ประสบการณ์ความเชื่อโดย Sr.Emmanuelจาก Medjugorje

แบ่งปัน คำพยาน ประสบการณ์ชีวิตกับพระเจ้า และการอัศจรรย์ ที่พระเจ้าได้ทรงกระทำต่อชีวิตของเราแต่ละคน
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.พ. 26, 2012 9:10 pm

บันทึกการบรรยาย "การเดินทางฝ่ายจิตวิญญาณกับแม่พระเพื่อไปหาพระเยซู"
ที่วัดพระมหาไถ่ วันที่ 21 มีนาคม 2009

รูปภาพ
รูปภาพ
ซิสเตอร์ ถ่ายรูปคู่กับคุณพ่อพิชาญ ใจเสรี คณะพระมหาไถ่
_________________
อารัมภบท
ซิสเตอร์เล่าว่า ครั้งหนึ่งเคยมีคุณพ่อท่านหนึ่งมาพูดกับซิสเตอร์ว่า
"พ่อไม่เชื่อหรอกนะว่าการประจักษ์ที่เมดจูกอเรจจริง
จะเป็นไปได้ยังไง แม่พระมาประจักษ์ทุกเดือน"
ซิสเตอร์รู้สึกเดือดดาลมาก : emo107 :
แต่ก็ควบคุมสติและถามคุณพ่อกลับไปว่า

"คุณพ่อคะ สมัยคุณพ่อเป็นเด็ก มีเครื่องขายถุงยางอนามัยอัตโนมัติรึยังคะ"
"ไม่นะซิสเตอร์ สมัยพ่อยังเด็กพ่อยังไม่รู้จักถุงยางฯเลย : emo073 :"

"คุณพ่อคะ สมัยคุณพ่อยังเด็ก บ้านคุณพ่อมีคอมพิวเตอร์
มีอินเตอร์เน็ตที่เด็กๆสามารถจะหาข้อมูลไสยศาสตร์มืดต่างๆ ตลอดจนสื่อลามกอนาจารได้รึเปล่าคะ"
รูปภาพ
"ไม่นะซิสเตอร์ สมัยนั้นทั้งบ้านพ่อมีเครื่องใช้ไฟฟ้าเพียงเครื่องเดียวคือโทรทัศน์ขาวดำเครื่องหนึ่ง"

"คุณพ่อคะ ในยุคนี้
มารซาตานได้พยายามใช้สื่อเทคโนโลยีทุกอย่าง เพื่อล่อลวงให้มนุษย์ตกนรก

รูปภาพ
แม่พระก็พยายามมากยิ่งขึ้น
ในการเรียกร้องให้ลูกๆที่แม่รักกลับใจมากเท่านั้นละค่ะคุณพ่อ
"
แก้ไขล่าสุดโดย Zion เมื่อ ศุกร์ ม.ค. 11, 2013 5:55 am, แก้ไขไปแล้ว 3 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.พ. 26, 2012 9:17 pm

วิธีคุ้มครองครอบครัวให้พ้นภัย
ในพิธีศีลสมรสของชาวบอสเนียนั้น
คุณพ่อจะวางรูปกางเขนพระเยซูไว้บนฝ่ามือของคุณพ่อ
และเจ้าบ่าวก็จะวางมือบนกางเขนนั้นพร้อมกับเจ้าสาว และกล่าวคำสัญญา
เป็นการให้พระเยซูเป็นศูนย์กลางในชีวิตสมรส
รูปภาพ
เคยมีคนถามว่าซิสเตอร์ว่าคิดเห็นอย่างไรกับผู้ที่แต่งงานแล้วไม่อยากมีลูก

ซิสเตอร์บอกว่าซิสเตอร์เสียใจมาก เพราะนั่นเป็นการปฎิเสธพระพรของพระเจ้า
พระพรแห่งการสร้าง
ทียิ่งใหญ่ ที่พระองค์ให้มนุษย์2คนได้มีส่วนร่วมกับพระองค์
การที่เจ้าสาวได้ถวายตัวในศีลสมรสนั้น เจ้าสาวได้ถวายหมดทั้งร่างกาย
รวมถึงมดลูกให้พระเจ้า
พระเจ้าปรารถนาให้เธอใช้มดลูกของเธอเป็นที่พำนักและให้กำเนิดนักบุญทั้งหลายในอนาคต

