หน้า 1 จากทั้งหมด 1

+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 18, 2005 1:59 am
โดย ~@Little lamb@~
พยาน ( witness )
ความหมายคือผู้รู้เหตุการณ์, คน,เอกสาร ในพันธสัญญาเดิม ก้อนหินก็ใช้เป็นพยานได้ ( ปฐมกาล 31.46-52 )

คำว่า "พยาน" ในพันธสัญญาใหม่บันทึกเป็นภาษากรีกว่า "มาเทอร์" ( Martyr )ซึ่งคำนี้เป็นรากศัพท์ของคำในภาษาอังกฤษซึ่งแปลว่าวีรชนผู้ยอมตายเพราะถูกข่มเหง ( คาทอลิกเรียก มรณสังขี ) ในความเชื่อทางศาสนา ดังนั้นคำว่า "พยาน"ในพันธสัญญาใหม่ยังหมายถึงผู้ที่ยอมตายเพื่อพระคริสต์ เขายอมให้เลือดของตัวเองหลั่งออกมาประทับตราคำพยานของตน เช่น "สเทเฟน" ( กิจการ 22.20,วิวรณ์ 17.6


+++++++++++++++++++++++++++++

( คำพยาน 1: เข่าบ่ได่ )
%% ฟังน้องเทวดาน้อย เล่าเรื่องดูดวง แล้วร่างทรงเห็นตราที่ประทับในตัวน้องทำให้ร่างทรงไม่กล้าเข้าไปแตะต้องและผีไม่ยุ่งแน่ๆๆๆ หรือว่า~~~~~~~น้องเทวดาน้อยน่ากลัวกว่าผีนะคะ แอ่มๆๆๆๆๆ พูกเล่งๆค่ะ

@@ ทำให้พี่พีพี คิดถึงเพื่อนคนหนึ่งเขาเล่าให้พี่พีพีฟังเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว เมื่อเขาไปร่วมดูหมอที่เวียงจันทน์ ( เมืองหลวงของลาว ) คือเพื่อนพี่พีพีเป็นทนายความ อาชีพประจำ...อาชีพรอง คือ เป็นหุ้นส่วนกับเพื่อนๆทำโน่นทำนี่...แล้วพวกเขาเข้าไปลงทุนในลาว...เพื่อนๆอยากดูชะตาชีวิตของตัวเอง ว่าจะ "เฮง" หรือเปล่า เลยชวนกันไปดูหมอ..หรือดูดวง ถึงตาเพื่อนของพีพี เพื่อนบอกว่าไม่เชื่อหรอก...แต่หุ้นส่วนอยากให้ดูเพื่อพวกเขาจะได้สบายใจ
และแล้วหมอดูสะดุ้ง "ฮ้วย เข้าบ่ได่เป็นจั๋งได๋ " เว้าลาวค่ะ...หมอพลิกฝ่ามืออรหันต์เพื่อนพีพีไปมาแล้วส่ายหน้า เว้าลาวดังๆ ว่า "เข่าบ่ได่ เข่าบ่ได่ " ร้องว่าเข้าไม่ได้...โอ้ยพ่อหนุ่ม ข้อยเข่าบ่ได๋ ที่หน้าผาก เปิ้ลมีไม้กากะบาท ( กางเขน )ผีข้อย กลั๋วๆๆๆๆๆ บ่ดูแล๋ว....ผีที่หมอดูใช้เข้าไปตรวจโชคชะตาเพื่อนทนายของพีพีไม่ได้เพราะไม้กางเขนที่ประทับอยู่ที่หน้าผากเพื่อนเมื่อเขาเล่าให้พีพี ฟัง พีพี บอกว่า เออดีว่ะ อย่างน้อย นายมีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้าจริงๆแล้ว ( เพราะคริสเตียนเชื่อว่าวินาทีแรกที่คนกลับใจเชื่อว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด ในนาทีนั้นพระเจ้า ตีตราประทับว่าเขาเป็นของพระเจ้าแล้ว )

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:00 am
โดย ~@Little lamb@~
( คำพยานที่ 2....หัวใจสลาย )

เมื่อตอนเดือนเมษายน 2002 ฟังคำพยานจากพี่คนไทยที่แต่งงานกับฝรั่งและอยู่ที่สหรัฐฯ 35 ปีมาแล้ว...พีพีเรียกเธอว่าพี่ พี่เธอ ถามพีพีว่า "น้องเชื่อไหมว่าพระเจ้าทรงเป็นแพทย์ผู้ประเสริฐ " "เชื่อค่ะ หนูเชื่อจริงๆเพราะหนูได้รับการรักษาด้วยร่างกายของหนูหลายครั้งแล้ว...และเวลานี้หนู ก็รอการรักษาอีกโรคหนึ่งจากพระองค์ค่ะ " สรุปให้สั้นๆ พี่คนนี้เธอเล่าให้ฟังว่า

น้องสาวคนเดียวของเธอป่วยด้วยโรคหัวใจสลาย...เอ่~~~~~ โรคนี้แปลกมากค่ะ หรือเรียกว่าโรคผิดหวังซ้ำซากทำนองนั้นมากกว่าค่ะ สืบเนื่อง น้องแต่งงานหลายครั้ง กับฝรั่ง พอเลิกกัน ลูกที่เป็นผลิตผลของความรัก ก็ตกไปเป็นของสามีแล้วเธอแก้เหงาแต่งงานใหม่อีก หลายครั้ง มีลูกบ้างไม่มีบ้าง มาถึงคนสุดท้าย มีลูกสาวน่ารักมาก แต่นาวารักอัปปางอีกแล้วแต่ครั้งนี้ศาลตัดสินให้เธอเป็นผู้ได้ลูกสาว ครอบครอง....น้องสาวของพี่ท่านนี้ พยายามเลี้ยงลูกอย่างดี และตัวเองไม่แบ่งใจให้ใครอีกแล้ว ให้ลูกสาวคนเดียว

ตามธรรมเนียมฝรั่ง และตามข้อตกลงที่ทำไว้เมื่อขึ้นศาล ลูกมีสิทธิ อยู่กับพ่อเป็นครั้งคราว....แม่ที่ดีต้องไม่กีดกันลูกกับพ่อน้องสาวของพี่ท่านนี้ ก็อนุญาตให้ลูกไปอยู่กับพ่อเป็นครั้งคราว....อยู่มาวันหนึ่งลูกสาวอายุ 16 ปีแล้ว ขับรถเองได้แล้วก็ไปค้างบ้านพ่อ ตอนปิดเทอม....แล้วความจริงที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นคือ...แม่ได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลว่า ลูกสาวประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัส...ทั้งตระกูลก็ไปโรงพยาบาล รุ่งเช้าลูกสาวขาดใจตายเพราะทนพิษ บาดแผลไม่ไหว

วันนั้นเป็นวันที่น้องสาวของพี่เธอ .. "หัวใจแตกสลาย" เธอหัวเราะ ร้องไห้ คร่ำครวญ ถึงลูก เธอบอกว่า อดีตสามีฆ่าลูกของเธอแม่ผู้หัวใจสลาย เข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการทางประสาท...โรคเก่ายังไม่หาย...ต่อมาน้องสาวเป็นมะเร็งที่ต่อมน้ำเหลืองระยะกระจายแล้ว นำความทุกข์ใจมาสู่พี่คนนี้มาก...เธอเองก็เจ็บป่วย ต้องผ่าตัด ก่อนนั้นเธอมีความเชื่อพระเยซูคริสต์นิดหนึ่งแล้วตัวเธอนอนร้องไห้ สงสารน้องสาวที่โรงพยาบาล ขณะที่น้ำตาคลอเบ้าตานั้น เธอสัมผัสถึงความเคลื่อนไหวบางอย่างในห้องเหมือนมีใครเข้ามาแต่มองไม่เห็น...แต่ได้ฟังจากส่วนลึกของหัวใจว่า "อยากให้น้องสาวหายให้ทูลขอต่อพระเยซู"

พี่สาวท่านนี้ทูลขอ บนเตียงตลอดเวลา ทูลขอการทรงรักษาโรคมะเร็งของน้องสาว....และแล้วพระเจ้าทรงยกโรคมะเร็งออกไปแต่อาการทางประสาทยังคงอยู่ และเธอเองไม่ได้ขอ ให้หายด้วย ....แต่พี่เธอขอบพระคุณพระเจ้าพระเจ้าทรงยกโรคมะเร็งออกไป...แต่อาการทางประสาทนั้น เธอไม่ขอขณะนี้ เพราะว่า เมื่อน้องมีอาการทางประสาทเธอลืมความเจ็บปวดของการสูญเสียลูกเธอคิดมาเป็นครั้งคราว ว่าลูกไปเข้าค่ายบ้างไปทำการบ้านบ้านเพื่อนบ้าง......เวลานี้น้องสาวคนนี้กลับมาอยู่เมืองไทยกับแม่วัย 80 ปี

พี่สาวคนที่เล่าให้ฟังเธอบอกว่า "ความเจ็บป่วยเรื่องมะเร็งของน้องสาวทำให้พี่มั่นใจว่าพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่ค่ะ " พีพีได้ฟังคำพยานของพี่สาวคนนี้แล้ว รู้สึกชื่นชมยินดี และมีสันติสุขในจิตใจมากขึ้นค่ะ...ปัจจุบันพี่ท่านนี้ก็เป็นกำลังของคริสตจักรไทยใน Chigago และพูดเรื่องพระเจ้าแก่คนไทยที่เธอรู้จัก...สำหรับพีพีพี่สาวท่านนี้ได้เป็นสารถีประจำตัวในวันอาทิตย์ทั้งรับและส่งรวมทั้งทำอาหารไทยไว้ให้ทาน....ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงเลี้ยงดูอย่างไม่ขัดสน

