่ครอบครัวขนาดใหญ่ของเขา

การประกาศข่าวดีเต็มเวลา
  
   หลังจากที่สแตนเล่ย์ฟื้นจากโคม่าคราวนั้น เขาได้ลาออกจากการเป็นลูกจ้างของ AVSECOM เพื่อ
สามารถตอบรับคำเชิญที่หลั่งไหลเข้ามาเป็นพันๆ ให้เขาไปเป็นพยานและป่าวประกาศเรื่องพระเมตตาของ
พระเป็นเจ้าไปทั่วฟิลิปปินส์และทั่วโลก

รูปภาพ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 11:01 pm

การเสนอวิงวอนของบรรดาทูตสวรรค์

  มีบ้างเหมือนกันที่สแตนเล่ย์กังวลเรื่องกำหนดการที่ต้องล่าช้าเนื่องจากฝนตก หรือเพราะความวักแวก
ของผู้คนที่มาฟังเขา เขาจะสวดวอนขอในเรื่องนั้นๆ แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าก็จะแสดงให้เขารู้ว่าพระองค์
ทรงอยู่กับเขา

 
  ในปี 1994 วันนั้นฝนตกหนักตลอดทั้งวันก่อนการบรรยายของเขา น่าอัศจรรย์ใจที่ฝนหยุดตกก่อน
เวลานั้นหนึ่งชั่วโมง แถมมีดวงจันทร์โผล่ขึ้นมาอย่างประหลาด ปกคลุมซีกหนึ่งไว้เหมือนร่ม ผู้คนที่มาชุมนุม
รีบพากันไปหลบใต้เงาร่มนั้น

  เมื่อคนพูดคนแรกขึ้นเกริ่นนำ สแตนเล่ย์เกิดกังวลใจเพราะเด็กๆพากันวิ่งไปวิ่งมาส่งเสียงดังรบกวน
เด็กบางคนวิ่งไปชนคนพูดด้วยซ้ำ สแตนเล่ย์จึงนำเรื่องนี้ทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ใครเล่าจะเข้าใจ
และจับใจความเรื่องที่ลูกพูดได้ถ้าคนที่มาฟังเป็นกันแบบนี้ โปรดทรงทำอะไรสักอย่างเถิดพระเจ้าข้า”

  พอถึงคิวที่สแตนเล่ย์ขึ้นพูด เขาก็ต้องแปลกใจที่ฟ้าเปิด ม่านฟ้ากางออกเหมือนร่มชายหาด แล้วก็มี
ลำแสงส่องนำไปทางนั้น สแตนเล่ย์เห็นทูตสวรรค์ราว 20 องค์ในชุดขาวทยอยลงมาจากลำแสงนั้นทีละองค์ๆ
ทูตสวรรค์ลอยลงมายืนเรียงรายอยู่บนร่มเงานั้นรอบคนฟังในท่าสำรวมภาวนา ขณะที่เขาให้คำพยานอยู่นั้น
คนที่นั่นต่างได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาของทูตสวรรค์ ซึ่งไปกระตุ้นให้พวกเขาหันรีหันขวางมองหาที่มาของ
เสียง แต่พวกเขาก็หาไม่พบ พอสแตนเล่ย์พุ่งความสนใจไปยังทูตสวรรค์ที่กำลังภาวนาอยู่ เขาก็เลยจดจ่ออยู่
กับการพูดของเขาอีกครั้งแล้วคนฟังก็เลยพากันเงียบ หลังจากที่เขาพูดจบ ทูตสวรรค์ก็เหินกลับไปยังลำแสง
ที่ส่องลงมาลำนั้น แล้วก็หายไป!

ร่วมสนิทกับองค์พระผู้เป็นเจ้าเมื่อให้คำพยาน

  การให้คำพยานของสแตนเล่ย์นั้นเปี่ยมไปด้วยพระจิตเจ้า โดยเฉพาะเมื่อเขาอดอาหาร คำพูดพรั่งพรู
ออกมาเร็วเหลือเกินจนบางครั้งเขากัดลิ้นตัวเอง และเขาก็จะกล่าวว่า “พระเจ้าข้า โปรดช้าลงสักนิดเถิด” มี
บางครั้งด้วยที่เขาอ่อนล้ามาทั้งวันและหลับในในขณะที่พูดอยู่ แต่เขาก็ยังพูดต่อได้เหมือนกับเทปบันทึกเสียง
เขาสารภาพว่า “บางทีก็ไม่ใช่ผมหรอกนะที่พูดอยู่ บางครั้งพระเยซูเจ้าตรัสกับผมเป็นคำพูดในวิญญาณใน
เวลาที่ผมพูด” เหมือนครั้งนั้นที่เมืองคากายันเดอโอโร ในเดือนตุลาคมปี 1996 ระหว่างที่ผมพูดอยู่นั้น พระ
เยซูเจ้าทรงมีรับสั่งให้ผมยกเลิกกำหนดการที่เมืองออร์ม็อกในวันที่ 1-8 ธันวาคม เพราะผมไปที่นั่นเจ็ดครั้ง
แล้ว และพระองค์ให้ผมกลับไปที่เมืองคากายันเดอโอโรที่ต้องการผมมากกว่าแทน” เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ปากของสแตนเลย์พูดในช่วงให้คำพยาน

  เรื่องที่เกิดขึ้นที่คากายันเดอโอโรนั้น ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใด สแตนเล่ย์รู้สึกเหมือนถูกยับยั้งไว้เพราะ
กลุ่มพระเมตตาของเมืองนั้นไม่ได้รับการสนับสนุนจากทั้งพระสังฆราชและคณะสงฆ์ “อย่างไรก็ตาม ผมต้อง
นบนอบองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ประสานงานของผมที่เมืองคากายันเดอโอโรเลยจัดการงานนี้ให้ออกมาดีที่สุด”

  “ก่อนหน้า 11 ธันวาคมซึ่งเป็นช่วงจัดเตรียมกำหนดการล่วงหน้า พระสังฆราชประจำเมืองคากายันเดอ
โอโรได้เดินทางไปกรุงโรมเพื่อร่วมชุมนุมกันที่นั่น ผมมารู้เอาทีหลังว่าพอพระสังฆราชองค์นี้ไปเข้าเฝ้าโป๊ป
ยอห์น ปอลที่ 2 พร้อมกับพระสังฆราชองค์อื่นๆ พระสันตะปาปาทรงหันมาทางท่าน เจาะจงถามท่านว่า
“เรื่องกิจศรัทธาพระเมตตาในสังฆมณฑลของท่านนั้น ท่านทำไปถึงไหนแล้ว จงเผยแพร่เถิด” พระสังฆราช
ถึงกับตะลึงกับรับสั่งนี้ พอพระสังฆราชกลับมาถึง ท่านจึงรีบจัดเวลาให้ผมทันที ดังนั้น จากวันที่ 1-8
ธันวาคม เราจึงต้องเร่งมือกันหามรุ่งหามค่ำจนเสร็จตามเป้าหมายทั้งสามโบสถ์! อันที่จริงแล้ว เมื่อองค์พระผู้
เป็นเจ้าทรงต้องการอะไร พระองค์ก็จะดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จจนได้!”


  ผลลัพธ์จากการจัดงานคราวนั้นน่าอัศจรรย์ใจมาก จนแม้กระทั่งงานประชุมพระเมตตาของกลุ่มพระ
เมตตามินดาเนาในวันที่ 9-10 เมษายนยังต้องไปจัดที่เมืองคากายันเดอโอโรโดยที่สแตนเล่ย์กับพระสังฆราช
และพระสงฆ์ทั้งหมดร่วมกันทำงาน มีคนมาร่วมงานหลายพันคนทีเดียว สแตนเล่ย์กล่าวว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า
ทรงปรารถนาจะฝากถ้อยความนี้ไปถึงทุกคน: “งานนี้เป็นงานของเราเอง จงบอกเขาเหล่านั้นว่าขอเพียงแค่
ร่วมมือกับเราเท่านั้น”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 11:08 pm

พระเยซูเจ้าทรงติดตามเสาะหาวิญญาณทั้งหลาย

  บทกวีของ ฟรานซิส ทอมป์สัน พรรณนาไว้ว่า ‘พระเยซูเจ้านั้นเปรียบประดุจนักไล่ล่าแห่งฟ้าสวรรค์
คอยติดตามเสาะหาวิญญาณอย่างไม่ลดละ อย่างมิรู้เหน็ดเหนื่อย’ ซึ่งพระองค์ทรงหวังเอาไว้ว่าวิญญาณ
จะกลับมาสู่ห้วงพระเมตตาของพระองค์โดยเฉพาะในเวลาสามนาฬิกา เวลาที่พระองค์ได้ทรงสิ้นพระ
ชนม์
เพราะในชั่วโมงนั้นเองที่พระเมตตาของพระเป็นเจ้าหลั่งไหลออกมาสู่เราทุกคนที่แสวงหาอยู่


พระเมตตาของพระเยซูเจ้าสัมผัสจิตใจของผู้คนนับไม่ถ้วน

  กิจศรัทธาพระเมตตาซึ่งพระเยซูเจ้าตรัสไว้ “เพื่อเตรียมชาวโลกสำหรับการกลับมาของเรา” นั้นก็ได้
บรรลุผลสำเร็จในการประกาศข่าวดีครั้งนี้

  ปี 1994 ในบูอ็อก ซัมโบอันกาหลังสแตนเล่ย์ให้คำพยาน มีการแจกบทสวดสายประคำ 6,000 ใบ ชาว
มุสลิมและโปรเตสแตนท์หลายคนต่างเข้ามาโอบกอดสแตนเล่ย์ พากันเข้าคิวซื้อโปสเตอร์รูปพระเมตตาและ
ถามหาสายประคำกัน

