++ ทำไมคุณถึงตัดสินใจเชื่อพระเจ้า ++

แบ่งปัน คำพยาน ประสบการณ์ชีวิตกับพระเจ้า และการอัศจรรย์ ที่พระเจ้าได้ทรงกระทำต่อชีวิตของเราแต่ละคน
lend
โพสต์: 32
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 24, 2007 10:15 pm

เสาร์ ต.ค. 27, 2007 9:31 am

ตอนแรกผมอยากรู้ว่าตัวเองต้องการเป็นอะไรกันแน่ ชีวิตผมมีความทุกข์  แต่เคยได้ยินว่าถ้าเปลี่ยนแนวคิดให้เป็น + ได้ ชีวิตจะมีความสุข เพราะ ผมไปอ่านหนังสือเล่มหนึ่งนะครับ  ผมยืนอ่านอยู่ซักพัก ก็ตัดสินใจซื้อเรื่อว the power of think positive ตอนนั้นผมแค่คิดว่าจะประสบความสำเร็จต้องคิด + ทั้งๆที่ตอนนั้นยังไม่รู้จักตนเองเลย แต่พออ่านไปเรื่อยๆ  ผมกลับพบว่า พระเจ้า ท่านอยู่กับเราเสมอ คอยคุ้มครองเรา  ใจของผมสุขใจมากหลังจากได้อ่านหนังสือเล่มนั้นในแต่ละบท 
แต่ละบทจะสอนให้รู้จักพระเจ้า  อุปสรรคต่างๆพระเจ้าสร้างมาเพื่อให้เรามีความแข็งแกร่งมากขึ้น     ช่วงแรกๆผมก็ขอพรกับพระเจ้าแค่ช่วงมีปัญหา  หมดกำลังใจ  แต่ตอนี้ผมเจอกับ
พระองค์ทุกๆวัน  รู้สึกถึงพลัง และความรู้สึกดีๆอย่างเปี่ยมล้น  เมื่อผมพ่ายแพ้พระองค์ทรงให้กำลังใจผม  เมื่อเจอทางตันพระองค์ทรงชี้ทางออกให้ผม  หลายครั้งที่ผมร้องไห้  เพราะเสียใจ แต่ตอนนี้ผมร้องไห้เพราะปาบปลืมใจที่พระองค์ทรงเมตตาและรักผมยิ่งนัก   จนตอนนี้ผมรักพระองค์อย่างสุดซึ้ง  และ  มีความฝันจะเป็นนักเขียนในบั้นปลายของชีวิตนี้  เผยแพร่ความสุขแก่ทุกๆคน ให้ผู้คนทั่วประเทศ และทั่วโลกได้รู้จักพระเจ้า   :grin:
แก้ไขล่าสุดโดย lend เมื่อ เสาร์ ต.ค. 27, 2007 3:11 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jira
โพสต์: 213
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ย. 21, 2007 11:21 am

เสาร์ ต.ค. 27, 2007 10:28 am

          เห็นทุกคนเขียนเล่าเกี่ยวกับความเชื่อที่มีต่อพระเจ้า จีอยากจะเขียนบ้างค่ะ จริง ๆ แล้วมีฌอกาสที่จะได้เข้าเป็นลุกแกะของพระองค์ตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ที่ มธ.ท่าพระจันทร์แล้วค่ะ ตอนนั้นมีพี่กลุ่มหนึ่งมาพูดและแบ่งปันประสบการณ์  ตอนนั้นพี่เค้าลองให้อธิษฐาน ภาวนาต่อพระองค์ ตอนนั้นจีไม่ได้เข้า เพราะว่าเพื่อน ๆ ของจีเค้าเป็นพุทธกันหมด พอเรียนจนจบมหาวิทยาลัย จีทำงาน แล้วช่วงนั้น จีเจอปัญหาเยอะมาก เเล้วรู้สึกเหนื่อยกับชีวิตมาก ๆ แล้วเคยแม้แต่คิดที่จะลาโลกไป  วันหนึ่งจีฝันถึงโบสถ์ ในความฝันมันอบอุ่นมากค่ะ เราไม่รู้ว่าเป็นความฝัน เพราะมันเหมือนเรื่องจริงมาก จีเลยมานึกดูว่า นี่เป็นแนวทางในชีวิตของเรา ที่พระเจ้าทรงกำหนดให้เราเป็นลูกของพระองค์หรือเปล่า จีจึงพยายามศึกษา อ่านพระคัมภีร์ทุกวัน พ่อแม่ของจีเค้าไม่ได้ปิดกั้นเลยค่ะ พวกท่านอนุญาตและเข้าใจเรา หลังจากที่จีเชื่อในพระเจ้า และรักพระองค์มาก ชีวิตจีก็เริ่มเปลี่ยนไป มุมองในการใช้ชีวิตของจีก็เปลี่ยนไป  เมื่อก่อนนิสัยเสียมากค่ะ ชอบโกรธ ชอบงอน แล้วก็ชอบเจ้าคิดเจ้าแค้นคนอื่น แต่ตอนนี้จีไม่เป็นแล้วค่ะ บางครั้งจีอาจจะท้อแท้บ้าง แต่นั่นก็เพราะว่าพระเจ้าทรงประสงค์จะให้จีเลิกกระทำบาป และละทิ้งนิสัยที่ไม่ดีของจีไป ตอนนี้ไม่แม้แต่จะคิดทำบาปในแต่ละวัน เพราะอยากเป็นลูกที่ดีของพระองค์ พระองค์ทรงเมตตาจีมาก จีอยากจะเป็นผู้หว่านที่ดี เพราะเพื่อน ๆ ที่ทำงาน จีชอบเปิดหนังเกี่ยวกับพระเยซู แล้วเป็นภาษาอังกฤษ พวกเค้าก็ถามจีว่า อยากฟังรู้เรื่อง แปลให้ฟังหน่อย พระเยซูตรัสว่าอะไรบ้าง จีมีความสุข ที่ได้พูด ได้บอกแก่เพื่อน ๆ ของจีว่าพระเยซูเจ้าทรงเมตตา และพระเจ้าก็ทรงเมตตาลูก ๆ ทุกคนของพระองค์ จีสัญญากับพระองค์ว่าจีจะไม่มีวันทำลายชีวิตตัวเอง และไม่มีวันที่ลูกคนนี้จะเลิกรักพระองค์ค่ะ เพราะจีรักพระองค์มาก ๆ  :smiley:
:: ทั่ น เ บ เ น ดิ๊ ก โ ต ::
โพสต์: 574
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:52 pm
ติดต่อ:

เสาร์ ต.ค. 27, 2007 12:55 pm

ฟังแล้วมีความสุขจัง ผมว่าพระองค์ก็มีความสุขที่มีลูกๆอย่างพวกคุณนะ... : xemo017 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
A G N E A U
โพสต์: 97
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2007 10:22 pm