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:00 am
โดย ~@Little lamb@~
( คำพยานที่ 3.....ได้รับชีวิตใหม่ )

ถ้ามีใครถามพีพีว่า การอัศจรรย์ ครั้งแรกในชีวิตของคุณคืออะไร...พีพีจะตอบโดยไม่ต้องคิดว่า การได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต พีพีอย่างสิ้นเชิง....ถึงแม้จะมีขวากหนามขวางกั้นอย่างไร ก็กล้าเดิน เพราะมั่นใจในความดีและความรักของพระเจ้า....จากวันแรก ถึงวันนี้ พีพีบอกได้ประโยคเดียวว่า "รักพระเยซูคริสต์ ( และแม่พระ ) มากขึ้นทุกวัน "...และเรื่องที่เล่าแล้วเล่าอีกที่ไม่เคยเบื่อเลย คือประสบการณ์ชีวิตในการดำเนินชีวิตเป็นสาวกพระคริสต์
อุปสรรคมากไหม....มากโข และมากขึ้นด้วย...แต่ไม่หวั่น กรอบภาพของคริสเตียน คือมีพระเจ้าพระบิดาทรงอุ้มไว้เมื่อทุกข์ และท้อแท้......รอยพระบาทบนผืนทราย รอยเท้าคู่เดียวนั่นคือ รอยพระบาทของพระเจ้า ที่ทรงโอบอุ้ม

พีพีไว้......เมื่อพีพีร้องไห้ เชื่อว่าพระองค์คือผู้ที่ทรงซับน้ำตาทุกครั้ง อุปสรรค ไม่ได้มาจากครอบครัว แต่มาจากงานที่ทำ หลังจากรับกระแสเรียกในการแบกกางเขน อุปสรรคจาก โรค ภัย ไข้เจ็บ ที่มาทุบตีร่างกาย หลายครั้งหลายครา แม้แต่ปัจจุบัน ก็ยังสาหัสอยู่

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:03 am
โดย ~@Little lamb@~
( พยานที่4: ทรงรักษาโรค )

พีพีมักจะถามเพื่อนๆที่เป็นหมอหรือหมอคริสเตียนบางท่านว่าพวกเขายังเชื่อว่าพระเจ้ารักษาโรคไหมยังไม่มีหมอคริสเตียนคนไหนปฏิเสธ การทรงรักษาที่มาจากพระเจ้า...มีพี่หมอท่านหนึ่งบอกพีพีว่า อยากให้พระเจ้าทรงรักษาคนไข้มากขึ้นทุกวัน เพราะการรักษาของพระเจ้า ดีกว่าการรักษาบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรคเสียอีก

เมื่อหลายปีแล้วพีพีเตรียมตัวจะไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ คุณแม่ไม่ให้ไป เพราะเป็นห่วงเรื่องสุขภาพเนื่องจากตัวเองเป็นหืดหอบ ( หอบหืด ) ตั้งแต่เด็ก และจะเป็นมากในช่วงหน้าฝน...จากความเจ็บป่วยนี้ต้องมีคนดูแลช่วยเหลือพาไปหาหมอดึกๆดื่นๆประจำ...ต่อมาก็มียาพ่นหลอดลมประจำตัว..เหมือนกับบางคนติดยาดมค่ะ....และไม่เคยคิดถึงการขอการรักษาจากพระเจ้าเลย

เมื่อคุณแม่ร้องไห้ ไม่ให้ไป พีพีร้องไห้เพราะอยากไป เพราะรู้ว่าวิชานี้สำคัญต่อชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณมากพระเจ้าก็ทรงสอนให้รักและให้เกียรติ บิดา-มารดา ไม่ทราบว่าทำไมพีพีบอกแม่ว่า "แม่ขาอย่าห่วงเลย พระเจ้าจะทรงรักษาลูกค่ะ " แม่ยิ้มแล้วถามว่าจริงหรือ พระเจ้าที่ลูกเชื่อจะรักษา พีพีบอกว่า "ค่ะลูกมั่นใจ"

ขณะที่บอกคุณแม่อย่างนั้นตัวเองไม่เคยทูลต่อพระเจ้า และวันนั้นเป็นวันแรกที่เริ่มทูลขอ และบอกพระเจ้าว่าขอพระองค์เมตตา...เพราะคุณแม่ของลูกเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงช่วยลูก...พีพีก็อธิษฐานสม่ำเสมอ ตลอด 3 ปีในต่างประเทศ ก็ไม่เคยมีอาการหืดหอบเลย....และกลับมาหลายปีแล้วก็ไม่เคยมีอาการหืดหอบเลย

การทรงรักษาหืดหอบนับว่าพีพีได้รับการรักษาโรคครั้งแรกในชีวิต...ซึ่งนำความชื่นชมมาสู่ครอบครัวและนำความมั่นใจในความเชื่อ และการดำเนินชีวิตว่า พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งเลย...พระองค์ทรงดูแลตั้งแต่เรื่องเล็กน้อย และเรื่องใหญ่ จึงพูดได้ว่า "ไม่มีอะไรยากเกินสำหรับพระเจ้า "

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:03 am
โดย ~@Little lamb@~
( พยานที่ 5: วางใจในพระเจ้า )

เมื่อวานที่กลุ่มเซลล์พีพีได้ศึกษาพระธรรมปฐมกาลบทที่ 11-20 ( ให้อ่านล่วงหน้า ) ซึ่งเราศึกษาเรื่องของอับราฮัม
1.พระเจ้าทรงกระทำพันธสัญญากับอับราฮัม
2.อับราฮัมพร้อมเข้าสู่การท้าทาย
ก.วางใจพระเจ้า 2.เชื่อฟังพระเจ้า 3.อดทนรอคอยคำตอบ 4.จุดอ่อนของอับราฮัมและจุดอ่อน ( ของคุณ )
เมื่อนำสู่การอภิปราย แต่ละคนก็นำเสนอประสบการณ์ชีวิต การติดตามพระเจ้า อะไรคืออุปสรรค...ส่วนใหญ่คือการอดทนรอคอยพระเจ้าทำไมถึงนานมาก ทำไมพระเจ้าไม่ทรงตอบคำอธิษฐานเสียที แล้วเราจะคอยนานแค่ไหน เป็นต้น
พีพีเองก็แบ่งปันกับเพื่อนในกลุ่มเซลล์ ก็คือชีวิตกับพระเจ้า ก็เหมือนเส้นกราฟ ขึ้นๆลงๆเหมือนกัน โดยเฉพาะ การวางใจพระเจ้า การรอคอยคำตอบในการอธิษฐานแต่ละเรื่อง เพราะบางเรื่องเป็นสิบๆปีก็ยังอธิษฐานอยู่...แต่เชื่อว่า เวลาของพระองค์ไม่เหมือนของเรา และทุกๆอย่างเพื่อผลอันดีเสมอ แต่เวลาแห่งการรอคอย หรือขบวนการ ปั้นแต่งจากพระเจ้า ทั้งอึดอัดหรือเจ็บปวด หรือขมขื่น ซึ่งไม่มีทางลัด ในการเรียนรู้เลย...พระเจ้าทรงเป็นช่างปั้น พระองค์ต้องปั้นแล้วปั้นอีก เพื่อจะได้ภาชนะที่ดี

@@ พีพีเล่าให้กลุ่มฟัง เรื่องการวางใจในพระเจ้า...ซึ่งได้ละเลยไป
คนที่เป็นหืดหอบ จะมีโรคภูมิแพ้เข้ามาเกี่ยวข้องโดย อัตโนมัติ...ถึงแม้พระเจ้าทรงรักษาหืดหอบแล้ว แต่ยังมีอาหารบางประเภท ที่ต้องระวัง พีพี ก็ไม่ละเลย...กุ้งบางชนิดก็แพ้ ปูก็แพ้...เนื้อบางครั้งแพ้และตั้งใจจะเลิก..อาหารปลาเป็นโปรตีนที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง
เมื่อบอกว่ากุ้งบางชนิด ดังนั้นบางชนิดน่าจะกินได้....กุ้งแม่น้ำคือก้ามกรามน่าจะกินได้...ปีที่แล้วก็รับประทานกุ้งไปพอสมควรเพราะไม่ได้ทานมานานเนื่องจากกลัวแพ้ แล้วได้ฟังบางคนบอกว่า "อย่าโง่เลยให้ทำแบบ หนามหยอกเอาหนามบ่ง" ขณะที่ลังเลเพื่อนๆที่ไปทานอาหาร ด้วยก็นำทฤษฏีหนามหยอกเอาหนามบ่งมาใช้ค่ะ...เมื่อกลับถึงบ้าน เห็นแขนทั้งสองข้างขึ้นผื่นเต็มไปหมด นี่คงอยู่ในทฤษฏี" หนามหยอก เอาหนามบ่ง"ตามที่เพื่อนๆบอกแน่ๆ เฮ้อพอจะเข้านอน ต้องแปรงฟัน แล้วดูหน้าตัวเองในกระจก ตกใจหน้าตัวเองเหมือนท้าวแสนปม หน้าบวมปากเจ่ออย่างไรพรุ่งนี้จะหายตามปกติ...แต่ทำไมหัวใจเต้นเร็วมาก หายใจไม่ทัน เหมือนกับไม่มีอากาศ ..เที่ยงคืนแล้วทำอย่างไรดี จะเรียกใครก็เกรงใจไปหมด...แล้วคิดถึง 191 เพราะเคยเรียกใช้บริการหลายครั้ง ครั้งนี้อยากให้เขาส่งรถพยาบาลมารับไปโรงพยาบาล ที่ไกล้ที่สุด เพราะต้องการหมอด่วน ความรู้สึกตัวเอง อาจจะตายคืนนี้แน่ๆ...ขณะที่ยกหูโทรศัพท์เพื่อเรียก 191

