<<: ประสบการณ์ในการเข้าเงียบ;>>

แบ่งปัน คำพยาน ประสบการณ์ชีวิตกับพระเจ้า และการอัศจรรย์ ที่พระเจ้าได้ทรงกระทำต่อชีวิตของเราแต่ละคน
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ก.พ. 19, 2005 2:56 pm

ประสบการณ์การเข้าเงียบ
โดย โปรดปราน ( พีพี )

ภาพรวมของการเข้าเงียบภาวนา ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ พฤษภาคม ๒๐๐๔ ณ บ้านฟื้นฟูจิตใจ สวนเจ็ดริน (The Seven Fountains Spirituality Center) บาทหลวง มิเกล ( Fr.Miguel Garaizabal, S.J.) เป็นผู้ดูแลฝ่ายจิตวิญญาณ

บทนำ


เมื่อปีเก่า ๒๐๐๓- ปีใหม่ ๒๐๐๔ ซึ่งเป็นช่วงวันหยุด ฉันมีนัดสนุกสนานรื่นเริงเฉลิม ฉลองกับญาติมิตรเพื่อนฝูงหลายนัดด้วยกัน หลังจากกลับจากเยี่ยมคุณแม่แล้ว ในคืนนั้นมีความรู้สึกเจ็บป่วยฝ่ายกาย จนมีความรู้สึกว่าจะหมดลมหายใจแล้ว ฉันได้ภาวนาสั้นๆ ต่อพระเจ้าพระบิดาและขอแม่พระทรงดูแล ว่า “ถ้าพระเจ้าไม่เมตตา ลูกยินดีกลับไปหาพระองค์ แต่ถ้าพระองค์ทรงเมตตา ลูกยินดีจะมีชีวิตอยู่เพื่อประโยชน์แก่คนอื่น ขอแม่พระทรงดูแลลูกยามนี้ด้วย” อธิษฐานเสร็จ ก็หลับสนิทอย่างสบายมาก เมื่อตื่นขึ้นมา ก็ดีใจที่ยังมีลมหายใจอยู่ อาการป่วยค่อยทุเลา ฉันไม่บอกใครมากนัก โดยเฉพาะที่บ้าน เป็นเรื่องแปลกเพราะช่วงเวลาเจ็บป่วยกายแต่จิตใจมีสันติสุขมาก เพราะได้ใกล้ชิดกับพระเจ้ามาก

ฉันสนใจการเข้าเงียบแบบคาทอลิก เพราะต้องการจะฟังพระสุรเสียงของพระเจ้าอีกแบบหนึ่ง เมื่อโปรเตสแตนต์เข้าเงียบ เราเรียกว่าการไปภูเขาอธิษฐาน หรืออดอาหารอธิษฐาน /ไปอธิษฐาน คือเราออกจากบ้านเพื่อหาที่สงบอธิษฐาน และไม่ติดต่อกับใครเหมือนกัน แต่เราไม่เคยเรียกเข้าเงียบ ฉันคิดว่าคงยังมีอะไรที่แตกต่าง และที่สำคัญคือไม่มีผู้ให้คำแนะนำ อย่างที่คริสตังปฏิบัติ

ฉันค่อนข้างจะเป็นนักวางแผนและชอบทำการบ้านก่อนเสมอ ดังนั้นจึงได้ไปที่บ้านเซเวียร์ไปพบพ่อเกรียงยศเพื่อขอหนังสืออ่านก่อน พ่อเกรียงยศบอกว่าอย่าเตรียมอะไรเลย ให้ไปพบพ่อผู้ดูแลและท่านจะแนะนำเอง ขึ้นอยู่กับพระจิตเจ้าด้วย กลับมาแล้วถ้าอยากจะถามอะไร ก็มาพบพ่อได้

วันแรกที่สวนเจ็ดริน

ฉันมาถึงบ้านฟื้นฟูจิตใจ “สวนเจ็ดริน” เกือบสิบโมง เข้าที่พักและมีนัดกับพ่อมิเกลก่อนเที่ยง คุณพ่อได้ให้ฉันเล่าประวัติของตัวเอง เพื่อให้ผู้ดูแลรู้จัก ตัวตนของเรา จากนั้นคุณพ่อก็เริ่มชี้แนะให้การบ้าน ฉันได้ เรียนให้พ่อมิเกลทราบว่าอยากพบพระเจ้าท่ามกลางความเงียบสงบ พ่อแนะนำหนังสือสองเล่ม คือ “มรรคาสู่พระเป็นเจ้า” เขียนโดยคุณพ่อแอนโทนี่ เดอ เมลโล, เอส เจ คุณพ่อมิเกลบอกว่าชอบใช้หนังสือเล่มนี้เพราะว่า อาจารย์ท่านเขียน ( สังเกต เอส เจ คณะเยสุอิต เหมือนท่าน) และรอยสัมผัส ของ Fr. Jonh Powell , S.J อีกการบ้านหนึ่งคือ ท่องคำศักดิ์สิทธ์ ฉันถามพ่อว่าคำไหนคือคำศักดิ์สิทธิ์ พ่อบอกว่าให้สังเกตคำที่มีสาระ คำไหนที่มีสาระเก็บไว้พูดซ้ำแล้วซ้ำอีก คำไหนไม่มีสาระ ก็ปล่อยไป ให้ฝึกตามแบบหนังสือ “มรรคาสู่พระผู้เป็นเจ้า” หรือสาธนา ( Sadthana, A Way to God ) ฉันได้ฝึกปฏิบัติวิธีตามหนังสือแนะนำ แต่ก็ไม่เกิดประโยชน์มากนัก เพราะจิตใจว้าวุ่น ไม่มีความว่างเปล่า เลยเลิกทำ ฉันจึงใช้วิธีเดินและหาที่สงบนั่งพิจารณา