พุธ ม.ค. 16, 2008 2:19 pm

ผมขอเล่ามั้งนะ

     ผมเริ่มเชื่อสมัยม.ต้นมั้งครับ ช่วงหนังสือพลังแห่งชีวิตอ่ะ  ::011:: ซึ่งตอนแรกก็ต่อต้านคริสต์มาก มีครั้งหนึ่งสมัยประถมเพื่อนคนหนึ่งเค้าไปเป็นคริสต์(ไม่แน่ใจว่าโปรฯหรือมอรมอน)เชื่อมั้ย ผมพูดเสียดสีเค้าจนร้องไห้เลยอ่ะ(ปากดี)  ::008:: จากนั้นมากก็ยังไม่มีอะไร พ่อแม่ให้ไปบวชเณรก็ไปแถมยังว่าพระเจ้าอีกตั้งหาก คือพอดีมีคุณป้าเป็นคริสเตียนแล้วโดนพี่น้องด่าว่ามากมาย เราก็คิด เออทำไมเค้ายึดยัดในความเชื่อเค้าดีเนอะ แล้วก็เอาล่ะ อยากรู้อ่ะ  ::003:: ประจวบเหมาะก่ะพลังแห่งชีวิต ซึ่งตอนนี้สนใจมากๆที่เค้าบอกว่าถ้าให้พระมาอยู่ชีวิตเรา เราจะไม่เหนื่อยจะมีสันติสุขอะไรทำนองนี้อ่ะนะครับ ผมก็ชอบเลยดิครับเพราะผมเป็นคนเครียดๆอยู่แล้ว เลยลองอธิษฐานต้อนรับพระเยซูมานั่งบนบัลลังค์ชึวิตเป็นช่วงที่สัมผัสถึงพระครั้งแรกจริงๆมีความสุขมาก
   
    จากนั้นผมก็เชื่อก็คิดว่าจะต้องไปคริสตจักรเพราะในหนังสือบอกไว้ เราก็เลยเริ่มทำท่าทางทีเล่นทีจริงก่อพ่อแม่ว่าอยากเป็นคริสต์ แต่คราวนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ(ส่วนมากพ่อแม่จะค่อยๆรับได้ถ้าบอกแบบนี้อ่ะนะ) พ่อรีบบอกว่าเพราะหนังสือบอกใช่มั้ย พ่อเลยเอาไปทิ้งซะเลย  ::016:: ตอนนั้นจำได้ช่วงม.ต้น ก็เลย เออเอาวะ ตามใจพ่อแม่ตามประสาลูกที่ดี เหอๆ แต่ใจก็ยังรักพระเสมอมา แต่ก็เริ่มออกจากพระไปเรื่อยๆ ชีวิตเริ่มหลงไป

    จนวันหนึ่งอยู่ม.6พระทรงเรียกผมกลับมา จำได้ว่าไปอ่านกระทู้ในเว็บไหนที่แหละ อ่านแล้วแบบว่า ร้องไห้อ่ะ สำนึกผิด กูบาปอย่างแรง เลยจะไปหาพระให้ได้ ตอนนั้นมีคริสตจักร(โปรฯ)ใกล้บ้านแห่งหนึ่ง สวยงามดี น่าเข้า ก็เล็งไว้ แต่หนักใจเรื่องพ่อแม่  : emo031 : เราเลยลองอธิษฐานแล้วเปิดFirst Bible for Children 555+ คือผมแอบไปซื้อมาอ่านอ่ะ ภาพสวยดี(อ้างพ่อแม่ว่าฝึกภาษาอังกฤษ) เป็นตอนที่ผู้ชายคนหนึ่งโดนโยนไปอุโมงค์ที่มีแต่เสือที่หิวโหย แต่พระก็คุ้มกันเค้า กลายเป็นว่าเสือคือแมวซะงั้นอ่ะ เลยเอาว่ะ เราต้องบอก เลยเดินไปบอกพ่อแม่ว่า อาทิตย์นี้จะไปโบส์ถนะ เค้าก็หรอ อืมๆ อ้างเพิ่มอีกว่าจะไปดูเผื่อมีสอนอังกฤษ เค้าก็ อืมๆ ไปสิ ผมก็แบบอึ้งเลย ขอบคุณพระเจ้ามากๆ

    ผมเคยมีประสบการณ์กับพระตอนมาคริสตจักรตอนแรกๆด้วย คือช่วงปิดเทอมผมเรียนพิเศษหนักมาก วันหนึ่งกลับมาบ้านแล้วรู้สึกเลยว่าไม่สบายแน่ๆ พรุ่งนี้ไม่รู้จะไปเรียนได้มั้ย เลยอธิษฐาน แล้วก็นอน ระหว่างนอนกำลังจะหลับ อยู่ระหว่างเคลิ้มๆ เน้นว่ายังไม่หลับ ยังรู้สึกตัว ยังได้ยินเสียงน้องข้างบ้านร้องไห้ด้วย อยู่ๆตัวเราก็เด้งดึ๋ง ย้ำว่าดึ๋งจริงๆและไม่ได้ละเมอแล้วรู้สึกสบายตัวขึ้นจากที่เป็นไข้ แล้วต่อมาเหมือนมีคนเอามือมาจับหัวเราไว้ให้หันตรงขึ้นไปทิศที่มือนั้นต้องการ จากนั้นก็มีหน้าผู้ชายมีเคราสีน้ำตาลลอยมาใกล้มาเรื่อยๆ ผู้ชายคนนั้นก็คือพระเยซูผมมั่นใจเหมือนในรูปเลยครับ พระเยซูก็พูดสั้นๆเองครับว่า "จงเป็นเด็กดีของพระเจ้านะ" ผมก็ตอบท่านว่า "ก้องจะเป็น" แล้วพระองค์ก็หายไป สักพักระหว่างนั้นมีความสุขมากกกกกกกกกกกก ตอนนั้นรู้สึกเหมือนเส้นใยบางๆอะไรสักอย่างกำลังค่อยๆหลุดออกจากหัว มันก็ไหลไปเรื่อยๆจนมันแบบว่าเหมือนมันหมดแล้วอ่ะ มันขาดตอนของเส้นนั้นไปแล้ว ผมก็ยิ่งมีความสุขมากกว่าเดิมอีก เพราะผมรู้สึกเลยว่าเตียงของผมอ่ะ มันอุ่นๆ คือรู้สึกได้เลยว่าคนเป็นไข้เคยมานอนตรงนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เราหายแล้ว !! ดีใจมาก ::001:: พระรักเราจริงๆ รุ่งขึ้นดีใจมากกลั้นไม่อยู่รีบบอกแม่ก่อนเลย แม่ก็แบบอ้อหรอ ไม่สนใจ แต่ผมก็มีความสุขอยู่ดี