พีพีได้ฟังเสียงลึกๆที่อยู่ในหูตัวเองว่า "เจ้าไม่วางใจเรา " พีพีตกใจมาก ใครที่มีสิทธิ์ตำหนิ ตรงแบบนี้หรอก พีพีคุกเข่าสารภาพบาป ที่ขาดความเชื่อ ด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างแท้จริง แล้วทูลต่อพระองค์ เหมือนลูกเล็กๆขอต่อพ่อว่า "พ่อจ๋าช่วยลูกด้วย..ลูกกำลังจะตายแล้ว " แล้วเปิดก็อกน้ำตาไหลริน...ในวินาทีนั้นสัมผัสสันติสุขอย่างประหลาด แล้วการหายใจค่อยๆยาวขึ้น แล้วหายตามปกติ ภายใน 4-5 นาที.. แล้วกลับเป็นปกติ แล้วเข้านอน ตื่นขึ้นมาไม่มีผื่นเลย ".ขอบคุณพระเจ้า " ที่ทรงช่วย และประทานลมหายใจให้ใหม่

พีพีจึงสรุปให้เพื่อนๆในเซลล์ว่า พระเจ้าทรงอยู่กับเราเสมอ และทรงรอคอยให้ความช่วยเหลือ ถ้าเราเข้าใจถึงความสัมผัสระหว่างพ่อกับลูก ส่วนเรื่องการรอคอยแค่ไหนแล้วแต่ละเรื่อง พีพีเรียนรู้ว่าถ้าเรื่องนั้นอันตรายพระองค์จะทรงช่วยทันที....ดังนั้นการดำเนินชีวิต กับพระเจ้าของพีพีก็เหมือนลูกสาวที่ซนๆ แก่นๆ พ่อ ก็ต้องดุบ่อยๆ...ก็ต้องบอกพระบิดาว่า "ขอบคุณพ่อที่รักที่ทรงประทานโอกาสให้ลูกเสมอ.. และทรงอภัยเสมอไม่ว่าจะทำผิดสักกี่ครั้ง " พีพีรักพระเจ้าพระบิดาค่ะ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระผู้เลิศ...วางใจในมนุษย์ทำให้เราผิดหวังได้เสมอ แต่วางใจในพระเจ้าไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลย

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:07 am
โดย ~@Little lamb@~
( คำพยานที่6 : จนมุม )

เมื่อประมาณ 10 ปีมาแล้ว พีพีไปที่จังหวัดพัทลุง นั่งรถไฟไป ทั้งขาไปและกลับขากลับ ( จริงๆแล้วทริปนั่นสนุกมาก )ตอนขากลับ ไม่ทราบว่านั่งรถท่าไหน เกิดหมอนรองกระดูกระหว่างข้อที่ 4 -5 ตกหมอน มันเกยกันอยู่ มันเป็นความเจ็บปวดมาก ปวดหลังปวดขาซีกซ้าย..ไปหาหมอ หมอให้ยาคลายกล้ามเนื้อมาทาน..ทำกายภาพ 30 ครั้ง คือทั้งดึงและประคบ ผ้าร้อน อาการยังเหมือนเดิม...จะไปไหนนั่งรถเกิน 2 ชั่วโมงไม่ได้...ขอบคุณพระเจ้า ก็ต้องทำงานไป นอนพักไป ก้ม เงย ยากเย็น เหลือเกิน...กินยาแก้ปวดมาตลอด 6 เดือน อาการไม่ดีขึ้น จนกระทั่งคำสั่งของหมอมาถึง พีพีว่า เตรียมตัวผ่าตัด หมอบอกพีพีว่า "ไปหาวันมาผ่าตัด ผมจนปัญญาแล้ว การผ่าตัดเท่านั้นที่ช่วยคุณได้ " นั่นคือคำสั่งประหารประมาณนั้นพีพีกลับบ้าน ก็โทรศัพท์ไปปรึกษา พี่ๆน้องๆ และเพื่อนๆ หลังจากฟังความรอบข้างแล้ว เกิดความกลัวสุดๆ และกลัวมากกว่าความตายคือกลัวพิการ ...มันไม่มีทางออกอีกหรือ ทุกข์ใจมากจริงๆและอยากหายตามปกติ....ระหว่างนั้นเมื่ออ่านพระวจนะและอธิษฐาน พีพี ทูลขอความเข้าใจจากพระเจ้า ขอการรักษาจากพระเจ้า...แล้วเรื่องของกษัตริย์ "เฮเซคียาห์" ก็เข้ามาในใจ

ดังนั้นพีพีก้ไปอ่านเรื่องของ เฮเศคียาห์ ใน 2 พงศาวดาร 32.24-26, 2 พงศ์กษัตริย์ 20.1-11 และ อิสยาห์ 38.1-22 ได้รับคำตอบจากพระวจนะทั้งสามตอน เรื่องเดียวกันคือกษัตริย์เฮเซคียาห์ กษัตริย์ ผู้ชอบธรรมองค์หนึ่งทรงพระประชวรแล้วพระเจ้าทรงใช้ผู้เผยพระวจนะ อิสยาห์ ไปบอกว้า พระองค์จะสิ้นพระชนม์...สิ่งที่กษัตริย์ เฮเซคียาห์ทรงกระทำคือหันพระพักตร์ เข้าข้างฝา และกันแสง ทูลต่อพระเจ้า ขอต่อชีวิตเพราะพระองค์ ยังมีการงานหลายอย่างที่ต้องทำให้สำเร็จพระเจ้าทรงทอดพระเนตร และเห็นน้ำตาของกษัตริย์ พระองค์นี้...พระเจ้าทรงกลับพระทัย ให้อิสยาห์ไปบอกว่าพระเจ้าทรง ฟังคำอธิษฐานและเห็นน้ำตา ดังนั้นพระองค์ จึงประทานชีวิตให้อีก 15 ปี....นี่คือเรื่องจริงในพระคัมภีร์ และยังเป็นจริงในเวลานี้

พีพีอ่านพระคัมภีร์แบบตรึกตรอง และอุทิศใจอธิษฐานต่อพระเจ้า..ทูลพระองค์ เหมือนคุยกับพ่อ ว่ากลัวการผ่าตัด กลัวเสียชีวิต หรือพิการ.ฯลฯ ทูลขอความเตตาจากพระเจ้า...ขอการอัศจรรย์เกิดขึ้นพระเจ้าทรงเห็นน้ำตาพีพี ทรงเห็นความตั้งใจ....ดังนั้นภายในสัปดาห์นั้น พีพีทุ่มตัว เทใจอธิษฐานเผื่อตัวเอง และแล้วพระเจ้าทรงรักษาอย่างอัศจรรย์ ..ความเจ็บปวดที่เคยรบกวน อยู่ ครึ่งปี ถูกยกไป...พีพีได้รับการรักษาอย่างแท้จริงเดินได้แบบปกติ...แล้วไปเช็คกับหมอประจำตัวหมอเอง ก็ประหลาดใจ...... เพราะความเชื่อ และวางใจ พีพีจึงได้เห็นความยิ่งใหญ่จากพระเจ้า

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:07 am
โดย ~@Little lamb@~
( คำพยานที่ 7: มหาพรตมหัศจรรย์ )

%% ตามที่พีพีเกริ่นว่าในช่วง 3 ปีหลัง พระเจ้าเปลี่ยนแปลงพีพีให้มีภาระใจต่อสถานการณ์ของโลก และคนอื่นๆ มหาพรต 2002 ก็เช่นเดียวกัน...พีพีมีเรื่องสำคัญของเพื่อนคนหนึ่งที่พระเจ้าทรงใส่ความรักและภาระใจอย่างมาก

ที่พีพีตั้งใจจะอุทิศการอธิษฐานปีนี้ให้เพื่อนด้วยความชื่นชมยินดี....ก่อนที่เริ่มหาพรต ก็มีเรื่องของเด็กที่ป่วยเป็นมะเร็งในสมองส่วนกลาง เพราะมีศาสนาจารย์ท่านหนึ่งได้ฟังคำพยานที่พีพีเล่าให้ที่คริสตจักรหนึ่งฟัง...พีพีเปิดตัวเองว่าเป็นคาริสเมติก ( รับของประทานฝ่ายจิตวิญญาณ ตอนอยู่ออสเตรเลีย )....เล่าให้สั้นๆพอได้ใจความดังนี้ค่ะ

%% เช้ามืดของวันจันทร์ ศาสนาจารย์ ท่านที่ฟังพีพี พูดที่โบสถ์ในวันอาทิตย์ โทรไปหาพีพีบอกว่ากำลังหาคนที่เชื่อเรื่องฤทธิ์เดช ไปอธิษฐานเผื่อเด็กคนหนึ่งที่โรงพยาบาล ป่วยเป็นมะเร็งที่แกนสมอง....พีพีขนลุกทั้งสงสารเด็กและสงสารตัวเอง มีเคสหนักอีกแล้ว...ต้องอดอาหารอธิษฐานอีกแล้ว....อย่างไรก็ตาม ชีวิตเรามอบถวายเพื่อพระราชกิจของพระเจ้าอยู่แล้วนี่

