จากซีดีหนังแถม สู่ความเชื่อในพระเจ้า

แบ่งปัน คำพยาน ประสบการณ์ชีวิตกับพระเจ้า และการอัศจรรย์ ที่พระเจ้าได้ทรงกระทำต่อชีวิตของเราแต่ละคน
ตอบกลับโพส
sayonara
โพสต์: 62
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 31, 2010 8:16 pm

พุธ มี.ค. 14, 2012 10:08 pm

ด้วยความคิดเห็นส่วนตัวที่ว่า ใครๆก็คงจะเคยพบเจอเรื่องราวเช่นเดียวกับผม ผมจึงไม่เคยคิดจะเขียนเล่าเรื่องราวของตัวเองมาลงในบอร์ดมาก่อน แต่เนื่องจากมีโอกาสที่พระเจ้าทรงนำพาผมไปพบกับพี่LL หม่าม้า พี่Zion และพี่ billa-bongและได้รับการเรียกร้องให้เขียนบทความนี้ขึ้น

เริ่มต้นที่ตัวผมก่อน คือผมเกิดในครอบครัวที่นับถือศาสนาพุทธและเป็นพุทธที่เคร่งครัดเอามากๆ คุณยายจะไปวัดทุกวันพระและผมก็มีโอกาสได้ติดสอยห้อยตามคุณยายไปด้วย ทำให้ผมได้รับการถ่ายทอดความเคร่งครัดตามแบบฉบับของชาวพุทธมาอย่างสมบูรณ์ บทสวดมนต์ที่ยาวๆผมสามารถสวดได้โดยไม่ต้องดู

แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมหันมาเชื่อในพระเจ้าเริ่มที่ตอนเป็นเด็กประถมอายุประมาณ7ขวบ ผมก็อยากรู้เกี่ยวกับพระบัญญัติ10ประการ พ่อแม่ก็เลยซื้อซีดีหนังเรื่องบัญญัติ10ประการมาให้ และได้ซีดีหนังแถมมาอีก2เรื่องคือเรื่องโคลัมบัสและเรื่องของพระเยซู จึงเป็นครั้งแรกที่ผมได้ศึกษาเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าว่าพระองค์เป็นใครอะไรยังไง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากตามประสาของเด็กๆ

พอโตขึ้น ตอนผมอยู่ป.5ผมก็ได้มีโอกาสศึกษาเกี่ยวกับศาสนาต่างๆ โดยจะต้องมีการจับสลากเพื่อเลือกเอาศาสนานั้นๆไปทำเป็นรายงาน ผมก็จับสลากได้ ศาสนาคริสต์ ผ่านมาอีกปี ตอนอยู่ป.6 ผมก็จับสลากได้เรื่องเดิมก็คือเรื่อง ศาสนาคริสต์ จึงทำให้ผมมีโอกาสได้ศึกษาเรื่องราวของศาสนาคริสต์ ได้รู้ว่ามีหลักในเรื่องของความรักอย่างนั้นอย่างนี้แต่ก็เป็นหลักการทั่วไปที่คนต่างศาสนามักรับรู้และเข้าใจกัน แต่ผมก็ยังไม่ได้เกิดความรู้สึกว่าจะแสวงหาพระเจ้าแต่อย่างใด

