ประสบการณ์ในวันระลึกถึงดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีย์

แบ่งปัน คำพยาน ประสบการณ์ชีวิตกับพระเจ้า และการอัศจรรย์ ที่พระเจ้าได้ทรงกระทำต่อชีวิตของเราแต่ละคน
ตอบกลับโพส
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

เสาร์ มิ.ย. 20, 2009 10:51 pm

เมื่อวานที่ผ่านมาทั้งๆที่เป็นสมโภชพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า ผมกลับสวดน้อยมากทั้งๆที่ใจบอกให้สวด สุดท้ายก่อนจะนอนจึงขอบคุณพระหฤทัยนิดหนึ่งแล้วก็นอนลงไป ใจก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน

มาวันนี้ตอนเช้า ผมก็ตื่นและเริ่มทำโน่นทำนี่ตามกิจวัตรประจำวัน แต่ไม่ได้สวดตอนเช้า ปกติผมจะไม่ค่อยสวดเช้าอยู่แล้วเพราะสู้กับความขี้เกียจไม่ไหว แต่วันนี้เป็นไงไม่รู้มีเสียงในใจว่าให้ไปสวดๆ ผมก็เลยกลับเข้ามาสวดตอนเจ็ดโมงแล้วเห็นจะได้(สายแล้ว) ผมก็เริ่มตามที่ผมเคยทำคืออ่านไบเบิลไดอารี่ก่อน ปรากฏว่าผมทราบเลยว่าทำไมพระเรียกให้มาสวด เพราะเมื่ออ่านพระวรสารของวันนี้ซึ่งเป็นเรื่องของแม่พระและนักบุญยอแซฟกลับไปหาพระเยซูในพระวิหารแล้วทำให้ผมวางใจในความรักใคร่กันของแม่พระและพระเยซู ทำให้ผมเชื่อได้มากขึ้นว่าแม่พระอยู่ในแผนการการไถ่กู้โดยตลอด มิได้ขาดซึ่งความรับผิดชอบของเธอเลย

ทำไมผมถึงพูดอย่างนี้ ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนนิดหนึ่งว่าก่อนที่ผมจะรับศีลล้างบาปผมเป็นสมาชิกของกลุ่มโบสถ์แห่งความสามัคคีหรือลัทธิมูนมาก่อน ซึ่งคำสอนที่ผิดเพี้ยนไปทางโน้นจะถูกหักล้างได้ไปได้แล้วจากจิตใจผม แต่บางเรื่องก็ยังไม่อาจหมดไปได้ทีเดียว(เห็นหรือยังครับว่า ถ้าไปเชื่ออะไรที่เพี้ยนแล้วมันลบยาก เพราะฉะนั้นอย่าไปเชื่อหนังหรือไปสนับสนุนมันให้มาก ถ้ามันฝังใจขึ้นมาแล้วมันลบยาก) ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงและขอให้พระไขแสดงข้อเชื่อที่ถูกต้องให้เสมอ หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องแม่พระ ที่ทางโน้นปฏิเสธว่าแม่พระไม่ได้ปฏิสนธินิรมล แต่พระเยซูเป็นบุตรของศักการิยา และแม่พระไม่ได้บรรลุถึงความรับผิดชอบของเธอในการที่จะดูแลพระเยซูให้ตลอดรอดฝั่ง หมายความว่าตอนที่ทูตสวรรค์มาบอกข่าวแก่แม่พระๆก็รับคำ พอคลอดพระเยซูเสร็จแล้วก็เสร็จไป เธอก็มีลูกมีเต้าของเธอไป ปล่อยให้พระเยซูเป็นลูกติด ดูบ้างไม่ดูบ้าง ปล่อยปละละเลยจนขนาดว่าลืมพระองค์ไว้ที่เยรูซาแล็ม