  ในนีกรอสโอเรียนทัล คำพยานของสแตนเล่ย์เรื่องพระเมตตาของพระเยซูเจ้าทำให้ชาวโปรเตสแตนท์ที่
ได้ฟังต้องหวั่นไหว ชาวโปรเตสแตนท์ 12 คนนั้นพร้อมด้วยศาสนาจารย์ของเขาได้เชิญสแตนเล่ย์ให้ไปพูดที่
คริสตจักรของเขา

  ในลาเนาเดลนอร์เต ซัมโบอันซาเดลเซอร์ กลุ่มชาวมุสลิมได้เชิญสแตนเล่ย์ให้ไปพูดให้กลุ่มของเขาฟัง
ในเซบู ผู้หญิงอากลีพายัน (คริสตจักรอิสระของฟิลิปปินส์) ซึ่งป่วยด้วยโรคซึมเศร้าอย่างหนักได้เชิญ

  สแตนเล่ย์ไปพูดที่โบสถ์ของเธอ หลังจากได้ฟังสแตนเล่ย์พูดจบแล้ว เธอได้เปลี่ยนใจไม่ฆ่าตัวตาย
สแตนเล่ย์ไปให้คำพยานตามโรงเรียน ทัณฑสถาน กลุ่มสหภาพแรงงานและกลุ่มอื่นๆ คำพยานนั้นได้
สัมผัสจิตใจผู้คนที่มาฟัง บ่อยทีเดียวที่พวกเขาพากันร่ำไห้สะอึกสะอื้นเวลาจูบนมัสการพระรูปพระเมตตาของ
พระเยซูเจ้า... “พระเยซูเจ้าข้า อภัยให้ลูกด้วย..อภัยให้ลูกด้วย..ลูกได้ทำผิดต่อพระองค์มานับครั้งไม่ถ้วน
ในชีวิตของลูก! ...”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 11:10 pm

ปราบจราจลในคุก

  เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นในทัณฑสถานประจำจังหวัดปาตินเอย์ อากูซอนเดลเซอร์ ในวันที่ 20 เมษายน
1997 หนึ่งวันก่อนสแตนเล่ย์ไปพูดที่นั่น วันนั้นเกิดข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วว่าพวกนักโทษรวมหัวกันจะก่อ
จลาจลและอาจปะทะกันได้ทุกเมื่อ พัศดีเครียดหนัก เขาหวังจะล้มความคิดของนักโทษ จึงเชิญทีมของสแตน
เล่ย์มาพูดในคุก พอสแตนเล่ย์พูดจบ บรรดานักโทษต่างสะเทือนใจ ทยอยเข้ามาพูดกับเขาอย่างเอาจริงเอา
จัง “พระยินดียกโทษให้เราทั้งๆที่เราทำบาปหนัก!” พวกเขาตั้งแถว เข้าคิวไปจูบและกอดพระรูปพระ
เมตตา ทุกคนน้ำตาไหลพราก คร่ำครวญสำนึกผิด ขอพระสงฆ์มาโปรดศีลอภัยบาปให้ในคุก

  แล้วในวันเดียวกันนั้นเอง หัวโจกของพวกนักโทษก็ได้เขียนจดหมายถึงพัศดีว่าพวกเขาขอมอบอาวุธที่
ซุกซ่อนไว้ให้พัศดีทั้งหมด และเรื่องที่พัศดีไม่คาดคิดก็คือพวกนักโทษพากันเอาอาวุธมากมายหลายชนิดมา
กองเรียงรายให้เขาทุกชิ้น พัศดีถึงกับสะอื้นต่อหน้านักโทษ!

ขโมยเอาเงินมาคืน

  มีเรื่องที่เกิดขึ้นในปี 1995 มาเล่าสู่กันฟัง เป็นเรื่องของพนักงานธนาคารกลางในเมืองเซบู หลังจาก
ทำการตรวจสอบบัญชี ทางธนาคารได้พบว่าเงินหายไปสี่แสนเปโซ ผู้จัดการธนาคารเลยใช้วิธีหักเงินเดือน
พนักงานทุกคน เป็นธรรมดาที่พนักงานต้องบ่นกันอุบ วันหนึ่ง สแตนเล่ย์ได้รับเชิญไปพูดที่สาขานั้นให้พนัก
งานทุกคนฟัง ทุกคนต่างประทับใจ แล้วสแตนเล่ย์ก็เล่าเรื่องการพิพากษาย่อยระหว่างที่เขาได้พบพระคริสต
เจ้า ตอนที่เขาได้เห็นบาปทั้งหมดของตัวเองในหนังย้อนอดีต รุ่งขึ้นหลังวันที่เขาไปพูด มีคนโทรศัพท์เข้าไปที่
ธนาคาร “ผมละอายใจเหลือเกิน ผมเป็นคนยักยอกเงินสี่แสนเปโซนั่นเอง ผมคืนให้แล้วนะ เพราะผมก็
อยากไปสวรรค์กะเขาด้วย เงินวางอยู่หน้าประตูแล้ว!” แล้วรปภ.ก็พบเงินซุกอยู่ในกล่องข้างประตูทางเข้า
พนักงานดีใจกันยกใหญ่!

  มีเหตุการณ์อื่นๆอีกมากมายในการเดินทางไปประกาศข่าวดีของสแตนเล่ย์

  ขอขอบพระคุณพระเมตตาของพระเยซูเจ้า เหตุว่าพระองค์ได้ทรงทำตามพระสัญญาแล้ว...

ก่อนหน้าเรามาในฐานะผู้พิพากษาผู้ทรงความยุติธรรม เราจักเปิดทางสู่ความเมตตาของเราออกกว้าง...
วิญญาณจงอย่ากลัวที่จะเข้ามาหาเรา แม้นว่าบาปของเจ้าจักชั่วช้าเหลือประมาณ


รูปภาพ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 11:17 pm

สารจากพระเยซูเจ้าผ่านทางสแตนเล่ย์

มารีเบล เซ้าท์โคโตบาโต 31 สิงหาคม 1994 เวลา 3:40 น.
จงไปร่วมมิสซาทุกวัน...
อย่ายอมให้ซาตานสลายทีมงานของลูก...
ลูกเอ๋ย ลูกจักเป็นพยานถึงการกลับมาครั้งสุดท้ายของเรา


คาบาซาลัน แซมโบอันกาเดลเซอร์ 9 ตุลาคม 1994 เวลา 3:30 น.
จงสวด สวดสายประคำพระเมตตา...
อย่ากังวลเลย การเสียสละของลูกจักไม่เนิ่นนานนัก...
เราอยู่กับลูกเสมอ


ทาบาดา มัมบาลิงก์ นครเซบู 15 มกราคม 1995 เวลา 3:45 น.
ขอแสดงความยินดีด้วย! ทีมงานของลูกได้ช่วยคนเป็นอันมาก
มากเสียจนซาตานเป็นเดือดเป็นแค้น!
จงเพิ่มพูนความพยายามเพราะเวลากำลังมาถึงเร็วมากและจวนตัวมากแล้ว...
เราอยู่กับลูกเสมอ


เมืองดาเวา 14 กรกฎาคม 1995 เวลา 3:15 น.
เราเป็นสุขและพอใจยิ่งนัก จงทำต่อไป จวนได้เวลาและพร้อมเก็บเกี่ยวแล้ว...
การเยียวยาต้องการการสวดภาวนา มิใช่สวดแค่ช่วงสั้นๆ แต่ต้องสวดตลอดเวลา
จงภาวนา ภาวนาสายประคำพระเมตตาอย่าได้ลดละ... เราอยู่กับลูกเสมอ


เกาะบันตายัน เซบู (บ้านพักของเบนนี่ มาตา) 26 ตุลาคม 1995 เวลา 3:15 น.
องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของลูก ลูกรักพระองค์ด้วยสิ้นสุดวิญญาณ
สิ้นสุดดวงใจและสิ้นสุดสติปัญญา (พระองค์ทรงยิ้ม) ขอบพระคุณพระองค์พระเจ้าข้า
โปรดเพิ่มพูนพระเมตตาและความกรุณาสงสารแก่ชาวโลกด้วยเถิด
ความเมตตาของเรานั้นหาที่สิ้นสุดมิได้ แต่ยังมีคนอีกเป็นอันมากที่ไม่วางใจในความเมตตาของเรา
เรารักลูก ลูกเอ๋ย
องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของลูก คนมากมายนำปัญหาของเขามาฝากฝังไว้กับลูก
โปรดช่วยด้วยเถิดพระเจ้าข้า
โปรดให้เขาสวดสายประคำพระเมตตาอย่าได้ลดละ และเขาจะได้รับการนำทาง...
บรรดาคนไม่ซื่อ คนฉกฉวยโอกาสจากตำแหน่งและอำนาจของตัวเอง
คนไม่แยแสคนยากจน คนพวกนี้เข้าสวรรค์ยากนัก


ทาบาดา มัมบาลิงก์ เมืองเซบู 1 เมษายน 1996 เวลา 3:50 น.
จงจัดงานชุมนุมและประกาศพระเมตตาแก่วิญญาณทุกดวง
เวลาเหลือน้อยแล้ว ห้วงเวลาแห่งกิจศรัทธานี้จักสิ้นสุดลง
หัวข้อใหญ่ในการประชุมนี้ คือ “ผู้รักษาวิญญาณหนึ่งดวงให้รอด รักษาวิญญาณของตนให้รอด”
และเราจะทำตามสัญญานั้น เรารักลูก ลูกเอ๋ย
ขอบใจสำหรับความจริงใจของลูกที่จะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ เราอยู่กับลูกเสมอ


