+ คริสตชนชาวปาเลสไตน์ - ไม่มีทางออกง่าย ๆ คำพยานของ อิมม์ บาเซ็ม +

แบ่งปัน คำพยาน ประสบการณ์ชีวิตกับพระเจ้า และการอัศจรรย์ ที่พระเจ้าได้ทรงกระทำต่อชีวิตของเราแต่ละคน
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. พ.ย. 19, 2009 2:49 am

ไม่มีทางออกง่าย ๆ – อิมม์  บาเซ็ม

พระเจ้าตรัสว่า  เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับเจ้าเป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ  ไม่ใช่เพื่อทุกขภาพเพื่อจะให้อนาคตและความหวังใจแก่เจ้า  (เยเรมีย์  29:11)

      เรามาจากจอร์แดน  จะข้ามไปยังอิสราเอล  เราพบแต่ทหาร...ทหารเต็มไปหมด  มีทหารขึ้นมาบนรถโดยสารของเรา  โดยตรวจเช็คเพื่อความปลอดภัยขณะเรามาถึงทางข้ามแม่น้ำจอร์แดน  พวกเขาจับตาดูเราอย่างใกล้ชิดขณะที่รถโดยสารออกจากสถานีปลายทาง  ขณะผ่านภูเขามะกอกเทศ  เราเห็นกลุ่มทหารคอยดูแลความปลอดภัยที่จุดอันตราย  ซึ่งเป็นทางผ่านเพื่อไปยังเบธเลเฮม  นี่แหละ...แผ่นดินอันบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์  พื้นที่ซึ่งมีแต่ความไม่แน่นอนทางการเมือง  พื้นที่ซึ่งไม่อาจวางใจได้ว่าจะมีสันติภาพได้นาน

รูปภาพ

      โยฮานและฉันตั้งใจจะไปที่วิทยาลัยพระคริสตธรรมเบธเลเฮม  ซึ่งเป็นจุดหมายสุดท้ายของการเดินทางไปเยี่ยมประเทศในตะวันออกกลางสามแห่งเป็นเวลาสองสัปดาห์  เราลงจากรถโดยสารและเดินไปที่วิทยาลัย  แล้วเที่ยวหาจนพบสำนักงานของอเล็กซ์  อาร์ท  ซึ่งเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียน  เมื่อเขาเห็นเรา  ก็ลุกขึ้นมาทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“ยินดีต้อนรับ!  ดีใจจริง ๆ  ที่ได้พบคุณทั้งสอง”  เขายิ้มกว้างขณะจับมือทักทายเรา  หลังจากที่ได้ไปเยี่ยมเพื่อนที่เลบานอนและจอร์แดน  เราก็เริ่มชินกับการต้อนรับด้วยน้ำใจแบบชาวตะวันออกกลาง  เป็นการต้อนรับที่อบอุ่นอย่างที่เราไม่พบเห็นที่ไหนในโลก

หลังจากที่เรานั่งลงสบาย ๆ  ในห้องทำงานของเขาแล้ว  เขากล่าวว่า  “เอาละช่วยบอกผมหน่อยว่า  คุณอยากดูอะไรบ้าง  อยากพบใครบ้าง”  คำกล่าวของเขาทำให้เรานึกได้ว่า  ยังไม่ได้สำรวจอิสราเอลหรือเยรูซาเล็มเลย  “เรามีมัคคุเทศก์ที่ผ่านการอบรมมาอย่างดี  ที่พร้อมที่จะพาคุณไปทุกแห่งที่อยากไป”

โยฮานยิ้ม  “ผมรู้ว่าหลายคนมาเพื่อชมสถานที่สำคัญ ๆ  ในประวัติศาสตร์  แต่เรามาเพื่อจะพบกับสิ่งที่คุณเรียกว่า ’ศิลาที่มีชีวิต’  เราอยากพบกับผู้คนจากเวสต์แบงค์  และฟังเรื่องราวชีวิตของเขา

บราเธอร์แอนดรูว์เคยเล่าถึงความทุกข์ยากของชาวปาเลสไตน์ให้เราฟังมามาก  อยู่ได้ไม่นานฉันก็พบว่าวิทยาลัยพระคริสตธรรมแห่งนี้เป้นมากกว่าโรงเรียนสอนพระคัมภีร์  เพราะที่นี่เป็นทั้งที่ลี้ภัย  ที่ให้ความช่วยเหลือ  และเป็นความหวังของผู้คนในเมืองใกล้ ๆ  และคนในค่ายผู้อพยพด้วย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. พ.ย. 19, 2009 2:53 am