รูปภาพ

ซิสเตอร์ได้ไปที่ต่างๆในโลก ที่เม็กซิโกครอบครัวหนึ่งๆมีลูกยังกับฝูงแมว
ที่นั่นอบอุ่นมาก^^
ในขณะที่ซานฟรานซิสโก ที่นี่มีตึกสวยๆสะอาดๆ
แต่ซิสเตอร์ไม่เห็นเด็กๆเลย แม้แต่ผู้หญิงท้องก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่หายาก
ซิสเตอร์ได้กลิ่น"ความตาย"ที่นี่

รูปภาพ
ในยุควัตถุนิยมนี้ ผู้คนเสาะแสวงหาเงินทองและทรัพย์สินฝ่ายโลก
ทำไมนะ เขาไม่คิดว่าพลังชีวิตที่เขาเผาผลาญเพื่อให้ได้รถหรูๆสักคันหนึ่ง
ที่ในบั้นปลายมันก็จะกลายเป็นเศษขยะที่ต้องทิ้งในโลกนี้
สามารถนำมาให้กำเนิดและดูแลเด็กหลายคนให้เป็นนักบุญ
ทรัพย์สินอันสถาพรนิรันดรในแดนสวรรค์


มีคนมาบ่นให้ซิสเตอร์ฟังว่า ลูกๆในครอบครัวทิ้งวัด
ซิสเตอร์ก็ถามเขาว่า ได้มีเวลาพบปะลูกๆบ้างมั้ย
เขาก็บอกว่ามีเฉพาะเวลาได้ร่วมโต๊ะกินข้าว
ซิสเตอร์ก็ถามว่า แล้วได้คุยเรื่องพระเจ้ากันบ้างรึเปล่า
เขาก็บอกว่าไม่เลย เราจะคุยกันเรื่อง กีฬา การเมือง สังคมต่างๆ

ซิสเตอร์บอกว่าจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะเห็นความสำคัญของพระเจ้า
ในเมื่อเราไมได้ให้พระเจ้าเข้ามามีส่วนร่วมในครอบครัวของเรา


จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะเห็นคุณค่าการภาวนา
ในเมื่อเราให้ความสำคัญเรื่องต่างๆ ไม่ว่า การงาน การกิน การพักผ่อน
แต่กลับนำการภาวนาไปไว้ลำดับท้ายสุด

เมื่อจะภาวนาร่วมกันก็บ่นว่าเหนื่อยจากงานแล้วขอพักผ่อนดีกว่า
จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อเขาไม่มีแบบอย่างที่ดี
รูปภาพ
+++++++++++++++++

มีคุณแม่อยู่คนหนึ่งอยากให้ลูกเป็นพระสงฆ์
เธอมิได้บังคับหรือแม้แต่บอกลูกชายว่าอยากให้เป็นพระสงฆ์
เธอเพียงแต่อดอาหารอธิษฐาน รับประทานเพียงขนมปังและน้ำตั้งแต่วันพุธถึงศุกร์ทุกสัปดาห์
ไม่มีใครรู้เป้าหมายของการอดอาหารของเธอ
จนกระทั่งลูกเธอได้มาบอกกับเธอว่า อยากบวชเป็นพระสงฆ์
เธอก็อนุญาตและเผยเป้าหมายการอดอาหารให้สามีฟัง

สามีก็บอกว่า เช่นนั้นเธอก็เลิกอดอาหารได้แล้วสิ
เธอบอกว่า "ไม่ เพราะฉันไม่อยากให้ลูกของฉันเป็นเพียงพระสงฆ์
แต่ยังเป็นพระสงฆ์ที่ศักดิ์สิทธิ์"

เธอจึงอดอาหารต่อไป

ลูกของเธอเมื่อได้บวชเป็นพระสงฆ์
ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสังฆราช และพระคาร์ดินัลแห่งบอสเนีย

พระองค์ได้ยื่นหยัดต่อลัทธิคอมมิวนิสต์มิให้มากลืนกินพระศาสนจักรในบอสเนียไป
จนพระองค์ถูกรัฐบาลจับขังคุกจนตายเป็นมรณสักขี
การเสียสละของท่านทำให้ชุมชนคาทอลิกในบอสเนียไม่สูญสลายยังคงดำรงอยู่จนทุกวันนี้
ที่สุดแล้วพระสันตะปาปาจอห์นพอลที่2
ได้แต่งตั้งพระคาร์ดินัลSTEPINACเป็นบุญราศี

รูปภาพ

ท่านเห็นหรือไม่ว่าการภาวนาร่วมกันในครอบครัวมีอำนาจยิ่งใหญ่เพียงใด?
แก้ไขล่าสุดโดย Zion เมื่อ อาทิตย์ ก.พ. 26, 2012 9:48 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.พ. 26, 2012 9:30 pm

