แบ่งปันประสบการณ์การกลับใจตอนที่1ครับ

แบ่งปัน คำพยาน ประสบการณ์ชีวิตกับพระเจ้า และการอัศจรรย์ ที่พระเจ้าได้ทรงกระทำต่อชีวิตของเราแต่ละคน
HOLY DANCE
โพสต์: 159
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 03, 2011 5:53 pm

ศุกร์ พ.ค. 06, 2011 1:58 pm

ผมเกิดมาในครอบครัวของพุทธศาสนิกชน คุณพ่อ คุณแม่เป็นพุทธ ทุกๆคนเป็นพุทธกันหมด พวกเราอยู่กัน5คน มีคุณพ่อ คุณแม่ คุณย่า น้องชาย และตัวผมเอง ปู่ของผมเสียชีวิตไปแล้ว คุณย่ามีน้องชายอยู่อีก1คน ผมเลยเรียกน้องชายของย่าว่า"ปู่"มาตลอด ปู่คนนี้มีภรรยาเป็นคาทอลิก มีลูกสาวคนเดียว ลูกสาวของปู่มีศักดิ์เป็นน้าของผม ตอนนี้เป็นมาเซอร์ที่อารามชีลับคอนเเวนต์สีลม บางครั้งผมไปเยี่ยมมาเซอร์ที่อาราม ผมเห็นแม่พระอยู่ในถ้ำและมีน้ำตก ผมชอบไปดูปลาคาร์ฟตัวใหญ่ๆหลายสีที่แหวกว่ายอยู่ในบ่อน้ำตกแม่พระนั้น และบ่อยครั้งผมก็ชอบไปเกาะรั้วชะเง้อมองเข้าไปในวัดน้อยเพื่อดูพระรูปพระเยซูถูกตรึงกางเขน เมื่อผมอายุได้4ขวบ คุณพ่อกับคุณแม่ทะเลาะกันและแยกกันอยู่ ไปเซ็นใบหย่ากันในวันเกิดครบอายุ4ขวบของผมพอดี ผมยังไปหาแม่บ้างเป้นครั้งคราว จนสุดท้ายย่ากับแม่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงทางโทรศัพท์ เมื่อผมอยู่ป.1 หลังจากวางโทรศัพท์นั้น แม่ก็หายไปจากชีวิตผม

ผมเรียนหนังสือต่อมาโดยมีย่าเป้นผู้ดูแลผม ย่ารักผมมาก ส่วนพ่อไม่ค่อยยุ่งกับผมมากนัก พ่อดูแลน้องมากกว่า พ่อลงไม้ลงมือกับผมเหมือนผมเป็นสิ่งของ เวลาที่ผมเถียงพ่อก็ตบ ถีบ มีครั้งนึงพ่อเคยตบผมจนผมหมดสติ สารพัด มันเป็นปมในใจผมมาตลอด แต่เป้นพระพร ผมไม่เคยคิดเบี่ยงเบนออกจากเส้นทางการเล่าเรียนไปเป็นเด็กเกเรเลย ผมไม่เคยกินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่รู้ในเรื่องที่คนทั่วไปรู้ (เรื่องทางเพศ ซึ่งเด็กรุ่นเดียวกับผมในขณะนั้นรู้กันหมดแล้ว) พอขึ้นป.4 มีอะไรซักอย่างดลใจ ผมกลายเป้นคนที่เคร่งในศาสนาพุทธ สวดมนตร์ ไหว้พระ ถือศีล5 ชอบอ่านหนังสือธรรมมะ ตอนเย็นๆหลังเลิกเรียนชอบแอบไปนั่งสมาธิที่ป่าดงกล้วยหลังร.ร. โดยมีความต้องการแบบซื่อๆว่าในอนาคตอยากเป็นแบบพระพุทธเจ้า ในขณะที่มีอายุแ10ขวบ เพื่อนๆมักด่าว่าบ้า ผมไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ผมมีเพื่อนสนิทแค่คนเดียว ในที่สุดก็โดนเด็กใหม่แย่งเพื่อนที่สนิทที่สุดของผมไปจนได้ ผมโดดเดี่ยว เหน็บหนาวอย่างที่สุด
ยิ่งเจ็บช้ำเท่าไหร่ ผมยิ่งแนบแน่นกับศาสนามากขึ้นเท่านั้น ผมสอบวิชาพระพุทธศาสนาได้เกรด4ตลอด ในขณะที่วิชาอื่นๆทั่วไป ได้2 ได้ 1 และตก ผมคิดว่าซักวันจะถวายตัวตลอดชีวิตให้ศาสนา ผมเป้นเด็กเคร่งศาสนาจนมัธยม พวกเพื่อนๆที่มัธยมเวลาทำละคร การแสดง ก้จะมีไหว้บวงสรวงบอกกล่าวครูบาอาจารย์ตามความเชื่อของพุทธ และผมมักเป็นผู้รับผิดชอบในด้านนี้เสมอ ในตอนนั้นผมนับถือเจ้าแม่ของแขก และเทพองค์อื่นๆของชาวฮินดู ผมรู้ในคาถา กรรมวิธีและอุปกรณ์การบูชาเทพเป็นอย่างดี ผมศรัทธามากในเจ้าแม่องค์นี้ ด้วยจิตสำนึกและความรู้สึกที่ต้องการ"แม่" ผมชอบนั่งปั้นพระพุทธรูปและองค์เทพทุกวันหลังเลิกเรียนที่ห้องเซรามิกในร.ร. ปั้นวันละองค์ และกลับบ้านค่ำทุกวัน เป็นเด็กนักเรียนคนที่กลับบ้านคนสุดท้ายของร.ร.ทุกวัน ครูทุกคนรู้จักในความศรัทธาผ่านงานปั้นของผม

ตอนนั้นผมมีอคติในคริสตศาสนา จากวิธีการเผยแผ่ศาสนาของ"คริสเตียน" เวลากลับบ้านผมมักเห็นคริสเตียนถือเสาลำโพงและเดินแจกใบปลิว หนังสือ ในวันต่างๆอาทิวันคริสตมาส พอผมรับมาอ่านก็จะเป็นบทความอาทิ "พระเยซูเป็นทางรอดเดียว พระเยซูเป็นพระเจ้าแต่พระองค์เดียว ใครไม่เชื่อในพระเยซูจะตกนรก" เราก็คิดว่า "อ้าว อย่างนี้ก็ดูถูกศาสนาอื่นว่าเป็นเรื่องหลอกลวง นำพาคนให้พ้นนรกไม่ได้นะสิ" ผมก้เริ่มมีอคติ เวลามีเพื่อนเป็นคริสต์มาชวนผมไปคริสตจักร ผมก็ด่ากลับไปโดยไม่ไว้หน้า เวลานั่งกินข้าวในโรงอาหาร ร.ร. มีเพื่อนคริสต์นั่งตรงข้ามโต้ะอาหาร เขาทำสำคัญมหากางเขนต่อหน้าเรา เราถึงกับกระแทกชามก๋วยเตี๋ยวกับโต้ะและเดินหนีไปนั่งที่อื่นเลย ในตอนนั้นผมเกลียดคริสต์มาก ถึงขนากเผาทำลายรูปคริสต์ทั้งหมดที่มาเซอร์ให้มา ทั้งรูปพระเยซู รูปแม่พระ ในตอนนั้ไม่ทราบเลยว่ามีคริสเตียน คริสตัง มีนิกาย มีความแตกต่าง ผมไม่รู้ข้อนั้นเลย ตอนนั้นผมรู้แต่ว่า อะไรที่เป็นวัตถุคริสต์ในบ้านเรา เราจะกวาดทำลายให้หมด อ่านต่อตอน2นะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ พ.ค. 06, 2011 4:34 pm

รออ่านต่อ
HOLY DANCE
โพสต์: 159
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 03, 2011 5:53 pm