เมื่อพ่อของน้อง ไปรับ พีพี ที่ออฟฟิศ พีพีก็ต้องคุยกับพ่อถึงอาการต่างๆ...ทราบว่าพ่อของน้องไม่ได้ไปโบสถ์มาร่วม 20 ปีแล้ว ตั้งแต่มัธยมปลาย...จนจบมหาวิทยาลัย ทำงาน แต่งงาน มีลูก 2 คน คนโตผู้ชายอายุ 3 ขวบ เพิ่งพบว่า ลูกเป็นมะเร็งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วฝ่ายกายหมอที่โรงพยาบาลรับผิดชอบ...แต่ให้ความหวังน้อยมาก เพราะมะเร็งที่เกิดขึ้น ที่แกนกลางสมอง ผ่าตัดไม่ได้ ฉายรังษีได้อย่างเดียว และหมอไม่รับรองว่ารังษีจะถูกสมองส่วนอื่น...ถ้าถูกสมองอาจจะตายลูกอยู่ก็ไม่ปกติ...หรือน้องทนไม่ไหวอาจจะเสีย

ชีวิตก่อนฉายแสง ก็ได้....ฟังพ่อเล่าด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยเหลือเกิน รู้สึกสงสารจับใจ
ที่โรงพยาบาล พีพีบอกพ่อของเด็ก ว่า เขาต้องกลับใจใหม่กลับมาหาพระเจ้า...แล้วจะมีส่วนในการอธิษฐานเผื่อลูกได้ เรามาอ่านพระคัมภีร์ ยากอบ 5.13-20 ในข้อ 19 คือการนำคนที่หลงทางจากพระเจ้าให้กลับใจเสียใหม่ ข้อ 20 ก็คือนำคนที่หลงหายกลับมาหาพระบิดา....คุณพ่อของน้องอธิษฐานสารภาพบาป และหันหน้ามาหาพระเจ้า ที่เรียกว่ากลับใจใหม่ Repentแล้วเราจึงอธิษฐานเผื่อน้อง อายุ 3 ขวบ....น้องต้องฉายรังษี 30 ครั้ง สัปดาห์ละ 5 วัน....เมื่อถึงมหาพรต พีพีโทรศัพท์ไปคุยกับ คุณพ่อของน้อง...ชวนให้คุณพ่อถือมหาพรต เพื่ออธิษฐานเผื่อลูกของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภรรยาเขาก็ยังไม่เป็นคริสเตียน

เขาต้องทำหน้าที่ คนเดียว พีพีร่วมใจอธิษฐานแล้ว....หัวใจสำคัญของการทูลต่อพระเจ้า เมื่อเราเชื่อว่าพระเจ้าทรงใช้มือแพทย์ในการรักษาน้อง เราทูลขอให้พระเจ้าทรงเมตตา ที่จะควบคุมมือของหมอ ประทานสติปัญญาแก่หมอ ในการฉายแสงให้ถูกเฉพาะส่วนของเนื้อร้ายเท่านั้น
พีพีอธิษฐาน และถือมหาพรตตามปกติ และต้องทำงานหลายอย่าง ให้เสร็จ ก่อนที่จะเดินทางไป สหรัฐ 3 เดือน...2 วันก่อนเดินทาง พ่อของน้องโทรศัพท์มาคุย ด้วยน้ำเสียงชื่นชมยินดี และบอกว่า "น้อง.."หายเป็นปกติแล้ว ได้สมัครเรียนชั้นอนุบาลแล้วพีพี ดีใจน้ำตาคลอไปกับน้ำเสียงของคุณพ่อของน้อง.....แล้วเขาเชิญ พีพีบอกว่าจะเลี้ยงขอบคุณ พีพี ที่อธิษฐานให้ลูกเขาหายพีพี ปฏิเสธ เพราะเราไม่มีสิทธิ์ที่จะรักษาใคร พระเจ้าเท่านั้น ที่ทรงกระทำ พีพีเป็นเพียงภาชนะดินที่พระเจ้าทรงใช้เป็นอุปกรณ์ชื่อเสียงและเกียรติยศเป็นของพระเจ้าเท่านั้น...แต่จะให้พูดตรงๆแบบนี้คงทำลาย น้ำใจกันเกิน พีพีต้องบอกว่าขอรับด้วยใจเพราะไม่มีเวลา กำลังจะเดินทางอีก 2 วัน แล้วเราอธิษฐานขอบคุณพระเจ้าทางโทรศัพท์....พีพีขอเปลี่ยนการเลี้ยงขอบคุณพีพี
เป็น การไปเป็นพยานที่คริสตจักรของเขา และให้เลี้ยง พี่น้องที่คริสตจักรแทน...หรือจัดดอกไม้ถวายขอบคุณ และไม่ลืมที่จะบอกว่าตัวเองชอบดอกอะไร

.... การอัศจรรย์ของพระเจ้ายังมีเสมอ และทรงกระทำตลอดเวลา เชื่อว่าทั้งพี่น้องคาทอลิกและโปรแตสแตนต์ มีประสบการณ์เหล่านี้เสมอ ซึ่งทำให้เรามั่นใจในความเชื่อและการติดตามพระเยซูคริสต์

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:08 am
โดย ~@Little lamb@~
( ตอนที่ 8 : เด็กหญิงแมรี่ย์ โจนส์ )

เมื่อวันพุธ ที่ผ่านมา มีโอกาสฟังคุณพ่อ ที่วัดมหาไถ่ เทศนา คุณพ่อได้ยกตัวอย่างเด็กชาย อเมริกัน ชาวฟิลาเดลเฟียที่ก่อนแกจากโลกนี้ไปแกใฝ่ฝันที่จะเรียนพระคัมภีร์ แต่ไม่สามารถเรียนได้ เพราะโบสถ์เล็ก...เด็กชายคนนี้ ก็สะสมเงินเพื่อสร้างโบสถ์... เมื่อเขาตาย พ่อแม่มารื้อที่ห้องนอน ก็พบ เงิน 57 เซนต์ และเขียนคำจำนงไว้ที่ซอง สะสมเพื่อสร้างโบสถ์...เรื่องของเด็กคนนี้ถูกนำออกไปเล่า...ปรากฏว่ามีคริสตชนตอบสนอง และมีเงินเข้ามาหลายล้านดอลล่าร์ จนสามารถสร้างโบสถ์แบ๊พติส โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ฯลฯ ด้วยเชื้อของความตั้งใจที่บริสุทธ์ของเด็กชายคนนี้...ช่างอัศจรรย์จริงๆ
-----------------------

ขณะที่ฟังคุณพ่อเล่าตัวอย่าง พีพีก็คิดถึงเรื่องเด็กหญิง แมรีย์ โจนส์ เด็กหญิง ชาวเวลส์ทันที...และอยากจะหาโอกาสพิมพ์มาให้อ่านเพื่อหนุนใจกัน....เรื่องมีอยู่ว่า

แมรี่ย์ โจนส์ เป็นเด็กหญิง ชาวเวลส์ อายุ 8 ขวบ แมรีย์ เป็นลูกชาวนาที่ยากจน เมื่อเธอมีโอกาสไปนมัสการพระเจ้าที่โบสถ์กับคุณแม่ในวันอาทิตย์ เธอชอบฟังเรื่องในพระคัมภีร์ และสามารถท่องจำข้อพระคัมภีร์ไว้มากมาย....ต่อมาเมื่อแมรีย์ เข้าโรงเรียนพอเธอเริ่มอ่านหนังสือได้ เธอตั้งปณิธานไว้ว่า จะต้องเป็นเจ้าของพระคัมภีร์ เพื่อไว้อ่านให้ได้แมรีย์ ไม่รอช้า รีบขอให้คุณพ่อทำกล่องเล็กๆ เพื่อไว้หยอดเหรียญ นอกจากนั้นเธอขออนุญาตพ่อ แม่เพื่อรับจ้างทำงาน แล้วเก็บเงินไว้ซื้อพระคัมภีร์ ส่วนด้านการเรียนเธอตั้งใจเรียนเพื่อจะอ่านหนังสือให้แตก ด้านการเงินเธอเก็บสะสมนานถึง 6 ปี จึงมีเงินพอจะซื้อพระคัมภีร์ 1 เล่มแมรีย์ กำเงินจำนวนนั้น ออกเดินทางจากบ้านเข้าไปในเมือง ประมาณ 90 กิโลเมตร เมื่อไปถึงที่ร้านหนังสือปรากฏว่ามีพระคัมภีร์เหลือแค่ 3 เล่ม และเมื่อเจ้าของร้านเห็นแมรีย์ มาติดต่อขอซื้อพระคัมภีร์ หนึ่งเล่ม เขาไม่ขายให้...บอกว่าไว้ขายให้ผู้ใหญ่
แมรีย์ไม่ได้ลดละความพยายาม เธออ้อนเจ้าของร้าน แล้วเล่าถึงความตั้งใจอยากจะมีพระคัมภีร์ไว้อ่าน เธอต้องทำงานเก็บเงิน ถึง 6 ปีถึงจะพอกับราคาพระคัมภีร์...เมื่อเจ้าของร้านได้ฟังดังนั้นก็เกิดความตื้นตัน และขายให้เธอไป 1 เล่ม แมรีย์ ดีใจมาก

การกระทำของเด็กหญิงแมรีย์ เป็นแบบอย่างอันดีของคนที่รักการอ่านพระคัมภีร์ ...ต่อมาเมื่อคณะกรรมการ การแปล และพิมพ์ พระคัมภีร์เป็นภาษาเวลส์ ได้เสนอเรื่องความขาดแคลนพระคัมภีร์ และเรื่องของ แมรีย์ โจนส์ ได้ยกขึ้นเป็นตัวอย่างของคนที่หิวกระหายพระคำของพระเจ้า....ในที่สุด ได้มีการก่อตั้งสมาคมพระคริสตธรรม ขึ้นเป็นครั้งแรก ในโลก และกิจการของสมาคมพระคริสตธรรม ก็ยังดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน

เมื่อพีพีอ่านเรื่องนี้จบ ตาซึมๆ เพราะแมรีย์ เป็นแบบอย่างที่ดีต่อเราคริสตชน ที่ควรจะหิวกระหายพระวจนะ เพราะเป็นอาหารฝ่ายจิตวิญญาณ.....พีพีอยากจะเชิญให้ทุกๆท่านอ่านพระธรรมสดุดี 119 เพื่อจะเห็นถึงความสำคัญของการอ่านพระคัมภีร์ ..อาแมน

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:09 am
โดย ~@Little lamb@~
( ตอนที่ 9 : คำอธิษฐานเคลื่อนภูเขา )

เมื่อกี้ได้อ่าน อีเมล์ ของเพื่อนอีกก๊วนหนึ่ง...อย่าเพิ่งต๊กใจ พีพีไม่ใช่มาเฟียอะไรหรอกค่ะ แต่มีเพื่อนๆหลายกลุ่มเพื่อนเขียนเรื่องภูเขาที่เคลื่อนได้ โดย PUSH....