การภาวนาพิชิตทุกสิ่ง
ขณะซิสเตอร์เรียนในมหาวิทยาลัยนั้น
มีผู้ชายคนหนึ่งที่เรียนด้วยกัน
เขาชอบหัวเราะเยาะที่ซิสเตอร์มาบวชเป็นซิสเตอร์
"ซิสเตอร์ไม่เบื่อเหรอ ชีวิตมีแต่การภาวนา น่าเบื่อออก"

ซิสเตอร์คิด จะน่าเบื่อได้อย่างไรในเมื่อซิสเตอร์มีสามีที่แสนดี
สามีที่ไม่เคยคิดจะนอกใจไปเถลไถลที่ไหนแถมยังคิดถึงซิสเตอร์ทุกวินาทีเลยด้วย
: xemo026 :
รูปภาพ

วันหนึ่ง ชายคนนั้นได้มาเคาะประตูที่อารามของซิสเตอร์พร้อมกับคร่ำครวญ
"ซิสเตอร์ ผมทะเลาะกับภรรยา เรากำลังจะหย่ากัน ผมเป็นห่วงลูกๆ"
ซิสเตอร์ลังเลที่จะหนุนใจเขาว่าจะภาวนาเผื่อให้
เนื่องจากการที่เขาเคยแสดงความเห็นเห็นว่าการภาวนาเป็นเรื่องน่าเบื่อ

แต่ซิสเตอร์ก็พูดว่า
"ซิสเตอร์จะสวดให้นะ"

เขาตอบกลับมาว่า

"ซิสเตอร์ นั่นละคือเหตุผลที่ผมมาหาซิสเตอร์
การภาวนาเป็นทางเดียวเท่านั้นที่จะแก้ปัญหานี้ให้ผมได้
"
++++++++
รูปภาพ

แม่พระได้มาประจักษ์ที่เมดจูกอเรจและขอให้เรา

ภาวนา ภาวนา และ ภาวนา

นั่นหมายถึงการภาวนา3ขั้นคือ

1.การภาวนาเพื่อวอนขอ นี่คือการภาวนาทั่วไป
เช่นเมื่อเราป่วยก็ขอให้หายจากโรค
รูปภาพ

2.การภาวนาเพื่อความปิติยินดี
ดั่งที่ซิสเตอร์ได้บอก พระเจ้าทรงรักและคิดถึงเราทุกวินาที
แต่เราจะรับรู้ถึงความรักของพระองค์ได้อย่างซาบซึ้ง ก็ด้วยการภาวนาขั้นที่2นี้
เราจะรู้สึกอิ่มเอิ่บอย่างเหลือล้นเหมือนได้อาบน้ำได้จุ่มตัวลงในธารรักแห่งพระเมตตาของพระองค์

ซิสเตอร์ขอถามท่านทั้งหลายบ้าง
ในพระวรสารตอนหนึ่งพระเยซูได้ร้องเพลงท่านทราบหรือไม่ว่าเป็นตอนไหน?
(มีคนตอบ)
ถูกแล้ว นั่นคือช่วงเวลาในพระกระยาหารมื้อสุดท้าย
รูปภาพ
พระองค์ได้ร้องเพลงร่วมกับสาวก ก่อนจะไปสวดภาวนาและถูกจับกุมที่เกทเสมณี
เวลานั้นพระองค์มีความยินดีสรรเสริญพระเจ้าได้อย่างไร เพราะพระองค์ตระหนักเสมอว่า
เมื่อผ่านความยากลำบากนี้ไป
ในบั้นปลายนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดของที่สุด(best of best)ที่พระเจ้าได้จัดเตรียมไว้ให้


คุณจะมีความปิติยินดีแม้ยามที่ความทุกข์เข้ามาในชีวิต
เพราะคุณสามารถเปลี่ยนความทุกข์นั้น
ให้เป็นโอกาสที่จะถวายความทุกข์เหล่านั้นให้พระเจ้า


เช่นเดียวกับที่วิชก้า(หญิงผู้หนึ่งที่เห็นแม่พระประจักษ์)
เธอเป็นเนื้องอกที่กล่องเสียงและหมอได้บอกว่าหลังการผ่าตัดเธออาจจะไม่มีเสียงอีก
เธอก็ยังคงยิ้มแย้มและภาวนากับพระเจ้าว่า
"เสียงของลูกเป็นของพระองค์ หากเสียงนี้จะมีต่อไปก็เพื่อพระองค์"
เมื่อผ่าตัดเสร็จ หมอได้ถามอาการของวิชก้า คำแรกที่เธอพูดคือ