อาทิตย์ พ.ค. 08, 2011 12:28 am

ตอน2ครับ

มีวันหนึ่งซึ่งเป็นวันที่เหมือนพระทรงเรียกผมให้กลับใจ วันนั้นผมนั่งเล่นอินเตอร์เน็ตอยู่ที่บ้าน ได้ดูเอมวีของนักร้องวงไนท์ทูมิสยูเพลง คนดื้อดึง ในเอมวีได้ไปถ่ายทำที่โบสถ์คริสต์แห่งหนึ่ง ตัวโบสถ์มีความสวยงามมาก สีขาว ดูอ่อนหวาน บริสุทธิ์ และมีฉากสุสาน ผมนั่งดูเอมวีนี้อยู่หลายรอบ ดูจบแล้วคลิกดูใหม่ รู้สึกเกิดติดใจในความงามของสถาปัตกรรมโบสถ์ ไม่ได้นึกถึงเรื่องของอคติเลย ความรู้สึกในตอนนั้นมันมีแรงดึงดูดอย่างบอกไม่ถูก
ตอนผมจบม.5 ปิดเทอม ผมได้ไปทำงานที่โคราช และได้พักที่บ้านพักของพี่ที่เป็นคาทอลิก ที่นั้นมีรูปแม่พระ พระเยซูมากมาย ก็ไม่รู้สึกอคติอะไรมากเพราะคิดว่าเราต่างคนต่างอยู่ ผมพักอยู่กับเขาราวหนึ่งอาทิตย์ ในคืนวันเสาร์ พี่เขาชวนผมไปมิสซาค่ำที่วัดแห่งหนึ่งในตัวเมืองโคราช ผมก็ตอบตกลงไปเพราะถ้าหากผมไม่ไปผมก็ต้องอยู่เฝ้าห้องคนเดียวเพราะพักอยู่เพียงแค่สองคน แถมเเถวนั้นลือกันว่าผีดุ ผมเลยไม่กล้าอยู่คนเดียว พอไปถึงวัดจำไม่ได้ว่าวัดชื่ออะไรแต่วัดนั้นมีร.ร.และมีเณรด้วย ผมก็เข้าไปนั่งดูเขาสวดนพวารพระมารดานิจจานุเคราะห์ ผมถามพี่เขาว่าเวลาสวดเนี่ยสวดเป็นภาษาไทยหรอ พี่เขาก็อธิบายให้ฟังว่าใช้ภาษาของแต่ละท้องถิ่น ของไทยก็ใช้ไทย ผมเลยเปิดหนังสือลองสวดบ้าง แล้วก็ติดใจกับคำว่า "เดชะพระแม่มารีย์"
พอพิธีมิสซาเริ่มผมก็ลุกๆนั่งๆ คุกเข่าและร้องเพลงตามเขา แต่ไม่ได้รับศีลเพราะพี่เขาอธิบายให้ฟังว่ารับไม่ได้ ผมก็นั่งเฉยๆแต่ในใจนึกว่าศีลมหาสนิทอร่อยมั้ย อยากรับจัง แต่พอจบพิธีก็ได้เดินไปให้คุณพ่อปกหัวด้วย ตอนออกจากวัดกำลังจะกลับบ้าน พี่เขาแวะไหว้แม่พระที่ถ้ำ ผมได้ทีเลยถามความสงสัยที่มีมานานว่า พระแม่มารีย์เนี่ยชอบอยู่ในถ้ำหรอ ที่ถามอย่างนี้เพราะความเคยชินจากตอนเด็กๆที่ไปอารามชีลับมักชอบไปดูปลาคาร์ฟที่น้ำตกถ้ำแม่พระเสมอๆ จนเห็นพระแม่มารีย์ในถ้ำจนชินตา พี่เขาอธิบายว่า เป็นแม่พระที่ปรากฏมาให้คนเห็น ที่ฝรั่งเศส อยู่ในถ้ำ เรียกว่าการประจักษ์ พอกลับมาบ้านผมก็เซ้าซี้ถามอีกว่า แล้วในไทยล่ะมีการประจักษ์บ้างมั้ย เขาก็บอกว่ามี และมีคนรับสารเป้นไทยด้วย
วันต่อมาไม่รุ้ผมคิดอะไรจึงไปยืมอุดมสารจากพี่เขามาอ่านเล่นๆ เห็นรูปโบสถ์อัสสัมชัญและโบสถ์บางนกแขวก ก็เกิดถามพี่เขาอีกว่า เคยดูเอมวีของไนท์ทูมิสยูมั้ย ที่ในเอมวีนางเอกโดนรถชนตายหน้าโบสถ์ แล้วเอาไปฝังไว้ที่สุสานอ่ะ นั่นโบสถ์อะไร อยู่ที่ไหน พี่เขาบอกว่าเป้นโบสถ์ลำไทร อยู่ปทุมธานี ผมก็ร้องอ้าว ผมเป็นคนปทุม อยู่ปทุมมาแต่เกิดไม่เห้นรู้เรื่องเลยว่ามีโบสถ์นี้ ที่เห้นจนชินตามีแค่วัดพระชนนีตรงสนามมวยเอง พอผมเริ่มรู้ว่าโบสถ์นี้อยู่ที่ปทุม ก็เกิดความรู้สึกว่า ซักวันต้องไปโบสถ์นี้ให้ได้ แต่ไม่ทราบว่าไปทำไม เพราะตัวเองนับถือศาสนาพุทธ

ผมกลับมาบ้านหลังจากทำงานที่โคราชเสร็จ ก็เปิดเทอมขึ้นม.6 เวลาเล่นเอม ก็ชอบโพสหัวเอมด้วยข้อความที่ติดหูมาแต่โคราชว่า "เดชะพระแม่มารีย์" บางทีอยู่เฉยๆก็ชอบพูดคำนี้ขึ้นมาลอยๆพลางนึกถึงใบหน้าหวานๆแบบฝรั่งของแม่พระที่เคยเห็นรูปที่บ้านของพี่คนนั้น บางทีก็ชอบวาดรูปถ้ำแม่พระเล่นๆในหนังสือเรียน (เวลาที่เบื่อครูสอน) แล้วก็วาดน้ำตก มีปลา มีนักบุญแบร์นาแด้ต แล้วก็มีภาษามั่วๆตีวงเป็นรัศมีรอบศีรษะแม่พระ (เหมือนในรูปภาพมีภาษาฝรั่งเศสเป็นรัศมีแม่พระแต่อ่านไม่ออก) ทำอย่างนี้เป้นประจำทุกวัน จนครูจับได้

ในเทอมหนึ่ง อ.วิชาสังคมได้มอบหมายงานคือ รายงานเรื่อง "สถานที่โบราณในปทุมธานี" ให้หาสถานที่ที่มีอายุครบ100ปีหรือ80ปีขึ้นไป หรือมีความสำคัญ ไปสำรวจสถานที่ ศึกษาประวัติ ถ่ายรูป ทำพาวเวอร์พอยด์ส่งอ. ในห้องแบ่งกลุ่มย่อยๆออกไปศึกษาตามวัดเจดีหอยฯลฯ กลุ่มของผมตกลงกันว่าจะไปหออัครศิลปิน แต่ความคิดเรื่องวัดลำไทรขึ้นมาในหัวผมอีกครั้ง ค่ำวันนั้นผมหาในอินเตอร์เน็ตเรื่องประวัติของวัดลำไทร ศึกษาเส้นทางการเดินทางไป และโทรขออนุญาติทางวัดในการไปขอทำรายงาน แล้วโทรไปยกเลิกหออัครศิลปิน ให้เพื่อนๆมาวัดลำไทรแทน ในตอนนั้นยอมรับว่า ทำไปเพราะหาเรื่องที่จะไปเที่ยววัดลำไทรนั่นเอง

ผมได้ไปเยือนวัดลำไทรครั้งแรกในวันอาทิตย์ รู้สึกดีใจและปลื้มปิติอย่างบอกไม่ถูกเมื่อไปถึง เมื่อผมเดินไปถึงวัด เงยหน้าขึ้นเห็นยอดหอระฆังมีรูปครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ นาทีนั้น ผมยกมือไหว้พระคริสต์เป้นครั้งแรกในชีวิต ส่วนอคตินั้นแตกพังหายไปหมดไม่มีหลงเหลือในความคิดเลย ผมได้ไปถ่ายรูปในโบสถ์หลังพิธีมิสซา ซึ่งวัดยังไม่ปิด ได้เห็นรูปแม่พระหรรษทานตรงเสาประตูวัด ซึ่งรุ้สึกชอบมากเลยถ่ายรูปเก็บไว้หลายรูป หลังจากนั้นก็วิ่งถ่ายรูปเล่นอยู่คนเดียวจนเย็น ในวันอังคารถัดมาผมเดินทางมาที่นี่อีกพร้อมกับเพื่อนๆ แม่พระหรรษทานนี้ก็ถูกผมถ่ายรูปเก็บเอาไว้อีก เพราะรู้สึกพีเศษกับรูปนี้มากๆ แต่เนื่องจากเพื่อนๆไม่พร้อมเพรียงกันจึงทำให้สมาชิกบางคนพอขออนุญาติออกมาทำรายงานแล้ว ก็หนีเที่ยวเลยทำให้คนไม่ครบ