ความแปลกใหม่ และน่าขำสำหรับตัวเอง คือ ผู้ที่มาเข้าเงียบต้องไม่พูดคุยกัน ดังนั้นแต่ละคนเมื่อจะเดินสวนกัน ก็ก้มหน้าบ้าง หันหน้าไปทิศทางอื่นบ้าง หรือแกล้ง (หรือเปล่า) ชมต้นไม้ใบหญ้า เงยดูนกกา เพื่อไม่ต้องทักทายกัน ที่อดขำตัวเองไม่ได้ เมื่อเจอบราเดอร์ของคณะพระมหาไถ่ คือน้องใหญ่ แหม... ฉันอยากจะตะโกนทักเสียงดังๆ หรือทุบไหล่สักตุ๊บหนึ่ง บราเดอร์ใหญ่ก็รีบหันหน้าหนี ตอนทานอาหารเที่ยง ก็เจอบราเดอร์ของคณะพระมหาไถ่ท่านอื่นๆอีก บราเดอร์ยิ้มนิดๆ พร้อมยกมือสวัสดีตามมารยาทความเป็นน้องที่มีให้ฉันที่เป็นพี่

ฉันใช้ชีวิตในการเข้าเงียบด้วยการพยายามหาพื้นที่เงียบๆ และจริงๆแล้วสถานที่ก็ไม่ได้พลุกพล่าน ข้างนอกได้ยินเสียงรถบ้างถ้าใส่ใจ แต่เสียงที่ดังและวุ่นวายในสมองของฉันมากที่สุดคือ เสียงของตัวเองที่คิดๆๆ และมีการวางแผนงานมากมาย มีความห่วงเรื่องงาน ...จึงนั่งสมาธิ บอกกับตัวเองว่ามาหาพระเจ้าพระบิดา ไม่ใช่มาทำงาน พยายามภาวนาคำศักดิ์สิทธิ์ กระซิบแผ่วเบากับพระเจ้าว่า “พระบิดาเจ้า ลูกมาหาพระองค์ ขอตรัสกับลูกเถิด” ฉันได้เคลื่อนย้ายตัวเองไปหลายที่หลายแห่ง ตอนหกโมงเย็น ก็ร่วมมิสซา คุณพ่อวิสูตรถวายมิสซา มีผู้ที่เข้าเงียบและพี่น้องละแวกนั้นมาร่วมกัน หลังอาหารเย็นก็เดินเล่น เข้าห้องพัก อธิษฐาน พบว่าตัวเองนอนอธิษฐาน แบบกางแขน นอนหงายหลับตา สัมผัสพระเจ้าพระบิดา ประทับอยู่เหนือฉัน เป็นความอบอุ่นและความมั่นใจ ว่าพระองค์ทรงดูแล ...แล้วเข้านอนด้วยความอบอุ่นไม่รู้สึกกลัว ทั้งๆที่อาคารทั้งหลังของคืนนั้น ฉันเป็นเจ้าของทั้งชั้น ส่วนพ่อวิสูตรก็ครอบครองชั้นสอง
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ก.พ. 19, 2005 2:59 pm

คำศักดิ์สิทธิ์: ฉันได้รับคำศักดิ์สิทธิ์ ที่ฉันภาวนา ช่วงที่ ๑-๒ ดังนี้

๑. เสียใจ ความล้ำลึก พระคุณ นิรันดร์ สันติภาพ ทรงรัก แสวงหา ( นั่งที่วัดน้อย )

๒. ไม้กางเขน สันติภาพ พระเยซู อาเมน สันติราชา ( ขณะเดินรอบสวน )

นำคำศักดิ์สิทธิ์มาภาวนา ดังนี้

๑.ข้าแด่พระบิดาเจ้า ลูกเสียใจต่อการทำความผิดบาปทั้งปวง
ลูกกำลังแสวงหาความล้ำลึกของพระองค์ ลูกขอบพระคุณสำหรับความรัก ที่พระองค์ทรงมีต่อลูกตั้งแต่นิรันดร์กาลถึงนิรันดร์กาล

๒.พระบิดาเจ้าข้า ลูกยินดีแบกกางเขน เดินตามพระเยซูคริสต์ เพื่อสร้างสันติภาพซึ่งเป็นพระประสงค์ขององค์สันติราชา อาเมน

คำศักดิ์สิทธิ์ช่วงที่ ๓-๕

๓. ถ่อมใจ แสวงหา สันติสุข (ขณะนั่งทานอาหารเช้า)

๔. แสวงหา พักใจ ถ่อมใจ เขียวขจี วิงวอน พระคุณ ความรัก สันติภาพ สงบสุข ภาระ อาณาจักร ตำหนิ ใจร้อน วิงวอน สัมพันธภาพ ขอบเขต(ขณะเดิน )

๕. ดอกไม้สวยงาม ของประทาน พระคุณ ความรัก ดีเลิศ ทุกข์ สุข สงบ ใจข้าแสวงหา เสรีภาพ สายลม สัมผัส สันติวิธี เจ็บปวด ปลดปล่อย ความฝัน ปลอบโยน ปัญญา ถ้อยคำ ล้ำลึก(นั่งที่ศาลา)

นำถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มาร้อยเป็นคำอธิษฐาน

- พระบิดาเจ้า ขอสอนลูกให้ถ่อมใจมากยิ่งขึ้น เพื่อลูกจะพบสันติสุขตามที่ตั้งใจแสวงหา

- พระบิดาเจ้า ลูกขอพักใจในทุ่งหญ้าเขียวขจี ลูกขอถ่อมใจจำเพาะพระพักตร์พระองค์ แสวงหาความสงบสุขและสัมพันธภาพที่ดีกับพระองค์

- พระบิดาเจ้า ลูกวิงวอน ขอให้ลูกละทิ้งนิสัยใจร้อน ชอบตำหนิผู้อื่น ลูกวิงวอน ขอให้ลูกแบกภาระเพราะความรักของพระองค์ที่ไร้ขอบเขต ขอให้สันติภาพและพระคุณ เปี่ยมล้นในพระอาณาจักรของพระองค์เทอญ

