ปจว 30 พ.ย. 2555 โดยคุณพ่อ สมเกียรติ

แบ่งปัน คำพยาน ประสบการณ์ชีวิตกับพระเจ้า และการอัศจรรย์ ที่พระเจ้าได้ทรงกระทำต่อชีวิตของเราแต่ละคน
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
tuztiz
โพสต์: 423
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 19, 2007 7:45 pm

พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2012 10:54 am

วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2012 สัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดา (ฉลอง นักบุญอันดรูว์)
“Good Christians ต้องเป็น Good Citizens อย่างแน่นอน” วันนี้ฉลองนักบุญอันดรูว์ อัครสาวกของพระเยซูเจ้า วันนี้ปลายปีพิธีกรรม วิธีการจดจำง่ายๆ เมื่อไรฉลองนักบุญอันดรูว์ ก็เป็นปลายปีพิธีกรรมของพระศาสนจักรเสมอ พ่ออยากให้เราอ่านจดหมายถึงชาวโรมสำหรับเราวันนี้เป็นพิเศษ จดหมายถึงชาวโรมมีเทววิทยาที่น่าทึ่ง แต่ก็มีภาคปฏิบัติที่น่าตระหนัก เพราะวาจาสำคัญที่ต้องประกาศจนสุดปลายแผ่นดิน พ่อเห็นเป็นโอกาสดีปลายปีพิธีกรรม พ่อขอเสนอแนวทางปฏิบัติชีวิตโดยให้อ่านจดหมายของเปาโลถึงชาวโรมดีๆดังนี้ครับ ลองอ่านข้อคิดในทางปฏิบัติที่พ่อจัดคัดมาจากจดหมายพิเศษฉบับนี้ดีๆเพื่อเห็นว่ามีหลายอย่าที่คริสตชนดีต้องปฏิบัติและเปาโลสอนไว้ครับ อ่านดีๆนะครับ ปฏิบัติได้มากมายจริงๆครับ (เรามาอ่านจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวโรมโรม บทที่ 12-15 ด้วยกันนะครับ มีภาคปฏิบัติเยอะมากๆครับ
ความถ่อมตนและความรัก
3เดชะพระหรรษทานที่ข้าพเจ้าได้รับ ข้าพเจ้าขอกล่าวกับท่านแต่ละคนว่า
• อย่าคิดว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่น แต่จงคิดให้ถูกต้องว่าพระเจ้าประทานความเชื่อ ให้แต่ละบุคคลมากน้อยต่างกัน
• 4เพราะร่างกายของเรามีองค์ประกอบหลายส่วน และส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ไม่มีหน้าที่เดียวกันฉันใด 5แม้เราจะมีจำนวนมาก เราก็รวมเป็นร่างกายเดียวในพระคริสตเจ้าฉันนั้น โดยแต่ละคนต่างเป็นส่วนร่างกายของกันและกัน
• 6เรามีพระพรพิเศษแตกต่างกันตามพระหรรษทานที่พระองค์ประทานให้
o ผู้ได้รับพระพรที่จะประกาศพระวาจา ก็จงใช้พระพรนั้นมากน้อยตามส่วนความเชื่อของตน
o 7ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะรับใช้ ก็จงรับใช้ ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะสอน ก็จงสอน
o 8ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะตักเตือน ก็จงตักเตือน
o ผู้ที่บริจาค ก็จงบริจาคด้วยความเอื้อเฟื้ออย่างจริงใจ
o ผู้ที่เป็นผู้นำ ก็จงทำหน้าที่ผู้นำด้วยความเอาใจใส่
o ผู้ที่แสดงความเมตตากรุณา ก็จงแสดงความเมตตากรุณาด้วยใจยินดี
o 9จงรักด้วยใจจริง จงหลีกหนีความชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี
o 10จงรักกันฉันพี่น้อง จงคิดว่าผู้อื่นดีกว่าตน
o 11อย่าเฉื่อยชา
จงมีจิตใจกระตือรือร้นในการรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า
12จงชื่นชมยินดีในความหวัง
จงมีความอดทนต่อความทุกข์ยาก
จงพากเพียรในการภาวนา
13จงเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือพี่น้องคริสตชนในยามขัดสน
จงต้อนรับด้วยอัธยาศัยไมตรี