วันอาทิตย์ถัดมาพวกเรามาศึกษาประวัติและถ่ายรูปกันอย่างจริงจังมากขึ้น (เพราะโดนผมด่าในฐานะที่เป้นหัวหน้ากลุ่ม) พวกผมไปถ่ายรุปกันในสุสานซึ่งมีหลุมศพโบราณอยู่สองหลัง พวกเราไปทำท่าแบบแดร็กคิวล่าที่หลุมศพนั้นโดยไม่ทราบว่ามันไม่สมควร และก็ถ่ายมุมต่างๆของสุสาน เมื่อทุกอย่างครบ ทุกคนเดินทางกลับ ผมนั่งคนเดียวแถวหลังสุดของรถเมล์มองวัดลำไทรพลางคิดว่า งานเสร็จแล้ว คงไม่ได้มาที่นี่อีกแล้ว ในตอนนั้น มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว เป็นเสียงค่อยๆ แต่ชัดเจน บอกว่า เดี๋ยวต้องได้มาอีก และต้องได้มาประจำ

ปกติแล้ว ผมมีอาการประหลาดอยู่อย่างหนึ่งคือ ทุกครั้งที่ผมฝันร้าย พอตื่นมา ร่างกายของผมจะเเข็งชา ขยับไม่ได้อยู่ชั่วขณะหนึ่ง ภาษาชาวบ้านเรียกว่าผีอำ เป็นมาหลายปีแล้ว เหมือนชอบมีวิญญาณตามรังควาน เป้นทุกครั้งที่ฝันร้าย และคืนนั้นพอกลับมาบ้านก็สวดมนตร์พุทธ เข้านอนปกติ อาการนี้ก็เกิดขึ้นกลางดึก ในฝันน่ากลัวมาก มีคนที่ตัวแดงๆหลายร้อยคน ร้องโหยหวน แก่งแย่งพื้นที่รอบๆตัวผม มือพวกเขายื่นมา ไขว่คว้าเหมือนขออะไรซักอย่าง ผมรู้ว่าคือความฝัน ผมฝืนตัวให้ตื่น พยายามปลุกตัวเอง พอตื่นขึ้นมา ๆม่สามารถขยับตัวได้ หากยังขยับตัวไม่ได้ ผมก็จะถูกลากกลับไปในความฝันอีก ไม่รู้ทำยังไงเพราะกลัวมาก เลยตั้วจิตถึงบทสวดมนตร์ แต่ก่อนที่จิตจะเอ่ยบทสวดขึ้นมา แม่พระหรรษทานที่ผมชอบในวัดลำไทรกลับปรากฏชัดเเจ้งในจิต ผมรีบขอความช่วยเหลือจากแม่พระทันที เป็นครั้งแรก ที่ผมขอความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในคริสตศาสนา (อ่านต่อตอน3ครับ )
littleseal
โพสต์: 1029
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm

อาทิตย์ พ.ค. 08, 2011 1:05 am

มานั่งลุ้นอีกคน
HOLY DANCE
โพสต์: 159
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 03, 2011 5:53 pm

อาทิตย์ พ.ค. 08, 2011 10:26 pm

ตอน4ครับ

ทุกสิ่งทุกอย่างคลี่คลายหมด ผมสามารถขยับตัวได้ทันทีที่คำอธิฐานจบลง ผมลืมตา ภาพที่เห็นในขณะที่ผมสามารถลืมตาขึ้นมาได้นั้นผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะเป็นภาพที่ทำให้ชีวิตของผมต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล ทั่วห้องนอนมีแสงสีขาวอมฟ้าสาดเรืองรองทั่วห้อง แสงนั้นมีต้นกำเนิดมาจากมวลแสงสีขาวจ้าที่มีเค้าโครงรูปร่างคล้าย "คนมีผ้าคลุมหัวยาวปรกลงมาถึงเท้า" ซึ่งลอยนิ่งอยู่เหนือตัวผม ระหว่างตัวผมกับเพดานห้อง ในใจคิดว่าโดนผีหลอกแน่แล้ว จึงรีบหลับตาด้วยกลัวว่าถ้าสิ่งๆนั้นรู้ตัวแล้วว่าผมตื่น จะแสดงกิริยาน่ากลัวหรือจู่โจมทำร้าย ผมแกล้งหลับอยู่สักครู่แล้วค่อยปรือตาขึ้นดูใหม่ มวลแสงประหลาดนั้นยังอยู่ที่เดิมไม่หายไปไหน ผมไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากข่มตาให้หลับ จนถึงรุ่งเช้า ผมทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ทราบเหมือนกันว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เลยสรุปว่า อาจเป็นผี จากการที่เราเข้าไปเล่นถ่ายรูปในสุสานเมื่อวานก็เป็นได้ ก็เลยจะไปทำสังฆทานให้เขา

ตลอดสัปดาห์หลังจากนั้น ผมไปร.ร.ด้วยอาการที่ซึมๆไป ทุกวันมักนั่งซึมไม่พูดไม่จา จนเพื่อนๆในห้องถามกันหลายคนว่าเป้นอะไร เพราะในใจของผมนั้น เกิดความทรมานเร่าร้อนรุนแรงอย่างมากที่สุดต่อวัดลำไทร พอคิดถึงวัดลำไทรมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งร้อนใจมากเท่านั้น ร้อนใจด้วยความรู้สึก อยากกลับไปวัดลำไทร อยาก"นับถือศาสนาคริสต์ และรู้สึกเร่าร้อนในความศรัทธาแม่พระ" ตอนนั้นต่อสู้กับตัวเองอย่างหนัก ว่าเราเป็นพุทธ ไม่มีใครคนไหนในบ้านเราเป็นคริสต์ซักคน แถมเราเป็นคนเคร่งพุทธด้วย เคยบอกกับตัวเองแล้วว่าจะไม่นับถือศาสนาไหนเลยนอกจากพุทธ จะเป็นพุทธตลอดชีวิต ผมดิ้นรนพยายามให้หลุดพ้นจากความรู้สึกนี้ ยิ่งต่อสู้มากเท่าไหร่ มันก็ทรงพลังมาก ยิ่งรัดผมแน่นมากเท่านั้น ผมทรมานกับอาการนั้นร่วมเดือน ในช่วงเดือนนั้น ผมไม่ทราบว่าผมรู้ได้ยังไง แต่มีบางสิ่งบอกกับผมว่า สิ่งที่ผมเห็นในคืนนั้น คือแม่พระซึ่งเสด็จมาช่วยผมตามคำร้องขอ รูปร่างของมวลแสงนั้นเมื่อผมพิจรณาให้ดีแล้ว ปรากฎว่า มีลักษณะเหมือนกับแม่พระในถ้ำที่วัดลำไทรมาก

จนในปลายเดือนสิงหาคม วันที่29 เป็นวันเกิดของผม ผมตื่นมาทำทุกอย่างตามวิถีพุทธ ตักบาตร ถวายดอกไม้พระ ตอนบ่าย ผมเข้าเน็ตเพื่อ "หาบทภาวนาคริสต์ แล้วก็จดใส่กระดาษไว้" เพื่อไปสวดวัดลำไทรในตอนค่ำ เพราะจำได้ว่ามีมิสซาหนึ่งทุ่มตามคำบอกของพ่อเจ้าวัด ผมเดินทางไปวัดลำไทร แอบนั่งอยู่แถวหลังสุดเพราะไม่รู้ว่า คนคริสต์ให้คนศาสนาอื่นเข้าโบสถ์ได้หรือเปล่า เห็นซิสเตอร์ก่อสวดอยู่แถวหน้า เลยเอาบทสวดที่หาไว้เมื่อบ่าย ที่จดไว้ในกระดาษออกมาท่องตาม มีคุณลุงใจดีหยิบหนึงสือเพลงมาเผื่อ พอมิสซาเริ่มก็ทำตามเขาไป ตอนรับศีลก็ไม่ได้ออกไปรับ ทั้งๆที่ไม่เข้าใจแต่ผมคิดว่า ศีลมหาสนิทอาจมีอะไรพิเศษถึงต้องสงวนเอาไว้ ก็เลยให้เกียรติยำเกรงอยู่ พอจบมิสซา ผมก็เล่าทุกสิ่งให้คุณพ่อเจ้าวัดฟัง คุณพ่อก็ไม่ว่าอะไรมาก บอกว่าเป็นสิ่งที่ดี แล้วพ่อก็อวยพรให้ พอจะกลับผมเดินผ่านกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งหน้าวัด มีพี่ผู้หญิงสวยๆเดินเข้ามาถามว่ามาจากไหน ผมเลยสารภาพกับเขาว่าเป็นพุทธ เขาก็ทำหน้าประหลาดใจนิดนึงแล้วถามต่อว่า แล้วทำไมถึงมาที่นี่ ผมก็บอกว่าผมเห็น อย่างนี้..อย่างนี้ ไม่ทราบว่าเป้นแม่พระหรือเปล่า อยากจะมาขอบคุณที่ช่วยผมไว้ หลังจากนั้นเขาก็คุยกันในกลุ่มนั้นว่า มีคนเห็นแม่ ...มีเด็กคนนึงเห็นแม่ หลังจากนั้นเขาก็เล่ารายละเอียดเรื่องแม่พระประจักษ์ที่ลำไทรให้ฟัง และเล่าว่าทุกเสาร์สิ้นเดือนพวกเขาจะมาสวดกันที่นี่เสมอ แล้วก็เอารูปแม่พระที่หันข้าง แม่พระผู้เห็นอกเห็นใจที่เป็นรูปวาดมาให้ดู ผมร้องฮ้ะ!ทันที เพราะในครั้งที่ผมพักอยู่กับพี่ที่เป็นคริสต์ที่โคราช ที่พี่เขาบอกว่า แม่พระรูปนี้ คือแม่พระที่ประจักษ์ที่ประเทศไทย และสถานที่ๆแม่พระมาหาลูกๆชาวไทย คือที่นี่เอง...วัดลำไทร!!!!

