ปจว 30 พ.ย. 2555 โดยคุณพ่อ สมเกียรติ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2012 10:54 am
วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2012 สัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดา (ฉลอง นักบุญอันดรูว์)
“Good Christians ต้องเป็น Good Citizens อย่างแน่นอน” วันนี้ฉลองนักบุญอันดรูว์ อัครสาวกของพระเยซูเจ้า วันนี้ปลายปีพิธีกรรม วิธีการจดจำง่ายๆ เมื่อไรฉลองนักบุญอันดรูว์ ก็เป็นปลายปีพิธีกรรมของพระศาสนจักรเสมอ พ่ออยากให้เราอ่านจดหมายถึงชาวโรมสำหรับเราวันนี้เป็นพิเศษ จดหมายถึงชาวโรมมีเทววิทยาที่น่าทึ่ง แต่ก็มีภาคปฏิบัติที่น่าตระหนัก เพราะวาจาสำคัญที่ต้องประกาศจนสุดปลายแผ่นดิน พ่อเห็นเป็นโอกาสดีปลายปีพิธีกรรม พ่อขอเสนอแนวทางปฏิบัติชีวิตโดยให้อ่านจดหมายของเปาโลถึงชาวโรมดีๆดังนี้ครับ ลองอ่านข้อคิดในทางปฏิบัติที่พ่อจัดคัดมาจากจดหมายพิเศษฉบับนี้ดีๆเพื่อเห็นว่ามีหลายอย่าที่คริสตชนดีต้องปฏิบัติและเปาโลสอนไว้ครับ อ่านดีๆนะครับ ปฏิบัติได้มากมายจริงๆครับ (เรามาอ่านจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวโรมโรม บทที่ 12-15 ด้วยกันนะครับ มีภาคปฏิบัติเยอะมากๆครับ
ความถ่อมตนและความรัก
3เดชะพระหรรษทานที่ข้าพเจ้าได้รับ ข้าพเจ้าขอกล่าวกับท่านแต่ละคนว่า
• อย่าคิดว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่น แต่จงคิดให้ถูกต้องว่าพระเจ้าประทานความเชื่อ ให้แต่ละบุคคลมากน้อยต่างกัน
• 4เพราะร่างกายของเรามีองค์ประกอบหลายส่วน และส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ไม่มีหน้าที่เดียวกันฉันใด 5แม้เราจะมีจำนวนมาก เราก็รวมเป็นร่างกายเดียวในพระคริสตเจ้าฉันนั้น โดยแต่ละคนต่างเป็นส่วนร่างกายของกันและกัน
• 6เรามีพระพรพิเศษแตกต่างกันตามพระหรรษทานที่พระองค์ประทานให้
o ผู้ได้รับพระพรที่จะประกาศพระวาจา ก็จงใช้พระพรนั้นมากน้อยตามส่วนความเชื่อของตน
o 7ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะรับใช้ ก็จงรับใช้ ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะสอน ก็จงสอน
o 8ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะตักเตือน ก็จงตักเตือน
o ผู้ที่บริจาค ก็จงบริจาคด้วยความเอื้อเฟื้ออย่างจริงใจ
o ผู้ที่เป็นผู้นำ ก็จงทำหน้าที่ผู้นำด้วยความเอาใจใส่
o ผู้ที่แสดงความเมตตากรุณา ก็จงแสดงความเมตตากรุณาด้วยใจยินดี
o 9จงรักด้วยใจจริง จงหลีกหนีความชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี
o 10จงรักกันฉันพี่น้อง จงคิดว่าผู้อื่นดีกว่าตน
o 11อย่าเฉื่อยชา
จงมีจิตใจกระตือรือร้นในการรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า
12จงชื่นชมยินดีในความหวัง
จงมีความอดทนต่อความทุกข์ยาก
จงพากเพียรในการภาวนา
13จงเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือพี่น้องคริสตชนในยามขัดสน
จงต้อนรับด้วยอัธยาศัยไมตรี
จงรักทุกคน รวมทั้งศัตรู (ว้าวอันนี้ยากแต่คลาสสิกมากครับ)
• 14จงอวยพรผู้ที่เบียดเบียนท่าน จงอวยพรเขา อย่าสาปแช่ง
• 15จงร่วมยินดีกับผู้ที่ยินดี จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้
• 16จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่ามักใหญ่ใฝ่สูง แต่จงยอมทำสิ่งต่ำต้อยเถิด อย่าทะนงว่าตนฉลาด
• 17อย่าตอบแทนความชั่วด้วยความชั่ว จงพยายามทำดีต่อมนุษย์ทุกคน
• 18ในส่วนของท่าน จงอยู่อย่างสันติกับทุกคนถ้าเป็นไปได้
