ประสบการณ์ในวันระลึกถึงดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีย์
โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 20, 2009 10:51 pm
เมื่อวานที่ผ่านมาทั้งๆที่เป็นสมโภชพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า ผมกลับสวดน้อยมากทั้งๆที่ใจบอกให้สวด สุดท้ายก่อนจะนอนจึงขอบคุณพระหฤทัยนิดหนึ่งแล้วก็นอนลงไป ใจก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน
มาวันนี้ตอนเช้า ผมก็ตื่นและเริ่มทำโน่นทำนี่ตามกิจวัตรประจำวัน แต่ไม่ได้สวดตอนเช้า ปกติผมจะไม่ค่อยสวดเช้าอยู่แล้วเพราะสู้กับความขี้เกียจไม่ไหว แต่วันนี้เป็นไงไม่รู้มีเสียงในใจว่าให้ไปสวดๆ ผมก็เลยกลับเข้ามาสวดตอนเจ็ดโมงแล้วเห็นจะได้(สายแล้ว) ผมก็เริ่มตามที่ผมเคยทำคืออ่านไบเบิลไดอารี่ก่อน ปรากฏว่าผมทราบเลยว่าทำไมพระเรียกให้มาสวด เพราะเมื่ออ่านพระวรสารของวันนี้ซึ่งเป็นเรื่องของแม่พระและนักบุญยอแซฟกลับไปหาพระเยซูในพระวิหารแล้วทำให้ผมวางใจในความรักใคร่กันของแม่พระและพระเยซู ทำให้ผมเชื่อได้มากขึ้นว่าแม่พระอยู่ในแผนการการไถ่กู้โดยตลอด มิได้ขาดซึ่งความรับผิดชอบของเธอเลย
ทำไมผมถึงพูดอย่างนี้ ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนนิดหนึ่งว่าก่อนที่ผมจะรับศีลล้างบาปผมเป็นสมาชิกของกลุ่มโบสถ์แห่งความสามัคคีหรือลัทธิมูนมาก่อน ซึ่งคำสอนที่ผิดเพี้ยนไปทางโน้นจะถูกหักล้างได้ไปได้แล้วจากจิตใจผม แต่บางเรื่องก็ยังไม่อาจหมดไปได้ทีเดียว(เห็นหรือยังครับว่า ถ้าไปเชื่ออะไรที่เพี้ยนแล้วมันลบยาก เพราะฉะนั้นอย่าไปเชื่อหนังหรือไปสนับสนุนมันให้มาก ถ้ามันฝังใจขึ้นมาแล้วมันลบยาก) ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงและขอให้พระไขแสดงข้อเชื่อที่ถูกต้องให้เสมอ หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องแม่พระ ที่ทางโน้นปฏิเสธว่าแม่พระไม่ได้ปฏิสนธินิรมล แต่พระเยซูเป็นบุตรของศักการิยา และแม่พระไม่ได้บรรลุถึงความรับผิดชอบของเธอในการที่จะดูแลพระเยซูให้ตลอดรอดฝั่ง หมายความว่าตอนที่ทูตสวรรค์มาบอกข่าวแก่แม่พระๆก็รับคำ พอคลอดพระเยซูเสร็จแล้วก็เสร็จไป เธอก็มีลูกมีเต้าของเธอไป ปล่อยให้พระเยซูเป็นลูกติด ดูบ้างไม่ดูบ้าง ปล่อยปละละเลยจนขนาดว่าลืมพระองค์ไว้ที่เยรูซาแล็ม
ทีนี้มาถึงเรื่องที่ว่าทำไมอยู่ๆพระถึงเรียกให้มาสวดและได้อ่านเจอข้อความสำคัญจากพระวรสาร ก็เพราะว่าเมื่อวานก่อนในวันสมโภชพระหฤทัยนั่นแหละ พี่น้องชาวโบสถ์มูนโทรมาหาผมว่ามีรุ่นพี่กับมิชชันนารีที่ผมรู้จักลงมาภูเก็ตเลยอยากนัดเจอกันหน่อย ตัวผมเองแม้ว่าจะไม่ได้ไปโบสถ์มูนแล้ว แต่ว่าผมก็ยังติดต่อกับพี่น้องเก่าๆอยู่เสมอเพราะถือว่าความเชื่อไม่เหมือนกันก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นศัตรูกัน เจอกันก็ทักกันเขาก็ไม่มาก้าวก่ายเรื่องความเชื่อของเรา ถ้าถามเราก็ตอบ ผมเองก็ตอบตกลงว่าจะเจอกัน ตอบตกลงกันแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรจนเช้าวันนี้ที่ได้มาสวดและได้อ่านพระวรสารนี่แหละถึงได้ถึงบางอ้อ