- พระบิดาเจ้า ขอบพระคุณสำหรับของประทานที่ดีเลิศของพระองค์ ลูกสัมผัสสายลมที่พัดผ่านสวนดอกไม้สวยงามยิ่งนัก ใจของลูกเริ่มสงบเพราะเสรีภาพที่ใจลูกแสวงหา

- ความรักของพระองค์ลบความทุกข์ ความเจ็บปวด ลูกได้รับการปลดปล่อย การปลอบโยน

- พระองค์ทรงประทานพระปัญญา ถ้อยคำ ความล้ำลึกที่ลูกใฝ่ฝันหา นี่คือสันติวิธีให้เกิดการคืนดีกับพระองค์ กราบทูลในพระนามพระเยซูคริสต์ อาเมน
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ก.พ. 19, 2005 3:03 pm

วันที่สอง

ฉันตื่นเช้า ตีสี่กว่าๆ ไม่ได้ทำเหมือนที่เคยทำทุกวัน คืออ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐานตามแนวคริสเตียนที่เคยปฏิบัติ เช้านี้ฉันนอนกางแขนอธิษฐานสักสิบห้านาที แล้วจึงไปอาบน้ำ ฉันสังเกตเห็นแมงเม่าตายเกลื่อนห้องน้ำ ทำให้คิดถึงชีวิตและสำนวนที่ว่า
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ก.พ. 19, 2005 3:07 pm

วันที่สอง

ฉันตื่นเช้า ตีสี่กว่าๆ ไม่ได้ทำเหมือนที่เคยทำทุกวัน คืออ่านพระคัมภีร์หรืออธิษฐานตามแนวคริสเตียนที่เคยปฏิบัติ เช้านี้ฉันนอนกางแขนอธิษฐานสักสิบห้านาที แล้วจึงไปอาบน้ำ ฉันสังเกตเห็นแมงเม่าตายเกลื่อนห้องน้ำ ทำให้คิดถึงชีวิตและสำนวนที่ว่า “แมงเม่าบินเข้ากองไฟ” เออ มันเพิ่งขึ้นมาจากดินไม่นานมาตายเสียแล้ว ก็คิดถึงชีวิตว่าถ้าเราไม่ระมัดระวัง ก็เป็นแบบนี้

...คิดถึงเพื่อนที่เคยเป็นบาทหลวงชาวเม็กซิกันที่ฉันเคืองเขามาเป็นปีแล้ว เพราะเขาลาจากชีวิตสงฆ์แล้วสมรสกับสาวอเมริกัน ช่วงเช้า ฉันใช้เวลาเดินรอบๆ สวน แล้วเข้าไปนั่งสงบใจที่วัดน้อย นั่งเพ่งมองระลึกถึงพระเจ้าพระบิดา ได้พิจารณาการภาวนาแบบเมื่อวานบ่าย ตอนบ่ายสามโมงฉันไปพบพ่อมิเกล ผู้ดูแลฉัน ได้คุยให้พ่อฟังถึงสิ่งที่ฉันได้รับ พ่อมิเกลได้หนุนใจ แล้วเราอธิษฐานด้วยกัน ท่านก็ให้การบ้านต่อ เพราะพ่อคงสังเกตจากคำอธิษฐาน คำศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันได้รับ ฉันมีปัญหาเกี่ยวกับการ ฟัง เพราะเป็นคนที่ชอบพูดมากกว่า การเป็นคนพูดมากจึงมีปัญหาเรื่องการฟัง การเป็นคนมีความคิดตลอดเวลาเป็นคนฟังยาก การเป็นคนบ้างาน ก็ฟังยาก พ่อมิเกลแนะนำให้หาพระคัมภีร์ เกี่ยวกับ “ฟัง”

เช่นพ่อยกตัวอย่างจาก พระคัมภีร์สดุดี ๖๒,๙๕ อิสยาห์ ๓๐.๑๕ ให้หาคำศักดิ์สิทธิ์ ฉันพยายามทำตามที่พ่อแนะนำ แต่พระจิตเจ้าทรงดลใจอีกแบบหนึ่ง เพราะในวันที่สองฉัน รู้สึกห่วงงาน มี SMS เรื่องงานมาหา ตำแหน่งฉันสูงขึ้นความรับผิดชอบมากขึ้น ฉันห่วง ฉันบอกพระบิดาว่าอยากจะยกภาระพวกนี้ออกไปทั้งหมด แท้จริงแล้วพระองค์ทรงรู้จักและรู้ใจ เมื่อฉันนั่งสงบ ได้รับนิมิตภาพกวางน้อย เดินไปที่ลำธาร ฉันเลยคิดถึง สดุดี บทที่ ๔๒ ซึ่งเป็นบทเพลงที่ฉันชอบ “กวางกระเสือกกระสนหาลำธารที่มีน้ำไหลฉันใด ข้าแต่พระเจ้า จิตวิญญาณของข้าพระองค์ ก็กระเสือกกระสนหาพระองค์ฉันนั้น จิตวิญญาณของข้าพระองค์กระหายหาพระเจ้า หาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ เมื่อไรข้าพระองค์จะได้มาเห็นพระพักตร์พระเจ้า” ( สดุดี ๔๒.๑-๒ )