รูปภาพ
"ทุกสิ่งถวายเกียรติแด่พระเจ้า"


3.การภาวนาเพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า

พระเยซูไม่เพียงต้องการให้เราเชื่อพระองค์เท่านั้น
แต่ยังปรารถนาให้เราเป็นเหมือนพระองค์
ในการภาวนาขั้นที่3
ทุกสิ่งที่เราทำจะไม่ได้ตามใจเราเองอีกต่อไป
แต่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าผู้อยู่เบื้องบน
บุคคลที่จะบรรลุถึงขั้นนี้ได้ก็คือนักบุญนั่นเอง

ดั่งที่นักบุญเทเรซาองค์น้อยได้กล่าวว่า

รูปภาพ
"พระเยซูไม่เคยปฎิเสธสิ่งใดที่ฉันวอนขอ
เพราะฉันไม่เคยปฎิเสธสิ่งใดจากพระองค์"


ชีวิตของเราจะต้องเป็นของพระเจ้า "ทั้งหมด" ดั่งที่นักบุญเทเรซาได้เคยกล่าว

การภาวนาขั้นที่3นี้เราไม่สามารถกำหนดเองได้หากแต่เป็นไปตามพระประสงค์
อย่างไรก็ตาม เราสามารถเรียกร้องวอนขอจากพระองค์ได้
ซิสเตอร์เองก็ยังภาวนาไม่ถึงขั้นนี้ ก็วอนขอพี่น้องช่วยภาวนาเผื่อซิสเตอร์ด้วย
แก้ไขล่าสุดโดย Zion เมื่อ อาทิตย์ ก.พ. 26, 2012 10:47 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.พ. 26, 2012 9:32 pm

ความทุกข์ของลูกคือความทุกข์ของแม่
ในครั้งหนึ่งที่กลุ่มแสวงบุญชาวฝรั่งเศสมาเมดจูกอเรจ
ฉันได้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งชื่อว่า"อัลเบิร์ต"
ในตอนแรกนั้นเขาได้เข้ามาหาซิสเตอร์ด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง
และปรึกษากับซิสเตอร์ว่า
"ซิสเตอร์ กลุ่มทัวร์ที่มากับผมเขาเอาแต่สวดกัน
ผมรู้สึกเบื่อมากๆเลย ผมอยากมาเที่ยว"

ซิสเตอร์ก็แนะนำสั้นๆว่า
"คุณลองอยู่กับพวกเขาไปสักระยะก่อนนะ"

พอวันเวลาเริ่มผ่านไป อัลเบิร์ตเริ่มมีความปิติกับการภาวนา
ใบหน้าที่เคยบึ้งตึงก๋ค่อยปริยิ่มจนดูเหมือนว่ารอยยิ้มนั้นฉีกมาถึงใบหู^^

แต่ในวันสุดท้ายที่อัลเบิร์ตจะต้องกลับ อัลเบิร์ตกลับมีใบหน้าที่เศร้าสร้อย

"อัลเบิร์ตเกิดอะไรขึ้น" ซิสเตอร์ถาม

"ซิสเตอร์ ผมรักที่นี่มากเลย แต่ผมมีหนี้สินมากมายกว่าจะกลับมาได้อีกอย่างน้อยก็คง3ปี
ผมรักการภาวนา แต่ผมไม่รู้จะหาชุมชนแห่งการภาวนาได้ที่ไหน
จะชวนภรรยาของผมร่วมสวดภาวนาก็คงจะเป็นไปไม่ได้
เพราะเราเคยทะเลาะกันบ่อยๆ จนเดี๋ยวนี้แทบไม่ได้คุยกันเลย "

"อัลเบิร์ต ถ้าอย่างนั้นเธอก็พยายามภาวนาแม้ตัวคนเดียวนะ
ให้เธอมอบความปรารถนา/ปัญหาต่างๆของเธอให้กับแม่พระ
และให้เธอรับ ความปราถนาของแม่พระ มาแทนที่ไว้ในจิตใจของเธอ

รูปภาพ

พระเจ้าจะทรงจัดเตรียมทุกสิ่งให้" ซิสเตอร์ตอบ และเราก็ร่ำลากัน

3เดือนต่อมา ซิสเตอร์ก็ได้พบกับเขาอีกที่เมดจูกอเรจ^^''