ทาบาดา มัมบาลิงก์ เมืองเซบู 4 ตุลาคม 1996 (ศุกรต้นเดือน) เวลา 3:10 น.
ลูกไม่จำเป็นต้องกังวล จงทำในส่วนของลูกให้ดีที่สุดและเราจะดูแลเรื่องที่เหลือให้
คนที่เชื่อในตัวลูกก็เชื่อในเรา เพราะเป็นเราเองที่ส่งลูกมา...
ผู้ฉวยโอกาสรับพระเมตตาของเราในขณะที่ยังเป็นวันแห่งพระเมตตาก็เป็นสุข
แต่จงระวังไว้เถิด วันแห่งพระยุติธรรมนั้นจักมาถึงเร็วกว่าที่ทุกคนคาดคิดไว้
จงสวดสายประคำพระเมตตาด้วยความรัก และเพราะความรัก
ด้วยความเต็มใจ เหมือนกับที่เราได้ให้ลูกทุกคนอยู่ตอนนี้
เพื่อลูกจะได้เหมาะสมที่จะตอบแทนพระพรต่างๆของเราบ้าง
จงสนับสนุนให้ผู้คนสวดสายประคำพระเมตตาอย่าได้ลดละ เรารักลูก ลูกเอ๋ย
พระองค์ทรงอวยพรผมและก็เสด็จหายไป


เมืองซูรีกาโอ (บ้านพักของโมนิโก อาเซน) 27 มกราคม 1997 เวลา 3.05 น.
ลูกเอ๋ย ขอบใจที่ลูกนบนอบเรามาโดยตลอด
และทำภารกิจของลูกอย่างเสมอต้นเสมอปลาย แต่เราบอกลูกดังนี้
“เราเป็นพละกำลังของลูก เพราะนี่คือสงครามของเรา เพื่อให้เป็นจริงตามที่จารึกไว้แล้ว”
ผู้มีใจบริสุทธิ์ย่อมเป็นสุข เพราะประตูสวรรค์เปิดออกกว้างต้อนรับเขา
เวลานี้จึงเป็นเวลาที่พวกเขาจักชำระจิตใจให้สะอาดและคืนดีกัน
เพราะพวกเขานี่แหละ ที่ทำให้เรายืดเวลาแห่งพระเมตตาออกไป
แต่เราก็ไม่สามารถยื้อไว้ได้นานนัก...เรารักลูก ลูกเอ๋ย
พระองค์ทรงยิ้ม ทรงกอดผม อวยพรผมแล้วก็เสด็จหายไป
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 11:19 pm

ปาติเนย์ โพรสเพอรีแด๊ด อากูซอนเดลเซอร์ 12 สิงหาคม 1997 เวลา 3.30 น.
องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของลูก ลูกขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงรักพวกเรา
ลูกเอ๋ย เรารักลูก ดังที่พระบิดาของเราทรงรักสรรพชีวิตที่ทรงสร้างมา
พระเจ้าข้า มีหลายคนเดือดร้อนเรื่องสร้างสักการสถาน ลูกจะบอกพวกเขาว่าอย่างไรดี
ลูกเอ๋ย จงสร้างสักการสถานไว้ภายในหัวใจของทุกคน
เราอยากได้สักการสถานที่มีชีวิต เปี่ยมด้วยรัก พร้อมด้วยวิญญาณที่วางใจสักดวง
ความวางใจของพวกเขาควรอยู่ที่การช่วยวิญญาณทั้งหลายให้รอดในเวลาอันสั้น

มิใช่เป็นแต่เพียงก้อนหินไร้ชีวิต พวกเขาสามารถรับใช้เราได้ดีกว่านั้น
ด้วยการส่งเสริมเรื่องพระเมตตาอันลึกล้ำของเราต่อวิญญาณทุกดวง ด้วยใจที่สุภาพ
จงสวดภาวนา จงสวดสวยประคำพระเมตตาอย่าได้ลดละ
สายประคำนี้แหละ จักเป็นโล่ปกป้องพวกเขาจากเหล่าศัตรู
พระเยซูทรงยิ้ม กอดผม อวยพรผม และเสด็จหายไป


เมืองคากายันเดอโอโร 2 มีนาคม 1998 เวลา 3:15 น.
องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของลูก ลูกขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงให้โอกาสลูกได้รับใช้พระองค์
และช่วยเผยแพร่กิจศรัทธาส่วนพระองค์
ลูกเอ๋ย เราได้มอบหมายภาระหน้าที่นี้แก่ลูก
เราขอบใจลูกนะที่มีใจศรัทธาทำภารกิจนี้ต่อเบื้องพระพักตร์พระเป็นเจ้า
เราได้เรียกคนมามากมาย หากมีเพียงน้อยนิดที่ตอบรับ
การยึดติดกับทางโลกขัดขวางมิให้เขาวางใจในเรา
บาปความสงสัยทำร้ายเราสุดแสนสาหัส
ถ้าเพียงแต่เขารู้จักสั่งสมโภคทรัพย์อันจิรังนิรันดรนี้เท่านั้น
พวกเขาก็จักมิต้องถูกตัดสินในวันพิพากษา
จงครอบคลุมถึงความสำคัญของศีลศักดิ์สิทธิ์ในภารกิจของลูกด้วย
ความสำคัญอันล้ำลึกของการเสกศีลนี้ถูกเหยียดหยามและทำให้ดูเป็นเรื่องไร้ประโยชน์
จงสวดภาวนา ภาวนาสายประคำพระเมตตา
และแนะนำให้ทุกคนรู้ว่าสายประคำนี้แหละ เป็นความหวังสุดท้ายแห่งความรอดพ้น
เรารักลูก ลูกเอ๋ย
พระองค์ทรงยิ้ม กอดผมและเสด็จจากไป


เตย์เตย์ รีแซล 19 ตุลาคม 1998 เวลา 3:30 น.
ลูกเอ๋ย ชาวสวรรค์ต่างปีติยินดีที่ทีมงานของลูกกำลังนำวิญญาณมากมายมาสู่ความรอดพ้น
เป็นการปลอบโยนพระมารดาของเรา จงทำต่อไป จงเข้มแข็งไว้
หลังจากนี้อีกไม่นานนัก ยุคแห่งสันติสุขจักมาถึง ตามที่จารึกไว้แล้ว
แต่ก่อนหน้านี้ จักเกิดการต่อสู้ดิ้นรนกันขนานใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อน
เครื่องหมายทั้งหมดได้ปรากฏให้เห็นแล้ว
จึงถึงเวลาที่พวกเขาจักต้องเลือกระหว่างพระเมตตาและพระยุติธรรม
ระหว่างสวรรค์และนรก ไม่มีอื่นใดอีก
เมื่อเวลานั้นมาถึง จงให้พวกเขาสวดสายประคำพระเมตตา
และบทสวดสายประคำอย่าได้หยุดหย่อน ต่างเครื่องป้องกันสุดท้ายของพวกเขา
สำหรับบรรดาผู้ที่เผยแพร่พระเมตตาของเรานั้น

เราสัญญาว่าเราจักเปี่ยมด้วยความเมตตาต่อพวกเขาเมื่อเวลานั้นมาถึง
แต่พวกเขาจักต้องปฏิบัติกิจเมตตาด้วย เรารักลูก ลูกเอ๋ย
พระองค์ทรงยิ้ม กอดผมและเสด็จหายไป


ฮ่องกง 17 มิถุนายน 1999 เวลา 3:15 น.
ลูกเอ๋ย ขอบใจลูกนะที่รักภารกิจนี้
งานนี้จะมอบเรี่ยวแรงและกำลังวังชาให้ลูกเทศน์สอนความจริง
เรื่องพระเมตตาอันหาที่สิ้นสุดมิได้ของเรา
มนุษย์รักโลกมากเหลือเกินจนคนเป็นอันมากปฏิเสธที่จะกลับมาหาเรา
และสำนึกในบาปของพวกเขา
ถ้าพวกเขารู้ว่าในนรกนั้นมันทุกข์ทรมานปานใด พวกเขาก็คงเงี่ยหูฟังเราแล้ว
ถ้าพวกเขาวางใจในพระเมตตาของเราและละอายต่อบาปของตนเอง
เราจะไม่จดจำบาปของเขาอีกเลย
พวกเขาต้องกลับใจเดี๋ยวนี้ก่อนจะสายเกินไป
แต่ลูกเอ๋ย จงระวังไว้เถิดเพราะซาตานกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายลูก
ดังนั้นจงเข้มแข็งไว้ หลังจากนี้ ลูกจักมีความสุขไปชั่วกัปชั่วกัลป์ อีกไม่นานนักหรอก
เรารักลูก ลูกเอ๋ย เราจะอยู่กับลูกเสมอ
พระองค์ทรงยิ้ม กอดผมและเสด็จหายไป
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 11:25 pm