ฉันเลยต้องท่องเพลง As a deer เบาๆ แล้วคิดถึงว่าตัวเรากระหายหาพระองค์แบบนั้นจะพบพระองค์แน่นอน ขณะที่สงบใจ ขอถ่อมใจ ฉันคิดถึงพระคัมภีร์ปัญญาจารย์ บทที่ ๓ พูดถึงเวลาหรือวาระ “มีฤดูกาลสำหรับทุกสิ่ง และมีวาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์ มีวาระเกิด และวาระตาย มีวาระปลูกและวาระถอนสิ่งที่ปลูกทิ้ง มีวาระฆ่า และวาระรักษาให้หาย มีวาระรื้อทลายลง และวาระก่อสร้างขึ้น มีวาระร้องไห้ และวาระหัวเราะ มีวาระไว้ทุกข์ และวาระเต้นรำ มีวาระโยนหินทิ้งและวาระเก็บรวบรวมหิน มีวาระสวมกอด และวาระงดเว้นการสวมกอด มีวาระแสวงหาและวาระทำหาย วาระเก็บรักษาไว้ และวาระโยนทิ้งไป มีวาระฉีกขาดและวาระเย็บ วาระนิ่งเงียบและวาระพูด มีวาระรักและวาระเกลียด วาระสงครา และวาระสันติ คนงานได้กำไรอะไรจากการงานของเขา ข้าพเจ้าเห็นธุรกิจ ซึ่งพระเจ้าประทานให้มนุษย์ทำ พระองค์ทรงกระทำให้สรรพสิ่งงดงามตามฤดูกาลของมัน พระองค์ทรงบรรจุนิรันดรกาลไว้ในจิตใจของมนุษย์ แต่มนุษย์ยังมองไม่เห็นว่าพระเจ้าทรงกระทำอะไรไว้ตั้งแต่ปฐมกาลจนกาลสุดปลาย” ( ปัญญาจารย์ ๓.๑-๑๑)

ฉันถามตัวเองว่าการที่ฉันมาที่สวนเจ็ดริน เพราะแสวงหา อยากจะฟังพระสุรเสียงของพระองค์ แต่ทำไมฉันต้องพกงานและแผนงานมาด้วย ทุกสิ่งมันมี “วาระ”มิใช่หรือ เมื่อฉันมาหาพระองค์แล้วทำไมคิดถึงเรื่องอื่นๆ ฉันบอกตัวเองว่ามาหาพระเจ้า ทั้งๆที่ฉันเชื่อเรื่องสากลสถิต คือพระเจ้าทรงประทับอยู่ทุกที่ แต่ที่สวนเจ็ดริน พระองค์ทรงประทับพิเศษเพื่อฉันแน่นอน ฉันคิดถึงพระคัมภีร์เยเรมีย์ ๓๓.๓ “จงทูลเรา และเราจะตอบเจ้า และจะบอกสิ่งที่ใหญ่ยิ่งและที่ซ่อนอยู่ ซึ่งเจ้าไม่รู้นั้นให้แก่เจ้า” ฉันได้ทูลพระเจ้าเงียบๆลึกๆในใจ พระองค์จึงตรัสผ่าน พระคัมภีร์ปัญญาจารย์ บทที่ ๕:๑-๒ให้เข้าใจดังนี้ “เจ้าจงระวังเท้าของเจ้า เมื่อเจ้าไปยังพระนิเวศของพระเจ้า เพราะการเข้าใกล้ชิดเพื่อจะฟังก็ดีกว่าคนเขลาถวายสักการบูชา ด้วยว่าเขาไม่รู้ว่าตนกำลังทำชั่ว อย่าให้ใจของเจ้าเร็วและอย่าให้ปากของเจ้าพูดโพล่งๆต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงสถิตในสวรรค์ และเจ้าอยู่บนแผ่นดินโลก เหตุฉะนั้นเจ้าจงพูดน้อยคำ” ฉันเดินถูกทางแล้วสิ ฉันไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะพูดมากผิดมาก และต้องรับผิดชอบมาก เมื่อทำความเข้าใจเรื่องวาระ ใจฉันสงบ พระเจ้าทรงยกความวิตกกังวลออกไป ฉัไม่อยากทำอะไรนอกจากอยู่เฉยๆ หนังสือหลายเล่มที่พกไปด้วยตั้งใจว่าจะอ่านก็ไม่อ่าน เพราะถ้าอ่าน คงจะนั่งลงพิมพ์สรุป

วาระได้เตือนฉันว่า “เธออ่านหนังสือมาตลอดชีวิตแล้ว ตอนนี้เธอมาพบพระเจ้าพระบิดามิใช่หรือ” ใช่ หนังสือ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน การอ่านและเขียนทำให้ฉันมีความสุข แต่เวลานี้ฉันมาแสวงหาพระเจ้า ไม่ได้มาอ่านหนังสือ ไม่ได้มาวางแผนงานที่สวยหรู พระเจ้าทรงยกภาระออกไป ฉันคิดถึงพระวจนะว่า “บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อย จงมาหาเรา เราจะให้เจ้าหายเหนื่อย และมีความสุข” พระวาจาของพระเจ้าตอนนี้ ฉันมักจะหนุนใจคนอื่น มักจะบอกกับคนที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า ให้วางภาระและพักพิงในอ้อมพระทรวงพระบิดาเจ้า ...บัดนี้พระเจ้า ทรงเตือนสติฉัน ....ฉันจึงได้ติดต่อกลับไปทางออฟฟิศว่า ไม่ว่าใครจะติดต่อ อย่าให้เบอร์ส่วนตัว บอกให้ติดต่อสัปดาห์หน้า เวลาทำงานฉันยังมีอีกเยอะ แต่เวลาอยู่กับพระเจ้าในที่สงบนั้นหายากเหลือเกิน การที่ฉันลงทุนซื้อตั๋วเครื่องบิน จ่ายค่าอาหารและห้องพัก แล้วยังรบกวนเวลาของคุณพ่อมิเกล เพราะต้องการพบพระบิดาเจ้า มิใช่หรือ?
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ก.พ. 19, 2005 3:11 pm

