เมื่อคุณเหงา หรือปวดใจ.......เชิญร่วมแบ่งปันประสบการณ์ครับ
-
- โพสต์: 45
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ส.ค. 10, 2010 8:28 pm
การใช้ชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบัน ทุกทุกวันก็มีแต่เรื่องสารพัดเข้ามาในชีวิตมากมายครับ สำหรับผมเองซึ่งกำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ ก็มีเรื่องการเรียนและความรักพากันมารุมเร้าจิตใจของผม ส่วนตัวผมเองที่ยังเป็นพุทธผมเองก็พอฝึกทำสมาธิมามากพอสมควร แต่สิ่งเหล่านี้กลับไม่สามารถทำให้ใจผมสงบได้เลย จนมาวันหนึ่งผมลองไปเที่ยวอาสนวิหารพระหฤทัยเชียงใหม่ ตอนผมเดินเข้าไปก้าวแรก มันก็เกิดความรู้สึกสบายใจอย่างประหลาด ต่างจากไปวัดพุทธมาก รู้สึกอบอุ่น จากนั้นผมเองก็เริ่มศึกษาคำสอนคาทอลิก รู้จักให้รู้จักแบ่งปันมากขึ้น สบายใจโล่งใจแบบสุดๆ พอเริ่มไปเรียนคำสอน ได้ระยะหนึ่ง ตัวผมเองรู้สึกว่าความใจร้อน โมโหง่าย หายไปเลย เริ่มมีใจที่มั่นคงขึ้น ขอขอบพระคุณพระเจ้าที่ได้นำลูกมาพบพระองค์ ขอขอบพระคุณพระองค์ที่ได้ทรงนำทางลูก
สุดท้ายนี้ อยากกล่าวว่าความรู้สึกที่มีต่อพระองค์นั้นมิอาจอธิบายด้วยภาษาใดๆได้เลย
สุดท้ายนี้ อยากกล่าวว่าความรู้สึกที่มีต่อพระองค์นั้นมิอาจอธิบายด้วยภาษาใดๆได้เลย
-
- โพสต์: 407
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 28, 2010 12:03 am
เรื่องที่ว่า ใจเย็นลง รักคนอื่นมากขึ้น นี่ จริงครับ ผมก็เป็นHoly เขียน:เพราะพระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง อ่านแล้วคิดถึงคลิปนี้
แรกๆเราไม่รู้เลยว่ายายเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย
ตอนนั้นเราได้ยินว่ายายมีน้ำท่วมในปอดและยายต้องไปให้หมอเจาะเอาน้ำในปอดออกทุกครั้ง
วันหนึ่งตอนที่น้องกลับจากเยี่ยมยายๆนอนที่รพ.ในกรุงเทพ
น้องสาวมาบอกเราว่ายายเป็นมะเร็ง
เราตกใจมากและนึกไม่ถึงว่าครอบครัวของเราจะต้องมาเจอกับโรคร้ายที่แม้แต่หมอยังยอมแพ้
จะโกธรน้องสาวก็ไม่ได้หรอกเพราะน้องสาวพูดเรื่องจริงไม่มีการล้อเล่นแต่อย่างใด
ตอนนั้นเราได้ยินว่ายายมีน้ำท่วมในปอดและยายต้องไปให้หมอเจาะเอาน้ำในปอดออกทุกครั้ง
วันหนึ่งตอนที่น้องกลับจากเยี่ยมยายๆนอนที่รพ.ในกรุงเทพ
น้องสาวมาบอกเราว่ายายเป็นมะเร็ง
เราตกใจมากและนึกไม่ถึงว่าครอบครัวของเราจะต้องมาเจอกับโรคร้ายที่แม้แต่หมอยังยอมแพ้
จะโกธรน้องสาวก็ไม่ได้หรอกเพราะน้องสาวพูดเรื่องจริงไม่มีการล้อเล่นแต่อย่างใด
ตอนเรายังเป็นเด็กจู่ๆเราก็ป่วย
พ่อแม่พาไปหาหมอให้หมอตรวจดูว่าป่วยเป็นโรคอะไร
แต่พวกหมอกลับคิดว่าเราแค่ไม่สบาย
แล้วเรายังอาการไม่ดีขึ้น
พ่อแม่เลยพาเราไปให้ญาติที่เป็นหมอๆถึงรู้ว่าลิ้นหัวใจของเรารั่ว
ต้องขอบคุณพระเจ้าที่เราไม่ตายตั้งแต่เด็ก
และขอบคุณหมอที่ผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจให้เราด้วยค่ะ
เราสำนึกบุญคุณมากๆ
และอีกเรื่องหนึ่งตอนที่เราเป็นไข้เลือดออกและต้องนอนที่รพ.