• 19พี่น้องที่รักยิ่ง อย่าแก้แค้นเลย แต่จงให้พระเจ้าทรงตัดสินลงโทษ เถิด ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะตอบแทนการกระทำของทุกคน พระเจ้าตรัสดังนี้
• 20ตรงกันข้าม ถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารกับเขา ถ้าเขากระหาย จงให้เขาดื่ม เพราะเมื่อทำเช่นนี้ ท่านจะทำให้เขาสำนึกและละอายใจ
• 21อย่าให้ความชั่วเอาชนะท่าน แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี
ความนอบน้อมต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมือง (อันนี้ก็จำเป็น ถ้าอำนาจนั้นดีและถูกต้อง)
13 1ทุกคนจงนอบน้อมต่อผู้มีอำนาจปกครอง เพราะไม่มีอำนาจใดที่ไม่มาจากพระเจ้า และอำนาจทั้งหลายที่มีอยู่ก็ได้รับจากพระเจ้าทั้งสิ้น 2ดังนั้น
• ผู้ที่ต่อต้านอำนาจก็ต่อต้านพระบัญชาของพระเจ้า และผู้ที่ต่อต้านก็จะถูกตัดสินลงโทษ
• 3ผู้กระทำความดีไม่ต้องเกรงกลัวผู้มีอำนาจปกครอง แต่ผู้กระทำความชั่วต้องเกรงกลัว
• ท่านไม่ประสงค์จะกลัวผู้มีอำนาจปกครองหรือ จงทำดีเถิด และท่านจะได้รับคำชมจากผู้มีอำนาจปกครอง 4เพราะผู้มีอำนาจปกครองเป็นผู้รับใช้พระเจ้าเพื่อความดีของท่าน
• ถ้าท่านทำผิด จงเกรงกลัวเถิด เพราะผู้มีอำนาจปกครอง จะไม่เพียงถือดาบไว้เท่านั้น แต่มีดาบไว้เพื่อลงโทษผู้กระทำชั่วเพราะเขาคือผู้รับใช้พระเจ้า
• 5ดังนั้น ท่านจำเป็นต้องนอบน้อมไม่เพียงเพราะกลัวการลงโทษ แต่นอบน้อมเพราะมโนธรรมด้วย
• 6ดังนั้น ท่านจงเสียภาษี เพราะผู้ทำหน้าที่นี้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า (ตรงนี้สะเทือนวงการการค้าขายและการทำหน้าที่คริสตชนที่ดีมากๆ เลี่ยงภาษาไม่น่ารัก ไม่ใช่คริสตชนที่ดี)
o 7จงให้ทุกคนตามสิทธิของเขา
o จงเสียภาษีแก่ผู้มีสิทธิรับภาษี
o จงเสียค่าธรรมเนียมแก่ผู้มีสิทธิเก็บค่าธรรมเนียม
o จงเกรงกลัวผู้ที่ควรเกรงกลัว
o จงให้เกียรติแก่ผู้สมควรจะได้รับเกียรติ
ความรักและบทบัญญัติ
• 8อย่าเป็นหนี้ผู้ใด นอกจากเป็นหนี้ความรักซึ่งกันและกัน ผู้ที่รักเพื่อนมนุษย์ก็ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว 9พระบัญญัติกล่าวว่า อย่าผิดประเวณี อย่าฆ่าคน อย่าลักขโมย อย่าโลภ
• และถ้ามีบทบัญญัติอื่นอีกก็สรุปได้ในข้อความนี้ว่า จงรักเพื่อนมนุษย์ เหมือนรักตนเอง
• 10ความรักไม่ทำความเสียหายแก่เพื่อนมนุษย์ ความรักเป็นการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างครบถ้วน
บุตรแห่งความสว่าง
• 11ท่านทั้งหลายจงรู้เถิดว่า เวลาที่จะประพฤติปฏิบัติเช่นนี้มาถึงแล้ว บัดนี้ถึงเวลาที่จะต้องตื่นขึ้นจากความหลับ ขณะนี้ความรอดพ้นอยู่ใกล้เรามากกว่าเมื่อเราเริ่มมีความเชื่อ 12กลางคืนล่วงไปมากแล้ว กลางวันก็ใกล้จะมาถึง ดังนั้น
o เราจงละทิ้งกิจการของความมืดมนเสีย
o แล้วสวมเกราะของความสว่าง
o 13เราจงดำเนินชีวิตอย่างมีเกียรติเหมือนกับเวลากลางวัน
มิใช่กินเลี้ยงเสพสุราเมามาย
มิใช่ปล่อยตัวเสพกามอย่างผิดศีลธรรม มิใช่วิวาทริษยา
o 14แต่จงดำเนินชีวิตโดยสวมพระเยซูคริสตเจ้าเป็นอาภรณ์ อย่าทำตามความต้องการของเนื้อหนัง
จงเคารพมโนธรรมของพี่น้อง
14 1จงยอมรับผู้ที่ความเชื่อยังไม่มั่นคง อย่าตัดสินเขา เพราะความลังเลใจของเขา
• 2คนหนึ่งเชื่อว่ากินทุกอย่างได้ แต่อีกคนหนึ่งยังมีความเชื่อไม่มั่นคง กินแต่ผักเท่านั้น 3ผู้ที่กินทุกอย่าง อย่าดูถูกผู้ที่ไม่กิน และผู้ที่ไม่กินก็อย่าตัดสินประณามผู้ที่กิน เพราะพระเจ้าทรงยอมรับเขาแล้ว
• 4ท่านเป็นใครกันที่จะตัดสินคนรับใช้ของผู้อื่น เขาจะยืนอยู่หรือล้มลงก็เป็นเรื่องของนายของเขา แต่เขาจะยืนอยู่ได้เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้เขายืนอยู่ได้