    ตอนที่ผมอยู่คริสตจักรนั้นก็แบบมีความสุขมากนะ happyดีมาก แต่ วันหนึ่ง เหมือนมีอะไรมาดลใจ เดาว่าคือแม่พระ คืออยู่ดีๆก็มาเจอเว็บนี้ เหอๆ แล้วก็เริ่มศึกษาอย่างแรง เพราะที่คริสตจักรเค้าก็ค่อนข้างจะต่อต้านคาทอลิกนะครับ แต่ยิ่งต่อต้านยิ่งอยากรู้อ่ะ เลยมาโพสในบอร์ดนี้ก็ได้พี่ยศใจดีช่วยอบคำถาม จนตอนนี้เรียนคำสอนอยู๋แล้วครับ ความจริวจุดที่ทำให้เรามาเชื่อแม่พระคือ ลองภาวนาผ่านแม่พรแล้ว ศักดิ์สิทธิมาก ได้จริงๆ จากที่เคยขอเคยแล้วได้ แต่ก็ไม่แรงเท่าผ่านแม่พระ ถ้าใช้คำไม่ถูกต้องของอภัยด้วยนะครับ แล้วเราก็ชอบคาทอลิกอยู่แล้วเลยอยากเป็นคาทอลิกเลยครับ แล้วพึ่งแม่พระก็ศักดิ์สิทธิจริงครับ ขอยืนยัน

พระรักเราทุกคนครับ

ขอจบแบบนี้ละกัน 555 จบล่ะ  : emo045 :
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ ม.ค. 16, 2008 2:25 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ม.ค. 17, 2008 2:35 am

น่าประทับใจจ๊า 
แต่น้อง A G N E A U  ขอเสริมหน่อยน๊า  เดี๋ยวใครมาอ่านจะเข้าใจผิด
แต่ก่อนน้องขอพรด้วยตัวเอง  ก็ได้ผล  แต่เมื่อขอผ่านแม่พระแล้ว  เห้นว่าได้ผลมากขึ้น เร็วขึ้น ฯลฯ
น้องต้องเข้าใจบทบาทของแม่พระ และ พูดให้พูดต้องนะจ๊ะ
เพื่อพี่น้องต่างนิกายจะได้ไม่เข้าใจแม่พระผิดอีก

นั่นคือ  น้องขอให้แม่พระช่วยทูลเสนอพระเจ้าด้วยอีกแรง

ทำให้มีพลังใจการขอพรมากขึ้น  เหมือนกันอธิษฐานเผื่อของโปรฯ
แต่สำหรับเรา  เรามีแม่พระช่วยอธิษฐานเผื่อ  ซึ่งฤทธิ์กุศลที่แม่พระทรงเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า
จึงทำให้การอธิษฐานเผื่อนั้นมีผลมากขึ้น เร็วขึ้น ดีขึ้น นั่นเอง  ::017::
ภาพประจำตัวสมาชิก
jimseason
โพสต์: 155
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 09, 2007 6:43 pm
ที่อยู่: Pattaya

พฤหัสฯ. ม.ค. 17, 2008 4:32 am

ขอยืนยัน นอนยัน นั่งยัน
กับคำพูดคุณ LL อีกคนนะ
แล้วก็ขอบคุณด้วยครับสำหรับข้อมูล
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

พฤหัสฯ. ม.ค. 17, 2008 12:58 pm

กลับมาอ่านอีกครั้งตั้งแต่กระทุ้แรก แล้วทำให้มีกำลังใจมากขึ้น

อยากให้ปักหมุดไว้จะได้หาเจอง่าย ๆ ครับ ^^ เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะอ่านเวลาเหนื่อยหรือท้อใจและคิดว่าพระไม่รักเราแล้ว
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. ม.ค. 17, 2008 3:15 pm

ขอบพระคุณพระเจ้าครับ ::001::
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

พฤหัสฯ. ม.ค. 17, 2008 6:18 pm

::014:: ขอบคุณที่แบ่งปันนะคะ เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับ และน่าภูมิด้วยที่พระองค์ทรงเลือกน้อง ::017::
ภาพประจำตัวสมาชิก
แบกะดิน
โพสต์: 1085
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 26, 2007 7:49 pm

พฤหัสฯ. ม.ค. 17, 2008 6:46 pm

อยากเล่ามั้งจัง  ::014::

เดิมทีเรียนรร.คาทอลิก ตอนม.ต้น เข้ามาครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นมาก
เพราะบทสวดไม่เหมือนรร.เก่า มีสวดตอนเช้า ก่อนเข้าห้อง ทานอาหาร ก่อนกลับบ้าน
และร่วมพิธีมิซซา  ครั้งแรกรู้สึกขนลุก แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก
คิดอยู่ในใจว่า ทำไมเราไม่ได้เกิดมาเป็นคนคริสต์มั้ง
รู้อยู่แก่ใจว่า ถ้าเราเปลี่ยนศาสนา พ่อแม่คงไม่ปลื้ม  : xemo023 :

จนจบม.3 มาเซอร์ได้พาไปแสวงบุญตามวัด สวดสายประคำ
ไปๆมาๆ พระเรียกเรา เมื่อช่วงมหาพรต ปีที่แล้ว
และถึงทุกวันนี้ เรายังขาดพระไม่ได้เลยแม้แต่วันเดียว

และกำลังคิดว่า22มีนานี้จะรับศีลล้างบาป แต่ยังไม่ได้บอกพ่อแม่เลย  : emo018 :
และคิดไม่ออกว่าจะพูดยังไงดี รู้สึกตื่นเต้นตลอดเวลา เพราะเวลาใกล้เข้ามาทุกวันแล้ว    : emo036 :
ได้แต่สวดขอพระดลใจพ่อแม่ และให้พ่อแม่กลับใจมาหาพระด้วย พ่อแม่คงเข้าใจเราน้ะ สิ่งที่เราทำอยู่ทุกๆวันนี้  :angel: :angel:



รู้สึกว่าชีวิตมีอะไรดีขึ้นมาก ตั้งแต่ได้รู้จักพระองค์ และเรียนรู้ความรักที่พระองค์มอบให้
LampOfGod
โพสต์: 17
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 14, 2007 4:42 pm

ศุกร์ ม.ค. 18, 2008 12:31 am

ยังไม่กล้านิยามความหมายของพระเจ้าแต่จริงๆแล้วไม่นิยามจะดีกว่าบางสิ่งบางอย่างยิ่งนิยาทความหมายของมันยิ่งแคบลงกว่าความเป็นจริง ผมว่าเราทุกคนมีสภาวะของความเป็นพระเจ้าอยู่ในตัวกันทุกคน ถ้าเป็นพุทธอาจจะเรียกสภาวะของพุทธะ ความสงบ สันติ ก็อาจจะขึ้นอยู่กับ memory ในหัวของเราที่ดึงออกมานิยามและจะใช้มันได้ ถ้าเป็นแบบคริสตร์อาจจะ พระเจ้าคือหนทางความจริงและชีวิต( joy true love )ผมเชื่อในความรักผมเชื่อว่าแท้จริงแล้ว มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ดีโดยเนื้อแท้อาจจะหลงทางหรื่อยังละลึกไม่ได้ ก็มีบ่างตัวผมก็เป็นเช่นนั้น เหมื่อนมีหน้าที่ละลึกให้ได้ ทำนองนั้น ผมเชื่อในความรัก(ไม่ใช้รักแบบหนุ่มสาวหรื่อรักแบบแคบๆ)สามารถที่จะรักผู้อื่นได้ แต่ก็อย่างว่าเราจะรักผู้อื่นได้อย่างไรถ้าเรายังไม่สามารถที่จะรักตัวเองให้ได้และเข้าใจถึงประสบการณ์ของมัน(ไม่ใช้แบบหนุ่มสาว) มีฉากนึงในหนังเรื่อง passion ที่พระเยซูกำลังจะถูกตรึงกางเขน กำลังโดนตะปูตอกที่มือ แล้ว พระเยซูกล่าวว่า โปรดให้อภัยพวกเค้าด้วยพวกเค้าไม่รู้เรื่อง พวกเค้าไม่รู้เรื่องให้อภัยเค้าด้วยเถอะ (ลืมประเด็นของความรุนแรงไปเลยนะครับหนังเรื่องนี้เพราะมีประเด็นอย่างอื่นที่น่าสนใจมากกว่าเยอะเลย)
LampOfGod
โพสต์: 17
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 14, 2007 4:42 pm