จนกระทั่งผมอยู่ม.2 ผมมมีโอกาสได้ไปเข้าค่ายดาราศาสตร์ ซึ่งไปจัดที่รีสอร์ทติดเขาและมีลำธารไหลผ่าน ซึ่งก็มีเวลาให้นักเรียนได้เพลิดเพลินกับการเล่นน้ำในลำธารซี่งลึกแค่เข่า ด้วยความประมาทผมจึงใส่กางเกงพละลงไปเล่นน้ำเพราะคิดว่าน้ำแค่หัวเข่าคงไม่มีอันตรายอะไร แต่ผมเกิดลื่นล้มแต่ไม่ได้ล้มลงธรรมดาน่ะซิครับ เพราผมดันล้มตกลงไปในแอ่งซึ่งมันลึกประมาณ2เมตร กางเกงพละก็ทำหน้าที่เป็นตัวดูดน้ำชั้นดีช่วยกันดึงผมลงไปก้นแอ่ง ในขณะที่ผมจมน้ำนั้นผมก็พยายามเรียกขอความช่วยเหลือในใจก็คิดจะสวดมนต์แต่มันนึกอะไรไม่ออกเลยนึกได้แต่ “นะโมๆ” ผมก็สวดไปแต่ก็ไม่มีความช่วยเหลือใดๆมาถึง และในจังหวะสุดท้ายนั้น ในจังหวะที่ลมหายใจสุดท้ายของผมมันจะออกจากปอดไปเพราะผมกลั้นไม่อยู่แล้วนั้น ผมนึกถึงพระเจ้าและผมนึกในใจว่า “พระเจ้าช่วยลูกด้วย” จู่ๆก็มีมือมาดึงกระชากผมขึ้นทำให้ผมหายใจได้ ทุกอย่างมันรวดเร็วมากแต่ภาพที่ผมเห็นคือเป็นมือของรุ่นน้องของผม แต่ด้วยสัณชาตญาณการเอาชีวิตรอดของมนุษย์ ผมดันกดน้องเค้าลงไปในแอ่งนั้น โชคดีที่มีเรือที่เค้าไม่ได้ใช้งาน เพื่อนๆก็รีบไปพายมาช่วยดึงผมขึ้นจากแอ่ง ผมมารู้ภายหลังว่าตอนที่เค้ามาช่วยผมนั้นมีเพื่อนๆผู้ชาย6คนมาช่วยกันดึงผม แต่ทุกคนโดนผมกดลงไปในแอ่งหมดเลย โชคดีที่เพื่อนๆเค้าไม่ประมาทแบบผม แต่เค้าบอกว่าผู้ชายเจ็ดคนช่วยกันดึงผมกลับสู้แรงผมไม่ไหวโดนกดผมลงหมด และหลังจากรอดตายมาได้ก็เริ่มเกิดความรู้สึกขึ้นมาในใจแล้วว่าเป็นเพราะอะไร ทำไมเราไม่ตายหลังจากเราขอให้พระเจ้าทรงช่วย


เมื่อผมอยู่ม.3ผมก็เริ่มรู้สึกเชื่อและศรัทธาในพระเจ้ามากขึ้น ผมจึงตัดสินใจแล้วว่า เอาล่ะผมจะเชื่อแบบคริสตชนแล้ว แต่ผมก็ยังสับสนว่าจะเลือกเชื่อแบบไหนดีระหว่างโปรเตสแตนต์กับคาทอลิก เพราผมก็พอรู้ว่าเป็นนิกายใหญ่สองนิกายที่ค่อนข้างแตกต่างกัน ผมก็ศึกษาดูและไปพบกับรูปผู้หญิงคนหนึ่ง ผมรู้สึกอบอุ่นใจ รู้สึกสงบสุข รู้สึกดี รู้สึกปลอดภัย ทุกครั้งที่เห้นรูปของผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงคนนั้นคือ “แม่พระมารีอา” ผมจึงบอกกับตัวเองว่า “เอาล่ะ ไม่ว่านิกายไหนก้ตาม ถ้าเคารพผู้หญิงคนนี้ เคารพแม่พระนี่แหละ ผมเอา ผมจะเชื่อตามนิกายนั้น” และผมก็ได้มาศึกษาและพบว่าคาทอลิกให้ความเคารพแก่แม่พระซึ่งผิดกับโปรเตสแตนต์ ผมจึงหันมาตามแนวทางของคาทอลิก

เมื่อผมตัดสินใจได้แล้วว่าผมจะเป็นคาทอลิก ผมก็ได้ศึกษาหาข้อมูลและได้เข้าไปฟังเพลงคาทอลิกในเว็บของสังฆมณฑลกรุงเทพ และรู้สึกดีรู้สึกชอบ ‘เพลงวันทามารีอา’ มาก ผมก็เอามาร้องตลอด เพราะรู้สึกเป็นสุขทุกครั้งที่ได้ร้องเพลงนี้ ผมจึงถือว่า บทวันทามารีอา เป็นบทสวดบทแรกในชีวิตของผม