• 5คนหนึ่งคิดว่าวันหนึ่งสำคัญกว่าอีกวันหนึ่ง แต่อีกคนหนึ่งคิดว่าทุกวันมีความสำคัญเท่ากัน แต่ละคนจงปฏิบัติตามความเชื่อมั่นของตน
• 6ผู้ที่ถือวันสำคัญ ก็ถือเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่กิน ก็กินเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเขาขอบพระคุณพระองค์ ผู้ที่ไม่กิน ก็งดกินเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และขอบพระคุณพระองค์เช่นกัน
• 7เพราะไม่มีพวกเราคนใดที่มีชีวิตอยู่เพื่อตนเอง และไม่มีผู้ใดตายเพื่อตนเองเช่นเดียวกัน 8ถ้าเรามีชีวิตอยู่ ก็มีชีวิตอยู่เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าเราตาย เราก็ตายเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น ไม่ว่าเรามีชีวิตอยู่หรือตาย เราก็เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า
• 9เพราะเหตุนี้เอง พระคริสตเจ้าจึงสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพ เพื่อจะเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งของผู้ตายและของผู้เป็น
• 10แล้วท่านเล่า ทำไมจึงตัดสินพี่น้องของท่าน หรือท่านเล่า ทำไมท่านจึงดูหมิ่นพี่น้องของท่าน ในเมื่อเราทุกคนจะต้องไปยืนอยู่หน้าพระบัลลังก์พิพากษาของพระเจ้า 11เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “พระเจ้าตรัสว่า เรามีชีวิตอยู่แน่นอนฉันใด ก็เป็นที่แน่นอนฉันนั้นว่า ทุกคนจะคุกเข่าลงกราบเรา และทุกคนจะกล่าวสรรเสริญพระเจ้า” 12ดังนั้น เราแต่ละคนต่างจะต้องทูลรายงานเกี่ยวกับตนเองต่อพระเจ้า
• 13ดังนั้น เราจงเลิกตัดสินกันเถิด และจงเลิกคิดที่จะเป็นอุปสรรคให้พี่น้องสะดุดล้ม
• 14ข้าพเจ้ารู้และแน่ใจในองค์พระเยซูเจ้าว่า ไม่มีสิ่งใดเป็นมลทินในตัวเอง แต่ถ้าใครคิดว่าเป็นมลทินก็เป็นมลทินสำหรับเขา 15ถ้าอาหารที่ท่านกิน เป็นเหตุให้พี่น้องไม่สบายใจ ท่านก็ไม่ได้ประพฤติตนตามความรัก อย่าใช้เรื่องอาหารมาทำลายพี่น้องคนนั้นที่พระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อเขา 16อย่าให้สิทธิ ของท่านถูกตำหนิได้
• 17เพราะอาณาจักรของพระเจ้าไม่ใช่เรื่องการกินการดื่ม แต่เป็นความชอบธรรม สันติและความชื่นชมยินดีในพระจิตเจ้า
• 18ผู้ที่รับใช้พระคริสตเจ้าดังนี้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าและเป็นที่เคารพนับถือของมนุษย์ 19ฉะนั้น เราจงพยายามทำกิจการที่นำไปสู่สันติและเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่กันและกัน
• 20อย่าทำลายงาน ของพระเจ้าด้วยเรื่องอาหาร อาหารทุกชนิดบริสุทธิ์อย่างแน่นอน แต่การกินอาหารโดยทำให้ผู้อื่นไม่สบายใจ เป็นความผิด
• 21เป็นการดีที่จะงดกินเนื้อ งดดื่มเหล้าองุ่นและงดทุกสิ่งที่เป็นเหตุทำให้พี่น้องของท่านไม่สบายใจ
• 22จงเก็บความเชื่อมั่น ของท่านไว้สำหรับตนเองเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าเถิด ผู้ที่ไม่ตัดสินลงโทษตนเองในสิ่งที่ตนเห็นชอบแล้วก็มีสุข 23แต่ผู้ที่ยังสงสัยอยู่ ถ้ากิน ก็ตัดสินลงโทษตนเอง เพราะกระทำโดยไม่เชื่อมั่น ทุกสิ่งที่ไม่ได้มาจากความเชื่อมั่น ย่อมเป็นบาป
• 15 1พวกเราที่เข้มเข็งต้องอดทนต่อความพลาดพลั้งของคนที่อ่อนแอ และไม่ทำตามใจชอบของเราเอง
• 2พวกเราแต่ละคนต้องเอาใจพี่น้องเพื่อความดีและค้ำจุนกัน 3เพราะพระคริสตเจ้ามิได้ทรงถือพระทัยของพระองค์เป็นใหญ่ แต่ทรงอดทน ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า คำสบประมาทของผู้ที่เหยียดหยามพระองค์ตกอยู่กับข้าพเจ้า