วันนั้นผมรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจมาก ผมได้พบกับผู้นำสารแม่พระ ได้หนังสือแม่รักลูก ได้สายประคำเส้นแรกในชีวิต ทุกๆคนมีแต่สันติสุข ผมได้สัมผัสความรักของแม่พระผ่านพี่น้องที่มาสวดปลายเดือนกับแม่พระที่ถ้ำวัดลำไทรแห่งนี้ ผมทราบแล้วว่าเสียงในตอนที่ผมเดินทางกลับจากวัดลำไทรคราวที่ทำรายงานเสร็จนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ที่ว่าผมจะต้องได้มาลำไทรเป็นประจำนั้น ก็ได้มาจริงๆ เพราะวันนั้นผมตั้งใจว่า จะมาร่วมสวดกับพี่ๆน้องๆลูกแม่พระทุกๆเสาร์สิ้นเดือน

เดือนต่อมาผมได้มาสวดกับทุกคนที่ถ้ำวัดลำไทร ได้รับเกียรติให้ก่อสวดสายประคำด้วย ทุกๆคนมีแต่ความรักกันและกัน ผมได้รู้อีกนิดนึงว่าแม่พระลำไทรนั้นยังไม่ได้รับการรับรองใดๆจากพระศาสนจักร แต่เมื่อผมมองเห็นทุกๆคนที่มีจิตใจแบ่งปัน มีความกระตือรือร้นในการมาสวดที่ถ้ำแห่งนี้ มีความรักซึ่งกันและกัน บวกกันอัศจรรย์ที่ผมได้รับ มันทำให้ผมไม่มีข้อสงสัยเลยว่า แม่พระประจักษ์จริงหรือไม่ เพราะผมก็เป็นแค่คนๆนึงที่ทำผิดต่อพระนางเสมอมาทั้งๆที่เกลียดพระนางตลอดมา แต่พระนางก็เรียกผมมาด้วยหัวใจรักและการให้อภัยของแม่ที่แท้จริง ผมจะเป็นอีกคนหนึ่งร่วมกับพี่น้องที่ลำไทรเป้นพยานถึงการเสด็จมาประจักษ์ของพระแม่มารีย์ที่วัดแห่งนี้
ผมเริ่มเข้าวัดคริสต์มากขึ้น ผมไม่สามารถไปวัดลำไทรได้ทุกอาทิตย์เนื่องจากการเดินทางลำบากมาก ผมจึงเดินทางไปวัด"พระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิต" ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน ในพิธีมิสซา ผมสะดุดตากับเด็กคนหนึ่งในชุดสีขาวยาวถึงเท้า ช่วยพิธีอยู่บนพระแท่น ใบหน้าและร่างกายของเขาผ่องไปด้วยสีขาวสว่าง ผมนั่งมองด้วยความรู้สึกชื่นชมว่า ทำไมเขาดูผ่องใส ดูมีบุญและพระพรของพระเจ้ามากมายเหลือเกิน ชุดนั้นเรียกว่าชุดอะไร ผมอยากใส่และขึ้นไปช่วยพิธีแบบนั้นบ้างจัง ทำอย่างไรถึงจะได้มีโอกาสใส่ชุดมีเกียรติแบบนั้นบ้าง วัดพระชนนีเดินทางสะดวกมาก แม้จะเดินทางมาจากบ้านหรือจากร.ร. ทุกเย็นหลังเลิกเรียน ผมจะรีบเดินมาที่วัดเพื่อมามิสซาค่ำทุกวัน จันทร์ อังคาร พุธ ปกติผมนั้นเป็นพวกกิจกรรม เลิกเรียนมักจะทำกิจกรรม ปั้นพระในห้องเซรามิก และกลับมืดทุกวัน แต่หลังจากที่ได้มามิสซาค่ำทุกๆวัน พอเสียงกริ่งดังเลิกเรียนดังขึ้น ทุกๆคนจะไม่มีวันเห็นตัวผมปั้นงานอีกต่อไป เพราะผมหายแว้บมาวัดทันทีที่เลิกเรียน มาสวดประคำบ้าง อ่านหนังสือพระบ้าง แล้วก็อยู่ร่วมมิสซา เสร็จแล้วถึงกลับบ้าน พฤหัส กับศุกร์ ไม่มีมิสซาค่ำ ผมก็มาสวดค่ำกับป้าๆคนงานที่วัด ช่วงนั้นผมไม่เคยขาดวัดเลยแม้แต่วันเดียว ไปวัดจันทร์-อาทิตย์ จนคุณพ่อเจ้าวัดเอ่ยชวนเรียนคำสอนซึ่งคุณพ่ออธิบายว่า "เราไม่จำเป็นต้องเรียนคำสอนเพื่อรับศีลล้างบาปเป็นคริสต์ เเต่เรียนเพื่อเป็นความรู้ได้ แต่ถ้าในอนาคต อยากจะล้างบาปเป็นคริสต์ก็ย่อมทำได้" ผมสนใจเลยตอบตกลงพ่อไป หลังจากวันนั้นผมก็ได้มาเรียนคำสอนกับคุณพ่อเป็นการส่วนตัวทุกๆวันไม่เคยขาด ช่วงนั้นอยู่ในช่วงธันวาคม ที่วัดมีการเชิญพระกุมารไปอวยพรตามบ้าน วันหนึ่งผมได้ไปบ้านสภาภิบาลของวัด เขาเป้นพ่อของเด็กช่วยพิธีที่ผมเห็นว่าเขาดูผ่องใสเวลาใส่ชุดขาวช่วยพิธี ชื่อชอม ผมได้เขาเป้น"เพื่อน" คนแรกในเส้นทางคริสตัง ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากชอม แล้วชอมก็สอนผมช่วยมิสซา ซึ่งทำให้ผมได้ใส่ชุดสีขาวบริสุทธิ์ในการช่วยมิสซาสมใจต้องการ ผมเรียนคำสอนกับพ่อเป็นเวลากว่าสามเดือน จนคุณพ่ออนุญาติให้รับศีลล้างบาปได้ บางคนบอกว่าเร็วมากๆ ชอมบอกว่า ครั้งหนึ่งที่ผมไม่อยู่ พ่อประกาศถึงผมในมิสซาวันอาทิตย์ว่า "ตอนนี้มีเด็กคนหนึ่งเรียนคำสอนกับพ่อ เขามาเคาะประตูห้องพ่อขอเรียนคำสอนทุกๆวัน มาช่วงมิสซา มากวาดวัด มาสวดภาวนาทุกวันไม่เคยขาด ตอนนี้พ่ออนุญาติให้เขารับศีลล้างบาปแล้ว ขอให้สัตบุรุษเข้าใจพ่อด้วย ผมดีใจมาก

อ่านต่อตอนจบนะครับ ยาวนิดหน่อย แต่ผมเก็บรายละเอียดทุกๆเหตุการณ์ครับ
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

อาทิตย์ พ.ค. 08, 2011 11:45 pm

ขอบคุณมากๆครับ และขอแสดงความยินดีที่น้องได้พบกับสันติสุขเที่ยงแท้ในองค์พระเจ้าครับ

อ่านแล้วรู้สึกถึงความรักของพระเป็นเจ้าและพระแม่ที่มีต่อลูกจริงๆ

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับการแบ่งปันที่ยอดเยี่ยมและแสนซาบซึ้งนี้ครับ