จงรักทุกคน รวมทั้งศัตรู (ว้าวอันนี้ยากแต่คลาสสิกมากครับ)
• 14จงอวยพรผู้ที่เบียดเบียนท่าน จงอวยพรเขา อย่าสาปแช่ง
• 15จงร่วมยินดีกับผู้ที่ยินดี จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้
• 16จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่ามักใหญ่ใฝ่สูง แต่จงยอมทำสิ่งต่ำต้อยเถิด อย่าทะนงว่าตนฉลาด
• 17อย่าตอบแทนความชั่วด้วยความชั่ว จงพยายามทำดีต่อมนุษย์ทุกคน
• 18ในส่วนของท่าน จงอยู่อย่างสันติกับทุกคนถ้าเป็นไปได้
• 19พี่น้องที่รักยิ่ง อย่าแก้แค้นเลย แต่จงให้พระเจ้าทรงตัดสินลงโทษ เถิด ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะตอบแทนการกระทำของทุกคน พระเจ้าตรัสดังนี้
• 20ตรงกันข้าม ถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารกับเขา ถ้าเขากระหาย จงให้เขาดื่ม เพราะเมื่อทำเช่นนี้ ท่านจะทำให้เขาสำนึกและละอายใจ
• 21อย่าให้ความชั่วเอาชนะท่าน แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี

ความนอบน้อมต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมือง (อันนี้ก็จำเป็น ถ้าอำนาจนั้นดีและถูกต้อง)
13 1ทุกคนจงนอบน้อมต่อผู้มีอำนาจปกครอง เพราะไม่มีอำนาจใดที่ไม่มาจากพระเจ้า และอำนาจทั้งหลายที่มีอยู่ก็ได้รับจากพระเจ้าทั้งสิ้น 2ดังนั้น
• ผู้ที่ต่อต้านอำนาจก็ต่อต้านพระบัญชาของพระเจ้า และผู้ที่ต่อต้านก็จะถูกตัดสินลงโทษ
• 3ผู้กระทำความดีไม่ต้องเกรงกลัวผู้มีอำนาจปกครอง แต่ผู้กระทำความชั่วต้องเกรงกลัว
• ท่านไม่ประสงค์จะกลัวผู้มีอำนาจปกครองหรือ จงทำดีเถิด และท่านจะได้รับคำชมจากผู้มีอำนาจปกครอง 4เพราะผู้มีอำนาจปกครองเป็นผู้รับใช้พระเจ้าเพื่อความดีของท่าน
• ถ้าท่านทำผิด จงเกรงกลัวเถิด เพราะผู้มีอำนาจปกครอง จะไม่เพียงถือดาบไว้เท่านั้น แต่มีดาบไว้เพื่อลงโทษผู้กระทำชั่วเพราะเขาคือผู้รับใช้พระเจ้า
• 5ดังนั้น ท่านจำเป็นต้องนอบน้อมไม่เพียงเพราะกลัวการลงโทษ แต่นอบน้อมเพราะมโนธรรมด้วย
• 6ดังนั้น ท่านจงเสียภาษี เพราะผู้ทำหน้าที่นี้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า (ตรงนี้สะเทือนวงการการค้าขายและการทำหน้าที่คริสตชนที่ดีมากๆ เลี่ยงภาษาไม่น่ารัก ไม่ใช่คริสตชนที่ดี)
o 7จงให้ทุกคนตามสิทธิของเขา
o จงเสียภาษีแก่ผู้มีสิทธิรับภาษี
o จงเสียค่าธรรมเนียมแก่ผู้มีสิทธิเก็บค่าธรรมเนียม
o จงเกรงกลัวผู้ที่ควรเกรงกลัว
o จงให้เกียรติแก่ผู้สมควรจะได้รับเกียรติ