คณะธิดาเซนต์ดอมินิก เมืองทาเกย์เตย์ 19 กันยายน 1999 3:15 น.
ลูกเอ๋ย เราได้เจิมลูกให้เทศน์สอนเรื่องพระเมตตาของเรา
และเรียกคนบาปให้สำนึกกลับใจ
ดังนั้นลูกควรทำตามความประสงค์ของเรา และเราจะทำงานกับลูก
ได้พระเจ้าข้า พระเป็นเจ้าของลูก ลูกขอบพระคุณพระองค์
สำหรับพระหรรษทานและพระพรที่พระองค์ทรงประทานให้แก่เรา โดยเฉพาะแก่ครอบครัวของลูก
ลูกเราเอ๋ย ความใจกว้างของเราต่อผู้ที่วางใจในเรานั้นไม่มีขีดจำกัด
แต่มนุษย์นั้นรักตัวเองและถือว่าเรื่องราคะแห่งธรรมชาติมนุษย์นั้น
ประเสริฐกว่าความรักของพระเป็นเจ้าผู้ทรงชีวิต ราวกับพวกเขามองข้ามความมีอยู่จริงของนรก
พระเป็นเจ้าของลูก มีหลายคนอ้างว่าได้รับสารจากพระแม่มารีย์
แต่ไม่ยอมให้ทางพระศาสนจักรควบคุมหรือตรวจสอบ
ลูกเราเอ๋ย ความนบนอบนั้นยิ่งใหญ่กว่าการเสียสละ
ถ้าลูกไม่สามารถนบนอบผู้ใหญ่ในพระศาสนจักรได้ ความพยายามทั้งหมดของลูกก็สูญเปล่า
จิตที่ยะโสโอหังเคยนำคนมากมายให้พินาศมาแล้วโดยที่พวกเขาไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ
ดังนั้นจงให้พวกเขาสวดสายประคำพระเมตตาและบทสวดสายประคำอย่าได้ลดละ
และวอนขอพระพรแห่งความเข้าใจและการชี้นำเถิด เรารักลูก ลูกเอ๋ย เราจะอยู่กับลูกเสมอ


ทาบาดา มัมบาลิงก์ เมืองเซบู 30 มิถุนายน 2000 (สมโภชพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์) เวลา 3:30 น.
ลูกเราเอ๋ย ขอบใจลูกนะที่ลูกวางใจและนบนอบต่อความประสงค์แห่งสวรรค์อยู่เสมอ
จงสนับสนุนให้สัตบุรุษสวดภาวนาให้มากยิ่งขึ้นเพื่อบรรดาพระสงฆ์ที่เรารักยิ่ง
เพราะพวกเธอเปรียบเสมือนอัญมณีล้ำค่าของเรา
แม้พวกเธอบางคนจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้หัวใจของเราหลั่งเลือดก็ตาม
เราก็ยังอวยพรเธออย่างเต็มที่ ทั้งในเวลานี้และในทุกกาลสมัย
หากพวกเธออยู่ในห้องฟังแก้บาปนานกว่านี้ เราก็ยิ่งอวยพรให้มากกว่านี้
เพราะที่นั่นคือที่ซึ่งพระเมตตาของเราจะพรั่งพรูออกมามากกว่าความบาปของมนุษย์ทั้งโลกรวมกัน
ดังนั้นจงบากบั่นใช้ความพยายามให้มากขึ้นเพื่อป่าวประกาศว่าซาตานมีอยู่จริง และนรกก็มีอยู่จริง
ลูกไม่อาจเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายในเวลาเดียวกันได้
ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่ลูกจะหันไปพึ่งพระมารดาของเราและพึ่งความเมตตาอันลึกล้ำของเรา
ไม่มีทางเลือกอื่นอีก จวนหมดเวลาแล้ว เรารักลูก ลูกเอ๋ย
พระองค์ทรงกอดผม อวยพรผมและเสด็จจากไป


เซนต์ยอห์นผู้ประกาศพระวรสาร ดับลิน ไอร์แลนด์ 3 กรกฎาคม 2001 เวลา 3:30 น.
ลูกเราเอ๋ย ขอบใจลูกนะที่ลูกวางใจและนบนอบต่อความประสงค์แห่งสวรรค์อยู่เสมอ
ลูกเอ๋ย ถ้าเพียงแต่มนุษย์สำนึกถึงผลร้ายแรงของบาป
ซึ่งสร้างความเสียหาย ความทรมาน และคุกคามวิญญาณมากมายให้ต้องโทษนรกแล้ว
เขาเหล่านั้นจะกลับมาและสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับเรา
วิญญาณจักไม่มีวันพบความสงบสุขจนกว่าเขาจะหันมาพึ่งห้วงความเมตตาของเรา
และผ่านทางความเมตตาของเราทางเดียวเท่านั้นที่เขาจะพบความบรรเทาใจ
และซาบซึ้งถึงการดำรงอยู่ของความรักของเรา
พวกเขาไม่ควรกลัวที่จะกลับมาหาเรา
ถึงแม้บาปของเขาจะมีจำนวนมากเท่าดวงดาราในฟากฟ้าก็ตาม
บาปทั้งหมดจะได้รับการอภัยในห้วงสมุทรแห่งความเมตตาของเรา
เพราะกิจศรัทธานี้เป็นของประทานที่พระเจ้ามอบให้แก่มนุษยชาติ
เพียงแต่เขาเหล่านั้นต้องรู้จักวางใจในเราเท่านั้น
เรารักลูก ลูกเอ๋ย และเราอยู่กับลูกเสมอ
พระองค์ทรงกอดผม อวยพรผมและเสด็จจากไป


ทาบาดา มัมบาลิงก์ เมืองเซบู 23 กรกฎาคม 2002 เวลา 3:30 น.
ลูกเราเอ๋ย จงอย่าว้าวุ่นใจไปเลย นี่เป็นเพียงการทดลองที่เจ็บแสบเท่านั้น
เพราะซาตานกลัวมากว่าวิญญาณจะได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพระเมตตาอันล้ำลึกของเรา
มันกลัวมากว่าคนเป็นอันมากจะชุบตัวลงในมหาสมุทรแห่งความเมตตาของเรา
ดังนั้น ลูกจงจัดชุมนุมต่อไป และประกาศพระเมตตาของเราต่อวิญญาณทุกดวง
เรามิได้ชั่งดูที่ความสำเร็จของภารกิจ แต่เราดูที่ความซื่อสัตย์ภักดีต่อสวรรค์
ลูกจงสวดภาวนาให้มากขึ้นอีกเท่าตัว จงทำส่วนของลูกให้ดีที่สุด
และเราจะดูแลส่วนที่เหลือให้ เราสัญญาว่าเราจะอยู่ที่นั่น
เราจะดำเนินงานประชุมด้วยตัวเอง เพราะนี่เป็นศึกของเราเอง
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 11:26 pm

บีเอฟโฮมส์ เมืองพารานัค 14 กรกฎาคม 2003 เวลา 3:30 น.
ลูกเราเอ๋ย ขอบใจลูกนะที่ลูกนบนอบเชื่อฟังเสมอมา
สวรรค์มีความสุขมากกับภารกิจของลูก
เพราะภารกิจของลูกทำให้เราและพระมารดาของเราพอใจ
เราทั้งสองมองเห็นความจริงใจของลูกที่จะรับใช้และช่วยเหลือวิญญาณทั้งหลายให้รอด
ดังนั้น เราจึงมิได้ทำงานร่วมกับลูกเท่านั้น แต่เราทำงานในลูกด้วย!
จงช่วยให้พระศาสนจักรของเราเหนียวแน่นขึ้น
เพราะมีคนเป็นอันมากกำลังล้อเล่นกับศีลศักดิ์สิทธิ์
พวกเขาจะรักเราได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาทำให้เราต้องเจ็บช้ำน้ำใจในเวลาเดียวกัน
พวกเขาควรสำนึกว่าบาปก็คือบาป ไม่มีการประนีประนอม ไม่มีสองมาตรฐาน
พวกเขาจำเป็นและจำต้องแก้ไขชีวิตของเขาเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
ประตูแห่งความเมตตาจะไม่เปิดต้อนรับเขาเนิ่นนานนัก... เรารักลูก ลูกเอ๋ย
พระองค์ทรงอวยพรผมและเสด็จจากไป


ญี่ปุ่น 22 กุมภาพันธ์ 2005 เวลา 3:15 น.
องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของลูก ลูกขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตากรุณาอยู่เสมอ
แต่พระเจ้าข้า เหตุใดจึงเผยแพร่กิจศรัทธาของพระองค์ได้ยากเย็นนัก
หลายๆคนไม่ยอมรับพระเมตตาของพระองค์จนถึงกับออกความเห็นว่า
“เป็นเรื่องที่ดีเกินกว่าจะเป็นจริงได้” ทำให้ลูกเสียใจมากทุกครั้งที่ได้ยินแบบนี้
ลูกเอ๋ย จงประกาศพระเมตตาของเราต่อไปเถิด
จวนได้เวลาแล้ว อีกไม่นานนัก พวกเขาปฏิเสธหรือไม่แยแสพระเมตตาของเราได้
แต่เราให้ความมั่นใจแก่ลูกได้ว่า ไม่มีใครหรอก ไม่มีสักคนจะหลีกเลี่ยงพระยุติธรรมของเราไปได้
ดังนั้นขอให้ลูกจงยืนหยัดอดทนเถิด... เรารักลูก ลูกเอ๋ย
พระองค์ทรงอวยพรผม กอดผมและเสด็จจากไป.
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 11:32 pm

เรื่องเล่าจากสแตนเล่ย์ วิลลาวีเซนซีโอ
สิงหาคม 2001 ซานตามาเรีย เมืองซัมโบอันกา

อัศจรรย์กรณีของมอนสิญอร์คริสโทบัล การ์เซีย, SAPH H.P.
จิตตาภิบาลของสแตนเล่ย์และหัวหน้าธรรมทูตพระเมตตาของวิซายาและมินดาเนา
ปี 2000 มอนซิญอร์คริส การ์เซีย เกิดอาการเส้นโลหิตในสมองอุดตัน แพทย์ตรวจพบ
เชื้อไวรัสในสมอง เป็นเชื้อที่ท่านติดมาจากสุนัข (ท่านรักสุนัขมากจนยอมให้เข้ามานอนในห้อง
ด้วย) ตอนที่ผมไปเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาล ท่านลืมตาไม่ขึ้น ผมสวดสายประคำพระเมตตาร่วม
กับท่าน หลายนาทีต่อมา ท่านลุกขึ้นยืนได้และลืมตาคุยกับผม! แล้วไม่ทันไรท่านก็ถามหา
คอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้วของท่านแล้วท่านก็เริ่มทำงาน!
วันต่อมา เราสวดสายประคำพระเมตตาด้วยกันอีก พอแพทย์ตรวจอาการของท่านทั้งหมดอีกครั้ง
แพทย์ก็พบว่าท่านไม่ได้ติดเชื้อไวรัสอีกแล้ว! พระเมตตาของพระเยซูเจ้ารักษาท่านผ่านสายประคำพระเมตตา
ที่เราตั้งใจสวด!