ขอพระเป็นเจ้าอวยพระพรน้องตลอดไป และขอให้รักพระเป็นเจ้าและแม่พระตลอดไปครับ

ปล. ดีใจที่มีพี่น้องในองค์พระเจ้าเพิ่มขึ้นมาอีกคน :s012:
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

จันทร์ พ.ค. 09, 2011 1:40 pm

ตอนที่ 3 อยู่ที่ไหน ทำไมเป็นตอนที่ 4 เลยล่ะจ้า
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

จันทร์ พ.ค. 09, 2011 2:44 pm

รออ่านต่อค่ะ :s004:
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ พ.ค. 09, 2011 2:54 pm

อ่านแล้วซาบซึ้งมากพระองค์เรียกลูกของพระองค์ด้วยวิธีต่างๆให้มาเป็นลูกของพระองค์
พระเจ้ารักคุณ และรักตลอดนิรันดร และยังมีแม่พระที่แสนดีรักคุณตลอดนิรันดรเช่นกัน :s002:
HOLY DANCE
โพสต์: 159
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 03, 2011 5:53 pm

จันทร์ พ.ค. 09, 2011 11:22 pm

อิอิ โพสผิดครับ ที่จริงต้องเป็นตอน3 :s023: :s023: :s023:
HOLY DANCE
โพสต์: 159
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 03, 2011 5:53 pm

จันทร์ พ.ค. 09, 2011 11:58 pm

ตอนจบครับ

คุณพ่ออนุญาตแล้ว ทีนี้ก็เหลือแต่ผมที่จะตัดสินใจเดินต่อไป หรือจะอยู่กับที่เดิม ในเมื่อทางมันเปิดแล้ว เราจะกล้าเดินไปกับพระองค์หรือเปล่า ? ถ้าหากผมเปลี่ยนเป็นคริสต์ ถ้าทุกคนรู้ พ่อ ย่า ครู เพื่อนๆ มันจะเป็นเรื่องที่ต้องนั่งอธิบายกันยาวและแน่นอนผมเชื่อว่ามีจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของผม ในเมื่อผมนั้นแสดงตนในความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างเปิดเผยต่อทุกๆคน ถ้าเปลี่ยนเป้นคริสต์ จะต้องถูกยิงด้วยคำถามมากมาย ดีไม่ดีโดนด่าด้วยซ้ำ

แต่ถ้าเราอยู่ที่เดิม นับถือเดิมๆ แล้วที่เราทำไปทั้งหมดล่ะ ที่เราเดินไปวัดทุกเย็น ระยะทางราวๆกิโลครึ่งได้ เราทำเพื่ออะไร เราได้ช่วยมิสซาแล้ว ได้สิทธิ์ต่างๆมากมาย แถมแม่พระยังใจดีมาหาเราถึงห้องนอน เราทำเพื่ออะไร คืนนี้ต้องตัดสินให้เด็ดขาดเพราะผมจะไม่นับถือ2ศาสนาแล้ว ศาสนาใดศาสนาหนึ่ง แล้วเอาให้ถึงที่สุดไปเลย กล้าหรือเปล่า? หรือจะย่ำอยู่ที่เดิม คืนนั้นเป้นคืนที่เครียดที่สุดคืนนึงในชีวิตเลย เพราะมันเหมือนการเปลี่ยนเส้นทางเดินของชีวิตในอนาคตไปเลย แล้วก็ไม่รู้เลยว่าเส้นทางนั้นจะเป้นยังไง แต่มีแม่พระอยู่ด้วย ในที่สุดผมตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า ตัดสินใจนับถือศาสนาคริสต์ในที่สุด
ผมได้รับศีลล้างบาปเมื่อ5 มีนาคม 2010 ใช้นามนักบุญว่าไมเคิลปีเตอร์ อัครเทวดามีคาแอลที่ผมชอบสวดวอนขอความช่วยเหลือตลอด กับนักบุญเปโตรตามชื่อพ่อทูนหัวของผม ปัจจุบันผมเป้นเยาวชนวัดพระชนนีของพระเป็นเจ้า รังสิต ได้ช่วยมิสซารับใช้พระ
แม่พระได้เผยแสดงพระเยซูเจ้ากับผมทีละนิดๆ เพราะตอนแรกผมกลัวพระเยซูเจ้าเพราะมีหนวด ผมไม่ชินเท่าไหร่เพราะศาสนาเดิมพระพุทธเจ้าไม่มีหนวดเครา ผมจะติดแม่พระแล้วก็อ้อนแม่พระเป็นประจำ แต่แม่พระก็ค่อยๆสอนผมถึงความรักของพระองค์มากขึ้นเรื่อยๆ จนผมรักพระองค์แล้วในตอนนี้ และนี่คือความถ่อมตัวของแม่พระ หลังจากที่ผมเริ่มสนิทในความรักของพระเยซูเจ้าแล้ว แม่พระก็ค่อยๆลดบทบาทของแม่ลงจากตัวผม เหมือนกับว่าได้ตระเตรียมผมไว้แล้วก่อนจะส่งผมสู่ฝั่ง อ้อมพระหัตถ์ของพระบุตรของพระนาง แต่ก็ไม่ได้ทิ้งผมไป แม่อยู่กับผมเสมอ ยืนอยู่ข้างหลังพระเยซูเจ้าคอยทูลวิงวอนพระองค์ให้ผม แมให้พระบุตรของแม่ก่อนเสมอ แม่เป็นแม่ที่น่ารักมาก ไม่เหมือนเจ้าแม่ของแขกที่ผมเคยนับถือเลย เจ้าแม่องค์นั้นพอเจ้แกโกรธทีไรก็มีแต่ลงโทษๆๆๆๆ แต่แม่คนนี้แม้ลูกเป็นลูกแสนเลวเท่าไหร่ แม่ยิ่งกอดแน่นมากขึ้นเท่านั้น ผมไม่ได้อวดอ้างแม่พระเพราะผมนับถือคาทอลิก แต่ผมยกย่องแม่พระเพราะผม "เจอ"มาด้วยตัวเองว่าไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์หญิงของศาสนาใดจะมีบุญเท่าแม่เราเลย แม่เป็นผู้มีบุญกว่าหญิงใดๆ มงกุฎของแม่ไม่ได้มาจากอำนาจ อภินิหาร หรือความยิ่งใหญ่อลังการ แต่มาจากความยากจน สุภาพ ต่ำต้อย และบริสุทธิ์
ดังนั้น มงกุฏของแม่มีค่ามากกว่ามงกุฏของเทพสตรี หรือราชินีทุกคนในโลกรวมกันเสียอีก แม่เป้นมนุษย์ แต่ก็อยู่สูงที่สุดในสตรีทุกนางไม่ว่านางนั้นจะเป้นเทพ หรือมนุษย์ หรืออะไรก็ตามแต่ ไม่ว่าในศาสนาใดในโลก

หลังจากล้างบาป มันไม่ใช่จุดจบของความพยายามที่จะเป็นคริสต์ แต่เป้นจุดเริ่มในความพยายามที่จะดำเนินชีวิตในความเป้น"คริสตัง"อย่างดี ชีวิตคริสตังมีอะไรยากลำบากกว่าการเดินมาเรียนคำสอนทุกวัน มีอะไรที่ยากกว่าการฝึกช่วยมิสซาและการโยนกำยาน และยากกว่าการที่มานั่งอธิบายต่อใครหลายๆคนที่ถามว่า "ทำไมเป็นคริสต์" ไหนจะปีศาจ ไหนจะความเจ็บปวดที่เราต้องน้อมรับด้วยความเต็มใจ เพราะพระเยซูโดนถึงตาย แล้วเราจะไปเหลืออะไร ดังนั้น ผมต้องเตรียมให้พร้อม บนเส้นทางแห่งกางเขนนี้ มือขวาจับมือพระเยซูเจ้า มือซ้ายจับมือแม่พระ เดินไปพร้อมๆกัน เพื่อความรอดพ้นของตัวผมเองและผู้คนเป็นจำนวนมาก
littleseal
โพสต์: 1029
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm

อังคาร พ.ค. 10, 2011 12:04 am

อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นมากเลยค่ะ ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์นะคะ

ขอให้พระเป็นเจ้าทรงอวยพรและคุ้มครองค่ะ
ขอให้แม่พระช่วยวิงวอนและอยู่ข้าง ๆ เสมอ
:s002:
HOLY DANCE
โพสต์: 159
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 03, 2011 5:53 pm