ต่อมาหลังจากที่ผมเริ่มรู้จักศาสนามากขึ้น ผมก็เริ่มมีความอยากรู้ว่า บาทหลวงเนี๊ยะเป็นยังไง วัดคาทอลิกเป็นยังไง และจังหวัดของผมในตัวเมืองก็มีวัดคาทอลิกอยู่แห่งหนึ่ง เป็นวัดเล็กๆ ตอนนั้นผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวัดเลย รู้แค่ว่าอยากไป อยากไปคุยกับบบาทหลวง แต่นึกออกมั้ยครับว่าการที่เด็กม.3คนนึงซึ่งไม่ใช่ชาวคริสต์ จู่ๆจะไปวัดคริสต์ ไปหาคุณพ่อ มันก็คงแปลกๆใช่มั้ยครับ ผมจึงใช้วิธีการเนียนๆสมอ้างตัวเองว่าเป็นนักเรียนที่จะมาทำรายงาน และได้ขอเข้าพบคุณพ่อแพททริก มัชโชนี ซึ่งเป็นคุณพ่อเจ้าวัดในขณะนั้น และได้พูดคุยกับท่านจนกระทั่งจะกลับ ผมก็เหลือบไปเห็นพระคัมภีร์วางอยู่ ผมก็ขออ่าน ก็อ่านแบบผ่านๆน่ะครับ เพราะในชีวิตไม่เคยเห็นพระคัมภีร์ เลยอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร คุณพ่อก็ถามว่า “สนใจเหรอ” ผมก็ตอบไปด้วยความขลาดกลัวว่า “ปล่าวครับ แค่อยากอ่านดูเฉยๆน่ะครับ” แล้วคุณพ่อก็พูดว่า “เอาไปซิ แต่ต้องเอาไปใช้ในทางที่ดีนะ ไม่อย่างนั้นพระจะไม่คุ้มครอง” ในความรู้สึกของผมตอนนั้นคือ ดีใจระคนสงสัย คือพระคัมภีร์นะครับ และของวัดด้วยจะมายกให้คนต่างศาสนาอย่างผมง่ายๆอย่างนี้ได้ไง ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะครับ แต่ผมก็มาคิดว่านี้คงเป็นพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

เมื่อได้รับพระคัมภีร์มาแล้ว ผมก็มีความลุกร้อนที่จะอ่านพระคัมภีร์มาก ผมอ่านพระคัมภีร์ทุกวัน และยิ่งอ่านไปๆยิ่งค้นพบว่า คำตอบในชีวิต คำตอบของอะไรหลายๆอย่างที่เราเฝ้าถามหาคำตอบแต่ได้กลับมาเพียงเสียงที่เงียบงันนั้น มันมีคำตอบอย่ในพระคัมภีร์แล้ว ราวพระคัมภีร์คือตัวเฉลยของข้อสอบสุดหินต่างๆในชีวิตเรา และเมื่อผมอ่านไปจนถึงบทสวดที่พระเยซูเจ้าทรงสอน คือ บทข้าแต่พระบิดา ผมก็จำมาและเริ่มนำมาสวดพร้อมกับร้องเพลงวันทามารีอา แค่เพียงสองบท ผมกลับรู้สึกเป็นสุขได้อย่างประหลาด

และผมยังเชื่ออีกว่าพระเจ้าทรงนำให้ผมมาพบกับเว็บนิวมานาแห่งนี้ ทำให้ผมได้รับความรู้ต่างๆมากมายเกี่ยวกับพระ เกี่ยวกับพระศาสนจักร จากการที่ที่เว็บของเราได้มีการแจกสายประคำฟรี ผมก็ได้ให้ชื่อที่อยู่ขอไปด้วย ผมจึงได้สายประคำสายแรกมาสวด