P = pary
U = untill
S = something
H = happen

จึงอดที่จะเขียนเวอร์ชั่นของตัวเองไม่ได้ ว่า PUSH นี้ได้สำเร็จจริงๆ แก่คริสตจักรเพรสไบทีเรียนแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ

%% พีพีมีโอกาสฟังคำพยานจากศาสนาจารย์ท่านหนึ่งเรื่องการอัศจรรย์ ที่พระเจ้าทรงสำแดงแก่คริสตจักรเพรสไบทีเรียนแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ...ศาสนาจารย์เล่าว่า คริสตจักรแห่งนี้ สร้างมานานแล้ว และสมาชิกเพิ่มขึ้น พอถึงวันอาทิตย์ ที่จอดรถ ก็มีไม่เพียงพอ ดังนั้นทำให้คริสเตียนบางคนมีข้อแก้ตัวที่จะไม่ไปโบสถ์ เพราะไม่มีที่จอดรถ

%% คณะธรรมกิจ ประกอบด้วยศิษยาภิบาล ผู้ปกครอง และมัคนายก ประชุมปรึกษากันว่าควรจะแก้ไขอย่างไร โบสถ์มีที่ดินอยู่อีกหน่อย ด้านหลังโบสถ์ แต่มันเป็นเนินเขา แล้วไม่รู้ว่าจะปรับให้เป็นที่จอดรถอย่างไร จะให้ลงทุนทุบภุเขาก็ไม่มีเงินพอในที่สุดทุกคนเห็นด้วยว่าจะต้องมีการอธิษฐาน แบบลูกโซ่ ทูลขอให้พระเจ้าทรงเคลื่อนภูเขาลูกที่ตั้งอยู่หลังโบสถ์ออกไปดังนั้นทุกๆคนในคริสตจักรได้ร่วมกันอธิษฐาน แบบลูกโซ่ การอธิษฐานผ่านไปเป็นเดือนและสมาชิกบางคนเริ่มท้อแท้ แล้วพระเจ้าทรงสำแดง การอัศจรรย์~~~~ ~~~~

@@ เช้าวันหนึ่งหลังจากศิษยาภิบาล อธิษฐานตามเวรของตัวเองเรื่อง ทูลขอพระเจ้าเคลื่อนภูเขาหลังโบสถ์เช้าวันนั้นเมื่ออธิษฐานเสร็จ ศิษยาภิบาล ได้รับโทรศัพท์ จากนายกเทศมนตรีของเมืองที่คริสตจักรตั้งอยู่ เนื้อหาที่นายกฯพูดคือ ตอนนี้เขตของเขากำลังมีแผนขยายถนน เข้าไปที่. ( ชื่อสถานที่ ) แต่มันมีแอ่งขรุขระเต็มไปหมด จะต้อง มีการถมที่ก่อนแล้วถึงเทคอนครีต...นายกฯเล่าว่าเมื่อหลายวันก่อนท่านขับรภผ่านโบสถ์ และเห็นว่าที่ของท่านที่เป็นด้านหลังโบสถ์ เป็นภูเขาซึ่งไม่เป็นประโยชน์อะไรแก่โบสถ์ ดังนั้นท่านจึงคิดว่า ควรจะใช้ให้เป็นประโยชน์เพื่อส่วนรวม
%% ท่านนายกเทศมนตรี จึงเจรจาขอซื้อภูเขาหลังโบสถ์...ทางคณะธรรมกิจจึงขายให้เทศบาลไป ในที่สุดทางเทศบาลก็ได้ระเบิดภูเขาเอารถมาขนหินไปถมทำถนน พื้นที่ที่เคยเป็นภูเขาโล่งเตียน ดูกว้างขวาง ทางโบสถ์จึงปรับที่ตรงนั้นเทคอนครีต ลาดยางทำเป็นสถานที่จอดรถแห่งใหม่ของโบสถ์ โดยใช้เงินที่ได้จากเทศบาล เป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างที่จอดรถ

@@ ดังนั้น สมาชิกคริสตจักรแห่งนี้มีความชื่นชมยินดีที่พระเจ้าทรงทำการอัศจรรย์ ที่เคลื่อนภูเขาหลังโบสถ์

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:11 am
โดย ~@Little lamb@~
( ตอนที่ 10 : ทดสอบความเชื่อ - ได้เห็นฤทธิ์เดช )

รักศัตรู "..ท่านทั้งหลายได้ยินคำที่กล่าวไว้ว่า จงรักคนสนิท และเกลียดชังศัตรู
ฝ่ายเราบอกแก่ท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน และจงอธิษฐานเผื่อผู้ที่ข่มเหงท่าน " ( มัทธิว 5:43 )
ใครไม่เคยถูกเข้าใจผิด ( ยกมือ ) และใครเคยเข้าใจคนอื่นผิด ( ยกมือ ) ...สำหรับพีพีต้องยกมือทั้งสองคำถาม แต่คำถามแรก จะมีมากกว่าคำถามที่สอง เมื่อคนอื่นเข้าใจเราผิด เราทำอย่างไร...มักจะได้รับคำตอบว่า "ก็ปรับความเข้าใจกันสิ " ใช่ ตามหลักน่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ถ้าพีพีถามคุณว่า คุณไม่รู้ว่าใครคือคนที่คุณจะปรับความเข้าใจล่ะ

เมื่อหลายปีมาแล้ว ตอนนั้นพีพีเพิ่งกลับใจเชื่อพระเจ้าสัก 6 เดือนเห็นจะได้ มีมรสุมใหญ่เข้ามาในชีวิตเพื่อฝึกฝนและทดสอบความเชื่อ พีพีเข้าใจเช่นนั้น เพราะความทุกข์ที่เกิดขึ้นตัวเองไม่มีส่วนกระทำสักนิดเดียว....พีพีได้รับไปรษณียบัตรสนเท่ห์ ผู้เขียนไม่ได้ลงชื่อ แต่เนื้อหาจะใช้วาจาหยาบคายมาก และไปรษณียบัตรเนื้อหาเดียวกัน ก็ถูกส่งไปให้ หัวหน้างานพีพีด้วย นอกจากนั้น ก็จะได้รับโทรศัพท์ ด่าด้วยวาจาเดียวกันกับไปรษณียบัตร และหัวหน้างานของพีพี ก็ได้รับโทรศัพท์ เจ้าของเสียงด่าด้วยถ้อยคำเดียวกัน.....รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก ที่นำความเสื่อมมาสู่ตัวเอง และคิดว่าหัวหน้างานและเพื่อนฝูงก็คงสงสัยในพฤติกรรมของพีพีว่าไปทำอะไรมา ถึงถูกด่าหนักอย่างนั้น และมีไปรษณียบัตรสนเท่ห์อย่างนั้น....พีพีได้ปรึกษาคุณพ่อ พ่อบอกว่าให้เก็บไปรษณียบัตรทุกใบไว้ และขอให้บอกหัวหน้างานให้เก็บไว้ด้วย และให้บันทึกวัน - เวลา และข้อความ ทุกครั้งที่ได้รับโทรศัพท์

ในฐานะเป็นคริสเตียนใหม่ ก็ได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษาศิษยาภิบาล ท่านก็แนะนำว่าให้ อธิษฐาน ทูลขอจากพระเจ้า แล้วท่านให้พระคัมภีร์ข้อนี้คือ " รักศัตรู และอธิษฐานเผื่อคนที่ข่มเหงท่าน" พีพีสำรวจตัวเองว่าได้ทำอะไรให้ใครเจ็บช้ำน้ำใจบ้าง ตอบได้ว่า "ไม่มี" พีพีกล้าทูลกับพระเจ้าว่า "ลูกขอสู้ความกับพระองค์" เพราะในพระธรรมอิสยาห์ บทที่ 1:18-19 คือสู้ความว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดกับเพื่อนมนุษย์ แต่ถ้าพระองค์ทรงสำแดงให้เห็น ก็ยินดีจะขอโทษเขา ยินดีให้พระเจ้าลงโทษเพราะความผิดนั้น สิ่งเดียวที่ทำได้คืออธิษฐาน และเรียกว่าอธิษฐานเผื่อศัตรู เพราะคนที่โจมตีเราเขาซุ่มอยู่ในที่มืด พีพีอยู่ในที่โล่งเป็นเป้าสายตาได้ตลอดเวลา