อังคาร พ.ค. 10, 2011 1:23 am

ขอบคุณทุกท่าน และขอฝากตัวด้วย สมาชิกใหม่ครับยังไม่ค่อยรุ้อะไรมาก ทุกๆเรื่องที่แบ่งปันเป้นน้ำพระทัยดีของพระ ไม่ได้เป้นความพิเศษอะไรของตัวผมเลย ถ้าพระองค์ไม่เรียกผม ผมคงยังเป้นลูกแกะหลงทาง หลงอยู่กับความเชื่อผิดๆ นับถือเทพพร่ำเพรื่อ หากชื่นชมสิ่งใดขอให้ชื่นชมในน้ำพระทัยของพระครับ อัศจรรย์หลายคนมองตรงที่แม่พระเสด็จมาประจักษ์ในห้องของผม แต่สำหรับผม อัศจรรย์ของเรื่องนี้คือ "การกลับใจเป้นคริสต์ครับ" มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่คนที่นับถือพุทธเคร่งมาก ไปวัดบวชชีพราหม์ศีล8บ่อยๆอย่างผมจะหันมาเชื่อพระเจ้าเที่ยงแท้ ผมว่าข้อนี้แหละ อัศจรรย์จริงๆ :s002: :s002: :s002:
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

อังคาร พ.ค. 10, 2011 9:10 am

เข้ามาซึ้งกับตอนจบอีกรอบ :s008:

รู้สึกรักพระแม่มากยิ่งขึ้นไปอีกเลยครับ

ขอบคุณอีกครั้งครับ สำหรับการแบ่งปันอัศจรรย์อันยิ่งใหญ่นี้ :s005:
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

อังคาร พ.ค. 10, 2011 10:40 pm

แล้วหลังจากล้างบาป โดนเพื่อน ๆ หรือ ครูว่าอะไร
ตามี่เราเคยกลัวรึเปล่าจ๊ะ
HOLY DANCE
โพสต์: 159
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 03, 2011 5:53 pm

อังคาร พ.ค. 10, 2011 11:31 pm

โดนครับ ทุกๆคนช็อคหมด ถึงกับงงว่าทำไมถึงเปลี่ยน บางคนที่สนิทๆกันดีเขาก็เข้าใจ แต่บางคนก็จะบอกว่า "รนหาที่" ครับ อ.ก็งงว่าทำไมเมื่อก่อนปั้นพวกเทพ เดี่ยวนี้กลับมาปั้นแม่พระ กับพระเยซู อ.บางคนบอกว่า เราครอบครูแล้วนะ แบบนี้ก็ทำตัวนอกครู ทิ้งครูน่ะสิ

แต่ที่ตอบยากมากที่สุดคือ "ไหนบอกว่าจะเป้นพุทธตลอดชีวิต ไหนบอกว่ารักพุทธมากนักไง เมื่อก่อนเกลียดคริสต์ไม่ใช่หรอ พอเจอโบสถ์สวยๆเข้าหน่อยก็เปลี่ยนตามกระแสเลยนะ" บางคนก็ว่าบ้า ตาฝาดเห้นแม่พระ งัวเงียป่าว ที่แย่ที่สุดคือ "เห็นย่าตัวเองคลุมหัวเดินผ่านปลายเตียงป่าว" ซึ่งย่านอนข้างล่าง ผมนอนข้างบน จะมาคลุมหัวเดินผ่านปลายเตียงทำไม แล้วอีกอย่าง ห้องผมล็อคก่อนนอนทุกครั้ง เขาก้จะชอบถามแบบขำๆ "เมื่อก่อนชอบเตือนนิ ว่าอย่าทำยังงั้นยังงี้ มันบาป แล้วตอนนี้อ่ะ ล้างบาปได้แล้วสิ"

แต่ที่กดดันมากที่สุดคือ ครอบครัวครับ เมื่อก่อนมีรูปปั้นองค์เล็กๆสูงประมาณฝ่ามือ เป็นแม่พระเมืองลูร์ดกับพระหฤทัย ตอนนั้นกลัวพ่อเจอมาก ต้องแอบเอาไว้หลังหน้าต่างครับ ติดไฟ ตกแต่งซะสวยเลย พอสวดก็เปิดไฟสวด พอไม่ได้สวดต้องดึงม่านมาบังเอาไว้ กลัวพ่อเจอมากครับ เป้นอะไรที่หลบๆซ่อนๆมาก ไปวัดก็ต้องแอบไป พ่อถามว่าไปไหนก้จะบอกว่าโน่น มานี้ บ้านเพื่อนบ้างอะไรบ้าง เวลาสวดต้องสวดค่อยๆ กลัวได้ยิน อึดอัดมากครับ ย่าก็ว่าชอบหาเรื่อง พอเขารู้เขาก็ไม่ว่าเราตรงๆ แต่ว่าเรากับย่าแต่พูดเสียงดังให้ดังขึ้นมาถึงชั้นบนให้ผมได้ยิน "เป็นไง หลานชายเป็นคริสต์ไปละ เห็นมีพระมารีย์อยู่บนห้อง" แล้วก็ "แหม เดี่ยวนี้ทำเป้นใส่กางเขน"

แต่ย่าเปิดใจไวครับ ตอนนี้ย่าก็ล้างบาปเป้นคริสต์อีกคนนึงแล้ว ย่าสวดสายประคำทุกวันเลย เวลาพาย่าไปวัดก็จะมีเสียงด่าไล่หลังมาตลอด "เป็นคริสต์ที่เคร่งซะเหลือเกินนิ!!!" "บาปตกนรก" อะไรประมาณนี้ครับ เวลาที่แอบเอาพระเข้าบ้านต้องหลบๆซ่อนๆ เหมือนพวกค้ายา

ครั้งนึงได้แม่พระองค์อุปถัมองค์ใหญ่มาครับ ตอนนั้นกลางคืน พ่ออยู่บ้าน ผมเอาเข้าไม่ได้ ผมต้องแอบเอาซ่อนไว้ในพุ่มไม้ พ่อเดินมาพอดี ตกใจ แต่พ่อไม่เห็น พ่อให้เดินไปซื้อของด้วยกัน ขากลับเข้าบ้านกลัวพ่อเหลือบไปเห็นเพราะซ่อนไว้ไม่มิดสวดภาวนาในใจใหญ่เลย แต่พ่อก็ไม่เห้นอีก เดินเลยผ่านไป เข้าบ้าน(ขอบคุณแม่พระ) ผมเลยนั่งรออยู่ในห้องนอนของผม รอจนพ่อขึ้นบ้านนอน ผมเลยแอบย่องลงมา ไขกุญแจ เสียงกุญแจดังมากเลย มีเหล็กดัด พอดึงมันจะดังครืด ผมกลัวพ่อตื่นมาดูเลยเปลี่ยนแผน ไขประตูหลังบ้านแทนแล้วอ้อมสวนไปหน้าบ้าน สวนมันเป็นทาวเฮาหลังริมครับ มีที่หน่อยๆข้างบ้าน ปรากฏว่ากิ่งไม้ระเกะระกะไปหมด มีต้นไม้แผ่กิ่งขวางด้วยนะ (อะไรมันจะมารผจญอย่างนี้) ถ้าฝ่าไปเสียงมันจะดังกรอบแกรบๆๆๆดังมากแล้วตรงนั้นอยู่ใต้ห้องพ่อพอดีเลยครับ เงยหน้าขึ้นไปเห้นไฟห้องพ่อยังไม่ปิด แสดงว่ายังไม่นอนด้วย โห ตอนนั้นท้อแท้มากครับ คงต้องพรุ่งนี้แล้ว แล้วพ่อชอบรดน้ำต้นไม้ตอนเช้าด้วย เจอเข้าล่ะแย่แน่ ผมเลยขึ้นมานอน ตั้งนาฤกาปลุกไว้ตอนตีสิ่ ว่าจะแอบลงมาพาแม่พระขึ้นบ้าน ฝนดันตกครับ แต่ดีที่เสียงฝนดังมากเพราะตกหนัก ไขกุญแจไม่ค่อยดังเท่าไหร่ แม่พระเปียกหมดเลย ทั้งองค์แม่พระ และ พระกุมารที่แม่กอดไว้แนบอก ผมแทบจะหวีดร้อง :s008: สงสารแม่มากเลยครับ ต้องพาเข้ามาแอบๆ เหมือนพวกโจรผู้ร้าย

แต่ตอนนี้แม่ก้ตอบสนองความพยายามแล้วครับ จากพระรูปที่แอบไว้หลังผ้าม่าน ตอนนี้เด่นสง่าอยู่ในซุ้มที่ผมทำเองเป้นรูปเรือนไทย มีไฟติดสว่างไสว ยกให้เป็นวิหารน้อยๆเทิดเกียรติแม่พระไปแล้วครับ เดี๋ยววันหลังจะนำภาพลงมาให้ชมนะครับ