ทีนี้มาถึงเรื่องที่ว่าทำไมอยู่ๆพระถึงเรียกให้มาสวดและได้อ่านเจอข้อความสำคัญจากพระวรสาร ก็เพราะว่าเมื่อวานก่อนในวันสมโภชพระหฤทัยนั่นแหละ พี่น้องชาวโบสถ์มูนโทรมาหาผมว่ามีรุ่นพี่กับมิชชันนารีที่ผมรู้จักลงมาภูเก็ตเลยอยากนัดเจอกันหน่อย ตัวผมเองแม้ว่าจะไม่ได้ไปโบสถ์มูนแล้ว แต่ว่าผมก็ยังติดต่อกับพี่น้องเก่าๆอยู่เสมอเพราะถือว่าความเชื่อไม่เหมือนกันก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นศัตรูกัน เจอกันก็ทักกันเขาก็ไม่มาก้าวก่ายเรื่องความเชื่อของเรา ถ้าถามเราก็ตอบ ผมเองก็ตอบตกลงว่าจะเจอกัน ตอบตกลงกันแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรจนเช้าวันนี้ที่ได้มาสวดและได้อ่านพระวรสารนี่แหละถึงได้ถึงบางอ้อ
1 มิชชันนารีท่านนั้นคงทักผมว่าทำไมอย่างโน้นอย่างนี้ คาทอลิกอย่างนั้นอย่างนี้แม่พระอย่างนั้นอย่างนี้(เขาอาจจะไม่ทักเลยก็ได้) ซึ่งถ้าทักผมก็จะได้มีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วจากพระวรสารที่ได้อ่านวันนี้
2 เป็นการไขแสดงจากพระตรงๆเพื่อขจัดมิจฉาทิฐิในใจผมที่อยากขจัดมานานแล้ว

แล้วผมได้อะไรจากพระวรสารในวันนี้
1 การยกพระคัมภีร์แบบตัดแปะทำให้เข้าใจผิดได้
    แม่พระกับนักบุญยอแซฟพลัดหลงกับพระเยซูไม่ได้หมายความว่าทั้งสองท่านปล่อยปละละเลยพระองค์ ทำไมไม่มองอีกอย่างละว่าสมัยนั้นอายุสิบสองนี่ก็ถือว่าโตพอสมควรแล้วนะน่าจะตัดสินใจอะไรเองได้บ้างแล้ว "ลูกเอ๋ย ทำไมจึงทำกับเราเช่นนี้ ดูซิ พ่อกับแม่ต้องกังวลใจตามหาลูก" พระองค์ตอบว่า "คุณพ่อคุณแม่ตามหาลูกทำไม คุณพ่อคุณแม่ไม่ทราบหรือว่า ลูกต้องอยู่ในบ้านของพระบิดาของลูก" ท่านทั้งสองมิได้เข้าใจที่พระองค์ตรัส ถ้าทั้งสองท่านทิ้งๆขว้างพระองค์จริง พระองค์น่าจะโดนถวายพระผางหรือถวายบทสรรเสริญมากกว่า คำพูดที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างนี้ และเมื่ออ่านต่อไป พระเยซูเจ้าได้เสด็จกลับไปที่เมืองนาซาแร็ธกับบิดามารดาและเชื่อฟังท่านทั้งสอง พระมารดาได้เก็บเรื่องทั้งหมดนี้ไว้ในใจ พระเยซูก็เคารพต่อท่านทั้งสองดีนี่นา ส่วนแม่พระเองก็ยังคงคิดถึงเรื่องนี้เสมอ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีคำทำนายจากท่านซิเมออนอยู่แล้ว มีหรือแม่ที่รักลูกจะไม่ครุ่นคำนึงและเป็นกังวล ไม่มีตรงใหนเลยที่แสดงว่าแม่พระทิ้งขว้างพระเยซู เขาเลือกอ่านเฉพาะส่วนที่อยากอ่าน เขาอยากยกข้อพระคัมภีร์มาเฉพาะส่วนที่อยากยกนี่นา
2 แม่รักลูกขนาดนี้แต่แม่ก็ยังโดนปรามาสมาตลอดยุค ทั้งๆที่พระเป็นเจ้าทรงรับรองเธอไว้ในพระคัมภีร์ นี่คือหนามกุหลาบที่ทิ่มแทงหัวใจของเธอที่ผมสัมผัสได้อย่างจะๆ ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ได้รับรองแม่พระให้กับผมโดยตรงโดยผ่านพระวรสารในวันนี้ซึ่งเป็นวันระลึกถึงดวงหทัยนิรมลของแม่พระ โดยข้อพระคัมภีร์เป็นต้นท่อนสุดท้ายที่ผมยกมาข้างต้นนั้นทำให้ผมคลายข้อสงสัยของผมไปอย่างปลิดทิ้งเลย