บอกไม่ได้ว่า  ทำไมจึงต้องบุก

วันต่อมาอเล็กซ์ก็ทำตัวเป็นมัคคุเทศก์ของเราเสียเอง  บ่ายวันหนึ่ง  เราไปที่ชุมชนเบทจาลา  ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองคริสเตียนสามเมืองในเขตเวสต์แบงค์  อเล็กซ์แนะนำให้เรารู้จักอิมม์และอาบู  บาเซ็ม เขายิ้มแล้วกล่าวว่า  “ทั้งสองมีเรื่องน่าสนใจจะเล่าให้คุณฟัง”

ขณะที่มองไปรอบ ๆ  บ้านก็เห็นว่าบ้านนี้มีความเป็นอยู่ที่เป็นระเบียบ  ห้องโล่งโปร่งตา  เป็นบ้านที่น่าอยู่กว่าบ้านของชาวมุสลิมอื่นในค่ายผู้อพยพใกล้ ๆ  ที่เราไปเยี่ยมมาวันก่อน  เรารู้มาว่า  อาบู  บาเซ็มอยู่ในบ้านของครอบครัวซึ่งอยู่มานานหลายชั่วคนแล้ว  ชาวปาเลสไตน์ที่อยู่ในอิสราเอลส่วนใหญ่จะถูกยึดบ้านไปในช่วงปี  1948  (แต่ครอบครัวนี้ไม่ถูกยึดบ้านไป  เพราะในช่วงนั้นเวสต์แบงค์ยังเป็นส่วนหนึ่งของจอร์แดน)  ถึงกระนั้น  พวกเขาก็ต้องทนทุกข์หลายอย่าง  ไม่ต่างกับผู้ลี้ภัยที่เราไปเยี่ยมมา

“พอฉันได้ข่าวว่าคุณจะมาเยี่ยม  ฉันก็ต้องกินยาระงับประสาท”  อิมม์บาเซ็มบอกด้วยเสียงหัวเราะ “คืนวันอาทิตย์ก่อน  ฉันต้องเล่าเรื่องของฉันในที่ประชุมเรื่องการคืนดีกันที่จัดสำหรับสตรียิวและปาเลสไตน์ที่เป็นคริสเตียน  ฉันตื่นเต้นมาก  เล่าแล้วจบไม่ได้  เพื่อคนหนึ่งจึงต้องช่วยฉัน  รู้ไหมหลังจากที่เหตุการณ์ผ่านมาหลายปีก็จริง  แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกชายทีไร ฉันก็ยังรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้ง

โยฮานกับฉันหันมามองหน้ากัน  “เราอยากฟังเรื่องของคุณมากจริง ๆ”  ฉันบอกเธอ  “แต่คุณไม่ต้องกังวลหรือตื่นเต้นนะคะ”

อิมม์ผงกหน้ารับ  หายใจเข้าลึก ๆ  แล้วเริ่มต้นเล่าว่า  “ในวันที่  5  กุมภาพันธ์  1989  ตอนกลางดึกมีทหารจากกองตำรวจลับอิสราเอลมาที่บ้านเรา  ต้องการพบคาดาร์  ลูกชายของเรา  ตอนนั้นเขาเป็นนักศึกษาอยู่ในวิทยาลัยพระคริสตธรรมเบธเลเฮม  เผอิญเขาไม่อยู่บ้าน  เพราะไปค้างที่วิทยาลัย  ตำรวจอิสราเอลสั่งให้สามีของฉันไปเอาตัวลูกมา  แล้วก็มีทหารไม่น้อยกว่าสี่สิบสองคนเข้ามาในบ้าน  พวกเขาเริ่มต้นค้นข้าวของ  ค้นลิ้นชักและตู้  คว่ำทุกอย่าง  ลูกสาวของฉันเริ่มต้นร้องไห้...”

ทหารส่องไฟไปที่ลูกสาวของอิมม์  แล้วขยี้หัวของลูก ๆ  “จะได้แน่ใจว่าเป็นเด็กผู้หญิงจริง ๆ”  คนหนึ่งพูดด้วยรอยยิ้มอย่างมีเลสนัย  ลูกสาวทั้งสองตกใจอยู่แล้วกับเหตุการณ์ครั้งนี้  ก็เลยกรีดร้องเสียงลั่นบ้าน