ศุกร์ ม.ค. 18, 2008 12:34 am

ลืมทิ้งท้าย ผมเชื่อในพระเจ้าเพราะผมเชื่อในความรักไร้เงื่อนไข
ภาพประจำตัวสมาชิก
A G N E A U
โพสต์: 97
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2007 10:22 pm

อาทิตย์ ม.ค. 20, 2008 10:23 am

~@Little lamb@~ เขียน: น่าประทับใจจ๊า 
แต่น้อง A G N E A U   ขอเสริมหน่อยน๊า  เดี๋ยวใครมาอ่านจะเข้าใจผิด
แต่ก่อนน้องขอพรด้วยตัวเอง  ก็ได้ผล  แต่เมื่อขอผ่านแม่พระแล้ว  เห้นว่าได้ผลมากขึ้น เร็วขึ้น ฯลฯ
น้องต้องเข้าใจบทบาทของแม่พระ และ พูดให้พูดต้องนะจ๊ะ
เพื่อพี่น้องต่างนิกายจะได้ไม่เข้าใจแม่พระผิดอีก

นั่นคือ  น้องขอให้แม่พระช่วยทูลเสนอพระเจ้าด้วยอีกแรง

ทำให้มีพลังใจการขอพรมากขึ้น  เหมือนกันอธิษฐานเผื่อของโปรฯ
แต่สำหรับเรา  เรามีแม่พระช่วยอธิษฐานเผื่อ  ซึ่งฤทธิ์กุศลที่แม่พระทรงเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า
จึงทำให้การอธิษฐานเผื่อนั้นมีผลมากขึ้น เร็วขึ้น ดีขึ้น นั่นเอง  ::017::
ขอบคุณครับพี่LL ใช่ฮะ แม่พระช่วยอธิษฐานเผื่อครับ  ::020::
thanya

จันทร์ ม.ค. 21, 2008 1:58 pm

: xemo026 :เราเป็นคริสตังยืนเช่นกันเราล้างบาปเข้าศาสนาคริสต์มาได้ 5  ปี
เราได้รู้จักพระเจ้าโดยที่เราไม่ได้คิดมาก่อนพระเจ้าทรงเลือกเราให้เรามารู้จักพระองค์และคำสอนของพระองค์มีส่วนในการดำเนินชีวิตประจำวันมาก
เราอ่านพระคัมภีร์แล้วเรารู้สึกสบายใจทำใจให้เข้าใจวิถีโลกมากยิ่งขึ้นฟังดูมหัศจรรค์เกินไปแต่คุณต้องลองศึกษาและเปิดใจรับแล้วคุณจะรู้ว่ามีอีกหลายสิ่งที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนและอีกหลายสิ่งที่คุณรู้แล้วจะทึ่งในความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์อย่าให้คนอื่นบอกต้องลองทำอะไรด้วยตนเอง
แล้วคุณจะได้สัมผัสและเข้าใจด้วยตัวของคุณเองคะ
:: ทั่ น เ บ เ น ดิ๊ ก โ ต ::
โพสต์: 574
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:52 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ม.ค. 31, 2008 9:00 pm

เฮ้ย จากบอร์ดของ
A G N E A U เขียน: ผมขอเล่ามั้งนะ

     ผมเริ่มเชื่อสมัยม.ต้นมั้งครับ ช่วงหนังสือพลังแห่งชีวิตอ่ะ  ::011:: ซึ่งตอนแรกก็ต่อต้านคริสต์มาก มีครั้งหนึ่งสมัยประถมเพื่อนคนหนึ่งเค้าไปเป็นคริสต์(ไม่แน่ใจว่าโปรฯหรือมอรมอน)เชื่อมั้ย ผมพูดเสียดสีเค้าจนร้องไห้เลยอ่ะ(ปากดี)  ::008:: จากนั้นมากก็ยังไม่มีอะไร พ่อแม่ให้ไปบวชเณรก็ไปแถมยังว่าพระเจ้าอีกตั้งหาก คือพอดีมีคุณป้าเป็นคริสเตียนแล้วโดนพี่น้องด่าว่ามากมาย เราก็คิด เออทำไมเค้ายึดยัดในความเชื่อเค้าดีเนอะ แล้วก็เอาล่ะ อยากรู้อ่ะ  ::003:: ประจวบเหมาะก่ะพลังแห่งชีวิต ซึ่งตอนนี้สนใจมากๆที่เค้าบอกว่าถ้าให้พระมาอยู่ชีวิตเรา เราจะไม่เหนื่อยจะมีสันติสุขอะไรทำนองนี้อ่ะนะครับ ผมก็ชอบเลยดิครับเพราะผมเป็นคนเครียดๆอยู่แล้ว เลยลองอธิษฐานต้อนรับพระเยซูมานั่งบนบัลลังค์ชึวิตเป็นช่วงที่สัมผัสถึงพระครั้งแรกจริงๆมีความสุขมาก
   
    จากนั้นผมก็เชื่อก็คิดว่าจะต้องไปคริสตจักรเพราะในหนังสือบอกไว้ เราก็เลยเริ่มทำท่าทางทีเล่นทีจริงก่อพ่อแม่ว่าอยากเป็นคริสต์ แต่คราวนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ(ส่วนมากพ่อแม่จะค่อยๆรับได้ถ้าบอกแบบนี้อ่ะนะ) พ่อรีบบอกว่าเพราะหนังสือบอกใช่มั้ย พ่อเลยเอาไปทิ้งซะเลย  ::016:: ตอนนั้นจำได้ช่วงม.ต้น ก็เลย เออเอาวะ ตามใจพ่อแม่ตามประสาลูกที่ดี เหอๆ แต่ใจก็ยังรักพระเสมอมา แต่ก็เริ่มออกจากพระไปเรื่อยๆ ชีวิตเริ่มหลงไป