*หมายเหตุจากผู้เขียน: เคยได้ยินมอนสิญอร์คริสเล่าที่งานประชุมพระเมตตาในเซบูปี 1997 ตอนนั้นท่านเพิ่งรับการผ่าตัด
บายพาสหัวใจ แล้วท่านก็คิดว่าท่านต้องตายแน่ แต่พระเยซูเจ้าองค์ความเมตตาและแม่พระมาปรากฏต่อท่านและปลอบโยนท่าน หลัง
จากนั้นท่านก็หายดีเป็นปกติ


การเปิดเวทีอภิปรายระหว่างงานประชุมพระเมตตา
เมืองซัมโบอันกา 25-26 สิงหาคม 2001


สแตนเลย์พูดในงานอภิปรายว่าเวลาที่มีการตั้งคำถามและเขาไม่รู้คำตอบ เขาจะพึ่งพาพระเยซูเจ้าองค์
ความเมตตาและเขาก็ต้องตื่นใจกับคำตอบของพระองค์ที่บอกให้เขาจดตาม

ได้รับสิทธิพิเศษไปทำงานธรรมทูตระดับโลก

ถาม เรื่องเป็นมาอย่างไรคุณถึงได้รับสิทธิพิเศษไปทำงานธรรมทูตระดับโลก?

ตอบ หลังจากที่แพทย์ลงความเห็นว่าผมเสียชีวิตไปแล้วเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 1993 ครับ และพอ
ผมฟื้นขึ้นมาหลังจากนั้นสามวัน จึงมีการนำเรื่องราวของผมไปให้พระคาร์ดินัลรีคาร์โด วีดัล แห่งสังฆมณฑล
เซบู พระคาร์ดินัลจึงตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาสอบสวนกรณีของผม หลังจากนั้นหกเดือน คณะกรรมาธิการ
ก็รับรองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมนั้นเป็นเรื่องจริงแล้วพวกท่านก็ส่งสำนวนของผมไปให้ทางวาติกัน คณะธรรมทูต
พระเมตตาที่สต็อกบริดจ์ แมสซาชูเสทซ์ ศูนย์พระเมตตานานาชาติภายใต้การนำของคุณพ่อเซราฟิม มีคา
เลนโก คณะแม่พระปฏิสนธินิรมล ได้ยินเรื่องราวของผมก็เกิดความสนใจอย่างมาก ท่านจึงส่งคณะแพทย์ไป
ที่โรงพยาบาลจงหัวในเมืองเซบูที่ผมถูกกักตัวอยู่สามวันในขั้นวิกฤติเหมือนคนตาย ทางศูนย์ฯจึงมั่นใจว่าพระ
ทำให้ผมฟื้นขึ้นมาโดยพระองค์มีเป้าประสงค์จะใช้ผมเป็นพยานเรื่องการพบพระคริสตเจ้าในอีกโลกหนึ่ง


ได้วีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกา
  ปี 1999 คุณพ่อเซราฟิม มีคาเลนโกได้เชิญผมในนามของศูนย์กลางธรรมทูตพระเมตตาสต็อกบริดจ์
แมสซาชูเสทซ์ให้ผมเดินทางไปเผยแพร่งานธรรมทูตทั่วโลกเพื่อเป็นพยานในเรื่องการพบพระคริสตเจ้า ผม
จึงไปยื่นเอกสารขอวีซ่า ระหว่างรอสัมภาษณ์ พอทางสถานทูตอเมริกาตรวจสอบหลักฐานการเงินของผมแล้ว
ก็ปฏิเสธไม่ออกวีซ่าให้ พวกเขาถามผมว่าผมยังชีพได้อย่างไรในเมื่อผมไม่มีงานประจำ พอผมบอกพวกเขาว่า
ครอบครัวของผมยังชีพอยู่ได้ด้วยพระหรรษทานจากพระเป็นเจ้า เท่านั้นแหละ คนสัมภาษณ์ที่นับถือฮินดูก็
บอกผมว่า “ไม่หรอก ดิฉันไม่เชื่อในพระเจ้าของคุณ คุณต้องมีหลักทรัพย์ที่ได้จากอาชีพการงานของคุณมา
ยืนยัน” พวกเขาก็เลยประทับตรา “ปฏิเสธ” ลงในใบคำร้องขอวีซ่าเข้าอเมริกาของผม

  ทางสโมสรธุรกิจมะนิลาที่ผมเคยไปบรรยายได้โทรฯมาหาผม บอกผมว่าจะให้ผมยืมเงินหนึ่งล้านเปโซ
ไปใช้แสดงเป็นหลักทรัพย์ แต่ผมปฏิเสธเพราะผมไม่อยากโกหก ผมบอกตัวเองว่าถ้าพระต้องการให้ผมไป
อเมริกา พระจะหาทางสะดวกให้ผมเข้าอเมริกาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

  หลายวันหลังจากนั้น สถานีโทรทัศน์ EWTN ของคาทอลิกที่ออกอากาศไปทั่วโลกได้สัมภาษณ์ผม ช่วง
หนึ่งมีคำถามว่าผมเดินทางไปเล่าเรื่องการพบกับองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ไหนบ้าง ผมตอบว่าผมเดินทางไปพูดกว่า
พันเที่ยวทั่วฟิลิปปินส์แล้วและก็ไปประเทศแถบเอเชียด้วย แต่ไม่ได้ไปอเมริกาเนื่องจากเขาออกวีซ่าให้ไม่ได้
เพราะติดขัดเรื่องฐานะทางการเงินของผม
 
  เคราะห์ดีที่ในช่วงที่ผมให้สัมภาษณ์นั้น ท่านวุฒิสมาชิกริชาร์ด ลูการ์ ของอินเดียน่า สหรัฐฯ ฟังผมอยู่
พอดี เขารีบโทรฯหาผมทันที บอกผมว่า “ผมได้ฟังที่คุณให้สัมภาษณ์และผมรู้สึกซาบซึ้งใจมาก ช่วยแฟกซ์
เอกสารทั้งหมดของคุณมาให้ผมด้วย”

  วันศุกร์ต่อมาเวลาบ่ายสามโมง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตสหรัฐฯอยู่ในสาย แจ้งให้
ผมไปรายงานตัวที่สถานทูตสหรัฐฯเช้าวันจันทร์เวลาบ่ายสามโมง! พอผมไปถึง เจอคิวยาวเหยียด แต่ยามจำ
ผมได้เลยพาผมเข้าไปแผนกกงสุลโดยตรง รอไม่นาน ท่านกงสุลผู้ใจดีก็ส่งหนังสือเดินทางคืนให้ผม ประทับ
ตราว่าอนุญาตให้ผมเข้าสหรัฐฯได้ตลอดสิบปี!

เตือนสติ: ถ้าคุณวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะนำทางคุณไปยังที่ที่พระองค์ต้องการให้คุณไป
อันที่จริง พระองค์ทรงเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตของเรา สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำก็คือเราต้อง
นบนอบต่อพระประสงค์ของพระองค์ และเตรียมตัวให้พร้อมรับการทรงเรียกของพระองค์
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 11:34 pm

เรียนรู้จากถามมา-ตอบไป

ถาม: พระเยซูเจ้าตรัสในภาษาใดกับคุณ?

ตอบ: ภาษาอังกฤษครับ บางทีก็ภาษาวิซายัน พระเยซูเจ้าทรงสุภาพเสมอ พระองค์ใช้คำว่า ‘กรุณา’
ตลอด เวลาพระองค์ตรัส พระองค์แผ่ความรักมายังคุณด้วย มีอยู่ครั้งเดียวที่พระองค์ทรงกริ้วผม ตอนที่ผม
งัวเงียลุกขึ้นมาสวดสายประคำพระเมตตาตอนตีสามโดยสวมกางเกงนอนตัวเดียว พระองค์รับสั่งว่า “เรา
สมควรได้รับการให้เกียรติหรือไม่?”
ผมรีบแจ้นเข้าห้องไปเปลี่ยนชุดแล้วออกมาสวดต่อด้วยความร้อนรน
ทันที พอผมเล่าให้จิตตาภิบาลของผมฟัง มอนสิญอร์การ์เซียก็รู้สึกแย่ตามไปด้วยเพราะท่านก็เคยพลาดแบบ
นี้เหมือนกัน ส่วนพระคาร์ดินัลริคาร์โด วีดัลบอกว่า “นี่พ่อก็โดนหางเลขด้วยนะ!” ดังนั้น เวลาเราสวด
ภาวนา เราต้องมุ่งมั่นในคำภาวนาด้วย

   ผมเคยถามพระเยซูเจ้าเรื่องความโกรธ เพราะผมก็โกรธเป็นเหมือนกัน พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “นั่น
เป็นเรื่องปกติเพราะลูกยังมีเลือดมีเนื้ออยู่ แต่จงควบคุมสติไว้ให้จงดี เมื่อใดที่ความโกรธของลูกไปสร้าง
ความเสียหายเข้า เมื่อนั้นแหละที่ลูกทำบาป”


ถาม: บาปอะไรที่ยกโทษให้ไม่ได้

ตอบ: พระเยซูเจ้าตรัสไว้ว่า บาปทุกข้อรับการอภัยได้หมด ยกเว้นบาปของคนที่ไม่เชื่อว่าบาปของ
ตนสามารถรับการอภัย