• 4สิ่งที่เขียนไว้ก่อนนั้นก็เขียนไว้สำหรับสั่งสอนเรา เพื่อเราจะมีความหวังอาศัยความอดทนพากเพียรและการปลอบใจที่มาจากพระคัมภีร์
• 5ขอให้พระเจ้าผู้ประทานความพากเพียรและการปลอบใจ โปรดให้ท่านเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ตามแบบฉบับของพระคริสตเยซู 6เพื่อท่านจะได้พร้อมใจกันและเปล่งวาจาเป็นเสียงเดียวกัน ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าผู้ทรงเป็นบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
• 7ดังนั้น ท่านจงยอมรับกันและกัน เช่นเดียวกับที่พระคริสตเจ้าทรงยอมรับท่านเพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า
• 8ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า พระคริสตเจ้าทรงยอมเป็นผู้รับใช้พวกที่เข้าสุหนัต เพราะทรงเห็นแก่ความสัตย์จริงของพระเจ้า เพื่อยืนยันพระสัญญาที่ประทานไว้กับบรรพบุรุษ
• 9ส่วนคนต่างชาตินั้นถวายเกียรติแด่พระเจ้า เพราะพระเมตตาของพระองค์ ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางนานาชาติ ร่วมขับร้องสดุดีพระนามของพระองค์ 10และมีเขียนไว้อีกว่า ประชาชาติทั้งหลาย จงชื่นชมยินดีพร้อมกับประชากรของพระองค์ 11และเขียนอีกตอนหนึ่งว่า จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด ประชาชาติทั้งหลาย จงร้องสรรเสริญพระองค์เถิด ประชากรทั้งหลาย 12ประกาศกอิสยาห์ยังกล่าวอีกว่า รากของเจสซีจะงอกขึ้น พระองค์จะทรงขึ้นมาปกครองประชาชาติ นานาชาติจะมีความหวังในพระองค์
• 13ขอพระเจ้าผู้ประทานความหวังโปรดให้ท่านทั้งหลายเปี่ยมด้วยความยินดีและสันติทุกประการในการที่ท่านเชื่อเช่นนั้น เพื่อว่าท่านทั้งหลายจะได้มีความหวังอย่างเต็มเปี่ยม เดชะพระฤทธานุภาพของพระจิตเจ้า
สรุปว่า วันนี้ฉลองนักบุญอันดรูว์ พ่ออยากให้คำสอนของอัครสาวกเป็นรูปธรรมและเป็นความจริง ที่แน่ๆ พ่อเชื่อเสมอว่า คริสตชนที่ดี ต้องเป็นพลเมืองที่ดีของชาติบ้านเมืองครับ Good Christians=Good Citizens เสมอครับ
รม 10:9-18
9เพราะถ้าท่านประกาศด้วยปากว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และมีความเชื่อในใจว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ท่านก็จะรอดพ้น 10การเชื่อด้วยใจจะบันดาลความชอบธรรม การประกาศด้วยปากจะบันดาลความรอดพ้น 11เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า ทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะไม่ได้รับความอับอาย 12เพราะไม่มีความแตกต่างกันระหว่างชาวยิวกับผู้ที่ไม่ใช่ชาวยิว พระองค์เท่านั้นทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับมนุษย์ทุกคน ประทานพระพรมากมายให้กับทุกคนที่เรียกขานพระองค์ 13เพราะทุกคนที่เรียกขานพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า ก็จะรอดพ้น
14ฉะนั้น ชาวอิสราเอลจะเรียกขานพระองค์ได้อย่างไรถ้าพวกเขาไม่เชื่อ จะเชื่อได้อย่างไรถ้าไม่เคยได้ยิน จะได้ยินได้อย่างไรถ้าไม่มีใครประกาศสอน 15จะมีผู้ประกาศสอนได้อย่างไรถ้าไม่มีใครส่งไป ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เท้าของผู้ประกาศข่าวดีช่างงดงามจริงหนอ
16บางคนเท่านั้นได้เชื่อฟังข่าวดี ดังที่ประกาศกอิสยาห์กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้า ใครเล่าได้เชื่อคำประกาศของเรา 17ดังนั้น ความเชื่อจึงมาจากการฟัง สิ่งที่ได้ฟังก็มาจากพระวาจาของพระคริสตเจ้า