“ได้โปรดเถอะ  ฉันขอร้องละ”  อิมม์อ้อนวอนกับทหารเหล่านั้น  “ปล่อยลูกสาวของฉันเถอะ  แล้วก็อย่าค้นบ้านฉันอีก  ฉันจะตอบคำถามพวกคุณ  เราไม่มีอะไรซ่อนอยู่  แต่คุณต้องการตัวคาดาร์ไปทำไมกัน  เรามีลูกชายคนโตชื่อบาเซ็ม  คุณไม่ต้องการตัวเขารึ”

รูปภาพ

ครอบครัวนี้ไม่ได้ยุ่งกับการเมืองเท่าไรนัก  อิมม์ก็ไม่เข้าใจว่า  ทำไมพวกทหารจึงต้องบุกเข้ามาในบ้านเช่นนี้  เธอเฝ้าอ้อนวอนขอความเห็นใจ  จนกระทั่งสามีกลับมาพร้อมกับคาดาร์  แล้วทั้งบ้านก็ต้องตะลึง  เมื่อพวกเขาเอาผ้าปิดตาคาดาร์  และพาขึ้นรถขับหายไปในคืนที่หิมะตกในเดือนกันยายนนั้นเอง

ตอนแรกมีคนแนะนำให้อิมม์กับสามีรอคอยและอธิษฐาน  “เขาไม่ได้ทำอะไรผิด  พวกทหารสอบสวนแล้วก็จะรู้”  ผู้บริหารวิทยาลัยคนหนึ่งบอก  แต่สิบเจ็ดวันผ่านไปก็ยังไม่มีข่าวคราว  ไม่มีคำอธิบาย  ไม่มีอะไรเลย  ในที่สุดอิมม์ก็หมดความอดทนกับความไม่แน่นอนเช่นนี้

เธอไปที่สถานีตำรวจอิสราเอล  และเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าเวรในวันนั้น  “ฉันต้องการพบลูกชายของฉัน”

“ไม่ได้”  เจ้าหน้าที่ผู้นั้นตอบด้วยสีหน้าบึ้งตึง “เขาถูกขังเดี่ยว  เขาไม่ยอมให้ความร่วมมือ  ไม่ยอมสารภาพด้วย  คุณจะไม่ได้พบเขาจนกวาเขาจะสารภาพ”

“สารภาพเรื่องอะไรกัน”  อิมม์ถามขณะพยายามสะกดกั้นความรู้สึกอย่างเต็มที่

เขาส่ายหัวเหมือนบอกว่าคุยจบแล้ว  พร้อมกับโบกมือให้อิมม์ออกไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. พ.ย. 19, 2009 2:59 am

ไม่น่าจะใช่เพื่อน

ยี่สิบสองวันผ่านไป  เราได้ข่าวจากตำรวจว่าอนุญาตให้ทนายความเข้าพบคาดาร์ได้  ผุ้บริหารวิทยาลัยช่วยหาทนายความให้  อิมม์จึงรีบจัดห่อของฝากทนายความไปให้ลูกชาย  มีทั้งของกิน  ชุดชั้นใน  และพระคัมภีร์ของเขา

คาดาร์กับทนายความคุยกันสองสามนาที  เขาดีใจมากที่ได้ห่อของที่มารดาฝากมาให้  แต่เมื่อทนายความออกมา  ทหารก็เข้าล้อมตัวคาดาร์  ฉกเอาพระคัมภีร์และเสื้อผ้าสะอาด ๆ  ไป  จากนั้นก็กระชากเขาเข้าไปในห้องขัง  “หากแกตัดสินใจสารภาพเมื่อไร  แกก็อาจจะไม่ได้มันคืนไป”  แล้วยกกางเกงในขึ้นโบกให้ทุกคนหัวเราะเยาะเล่น

จริง ๆ  แล้วคาดาร์พยายามเก็บความรู้สึกไว้  จนกระทั่งถึงจุดนั้น...เขาล้มตัวลงบนเตียงแล้วร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่น  เวลาผ่านไป  เขานอนนิ่งไม่ไหวติงบนเตียงนั้น  ท้อแท้หวังอย่างที่สุด  เขาอยากอธิษฐาน  แต่ความคิดเดียวที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจคือ  “พระเจ้า  ช่วยข้าพระองค์ด้วย”

ตกดึกนั้นเอง  เขาได้ยินเสียงเคาะประตู  มีใครคนหนึ่งเรียกเขาทางบานหน้าต่างที่เจาะไว้  ทหารอิสราเอลคนหนึ่งยืนอยู่  โดยถือพระคัมภีร์ไว้ในมือ

“พระคัมภีร์ของคุณใช่ไหม”  ทหารผู้นั้นถาม

“ครับ...”