    จนวันหนึ่งอยู่ม.6พระทรงเรียกผมกลับมา จำได้ว่าไปอ่านกระทู้ในเว็บไหนที่แหละ อ่านแล้วแบบว่า ร้องไห้อ่ะ สำนึกผิด กูบาปอย่างแรง เลยจะไปหาพระให้ได้ ตอนนั้นมีคริสตจักร(โปรฯ)ใกล้บ้านแห่งหนึ่ง สวยงามดี น่าเข้า ก็เล็งไว้ แต่หนักใจเรื่องพ่อแม่  : emo031 : เราเลยลองอธิษฐานแล้วเปิดFirst Bible for Children 555+ คือผมแอบไปซื้อมาอ่านอ่ะ ภาพสวยดี(อ้างพ่อแม่ว่าฝึกภาษาอังกฤษ) เป็นตอนที่ผู้ชายคนหนึ่งโดนโยนไปอุโมงค์ที่มีแต่เสือที่หิวโหย แต่พระก็คุ้มกันเค้า กลายเป็นว่าเสือคือแมวซะงั้นอ่ะ เลยเอาว่ะ เราต้องบอก เลยเดินไปบอกพ่อแม่ว่า อาทิตย์นี้จะไปโบส์ถนะ เค้าก็หรอ อืมๆ อ้างเพิ่มอีกว่าจะไปดูเผื่อมีสอนอังกฤษ เค้าก็ อืมๆ ไปสิ ผมก็แบบอึ้งเลย ขอบคุณพระเจ้ามากๆ

    ผมเคยมีประสบการณ์กับพระตอนมาคริสตจักรตอนแรกๆด้วย คือช่วงปิดเทอมผมเรียนพิเศษหนักมาก วันหนึ่งกลับมาบ้านแล้วรู้สึกเลยว่าไม่สบายแน่ๆ พรุ่งนี้ไม่รู้จะไปเรียนได้มั้ย เลยอธิษฐาน แล้วก็นอน ระหว่างนอนกำลังจะหลับ อยู่ระหว่างเคลิ้มๆ เน้นว่ายังไม่หลับ ยังรู้สึกตัว ยังได้ยินเสียงน้องข้างบ้านร้องไห้ด้วย อยู่ๆตัวเราก็เด้งดึ๋ง ย้ำว่าดึ๋งจริงๆและไม่ได้ละเมอแล้วรู้สึกสบายตัวขึ้นจากที่เป็นไข้ แล้วต่อมาเหมือนมีคนเอามือมาจับหัวเราไว้ให้หันตรงขึ้นไปทิศที่มือนั้นต้องการ จากนั้นก็มีหน้าผู้ชายมีเคราสีน้ำตาลลอยมาใกล้มาเรื่อยๆ ผู้ชายคนนั้นก็คือพระเยซูผมมั่นใจเหมือนในรูปเลยครับ พระเยซูก็พูดสั้นๆเองครับว่า "จงเป็นเด็กดีของพระเจ้านะ" ผมก็ตอบท่านว่า "ก้องจะเป็น" แล้วพระองค์ก็หายไป สักพักระหว่างนั้นมีความสุขมากกกกกกกกกกกก ตอนนั้นรู้สึกเหมือนเส้นใยบางๆอะไรสักอย่างกำลังค่อยๆหลุดออกจากหัว มันก็ไหลไปเรื่อยๆจนมันแบบว่าเหมือนมันหมดแล้วอ่ะ มันขาดตอนของเส้นนั้นไปแล้ว ผมก็ยิ่งมีความสุขมากกว่าเดิมอีก เพราะผมรู้สึกเลยว่าเตียงของผมอ่ะ มันอุ่นๆ คือรู้สึกได้เลยว่าคนเป็นไข้เคยมานอนตรงนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เราหายแล้ว !! ดีใจมาก ::001:: พระรักเราจริงๆ รุ่งขึ้นดีใจมากกลั้นไม่อยู่รีบบอกแม่ก่อนเลย แม่ก็แบบอ้อหรอ ไม่สนใจ แต่ผมก็มีความสุขอยู่ดี

    ตอนที่ผมอยู่คริสตจักรนั้นก็แบบมีความสุขมากนะ happyดีมาก แต่ วันหนึ่ง เหมือนมีอะไรมาดลใจ เดาว่าคือแม่พระ คืออยู่ดีๆก็มาเจอเว็บนี้ เหอๆ แล้วก็เริ่มศึกษาอย่างแรง เพราะที่คริสตจักรเค้าก็ค่อนข้างจะต่อต้านคาทอลิกนะครับ แต่ยิ่งต่อต้านยิ่งอยากรู้อ่ะ เลยมาโพสในบอร์ดนี้ก็ได้พี่ยศใจดีช่วยอบคำถาม จนตอนนี้เรียนคำสอนอยู๋แล้วครับ ความจริวจุดที่ทำให้เรามาเชื่อแม่พระคือ ลองภาวนาผ่านแม่พรแล้ว ศักดิ์สิทธิมาก ได้จริงๆ จากที่เคยขอเคยแล้วได้ แต่ก็ไม่แรงเท่าผ่านแม่พระ ถ้าใช้คำไม่ถูกต้องของอภัยด้วยนะครับ แล้วเราก็ชอบคาทอลิกอยู่แล้วเลยอยากเป็นคาทอลิกเลยครับ แล้วพึ่งแม่พระก็ศักดิ์สิทธิจริงครับ ขอยืนยัน

พระรักเราทุกคนครับ

ขอจบแบบนี้ละกัน 555 จบล่ะ  : emo045 :
ทำไห้ไอซ์นึกขึ้นได้ว่า ตอนเรียนคำสอนอะ ครูบอกว่า คาทอลิกนี่ฉลาดนะ ขอแม่พระ ถ้าเป้นโปรฯเค้าจะไม่ขอ(หรือขอบางคน) เพราะเมื่อแม่
ขอหรือบอกอะไรลูกๆก็ทำตาม ลูกก็จะทำ เพราะเเม่บอก อือ ครูเค้าบอกไอซ์มาอะ ไอซ์ก็ว่า ก็ใช่นะ แม่พระคือผู้วิงวอนให้เราครับ...
rinrinjai
โพสต์: 3
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 21, 2008 5:24 pm

พฤหัสฯ. ก.พ. 21, 2008 10:27 pm

มีคนแนะนำให้ขอพรจากพระเจ้า  ต่อมาพระองค์ประทานให้ผมประสบความสำเร็จครับ  ผมจึงเริ่มศึกษาและเตรียมตัวที่จะเป็นคริสตชนคับ
Christopher

ศุกร์ ก.พ. 29, 2008 1:17 am

~@Little lamb@~ เขียน: เรามาเคยสาเหตุที่ทำให้เราเชื่อพระเจ้ากันเถอะ

พี่เห็นว่าในบอร์ดนี้มีน้องๆที่กลับมาเชื่อพระเจ้าหลายคน
มีทั้งโดยพ่อแม่คัดค้าน  บางคนฝ่าฟันมาก
กว่าจะได้เป็นลูกของพระเจ้า

พี่เห็นว่าเราเอามาแบ่งปันให้เพื่อนๆที่ยังต้องฝ่าฟัน
เพื่อที่จะได้เป็นลูกของพระองค์
จะได้มีกำลังใจ ที่จะยืนหยัดในความเชื่อกันเถอะ