เช้าวันนี้ฉันอยากจะแหกกฏของชีวิตไปหาเสรีภาพ กฏของชีวิตที่ฉันทำจนเป็นนิสัยตั้งแต่ตื่นนอน คือการอาบน้ำแต่งตัว อ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน ทานอาหาร ฯลฯ เช้าวันนี้ฉันแค่แปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า ลงจากเรือนพัก เดินเท้าเปล่า เดินย่ำบนหญ้าที่เปียกด้วยน้ำค้าง ก้มเก็บดอกหางนกยูงที่ตกบนพื้น ฉันเดินก้มหน้ามองทุกๆก้าว ได้เห็นความชุ่มชื้นจากหญ้า เห็นต้นหญ้าหลายชนิดบางชนิด พวกเราเรียกว่าวัชพืช สำหรับฉัน วัชพืชต้นเล็กๆ มีดอกสวยงามยิ่งนัก

ทำให้คิดถึงพระวาจาจากพระวรสารนักบุญมัทธิวว่า “ท่านกระวนกระวายถึงเครื่องนุ่งห่มทำไม จงพิจารณาดอกไม้ที่ทุ่งนาว่ามันงอกงามเจริญขึ้นได้อย่างไร มันไม่ทำงาน มันไม่ปั่นด้าย แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่ากษัตริย์ซาโลมอนเมื่อบริบูรณ์ด้วยสง่าราศีก็มิได้ทรงเครื่องงามเท่าดอกไม้นี้ดอกหนึ่ง พระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าที่ทุ่งนาอย่างนั้น ซึ่งเป็นอยู่วันนี้และรุ่งขึ้นต้องทิ้งในเตาไฟ โอ ผู้มีความเชื่อน้อย พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหรือ?” (มธ. 6:28-30)

ใช่ พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งสวยงาม แม้แต่หญ้าเจ้าชู้ที่ฉันดึงขึ้นมาพิจารณาดูก็ช่างสดสวย หลายคนอาจจะรู้สึกไม่ดีกับคำว่า “เจ้าชู้” เพราะคิดถึงพฤติกรรมของการนอกใจ ในพระคัมภีร์เดิม พระเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่าเกลียดชัง “คนล่วงประเวณี คนเล่นชู้ คนเป็นโสเภณี” พฤติกรรมแบบนี้คือการไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า หันไปบูชาพระอื่นๆ

ณ ศาลา ที่พักใกล้ๆ ถ้ำแม่พระที่ฉันชอบนั่งตั้งแต่วันแรกที่มา ฉันนั่งภาวนา เพ่งพิศสิ่งที่อยู่ข้างหน้า มองไปเห็นขุนเขาเหนือมหาลัยเชียงใหม่ เห็นทิวไผ่ ก็คิดถึงบรรดาจอมยุทธ (จอมยุทธจริงๆ) ฝึกฝนประลองวรยุทธกัน คิดถึงนิทานของไทยที่พูดถึงเรื่องความสามัคคี ที่พ่อสอนลูกๆจากบทเรียนของต้นไผ่ ไม้ไผ่ลำเดียวใครๆ ก็หักได้ ถ้าไผ่หลายๆกอหลายๆต้นมาอยู่รวมกัน ไม่มีใครสามารถหักได้ ฉันมองถึงเอกภาพของคริสตชนหลายนิกายที่มีพระตรีเอกภาพ เป็นศูนย์กลาง ถ้าเราผนึกกำลังกัน ไม่มีศัตรูใดจะทำลายพวกเราได้

เมื่อเท้าเปล่าย่ำบนหญ้าที่เปียกด้วยน้ำค้าง ฉันพิจารณาน้ำค้าง คิดถึงสดุดีบทที่ 133 พระพรการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน นอกจากนั้นคิดถึงสภาพภูมิศาสตร์ของประเทศอิสราเอล มีฝนตกน้อยมาก ดังนั้นพืชพรรณอาศัยน้ำค้างในการหล่อเลี้ยงชีวิต พืชแห่งท้องทุ่ง แห่งเทือกเขาในประเทศอิสราเอล เติบโตเลี้ยงประชากรของประเทศได้ น้ำค้างก็เปรียบเหมือนพระพรในชีวิตของเราแต่ละคน ที่พระเจ้าทรงประทานให้อย่างไม่ขัดสน ยิ่งกว่านั้นชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของเรา พระจิตเจ้าทรงเป็นผู้เล้าโลม ทรงเป็นหยดน้ำค้างหล่อเลี้ยงชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของพวกเราไม่ให้แห้งเหี่ยว

เช้าวันนั้นฉันเดินไปตามถนนใต้ต้นไม้ใหญ่ เช่นต้นจามจุรี ต้นหางนกยูงฝรั่ง มีต้นมะขามใหญ่ด้วย ได้ยินเสียงนก ซึ่งทะเลาะหรือคุยกันก็ไม่แน่ใจเพราะฟังไม่ออก เมื่อมองขึ้นไปที่ยอดไม้ นกบางตัวกำลังจิกกินอาหารที่ดอกไม้ ไม่แน่ใจว่ามันกินดอกไม้หรือน้ำหวาน หรือมีแมลงมาตอมดอกไม้ สรุปก็คือนกกำลังกินอาหารเช้า ทำให้ฉันคิดถึงเพลงของคริสเตียนเนื้อเพลงว่า “ พระเจ้าทรงเลี้ยงดูนกน้อยใหญ่” ที่ชัดเจนก็คิดถึงพระวรสารนักบุญมัทธิว “จงดูนกในอากาศ มันมิได้หว่าน มิได้เกี่ยว มิได้สะสมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของท่านทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงนกไว้ ท่านทั้งหลายมิประเสริฐกว่านกหรือ” ( มธ. ๖.๒๖ ) ใช่ พระเจ้าทรง ดูแลส่วนของพระองค์ ส่วนนก ตื่นแต่มืดมาจิกกิน วันแล้ววันเล่า มันคงไม่กระวนกระวาย แล้วฉันคิดถึงตัวเอง กว่าสิบปีแล้วที่พระเจ้าทรงเลี้ยงดูฉัน ฉันไม่ต้องกระวนกระวายเพราะพระองค์ทรงดูแล ฉันคิดถึงภาพของกษัตริย์ดาวิดในสดุดีบทที่ 23 เพราะตั้งแต่ฉันรับกระแสเรียก ถวายตัวเป็นผู้รับใช้เต็มเวลา พระองค์ไม่เคยให้ฉันขัดสน ไม่ว่าจะศึกษาระดับใด ที่ประเทศไหน หรือการดำรงชีวิตปัจจุบัน ฉันทำงานที่เรียกว่าผู้รับใช้พระเจ้า เป็นอาจารย์สอนนักศึกษาพระคริสตธรรม ( seminarian ) ฉันรับค่าเลี้ยงชีพ พอจะดำรงชีวิตอยู่ได้ องค์กรของเราที่รับจากการถวาย ( คาทอลิก เรียกทำบุญ )จากคริสเตียนที่รักพระเจ้า นั่นคือการเลี้ยงดูจากพระเจ้า ฉันมั่นใจในพระสัญญาของพระองค์เสมอ