“คุณเชื่อพระเจ้าด้วยหรือ”  เขากระซิบ

“ผมก็เชื่อเหมือนกัน...เอาพระคัมภีร์ของคุณไป และซ่อนไว้แล้วกันนะ”

รูปภาพ


ก่อนที่คาดาร์จะทันถามว่าเขาเป็นใคร  ทหารนิรนามก็หายตัวไปในความมืด ชาวปาเลสไตน์หนุ่มรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาไหล  เขากอดพระคัมภีร์ไว้แน่น  เหตุใดทหารผู้นี้จึงนำพระคัมภีร์มาให้เขา  นี่เป็นกลอุบาย  หรือว่าเป็นคำตอบจากพระเจ้า

ทหารคนเดียวกันนั้นกลับมาหาคาดาร์อีกสองสามครั้ง  วันหนึ่งเขานำแซนด์วิชเนื้อมาให้  คาดาร์ไม่กล้วกิน  เขาอยากไว้ใจเพื่อนแปลกหน้าผู้นี้  แต่เขาจะแน่ใจได้อย่าไรว่าไม่มียาพิษผสมอยู่ในแซนวิชนั้น  ดูเหมือนทหารผู้นั้นเข้าใจความรู้สึกของคาดาร์  เขาจึงกัดแซนด์วิชคำหนึ่งเพื่อพิสูจน์ว่ามันปลอดภัยอีกครั้ง  เขานำน้ำเปล่ามาให้ดื่ม  ใช่  คาดาร์กระหายน้ำมาก  แต่ก็กลัวไม่กล้วดื่ม  ทหารผู้นั้นก็จิบน้ำขวดนั้นก่อนโดยไม่พูดอะไร  หลังจากที่ได้ดื่มน้ำนั้นแล้วคาดาร์ก็อธษฐานขอหมายสำคัญจากพระเจ้า

“ข้าแต่พระเจ้า  ถ้าทหารคนนี้ต้องการช่วยข้าพระองค์จริง  ขอทรงช่วยให้เขาเอาช็อกโกแลตอิไลท์มาให้ข้าพระองค์ด้วย”

วันเดียวกันนั้นเอง  ก็มีเสียงเคาะประตู  “คาดาร์  ผมเสียใจนะ  หาขนมปังให้คุณไม่ได้  แค่คุณต้องมีแรง  กินขนมนี่แทนก่อนแล้วกัน”  แล้วเขาก็หยิบช็อกโกแลตอิไลท์ออกมาจากกระเป๋า

“ทำไมคุณจึงช่วยผมครับ”  คาดาร์ถามเพื่อนใหม่

“เพราะคุณเป็นพี่น้องของผมโดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์  และผมไม่อยากให้คุณอยู่ในนี้”

ทหารผู้นี้มิได้แค่ช่วยคาดาร์เท่านั้น  แต่ไปเล่าเรื่องราวของเพื่อนชาวปาเลสไตน์ที่ถูกข่มเหงให้ครอบครัวได้รับรู้ด้วย  พ่อของเขารู้จักบิชารา  อาวัดซึ่งเป็นผู้อำนวยการของวิทยาลัยพระคริสตธรรม  เขาจึงโทรไปแจ้งข่าว  และนี่เป็นเหตุให้อิมม์และอาบู  บาเซ็มรู้ว่าลูกชายยังมีชีวิตอยู่

คาร์ดาร์ถูกขังอยู่ห้าสิบสองวันในห้องขังเดี่ยวที่เตี้ยจนเขายืนขึ้นไม่ได้  เขาไม่ได้รับอาหารหรือน้ำเป็นเวลาติดต่อกันหลาย ๆ  วัน  เขาถูกสอบสวนทุกวันถูกทรมานหลายครั้ง  และไม่มีโอกาสเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือชุดชั้นในเลย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. พ.ย. 19, 2009 3:03 am

หาทางกลับบ้าน

ขณะที่อิมม์  บาเซ็ม  เล่ามาถึงตรงนี้  เธอก็ต้องต่อสู้กับความรู้สึกต่าง ๆ  ที่ประดังเข้ามา  หลายครั้งเธอหยุดเล่า  ป้ายน้ำตาออกจากใบหน้า  ฉันพยายามเอาใจเธอมาใส่ใจฉัน  “หากมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นกับลูกชายสักคน...ฉันคิดไม่ออกเลยว่าจะเป็นอย่างไร”

“ในที่สุดเขาก็ปล่อยตัวคาดาร์”  อิมม์เล่าต่อ  “มีนายทหารอิสราเอลชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งมาหาเขา  และบอกว่าเขาจะถูกย้ายไปขังในเรื่อนจำกลางทะเลทราย  ลูกชายของฉันก็ฉวยพระคัมภีร์ซึ่งมีกระดาษห่อซ็อกโกแลตพับสอดไว้ข้างใน และเดินตามนายทหารผู้นั้นไป  เมื่อถึงประตู  เขาหันมาหาคาดาร์และพูดว่า “วิ่ง!  วิ่งกลับไปบ้าน  ไปหาครอบครัวของคุณ  เร็ว!”