เดี๋ยววันอาทิตย์หลังเลิกวัดผมคงได้เจอกับพวกเขา เราก็คงถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันทั่วไปแล้วเขาก็คงเชิญชวนให้ผมกลับไปอยู่กับพวกเขา ผมก็คงต้องยืนยันความเชื่อของผมไป และพระวรสารที่ได้อ่านวันนี้ก็ทำให้ผมมีความเชื่อและความชัดเจนในพระเป็นเจ้าและแม่พระพอที่จะทำให้ผมหนักแน่นได้ (เวลาฟังสิ่งเสมือนจริงบางทีมันเคลิ้มยิ่งกว่าเรื่องจริง) ผมว่านี่เองที่ทำไมพระถึงได้เรียกให้ผมไปสวดๆและก็ให้ดีเหลือเกินที่ผมใจไม่แข็งเหมือนหลายๆครั้งที่ผ่านมา

พระเจ้าข้าโปรดยกโทษต่อความใจแข็งของลูกด้วย และขอพระองค์ทรงโปรดเมตตาส่องสว่างลูกให้เดินตามพระองค์ไปด้วยดีด้วยเทอญ
ขอแม่พระช่วยประคับประคองลูกไปตลอดการเดินตามพระเยซูพระบุตรสุดที่รักของพระนางในตลอดชีวิตเนรเทศนี้และตลอดไปเทอญ
อาแมน

จากลูกอันตน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ มิ.ย. 20, 2009 11:03 pm

วว 12:13
เมื่อมังกรหรืองูเห็นว่าตนถูกโยนลงมาบนแผ่นดิน ก็เริ่มเบียดเบียนสตรีที่คลอดบุตรชาย  แต่สตรีนั้นรับปีกนกอินทรีใหญ่สองปีกเพื่อจะได้บินไปยังถิ่นทุรกันดารที่พำนักของนาง ที่นั่นนางจะได้รับการเลี้ยงดูพ้นสายตาของงูเป็นเวลาสามปีครึ่ง  งูพ่นน้ำออกจากปากเหมือนแม่น้ำตามหลังสตรี เพื่อให้นางถูกกระแสน้ำพัดไป  แต่แผ่นดินช่วยนางไว้ แผ่นดินอ้าปากออกและดื่มแม่น้ำที่มังกรพ่นออกมาจากปากของมัน  มังกรโกรธสตรี และออกไปทำสงครามกับเผ่าพันธุ์ที่เหลือของนาง คือผู้ที่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้า และยึดมั่นในคำพยานถึงพระเยซูเจ้า




ขอบคุณสำหรับคำพยานที่ดีครับ และขอถวายพระพรแด่พระเจ้า
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ มิ.ย. 20, 2009 11:54 pm

ขอบคุณสำหรับคำพยานด้วยครับ
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

อาทิตย์ มิ.ย. 21, 2009 10:14 pm

แล้วก็จริงดั่งว่า มิชชันนารีซึ่งดูโหงวเฮ้งเก่งบอกว่าถ้าผมไม่จับพระเจ้าไว้ให้มั่น(หมายถึงว่ากลับไปเป็นอย่างเดิม) พระเจ้าจะไม่อวยพรทางด้านเศรษฐกิจ ผมก็พยักหน้าหงึกๆและก็นึกไว้ในใจว่า ก็ถ้าฉันรักพระเจ้าฉันก็ไม่ได้หวังรวยอยู่แล้วนี่ พระจะให้ฉันจนฉันรวยก็เรื่องของพระไม่ใช่เรื่องของฉัน