ความรักและบทบัญญัติ
• 8อย่าเป็นหนี้ผู้ใด นอกจากเป็นหนี้ความรักซึ่งกันและกัน ผู้ที่รักเพื่อนมนุษย์ก็ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว 9พระบัญญัติกล่าวว่า อย่าผิดประเวณี อย่าฆ่าคน อย่าลักขโมย อย่าโลภ
• และถ้ามีบทบัญญัติอื่นอีกก็สรุปได้ในข้อความนี้ว่า จงรักเพื่อนมนุษย์ เหมือนรักตนเอง
• 10ความรักไม่ทำความเสียหายแก่เพื่อนมนุษย์ ความรักเป็นการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างครบถ้วน

บุตรแห่งความสว่าง
• 11ท่านทั้งหลายจงรู้เถิดว่า เวลาที่จะประพฤติปฏิบัติเช่นนี้มาถึงแล้ว บัดนี้ถึงเวลาที่จะต้องตื่นขึ้นจากความหลับ ขณะนี้ความรอดพ้นอยู่ใกล้เรามากกว่าเมื่อเราเริ่มมีความเชื่อ 12กลางคืนล่วงไปมากแล้ว กลางวันก็ใกล้จะมาถึง ดังนั้น
o เราจงละทิ้งกิจการของความมืดมนเสีย
o แล้วสวมเกราะของความสว่าง
o 13เราจงดำเนินชีวิตอย่างมีเกียรติเหมือนกับเวลากลางวัน
มิใช่กินเลี้ยงเสพสุราเมามาย
มิใช่ปล่อยตัวเสพกามอย่างผิดศีลธรรม มิใช่วิวาทริษยา
o 14แต่จงดำเนินชีวิตโดยสวมพระเยซูคริสตเจ้าเป็นอาภรณ์ อย่าทำตามความต้องการของเนื้อหนัง