ทำไม..คุณถึงตัดสินใจเชื่อพระเจ้า ?
เราเอง ต้องพูดว่า ณ วันนี้ ชอบในแนวทางของศาสนาคริสต์ มากกว่าที่จะสามารถพูดว่า "เชื่อในพระเจ้า" เพราะยังอ้างว่าเป็นผู้รู้เกี่ยวกับพระเจ้าไม่ดีนัก แต่ก็พยายามศึกษา เรียนรู้ หลักของศาสนาคริสต์ โดยยึดหลัก บัญญัติ 10 ประการ ที่เราสามารถทำได้ เป็นแนวทางในการดำรงชีวิต และอยู่ในสังคม ด้วยเหตุผลต้น ๆ คือ หลักบัญญัติ 10 ประการ เปิดกว้าง..สามารถให้อิสระแก่จิตใจ ความคิดต่อการดำรงชีวิตในสังคมของเรา..และยังพยายามเดินเข้าหา "พระเจ้า" หรือ "คำสอนของพระเจ้า" มากกว่าที่จะเดินออกห่าง..
หมายเหตุ : ศาสนาทุกศาสนา/ทุกศาสดา เป็นเรื่องดี สิ่งที่ดี คำสอน แนวทางที่ดีในการดำรงชีวิต (มนุษย์ต่างหากที่นำมาปฏิบัติผิดเพี้ยนจากความประสงค์จะให้ทำความดีของศาสดาในศาสนาใด ๆ จนเกิดความวุ่นวายในสังคม)
^plai^
โพสต์: 59
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 08, 2008 6:08 pm
ที่อยู่: -
ติดต่อ:

เสาร์ มี.ค. 08, 2008 6:45 pm

อาจเป็นเพราะเราเป็นคนคริสต์และเรียนโรงเรียนคริสต์ตั้งแต่เด็กจนโตโรงเรียนที่เราได้อยู๋ได้ปลูกฝังคำสอนของแม่พระได้อย่างเข้าใจในพระองค์ วันอาทิตย์ก็ไปทำมิซซาได้เข้าร่วมพิธีต่างๆทางศาสนามาตลอดจึงเข้าใจในพระองค์ จึงทำให้เราได้รู้ว่าพระองค์รักเราเหมือนลูกค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ŤaşArĐűŕ
โพสต์: 89
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 31, 2008 1:10 am
ติดต่อ:

จันทร์ มี.ค. 31, 2008 1:20 am

เพราะศรัทธาไงครับ

ถ้าเฟรินชอบผมเมื่อไหร่ ผมยินดีจะนับถือครับ  :angel:

ไม่รู้เป็นเพราะความรักหรือเปล่า ที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

จันทร์ มี.ค. 31, 2008 2:11 pm

suwijuk เขียน: เพราะศรัทธาไงครับ

ถ้าเฟรินชอบผมเมื่อไหร่ ผมยินดีจะนับถือครับ  :angel:

ไม่รู้เป็นเพราะความรักหรือเปล่า ที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้

ถ้าเป็นแบบนั้น  อย่านับถือเลยคะ
ถ้ารักเพราะมีข้อต่อลอง

เพราะถ้าเฟรินเลิกชอบคุณ  คุณก็จะเลิกศรัทธาด้วยใช่มั๊ย

ถ้าศรัทธาเพราะแบบนี้
แนะนำว่า  อย่ามาเชื่อพระเจ้าเลยค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
love.na
โพสต์: 180
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 04, 2008 7:54 pm

อาทิตย์ เม.ย. 06, 2008 8:26 pm

เพราะพระเยซูเจ้าตรัสว่า "เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต"ข้าแต่พระมารดาองค์อุปถัมภ์  โปรดภาวนาเพื่อลูกที่เป็นคนบาปด้วยเทอญ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ŤaşArĐűŕ
โพสต์: 89
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 31, 2008 1:10 am
ติดต่อ:

จันทร์ เม.ย. 07, 2008 11:11 pm

ขอโทษครับ  ผมนับถือจริงๆ

ผมไม่ได้เสแสร้งนะครับ

ต่อให้ไครจะหมดรักผม หรือแม้จะหมดโลกก็ตาม

ผมก็จะเข้าใจ  คำว่า ให้อภัย  แล้วความรักอันเป็นมิตร เสมอ

ข้าพเจ้าละอายแก่ใจอย่างยิ่ง ที่กล่าวไปแบบนั้น

ผมเข้าใจ ที่พระเยซู ทรงไถ่บาปให้มนุษย์ เพราะท่านมีเมตตา

ผมขอโทษด้วยนะครับ  ที่ผมพูดอย่างนั้น

ต่อให้ไครก็ไม่สามารถที่จะโน้มน้าวใจให้ผมเลิกนับถือได้หรอกครับ

ให้อภัยผมด้วยนะครับ 

ไม่ให้ก็ไม่เป็นไรครับ  ขอแค่เข้าใจก็พอ

ผมยินดีนับถือพระองค์ท่านไปตลอดชีวิตครับ

ขอให้พระองค์ท่าน  มีเมตตาต่อผมด้วยนะครับ ขอให้เป็นดังเดิม แล้วผมจะไม่กล่าวแบบนี้อีก
แก้ไขล่าสุดโดย ŤaşArĐűŕ เมื่อ จันทร์ เม.ย. 07, 2008 11:14 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

จันทร์ เม.ย. 07, 2008 11:14 pm

อยากได้ยินคำนี้แหละค่ะ  ::017::
ยินดีต้อนรับสู่บ้านของพระบิดานะคะ   ::013::

ปล.

แต่ที่พูดไปข้างบน ๆ เนี่ย  ไม่ได้โกรธเลยนะคะ
เลยไม่จำเป้นต้องอภัยให้ค่ะ  ::017::
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร เม.ย. 08, 2008 12:34 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
ŤaşArĐűŕ
โพสต์: 89
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 31, 2008 1:10 am
ติดต่อ:

จันทร์ เม.ย. 07, 2008 11:20 pm

เชื่อไหมครับ ผมร้องไห้
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อังคาร เม.ย. 08, 2008 12:22 am

suwijuk เขียน: ขอโทษครับ  ผมนับถือจริงๆ

ผมไม่ได้เสแสร้งนะครับ

ต่อให้ไครจะหมดรักผม หรือแม้จะหมดโลกก็ตาม

ผมก็จะเข้าใจ  คำว่า ให้อภัย  แล้วความรักอันเป็นมิตร เสมอ

ข้าพเจ้าละอายแก่ใจอย่างยิ่ง ที่กล่าวไปแบบนั้น

ผมเข้าใจ ที่พระเยซู ทรงไถ่บาปให้มนุษย์ เพราะท่านมีเมตตา

ผมขอโทษด้วยนะครับ  ที่ผมพูดอย่างนั้น

ต่อให้ไครก็ไม่สามารถที่จะโน้มน้าวใจให้ผมเลิกนับถือได้หรอกครับ

ให้อภัยผมด้วยนะครับ 

ไม่ให้ก็ไม่เป็นไรครับ  ขอแค่เข้าใจก็พอ

ผมยินดีนับถือพระองค์ท่านไปตลอดชีวิตครับ

ขอให้พระองค์ท่าน  มีเมตตาต่อผมด้วยนะครับ ขอให้เป็นดังเดิม แล้วผมจะไม่กล่าวแบบนี้อีก
อย่าคิดมากว่า  เราเชื่อได้ไง  เชื่อเพราะใคร  พระเป็นเจ้าทำงานผ่านความปรารถนามนุษย์เสมอ 