"อัลเบิร์ต เกิดอะไรขึ้น ไหนเธอบอกว่าอีก3ปีไงละ" : emo036 :
"ซิสเตอร์ ผมถูกภรรยาบังคับให้พาเธอมาทีนี้"
"ภรรยาของเธอ?ไหนเล่าเรื่องให้ซิสเตอร์ฟังสิ"

"เมื่อผมกลับมาที่บ้าน ผมได้ห้องเงียบที่ไม่มีใครเข้าๆออกๆ
ผมสวดภาวนาที่นั่นทุกวันโดยไม่ได้บอกใคร จนกระทั่งวันหนึ่ง
ภรรยาของผมก็ได้เขามาในห้อง
"อับเบิร์ต เธอเป็นบ้าไปแล้วเหรอ มานั่งเงียบได้เป็นวันๆทุกวัน เธอกำลังทำอะไรอยู่หน่ะ?"
"ฉันกำลังภาวนา"
"การภาวนา? มันคืออะไรเหรอ?"
"ฉันเองก็อธิบายไม่ถูก ฉันไม่ใช่บาทหลวงซะด้วยสิ
เอางี้ละกันนะ เธอมานั่งดูฉันภาวนาละกัน"

ทุกวันๆผมก็จะภาวนาโดยที่ภรรยาผมสังเกต
จนวันหนึ่งเธอเริ่มภาวนาตาม และถามผมเรื่องราวที่เมดจูกอเรจ
เมื่อผมเล่าจบ เธอเกรี้ยวกราดใส่ผม
"ทำไมเธอไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้! ฉันจะได้ไปด้วย
เรามาไปเมดจูกอเรจด้วยกันเถอะ"
"แต่ที่รัก เราไม่มีเงินนะ"ผมบอก
"เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องตั๋วเอง"เธอตอบ
และแล้ว เราก็ได้มาที่นี่กัน

จนบัดนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าเธอไปหาตั๋วมาจากไหน^^"
แก้ไขล่าสุดโดย Zion เมื่อ จันทร์ ก.พ. 27, 2012 5:40 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.พ. 26, 2012 9:39 pm

ปัจฉิมบท: ไม่มีใครล่วงรู้อนาคต
ดิฉันก่อนที่จะมาเป็นซิสเตอร์
ก็เป็นคาทอลิกที่ไม่ค่อยศรัทธานัก
เมื่อฉันอายุ24 ฉันได้หางานทำที่อินเดีย
ซึ่งบริษัทที่ฉันสมัครงานได้ให้ข้อเสนอที่แปลกพอดู

"ขอให้คุณไปดูดวงชะตากับหมอดูท่านหนึ่ง
หากดวงชะตาของคุณสมพงษ์กับงานนี้เราก็จะรับคุณเข้าทำงาน"
รูปภาพ

ฉันก็ไปโดยไม่ได้คิดอะไร

เมื่อฉันมาถึงบ้านโหร หมอดูก็พูดว่า"ผมรู้ว่าคุณจะต้องมา"
แล้วก็ไปค้นสิ่งที่เขาเรียกว่า "ม้วนหนังสือแห่งชีวิต"
สิ่งนี้เป็นกระดาษที่ถูกเขียนแต่ในโบราณกาล
เขาเชื่อว่าหนังสือเล่มนนี้บันทึกชะตาชีวิตของคนทุกคนไว้
เขาเริ่มอ่านหนังสือแห่งชีวิต และเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวฉัน
ตั้งแต่เกิดมาจนถึงบั้นปลายชีวิต
เรื่องราวในอดีตนั้น ค่อนข้างตรงอย่าน่าตกใจ
และหมอดูก็พูดว่า
"พระเจ้าไม่มีจริงหรอก ทุกสิ่งเกิดและเป็นไปตามการโคจรของดวงดาว"

ความเชื่อของฉันสูญสิ้นว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันเป็นคนโง่งมงายงั้นหรือ
ฉันกลับไปที่บ้านและความไม่สบายใจของฉันก็นำมาสู่โรคซึมเศร้า
เมื่อน้องสาวฉันมาพบ เธอพาฉันเข้าพักที่คอนแวนต์ของคณะซิสเตอร์อัสสัมชัญ