จงเคารพมโนธรรมของพี่น้อง
14 1จงยอมรับผู้ที่ความเชื่อยังไม่มั่นคง อย่าตัดสินเขา เพราะความลังเลใจของเขา
• 2คนหนึ่งเชื่อว่ากินทุกอย่างได้ แต่อีกคนหนึ่งยังมีความเชื่อไม่มั่นคง กินแต่ผักเท่านั้น 3ผู้ที่กินทุกอย่าง อย่าดูถูกผู้ที่ไม่กิน และผู้ที่ไม่กินก็อย่าตัดสินประณามผู้ที่กิน เพราะพระเจ้าทรงยอมรับเขาแล้ว
• 4ท่านเป็นใครกันที่จะตัดสินคนรับใช้ของผู้อื่น เขาจะยืนอยู่หรือล้มลงก็เป็นเรื่องของนายของเขา แต่เขาจะยืนอยู่ได้เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้เขายืนอยู่ได้
• 5คนหนึ่งคิดว่าวันหนึ่งสำคัญกว่าอีกวันหนึ่ง แต่อีกคนหนึ่งคิดว่าทุกวันมีความสำคัญเท่ากัน แต่ละคนจงปฏิบัติตามความเชื่อมั่นของตน
• 6ผู้ที่ถือวันสำคัญ ก็ถือเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่กิน ก็กินเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเขาขอบพระคุณพระองค์ ผู้ที่ไม่กิน ก็งดกินเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และขอบพระคุณพระองค์เช่นกัน
• 7เพราะไม่มีพวกเราคนใดที่มีชีวิตอยู่เพื่อตนเอง และไม่มีผู้ใดตายเพื่อตนเองเช่นเดียวกัน 8ถ้าเรามีชีวิตอยู่ ก็มีชีวิตอยู่เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าเราตาย เราก็ตายเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น ไม่ว่าเรามีชีวิตอยู่หรือตาย เราก็เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า
• 9เพราะเหตุนี้เอง พระคริสตเจ้าจึงสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพ เพื่อจะเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งของผู้ตายและของผู้เป็น
• 10แล้วท่านเล่า ทำไมจึงตัดสินพี่น้องของท่าน หรือท่านเล่า ทำไมท่านจึงดูหมิ่นพี่น้องของท่าน ในเมื่อเราทุกคนจะต้องไปยืนอยู่หน้าพระบัลลังก์พิพากษาของพระเจ้า 11เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “พระเจ้าตรัสว่า เรามีชีวิตอยู่แน่นอนฉันใด ก็เป็นที่แน่นอนฉันนั้นว่า ทุกคนจะคุกเข่าลงกราบเรา และทุกคนจะกล่าวสรรเสริญพระเจ้า” 12ดังนั้น เราแต่ละคนต่างจะต้องทูลรายงานเกี่ยวกับตนเองต่อพระเจ้า
• 13ดังนั้น เราจงเลิกตัดสินกันเถิด และจงเลิกคิดที่จะเป็นอุปสรรคให้พี่น้องสะดุดล้ม
• 14ข้าพเจ้ารู้และแน่ใจในองค์พระเยซูเจ้าว่า ไม่มีสิ่งใดเป็นมลทินในตัวเอง แต่ถ้าใครคิดว่าเป็นมลทินก็เป็นมลทินสำหรับเขา 15ถ้าอาหารที่ท่านกิน เป็นเหตุให้พี่น้องไม่สบายใจ ท่านก็ไม่ได้ประพฤติตนตามความรัก อย่าใช้เรื่องอาหารมาทำลายพี่น้องคนนั้นที่พระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อเขา 16อย่าให้สิทธิ ของท่านถูกตำหนิได้
• 17เพราะอาณาจักรของพระเจ้าไม่ใช่เรื่องการกินการดื่ม แต่เป็นความชอบธรรม สันติและความชื่นชมยินดีในพระจิตเจ้า
• 18ผู้ที่รับใช้พระคริสตเจ้าดังนี้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าและเป็นที่เคารพนับถือของมนุษย์ 19ฉะนั้น เราจงพยายามทำกิจการที่นำไปสู่สันติและเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่กันและกัน
• 20อย่าทำลายงาน ของพระเจ้าด้วยเรื่องอาหาร อาหารทุกชนิดบริสุทธิ์อย่างแน่นอน แต่การกินอาหารโดยทำให้ผู้อื่นไม่สบายใจ เป็นความผิด
• 21เป็นการดีที่จะงดกินเนื้อ งดดื่มเหล้าองุ่นและงดทุกสิ่งที่เป็นเหตุทำให้พี่น้องของท่านไม่สบายใจ
• 22จงเก็บความเชื่อมั่น ของท่านไว้สำหรับตนเองเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าเถิด ผู้ที่ไม่ตัดสินลงโทษตนเองในสิ่งที่ตนเห็นชอบแล้วก็มีสุข 23แต่ผู้ที่ยังสงสัยอยู่ ถ้ากิน ก็ตัดสินลงโทษตนเอง เพราะกระทำโดยไม่เชื่อมั่น ทุกสิ่งที่ไม่ได้มาจากความเชื่อมั่น ย่อมเป็นบาป
• 15 1พวกเราที่เข้มเข็งต้องอดทนต่อความพลาดพลั้งของคนที่อ่อนแอ และไม่ทำตามใจชอบของเราเอง
• 2พวกเราแต่ละคนต้องเอาใจพี่น้องเพื่อความดีและค้ำจุนกัน 3เพราะพระคริสตเจ้ามิได้ทรงถือพระทัยของพระองค์เป็นใหญ่ แต่ทรงอดทน ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า คำสบประมาทของผู้ที่เหยียดหยามพระองค์ตกอยู่กับข้าพเจ้า
• 4สิ่งที่เขียนไว้ก่อนนั้นก็เขียนไว้สำหรับสั่งสอนเรา เพื่อเราจะมีความหวังอาศัยความอดทนพากเพียรและการปลอบใจที่มาจากพระคัมภีร์
• 5ขอให้พระเจ้าผู้ประทานความพากเพียรและการปลอบใจ โปรดให้ท่านเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ตามแบบฉบับของพระคริสตเยซู 6เพื่อท่านจะได้พร้อมใจกันและเปล่งวาจาเป็นเสียงเดียวกัน ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าผู้ทรงเป็นบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
• 7ดังนั้น ท่านจงยอมรับกันและกัน เช่นเดียวกับที่พระคริสตเจ้าทรงยอมรับท่านเพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า
• 8ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า พระคริสตเจ้าทรงยอมเป็นผู้รับใช้พวกที่เข้าสุหนัต เพราะทรงเห็นแก่ความสัตย์จริงของพระเจ้า เพื่อยืนยันพระสัญญาที่ประทานไว้กับบรรพบุรุษ
• 9ส่วนคนต่างชาตินั้นถวายเกียรติแด่พระเจ้า เพราะพระเมตตาของพระองค์ ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางนานาชาติ ร่วมขับร้องสดุดีพระนามของพระองค์ 10และมีเขียนไว้อีกว่า ประชาชาติทั้งหลาย จงชื่นชมยินดีพร้อมกับประชากรของพระองค์ 11และเขียนอีกตอนหนึ่งว่า จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด ประชาชาติทั้งหลาย จงร้องสรรเสริญพระองค์เถิด ประชากรทั้งหลาย 12ประกาศกอิสยาห์ยังกล่าวอีกว่า รากของเจสซีจะงอกขึ้น พระองค์จะทรงขึ้นมาปกครองประชาชาติ นานาชาติจะมีความหวังในพระองค์
• 13ขอพระเจ้าผู้ประทานความหวังโปรดให้ท่านทั้งหลายเปี่ยมด้วยความยินดีและสันติทุกประการในการที่ท่านเชื่อเช่นนั้น เพื่อว่าท่านทั้งหลายจะได้มีความหวังอย่างเต็มเปี่ยม เดชะพระฤทธานุภาพของพระจิตเจ้า