คาดาร์ได้รับการปล่อยตัวโดยไม่ถูกกล่าวหา  ขึ้นศาล  หรือปรับ  เขาไม่ได้สารภาพอะไรทั้งสิ้น  เพราะว่าเขาไม่มีความผิดอะไรที่ต้องสารภาพ

อิมม์รู้สึกโล่งใจที่เล่าถึงตรงนี้  เธอหยุดครู่หนึ่งเพื่อดื่มน้ำที่ลูกสาวของเธอนำมาให้เรา  เธอเช็ดน้ำตาและยืนขึ้นเพื่อผ่อนคลายก่อนที่จะเล่าต่อ

รูปภาพ

อาบู  สามีของเธอ  เล่าต่อจากจุดนั้น  “ตอนแรกคาดาร์ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน  เพราะถูกปิดตาตอนที่ถูกนำไปขัง  แล้วตอนนั้นก็มืดแล้ว  เขาเดินไปเรื่อย ๆ  อย่างไร้จุดหมาย  จนมาถึงบ้านสี่ห้าหลัง  หลังจากเคาะประตูไปสองสามบ้าน  ก็มีครอบครัวมุสลิมบ้านหนึ่งเปิดรับเขา”

“ฉันอยากรู้จักครอบครัวนั้น”  อิมม์พูดขัดจังหวะขึ้นมา  “พวกเขาดีกับลูกชายฉันมาก ๆ  ฉันอยากขอบคุณพวกเขา  เคยพยายามหาพวกเขา  แต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน”

ครอบครัวมุสลิมแสนดีบ้านนั้นให้อาหารคาดาร์กิน  และให้เขานอนบนโซฟาในบ้านจนเช้า  แล้วก็พาไปที่สถานีรถโดยสาร  พร้อมกับให้เงินค่ารถกลับบ้านด้วย  เมื่อคาดาร์ลงจากรถที่ถนนเฮโบรนซึ่งเป็นถนนที่ตัดผ่านเมืองเบธเลเฮมไปสู่เบทจาลาเขาพยายามโบกรถ  แต่ก็ไม่มีใครรับ  ไม่มีใครจำเขาได้  เขาไม่เหมือนกับคาดาร์ที่ถูกจับไปก่อนหน้านั้น เขาทั้งผ่ายผอมอิดโรย  ยิ่งกว่านั้นยังมีกลิ่นตัวรุนแรงด้วย...คนในบ้านยังจำกลิ่นที่คาดาร์นำกลับมาด้วยได้อย่างไม่มีวันลืม

อิมม์  บาเซ็มเริ่มต้นร้องไห้  ขณะที่เธอเล่าถึงการได้ลูกชายกลับมาสู่อ้อมกอดของเธออีกครั้ง  เธอยังจำสภาพอันน่าหดหู่ที่ทำให้ใจของเธอเจ็บปวดนั้นได้ไม่ลืม  แต่พอเราถามว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง  ดวงตาของเธอก็เป็นประกาย

“คาดาร์ฟื้นตัวจากสภาพจิตใจและร่างกายที่ฟกช้ำได้”  เธอเล่าต่อ  หายใจสั่น ๆ  “เขากลับไปเรียนพระคัมภีร์ที่เดิม  และต่อมาก็ได้รับทุนไปเรียนต่อในไคโรจนจบปริญญาตรี”

เธอเล่าต่อไปว่า  เขาพบรักกับพยาบาลสาวชาวปาเลสไตน์จากอเมริกาที่มาเยี่ยมเวสต์แบงค์  ทั้งสองแต่งงานกัน  คาดาร์ไปเรียนต่อในอเมริกา  วันนี้เขารับใช้พระเจ้าเป็นศิษยาภิบาลในอเมริกา  และกำลังจะรับปริญญาโท