ผมอยากบอกคริสตังใหม่ทุกคนให้มุ่งมั่นสวดภาวนาต่อไปนะครับ ซักวันเขาจะเปิดใจเอง ตอนนี้พ่อเขาก็พอยอมรับแล้วว่าผมเป็นคาทอลิก แต่เวลาทะเลาะกันทีไรก็ไม่วายพูดเรื่องนี้ทุกที ผมหกล้มหลายครั้ง เจ็บมากด้วย แต่ต้องพยายามครับ ผมเป้นกำลังใจให้ หัวอกเดียวกันครับ :s007:
devilray
โพสต์: 18
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 10, 2011 4:45 pm

พุธ พ.ค. 11, 2011 12:19 am

อ่านแล้วลุ้นมาก... เป็นกำลังใจให้คุณพ่อเปิดใจเร็ววันนะคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พุธ พ.ค. 11, 2011 1:00 am

แล้วย่ากลับใจได้อย่างไรจ๊ะ? อันนี้อยากรู้มาก
จากคนที่แอนตี้ กลับกลายมาเป็นคาทอลิกศรัทธาได้อีกคน
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

พุธ พ.ค. 11, 2011 8:24 am

เข้ามาเป็นกำลังใจให้ครับ ผู้ที่ติดตามพระคริสตเจ้า ยังคงต้องเจอการต่อต้านเสมอ เป็นอย่างนี้มาทุกยุค ทุกสมัย แต่รางวัลยิ่งใหญ่ในสวรรค์รอน้องกับคุณย่าอยู่ครับ อีกไม่นานคุณพ่อคงเข้าใจ และอาจจะล้างบาปอีกท่านก็ได้ครับ

และเมื่อถูกถากถาง ต่อว่า ก็ขอให้ตอบโต้ด้วยการนิ่งสงบ เหมือนดังพระอาจารย์เรานะครับ
ตอบโต้ไปด้วยความรัก แบบที่พระองค์ทรงแสดงให้เป็นแบบอย่าง

ขอพระเป็นเจ้าอวยพระพรครับ พี่น้องในบอร์ดจะเป็นกำลังใจและสวดภาวนาให้
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

พุธ พ.ค. 11, 2011 2:51 pm

:s015: อยากรู้เรื่องของคุณย่า มาเล่าต่อนะคะ รอ...อ...อ...อยากรู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. พ.ค. 12, 2011 2:11 pm

อยากรู้เหมือนกัน เล่าให้ฟังหน่อยจะรอ ขอให้น้องเป็นคริสตชนที่เข้มแข็งนะคะ
เผื่อเป็นกำลังใจและแบบอย่างให้กับคริสตชนเก่า(นอน) เก่า (นอน) จริงๆ
และคริสตชนใหม่ที่ใจร้อนรน ขอพระอวยพรเสมอๆๆ...ค่ะ :s004:
HOLY DANCE
โพสต์: 159
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 03, 2011 5:53 pm

พฤหัสฯ. พ.ค. 12, 2011 11:27 pm

การกลับใจของคุณย่า

ตอนแรกๆพอย่ารู้ ย่าไม่ได้พูดอะไรกับผม แต่นึกในใจว่า "ผมนี่ชอบหาเรื่องจังเลย" (อันนี้ย่ามาเล่าให้ผมฟังทีหลังหลังจากย่าได้กลับใจแล้ว) ย่าก็ถามว่าอยู่ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง ผมก็เล่าให้ย่าฟังถึงการช่วยมิสซา การไปวัดและพิธีต่างๆ และพูดถึงพ่อทูนหัวของผม ซึ่งดูแลดีมาก สมกับคำว่า "พ่อทูนหัวจริงๆ" เขาไม่ได้มาในนามเฉพาะวันที่เราล้างบาป ไม่ได้มาเพียงเพื่อเอามือวางบนบ่าเรา หรือยืนกล่าวบทขอรับศีลล้างบาปพร้อมๆกับเรา แต่หลังจากนั้น ผมกับพ่อทูนหัวของผมโทรศัพท์คุยกันทุกๆคืน และสวดก่อนนอนด้วยกันเสมอๆ เเละเขามักสอนผมถึงความรักของพระ คอยดูแลวิญญาณของผมอย่างดี เขาผมผมไปที่ต่างๆ รู้จักกับคนหลายๆคน ทำให้ชีวิตผมดีขึ้นมาก มีสีสันและชีวิตชีวา ย่าสนใจเรื่องพ่อทูนหัวของผม ตอนแรกย่าคิดแต่ว่า "อ๋อ คนๆนี้นี่เองที่มาชวนหลานเราเข้าคริสต์" ผมเล่าถึงการอุปการะเป้นอย่างดีของพ่อคนนี้ จนวันนึงย่าได้คุยกับพ่อทูนหัวของผมทางโทรศัพท์ ก่อนที่ผมจะได้พามารู้จักกัน ก่อนที่จะได้เจอกันย่าคิดว่า ถ้าได้ไปเจอกันนะ ย่าจะแขวนพระหลวงพ่อโสธร (ย่ามักแขวนที่คอประจำ และย่าศรัทธามาก เคยมีปาร์ฏิหาริย์ด้วย) ย่าจะแขวนพระไปสู้หน้าพ่อทูนหัว เหมือนกับแขวนไปประกาศว่า "ฉันไม่มีทางเปลี่ยนเป็นคริสต์ตามหลานฉันแน่ๆ" เท่านั้นเอง! สายสร้องลูกปัดที่ย่าคล้องพระโสธรมาตลอดเกิดขาดกระจาย???????เม็ดลูกปัดสีฟ้าหล่นกระจายเต็มพื้นบ้าน และนั่น...เป้นครั้งสุดท้ายในชีวิตของย่า ที่ย่าได้คล้องพระพุทธ

ย่าได้ไปดูผมช่วยมิสซา เห็นผมใส่ชุดขาวเดินถือโน่นถือนี่ให้คุณพ่อ ทุกๆคนให้การต้อนรับย่าดีมาก ย่าบอกว่ารู้สึกอบอุ่น และสงบ ย่าเห้นไม้กางเขนใหญ่เหนือพระแท่น ย่าถามว่า "ย่าสงสัยมาตลอด ทำไมถึงต้องเอาพระเยซูไปขึงแบบนั้นด้วย ตอนเด็กๆย่าเห็นคนคริสต์เขาไหว้กันจัง ถ้าพระเยซูเป็นคนดีทำไมถึงต้องไปอยู่บนไม้แบบนั้นด้วย แถมถอดเสื้อผ้า ผ้าผ่อนก็มีอยู่จิ้ดเดียว " ผมเลยอธิบายว่า"ที่พระเยซูต้องโดนประจานและโดนจับไปอยู่บนไม้แบบนั้น เพราะพระเยซูรักผม รักย่า รักทุกคนที่อยู่ในโบสถ์นี้ และทุกคนที่อยู่ในโลกนี้ด้วย" จากนั้นผมเลยเล่าเรื่องพระเยซูเจ้าให้ย่าฟัง แล้วก็เล่าเรื่องแม่พระให้ฟังด้วย หลังจากกลับจากโบสถ์ พ่อทูนหัวพาย่ากับผมไปทานอาหารในร้านอาหาร ซึ่งย่าดีใจมากเพราะย่าไม่เคยออกจากบ้านเลย ขาย่าไม่ดี เดินต้วมเตี้ยม จะออกจากบ้านก็ต่อเมื่อหมอนัดตรวจสามเดือนครั้ง ย่าพูดเรื่องต่างๆถูกคอกับพ่อทูนหัวของผม เหมือนย่าแกไม่ค่อยได้พูดกับใครมานานแล้ว วันๆอยู่แต่ในบ้าน พอออกมาก็คุยจ้อโดยลืมอคติกับพ่อทูนหัวไปเลย ผมได้แต่แอบหัวเราะในใจ...พระเริ่มทำงานแล้ว