18ข้าพเจ้าขอถามว่า เป็นไปได้หรือที่เขาไม่ได้ยิน เขาได้ยินแน่นอน เพราะเสียง ของผู้ประกาศข่าวดีกระจายไปทั่วแผ่นดิน และวาจาของเขา แพร่ไปจนสุดปลายพิภพ
“Good Christians ต้องเป็น Good Citizens อย่างแน่นอน” วันนี้ฉลองนักบุญอันดรูว์ อัครสาวกของพระเยซูเจ้า วันนี้ปลายปีพิธีกรรม วิธีการจดจำง่ายๆ เมื่อไรฉลองนักบุญอันดรูว์ ก็เป็นปลายปีพิธีกรรมของพระศาสนจักรเสมอ พ่ออยากให้เราอ่านจดหมายถึงชาวโรมสำหรับเราวันนี้เป็นพิเศษ จดหมายถึงชาวโรมมีเทววิทยาที่น่าทึ่ง แต่ก็มีภาคปฏิบัติที่น่าตระหนัก เพราะวาจาสำคัญที่ต้องประกาศจนสุดปลายแผ่นดิน พ่อเห็นเป็นโอกาสดีปลายปีพิธีกรรม พ่อขอเสนอแนวทางปฏิบัติชีวิตโดยให้อ่านจดหมายของเปาโลถึงชาวโรมดีๆดังนี้ครับ ลองอ่านข้อคิดในทางปฏิบัติที่พ่อจัดคัดมาจากจดหมายพิเศษฉบับนี้ดีๆเพื่อเห็นว่ามีหลายอย่าที่คริสตชนดีต้องปฏิบัติและเปาโลสอนไว้ครับ อ่านดีๆนะครับ ปฏิบัติได้มากมายจริงๆครับ (เรามาอ่านจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวโรมโรม บทที่ 12-15 ด้วยกันนะครับ มีภาคปฏิบัติเยอะมากๆครับ
ความถ่อมตนและความรัก
3เดชะพระหรรษทานที่ข้าพเจ้าได้รับ ข้าพเจ้าขอกล่าวกับท่านแต่ละคนว่า
• อย่าคิดว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่น แต่จงคิดให้ถูกต้องว่าพระเจ้าประทานความเชื่อ ให้แต่ละบุคคลมากน้อยต่างกัน
• 4เพราะร่างกายของเรามีองค์ประกอบหลายส่วน และส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ไม่มีหน้าที่เดียวกันฉันใด 5แม้เราจะมีจำนวนมาก เราก็รวมเป็นร่างกายเดียวในพระคริสตเจ้าฉันนั้น โดยแต่ละคนต่างเป็นส่วนร่างกายของกันและกัน
• 6เรามีพระพรพิเศษแตกต่างกันตามพระหรรษทานที่พระองค์ประทานให้
o ผู้ได้รับพระพรที่จะประกาศพระวาจา ก็จงใช้พระพรนั้นมากน้อยตามส่วนความเชื่อของตน
o 7ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะรับใช้ ก็จงรับใช้ ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะสอน ก็จงสอน
o 8ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะตักเตือน ก็จงตักเตือน
o ผู้ที่บริจาค ก็จงบริจาคด้วยความเอื้อเฟื้ออย่างจริงใจ
o ผู้ที่เป็นผู้นำ ก็จงทำหน้าที่ผู้นำด้วยความเอาใจใส่
o ผู้ที่แสดงความเมตตากรุณา ก็จงแสดงความเมตตากรุณาด้วยใจยินดี
o 9จงรักด้วยใจจริง จงหลีกหนีความชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี
o 10จงรักกันฉันพี่น้อง จงคิดว่าผู้อื่นดีกว่าตน
o 11อย่าเฉื่อยชา
จงมีจิตใจกระตือรือร้นในการรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า
12จงชื่นชมยินดีในความหวัง
จงมีความอดทนต่อความทุกข์ยาก
จงพากเพียรในการภาวนา
13จงเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือพี่น้องคริสตชนในยามขัดสน
จงต้อนรับด้วยอัธยาศัยไมตรี
จงรักทุกคน รวมทั้งศัตรู (ว้าวอันนี้ยากแต่คลาสสิกมากครับ)
• 14จงอวยพรผู้ที่เบียดเบียนท่าน จงอวยพรเขา อย่าสาปแช่ง
• 15จงร่วมยินดีกับผู้ที่ยินดี จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้
• 16จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่ามักใหญ่ใฝ่สูง แต่จงยอมทำสิ่งต่ำต้อยเถิด อย่าทะนงว่าตนฉลาด
• 17อย่าตอบแทนความชั่วด้วยความชั่ว จงพยายามทำดีต่อมนุษย์ทุกคน
• 18ในส่วนของท่าน จงอยู่อย่างสันติกับทุกคนถ้าเป็นไปได้
• 19พี่น้องที่รักยิ่ง อย่าแก้แค้นเลย แต่จงให้พระเจ้าทรงตัดสินลงโทษ เถิด ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะตอบแทนการกระทำของทุกคน พระเจ้าตรัสดังนี้