1 มิชชันนารีท่านนั้นคงทักผมว่าทำไมอย่างโน้นอย่างนี้ คาทอลิกอย่างนั้นอย่างนี้แม่พระอย่างนั้นอย่างนี้(เขาอาจจะไม่ทักเลยก็ได้) ซึ่งถ้าทักผมก็จะได้มีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วจากพระวรสารที่ได้อ่านวันนี้
2 เป็นการไขแสดงจากพระตรงๆเพื่อขจัดมิจฉาทิฐิในใจผมที่อยากขจัดมานานแล้ว
แล้วผมได้อะไรจากพระวรสารในวันนี้
1 การยกพระคัมภีร์แบบตัดแปะทำให้เข้าใจผิดได้
แม่พระกับนักบุญยอแซฟพลัดหลงกับพระเยซูไม่ได้หมายความว่าทั้งสองท่านปล่อยปละละเลยพระองค์ ทำไมไม่มองอีกอย่างละว่าสมัยนั้นอายุสิบสองนี่ก็ถือว่าโตพอสมควรแล้วนะน่าจะตัดสินใจอะไรเองได้บ้างแล้ว "ลูกเอ๋ย ทำไมจึงทำกับเราเช่นนี้ ดูซิ พ่อกับแม่ต้องกังวลใจตามหาลูก" พระองค์ตอบว่า "คุณพ่อคุณแม่ตามหาลูกทำไม คุณพ่อคุณแม่ไม่ทราบหรือว่า ลูกต้องอยู่ในบ้านของพระบิดาของลูก" ท่านทั้งสองมิได้เข้าใจที่พระองค์ตรัส ถ้าทั้งสองท่านทิ้งๆขว้างพระองค์จริง พระองค์น่าจะโดนถวายพระผางหรือถวายบทสรรเสริญมากกว่า คำพูดที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างนี้ และเมื่ออ่านต่อไป พระเยซูเจ้าได้เสด็จกลับไปที่เมืองนาซาแร็ธกับบิดามารดาและเชื่อฟังท่านทั้งสอง พระมารดาได้เก็บเรื่องทั้งหมดนี้ไว้ในใจ พระเยซูก็เคารพต่อท่านทั้งสองดีนี่นา ส่วนแม่พระเองก็ยังคงคิดถึงเรื่องนี้เสมอ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีคำทำนายจากท่านซิเมออนอยู่แล้ว มีหรือแม่ที่รักลูกจะไม่ครุ่นคำนึงและเป็นกังวล ไม่มีตรงใหนเลยที่แสดงว่าแม่พระทิ้งขว้างพระเยซู เขาเลือกอ่านเฉพาะส่วนที่อยากอ่าน เขาอยากยกข้อพระคัมภีร์มาเฉพาะส่วนที่อยากยกนี่นา
2 แม่รักลูกขนาดนี้แต่แม่ก็ยังโดนปรามาสมาตลอดยุค ทั้งๆที่พระเป็นเจ้าทรงรับรองเธอไว้ในพระคัมภีร์ นี่คือหนามกุหลาบที่ทิ่มแทงหัวใจของเธอที่ผมสัมผัสได้อย่างจะๆ ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ได้รับรองแม่พระให้กับผมโดยตรงโดยผ่านพระวรสารในวันนี้ซึ่งเป็นวันระลึกถึงดวงหทัยนิรมลของแม่พระ โดยข้อพระคัมภีร์เป็นต้นท่อนสุดท้ายที่ผมยกมาข้างต้นนั้นทำให้ผมคลายข้อสงสัยของผมไปอย่างปลิดทิ้งเลย
เดี๋ยววันอาทิตย์หลังเลิกวัดผมคงได้เจอกับพวกเขา เราก็คงถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันทั่วไปแล้วเขาก็คงเชิญชวนให้ผมกลับไปอยู่กับพวกเขา ผมก็คงต้องยืนยันความเชื่อของผมไป และพระวรสารที่ได้อ่านวันนี้ก็ทำให้ผมมีความเชื่อและความชัดเจนในพระเป็นเจ้าและแม่พระพอที่จะทำให้ผมหนักแน่นได้ (เวลาฟังสิ่งเสมือนจริงบางทีมันเคลิ้มยิ่งกว่าเรื่องจริง) ผมว่านี่เองที่ทำไมพระถึงได้เรียกให้ผมไปสวดๆและก็ให้ดีเหลือเกินที่ผมใจไม่แข็งเหมือนหลายๆครั้งที่ผ่านมา