ถาม: จริงหรือเปล่าที่พระเยซูเจ้าเสด็จออกมาจากพระรูปพระเมตตาในช่วงที่มีการแสดงความเคารพ
ต่อพระรูปในงานเผยแพร่พระเมตตาของคุณ

ตอบ: เรื่องจริงครับ เวลาพระเยซูเจ้าเสด็จออกมาจากพระรูปพระเมตตานั้น บางครั้งพระองค์ประทับ
ยืนอยู่ข้างหลังผม เกิดอัศจรรย์ขึ้นมากมายหลายครั้งในระหว่างที่เราแสดงความเคารพต่อพระรูปอยู่ อย่าง
กรณีที่มีรังสีกระจายออกมาจากพระรูปและพระองค์ทรงรักษาโทนี่ ฟิลโล ที่อิลลินอยส์ ในปี 2000 ให้
หายขาดจากโรคมะเร็งที่กระจายไปทั่วตับและหัวใจแล้ว


ถาม: เรื่อง ‘ความรอด’ นี่สงวนไว้ให้แต่พวกคาทอลิกเท่านั้นเองหรือ แล้วศาสนาอื่นล่ะ

ตอบ: พระคริสตเยซูทรงรับสั่งไว้ว่า พระเป็นเจ้าปรารถนาให้มนุษย์ทุกผู้ทุกคนเข้าสวรรค์ได้ แต่บาง
คนก็เลี่ยงไม่ยอมครองชีวิตให้ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม มีถนนหลายสายนะครับที่ไปสวรรค์ได้ แต่
ถนนสายคาทอลิกนี่เป็นทางด่วน เป็นทางลัดตัดตรงไปสวรรค์เลย ศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆอธิบายไว้ชัดเจน
แล้ว ยกตัวอย่างเช่น ศาสนาอื่นไม่มีพระคุณการุณย์ ไม่มีบูชามิสซา ไม่มีศีลมหาสนิท ไม่มีศีลแห่งการ
คืนดี (ศีลอภัยบาป) ไม่มีการสวดสายประคำ ฯลฯ
พระคุณการุณย์บริบูรณ์ลบล้างโทษบาปที่ได้รับการอภัย
แล้วได้หมด อย่างเวลาเขาทำบาป เขาก็ไปสารภาพบาป พอเขาตาย เขายังต้องผ่านไฟชำระเพื่อชำระเขาให้
บริสุทธิ์ แต่พอเขาได้รับพระคุณการุณย์บริบูรณ์อย่างที่รับในวันสมโภชพระเมตตาแล้ว วิญญาณเขาก็ตรงเข้า
สวรรค์เลย พระคาร์ดินัลวีดัลบอกว่าบาปเบาที่ได้รับการโปรดบาปจากพระสงฆ์แล้วได้รับการอภัยหมดแล้ว
แก้ไขล่าสุดโดย Cho เมื่อ เสาร์ มิ.ย. 13, 2009 10:50 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 11:38 pm

ถาม: การที่คุณยอมให้มีการแสดงความเคารพต่อรูปบูชาหลังการบรรยายของคุณนั้น ไม่เป็นการขัด
ต่อบัญญัติข้อแรกของเราหรอกหรือ

ตอบ: พระคริสตเยซูตรัสกับนักบุญโฟสตินาว่า “ภาพนี้คือท่อธารแห่งพระหรรษทานและพระพร
ทั้งหลายของเรา วิญญาณที่แสดงความเคารพต่อภาพนี้จะไม่พินาศ เพราะเราจะยืนขั้นกลางระหว่างเขา
และพระบิดาของเราในวันพิพากษา”



ถาม: ทำไมพระถึงปล่อยให้เราต้องทุกข์ทรมาน

ตอบ: ความทุกข์ทรมานเป็นวิธีหนึ่งที่ชำระเราให้บริสุทธิ์ ความทุกข์ทรมานดึงเราเข้ามาใกล้ชิดพระยิ่ง
ขึ้น ยิ่งเราทุกข์มาก เราก็ยิ่งสวดภาวนามากขึ้น พระเยซูเจ้าปรารถนาให้เรารู้จักข้อแตกต่างระหว่างความ
เศร้าและความสุข ถ้าคุณไม่เคยผ่านความเศร้า คุณก็ไม่สามารถเห็นคุณค่าของความสุขได้
ถ้าเราน้อมรับความทุกข์และถวายความทุกข์นั้นร่วมกับพระทรมานของพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขน ความ
ทุกข์นั้นก็จะเป็นความทุกข์เพื่อการไถ่บาป เป็นไฟชำระบนโลก เวลาเราตายไป วิญญาณเราก็รับการชำระ
น้อยลงหรือไม่ต้องอยู่ในไฟชำระนานนัก พระอนุญาตให้วิญญาณที่ถวายเป็นเครื่องบูชาได้รับความทรมาน
เพื่อให้วิญญาณนั้นได้ร่วมส่วนในพระมหาทรมานเพื่อการกลับใจของคนบาปทั้งหลาย


ถาม: คุณเคยเผชิญหน้ากับปีศาจไหม

ตอบ: หลายครั้งเลยครับ เมื่อพระปรากฏให้คุณเห็น ปีศาจก็จะแสดงตัวให้คุณเห็นด้วย ยิ่งคุณใกล้
ชิดพระมาก ปีศาจก็จะยิ่งพยายามจับคุณด้วยการล่อลวงคุณ แต่ข้อเสนอของซาตานเป็นแค่เรื่องชั่วแล่นบน
โลกนี้เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ซาตานยื่นข้อเสนอให้ผมเป็นคนดังระดับโลก ได้ครองใจหญิงงามทั้งโลกเท่าที่
ผมต้องการ และได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต แต่ผมปฏิเสธไปแล้วว่า ‘ไม่!’


ถาม: ใน โจโล ซูลู มีคริสตชนอยู่เพียง 3% ชาวมุสลิมอยากให้เราเหือดหายไปจากเมืองนี้ จะเกิด
เรื่องแบบนี้ขึ้นไหม

ตอบ: ขอให้เรามารวมตัวกัน ตั้งใจสวดสายประคำพระเมตตา แล้วพระจะอยู่กับคุณ

ถาม: ฉันสวดภาวนา ไปร่วมมิสซา และทำงานให้ศาสนา แต่ทำไมคนในครอบครัวของฉันถึงได้ห่าง
ไกลพระเจ้าได้

ตอบ: การเปิดเผยจากพระคริสตเยซู “อย่าไปบังคับเขา เพราะมีแต่พระเป็นเจ้าเท่านั้นที่สามารถ
ดลใจพวกเขาได้ด้วยเดชะพระหรรษทานของพระองค์ ลูกต้องสวดภาวนาให้คนบาปทั้งหลาย บางครอบครัว
เลิกสวดให้พวกเขา ถ้าลูกเลิกสวดให้เมื่อไรก็เท่ากับลูกผลักไสเขาไปนรก ถ้าลูกสวดให้เขาต่อไป พระเป็นเจ้า
จะประทานพระหรรษทานเพื่อการกลับใจให้แก่พวกเขาก่อนที่เขาจะสิ้นใจ”



ถาม: เรื่องที่ผู้หญิงโปรเตสแตนท์โต้คารมกับสแตนเล่ย์ว่า แล้วเขาจะพิสูจน์ได้ยังไงว่านรกมีจริง

ตอบ: ผมตอบไม่ได้เพราะผมยังไม่เคยไปนรกมาก่อน ผมเลยจ้องไปที่พระเนตรของพระเยซูเจ้าใน
พระรูปพระเมตตาและพระองค์ตรัสว่า “ ไปบอกเธอดังนี้ ‘ท่านจะจำเราได้เมื่อท่านไปถึงที่นั่นแล้ว!’ ” เธอ
ฉุนมากทีเดียว หลังจากนั้นเธอก็นั่งลงสงบสติอารมณ์แล้วก็ร้องไห้ ก่อนผมกลับ เธอเดินเข้ามาพูดกับผมว่า
“ฉันเห็นพระเยซูในนิมิตแล้ว ฉันเปิดใจรับแล้วและฉันสำนึกตัวแล้วว่าฉันเป็นคนบาปหนา พระองค์สยบ
ความยะโสของฉันค่ะ”


ถาม: ทราบมาว่าพระเยซูเจ้าทรงแจ้งให้คุณทราบความหมายของพระธรรมล้ำลึกแห่งความชื่นชม
ยินดีของบทสวดสายประคำ คุณพอจะอธิบายให้ทราบได้ไหม

ตอบ: พระธรรมล้ำลึกแห่งความชื่นชมยินดีเชื่อมโยงกับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูเจ้า พระ
ธรรมล้ำลึกแห่งพระมหาทรมานนั้นสำหรับสวดให้สถานการณ์ที่เจ็บปวดทรมานของโลกในปัจจุบันนี้ ส่วนพระ
ธรรมล้ำลึกแห่งพระสิริรุ่งโรจน์นั้นสำหรับสวรรค์เมื่อการรอนแรมบนโลกนี้ของเราสิ้นสุดลง
แก้ไขล่าสุดโดย Cho เมื่อ เสาร์ มิ.ย. 13, 2009 10:56 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 11:42 pm

   พระเยซูเจ้าตรัสดังนี้ “ธรรมล้ำลึกแห่งความชื่นชมยินดีทศแรกคือการแจ้งข่าวการเสด็จมาของเรา ใน
การเสด็จมาครั้งแรกของเรานั้น พระนางมารีย์ตอบรับพระเป็นเจ้าที่จะเป็นมารดาของเรา ถ้าพระนางตอบ
ปฏิเสธไป การช่วยให้รอดก็ไม่เกิด”
ตอนนี้พวกเราที่อยู่ในโลกควรตอบรับน้ำพระทัยของพระในชีวิตเราด้วย