“ถ้าอย่างนั้น  แม้จะเกิดอะไรร้าย ๆ  แต่ตอนนี้เขาก็ดีขึ้นแล้วใช่ไหมคะ”  ฉันถาม

“คงอย่างนั้น  และฉันหวังอยากให้ชีวิตลูกของคนอื่นดีขึ้นเหมือนกัน”  อิมม์  บาเซ็มกล่าวพร้อมกับส่ายศีรษะด้วยความเสียใจ  “รู้ไหม  แม้ว่าความวุ่นวายของชาวปาเลสไตน์จะสิ้นสุดลงแล้ว  แต่เราก็ยังลำบากอยู่  เรายังไม่เป็นอิสระ  คุณสังเกตเห็นที่กั้นถนนตอนที่เข้ามาในเวสต์แบงค์ไหมล่ะ  หลายครั้งพวกทหารอิสราเอลปิดถนน  ทุกครั้งที่จะผ่านตรงนั้นเราต้องขออนุญาตก่อน”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. พ.ย. 19, 2009 3:12 am

เหตุที่ยังหวัง

ขณะที่เธอกำลังจะจบเรื่อง  อิมม์ก็กล่าวประโยคที่เศร้าที่สุดว่า  “ตลอดเวลาที่ฉันอยู่ในเวสต์แบงค์  เรารู้จักคำว่า ‘สันติภาพ’ เราเปล่งคำนี้ได้  สะกดมันถูก  แต่ยังไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของมัน  ที่นี่ไม่มีอนาคตให้เราและลูกหลานของเรา”

เธอพูดถูกไหม  ไม่มีอนาคตสำหรับคนในเวสต์แบงค์  ใจของฉันไม่พร้อมที่จะเห็นด้วยกับอิมม์  เพราะโยฮานกับฉันได้ข่าวดีและเห็นความหวังราง ๆ  ตลอดเวลาที่เราอยู่ที่นี่

จริง ๆ  แล้ว  อิมม์บอกฉันเองว่าได้รับโทรศัพท์จากทหารที่ช่วยลูกชาย  “คุณจะอนุญาตให้ผมมาเยี่ยมคุณที่บ้านได้ไหมครับ  ผมเป็นทหารอิสราเอล” เขาถาม

“ได้สิ”  พวกเขาตอบ  “แต่ขอให้มานอกเครื่องแบบก็แล้วกัน”  ถึงจะมีไมตรีแต่ก็ยังต้องระวังตัว

จริง ๆ  ตัวเขาเองก็รู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย  เพราะการที่ทหารอิสราเอลจะเข้าไปเยี่ยมชาวปาเลสไตน์ไม่ใช่เรื่องธรรมดา  “ผมกลัวครับ”  เขายอมรับ  “ผมเชื่อในสิ่งที่ใคร ๆ  บอกผมมาหลายปี  เขาบอกว่าชาวปาเลสไตน์เป็นคนเลว  พวกคุณฆ่าคนด้วยการขว้างก้อนหินใส่จนตาย  ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันไม่เป็นความจริง

ครั้งแรกเขามาอยู่สองชั่วโมงครึ่ง  แล้วก็มาเยี่ยมอีกหลายครั้ง  เมื่อเขาจัดงานหมั้น  ครอบครัวบาเซ็มก็ไปร่วมงานด้วย  รวมถึงไปร่วมงานแต่งงาน  สองครอบครัวนี้จึงกลายเป็นเพื่อนกัน ความรักที่ต่างฝ่ายต่างมีต่อพระเยซูคริสต์องค์พระผู้ช่วย  ยิ่งใหญ่กว่าความแตกต่างทางการเมือง

ตลอดทางที่มุ่งไปยังฉนวนกาซา  เราได้ข่าวของชาวมุสลิมหลายคนที่กลับใจมาเชื่อในพระเยซูคริสต์  ทั้ง ๆ  ที่อยู่ในสภาพที่น่าหดหู่  ยังมีมิชชันนารีที่ทำงานอย่างสัตย์ซื่อในแถบฉนวนกาซาตลอดสิบสามปี  ไม่นานมานี้องค์การเปิดประตูกับสมาคมพระคริสตธรรมได้ร่วมกันเปิดร้านหนังสือคริสเตียนขึ้น  มีคริสตชนอาศัยอยู่ในแถบเวสแบงค์ด้วย  โดยประกอบด้วยมิชชันนารีและคริสตชนท้องถิ่นที่ต่างช่วยกันรับใช้พระเจ้า  ตามที่พระองค์ทรงกำหนดไว้สำหรับพวกเขา