ตลอดเวลาเกือบ 6 เดือน เป็นช่วงเวลาที่ขมขื่นมาก เพราะไม่รู้ว่า จะต้องปรับความเข้าใจจากใคร...นอกจากอธิษฐาน พีพีก็เตรียมทนาย ( เป็นพี่ชายของเพื่อน เขาพร้อมจะว่าความให้ ) ในที่สุดศัตรูก็เผยตัว บ่ายวันหนึ่งก่อนพีพีออกไปธุระ ไม่ทราบนึกอะไรขึ้นมา พีพีอธิษฐานก่อนออกจากบ้าน ว่าขอให้พบตัว เจ้าของไปรษณียบัตร และเสียงโทรศัพท์ ที่ทำงานแรกของพีพีอยู่ที่บางรัก ขณะที่พีพีกำลังเดินไปริมถนนเจริญกรุง มุ่งหน้าทางโรงพยาบาลเลิศสิน พีพีเดินสวนกับหญิงสาวคนหนึ่ง แล้วได้ยิน คำด่าเดียวกันที่ด่าทางโทรศัพท์ และไปรษณียบัตร พีพี รีบจับแขนเจ้าของเสียงทันที แล้วถามว่า เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรคะ สาวสวยคนนั้น พูดประโยคนั้นทันที พีพีพูดกับเธอดีๆว่าขอเชิญไปที่ออฟฟิศหน่อย เธอบอกว่าไม่ไป พอดีมีตำรวจจราจรโบกรถอยู่ใกล้ๆ พีพีถามว่าจะให้ ตำรวจจับไปแล้วเราไปคุยกันที่โรงพัก หรือเดินกันไปเฉยๆ....เธอหน้าซีด บอกว่าจะไปที่ออฟฟิศ และขอให้พาพี่สาวอีกคนไปเป็นเพื่อน ที่ออฟฟิศของพีพี มีหัวหน้า มีทนายความ และพีพี ฝ่ายเจ้าของไปรษณียบัตรมี นักศึกษาปี 4 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และมีพี่สาวเธอคนหนึ่ง...พีพีก็นำไปรษณียบัตรทุกใบ และบันทึกโทรศัพท์ที่เธอโทรไปด่า หัวหน้าของพีพีเป็นประธานในการสอบสวน เรื่องของเรื่องมีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นแฟนกับพี่ชาย แล้วหลอกพี่ชายเธอหมดเนื้อหมดตัว แล้วทิ้งพี่ชายเธอไป ซ้ำร้ายพี่ชายของเธอป่วยมากเพราะอกหัก ถึงกับต้องส่งโรงพยาบาลรักษาอาการทางประสาท ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาคล้ายๆพีพี หญิงสาวคนนั้นเลยเข้าใจว่าพีพีเป็นบุคคล คนเดียวกัน

แหม!!!โล่งอกที่ไม่ใช่ เมื่อเป็นการเข้าใจผิด แล้วทำให้คนอื่นเสียหาย แล้วน้องคนนี้กลับรู้ว่าพีพีเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน...ฝ่ายพี่ทนายของพีพี ก็บอกถึงโทษของการหมิ่นประมาท ทำให้คนอื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ผิดมาตรา... ปรับ...จำคุก..... เขาพร้อมดำเนินการตามเจตจำนงของเจ้าทุกข์....เมื่อพีพีเห็นน้ำตาของการสำนึกผิดของรุ่นน้อง พีพีลุกขึ้นไปกอดน้องบอกว่าไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก ( พีพีร้องไห้ตามน้องเสียอีก )...จบ Happy Ending พีพีให้อภัยเธอทั้งหมด เพราะเป็นการเข้าใจผิด....ฝ่ายหัวหน้างานตามประสาผู้ใหญ่ ขอให้น้องคนนี้

1.เขียนจดหมายขอโทษพีพี ท่านติดประกาศให้คนอื่นรับทราบ เพราะหลายคนได้อ่านไปรษณียบัตรสนเท่ห์
2.ขอขมาอย่างเป็นทางการ ด้วยช่อดอกไม้
"... จงรักศัตรูของท่าน และจงอธิษฐานเผื่อผู้ที่ข่มเหงท่าน " ( มัทธิว 5:43ข ) พีพีจึงเข้าใจคำสอนของพระเยซูคริสต์ในข้อนี้อย่างแท้จริง...เมื่อถูกปูพื้นฐานด้านความเชื่อตั้งแต่เริ่มแรกเป็นอย่างนี้...ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่พีพีมีปัญหากับใคร ก็จะสงบใจทูลภาวนาก่อน ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ไม่น่าชื่นใจเลย แต่ผลที่ได้รับ น่าชื่นใจ ไม่ได้ทำให้เราได้รับความอับอาย แต่กลับทำให้ศัตรูนั้นเป็นมิตรของเรา

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:12 am
โดย ~@Little lamb@~
( คำพยานที่ 11 : หนึ่งต่อหนึ่ง )

น้องโฮลี่ เจ้าเทวดาน้อย และเพื่อนๆที่เข้ามาอ่าน...คงจำ "หนูน้อยวัย 2 ขวบ ชื่อข้าวฟาง"ได้นะคะ พีพีได้เล่าให้ฟังเมื่อวันที่ 15 ก.ค. วันนี้อยากจะมาเล่าถึงการทรงรักษาของพระเจ้า น้องข้าวฟาง อายุ 2 ขวบเป็นมะเร็งที่ดวงตา เมื่อปลายเดือนที่แล้ว และเข้าไปพบหมอเป็นระยะๆ ที่โรงพยาบาลศิริราช พระเจ้าทรงเปิดทางให้ทั้งหมด ได้หมอดี ราคาค่ารักษาพยาบาลถูก ( ถึงแม้ไม่ใช่ 30 บาท ) น้องข้าวฟาง แอดมิส เพื่อควักดวงตาข้างขวาออกเมื่อวันที่ 16 ก.ค. ก่อนควักดวงตา คุณหมอ ก็เช็ค หาเชื้อหมดอีกครั้งหนึ่ง เจาะที่ไขสันหลัง เพื่อตรวจว่าเชื้อได้กระจายไหม ตรวจน้องสาวคู่แฝด ว่ามีเชื้อมะเร็งด้วยไหม ...ขอบคุณพระเจ้าเชื้อโรคนั้นไม่ได้ลามไปที่ใด...

เมื่อถึงเวลาควักดวงตา แม่น้องข้าวฟางเล่าว่าเธอรู้สึกว่าถูกควักดวงใจ คุณหมอใช้เวลาเกือบ สามชั่วโมง น้องออกมาจากห้องผ่าตัด ระยะแห่งการพักฟื้นที่โรงพยาบาล เป็นเวลาที่ชื่นชมยินดี เพราะ แฝดน้องช่วยปลอบใจแฝดพี่ให้หายเจ็บปวด ด้วยการมาเป็นเพื่อนเล่น...โอบกอดปลอบใจพี่สาว
การเจ็บป่วยของน้องข้าวฟางครั้งนี้เป็นการเจ็บป่วยของทุกๆคนในคริสตจักร เพราะเป็นคริสตจักรเล็กๆ สมาชิกที่เป็นผู้ใหญ่ส่วนหนึ่งได้ทุ่มเทจิตใจอดอาหารอธิษฐาน บางคนก็เขียนอีเมล์บอกเพื่อนๆที่มีความเชื่อเรื่องการรักษาโรค ให้อธิษฐาน บางคนก็บอกเพื่อนสนิทๆกันให้อธิษฐาน...ขอบคุณพระเจ้าพระองค์ทรงเมตตา และแผนการที่ล้ำลึกกว่านั้น ที่เราคาดไม่ถึง เพราะพ่อน้องข้าวฟาง ไม่ได้เชื่อพระเจ้า และยังขัดขวางการไปโบสถ์ของภรรยา เมื่อลูกเจ็บป่วย ภรรยาบอกว่ามีแต่พระเจ้าเท่านั้นช่วยได้ ขอให้เขาขับรถไปโบสถ์ให้เกือบทุกวัน เผื่อสมาชิกจะได้ร่วมใจกันอธิษฐาน ทูลต่อพระเจ้า

คุณแม่น้องข้าวฟางโทรศัพท์ไปคุยกับพีพีด้วยเสียงสั่นเครือว่า "หนูไม่เสียใจเลยเพราะ พระเจ้าทรงมีแผนการที่ดีเลิศเสมอ ลูกสูญเสียดวงตาไปหนึ่งข้าง แล้วได้ดวงวิญญาณของพ่อมาอยู่บ้านพระเจ้าด้วยกัน มันเกินคุ้มค่ะ " พีพีได้ฟัง ขนลุก แล้วอธิษฐานขอบคุณพระเจ้า ที่เห็นถึงความรักของพระองค์ ยังมีต่อลูกๆของพระองค์จากนิรันดร์กาลถึงนิรันดร์กาล

"จงทูลเรา และเราจะตอบเจ้า และจะบอกถึงสิ่งที่ใหญ่ยิ่งและซ่อนอยู่ ซึ่งเจ้าไม่รู้นั้นให้แก่เจ้า " ( เยเรมีย์ 33:3 )

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:13 am
โดย ~@Little lamb@~
( คำพยานที่ 12:คำอธิษฐานของแม่ )