พ่อแม่เพิ่งบอกเราตอนเราออกจากรพ.ว่ามีเณร(พระของศาสนาพุทธที่นอนห้องเดียวกับเรา(เรานอนห้องคนป่วยรวม)
เณรคนนั้นตายแล้วตอนกลางคืน(เณรคนนั้นใส่ยาสอด(ยาระบายน่ะ)และท้องเสียจนเพลียและตายไปเลยง่ะ)
โอๆโชคดีที่ไม่เห็นศพเณรคนนั้นนะไม่งั้นเราจะเป็นลมแน่เลย
เราไม่รู้หรอกว่าเณรคนนั้นป่วยเป็นโรคอะไรแต่ก็น่าสงสารจังเลย
พ่อแม่พาไปหาหมอให้หมอตรวจดูว่าป่วยเป็นโรคอะไร
แต่พวกหมอกลับคิดว่าเราแค่ไม่สบาย
แล้วเรายังอาการไม่ดีขึ้น
พ่อแม่เลยพาเราไปให้ญาติที่เป็นหมอๆถึงรู้ว่าลิ้นหัวใจของเรารั่ว
ต้องขอบคุณพระเจ้าที่เราไม่ตายตั้งแต่เด็ก
และขอบคุณหมอที่ผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจให้เราด้วยค่ะ
เราสำนึกบุญคุณมากๆ
และอีกเรื่องหนึ่งตอนที่เราเป็นไข้เลือดออกและต้องนอนที่รพ.
พ่อแม่เพิ่งบอกเราตอนเราออกจากรพ.ว่ามีเณร(พระของศาสนาพุทธที่นอนห้องเดียวกับเรา(เรานอนห้องคนป่วยรวม)
เณรคนนั้นตายแล้วตอนกลางคืน(เณรคนนั้นใส่ยาสอด(ยาระบายน่ะ)และท้องเสียจนเพลียและตายไปเลยง่ะ)
โอๆโชคดีที่ไม่เห็นศพเณรคนนั้นนะไม่งั้นเราจะเป็นลมแน่เลย
เราไม่รู้หรอกว่าเณรคนนั้นป่วยเป็นโรคอะไรแต่ก็น่าสงสารจังเลย
ทุกครั้งที่มีความทุกข์หรือไม่สบายใจ กังวลใจต่างๆ ไม่ว่าเรื่องการงาน เรื่องสุขภาพ
หรือเรื่องครอบครัวเราจะเปิดเพลงพระฟังเสมอ เป็นเพลงภาษาไทยบ้างภาษาลาตินบ้าง
อย่างเพลงที่เปิดก่อนเข้าบอร์ดก็ไพเราะโดนใจทุกเพลงเลย เมื่อฟังแล้วทำให้ใจเย็นขึ้น
สบายใจขึ้น รักพระมากขึ้น มีความสุขเหมือนพระองค์อยู่ข้างๆเรา เข้าใจเราเป็นกำลังใจ
ให้เราแบกกางเขนต่อไป มีพระองค์อยู่กับเราเสมอ
หรือเรื่องครอบครัวเราจะเปิดเพลงพระฟังเสมอ เป็นเพลงภาษาไทยบ้างภาษาลาตินบ้าง