จบจากม.3ก็เข้าสู่การแข่งขันที่ดุเดือดเพื่อที่จะสอบเข้าเรียนต่อในระดับชั้นม.4 ผมเองก็เช่นกัน ผมต้องการที่จะเข้าเรียนในห้องเรียนโครงการพิเศษของโรงเรียน ที่เป็นโครงการวิทย์เข้มข้น ซึ่งรับน้อยมากแค่30คน ผมจึงสวดภาวนาวอนขอพระเจ้าว่า
“ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า โปรดทอดพระเนตรมองลูก โปรดสดับรับฟังลูก ลูกรู้ดีลูกนี้คนบาป และลูกก็รู้ดีว่าลูกยังไม่ได้เป็นประชากรของพระองค์เพราะลูกยังไม่ได้รับศีลล้างบาปหรือเรียนคำสอน แต่ลูกมีความศรัทธาต่อพระองค์อย่างจริงใจ ลูกขอให้พระองค์ช่วย ลูกอยากจะเข้าเรียนในโครงการห้องเรียนพิเศษนี้ เพื่อที่ลูกจะได้มีวิชาความรู้ไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ แต่เหนือสิ่งอื่นใดขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า หากคำวิงวอนของลูกสอดคล้องต้องตรงกับพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ลูกขอให้พระประสงค์จงสำเร็จเถิด แต่หากคำวิงวอนของลูกไม่ได้เป็นไปตามพระประวงค์ของพระองค์ ลูกก็ขอน้อมรับพระประสงค์อย่างเต็มใจ” ผมก็สวดอย่างนี้7วันก่อนสอบ แต่เมื่อไปทำข้อสอบจริงๆผมกลับทำไม่ได้ แต่เมื่อผลประการออกมาคือ ผมสามารถสอบเข้าได้ ผมจึงเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่า พระเจ้าทรงช่วยผม นี้เป็นพระประสงค์ของพระองค์