พระเยซูเจ้าให้คนมารู้จักพระองค์  ผ่านความหิวกระหาย  ถึงแม้จะเป็นทางเนื้อหนังก็ตาม  เมื่อมาใกล้พระองค์แล้ว  พระองค์ก็จะให้อาหารวิญญาณกับเรา ... พระองค์ทวีขนมปังให้เราอิ่ม  แล้วปังนั้น  ก็กลายเป็นปังทรงชีวิต

คนที่มาหาพระองค์  อย่างในพระวรสาร  เค้าก็ไม่ได้รักพระองค์แต่แรก  ไม่รู้จักด้วยซ้ำ  แต่มาเพราะอยากกินขนมปัง  และพระองค์ก็ให้เค้า  เลี้ยงเค้า  จากนั้นความสัมพันธ์ก็เริ่มขึ้น  แล้วพระองค์ก็ทำให้เค้ารู้จักปังที่ดีกว่าที่เค้าเคยกิน  ::001::

อาหารวิญญาณไม่ได้รับกันง่ายๆ  เมื่อพระองค์เรียกเรามาแบบนี้แล้ว  ขอให้ตามนะคะ  ไม่ต้องคิดมากว่า  เรารักพระหรือรักอะไรกันแน่  คิดง่ายๆนะคะ  คนคริสต์ไม่ได้เป็นคนส่วนใหญ่ในประเทศ  และทำไมเราต้องมาเจอเค้า  มารักเค้าด้วย  ...  ::001::

ถ้าตกหลุมรักแล้ว  ก็ขอให้รักต่อนะคะ  ::001::  Fall in love, stay in love and it will decide EVERYTHING. -Fr. Pedro Arrupe, SJ. (Superior General คนก่อน ของเยซูอิต) ..  ที่ใดมีรัก  ที่นั่นมีพระเจ้า  ...  ขอให้รักเท่านั้น

การตกหลุมรัก  จะทำให้เราเปลี่ยนได้จากภายใน  ไม่ว่าจะรักอะไรก็ตาม  ขอให้รัก  แล้วพระเจ้าจะทำงานในเราได้ค่ะ  ::001::

ขอบคุณพระสำหรับทุกสิ่งค่ะ  ::001::
Lord Kan Warrock
โพสต์: 31
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 6:12 pm
ที่อยู่: 48/89

พุธ เม.ย. 09, 2008 7:41 pm

เหตุผลคงเป็นเพราะผมได้ฟังการเล่าเรื่องจากคนต่างๆ และผมก็รู้สึกว่าผมเกิดมาเพื่อเป็นคริสต์ และผมก็เกิดมาเป็นคริสต์แล้วด้วยแต่ตอนนั้นผมเฉยๆ
เรื่องราวที่ผมรู้สึกว่าทำให้ผมเกิดเชื่อเรื่องพระเจ้าขึ้นมา คือตอนที่แม่ผมเล่าเรื่องให้ผมฟังว่า ตอนที่ผมยังจำความไม่ได้ ผมไปที่ห้างที่มีสระว่ายน้ำกับแม่ ผมกับแม่ก็ว่ายน้ำ โดยที่ผมมีชูชีพติดที่แขน เป็นผ้าที่อยู่รอบแขนแล้วเป่าลมให้มันพองได้น่ะครับ จากนั้นแม่ก็พาผมขึ้นจากสระถอดชูชีพแล้วบอกว่าให้รอแม่อยู่บนสระ จากนั้นแม่ก็ไปซื้อขนมปังที่เป็นแท่งใหญ่ๆขณะที่แม่ไปซื้อ แม่บอกว่าผมลงไปในสระโดยไม่ได้ใส่ชูชีพ แล้วผมก็จมน้ำ มีการ์ดเขาเอาผมขึ้นมาได้
ตอนนั้นผมจมน้ำไป10นาที ตัวผมเขียวแข็งทื่อไปแล้ว เด็กธรรมดาไม่ถึง5นาทีก็ไปแล้ว แม่กลับมาเห็นการ์ดกำลังผายปอดผมหรือช่วยชีวิตผมด้วยการทำอะไรซักอย่างอยู่ แล้วแม่ก็วิ่งเข้ามากอดผม จากนั้นแม่ก็พูดกับผมให้ผมตื่นแม่ร้องไห้ จากนั้นแม่ก็เอาผมพาดไว้ที่บ่าจากนั้นก็ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า เพลงคริสต์ต่างๆ แม่ร้องและสวดขอพระเจ้า จนในที่สุดผมก็สำรอกอาหารออกมแล้วฟื้นขึ้น ซึ่งในตอนนั้น เป็นทั้งตอนที่แม่ผมเชื่อในพระเจ้าด้วยเช่นกัน ปกติแม่เป็นคริสต์ แต่แม่ไม่เชื่อ แม่เป็นกลางต่อทุกศาสนา จนในที่สุดแม่ก็เชื่อขึ้นมา จากนั้น ผมก็ไปโรงพยาบาล หมอบอกแม่ผมว่า เด็กธรรมดาน่ะตายไปแล้ว และผมก็ยังไม่มีน้ำอยู่ในปอด หรือเป็นไข้อีกด้วย กลับบ้านได้เลยด้วยแหละครับ

อัศจรรย์จริงๆ!~
Comet
โพสต์: 1
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 18, 2008 11:08 pm

ศุกร์ เม.ย. 18, 2008 11:34 pm

สวัสดีค่ะ เพิ่งเข้ามาใหม่ ที่จริง ตั้งแต่จำความได้ก็เชื่อในพระเยซูและพระผู้เป็นเจ้าแล้ว(ประมาณก่อนอนุบาล)จำได้ว่าครูสอนว่าอะไรไม่รู้ แต่เพื่อนบอกว่าธรรมชาติเกิดขึ้นเองฉันเถียงจนทะเลาะกับเพื่อนว่าพระผู้เป็นเจ้าสร้างโลกขึ้นมา แต่ว่าเวลากลางคืนจะร้องไห้และรู้สึกเหมือนไม่อยากอยู่ต่อไป(เป็นตั้งแต่เด็กแล้วเช่นกัน)พยายามจะกลั้นลมทุกคืน ไม่รู้ว่าตนเองนั้นอ่อนแอเกินไปหรือเปล่า ทั้งๆที่ที่บ้านก็อบอุ่นและตนเองก็ไม่ได้มีปมด้อยนะคะ แล้วก็ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนคริสต์ ตอนนั้นก็ไม่ได้เข้าศาสนาคริสต์โดยตรงแต่เห็นเพื่อนบางคนที่เป็นคริสต์ต้องเข้าไปสวดมนต์ ก็อยากจะเข้าไปบ้าง แต่ไม่ได้บอกใคร พอเมื่อเริ่มโตก็ภาวนาในเรื่องต่างๆ ส่วนมากจะได้ตามที่ขอ แล้วพอเข้าม.ต้นอีกที่ ที่บ้านกลับสนับสนุนให้ออกตามรอยพี่ชายเพราะเห็นว่าเหนื่อยทั้งกิจกรรมและการบ้าน ที่จริงไม่ใช่คนขี้เกียจ แต่ไม่ชอบที่จะอยู่อย่างนั้น เมื่อออกมาก็เรียน ก.ศ.น จนจบม.ปลาย มีกิจกรรมที่ชอบทำอยู่มาก เช่นวาดรูป อ่านประวัติศาสตร์ ทำกราฟฟิค แต่ถึงยังไงก็ยังไม่หายจากเรื่องที่ไม่อยากอยู่ต่อไป คงจะเป็นเพราะว่าฉันอยากจะไปอยู่กับพระองค์ ฉันรู้สึกอย่างนี้ตั้งแต่เด็กจริงๆ ฉันคงไม่ได้เพี้ยนใช่มั๊ยคะ?
มาถึงตอนนี้ ฉันก็ยังเชื่อมั่นในพระองค์ และฉันก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดจนถึงวันสิ้นลม เพราะฉันเชื่อว่านี่คือหน้าที่ของฉันและการฆ่าตัวตายนั้นก็เป็นบาปอันใหญ่หลวงค่ะ...
DorFinF
โพสต์: 11
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 19, 2008 4:53 pm
ที่อยู่: Chonburi