อย่างเพลงที่เปิดก่อนเข้าบอร์ดก็ไพเราะโดนใจทุกเพลงเลย เมื่อฟังแล้วทำให้ใจเย็นขึ้น
สบายใจขึ้น รักพระมากขึ้น มีความสุขเหมือนพระองค์อยู่ข้างๆเรา เข้าใจเราเป็นกำลังใจ
ให้เราแบกกางเขนต่อไป มีพระองค์อยู่กับเราเสมอ
ตอนเป็นเด็ก(วัยที่ยังไม่ได้ไปเรียนหนังสือ)ยายเคยร้องเพลงค่าน้ำนมแม่ให้เราฟัง(เป็นเพลงที่ฟังแล้วซาบซึ้งมากๆ)
ยายเคยช่วยชีวิตตัวยายกับเราไว้ตอนที่โจรมาปล้น(ตอนนั้นเรายังเล็กเลยไม่ได้กลัวโจร)แล้วสร้อยก็ไปเรียบร้อยแล้วไม่รู้ว่าโจรเอาไปหรือว่ามันตกหล่นที่ไหน)
ตอนเรายังเป็นเด็กทารก ยายเอากำไลข้อเท้าที่สลักชื่อ-นามสกุลมาใส่ให้กับเรา(ปัจจุบันคุณตาไปหาเจอแล้วเอามาคืนให้กับเราๆเลยเอาไปเก็บไว้อย่างดีคุณตาบอกว่าคนที่ทำกำไลสวยให้เราใส่ป่านนี้คงจะตายไปแล้ววว)
ยายเคยช่วยชีวิตตัวยายกับเราไว้ตอนที่โจรมาปล้น(ตอนนั้นเรายังเล็กเลยไม่ได้กลัวโจร)แล้วสร้อยก็ไปเรียบร้อยแล้วไม่รู้ว่าโจรเอาไปหรือว่ามันตกหล่นที่ไหน)
ตอนเรายังเป็นเด็กทารก ยายเอากำไลข้อเท้าที่สลักชื่อ-นามสกุลมาใส่ให้กับเรา(ปัจจุบันคุณตาไปหาเจอแล้วเอามาคืนให้กับเราๆเลยเอาไปเก็บไว้อย่างดีคุณตาบอกว่าคนที่ทำกำไลสวยให้เราใส่ป่านนี้คงจะตายไปแล้ววว)
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
เณร = เด็กผู้ชายanatasia เขียน: พ่อแม่เพิ่งบอกเราตอนเราออกจากรพ.ว่ามีเณร(พระของศาสนาพุทธที่นอนห้องเดียวกับเรา(เรานอนห้องคนป่วยรวม)
อนาสตาเซียบอกนอนห้องเีดียวกับเณร แต่โรงพยาบาลถึงเป็นเด็กเล็กก็แยก
เด็กชายเด็กหญิงใช่มั้ยคะ? (หรือมีโรงพยาบาลที่ไม่แยกห้องพักด้วย? ไม่แน่ใจ)
ถ้างั้น
อนาสตาเซีย = เด็กผู้ชาย?