ไม่ทราบว่ามีคุณแม่ท่านใดกล้าอธิษฐานต่อพระเจ้า อย่างคุณแม่ที่พีพีจะนำมาเล่าให้ฟังบ้าง
พีพีอ่านจากหนังสือคำพยานชีวิต ของคุณแม่คริสเตียนท่านหนึ่ง คุณแม่ท่านนี้เป็นคนที่ร้อนรนและเชื่อพระเจ้าอย่างเข้มแข็ง เมื่อมีลูก ก็ภาวนาเผื่อลูกทุกๆวัน พาลูกไปโบสถ์สม่ำเสมอ แต่พอลูกโตแล้ว ดูแลยากมาก เพราะลูกชายคนเดียวคนนี้เกเรมาก ...ออกไปจากทางของพระเจ้าอย่างสุดขั้ว เอาชีวิตไปยุ่งอยู่กับแก้งส์มอตอร์ไซต์ ก่ออาชญากรรมนาๆชนิด ถูกจับได้ เมื่อรับโทษแล้วออกมาจากคุก ก็กลับไปมั่วสุมอย่างเดิม คุณแม่ร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดวิงวอนเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง
ความหวังสูงสุดของแม่คือลูกจะได้อยู่ในแผ่นดินของพระเจ้า ...ดังนั้นเธอมีท่าทีต่อการวิงวอนต่อพระเจ้าใหม่ นางไม่ได้วิงวินให้เขาเลิกเกเร...กลับวิงวอนว่า "พระองค์เจ้าข้าก่อนที่ชีวิต "ลูกจิม"จะจากโลกนี้ไป ขอให้เขาได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอด" คุณแม่ท่านนี้อธิษฐานลักษณะนี้อย่างสม่ำเสมอ แล้วเธอก็ไม่ทุกข์ใจอีกแล้วเพราะฝากความเชื่อไว้กับพระองค์
บ่ายวันหนึ่งคุณแม่ได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาล ว่า จิม บาดเจ็บสาหัส อยู่ที่โรงพยาบาล....คุณแม่รีบไปที่โรงพยาบาล แล้วพบว่าลูกชาบได้รับอุบัติเหตุจากการแข่งรถ เขาบาดเจ็บสาหัสมาก...หมอบอกว่าอาจจะทนพิษบาดแผลไม่ไหว นางไม่รอช้า เข้าไปเยี่ยมลูก ไปโอบกอด เหมือนตอนที่จิมเล็กๆ แม่เล่าเรื่องต่างๆทบทวนชีวิตอันแสนหวานในวัยเด็กให้จิมฟัง ดูเหมือนว่าเรื่องต่างๆในวัยเด็กของจิมช่วยลดความเจ็บปวดให้เขาได้

ต่อมาคุณแม่ก็ได้ทบทวนเรื่องพระเจ้าให้จิมฟัง แล้วป้อนคำถามว่า "ลูกอยากอยู่กับพ่อแม่อีกไหม" จิม "กระพริบตาถี่ๆรับคำ" แล้วแม่ถามอีกว่า "ลูกอยากอยู่กับพระเจ้าไหม " เขากระพริบตาถี่อีก...แล้วในที่สุดเธอได้นำลูกอธิษฐานสารภาพบาป แล้วอธิษฐานต้อนรับพระเยซูคริสต์มาเป็นพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอด จิมน้ำตาไหลพรากนองหน้า...จากอาการบาดเจ็บแสนสาหัสของลูก แม่รีบเชิญศิษยาภิบาล มาทำพิธีบัพติสมาที่โรงพยาบาล

คุณแม่จบคำพยานของเธอว่า "ดิฉันมั่นใจว่าขณะนี้ลูกจิมอยู่ที่อ้อมพระทรวงของพระเจ้า ที่แผ่นดินสวรรค์แล้ว ดิฉันไม่ทุกข์ร้อนอีกแล้ว ...ถึงแม้ลูกจะเสียชีวิตไป แต่การตายครั้งนี้ของเขา เขาได้รับสิ่งที่ยิ่งใหญ่คือ พระเยซูคริสต์ ...ดิฉันมีความสุขมากกว่าที่เขายังมีชีวิตเพราะดิฉันไม่มั่นใจว่าเขาได้รับความรอดหรือเปล่า...แต่วันนี้ดิฉันมั่นใจว่าเขาอยู่ในที่ที่ดีที่สุดนั่นคือ อยู่กับพระเจ้า พระผู้สร้างและให้ชีวิตเขา ".....พีพีอ่านจบว่า จะกล้าอธิษฐานเผื่อคนอันเป็นที่รักของพีพีแบบนี้ไหม ????

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:14 am
โดย ~@Little lamb@~
( คำพยานที่ 13: กำลังใจ )

พีพีไปแสดงความคิดเห็นในกระทู้ของเจ้าเทวดาน้อย จากคำถามการคุมกำเนิด แล้วลามไปถึง การติดเชื้อ HIV คุณรุจเองบอกว่าเคยพบเคยเห็นน่าสงสารมาก พีพีไปกินไปนอนไปให้กำลังใจ เพราะเธอต้องการกำลังใจ

บ่อยครั้งที่สตรีคริสเตียนคิดว่าการแต่งงานกับหนุ่ม คริสเตียนปลอดภัยที่สุด เพราะเขาคงรักษากฏ เรื่องเพศเหมือนสาวคริสเตียน...เมื่อเราเติบโตขึ้นจึงเรียนรู้ว่าการเป็นคริสเตียนไม่ได้ประกัน ว่าเขาไม่ได้สำส่อนก่อนก่อนแต่งงาน...แต่กฏให้อภัยมีแน่นอนเพราะพระเยซูคริสต์ไม่เอาผิดต่อหญิงล่วงประเพณีฉันใด พระองค์ให้อภัยแก่คนที่ทำผิด กลับตัวกลับใจแล้วแน่นอน

ในชีวิตจริงของพีพี มีเพื่อนคนหนึ่งที่กำลังต่อสู้กับโรคร้ายนี้อยู่......ก่อนที่เพื่อนจะพบอดีตสามี เราพวกเพื่อนก็ได้อธิษฐานเผื่อเพื่อนให้พบสามีที่ดีเป็นคริสเตียนที่รักพระเจ้า ต่อมาไม่นานเพื่อนก็ส่งการ์ดให้พวกเรา เชิญให้ไปร่วมพิธีสมรส ไปเป็นสักขีพยานว่าพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของพวกเรา เพื่อนแต่งงานในวันนั้น นำความชื่นชมยินดีมาสู่เพื่อนๆโดยทั่วหน้า สำหรับพีพี ดีใจมากเป็นพิเศษ ( ไม่ใช่พีพีได้ช่อดอกไม้ ไม่เคยแย่งค่ะ กลัวเป็นจริง เอิ้กๆๆๆ ) เพราะเพื่อนคนนี้ กำพร้าตั้งแต่เล็กๆ จึงค่อนข้างเป็นคนขี้เหงา ดังนั้นการมีคู่น่าจะเป็นสิ่งที่ดี

หลังจากเพื่อนแต่งงานได้ 1 ปี สามีถูกส่งไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น ภรรยาตั้งหน้าตั้งตาคอยสามีด้วยความรักและห่วงใย สามีเพื่อนไปที่ประเทศญี่ปุ่น ครึ่งปี ถูกส่งตัวกลับเพราะป่วยหนัก เมื่อกลับมารักษาตัวที่เมืองไทย ประมาณ 1 เดือนเขาต้องจากไป เพราะเป็นเชื้อราในสมอง เมื่อสามีตายไปแล้ว เพื่อนของพีพีคือภรรยา คุณหมอที่เป็นคริสเตียนเจ้าของไข้ของสามี เรียกเธอตรวจร่างกาย ผลปรากฎว่า เพื่อนติดเชื้อ HIV จากสามี...ทุกคนช้อคค่ะ เพื่อนร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด ทั้งเสียใจสามีสุดที่รัก ที่แต่งงานแค่ หนึ่งปี ครึ่งจากไป แล้วทิ้งโรคร้ายไว้เป็นตราบาปแก่เธอ
ถ้าท่านมีเพื่อนเป็นโรคร้ายนี้เราจะปลอบใจเพื่อนอย่างไร...คิดว่าหลายคนคงลำบากใจ...สิ่งที่พีพีเรียนรู้ว่า เราต้องไม่เป็นเพื่อนของโยบ แต่เราต้องอยู่ใกล้ๆพร้อมจะเคียงข้าง ในกลุ่มเราจะมีอยู่ ประมาณ 15 คน เราพลัดกันไปเยี่ยมเป็นครั้งคราว เรานัดแนะกันไปพบปะสังสรรที่บ้านเธอปีละครั้ง แต่ละคนเขียนจดหมาย หรือโทรไปคุยเป็นระยะๆ ใครมีเวลาว่างให้ไปพักร้อนที่บ้านเธอ ( เพื่อนอยู่เชียงใหม่ ) เราไม่เคยแสดงความรักเกียจเพื่อน เราร่วมทานอาหาร หรือไปพักที่บ้านเธอเราไม่เคยแสดงความรังเกียจ

นั่นคือ หก ปีผ่านไปด้วยความยากลำบากของเพื่อน เราเพื่อนๆก็ยังรักและให้กำลังใจพร้อมที่จะช่วยเหลือ ณ เวลานี้พีพีเองมองเห็นว่าเพื่อนคนนี้มีกำลังใจในการต่อสู้ หก ปีผ่านไป จนเราลืมไปแล้วว่าเพื่อนเราป่วยเป็นโรคนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พีพีทราบข่าวจากเพื่อนว่า คุณหมอที่ดูแลพอใจมาก เพราะ ค่าของเลือดลดลง คืออาการดีขึ้นมาก....เจ้านายที่ทำงานก็ใจดีวางงานให้เหมาะสม.....สิ่งที่พีพีเรียนรู้จากเพื่อนคือ "กำลังใจนี่คือยาวิเศษที่เป็นของประทานจากพระเจ้าที่ทรงบรรจุไว้ในจิตใจเราทุกคน"......แล้วท่านพร้อมจะให้กำลังใจคนอื่นหรือเปล่าคะ

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:14 am
โดย ~@Little lamb@~
( คำพยานที่ 14: ไอ้ตีนโต )