• 20ตรงกันข้าม ถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารกับเขา ถ้าเขากระหาย จงให้เขาดื่ม เพราะเมื่อทำเช่นนี้ ท่านจะทำให้เขาสำนึกและละอายใจ
• 21อย่าให้ความชั่วเอาชนะท่าน แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี
ความนอบน้อมต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมือง (อันนี้ก็จำเป็น ถ้าอำนาจนั้นดีและถูกต้อง)
13 1ทุกคนจงนอบน้อมต่อผู้มีอำนาจปกครอง เพราะไม่มีอำนาจใดที่ไม่มาจากพระเจ้า และอำนาจทั้งหลายที่มีอยู่ก็ได้รับจากพระเจ้าทั้งสิ้น 2ดังนั้น
• ผู้ที่ต่อต้านอำนาจก็ต่อต้านพระบัญชาของพระเจ้า และผู้ที่ต่อต้านก็จะถูกตัดสินลงโทษ
• 3ผู้กระทำความดีไม่ต้องเกรงกลัวผู้มีอำนาจปกครอง แต่ผู้กระทำความชั่วต้องเกรงกลัว
• ท่านไม่ประสงค์จะกลัวผู้มีอำนาจปกครองหรือ จงทำดีเถิด และท่านจะได้รับคำชมจากผู้มีอำนาจปกครอง 4เพราะผู้มีอำนาจปกครองเป็นผู้รับใช้พระเจ้าเพื่อความดีของท่าน
• ถ้าท่านทำผิด จงเกรงกลัวเถิด เพราะผู้มีอำนาจปกครอง จะไม่เพียงถือดาบไว้เท่านั้น แต่มีดาบไว้เพื่อลงโทษผู้กระทำชั่วเพราะเขาคือผู้รับใช้พระเจ้า
• 5ดังนั้น ท่านจำเป็นต้องนอบน้อมไม่เพียงเพราะกลัวการลงโทษ แต่นอบน้อมเพราะมโนธรรมด้วย
• 6ดังนั้น ท่านจงเสียภาษี เพราะผู้ทำหน้าที่นี้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า (ตรงนี้สะเทือนวงการการค้าขายและการทำหน้าที่คริสตชนที่ดีมากๆ เลี่ยงภาษาไม่น่ารัก ไม่ใช่คริสตชนที่ดี)
o 7จงให้ทุกคนตามสิทธิของเขา
o จงเสียภาษีแก่ผู้มีสิทธิรับภาษี
o จงเสียค่าธรรมเนียมแก่ผู้มีสิทธิเก็บค่าธรรมเนียม
o จงเกรงกลัวผู้ที่ควรเกรงกลัว
o จงให้เกียรติแก่ผู้สมควรจะได้รับเกียรติ
ความรักและบทบัญญัติ
• 8อย่าเป็นหนี้ผู้ใด นอกจากเป็นหนี้ความรักซึ่งกันและกัน ผู้ที่รักเพื่อนมนุษย์ก็ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว 9พระบัญญัติกล่าวว่า อย่าผิดประเวณี อย่าฆ่าคน อย่าลักขโมย อย่าโลภ
• และถ้ามีบทบัญญัติอื่นอีกก็สรุปได้ในข้อความนี้ว่า จงรักเพื่อนมนุษย์ เหมือนรักตนเอง
• 10ความรักไม่ทำความเสียหายแก่เพื่อนมนุษย์ ความรักเป็นการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างครบถ้วน
บุตรแห่งความสว่าง
• 11ท่านทั้งหลายจงรู้เถิดว่า เวลาที่จะประพฤติปฏิบัติเช่นนี้มาถึงแล้ว บัดนี้ถึงเวลาที่จะต้องตื่นขึ้นจากความหลับ ขณะนี้ความรอดพ้นอยู่ใกล้เรามากกว่าเมื่อเราเริ่มมีความเชื่อ 12กลางคืนล่วงไปมากแล้ว กลางวันก็ใกล้จะมาถึง ดังนั้น
o เราจงละทิ้งกิจการของความมืดมนเสีย
o แล้วสวมเกราะของความสว่าง
o 13เราจงดำเนินชีวิตอย่างมีเกียรติเหมือนกับเวลากลางวัน
มิใช่กินเลี้ยงเสพสุราเมามาย
มิใช่ปล่อยตัวเสพกามอย่างผิดศีลธรรม มิใช่วิวาทริษยา
o 14แต่จงดำเนินชีวิตโดยสวมพระเยซูคริสตเจ้าเป็นอาภรณ์ อย่าทำตามความต้องการของเนื้อหนัง
จงเคารพมโนธรรมของพี่น้อง
14 1จงยอมรับผู้ที่ความเชื่อยังไม่มั่นคง อย่าตัดสินเขา เพราะความลังเลใจของเขา
• 2คนหนึ่งเชื่อว่ากินทุกอย่างได้ แต่อีกคนหนึ่งยังมีความเชื่อไม่มั่นคง กินแต่ผักเท่านั้น 3ผู้ที่กินทุกอย่าง อย่าดูถูกผู้ที่ไม่กิน และผู้ที่ไม่กินก็อย่าตัดสินประณามผู้ที่กิน เพราะพระเจ้าทรงยอมรับเขาแล้ว
• 4ท่านเป็นใครกันที่จะตัดสินคนรับใช้ของผู้อื่น เขาจะยืนอยู่หรือล้มลงก็เป็นเรื่องของนายของเขา แต่เขาจะยืนอยู่ได้เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้เขายืนอยู่ได้