ตอนที่ไม่สบายแล้วต้องนอนที่ห้องคนป่วยรวม
มีช่วงหนึ่งที่เราปวดท้องและอยากจะเข้าห้องน้ำ
แต่มันติดตรงที่เราเสียบน้ำเกลืออยู่
มันเลยลงจากเตียงยาก
แล้วก็มีผู้หญิงใจดีคนหนึ่งมาช่วยพาเราไปห้องน้ำ
แล้วผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่พยาบาลเพราะไม่ได้ใส่ชุดสีขาวแต่เธอคนนั้นก็พาเรากลับมาที่เตียง
แล้วผู้หญิงใจดีคนนั้นก็ไปที่ตึกอื่นต่อ(สาวลึกลับที่แสนดีคนนั้นเป็นใครก็ไม่รู้เพราะเราลืมถามชื่อ)
มีช่วงหนึ่งที่เราปวดท้องและอยากจะเข้าห้องน้ำ
แต่มันติดตรงที่เราเสียบน้ำเกลืออยู่
มันเลยลงจากเตียงยาก
แล้วก็มีผู้หญิงใจดีคนหนึ่งมาช่วยพาเราไปห้องน้ำ
แล้วผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่พยาบาลเพราะไม่ได้ใส่ชุดสีขาวแต่เธอคนนั้นก็พาเรากลับมาที่เตียง
แล้วผู้หญิงใจดีคนนั้นก็ไปที่ตึกอื่นต่อ(สาวลึกลับที่แสนดีคนนั้นเป็นใครก็ไม่รู้เพราะเราลืมถามชื่อ)
เราเคยช่วยยายตำพริก
แต่เราดันตำไม่ละเอียด
ยายพอเห็นพริกที่เราตำ
ยายเลยบอกเราว่าเราตำแล่นใบ(คือตำแบบหยาบๆ)
แล้วยายก็เคยช่วยเราหลายอย่างเช่นทำไข่เค็มให้เราตอนที่ครูสั่งให้เราทำไข่เค็มแต่เราทำไม่เป็นยายเลยจัดการให้ซะเลย
และที่ครูสั่งให้ทำหมูเค็มยายก็จัดการทำให้เราเช่นกัน
ยายเคยทำมะม่วงกวน(อร่อยมากๆ)
และยายก็ทำข้าวขาหมูหม้อใหญ่
ยายเคยทำขนมเทียนให้เรากิน(ปัจจุบันเลยต้องไปหาซื้อที่อื่นมากินแต่ก็ไม่อร่อยเท่าฝีมือยาย)
ยายเคยต้มเม็ดขนุนให้ทุกคนในบ้านกิน
แต่เราดันตำไม่ละเอียด
ยายพอเห็นพริกที่เราตำ
ยายเลยบอกเราว่าเราตำแล่นใบ(คือตำแบบหยาบๆ)
แล้วยายก็เคยช่วยเราหลายอย่างเช่นทำไข่เค็มให้เราตอนที่ครูสั่งให้เราทำไข่เค็มแต่เราทำไม่เป็นยายเลยจัดการให้ซะเลย
และที่ครูสั่งให้ทำหมูเค็มยายก็จัดการทำให้เราเช่นกัน
ยายเคยทำมะม่วงกวน(อร่อยมากๆ)
และยายก็ทำข้าวขาหมูหม้อใหญ่
ยายเคยทำขนมเทียนให้เรากิน(ปัจจุบันเลยต้องไปหาซื้อที่อื่นมากินแต่ก็ไม่อร่อยเท่าฝีมือยาย)
ยายเคยต้มเม็ดขนุนให้ทุกคนในบ้านกิน
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
คุณยายน่ารักจังค่ะanatasia เขียน:เราเคยช่วยยายตำพริก
แต่เราดันตำไม่ละเอียด
ยายพอเห็นพริกที่เราตำ
ยายเลยบอกเราว่าเราตำแล่นใบ(คือตำแบบหยาบๆ)
แล้วยายก็เคยช่วยเราหลายอย่างเช่นทำไข่เค็มให้เราตอนที่ครูสั่งให้เราทำไข่เค็มแต่เราทำไม่เป็นยายเลยจัดการให้ซะเลย
และที่ครูสั่งให้ทำหมูเค็มยายก็จัดการทำให้เราเช่นกัน
ยายเคยทำมะม่วงกวน(อร่อยมากๆ)
และยายก็ทำข้าวขาหมูหม้อใหญ่
ยายเคยทำขนมเทียนให้เรากิน(ปัจจุบันเลยต้องไปหาซื้อที่อื่นมากินแต่ก็ไม่อร่อยเท่าฝีมือยาย)
ยายเคยต้มเม็ดขนุนให้ทุกคนในบ้านกิน
เราเคยไปเยี่ยมญาติของเราที่ป่วยเป็นโรคสมองตาย
ตอนแรกๆญาติของเรายังไม่ตายแต่นอนบนเตียงและพูดไม่ได้