   พระธรรมล้ำลึกแห่งความชื่นชมยินดีทศที่สองคือพระแม่มารีย์เสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบธ พระนางมารีย์
มาช่วยดูแลญาติที่ตั้งครรภ์เมื่ออายุมากแล้ว และเพื่อให้พระจิตเจ้าประกาศถึงการเสด็จมาของพระคริสตเยซู
พระผู้ไถ่ทางพระนางมารีย์ อย่างตอนนี้ผมมาเยี่ยมเยียนคุณที่เมืองซัมโบอันกาเพื่อประกาศเรื่องพระเมตตา
ของพระและเทศน์สอนข่าวดี คุณก็ควรทำแบบเดียวกันนี้ต่อผู้อื่น พระกำลังเกณฑ์เราทุกคนให้กระตือรือร้น
ในการประกาศพระเมตตาของพระองค์
 
   พระธรรมล้ำลึกแห่งความชื่นชมยินดีทศที่สาม พระเยซูเจ้าประสูติมาเพื่อเรา เราจงอย่าละเลยพระองค์
เราควรเรียกพระองค์เข้ามาสู่หัวใจของเราเพื่อการกลับใจของเรา

   พระธรรมล้ำลึกแห่งความชื่นชมยินดีทศที่สี่ พระแม่มารีย์ถวายพระกุมารเยซูในพระวิหาร พระวิหาร
ก็คือหัวใจของมนุษย์ จงแนะนำให้ทุกคนรู้จักพระองค์ในฐานะพระเจ้าและพระผู้ไถ่เถิด เพื่อให้พระองค์ได้รับ
การต้อนรับในฐานะพระเจ้าและพระผู้ไถ่ของพวกเขาด้วย

   พระธรรมล้ำลึกแห่งความชื่นชมยินดีทศที่ห้า พระแม่มารีย์พบพระเยซูเจ้าในพระวิหาร เวลาที่เราเชื้อ
เชิญพระองค์เข้ามาพำนักในหัวใจของเราและอนุญาตให้พระองค์เปลี่ยนชีวิตของเรานั้น พอพระองค์เสด็จ
กลับมา พระองค์ก็จะพบพระองค์เองในหัวใจของเรา พระองค์จะได้รับการต้อนรับอย่างรุ่งโรจน์ในการเสด็จ
กลับมาครั้งที่สองของพระองค์


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แก้ไขล่าสุดโดย Cho เมื่อ เสาร์ มิ.ย. 13, 2009 10:58 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 11:44 pm

ประสบการณ์ตรึงใจในต่างแดนของสแตนเล่ย์

พ่อเจ้าวัดที่เลิกศรัทธาในพระแล้ว
   
   เนื่องจากมีการประกาศกำหนดการของผมล่วงหน้าวันจริงราวสองสามอาทิตย์ พระสงฆ์หลายองค์ที่เคย
ไปร่วมประชุมพระเมตตาจึงมารวมตัวกันที่โบสถ์ทุกแห่ง ผมต้องตื่นใจกับปฏิกิริยาของพระสงฆ์มากมาย
หลายองค์ที่มาขอคุยกับผมเป็นส่วนตัว

   เรื่องน่าจดจำเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องคุณพ่อเจ้าวัดของโบสถ์แห่งหนึ่ง ผมได้ยินมาว่าท่านไม่อนุญาตให้ผมมา
เล่าเรื่องการพบพระคริสตเจ้าของผมในโบสถ์ของท่าน อย่างไรก็ดี สัตบุรุษชวนกันกดดันท่านให้อนุญาต ท่าน
เลยบอกพวกสัตบุรุษไปอย่างเสียไม่ได้ว่า “ก็ได้ ไปจัดกันเองก็แล้วกันนะ พ่อมีนัดอื่นช่วงนั้นพอดี”

   ก่อนผมเริ่มพูด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พ่อเจ้าวัดได้รับแจ้งยกเลิกนัด! ผมคิดในใจว่าพระคงอยากให้
ท่านอยู่ด้วยจริงๆแหละ

   หลังจากที่ผมพูดเสร็จและต่อด้วยช่วงถามมา-ตอบไปแล้ว พอผู้คนทยอยมาเข้าแถวแสดงความเคารพ
ต่อพระรูปพระเมตตา พ่อเจ้าวัดก็เรียกผมเข้าไปพบในห้องทำงานของท่าน

   ที่นั่น พ่อกุมมือผมและเล่าให้ผมฟัง “คำพยานของคุณจับใจพ่อมากทีเดียว มีคำถามเยอะแยะไปหมด
แต่คุณก็ตอบพวกเขาได้เยี่ยมมาก ตรงตามข้อกำหนดของพระศาสนจักรทุกอย่าง”

   แล้วท่านก็น้ำตาคลอ บอกผมว่า “พ่อต้องบอกคุณเรื่องนี้ พ่อน่ะเลิกศรัทธาในพระมานานแล้ว!
พิธีกรรมที่พ่อทำ พ่อก็ทำไปแกนๆ ชีวิตของพ่อถึงมีแต่ความว่างเปล่า เหตุการณ์ในวันนี้จับใจพ่อมาก!
ขอบคุณนะที่ทำให้ความเชื่อความศรัทธาของพ่อกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง! ขอบคุณนะที่มาเล่าให้พ่อฟัง!”

   ผมบอกท่านว่า “ทิ้งความกังขาไปเสียให้หมดเถอะครับ ขอเพียงคุณพ่อวางใจในพระองค์เท่านั้น!”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

จบเท่านี้ก่อนนะครับ  ถ้าพี่น้องสนใจก็เข้าไปอ่านต่อตาม link บนสุดนะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Cho เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 12, 2009 11:51 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ มิ.ย. 13, 2009 12:24 am

ขอบคุรนะครับ กำลังปริ๊นมาอ่าน : xemo026 :
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อาทิตย์ มิ.ย. 14, 2009 10:51 am

บทความดีมากๆค่ะ  : emo045 :
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ต.ค. 31, 2009 4:01 pm

อยากถามคนที่สวดพระเมตตา ในประเทศไทย (มีหลายคำถามค่ะ )

-มีคำพยาน การอัศจรรย์อะไรไหม (เพราะที่อ่านเป็นของชาวต่างชาติทั้งหมด)

-การสวด นพวารพระเมตตา ในแต่ละวัน ควรทำเวลาไหน และควรเป็นเวลาเดียวกันทุกครั้งไหม

-การสวดพระมหาทรมาน บ่าย สามโมง ปกติสวดติดต่อกันกี่วัน ถึงได้คำตอบค่ะ

-ทุกครั้งที่สวด ต้องมอง/อยู่ต่อหน้ารูปพระเมตตาไหมคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

เสาร์ ต.ค. 31, 2009 4:40 pm

อันเดียวกับสายประคำพระเมตตาหรือป่าวครับ
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ต.ค. 31, 2009 11:25 pm

Prod Pran เขียน:
อยากถามคนที่สวดพระเมตตา ในประเทศไทย (มีหลายคำถามค่ะ )

1. มีคำพยาน การอัศจรรย์อะไรไหม (เพราะที่อ่านเป็นของชาวต่างชาติทั้งหมด)

2. การสวด นพวารพระเมตตา ในแต่ละวัน ควรทำเวลาไหน และควรเป็นเวลาเดียวกันทุกครั้งไหม

3. การสวดพระมหาทรมาน บ่าย สามโมง ปกติสวดติดต่อกันกี่วัน ถึงได้คำตอบค่ะ

4. ทุกครั้งที่สวด ต้องมอง/อยู่ต่อหน้ารูปพระเมตตาไหมคะ

***สาระสำคัญของความศรัทธาพระเมตตา คือข้อความที่อยู่ในรูปพระเมตตาน่ะค่ะ นั่นก็คือ "พระเยซูเจ้าข้า ลูกวางใจในพระองค์"

ตอบคำถามตามนี้นะคะ

1. คงมีนะคะ แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เค้ารวบรวมไว้ที่ไหนบ้าง
2. นพวารพระเมตตาเริ่มสวดวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์เป็นต้นไปค่ะ จนครบ 9 วัน ก็จะเป็นวันฉลองพระเมตตาพอดีค่ะ
3. กลับไปดูข้อ  *** ค่ะ
4. ควรต้องมองและอยู่หน้ารูปค่ะ  หรือเพียงนึกถึงพระเป็นเจ้าก็ได้ค่ะ ...  ในการสวดภาวนาทุกอย่าง เราต้องรู้ถึงการประทับอยู่ของพระเป็นเจ้า (Awareness of the Presence of God) พระเมตตาก็เหมือนกันค่ะ เพียงแต่คนที่มีความศรัทธา จะมีความผูกพัน และสามารถรู้ถึงการประทับอยู่ของพระเป็นเจ้าได้ง่าย เมื่อมองไปที่รูปพระเมตตา  และในรูปพระเมตตาเอง ก็มีความศักดิ์สิทธิ์ มีแรงดึงดูดให้เราได้รู้ถึงการประทับอยู่ของพระองค์แบบพิเศษค่ะ  : emo045 :
BOYZ เขียน: อันเดียวกับสายประคำพระเมตตาหรือป่าวครับ
อันเดียวกันค่ะ แต่ตอนบ่ายสามมีบทสวดอีกบท และนพวาร ก็มีบทสวดค่ะ  : emo045 :
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ต.ค. 31, 2009 11:46 pm