แต่ท่านก็พูดด้วยความห่วงใยนั่นแหละครับ ท่านไม่ได้พูดแบบโกหกหลอกลวงแต่อย่างใด ท่านก็จริงใจตรงไปตรงมาเหมือนเดิม แต่สำหรับผมแล้วผมว่าพอใจอยู่แล้ว ถ้าพระให้จนก็จนให้ลำบากก็ลำบากไม่ต้องขวนขวายมีเยอะๆจะได้บริจาคเยอะๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ มิ.ย. 21, 2009 11:07 pm

ผมคิดว่าส่วนหนึ่งที่เขาต้องดิสเครดิตแม่พระ เพราะเขาไม่เชื่อว่าพระเยซูคือพระเจ้า และต้องการจะชี้ว่าตัวเองคือพระผู้ไถ่คนใหม่ที่กลับมา แล้วตัวเองก็เกิดจากพ่อแม่ที่มีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติ แล้วพระเยซูกลับปฏิสนธินิรมล มันก็แปลกๆ ถ้าจะบอกว่าพระผู้ไถ่ที่กลับมา มีวิธีเสด้จเข้ามาในโลกที่ตกต่ำลงไปกว่าเดิม ในเมื่อยกตัวเองขึ้นมากกว่านี้ไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีกดของที่มีมาก่อนแทน


ดังนั้นสิ่งนี้ชี้ชัดว่า ฐานะมารดาพระเจ้าของแม่พระ ที่พระจิตเจ้าประกาศอย่างชัดเจนในพระคัมภีร์ สัมพันธ์โดยตรงกับสถานภาพพระเจ้าของพระเยซูคริสต์ ข้อความเชื่อทุกข้อที่พระศาสนจักรคาทอลิคประกาศ ได้ผ่านการพิจารณาอย่างเคร่งครัดและรอบคอบโดยอาศัยพระจิตเจ้าทรงนำ ทุกข้อความเชื่อจึงสัมพันะและส่งเสริมกันทั้งหมดไม่สามารถเลือกเชื่อเฉพาะบางข้อได้


ว่าแต่มิชชันนารีของมูน ดูโหงวเฮ้งได้ด้วยเหรอครับ ::029::
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

จันทร์ มิ.ย. 22, 2009 9:57 am

อันตน เขียน: แล้วก็จริงดั่งว่า มิชชันนารีซึ่งดูโหงวเฮ้งเก่งบอกว่าถ้าผมไม่จับพระเจ้าไว้ให้มั่น(หมายถึงว่ากลับไปเป็นอย่างเดิม) พระเจ้าจะไม่อวยพรทางด้านเศรษฐกิจ ผมก็พยักหน้าหงึกๆและก็นึกไว้ในใจว่า ก็ถ้าฉันรักพระเจ้าฉันก็ไม่ได้หวังรวยอยู่แล้วนี่ พระจะให้ฉันจนฉันรวยก็เรื่องของพระไม่ใช่เรื่องของฉัน

แต่ท่านก็พูดด้วยความห่วงใยนั่นแหละครับ ท่านไม่ได้พูดแบบโกหกหลอกลวงแต่อย่างใด ท่านก็จริงใจตรงไปตรงมาเหมือนเดิม แต่สำหรับผมแล้วผมว่าพอใจอยู่แล้ว ถ้าพระให้จนก็จนให้ลำบากก็ลำบากไม่ต้องขวนขวายมีเยอะๆจะได้บริจาคเยอะๆ

::054:: ก็น่าจะบอกท่านมิชชั่นไปว่า ตอนนี้จับมั่นแล้ว พระเจ้าเที่ยงแท้ด้วย
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

จันทร์ มิ.ย. 22, 2009 3:41 pm

ดูโหวงเฮ้ง ดูลายมือ ลูกเจ้าลัทธิแต่งงานยังต้องดูดวงเลยว่าชงกับลูกสะไภ้หรือเปล่า

นอกจากนี้ยังปฏิเสธสภาพพระเจ้าแท้ของพระเยซู และบอกว่าพระจิตเจ้าแท้ที่จริงคือเจ้าสาวของพระผู้มาโปรด อันหมายถึงเมียเจ้าลัทธิ อีกหลายๆอย่าง