แล้วไม่นานญาติของเราก็ตาย
ตอนที่เรากับยายไปงานศพ
ญาติของเรานอนในโลงเรียบร้อยแล้ว
เรากับยายก็ฟังพระสวดและเรากับยายก็กรวดน้ำให้กับญาติ
ตอนขากลับ
ญาติๆแย่งกันใหญ่เลยว่าใครจะไปส่งเรากับยาย(บังเอิญตอนนั้นฝนก็ตกซะด้วยดิ)
แต่สุดท้ายเรากับยายก็กลับบ้านพร้อมกับลุงที่เป็นเพื่อนบ้านที่แสนดี
ตอนแรกๆญาติของเรายังไม่ตายแต่นอนบนเตียงและพูดไม่ได้
แล้วไม่นานญาติของเราก็ตาย
ตอนที่เรากับยายไปงานศพ
ญาติของเรานอนในโลงเรียบร้อยแล้ว
เรากับยายก็ฟังพระสวดและเรากับยายก็กรวดน้ำให้กับญาติ
ตอนขากลับ
ญาติๆแย่งกันใหญ่เลยว่าใครจะไปส่งเรากับยาย(บังเอิญตอนนั้นฝนก็ตกซะด้วยดิ)
แต่สุดท้ายเรากับยายก็กลับบ้านพร้อมกับลุงที่เป็นเพื่อนบ้านที่แสนดี
เราทำรีโมทหล่นจนเจ๊งแล้วพ่อก็ด่าเราว่า"ควาย"อ่ะ
เราไม่ได้ตั้งใจทำหล่นนี่ค่ะ
พ่อด่าเราแรงมาก
เราทั้งโกธรและเสียใจ
แถมตอนที่เราไปกรุงเทพ
มีช่วงหนึ่งเราเกิดปวดท้องแล้วไปห้องน้ำ
พอเราบอกพ่อว่าเราปวดท้อง
พ่อกลับบอกว่าตายเร็วๆยิ่งดี(พ่อใจร้ายไม่ห่วงลูกแต่กลับแช่งให้เราตายไวๆง่ะ
เราไม่ได้ตั้งใจทำหล่นนี่ค่ะ
พ่อด่าเราแรงมาก
เราทั้งโกธรและเสียใจ
แถมตอนที่เราไปกรุงเทพ
มีช่วงหนึ่งเราเกิดปวดท้องแล้วไปห้องน้ำ
พอเราบอกพ่อว่าเราปวดท้อง
พ่อกลับบอกว่าตายเร็วๆยิ่งดี(พ่อใจร้ายไม่ห่วงลูกแต่กลับแช่งให้เราตายไวๆง่ะ
^
^
^
เป็นกำลังใจให้น้อง anatasia ครับ ยังไงคุณพ่อของน้องก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ ย่อมผิดพลาดได้ และท่านก็คือพ่อของเรา ขอให้น้องให้อภัยและสวดภาวนาให้ท่านนะครับ ที่สำคัญ น้องยังมีพระบิดาผู้ที่รักน้องอย่างแท้จริงอยู่ คุยกับพระองค์ ปรับทุกข์กับพระองค์ แทนก็แล้วกันนะจ๊ะ
ก็ขอให้น้องรักและทำดีกับพ่อของน้องต่อไปเถิด สักวัน ความรักของน้องจะชนะใจท่านได้
พี่จะช่วยสวดภาวนาให้นะครับ สู้ๆ
^
^
เป็นกำลังใจให้น้อง anatasia ครับ ยังไงคุณพ่อของน้องก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ ย่อมผิดพลาดได้ และท่านก็คือพ่อของเรา ขอให้น้องให้อภัยและสวดภาวนาให้ท่านนะครับ ที่สำคัญ น้องยังมีพระบิดาผู้ที่รักน้องอย่างแท้จริงอยู่ คุยกับพระองค์ ปรับทุกข์กับพระองค์ แทนก็แล้วกันนะจ๊ะ
ก็ขอให้น้องรักและทำดีกับพ่อของน้องต่อไปเถิด สักวัน ความรักของน้องจะชนะใจท่านได้
พี่จะช่วยสวดภาวนาให้นะครับ สู้ๆ
โรงเรียนเก่าเป็นโรงเรียนของศาสนาพุทธมี2ที่นะ
ที่เราเรียนได้ไม่นานก็ต้องย้ายกลับไปเรียนที่โรงเรียนคาทอลิก
ที่โรงเรียนเก่าของเราๆเรียนเรื่องมานีมานะ และที่เราจำได้คือเพื่อนเคยเอาผ้าเช็ดหน้ามาพับเป็นเปลเด็กแบบสมมุติว่ามีเด็กในเปล และเราเคยเล่นกับหมาที่โรงเรียน
และโรงเรียนของศาสนาพุทธแห่งที่2ก็เป็นที่เราเรียน(รึเปล่า?)