อยากถามพี่บัดดี้ หรือเพื่อนๆ

1.ถ้าหากว่าเรา ภาวนาพระเมตตา ตามหนังสือคู่มือ แต่ไม่สวดสายประคำ (เพราะสวดไม่เป็น และไม่ชอบสวด นี่ )จะขาดอะไรไปมากไหม

2.พวกตัวเลข ที่วงเล็บอยู่หลัง เป็นหลัก ร้อยบ้าง หลักพันบ้าง หมายถึงอะไรครับ

3.ถ้าสวดโดยไม่ได้มองพระรูปพระเมตตา แต่จำภาพไว้ในดวงใจแล้ว ก็โอเค ใช่ไหม

ที่ไม่มองภาพ เพราะการสวดในบางที่ ไม่มีรูป เก็บรูปไว้บ้าน รูปใหญ่เกินไปที่จะพก หรือไม่อยากให้ใครเพ่งเล็ง เป็นต้น
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อาทิตย์ พ.ย. 01, 2009 12:01 am

Jeab Agape เขียน:
อยากถามพี่บัดดี้ หรือเพื่อนๆ

1.ถ้าหากว่าเรา ภาวนาพระเมตตา ตามหนังสือคู่มือ แต่ไม่สวดสายประคำ (เพราะสวดไม่เป็น และไม่ชอบสวด นี่ )จะขาดอะไรไปมากไหม

2.พวกตัวเลข ที่วงเล็บอยู่หลัง เป็นหลัก ร้อยบ้าง หลักพันบ้าง หมายถึงอะไรครับ

3.ถ้าสวดโดยไม่ได้มองพระรูปพระเมตตา แต่จำภาพไว้ในดวงใจแล้ว ก็โอเค ใช่ไหม

ที่ไม่มองภาพ เพราะการสวดในบางที่ ไม่มีรูป เก็บรูปไว้บ้าน รูปใหญ่เกินไปที่จะพก หรือไม่อยากให้ใครเพ่งเล็ง เป็นต้น

1. จะสวดอะไรก็สวดเถอะจ้ะ บทสวดมากมายในคาทอลิก มีเพื่อให้เราได้คุยกับพระ อยากสวดอะไรก็สวดจ้ะ
2. เป็นข้อความอ้างอิงจากไดอารี่นักบุญโฟสตินาค่ะ
3. ได้จ้ะ อย่างที่บอกว่า ให้เราตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเป็นเจ้า พระองค์อยู่ทุกที่ เราต้องตระหนักเท่านั้นเอง  ... ไม่มีสายประคำยังสวดได้เลย นับนิ้วเอา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อาทิตย์ พ.ย. 01, 2009 8:59 am

Buddy เขียน:
BOYZ เขียน: อันเดียวกับสายประคำพระเมตตาหรือป่าวครับ
อันเดียวกันค่ะ แต่ตอนบ่ายสามมีบทสวดอีกบท และนพวาร ก็มีบทสวดค่ะ   : emo045 :
ขอบคุณคร้าบ
Jeab Agape เขียน: อยากถามพี่บัดดี้ หรือเพื่อนๆ
1.ถ้าหากว่าเรา ภาวนาพระเมตตา ตามหนังสือคู่มือ แต่ไม่สวดสายประคำ (เพราะสวดไม่เป็น และไม่ชอบสวด นี่ )จะขาดอะไรไปมากไหม
บางครั้งผมก็ภาวนาไม่ใช้สายประคำเหมือนกันครับ  : emo027 :

******
ตอบครูนะครับ
    สิ่งที่ผู้ตั้งใจภาวนาสายประคำพระเมตตาได้เหมือนๆกันคือ การสงบนิ่ง อ่ะครับ
และตามความรู้สึกส่วนตัวนั้น บทพระเมตตามีค่าในทางจิตวิญญาณเป็นพิเศษ เป็นพระพรทางฝ่ายวิญญาณ
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 8:45 pm

Prod Pran เขียน:
อยากถามคนที่สวดพระเมตตา ในประเทศไทย (มีหลายคำถามค่ะ )

-มีคำพยาน การอัศจรรย์อะไรไหม (เพราะที่อ่านเป็นของชาวต่างชาติทั้งหมด)

-การสวด นพวารพระเมตตา ในแต่ละวัน ควรทำเวลาไหน และควรเป็นเวลาเดียวกันทุกครั้งไหม

-การสวดพระมหาทรมาน บ่าย สามโมง ปกติสวดติดต่อกันกี่วัน ถึงได้คำตอบค่ะ

-ทุกครั้งที่สวด ต้องมอง/อยู่ต่อหน้ารูปพระเมตตาไหมคะ
แนะนำให้อ่านได้ที่นี่นะครับผม  : emo045 :

หลักของความเมตตา
http://www.thai-divinemercy.com/index_divine_3.html

พระรูปพระเมตตา
http://www.thai-divinemercy.com/index_divine_4.html


ส่วนเรื่องคำพยาน เป็นเรื่องของผมเองครับ เกิดขึ้น สดๆ ร้อนๆ เมื่อกี้เลย

คือ ผมทำงานเป็น Software Developer (Programmer) ครับ

ซึ่งผมเจอปัญหา หรือ Bug ของโปรแกรมที่ผมเขียน มาเป็นอาทิตย์แล้ว

และเป็นปัญหาร้ายแรงเสียด้วย หลังจากที่งมมาเป็นสัปดาห์ ความท้อแท้ก็ตามมา

จนผมไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป  เฮ้อ งานโปรแกรมเมอร์นี่เครียดจริงๆ ครับ


สุดท้าย มาวันนี้ ผมเลยต้องหันมาพึ่งพระองค์  เพราะเชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงสามารถช่วยผมได้แน่

ผมเลยเปิดพระรูปพระเมตตา จาก Web  ที่หน้าจอคอมเลย

http://www.thai-divinemercy.com/file_down/A4-Poster.pdf

และสวดวิงวอนด้วยความวางใจ ขอให้พระองค์ทรงช่วยผม เพราะผมคิดไม่ออก หาสาเหตุไม่ได้

แล้วเรื่องอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น หลังจากผ่านไปสักพัก จู่ๆ ความคิดและทางออกในการแก้ปัญหา ก็โผล่มาในหัว

จนสุดท้าย ตอนนี้ ผมแก้ Bug ตัวนี้ ได้แล้วครับ

ผมไม่เชื่อว่าเป็นความบังเอิญเด็ดขาด  เพราะผมติดปัญหานี้ มาเป็นอาทิตย์แล้ว   : xemo031 :


ขอโมทนาพระคุณ และสรรเสริญพระเมตตาของพระองค์ ในกระทู้นี้เลยครับ

"พระเยซูเจ้าข้า ลูกวางใจในพระองค์"   : xemo026 :
แก้ไขล่าสุดโดย Cho เมื่อ อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 11:13 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
taiyo
โพสต์: 658
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 22, 2006 12:01 am

อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 10:12 pm

นพวารพระเมตตามีจุดประสงค์ให้สวดใกล้ๆช่วงอีสเตอร์ แต่ถ้าผมเอาบทสวดนพวารตรงที่วันที่8ซึ่งสวดให้วิญญาณในไฟชำระมาสวดทุกวัน สามารถทำได้ไหมครับ (ตอนนี้ก็เอาตรงนั้นมาสวดประจำ) มาอ่านเจอจุดประสงค์เลยลังเลว่าทำได้หรือเปล่า ::042::
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 10:56 pm

taiyo เขียน: นพวารพระเมตตามีจุดประสงค์ให้สวดใกล้ๆช่วงอีสเตอร์ แต่ถ้าผมเอาบทสวดนพวารตรงที่วันที่8ซึ่งสวดให้วิญญาณในไฟชำระมาสวดทุกวัน สามารถทำได้ไหมครับ (ตอนนี้ก็เอาตรงนั้นมาสวดประจำ) มาอ่านเจอจุดประสงค์เลยลังเลว่าทำได้หรือเปล่า ::042::
ทำได้ครับ จะทำทุกวันก็ได้ จุดประสงค์ของพระองค์ คือ การแสดงความรักของเราต่อพระองค์ และความเมตตาต่อผู้อื่น

ถ้าทำได้ทุกวัน ล่ะก็เยี่ยมเลยครับ สุดยอด  ::031::
taiyo
โพสต์: 658
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 22, 2006 12:01 am

จันทร์ พ.ย. 09, 2009 10:10 pm

Cho เขียน:
taiyo เขียน: นพวารพระเมตตามีจุดประสงค์ให้สวดใกล้ๆช่วงอีสเตอร์ แต่ถ้าผมเอาบทสวดนพวารตรงที่วันที่8ซึ่งสวดให้วิญญาณในไฟชำระมาสวดทุกวัน สามารถทำได้ไหมครับ (ตอนนี้ก็เอาตรงนั้นมาสวดประจำ) มาอ่านเจอจุดประสงค์เลยลังเลว่าทำได้หรือเปล่า ::042::
ทำได้ครับ จะทำทุกวันก็ได้ จุดประสงค์ของพระองค์ คือ การแสดงความรักของเราต่อพระองค์ และความเมตตาต่อผู้อื่น

ถ้าทำได้ทุกวัน ล่ะก็เยี่ยมเลยครับ สุดยอด  ::031::
ขอบคุณครับ พยายามสวดทุกวัน แต่ช่วงเสาร์-อาทิตย์ ไม่ค่อยได้สวด เพราะคนในครอบครัวอยู่บ้านครับ(เป็นพุทธหมด) ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาใคร เพราะกว่าจะมารับศีลล้างบาปได้ เหนื่อยไปหลายรอบแล้วครับ ::024::
littleseal
โพสต์: 1029
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm

พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 4:53 pm

ขอขุดรับการมาของคุณสแตนเล่ย์ปี 2011
ตอบกลับโพส