ฉันเดินด้วยเท้าเปล่าไปทานอาหารเช้า ที่อยากทำเช่นนั้น ฉันคิดถึงเสรีภาพที่พระเจ้าทรงประทานให้ อาบน้ำช้าๆให้สบายตัวสบายใจ มานั่งพิจารณาชีวิตและการภาวนาทั้งสามวันที่ผ่านมา ในวัดน้อย คำศักดิ์สิทธิ์ 3 วลีโผล่มาในสมอง คือ “อุทิศ” และ “ให้ด้วยใจยินดี” “ให้ทั้งหมด” ฉันนำคำเหล่านั้นมาภาวนาว่าคำอุทิศมีความหมายอะไรกับฉัน และสัปดาห์ก่อน ก็มีความหมายกับน้องชายคาทอลิกที่บวชเป็นบาทหลวง ภาพของ JXP ค่อยโผล่มาในตาจิต J= พระเยซูคริสต์ X= ผู้รับใช้ของพระเจ้า P= ประชากรของพระเจ้า ฉันตั้งคำถามว่า X= ที่เป็นนักบวชของคริสตัง ผู้รับใช้พระเจ้าของคริสเตียน ที่เรายอมอุทิศทั้งชีวิต เพราะเรา รัก P= ประชากรของพระเจ้าหรือ? ฉันตอบอย่างจริงใจว่าไม่ เพราะฉันมองภาพ ของลูกแกะ (ฆราวาส)ที่คอยขวิด คอยลอบกัด ฉันมากมาย ยิ่งคนที่ไม่รู้จักพระเจ้ายิ่งดูถูกเหยียดหยาม ฉันบอกกับพระองค์ว่าฉันจะรักพวกเขาจนอุทิศทั้งชีวิตให้ไม่ได้ เพราะลูกก็รักเนื้อหนังของตัวเอง แต่ภาพของพระเยซูคริสต์ในวันมหาทรมาน พระโลหิต และความเจ็บปวดที่ทรงยอมทั้งชีวิตนั้นต่างหากที่ฉันยอมอุทิศ ชีวิตของฉัน เพราะฉันมองไปที่ พระเยซูคริสต์(J) ความรักของพระองค์ที่สวมทับในชีวิตฉัน (X) จึงส่งผลให้ไปดูแลประชากร (P) ของพระองค์ พระองค์ทรงยืนยันกับฉันด้วยพระวรสารนักบุญมัทธิว ( บทที่ ๒๕.๓๔-๔๐ ) และวรสารนักบุญยอห์น ( บทที่ ๑๐,๒๑ )

พูดถึงพระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี และให้ฉันเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี เมื่อภาวนา ได้ความเข้าใจเรื่องการที่เราจะเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ต้องติดสนิทกับพระเจ้า จึงเข้าใจพระวรสารนักบุญยอห์น บทที่ ๑๕ พระเยซูคริสต์คือเถาองุ่นแท้ ฉันคือแขนง ถ้าฉันไม่ติดสนิทกับพระองค์ ก็เกิดผลไม่ได้ และทำอะไรไม่ได้เลย ความชัดเจนจาก ภาพนิมิต JXP อุทิศ คือ บรรดานักบวช หรือผู้รับใช้พระเจ้าสามารถอุทิศชีวิตทั้งชีวิตได้ เพราะว่าเรารักพระเยซูเจ้า ความรักนั้นส่งไปที่ประชากรของพระองค์ “พวกเราอุทิศให้ทั้งหมด และให้ด้วยความชื่นชมยินดี” คำปลอบประโลมใจ ว่าไม่ได้ทำงานคนเดียว เพราะพระองค์ทรงประทานพระจิตเจ้าอยู่ด้วย และที่สำคัญคือพระเยซูคริสต์ ได้อธิษฐานเผื่อเสมอ ( ดูยอห์น ๑๗ )

สรุปภาพรวมของการเข้าเงียบ 4 วันที่ศูนย์พักฟื้นใจ ณ สวนเจ็ดริน

๑. ฉันตั้งใจไปเข้าเงียบ เพราะพระเจ้ามีพระประสงค์ให้ฟังพระสุรเสียงของพระองค์ ในมุมมองใหม่ เปลี่ยนรูปแบบในการสัมผัสกับพระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ฉันได้รับสัมผัสอย่างใกล้ชิดอย่างแท้จริง

๒. ฉันรู้จักตัวเองมากขึ้น เพราะคิดว่า ฉันเคยชินกับการอยู่เงียบๆคนเดียว เปล่าเลย ฉันประหลาดใจว่าทำไมฉันชอบพูดกับพระเจ้าเหลือเกิน ไม่มีช่องว่างในการฟัง ฉันต้องฝึกฟัง และฟัง ไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะพระบิดาทรงทราบทุกอย่าง