เมื่อผมรู้สึกว่าผมศรัทธาในพระเจ้าอย่างจริงจังแล้ว ผมก็อยากจะประกาศความเชื่อของตัวเองให้คนอื่นได้รู้ ผมจึงถือโอกาสวันคริสต์มาสในการบอกแก่แม่ของผม เมื่อผมบอก ท่านก็นิ่งไปและก็พูดว่า “ฉันเกิดเป็นพุทธลูกฉันก็ต้องเป็นพุทธ เธออยากไปเป็นคริสต์ เธอจะไปนับถือพระเจ้าของเธอ เธอก็ไม่ใช่ลูกฉัน” และแม่ของผมก็ไม่พูดกับผมอีก คนเป็นลูกอย่างผมก็รู้สึกเสียใจที่สุดที่แม่พูดอย่างนั้น วันนั้นผมกลับบ้านไปเอาแต่ร้องไห้ รีบคว้าเอาพระคัมภีร์มากอดไว้ ผมกอดพระคัมภีร์แล้วร้องไห้ แล้วหันมาจ้องมองรูปพระที่หน้าปกพลางพูดกับพระองค์ว่า “พระเจ้า พระองค์ต้องการอะไรจากลูก ลูกทุกข์ใจเหลือเกินพระเจ้าข้า ลูกรับสภาพอย่างนี้ไม่ไหว” และเหมือนมีอะไรมาดลใจผม ผมเลยบอกกับพระองค์ไปว่า “ขอพระเจ้าโปรดตรัสกับลูกผ่านตัวอักษรในพระคัมภีร์ด้วยเถิดพระเจ้าข้า” แล้วผมก็หลับตาลงและเปิดพระคัมภีร์ ปรากฏว่าบทที่ผมเสี่ยงได้คือบท เปโตร1 4:12 -4:19 ซึ่งเนื้อหามีดังนี้ (ผมหาที่เป็นสำนวนฉบับของผมไม่ได้ จึงขอเอาเป็นฉบับที่หาได้มาก่อนนะครับ คิดว่าใจความไม่แตกต่างกัน อาจแตกต่างกันที่คำบางคำเท่านั้น
ผู้เชื่อจงอย่าท้อใจ
4:12 ท่านที่รัก อย่าประหลาดใจที่ท่านต้องได้รับความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสเป็นการลองใจ เหมือนหนึ่งว่าเหตุการณ์อันประหลาดได้เกิดขึ้นกับท่าน
4:13 แต่ว่าท่านทั้งหลายจงชื่นชมยินดีในการที่ท่านได้มีส่วนร่วมในความทุกข์ยากของพระคริสต์ เพื่อว่าเมื่อสง่าราศีของพระองค์ปรากฏขึ้น ท่านทั้งหลายก็จะได้ชื่นชมยินดีเป็นอันมากด้วย
4:14 ถ้าท่านถูกด่าว่าเพราะพระนามของพระคริสต์ ท่านก็เป็นสุข ด้วยว่าพระวิญญาณแห่งสง่าราศีและของพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับท่าน ฝ่ายเขาก็กล่าวร้ายพระองค์ แต่ฝ่ายท่านก็ถวายเกียรติยศแด่พระองค์
4:15 แต่ว่าอย่าให้มีผู้ใดในพวกท่านได้รับโทษฐานเป็นฆาตกร หรือเป็นขโมย หรือเป็นคนทำร้าย หรือเป็นคนที่เที่ยวยุ่งกับธุระของคนอื่น
4:16 แต่ถ้าผู้ใดถูกการร้ายเพราะเป็นคริสเตียน ก็อย่าให้ผู้นั้นมีความละอายเลย แต่ให้เขาถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเพราะเหตุนั้น
4:17 ด้วยว่าถึงเวลาแล้วที่การพิพากษาจะต้องเริ่มตั้งต้นที่ครอบครัวของพระเจ้า และถ้าการพิพากษานั้นเริ่มต้นที่พวกเราก่อน ปลายทางของคนเหล่านั้นที่ไม่เชื่อฟังข่าวประเสริฐของพระเจ้าจะเป็นอย่างไร
4:18 และถ้าคนชอบธรรมจะรอดพ้นไปได้อย่างยากเย็นแล้ว คนอธรรมและคนบาปจะไปอยู่ที่ไหน
4:19 เหตุฉะนั้น ให้คนทั้งหลายที่ทนความทุกข์ยากตามพระประสงค์ของพระเจ้า ฝากจิตวิญญาณของตนไว้กับพระองค์ด้วยการประพฤติดี เหมือนหนึ่งฝากไว้กับพระองค์ผู้ทรงสร้างอันสัตย์ซื่อ

แค่ผมอ่านจบเท่านั้นล่ะครับ น้ำตาก็ยิ่งไหลออกมาแต่เป็นน้ำตาแห่งความปิติ เพราะผมรู้สึกเหมือนกับพระเจ้าทรงรับรู้และได้ยินคำพูดของผม และเนื้อหาในพระคัมภีร์ก็ช่างตรงกับสถานการณ์เหลือเกิน ความรู้สึกในขณะนั้น ความทุกข์ใจ และเนื้อหาใจความของบทจากพระคัมภีร์มันช่างสอดคล้องกันอย่างไม่น่าเชื่อ ผมเชื่อว่าพระเจ้าทรงปลอบประโลมผมและเตือนใจให้ผมมีความมั่นคงในความเชื่อต่อไป และตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ผมยังคงดำรงความเชื่ออยู่และหาโอกาสไปวัด ไปปรึกษาคุณพ่อทุกครั้งที่ทำได้