พระเจ้าข้าโปรดยกโทษต่อความใจแข็งของลูกด้วย และขอพระองค์ทรงโปรดเมตตาส่องสว่างลูกให้เดินตามพระองค์ไปด้วยดีด้วยเทอญ
ขอแม่พระช่วยประคับประคองลูกไปตลอดการเดินตามพระเยซูพระบุตรสุดที่รักของพระนางในตลอดชีวิตเนรเทศนี้และตลอดไปเทอญ
อาแมน
จากลูกอันตน
มาวันนี้ตอนเช้า ผมก็ตื่นและเริ่มทำโน่นทำนี่ตามกิจวัตรประจำวัน แต่ไม่ได้สวดตอนเช้า ปกติผมจะไม่ค่อยสวดเช้าอยู่แล้วเพราะสู้กับความขี้เกียจไม่ไหว แต่วันนี้เป็นไงไม่รู้มีเสียงในใจว่าให้ไปสวดๆ ผมก็เลยกลับเข้ามาสวดตอนเจ็ดโมงแล้วเห็นจะได้(สายแล้ว) ผมก็เริ่มตามที่ผมเคยทำคืออ่านไบเบิลไดอารี่ก่อน ปรากฏว่าผมทราบเลยว่าทำไมพระเรียกให้มาสวด เพราะเมื่ออ่านพระวรสารของวันนี้ซึ่งเป็นเรื่องของแม่พระและนักบุญยอแซฟกลับไปหาพระเยซูในพระวิหารแล้วทำให้ผมวางใจในความรักใคร่กันของแม่พระและพระเยซู ทำให้ผมเชื่อได้มากขึ้นว่าแม่พระอยู่ในแผนการการไถ่กู้โดยตลอด มิได้ขาดซึ่งความรับผิดชอบของเธอเลย
ทำไมผมถึงพูดอย่างนี้ ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนนิดหนึ่งว่าก่อนที่ผมจะรับศีลล้างบาปผมเป็นสมาชิกของกลุ่มโบสถ์แห่งความสามัคคีหรือลัทธิมูนมาก่อน ซึ่งคำสอนที่ผิดเพี้ยนไปทางโน้นจะถูกหักล้างได้ไปได้แล้วจากจิตใจผม แต่บางเรื่องก็ยังไม่อาจหมดไปได้ทีเดียว(เห็นหรือยังครับว่า ถ้าไปเชื่ออะไรที่เพี้ยนแล้วมันลบยาก เพราะฉะนั้นอย่าไปเชื่อหนังหรือไปสนับสนุนมันให้มาก ถ้ามันฝังใจขึ้นมาแล้วมันลบยาก) ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงและขอให้พระไขแสดงข้อเชื่อที่ถูกต้องให้เสมอ หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องแม่พระ ที่ทางโน้นปฏิเสธว่าแม่พระไม่ได้ปฏิสนธินิรมล แต่พระเยซูเป็นบุตรของศักการิยา และแม่พระไม่ได้บรรลุถึงความรับผิดชอบของเธอในการที่จะดูแลพระเยซูให้ตลอดรอดฝั่ง หมายความว่าตอนที่ทูตสวรรค์มาบอกข่าวแก่แม่พระๆก็รับคำ พอคลอดพระเยซูเสร็จแล้วก็เสร็จไป เธอก็มีลูกมีเต้าของเธอไป ปล่อยให้พระเยซูเป็นลูกติด ดูบ้างไม่ดูบ้าง ปล่อยปละละเลยจนขนาดว่าลืมพระองค์ไว้ที่เยรูซาแล็ม
ทีนี้มาถึงเรื่องที่ว่าทำไมอยู่ๆพระถึงเรียกให้มาสวดและได้อ่านเจอข้อความสำคัญจากพระวรสาร ก็เพราะว่าเมื่อวานก่อนในวันสมโภชพระหฤทัยนั่นแหละ พี่น้องชาวโบสถ์มูนโทรมาหาผมว่ามีรุ่นพี่กับมิชชันนารีที่ผมรู้จักลงมาภูเก็ตเลยอยากนัดเจอกันหน่อย ตัวผมเองแม้ว่าจะไม่ได้ไปโบสถ์มูนแล้ว แต่ว่าผมก็ยังติดต่อกับพี่น้องเก่าๆอยู่เสมอเพราะถือว่าความเชื่อไม่เหมือนกันก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นศัตรูกัน เจอกันก็ทักกันเขาก็ไม่มาก้าวก่ายเรื่องความเชื่อของเรา ถ้าถามเราก็ตอบ ผมเองก็ตอบตกลงว่าจะเจอกัน ตอบตกลงกันแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรจนเช้าวันนี้ที่ได้มาสวดและได้อ่านพระวรสารนี่แหละถึงได้ถึงบางอ้อ