เรื่องนี้ฟังจากประสบการณ์ของเพื่อน ตอนไปเยี่ยมเธอที่พนมเปญ....เพราะตอนที่พีพีไปเขมร ได้ไปเยี่ยมหลายแห่งที่เป็นทุ่งสังหาร และหนีไม่พ้นที่จะเห็นกระดูก เกลื่อน และกระโหลกศีรษะ กองพะเนิน เต็มไปหมด ทุกคืนก่อนนอน ก็จะมีการสนทนากันจนง่วง...คืนหนึ่งเพื่อนถามว่า "เธอเคยเจอผีไหม และเคยอธิษฐานขับผีไหม" พีพีบอกว่าไม่เคยเจอที่เรียกว่าผีหลอก แต่เคยเห็นคนผีเข้าสิงอยู่แล้วหลายครั้ง และมีส่วนในการวางมืออธิษฐาน อยู่ 3-4 ครั้ง

"ไอ้ตีนโต"

เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนพีพีคนนี้ ก่อนที่จะถวายตัวตามพระกระแสเรียกไปเรียน พระคริสตธรรม ( seminary ) ที่ออสเตรเลีย นั้น เธอจบนิติศาสตร์ จึงทำหน้าที่เป็นนิติกร บริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดลพบุรี อยู่ที่ลพบุรี เธอเช่าบ้านพักใกล้ๆบริษัท อาทิตย์ แรกที่เธออยู่ที่ลพบุรีนั้น ตกกลางคืน จะมีเสียงคนลงเท้าหนักๆเดินทั่วบ้าน แต่ไม่ได้รู้สึกกลัว แต่รู้ว่าไม่ใช่มนุษย์ เพราะเธอพักอยู่คนเดียว ไม่ใช่เสียงขโมยแน่นอน แต่เสียงนี้จงใจให้เธอได้ยิน เมื่อตะโกนถามก็จะหยุด
ห้าคืนผ่านไป ด้วยความสงสัยว่าใครกันแน่ที่มาเดินที่บ้านเธอยามวิกาล หลังจากเธอนำเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนร่วมงานที่เป็นชาวพื้นเมืองฟัง..ทุกคนมองหน้ากัน และบอกว่า พี่โดนไอ้ตีนโตรับน้องแล้วล่ะ...สืบทราบว่าไอ้ตีนโต เป็นนักเลงผีประจำละแวกนั้น และถ้าใครไปอยู่ใหม่ๆ มันต้องออกมาต้อนรับเอง

เมื่อเพื่อนได้ฟังอย่างนั้นแล้ว จึงคิดว่า คืนนั้นเธอจะต้องอธิษฐานขับผีไอ้ตีนโตให้ออกจากบ้านไปให้ได้...เริ่มดึก เสียงเดิน ตึง ๆๆๆ เพื่อนพีพีมั่นใจว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว เธอมีองค์พระเยซูคริสต์ประทับอยู่ด้วย ดังนั้นขณะที่ไอ้ตีนโต เริ่มออกอาละวาท เพื่อนคนนี้ก็คุกเข่าอธิษฐาน บอกกับพระเจ้าว่าพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ มีชัยชนะเหนือ มารซาตาน เมื่อเพื่อนอธิษฐาน ไอ้ตีนโตก็อาละวาทใหญ่ๆเดินกระทืบเท้าโครมๆ เพื่อนไม่ได้กลัวผีเพราะมั่นใจถึงฤทธิ์เดชของพระเยซู เธอ อธิษฐานจนไอ้ตีนโต ยอมแพ้ มันออกไปจากบ้านหลังนั้น....และไม่มาอีกเลย
คำอธิษฐานด้วยใจบริสุทธิ์ เช่นนี้ พระเจ้าทรงรับฟัง และทรงช่วยเหลือทันเวลาเสมอ

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:14 am
โดย ~@Little lamb@~
( คำพยานที่ 15: จนมุม 1)

ในกลุ่มคริสเตียนมักจะมีการซักถามว่า คุณเชื่อพระเจ้าได้อย่างไร...หรือพระคัมภีร์ข้อไหนที่ทำให้คุณตัดสินใจติดตามพระเยซูคริสต์ เป็นต้น

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเราก็มีการพูดคุยกัน..มีสมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งเธอบอก ว่าเธอเป็นผู้เชื่อรุ่นที่ 2 เธอเล่าว่า คุณพ่อของเธอรับเชื่อพระเยซูตอนเป็นพระภิกษุ เพราะได้อ่านแผ่นปลิว ที่ว่า "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา" ( ยอห์น14.6 ) พ่อของเพื่อนตามไปถามเจ้าของแผ่นปลิวตามสถานที่ที่ประทับตราไว้...เขาเป็นมิชชันนารี เมื่อพระภิกษุรูปนั้นไปหาถึงที่ เขาก็อธิบายถึงเรื่องราวของพระเยซู จนเขาเข้าใจแล้ว พระภิกษุที่เป็นพ่อของเพื่อนรับเชื่อพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอด ตั้งแต่วันนั้น

เราพูดกันว่า แต่ละคนมาเชื่อพระเจ้านั้นไม่เหมือนกัน บางคนมาเชื่อด้วยการอัศจรรย์มากมาย บางคนฟังการประกาศเรื่องพระเยซูครั้งเดียวก็เชื่อ บางคนอ่านพระคัมภีร์ข้อใด ข้อหนึ่งก็เชื่อ ...บางคนฟังเรื่องพระเจ้ามาหลายปี หรือเกือบตลอดชีวิตถึงจะรับเชื่อ ฯลฯ และเช่นเดียวกันบางคนอยู่ภายใต้ร่มพระคุณของพระเจ้ามาตลอดก็ยังไม่เชื่อพระเจ้า ( คนที่เกิดในครอบครัวคริสต์ หรือมีสามี-ภรรยา, มีลูก-หลานเชื่อพระเจ้า ) และบางคนทำงานกับหน่วยงานคริสต์ตลอดชีวิต ก็ไม่เชื่อว่าพระเยซูคริสต์ คือพระมหาไถ่ ที่จะนำเขาไปถึงชีวิตนิรันดร์

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:15 am
โดย ~@Little lamb@~
( คำพยานที่ 16:จนมุม 2 )

พีพีคิดถึงเรื่องของเพื่อนเก่าคนหนึ่งแล้วเห็นถึงการทรงนำของพระเจ้าอย่างอัศจรรย์มาก จากความขมขื่นและเจ็บปวด....สูญสิ้นทุกอย่างแล้ว เธอได้พบกับความรักของพระเจ้า ในชีวิตของพระบุตร เธอได้รับสิ่งที่ดีที่สุดคือ ได้รับความรอด "ลิเลียน" ( ชื่อสมมุติ ) เป็นหญิงสาวชาวมาเลเซีย ตะวันออก คือรัฐ"ซาบาร์" ลิเลียนเรียนเก่งมาก จึงสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งในเมลเบิร์นออสเตรเลีย ทุนที่เธอได้นั้นเป็นทุนที่รัฐบาลทั้งสองตกลงร่วมกัน...การเรียนของลิเลียนไปด้วยดีมาก จนเธอเรียนอยู่ชั้นปีสุดท้าย ชีวิตมืดมน เพราะตกหลุมรัก ด้วยความเหงา ก็เช่าบ้านอยู่ด้วยกันกับหนุ่มออสซี่....อยู่กินกับหนุ่มได้ไม่กี่เดือน เธอพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ เมื่อบอกหนุ่ม...แทนที่จะร่วมกันรับผิดชอบ หนุ่มคนนี้ได้หอบผ้า หนีจากอพาร์ตเม้นท์ไป....จากพฤติกรรมที่เสื่อม เสีย เธอถูกตัดทุนการศึกษา...จะกลับบ้านไม่กล้า เพราะอับอาย และพ่อ-แม่ต้องอับอาย รัฐบาลก็รู้สึกผิดหวัง....ในวินาทีนั้น ลิเลียนคิดถึงว่า เธอต้องจบชีวิต เท่านั้น แล้วปัญหาทุกอย่างจะสิ้นสุดลง......

ในขณะที่ท้อแท้ และใจลอย เด็กในครรภ์ ดิ้น มาก สัญชาตญาณของความเป็นแม่ น้ำตาเอ่อเธอนองหน้า...ลิเลียนคิด ว่าถ้าเธอตาย แล้วลูกน้อยต้องตายไปด้วย และลูกนี้เกิดขึ้นเพราะความรักระหว่างเธอกับแฟนหนุ่ม....ลิเลียนจึงยั้งความคิดว่า

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:15 am
โดย ~@Little lamb@~
( พยานที่ 17: ทุ่งสังหาร : ทุ่งแห่งการยกโทษ )

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:15 pm
โดย Prod Pran
ขอบคุณค่ะ น้องจิง ที่ช่วยโพสต์ให้ :P

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:48 pm
โดย mind
แหะ แหะ ป๋ม มาช่วยอ่านคร้าบ

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 24, 2005 8:53 am
โดย Jeab Agape
mind เขียน: แหะ แหะ ป๋ม มาช่วยอ่านคร้าบ
อ่านจบป่ะ ยาวจะตายชัก :o เหอ เหอ เหอ ;D

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 25, 2005 4:56 am
โดย Nihil
ยาวเฟื้อย เดี๋ยวจะทยอยมาอ่านนะงับ

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 25, 2005 2:20 pm
โดย Batholomew
ขอบคุณพี่พีพีมากครับสำหรับประสบการณ์ทุก ๆ เรื่อง *thx

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 25, 2005 2:25 pm
โดย spirit
ขอบคุณพี่พีพีมากๆๆ ด้วยคนค่า สำหรับทุกๆๆ เรื่องเรื่องราวที่เอามาแบ่งปัน *thx *thx

Re:+ คำพยานถึงอัศจรรย์ของพระเจ้าที่ พี่พีพี เคยประสบ +

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 25, 2005 4:03 pm
โดย Prod Pran
เวลคัมค่ะ *thx *thx ;D