• 5คนหนึ่งคิดว่าวันหนึ่งสำคัญกว่าอีกวันหนึ่ง แต่อีกคนหนึ่งคิดว่าทุกวันมีความสำคัญเท่ากัน แต่ละคนจงปฏิบัติตามความเชื่อมั่นของตน
• 6ผู้ที่ถือวันสำคัญ ก็ถือเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่กิน ก็กินเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเขาขอบพระคุณพระองค์ ผู้ที่ไม่กิน ก็งดกินเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และขอบพระคุณพระองค์เช่นกัน
• 7เพราะไม่มีพวกเราคนใดที่มีชีวิตอยู่เพื่อตนเอง และไม่มีผู้ใดตายเพื่อตนเองเช่นเดียวกัน 8ถ้าเรามีชีวิตอยู่ ก็มีชีวิตอยู่เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าเราตาย เราก็ตายเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น ไม่ว่าเรามีชีวิตอยู่หรือตาย เราก็เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า
• 9เพราะเหตุนี้เอง พระคริสตเจ้าจึงสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพ เพื่อจะเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งของผู้ตายและของผู้เป็น
• 10แล้วท่านเล่า ทำไมจึงตัดสินพี่น้องของท่าน หรือท่านเล่า ทำไมท่านจึงดูหมิ่นพี่น้องของท่าน ในเมื่อเราทุกคนจะต้องไปยืนอยู่หน้าพระบัลลังก์พิพากษาของพระเจ้า 11เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “พระเจ้าตรัสว่า เรามีชีวิตอยู่แน่นอนฉันใด ก็เป็นที่แน่นอนฉันนั้นว่า ทุกคนจะคุกเข่าลงกราบเรา และทุกคนจะกล่าวสรรเสริญพระเจ้า” 12ดังนั้น เราแต่ละคนต่างจะต้องทูลรายงานเกี่ยวกับตนเองต่อพระเจ้า
• 13ดังนั้น เราจงเลิกตัดสินกันเถิด และจงเลิกคิดที่จะเป็นอุปสรรคให้พี่น้องสะดุดล้ม
• 14ข้าพเจ้ารู้และแน่ใจในองค์พระเยซูเจ้าว่า ไม่มีสิ่งใดเป็นมลทินในตัวเอง แต่ถ้าใครคิดว่าเป็นมลทินก็เป็นมลทินสำหรับเขา 15ถ้าอาหารที่ท่านกิน เป็นเหตุให้พี่น้องไม่สบายใจ ท่านก็ไม่ได้ประพฤติตนตามความรัก อย่าใช้เรื่องอาหารมาทำลายพี่น้องคนนั้นที่พระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อเขา 16อย่าให้สิทธิ ของท่านถูกตำหนิได้
• 17เพราะอาณาจักรของพระเจ้าไม่ใช่เรื่องการกินการดื่ม แต่เป็นความชอบธรรม สันติและความชื่นชมยินดีในพระจิตเจ้า
• 18ผู้ที่รับใช้พระคริสตเจ้าดังนี้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าและเป็นที่เคารพนับถือของมนุษย์ 19ฉะนั้น เราจงพยายามทำกิจการที่นำไปสู่สันติและเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่กันและกัน
• 20อย่าทำลายงาน ของพระเจ้าด้วยเรื่องอาหาร อาหารทุกชนิดบริสุทธิ์อย่างแน่นอน แต่การกินอาหารโดยทำให้ผู้อื่นไม่สบายใจ เป็นความผิด
• 21เป็นการดีที่จะงดกินเนื้อ งดดื่มเหล้าองุ่นและงดทุกสิ่งที่เป็นเหตุทำให้พี่น้องของท่านไม่สบายใจ
• 22จงเก็บความเชื่อมั่น ของท่านไว้สำหรับตนเองเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าเถิด ผู้ที่ไม่ตัดสินลงโทษตนเองในสิ่งที่ตนเห็นชอบแล้วก็มีสุข 23แต่ผู้ที่ยังสงสัยอยู่ ถ้ากิน ก็ตัดสินลงโทษตนเอง เพราะกระทำโดยไม่เชื่อมั่น ทุกสิ่งที่ไม่ได้มาจากความเชื่อมั่น ย่อมเป็นบาป
• 15 1พวกเราที่เข้มเข็งต้องอดทนต่อความพลาดพลั้งของคนที่อ่อนแอ และไม่ทำตามใจชอบของเราเอง
• 2พวกเราแต่ละคนต้องเอาใจพี่น้องเพื่อความดีและค้ำจุนกัน 3เพราะพระคริสตเจ้ามิได้ทรงถือพระทัยของพระองค์เป็นใหญ่ แต่ทรงอดทน ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า คำสบประมาทของผู้ที่เหยียดหยามพระองค์ตกอยู่กับข้าพเจ้า