กระนั้นอาการของฉันก็ไม่ดีขึ้น และวันหนึ่งด้วยความหมดอาลัยตายอยาก ฉันจึงรำพึงว่า
"หากพระเจ้ามีจริง ก็แสดงอัศจรรย์ให้ฉันเถอะ
ไม่อย่างงั้นฉันจะฆ่าตัวตายเวลา5โมงเย็น"
(ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมฉันถึงให้เวลาพระเจ้าถึงตอน5โมงเย็น)
วันนั้น มีกลุ่มคนจากนิกายเพนเตคอสเตียน มาอธิษฐานเผื่อให้ผู้ป่วย
เขาพูดภาษาแปลกๆ และร้องเพลง
มีสมาชิกคนหนึ่งมาสาย แต่เมื่อเธอมาถึง เหมือนว่าเธอเข้าฌาณและเริ่มเผยพระวจนะ
"พี่น้อง ที่นี่มีบุคคลหนึ่งกำลังก้าวสู่ความตาย"
เธอได้พูดสิ่งต่างๆมากมายที่แม้แต่ฉันเท่านั้นที่รู้
เธอให้กลุ่มของเธออธิษฐานเผื่อฉัน

และแล้วผู้คนก็กลับไปจนเหลือแต่ฉันกับเธอ
ฉันได้เข้าไปถามเธอว่า "คุณหมายถึงฉันใช่มั้ย"
เธอตอบรับ และฉันก็ได้เล่าเรื่องไปหาหมอดูให้เธอฟัง
เธอได้เปิดพระคัมภีร์ให้ฉันอ่าน เฉลยธรรมบัญญัติบทที่18ข้อที่10-12
"ท่านต้องไม่เผาบุตรชายหรือบุตรหญิงของตนเป็นบูชายัญ
ต้องไม่เป็นหมอดู ทำนายอนาคต ถือโชคลาง ทำเวทมนตร์คาถา
ทำเสน่ห์ ใช้เครื่องรางของขลัง ทรงเจ้าเข้าผี
เพราะผู้ที่กระทำเช่นนี้เป็นที่น่ารังเกียจแด่พระยาห์เวห์
พระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่านกำลังจะทรงขับไล่ชนชาติเหล่านี้ออกไปต่อหน้า
ท่านก็เพราะการกระทำน่ารังเกียจเช่นนี้
"

ฉันจึงรู้ตัวว่าฉันได้ทำผิด เธอได้อธิษฐานเผื่อฉัน
และฉันก็ได้สารภาพบาป ซึ่งตอนนั้นเองก็คือเวลา5โมงเย็น...
++++++++++++++++
รูปภาพ
ครั้งหนึ่ง ซาตานมันก็เคยเป็นทูตสวรรค์
มันรู้จักเรามากกว่าตัวเราเองเสียอีก
มันรู้อดีตของเรา
แต่มันไม่รู้อนาคตของเราหรอก มันโกหก!!!
แต่ที่เรามักจะเป็นไปตามคำทำนายของหมอดูหมอผี
ก็เพราะเราเชื่อในคำหลอกลวงของมัน
ที่พูดผ่านหมอดูและหมอผี

ขอให้ท่านอย่าหันเหไปจากทางของพระเจ้าเลย

ผู้ภาวนาจะไม่กลัวอนาคต
ผู้อดอาหารจะรอดพ้นจากการประจญล่อลวง
แก้ไขล่าสุดโดย Zion เมื่อ ศุกร์ มี.ค. 02, 2012 10:21 am, แก้ไขไปแล้ว 2 ครั้ง.
s.gabriel
โพสต์: 1011
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 27, 2009 2:21 pm

อาทิตย์ ก.พ. 26, 2012 10:50 pm

Zion เขียน: ครั้งหนึ่ง ซาตานมันก็เคยเป็นทูตสวรรค์
มันรู้จักเรามากกว่าตัวเราเองเสียอีก
มันรู้อดีตของเรา
แต่มันไม่รู้อนาคตของเราหรอก มันโกหก!!!
แต่ที่เรามักจะเป็นไปตามคำทำนายของหมอดูหมอผี
ก็เพราะเราเชื่อในคำหลอกลวงของมัน
ที่พูดผ่านหมอดูและหมอผี

ขอให้ท่านอย่าหันเหไปจากทางของพระเจ้าเลย
ใช่เลยครับ หมอดูพูดอดีตของเราได้หมด แต่ไม่สามารถรู้อนาคตของเราได้
littleseal
โพสต์: 1029
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm

จันทร์ ก.พ. 27, 2012 5:32 am

อ่านแล้วรู้สึกดีจังค่ะ ตอบคำถามหลาย ๆ อย่างได้อย่างยอดเียี่ยมไปเลย :s015:
ตอบกลับโพส