1 มิชชันนารีท่านนั้นคงทักผมว่าทำไมอย่างโน้นอย่างนี้ คาทอลิกอย่างนั้นอย่างนี้แม่พระอย่างนั้นอย่างนี้(เขาอาจจะไม่ทักเลยก็ได้) ซึ่งถ้าทักผมก็จะได้มีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วจากพระวรสารที่ได้อ่านวันนี้
2 เป็นการไขแสดงจากพระตรงๆเพื่อขจัดมิจฉาทิฐิในใจผมที่อยากขจัดมานานแล้ว
แล้วผมได้อะไรจากพระวรสารในวันนี้
1 การยกพระคัมภีร์แบบตัดแปะทำให้เข้าใจผิดได้
แม่พระกับนักบุญยอแซฟพลัดหลงกับพระเยซูไม่ได้หมายความว่าทั้งสองท่านปล่อยปละละเลยพระองค์ ทำไมไม่มองอีกอย่างละว่าสมัยนั้นอายุสิบสองนี่ก็ถือว่าโตพอสมควรแล้วนะน่าจะตัดสินใจอะไรเองได้บ้างแล้ว "ลูกเอ๋ย ทำไมจึงทำกับเราเช่นนี้ ดูซิ พ่อกับแม่ต้องกังวลใจตามหาลูก" พระองค์ตอบว่า "คุณพ่อคุณแม่ตามหาลูกทำไม คุณพ่อคุณแม่ไม่ทราบหรือว่า ลูกต้องอยู่ในบ้านของพระบิดาของลูก" ท่านทั้งสองมิได้เข้าใจที่พระองค์ตรัส ถ้าทั้งสองท่านทิ้งๆขว้างพระองค์จริง พระองค์น่าจะโดนถวายพระผางหรือถวายบทสรรเสริญมากกว่า คำพูดที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างนี้ และเมื่ออ่านต่อไป พระเยซูเจ้าได้เสด็จกลับไปที่เมืองนาซาแร็ธกับบิดามารดาและเชื่อฟังท่านทั้งสอง พระมารดาได้เก็บเรื่องทั้งหมดนี้ไว้ในใจ พระเยซูก็เคารพต่อท่านทั้งสองดีนี่นา ส่วนแม่พระเองก็ยังคงคิดถึงเรื่องนี้เสมอ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีคำทำนายจากท่านซิเมออนอยู่แล้ว มีหรือแม่ที่รักลูกจะไม่ครุ่นคำนึงและเป็นกังวล ไม่มีตรงใหนเลยที่แสดงว่าแม่พระทิ้งขว้างพระเยซู เขาเลือกอ่านเฉพาะส่วนที่อยากอ่าน เขาอยากยกข้อพระคัมภีร์มาเฉพาะส่วนที่อยากยกนี่นา
2 แม่รักลูกขนาดนี้แต่แม่ก็ยังโดนปรามาสมาตลอดยุค ทั้งๆที่พระเป็นเจ้าทรงรับรองเธอไว้ในพระคัมภีร์ นี่คือหนามกุหลาบที่ทิ่มแทงหัวใจของเธอที่ผมสัมผัสได้อย่างจะๆ ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ได้รับรองแม่พระให้กับผมโดยตรงโดยผ่านพระวรสารในวันนี้ซึ่งเป็นวันระลึกถึงดวงหทัยนิรมลของแม่พระ โดยข้อพระคัมภีร์เป็นต้นท่อนสุดท้ายที่ผมยกมาข้างต้นนั้นทำให้ผมคลายข้อสงสัยของผมไปอย่างปลิดทิ้งเลย
เดี๋ยววันอาทิตย์หลังเลิกวัดผมคงได้เจอกับพวกเขา เราก็คงถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันทั่วไปแล้วเขาก็คงเชิญชวนให้ผมกลับไปอยู่กับพวกเขา ผมก็คงต้องยืนยันความเชื่อของผมไป และพระวรสารที่ได้อ่านวันนี้ก็ทำให้ผมมีความเชื่อและความชัดเจนในพระเป็นเจ้าและแม่พระพอที่จะทำให้ผมหนักแน่นได้ (เวลาฟังสิ่งเสมือนจริงบางทีมันเคลิ้มยิ่งกว่าเรื่องจริง) ผมว่านี่เองที่ทำไมพระถึงได้เรียกให้ผมไปสวดๆและก็ให้ดีเหลือเกินที่ผมใจไม่แข็งเหมือนหลายๆครั้งที่ผ่านมา
พระเจ้าข้าโปรดยกโทษต่อความใจแข็งของลูกด้วย และขอพระองค์ทรงโปรดเมตตาส่องสว่างลูกให้เดินตามพระองค์ไปด้วยดีด้วยเทอญ
ขอแม่พระช่วยประคับประคองลูกไปตลอดการเดินตามพระเยซูพระบุตรสุดที่รักของพระนางในตลอดชีวิตเนรเทศนี้และตลอดไปเทอญ
อาแมน
จากลูกอันตน