รูปภาพ
http://www.musalaha.org/

ดูเหมือนว่ามูซาลาฮาเป็นการพัฒนาทางความสัมพันธ์ที่น่าตื่นใจที่สุด  ซาลิม  มูนาเยร์  ชาวปาเลสไตน์  ได้รณรงค์เรื่องนี้มาสองสามปีแล้ว  เขามีความใฝ่ฝันที่จะนำคริสตชนยิวและปาเลสไตน์เข้ามาพบกัน  มาแบ่งปันความรู้สึกเจ็บปวด  มารับฟังกันและกัน และเริ่มต้นนำสิ่งที่พระเยซูทรงสอนไว้  คือการรักศัตรู  มาปฏิบัติต่อกัน  นี่เป็นขบวนการที่เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ  และมีความเจ็บปวดแทรกอยู่ตลอดทาง  แต่บัดนี้กำลังเริ่มเกิดผล

อิมม์  บาเซ็มเป็นสมาชิกคนหนึ่งในขบวนการมูซาลาฮา  ทั้ง ๆ  ที่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอ  ในการประชุมครั้งหนึ่ง  เธอได้ผูกไมตรีกับผู้หญิงยิวคนหนึ่ง  ขณะที่คุยและแบ่งปันกันนั้น  ก็เริ่มเกิดความรู้สึกดีต่อกันมาก ๆ คืนหนึ่งหลังการประชุม  ทุกคนกำลังลาจากกัน  เพื่อนชาวยิวขอให้เธอออกไปพบสามีที่รออยู่ในรถ  เมื่ออิมม์เห็นชายผู้นั้น  น้ำตาก็พรั่งพรูออกมาทันที  เธอไม่อาจยื่นมือออกไปทักทายเขาได้  เพราะเขาเป็นทหารคนเดียวกับที่มาจับลูกชายของเธอไปเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ การเห็นเขาอีกครั้ง  ทำให้เธอถึงกับช็อก  อิมม์ร้องไห้ต่อมาอีกหลายชั่วโมง

คนปาเลสไตน์มากมายไม่อาจเข้าใจได้ว่า  ทำไมคนยิวซึ่งเป็นชนชาติที่คุ้นกับความทุกข์ยากลำเค็ญมากกว่าชนชาติใดในโลก  จึงดูเหมือนจะหันความโกรธเกรี้ยวจากอดีตมาลงที่พวกเขา บางคนกล่าวว่า  “เรารักคนยิว  แต่เราเกลียดชังสิ่งที่พวกเขาทำกับเรา”  อย่างไรก็ดี  เมื่อทั้งสองฝ่ายเริ่มคุ้นกับหัวใจที่แตกสลายของอีกฝ่ายมากขึ้น  เรียนรู้จักกันและกันผ่านขบวนการมูซาลาฮามากขึ้น  ก็ดูเหมือนว่าความหวังใหม่ ๆ  กำลังเริ่มฉายแสงอยู่ที่ขอบฟ้า

หลายชั่วโมงก่อนที่เราจะบินกลับเนเธอร์แลนด์  โยฮานและฉันมีโอกาสพูดในคริสตจักรแบ๊บติสต์ในกรุงเยรูซาเล็ม  เราเล่าถึงคริสตชนทั่วโลกที่กำลังถูกข่มเหง  หลังจากนั้นศิษยาภิบาล  คือ  อเล็กซ์  อาวัด  ได้ขอให้สมาชิกลงมือกระทำในสิ่งที่สมควร  นั่นก็คือ  “ตลอดอาทิตย์หน้าผมขอให้พวกคุณอธิษฐานอย่างเจาะจง  อธิษฐานเพื่อพี่น้องคริสตชนที่กำลังเผชิญกับการข่มเหง” เขาชักชวนเราทุกคนเช่นกัน  บางคนสัญญาอธิษฐานเผื่อประเทศจีน  บางคนเลือกซูดานแอลจีเรีย  เกาหลีเหนือ  หรืออียิปต์  ส่วนฉันเองตั้งใจอธิษฐานเผื่อคริสเตียนชาวปาเลสไตน์ที่กำลังทนทุกข์

มิใช่ว่าชาวปาเลสไตน์จะถูกกดขี่เพราะความเชื่อในพระเจ้า  ถึงไม่ได้เชื่อพวกเขาก็ถูกกดขี่อยู่แล้ว  ถูกเหยียดหยามว่าเป็นพลเมืองชั้นสอง  ถูกหยามเพียงเพราะเขาเป็นชาวปาเลสไตน์  ถูกยึดบ้านเรือนไปโดยไม่มีการจ่ายค่าชดเชย

พี่น้องคริสตชนชาวปาเลสไตน์เจ็บปวดมากขึ้นอีก  เมื่อคริสตชนทั่วโลกละเลยพวกเขา  เรามักมีความรักต่อชนชาติที่พระเจ้าทรงเลือก  คือยิว  ทำให้ลืมไปว่า  มีพี่น้องคริสตชนในหมู่ชนชาวปาเลสไตน์เช่นกัน