• 4สิ่งที่เขียนไว้ก่อนนั้นก็เขียนไว้สำหรับสั่งสอนเรา เพื่อเราจะมีความหวังอาศัยความอดทนพากเพียรและการปลอบใจที่มาจากพระคัมภีร์
• 5ขอให้พระเจ้าผู้ประทานความพากเพียรและการปลอบใจ โปรดให้ท่านเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ตามแบบฉบับของพระคริสตเยซู 6เพื่อท่านจะได้พร้อมใจกันและเปล่งวาจาเป็นเสียงเดียวกัน ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าผู้ทรงเป็นบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
• 7ดังนั้น ท่านจงยอมรับกันและกัน เช่นเดียวกับที่พระคริสตเจ้าทรงยอมรับท่านเพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า
• 8ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า พระคริสตเจ้าทรงยอมเป็นผู้รับใช้พวกที่เข้าสุหนัต เพราะทรงเห็นแก่ความสัตย์จริงของพระเจ้า เพื่อยืนยันพระสัญญาที่ประทานไว้กับบรรพบุรุษ
• 9ส่วนคนต่างชาตินั้นถวายเกียรติแด่พระเจ้า เพราะพระเมตตาของพระองค์ ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางนานาชาติ ร่วมขับร้องสดุดีพระนามของพระองค์ 10และมีเขียนไว้อีกว่า ประชาชาติทั้งหลาย จงชื่นชมยินดีพร้อมกับประชากรของพระองค์ 11และเขียนอีกตอนหนึ่งว่า จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด ประชาชาติทั้งหลาย จงร้องสรรเสริญพระองค์เถิด ประชากรทั้งหลาย 12ประกาศกอิสยาห์ยังกล่าวอีกว่า รากของเจสซีจะงอกขึ้น พระองค์จะทรงขึ้นมาปกครองประชาชาติ นานาชาติจะมีความหวังในพระองค์
• 13ขอพระเจ้าผู้ประทานความหวังโปรดให้ท่านทั้งหลายเปี่ยมด้วยความยินดีและสันติทุกประการในการที่ท่านเชื่อเช่นนั้น เพื่อว่าท่านทั้งหลายจะได้มีความหวังอย่างเต็มเปี่ยม เดชะพระฤทธานุภาพของพระจิตเจ้า
สรุปว่า วันนี้ฉลองนักบุญอันดรูว์ พ่ออยากให้คำสอนของอัครสาวกเป็นรูปธรรมและเป็นความจริง ที่แน่ๆ พ่อเชื่อเสมอว่า คริสตชนที่ดี ต้องเป็นพลเมืองที่ดีของชาติบ้านเมืองครับ Good Christians=Good Citizens เสมอครับ
รม 10:9-18
9เพราะถ้าท่านประกาศด้วยปากว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และมีความเชื่อในใจว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ท่านก็จะรอดพ้น 10การเชื่อด้วยใจจะบันดาลความชอบธรรม การประกาศด้วยปากจะบันดาลความรอดพ้น 11เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า ทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะไม่ได้รับความอับอาย 12เพราะไม่มีความแตกต่างกันระหว่างชาวยิวกับผู้ที่ไม่ใช่ชาวยิว พระองค์เท่านั้นทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับมนุษย์ทุกคน ประทานพระพรมากมายให้กับทุกคนที่เรียกขานพระองค์ 13เพราะทุกคนที่เรียกขานพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า ก็จะรอดพ้น
14ฉะนั้น ชาวอิสราเอลจะเรียกขานพระองค์ได้อย่างไรถ้าพวกเขาไม่เชื่อ จะเชื่อได้อย่างไรถ้าไม่เคยได้ยิน จะได้ยินได้อย่างไรถ้าไม่มีใครประกาศสอน 15จะมีผู้ประกาศสอนได้อย่างไรถ้าไม่มีใครส่งไป ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เท้าของผู้ประกาศข่าวดีช่างงดงามจริงหนอ
16บางคนเท่านั้นได้เชื่อฟังข่าวดี ดังที่ประกาศกอิสยาห์กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้า ใครเล่าได้เชื่อคำประกาศของเรา 17ดังนั้น ความเชื่อจึงมาจากการฟัง สิ่งที่ได้ฟังก็มาจากพระวาจาของพระคริสตเจ้า
18ข้าพเจ้าขอถามว่า เป็นไปได้หรือที่เขาไม่ได้ยิน เขาได้ยินแน่นอน เพราะเสียง ของผู้ประกาศข่าวดีกระจายไปทั่วแผ่นดิน และวาจาของเขา แพร่ไปจนสุดปลายพิภพ