๓. ฉันพบรูปแบบการภาวนาแบบใหม่กับพระองค์ นั่นคือ การนอนกางแขนอธิษฐานด้วยจิตสำนึกของการยอมจำนน ฉันเรียนรู้ว่าต่อเบื้องพระพักตร์ของพระบิดาเจ้า ไม่มีอะไรเป็นเครื่องกีดขวาง และฉันมอบชีวิตให้พระองค์ทั้งหมดโดยไม่ต่อรองอะไร เพราะเป็นความไว้วางใจว่าพระองค์ทรงเป็นทุกสิ่งสำหรับชีวิตฉัน

๔. ฉันได้รับการปลดปล่อยจากภาระหนัก จากหน้าที่ที่รับผิดชอบ มีเสรีภาพในการสัมผัสกับพระบิดา สิ่งกีดขวางทั้งหมดถูกยกออกไป เหลือเรา คือ ฉันกับพระบิดา สามารถคุยกันแบบพ่อกับลูก เข้าใจเรื่องวาระของชีวิต เข้าใจความล้ำลึกด้านจิตวิญญาณ ได้รับสันติสุขอย่างเปี่ยมล้น

๕. ฉันยังมั่นใจในการทำ พันธกิจ คือการเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าในฐานะผู้เลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่ต้องอุทิศโดยภาพนิมิต JXP นั่นคือ ฉัน (X) มองไปที่พระเยซู( J ) รับความรักและพระมหาบัญชาของพระองค์เพื่อปรนนิบัติรับใช้ประชากร ( P) ที่ฉันทำอย่างนั้นได้เพราะฉันรักพระเยซูเจ้า พระเจ้าทรงยืนยันด้วยพระวจนะถึงการรับใช้พระองค์ที่ต้องติดสนิทกับพระเยซูเจ้า เหมือนเถาองุ่นกับแขนง

๖. ฉันไม่กระวนกระวายต่อชีวิต เพราะพระเจ้าทรงเลี้ยงดูนกในอากาศได้ แล้วชีวิตฉันมิมีค่ากว่านกเหล่านั้นหรือ

๗. ฉันได้พบตัวเอง มีสัมพันธภาพอย่างลึกซึ้งกับพระบิดาเจ้า ฉันเข้าใจความล้ำลึกของคำว่า “อุทิศ” “ให้ทั้งหมด” “ให้ด้วยใจยินดี” และสูตรลับ JXP กับการรับใช้พระเจ้า

๘. ฉันได้เดินเกี่ยวก้อยพักผ่อนกับพระบิดาเจ้า ในฐานะพ่อกับลูก โดยไม่มีอะไรมาขวางกั้นความสัมพันธ์ของเรา ฉันพูดน้อยคำมาก แต่เข้าใจน้ำพระทัยในชีวิตมากขึ้น เพราะพระองค์ตรัสผ่านจิตวิญญาณฉันได้ชัดเจนท่ามกลางความเงียบสงบเช่นนี้
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ก.พ. 19, 2005 3:13 pm

บทความนี้ ตีพิมพ์ในอิสระรายปักษ์ ปักแรก มิถุนายน 2004

และ เว็บไซต์

http://www.issara.com/article/retreat-ex.htm

:-* :-* :-* :-* :-* :-* :-* :-*

น้องปอ หรือ น้องจิง หาภาพประกอบให้ด้วย แล้วก็อป ไปลงหน้าบทความได้ค่ะ ;D
นางมารกลับใจ

ศุกร์ ก.พ. 25, 2005 3:21 pm

เอ่อ คือ ..

อยากถามเพื่อต้องการฟังทัศนะและเป็นความรู้ด้วย เรื่องที่บาทหลวงไปแต่งงานอ่ะค่ะ บาทหลวงของทั้งคาธอลิค และโปแตสแตนท์ นี่ห้ามแต่งงานหรือเปล่าคะ แล้วของนิกายไหนคะที่แต่งงานได้ คุ้น ๆเหมือนเคยได้ยิน ว่าเป็นบาทหลวงก็แต่งงานไม่ใช่เหรอ หรือได้ยินมาผิด

แล้ว คุณโปรดปรานมีทัศนะยังไงคะที่พระสงฆ์ไปแต่งงาน (ไม่ตอบก็ได้นะคะ คิดว่าเป็นการแลกเปลี่ยนอ่ะค่ะ อยากฟังความคิดคนอื่น)
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ ก.พ. 25, 2005 4:29 pm

นางมารกลับใจ เขียน: เอ่อ คือ ..

แล้ว คุณโปรดปรานมีทัศนะยังไงคะที่พระสงฆ์ไปแต่งงาน (ไม่ตอบก็ได้นะคะ คิดว่าเป็นการแลกเปลี่ยนอ่ะค่ะ อยากฟังความคิดคนอื่น)
PP: คิดถึงเพื่อนที่เคยเป็นบาทหลวงชาวเม็กซิกันที่ฉันเคืองเขามาเป็นปีแล้ว เพราะเขาลาจากชีวิตสงฆ์แล้วสมรสกับสาวอเมริกัน

Ans: นี่คือทัศนะส่วนตัวกับเพื่อนคนนี้

เนื่องจากตัวเองมีสถานภาพ เดียวกับบาทหลวง คือรับใช้พระเจ้า ในคนละกรอบ บาทหลวงรับใช้พระเจ้าในกรอบของคาทอลิก ....ดิฉันรับใช้พระเจ้าในกรอบโปรเตสแตนต์ ไม่อยากจะให้พระศาสนจักรสูญเสียบุคลากร
ในการรับใช้พระเจ้า ....ดังนั้นจึงไม่พอใจที่เพื่อนออกจากการรับใช้พระเจ้า เพราะยังอยากให้เขาร่วมแบกแอก
ในงานของพระเจ้าต่อไป


---------------------------------------

พระสงฆ์ หรือบาทหลวงของคาทอลิก ในฐานะตัวแทนของพระเยซูคิสต์ในโลกนี้ ต้องรักษา 3 อย่าง คือ

๑.ถือความยากจน คือไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง
๒.ถือพรหมจรรย์ ไม่แต่งงาน
๓. ถือ การนอบน้อม

-------------------------------------------

สำหรับโปรเตสแตนต์ เรียกว่า ผู้รับใช้พระเจ้า ที่ ดูแลคริสตจักรเรียกว่า ศิษยาภิบาล

ไม่ห้ามเรื่องชีวิตสมรสค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ ก.พ. 27, 2005 12:54 am

นางมารกลับใจ เขียน: เอ่อ คือ ..