นี้แหละครับเรื่องราวของผม ตั้งแต่ต้นตั้งแต่ซีดีของแถม มาจนถึงบทหนึ่งในพระคัมภีร์ อัศจรรย์ทุกอย่างที่ผมได้รับ ผมเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่าเป็นเพราะพระเจ้า พระองค์ทรงช่วยเหลือผมเสมอ พระองค์สถิตกับผม และผมก็เชื่อว่าพระองค์จะทรงสถิตอยู่กับพวกเราทุกๆคน ตราบเท่าที่เรายังคงมีความเชื่ออยู่ เพราะองค์พระผู้ป็นเจ้าเป็นองค์แห่งความรัก ความเมตตา ความจริง ความสัจจา และความดีงามในทุกๆประการ และตามในพระคัมภีร์ที่คนทั้งหลายได้รับอัศจรรย์ พระเยซูเจ้ามักจะตรัสกับพวกเขาเหล่านั้นว่า “ความเชื่อของท่านทำให้ท่านรอดพ้นแล้ว”(เทียบ มก 11:23)

และท้ายที่สุดก็ขอยกความตอนหนึ่งในพระวรสารนักบุญมัทธิว มาเป็นข้อเตือนใจและหนุนใจท่านทั้งหลายและขอให้ท่านทั้งหลาย จงมีความเชื่อที่มั่นคงต่อไป
21:21 ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านมีความเชื่อและมิได้สงสัย ท่านจะกระทำได้เช่นที่เราได้กระทำแก่ต้นมะเดื่อนี้ ยิ่งกว่านั้น ถึงแม้ท่านจะสั่งภูเขานี้ว่า `จงถอยไปลงทะเล' ก็จะสำเร็จได้
21:22 สิ่งสารพัดซึ่งท่านอธิษฐานขอด้วยความเชื่อ ท่านจะได้"

ป.ล.ขอขอบคุณพี่ LL หม่าม้า พี่LL หม่าม้า พี่Zion และพี่ billa-bong ซึ่งได้ให้การดูแลผมเป็นอย่างดี ทั้งยังได้แบ่งปันและให้โอกาสผมได้ไปแบ่งปันกับพี่น้องสัตตบุรุษที่วัดแม่พระฟาติมาอีกด้วย ผมรู้สึกขอบคุณ ดีใจ และเหนือสิ่งใดพวกเราต้องขอบคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าที่พระองค์ทรงนำพาพวกเราให้ได้มาพบเจอกันและได้รู้จักกัน :s002: :s002: :s015: :s015:
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2012 8:12 pm

ขอบคุณที่แบ่งปันครับน้อง และขอบพระคุณพระเป็นเจ้าที่ทรงตามหาลูกๆ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

เรื่องราวของน้องดีมากๆ เลยครับ ขอเป็นกำลังใจและจะสวดภาวนาให้ได้เป็นลูกของพระองค์เร็วๆครับ

ยินดีต้อนรับ ลูกแกะใหม่ครับ :s021:
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2012 10:19 pm

พระเจ้ารักน้องมาก น้องโชคดีมากๆกว่าหลายๆล้านคนในประเทศไทยที่พระเรียก และแสวงหาพระองค์
ขอพระอวยพร สักวันหนึ่งน้องจะได้เป็นคริสตชนเต็มตัว และเป็นลูกที่น่ารักของพระองค์
เข้ามาแบ่งปัน และเล่าสู่กันฟังบ่อยๆนะคะ..น้องนะ
....... :s021: ......
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พฤหัสฯ. มี.ค. 15, 2012 11:10 pm

ขอบคุณน้องเช่นกันคร้าบบบ พี่ได้กำลังใจ และดีใจมากๆๆ ที่ได้เจอและ มีโอกาสได้คุยกัน ขอพระเจ้าอวยพรครับ :s015:
ภาพประจำตัวสมาชิก
tuztiz
โพสต์: 423
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 19, 2007 7:45 pm

จันทร์ มี.ค. 19, 2012 10:52 am

:s002:
ภาพประจำตัวสมาชิก
COLUMBUS
โพสต์: 96
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ เม.ย. 22, 2012 1:14 pm

ศุกร์ เม.ย. 27, 2012 3:13 pm

ขอบคุณมากครับสำหรับเรื่องราวการรู้จักพระเจ้าของคุณที่นำมาหนุนใจกัน ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงประทานพระพรครับ :s007:
ตอบกลับโพส