เสาร์ เม.ย. 19, 2008 5:06 pm

ตั้งแต่เล็กเลยครับ พ่อแม่พาไปล้างบาป

โตขึ้นมาก็คิดได้ครับ ว่า ดียังไง ช่วยเราได้ยังไง

ขอบคุณพ่อแม่ ที่ให้ผมรักพระครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ring A Bell
โพสต์: 28
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 27, 2008 6:50 pm
ที่อยู่: 263 ถ.ศรีธรรมโศก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

พุธ พ.ค. 28, 2008 6:58 pm

ที่ได้รู้จักศาสนาคริสต์ เนื่องจากเคยเรียนโรงเรียนคริสต์ และได้รับไบเบิลจากมิดชันนารีคนหนึ่งที่มาที่บ้าน
เมื่อได้อ่านคำสอนของพระองค์ก็รู้สึกสะบายใจมากและมีความสุขอย่างประหลาดจึงเชื่อในพระเจ้ามากขึ้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Slave of God
โพสต์: 336
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 02, 2008 10:47 pm

พุธ ก.ค. 02, 2008 11:22 pm

ยินดีที่รู้จักทุกคนค้าบ ผมเป็นคริสตังยืน ครบ1ปีเมื่อวันที่7 เมษายน สาเหตุ  คงเป็นเพราะพระวางแผนไว้นะครับ ผมได้เรียนในโรงเรียนคริตสตั้งแต่อนุบาลจนจบม.6เลยครับ ความเชื่อเลยมาเรื่อยๆ แต่ที่ทำให้ผมเชื่ออย่างหมดใจจนตัดสินใจเปลี่ยนศาสนาโดยเด็ดขาดก็คือครั้งหนึ่งผมเคยอ่านในหนังสือแม่พระยุคใหม่ที่ปกติแล้วจะมีอยู่ทุกห้องเรียนอยู่แล้ว  มีบทความหนึ่งบอกว่าถ้าสัญญากับพระว่าจะเปลี่ยนศาสนาขออะไรพระจะให้  ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งละครับ  พอหลังจากจบม.6 ก็ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยกรุงเทพ พอถึงเมษาปี 46ผมมีเหตุท้าทายควสามเชื่อผมคือพ่อกับแม่ผมถูกยิง เมื่อผมรู้ผมยังอยู่ที่กรุงเทพอยู่ จึงต้องเดินทางกลับทันที แต่ระหว่างเดินทางสิ่งที่เข้ามาในหัวก็คือ คำพูดในบทความที่เคยอ่านนะค้าบ แต่ผมก็ไม่กล้าขอพระนะครับ เพราะไม่รู้ว่าถ้าได้ผมจะทำได้หรือเปล่า  จนนั่งรถมาเรื่อยๆที่บ้านก็โทรมาบอกว่า พ่อกับแม่เสียแล้ว  โอเคเรื่องตอนนั้นก็จบไป  ต่อมา หลังจากนั้น ไม่นานน้องผมต้องเข้ารับการผ่าตัดแบบเฉียบพัน โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรมาก่อน อยู่ดีๆ ก็ลมไป แล้วหมอบอกต้องผ่าตัดด่วน มัน งงมาก บอกอะไรไม่ถูก พ่อแม่ก็เพิ่งเสียน้องก็ทำท่าจะรอดยาก หมอว่างั้นนะครับ  ที่นี้  ก่อนผ่าตัด มันต้องเอ็กซเรย์ก่อน หมอเลยถอด สร้อยของน้องมาฝากไว้ พอผมเห็นสร้อยเท่านั้นละครับ ไม่คิดอะไรแล้วคำพูดในบทความเข้ามาในหัวอีกครั้ง เพราะ สร้อย ของน้องผมเป็นสร้อย กางเขน นะ ครับ แต่เป็นกางเขนแบบวัยรุ่นทั่วไปเขาใส่กันนะครับที่นี้ พอนึกได้ ผมก็บอกกลับตัวเองว่าจะไม่ยอยเสียโอกาสอีกแล้ว ผมจึงเริ่มสวด ข้าแต่พระบิดา และวันทามารี  (เนื่องจากเรียนโรงเรียนคริสตมา สวดได้อยู่แล้ว ) วนไปวนมา อยู่อย่างนั้น และ สัญญากับพระด้วย  ( ผมนะเชื่ออยู่แล้วนะ แต่ไม่มีโอกาสเปลี่ยนนะครับ ) หลังจากนั้นไม่นานนักหมอก็ออกมาบอกว่าปลอดภัยแล้ว  ผมจึงไปขอเรียนคำสอนที่วัด เซนต์จอน ลาดพร้าว แต่ว่าช่วงนั้นโป๊บสิ้นพระชนม์พอดี พ่อเลยบอกว่าเอาไว้หลังงานโป๊ปก่อนละกัน แต ผมต้องย้ายหอ เขาไปเรียนที่วิทยาเขตกล้วยน้ำไท คลองเตยนะครับ เลยไม่ได้ไปเรียน เลย ไปขอเรียนที่อารามพระหฤทัยคลองเตย หรือ โรงเรียน พระหฤทัย คลองเตยนะครับ ก็เรียนอยู่ประมาณปี่กว่า ก็ได้รับศีลล้างบาป เมื่อวันที่7 เมษายน ปี2007  โดยมีชื่อนักบุญที่ผมเลือกเองว่า ยอห์น มารี เวียนเนย์ ครับ ยังมี ประสบการณ์ศรัทธาอีกมาก ไว้จะ มาเล่าให้ฟังนะครับ



ปล.  หนทางแห่งความเชื่อว่ายากแล้ว การรักษาความเชื่อนั้นยากยิ่งกว่า 
ตอบกลับโพส