บังเอิญตอนนั้นญาติของเราเป็นครูที่นั่นด้วย
และเราก็กินอาหารแบบถาดหลุม
ที่โรงเรียนเก่าของเรามีช่วงให้นักเรียนแปรงฟันและเราใช้ยาสีฟันยี่ห้อคอลเกต
และมีเรียนวาดรูปด้วย
ที่เราเรียนได้ไม่นานก็ต้องย้ายกลับไปเรียนที่โรงเรียนคาทอลิก
ที่โรงเรียนเก่าของเราๆเรียนเรื่องมานีมานะ และที่เราจำได้คือเพื่อนเคยเอาผ้าเช็ดหน้ามาพับเป็นเปลเด็กแบบสมมุติว่ามีเด็กในเปล และเราเคยเล่นกับหมาที่โรงเรียน
และโรงเรียนของศาสนาพุทธแห่งที่2ก็เป็นที่เราเรียน(รึเปล่า?)
บังเอิญตอนนั้นญาติของเราเป็นครูที่นั่นด้วย
และเราก็กินอาหารแบบถาดหลุม
ที่โรงเรียนเก่าของเรามีช่วงให้นักเรียนแปรงฟันและเราใช้ยาสีฟันยี่ห้อคอลเกต
และมีเรียนวาดรูปด้วย
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
จงแสวงหาทางของพระเจ้าก่อน
เหตุฉะนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่า จะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารมิใช่หรือ และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ
จงดูนกในอากาศ มันมิได้หว่าน มิได้เกี่ยว มิได้สะสมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของท่านทั้งหลายผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงนกไว้ ท่านทั้งหลายมิประเสริฐกว่านกหรือ
มีใครในพวกท่าน โดยความกระวนกระวาย อาจต่อความสูงให้ยาวออกไปอีกสักศอกหนึ่งได้หรือ
ท่านกระวนกระวายถึงเครื่องนุ่งห่มทำไม จงพิจารณาดอกลิลลี่ที่ทุ่งนาว่า มันงอกงามเจริญขึ้นได้อย่างไร มันไม่ทำงาน มันไม่ปั่นด้าย
และเราบอกท่านทั้งหลายว่า ซาโลมอนเมื่อบริบูรณ์ด้วยสง่าราศีของท่าน ก็มิได้ทรงเครื่องงามเท่าดอกไม้นี้ดอกหนึ่ง
เหตุฉะนั้น ถ้าพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าที่ทุ่งนาอย่างนั้น ซึ่งเป็นอยู่วันนี้และรุ่งขึ้นต้องทิ้งในเตาไฟ โอ ผู้มีความเชื่อน้อย พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหรือ
เหตุฉะนั้น อย่ากระวนกระวายว่า เราจะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม หรือจะเอาอะไรนุ่งห่ม
(เพราะว่าพวกต่างชาติแสวงหาสิ่งของทั้งปวงนี้) แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้
แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้แก่ท่าน
เหตุฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้ก็จะมีการกระวนกระวายสำหรับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว"
(Matthew 6:25-34)
เหตุฉะนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่า จะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารมิใช่หรือ และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ
จงดูนกในอากาศ มันมิได้หว่าน มิได้เกี่ยว มิได้สะสมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของท่านทั้งหลายผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงนกไว้ ท่านทั้งหลายมิประเสริฐกว่านกหรือ
มีใครในพวกท่าน โดยความกระวนกระวาย อาจต่อความสูงให้ยาวออกไปอีกสักศอกหนึ่งได้หรือ
ท่านกระวนกระวายถึงเครื่องนุ่งห่มทำไม จงพิจารณาดอกลิลลี่ที่ทุ่งนาว่า มันงอกงามเจริญขึ้นได้อย่างไร มันไม่ทำงาน มันไม่ปั่นด้าย
และเราบอกท่านทั้งหลายว่า ซาโลมอนเมื่อบริบูรณ์ด้วยสง่าราศีของท่าน ก็มิได้ทรงเครื่องงามเท่าดอกไม้นี้ดอกหนึ่ง
เหตุฉะนั้น ถ้าพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าที่ทุ่งนาอย่างนั้น ซึ่งเป็นอยู่วันนี้และรุ่งขึ้นต้องทิ้งในเตาไฟ โอ ผู้มีความเชื่อน้อย พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหรือ
เหตุฉะนั้น อย่ากระวนกระวายว่า เราจะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม หรือจะเอาอะไรนุ่งห่ม
(เพราะว่าพวกต่างชาติแสวงหาสิ่งของทั้งปวงนี้) แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้
แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้แก่ท่าน
เหตุฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้ก็จะมีการกระวนกระวายสำหรับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว"
(Matthew 6:25-34)
ตอนเรายังเป็นนักเรียนชั้นประถม
เราเคยร้องไห้เพราะไม่อยากเรียนพิเศษ(ก็เราไม่ชอบเรียนพิเศษง่ะ )
และเราเคยอยู่ห้องเรียนคนเดียวและเที่ยวสำรวจทุกโต๊ะจนเป็นเหตุคือโดนหาว่าเป็นคนขโมยยางลบของเพื่อน(เราแค่หยิบดูแล้ววางที่เดิมและเราไม่รู้ว่ามันหายได้ไง )
เราเคยร้องไห้เพราะไม่อยากเรียนพิเศษ(ก็เราไม่ชอบเรียนพิเศษง่ะ )
และเราเคยอยู่ห้องเรียนคนเดียวและเที่ยวสำรวจทุกโต๊ะจนเป็นเหตุคือโดนหาว่าเป็นคนขโมยยางลบของเพื่อน(เราแค่หยิบดูแล้ววางที่เดิมและเราไม่รู้ว่ามันหายได้ไง )
ตั้งแต่เราอ่านหนังสือเรื่องบันทึกลับของ แอนน์ แฟร้งค์
มันทำให้เรามีความรู้สึกเศร้าและสงสารแอนมากเลยที่ต้องมาตายในค่ายกักกันตอนอายุ15ปี
และเราขอบอกเลยว่าถ้าเราเป็นยิวและถ้ารู้ว่าจะโดนเอาไปฆ่าในห้องอาบน้ำซึ่งที่จริงแล้วมันคือห้องรมแก๊ซพิษเราคงสติแตกและกรีดร้องด้วยความกลัวสุดขึด
และค่ายกักกันก็เป็นสถานที่ผู้คุมไม่ดูแลชาวยิวคือใครป่วยก็ถูกเอาไปฆ่าและแม้กระทั่งคนแก่กับเด็กน้อยก็ยังถูกฆ่าเลย(พวกนาซีใจร้ายสุดๆ)
มันทำให้เรามีความรู้สึกเศร้าและสงสารแอนมากเลยที่ต้องมาตายในค่ายกักกันตอนอายุ15ปี
และเราขอบอกเลยว่าถ้าเราเป็นยิวและถ้ารู้ว่าจะโดนเอาไปฆ่าในห้องอาบน้ำซึ่งที่จริงแล้วมันคือห้องรมแก๊ซพิษเราคงสติแตกและกรีดร้องด้วยความกลัวสุดขึด
และค่ายกักกันก็เป็นสถานที่ผู้คุมไม่ดูแลชาวยิวคือใครป่วยก็ถูกเอาไปฆ่าและแม้กระทั่งคนแก่กับเด็กน้อยก็ยังถูกฆ่าเลย(พวกนาซีใจร้ายสุดๆ)