แต่จุดที่ทำให้ผมปฏิเสธความเชื่อของพวกเขาก็คือสมัยที่ผมเรียนเทววิทยาปีหนึ่งที่มหาวิทยาลัยของเขาผมได้อ่านพระคัมภีร์มากขึ้นเพราะมีชั่วโมงพระคัมภีร์และหลักการ(หลักการในที่นี้คือ ข้อพิสูจน์ซึ่งอ้างว่ามาจากการเปิดเผยของพระเจ้าและปูทางไปจนถึงว่าเจ้าลัทธิเป็นพระผู้มาโปรด) ก่อนนั้นตั้งแต่เรียนคำสอนของทางโน้นผมเชื่อมาตลอดว่าบาปของพ่อแม่เดิมของเราคือบาปการล่วงประเวณีก่อนเวลาอันควร แต่เมื่อได้อ่านพระคัมภีร์เองจริงๆแล้วผมพบว่ามันไม่ใช่ ง่ายๆเลยเพียงอ่านเลยไปอีกแค่ประโยคสองประโยคเท่านั้นผมก็ได้พบคำเฉลยของมันแล้ว ดังนี้

การตกสู่บาปของพ่อแม่เดิมของเรานั้นเป็นเพราะการล่วงประเวณีก่อนเวลาอันควร คือก่อนการบรรลุถึงความสมบูรณ์ของมนุษย์ ผลไม้แห่งความรู้ดีชั่วคือสัญลักษณ์ของการล่วงประเวณีเมื่อลูชีแฟร์มาล่อลวงเอวาก็ล่วงประเวณีกับลูชีแฟร์ เสร็จแล้วเอวาก็ไปล่อลวงอาดัมให้มีประเวณีกันอีก(เอว่าเอาผลไม้ให้อาดัมกินด้วย) เรื่องก็น่าจะจริงถ้าคิดเผิน แต่ถ้าอ่านในรายละเอียดพระคัมภีร์ซึ่งเป็นแค่ช่วงสั้นๆไม่กี่ประโยค เราก็จะพบว่ามันไม่ใช่ ในพระคัมภีร์บอกไว้ละเอียดว่า เมื่อเอวากินผลไม้จากลูชีแฟร์แล้วก็ยื่นให้อาดัมผู้เป็นสามีของเธออยู่แล้ว พระคัมภีร์เขียนไว้ชัดเจนว่าผู้เป็นสามีของเธอ ในเมื่อเป็นสามีภรรยากันอยู่แล้วจะทำการผัวเมียกันไม่ได้หรือ ไม่ถึงเวลาอันควรตรงไหน จุดนี้แหละคือจุดที่ทำให้ผมเริ่มเสียความเชื่อทางนั้นและมองหาความเชื่อที่แท้จริง

มิชชันนารีท่านบอกว่าพระทรงเรียกผมให้ไปถึงเกาหลีแสดงว่าพระองค์ทรงมีแผนการสำหรับผมในการรับใช้แผนงานของพระองค์(ตามทางของเขา) ผมก็นึกๆดูก็จริงอย่างท่านว่า แต่ว่าที่ท่านบอกได้ไม่หมดคือ พระองค์ทรงเรียกผมให้รับใช้แผนงานของก็จริง แต่พระองค์ทำให้ผมรู้จักและรักพระองค์ยิ่งขึ้นจากการได้ร่วมกับโบสถ์โน้น เมื่อถึงเวลาอันควรพระองค์ก็ทรงเรียกผมอีกครั้งหนึ่งผ่านพระวาจาของพระองค์เอง ตอนนี้ถึงผมจะไม่ได้ช่วยวัดมากนักไม่ได้เป็นสภาภิบาลหรืออะไรที่มีหน้าที่ในพระศาสนจักร แต่ว่าผมว่าผมมีความสุขที่ได้อยู่กับพระองค์ยิ่งกว่าตอนที่อยู่ที่เก่าเสียอีก
ตอบกลับโพส