สรุปว่า วันนี้ฉลองนักบุญอันดรูว์ พ่ออยากให้คำสอนของอัครสาวกเป็นรูปธรรมและเป็นความจริง ที่แน่ๆ พ่อเชื่อเสมอว่า คริสตชนที่ดี ต้องเป็นพลเมืองที่ดีของชาติบ้านเมืองครับ Good Christians=Good Citizens เสมอครับ

รม 10:9-18
9เพราะถ้าท่านประกาศด้วยปากว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และมีความเชื่อในใจว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ท่านก็จะรอดพ้น 10การเชื่อด้วยใจจะบันดาลความชอบธรรม การประกาศด้วยปากจะบันดาลความรอดพ้น 11เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า ทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะไม่ได้รับความอับอาย 12เพราะไม่มีความแตกต่างกันระหว่างชาวยิวกับผู้ที่ไม่ใช่ชาวยิว พระองค์เท่านั้นทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับมนุษย์ทุกคน ประทานพระพรมากมายให้กับทุกคนที่เรียกขานพระองค์ 13เพราะทุกคนที่เรียกขานพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า ก็จะรอดพ้น
14ฉะนั้น ชาวอิสราเอลจะเรียกขานพระองค์ได้อย่างไรถ้าพวกเขาไม่เชื่อ จะเชื่อได้อย่างไรถ้าไม่เคยได้ยิน จะได้ยินได้อย่างไรถ้าไม่มีใครประกาศสอน 15จะมีผู้ประกาศสอนได้อย่างไรถ้าไม่มีใครส่งไป ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เท้าของผู้ประกาศข่าวดีช่างงดงามจริงหนอ
16บางคนเท่านั้นได้เชื่อฟังข่าวดี ดังที่ประกาศกอิสยาห์กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้า ใครเล่าได้เชื่อคำประกาศของเรา 17ดังนั้น ความเชื่อจึงมาจากการฟัง สิ่งที่ได้ฟังก็มาจากพระวาจาของพระคริสตเจ้า
18ข้าพเจ้าขอถามว่า เป็นไปได้หรือที่เขาไม่ได้ยิน เขาได้ยินแน่นอน เพราะเสียง ของผู้ประกาศข่าวดีกระจายไปทั่วแผ่นดิน และวาจาของเขา แพร่ไปจนสุดปลายพิภพ
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

พฤหัสฯ. ม.ค. 31, 2013 8:47 pm

:s002: :s002:
ตอบกลับโพส