ขณะที่ฉันกำลังคิดไตร่ตรองเรื่องนี้อยู่  ฉันก็เริ่มต้นอธิษฐานขอให้พี่น้องชาวปาเลสไตน์เอาชนะความโกรธและความขมขื่นที่มีอยู่ในชีวิต “และพระเจ้าข้า... ขอให้เขารู้ว่า  พวกเขาจะมีอนาคตและความหวังจริง ๆ  ก็ด้วยพระองค์เท่านั้น”



ที่มา - แอนเนเก  คอมพาเนน.  ทุกข์ที่ซ่อนเร้นยินดีที่ยั่งยืน  หน้าที่ 156-165.  กรุงเทพฯ:  กนกบรรณสาร,  2001
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ย. 19, 2009 3:16 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. พ.ย. 19, 2009 10:39 am

อ่า...อ่านแล้วก็เศร้า 
ไม่เคยคิดว่ามีชาวคริสต์ในปาเลสไตน์เลย    : xemo023 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

พฤหัสฯ. พ.ย. 19, 2009 7:55 pm

ขอพระเจ้าโปรดเมตตาพวกเขาทุกคนจนกว่าสงครามจะสิ้นสุดลงโดยดีด้วยเถิด  : xemo023 :

(ถ้าเป็นปกติเราคงจะเลือกแค้นฝ่ายศัตรูที่ข่มเหงไปแล้ว.... แต่ตอนนี้เราหมดสิทธิ์ที่จะล้างแค้นแล้วนี่นะ)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

พฤหัสฯ. พ.ย. 19, 2009 9:35 pm

Holy เขียน: “และพระเจ้าข้า... ขอให้เขารู้ว่า  พวกเขาจะมีอนาคตและความหวังจริง ๆ  ก็ด้วยพระองค์เท่านั้น”
อาแมน

ขอทรงพระหัตถ์ช่วยเหลือเทอญ
Jesus loves You
โพสต์: 740
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 12, 2009 11:36 pm

พฤหัสฯ. พ.ย. 19, 2009 10:42 pm

น่าสงสารครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เลย์
โพสต์: 1845
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 05, 2009 12:27 am
ที่อยู่: ในอ้อมพระหัตถ์พระเป็นเจ้า
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. พ.ย. 19, 2009 11:17 pm

ขอพระองค์ทรงพระเมตตาด้วยครับ อาแมน.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

ศุกร์ พ.ย. 20, 2009 12:24 am

เรื่องของ ฟิลิสตีน กับ อิสราเอล นั้น

เป็นลิ้นกับฟันมาแต่ไหนแต่ไร

เราก็ได้แต่ภาวนาว่า สักวัน เค้าจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ

สันติจริงๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ชิปโป
โพสต์: 184
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 03, 2006 4:17 am

ศุกร์ พ.ย. 20, 2009 5:21 pm

พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งผู้ที่รักพระองค์จริงๆ  : xemo023 :
GuBuaYz
โพสต์: 41
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มิ.ย. 20, 2009 8:52 am

อังคาร ธ.ค. 22, 2009 3:14 pm

ที่จริงแล้ว
การถูกจับไปขังคุกเกือบเป็นเรื่องปกติของผู้ชายชาวปาเลสไตน์แล้วค่ะ
บางทีก็ถูกจับโดยไม่มีเหตุผล
บางทีก็ถูกใส่ร้าย

ชาวคริสต์ในปาเลสไน์ก็เยอะนะคะ
ส่วนมากเป็นออโธดอกซ์ในเบธเลเฮมค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ พ.ค. 13, 2011 11:51 am

ขอพระองค์เปิดจิตใจคนที่ไม่รู้จักพระองค์เบียดเบียนพระองค์
ให้มารู้จักและรักพระองค์ มีใจร้อนรนดัง น.เปาโลด้วยเทอญ.. :s002:
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

อาทิตย์ พ.ค. 29, 2011 7:50 pm

:s008: ข้าแต่พระบิดาผู้พระทัยดีเจ้าขา ขอทรงโปรดคุ้มครองคริสตชนทุกคนทั่วโลกด้วยเถิด ขอทรงโปรดประทานพระพรอันอุดมแก่เขาทั้งหลาย ขอให้เขาทั้งหลายมั่นคงในความเชื่อเสมอไปด้วยเทอญ อาแมน.
ตอบกลับโพส