พ่อทูนหัวพาย่าไปเที่ยวบ้านบ่อยๆ ที่นั่นมีพระเยอะมาก สวยๆทั้งนั้น ย่าชอบมาก และชอบพูดคุยกับแม่ของพ่อทูนหัวของผม ตามประสาคนวัยเดียวกัน บางทีอยู่บ้าน ย่าจะรบเร้าให้ผมโทรไปหาพ่อทุนหัวเพื่อย่าจะได้ขอคุยด้วย ย่าสัมผัสความรักของพระเป็นเจ้าผ่านพ่อทูนหัวของผม ย่าก็ชอบมาโบสถ์ทุกอาทิตย์ มาดูผมช่วยมิสซา มาอ่านหนังสือคาทอลิก ทุกๆคนให้การต้อนรับอย่างดี คุณพ่อเจ้าวัดก็ยิ้มแย้ม (ซึ่งหาดูยาก) แกจะชอบติดผมมาวัดตลอด จนครั้งหนึ่งก่อนที่ผมจะไปวัด วันนั้นแกไม่ได้ไปด้วย ย่าบอกว่า "สวดให้ย่าเยอะๆนะ เผื่อย่าจะได้มาเป็นคริสต์บ้าง" ผมอึ้งไปเลย เลยถามว่า"ย่าแน่ใจหรอ? ทำไมมันไวจัง" ย่าก้บอกว่า "อ้าว ก็มันอยากเป็นอ่ะ อยู่ที่โน่นสบายใจ มีแต่ความสงบ คนเขาก็รักกัน มีไมตรีต่อกัน แม่พระก็สวย คุณพ่อก็ใจดี" ผมเลยบอกว่า งั้นย่าก็ลองคิดดีๆแล้วกัน แล้วเดี่ยวผมจะมาฟังคำตอบอีกที ผมก็รีบแจ้นไปบอกพ่อทูนหัวก่อนจะไปถามคุณพ่อเจ้าวัดเรื่องสอนคำสอนคุณย่า คุณพ่อก็ยินดีสอนในระดับที่ไม่เคร่งมากนัก ให้อยู่ในปริมาณที่ย่าจะรับได้ ผมก็ดีใจเลยไปสอนคุณย่าบทข้าแต่พระบิดา วันทามารีอา และสิริพึงมี สวดสายประคำแล้วก็ให้หนังสือแม่รักลูกให้คุณย่าอ่าน ผมบอกว่า "แม่พระรักย่านะ ย่าอยากได้อะไรก็ขอจากแม่พระ แล้วแม่พระจะไปวิงวอนพระเยซูเจ้าให้ " ย่าก็เริ่มรักแม่พระมากขึ้นทุกวัน ทุกวันเวลาบ้านเงียบๆ (น้องไม่อยู่ พ่อไม่อยู่) ผมมักเห็นย่าหลับตาสวดสายประคำเสมอๆหลายสายทุกๆวันแต่ไม่ได้สวดบทรำพึงเพราะผมยังไม่ได้สอน ผมได้พาย่ามาเรียนคำสอนกับคุณพ่อเจ้าวัด เป็นเวลาสามวัน คุณพ่อก็อนุญาติให้รับศีลล้างบาปได้ ตอนนั้นดีใจมาก ได้วิญญาณของย่ามาแล้ว ย่าได้แม่ของพ่อทูนหัว มาเป้นแม่ทูนหัว ได้รับศีลล้างบาปเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2010 นามนักบุญ มารีอา ย่าสวดสายประคำทุกวัน และพระพระเยซู รักแม่พระมากๆ รักอย่างไม่มีข้อสงสัย เป็นสิ่งที่น่าแปลกว่า ย่านับถือพุทธศาสนามาร่วม 83 ปี แต่ย่าใช้เวลากลับใจมาหาพระเพียงเดือนเศษ ย่าไม่เคยสงสัยในข้อความเชื่อเลย ย่าเชื่อย่างซื่อๆ ว่ายังไงเชื่อยังงั้น เชื่ออย่างไม่มีข้อแม้ ผิดกับผมที่บางทีก็มีความสงสัยในข้อความเชื่อ สงสัยในศีลมหาสนิท สงสัย ฯลฯ เป็นพระพรของย่า ที่ได้มาในเวลาบั้นปลาย ผมเชื่ออย่างสนิทใจว่าหากย่าจากโลกนี้ไปแล้ว พระต้องรับย่าเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์อย่างแน่นอนทีเดียวครับ

:s007:
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

ศุกร์ พ.ค. 13, 2011 1:24 pm

อาแมน.
ยอมรับว่าอ่านแล้วน้ำตาซึมเลยค่ะ : emo031 : ขอบคุณพระสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
ภาพประจำตัวสมาชิก
reccanohono
โพสต์: 1045
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ส.ค. 03, 2008 7:06 pm
ที่อยู่: thailand

ศุกร์ พ.ค. 13, 2011 3:38 pm

เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆเลยค่ะ ขอบคุณทีแบ่งปัน เพราะเราก็เป็นคนเดียวในบ้านที่เป็นคริสต์ แต่ก็ยังทำตัวเป็นลูกที่ดีของพระองค์และแม่พระไม่ได้ดีเท่าไร :s008: แถมที่บ้านถึงจะเปิดใจยอมรับเรื่องเราเป็นคริสต์ แต่ก็ไม่คิดที่จะเปิดใจรับพระองค์เข้ามาเลย เลยไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เคยมีไปแย๊บๆเล่าเหมือนกัน แต่พ่อกับแม่ก็จะอื้อ เหรอ ฟังนะ แต่ไม่ได้สนใจเท่าไร ยกเว้นถ้าได้เล่าเรื่องที่เป็นแนวปาฏิหาริย์หน่อยนั่นล่ะ ถึงจะสนใจ แต่ฟังแล้วก็จบกัน :s008: ก็ยังแอบหวังว่าพระองค์จะทรงช่วยให้ครอบครัวของเราได้มาอยู่กับพระองค์ด้วยเช่นกันค่ะ :s015:

ขอพระอวยพรค่ะ :s015:
ปล. อ่านละวางไม่ลง สนุกมากเลยค่ะ :s013:
HOLY DANCE
โพสต์: 159
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 03, 2011 5:53 pm

ศุกร์ พ.ค. 13, 2011 6:39 pm

สู้ๆครับ ภาวนาซึ่งกันและกัน ผมเข้าใจถึงหัวอกเดียวกันของคริสตังใหม่ และผู้ที่เป็นคริสต์คนเดียวในบ้าน มันลำบากมากเลยในการที่มีความเชื่อที่ขัดแย้งกับคนอื่นๆในบ้าน เราเดินสวนกระแส แต่กระนั้นขอให้ภูมิใจเลยนะครับ ว่าการที่เราเดินสวนกระแสแสดงว่าเราเป็นลูกของพระจริงๆ เพราะพระเยซูเจ้าทรงเป้นสัญลักษณ์ของการขัดแย้งอย่างที่สิเมโอนกล่าวไว้จริงๆ และ.."เพื่อเปิดเผยความในใจของผู้คนเป็นอันมาก" ตอนนี้เรากำลังขัดแย้ง ต่อไปภายหน้า พระจะเปิดใจแต่ละคนเองครับ


สู้ๆ :s012: :s012: :s012:
HOLY DANCE
โพสต์: 159
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 03, 2011 5:53 pm

ศุกร์ พ.ค. 13, 2011 6:44 pm

ป.ล. ขอให้ทุกคนสรรเสริญพระเป็นเจ้าที่ทรงทำอัศจรรย์และเมตตาชีวิตผมนะครับ เหตุการณ์ทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความพิเศษหรือความสามารถของตัวผมแต่อย่างใดเลย ถ้าพระองค์ไม่ทรงเมตตาคนบาปอย่างผม ก้คงไม่มี "ผม" ในทุกวันนี้ครับ หวังว่าคงเป็นแรงหนุนใจหรือความบรรเทาใจของทุกคนได้ไม่มากก็น้อยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

เสาร์ พ.ค. 14, 2011 1:56 pm

อาแมน :s012:
s.gabriel
โพสต์: 1011
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 27, 2009 2:21 pm

พุธ มิ.ย. 08, 2011 5:03 pm

อ่านไปก็ซึ้งไปครับ ................
ภาพประจำตัวสมาชิก
ignatius
.
.
โพสต์: 2597
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 12:48 pm

จันทร์ ก.ย. 12, 2011 11:18 pm

...น้องพีท หลานอา..
อาเพิ่งมีโอกาสได้มาอ่าน...เรื่องราวการกลับใจ ทั้งของน้องพีทเองและคุณย่า
อารู้สึกซาบซึ้งในพระเมตตาของพระบิดา แม่พระ และพระเยซูเจ้า..
ในพระจิตเจ้าด้วย ที่ทรงนำทางชีวิตจิต...ได้อย่างชัดเจนอย่างนี้..

"พระองค์ทรงเลือกเรา มิใช่เราเลือกพระองค์"

คิดถึงเสมอในทุกๆคำภาวนา..นะคะ :s012:
HOLY DANCE
โพสต์: 159
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 03, 2011 5:53 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2011 11:08 am

อุ้ย รู้ด้วยหรอครับว่าเป้นพีท อิอิ*-* :s002:
ตอบกลับโพส