อยากถามเพื่อต้องการฟังทัศนะและเป็นความรู้ด้วย เรื่องที่บาทหลวงไปแต่งงานอ่ะค่ะ บาทหลวงของทั้งคาธอลิค และโปแตสแตนท์ นี่ห้ามแต่งงานหรือเปล่าคะ แล้วของนิกายไหนคะที่แต่งงานได้ คุ้น ๆเหมือนเคยได้ยิน ว่าเป็นบาทหลวงก็แต่งงานไม่ใช่เหรอ หรือได้ยินมาผิด

แล้ว คุณโปรดปรานมีทัศนะยังไงคะที่พระสงฆ์ไปแต่งงาน (ไม่ตอบก็ได้นะคะ คิดว่าเป็นการแลกเปลี่ยนอ่ะค่ะ อยากฟังความคิดคนอื่น)
กรณีถือโสดของนักบวชคาทอลิค ดูได้ที่นี่ครับ

http://www.saengtham.ac.th/stbook/view.asp?id=5
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ก.พ. 27, 2005 6:57 am

น้องโฮลี่เขียนไปขออนุญาต ที่แสงธรรม และนำไปขึ้นบอร์ดบทความ พวกเราจะได้มีอ้างอิงง่ายค่ะ ;D
นางมารกลับใจ

อาทิตย์ ก.พ. 27, 2005 12:43 pm

ขอบคุณนะคะ ได้ความรู้อีกเยอะเลย
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

อาทิตย์ ก.พ. 27, 2005 3:57 pm

คุณแม่ผมเพิ่ลกลับมาจากสวนเจ็ดรินไม่นานมานี้เองครับ ว่างๆผมก็อยากไปเหมือนกัน ตอนไปรับคุณแม่ก็มีโอกาศเข้าไปเยี่ยมชม บรรยากาศแม้จะมืดสนิทต้นไม้เยอะแต่ไม่มีความวังเวงอยู่เลยแม้แต่น้อย ใครสนใจปิดเทอมใว้ไปกันดีมั้ยคับ :)
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ก.พ. 27, 2005 6:50 pm

princess of wands เขียน: คุณแม่ผมเพิ่ลกลับมาจากสวนเจ็ดรินไม่นานมานี้เองครับ ว่างๆผมก็อยากไปเหมือนกัน ตอนไปรับคุณแม่ก็มีโอกาศเข้าไปเยี่ยมชม บรรยากาศแม้จะมืดสนิทต้นไม้เยอะแต่ไม่มีความวังเวงอยู่เลยแม้แต่น้อย ใครสนใจปิดเทอมใว้ไปกันดีมั้ยคับ :)
แล้วคุณแม่พี่ ปริ้นเสส เล่าอะไรให้ฟังไหมฮะ คือมีประสบการณ์เข้าเงียบให้ลูกๆฟังไหม 8)

เอ่...เข้าเงียบไปกันเป็นฝูงแล้วจะเงียบเหรอ พี่ 8)
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

อาทิตย์ ก.พ. 27, 2005 10:40 pm

คุณแม่พี่เป็นคนกลัวผีขั้นสูงสุด(ซึ่งลูกก็ได้มาสูงเช่นกัน - - ) "ไปกลับมาแล้วกลับรู้สึกชอบความมืดด้วยซ้ำ เพราะลึกๆแล้วทำให้เรารู้สึกว่าพระองค์อยู่กับเราตลอดเวลา....เป็นเราเองที่วิ่งหนีพระองค์"

จากปากแม่ของพี่เลย
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ มิ.ย. 23, 2007 8:17 pm

ใครอยากเข้าเงียบ อาจจะได้ ไอเดีย คร้าบ :grin:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zaliaus
โพสต์: 640
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ พ.ค. 07, 2007 1:03 am
ที่อยู่: ...

อาทิตย์ มิ.ย. 24, 2007 2:02 pm

สวนเจ็ดรินอ่ะ อยู่หน้ามหาลัยผมเลย แต่ไม่เคยเข้าไปง่ะ
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ มิ.ย. 24, 2007 8:19 pm

Zaliaus เขียน: สวนเจ็ดรินอ่ะ อยู่หน้ามหาลัยผมเลย แต่ไม่เคยเข้าไปง่ะ
พี่ก็ลองแวะไปมิสซาเย็น ดิ น่าจะเป็น 18.00-18.30 น. ที่วัดน้อย คร้าบ :wink:
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อาทิตย์ มิ.ย. 24, 2007 10:54 pm

Jeab Agape เขียน:
Zaliaus เขียน: สวนเจ็ดรินอ่ะ อยู่หน้ามหาลัยผมเลย แต่ไม่เคยเข้าไปง่ะ
พี่ก็ลองแวะไปมิสซาเย็น ดิ น่าจะเป็น 18.00-18.30 น. ที่วัดน้อย คร้าบ :wink:
มีหลายวัดน้อยนะจ้ะ  ต้องบอกว่าอันไหน  ::001::

จริงๆที่นั่นมีกลุ่มเยาวชนด้วยนะจ้ะ  เล่นกีฬา ทำกิจกรรมกัน  มิสซาวันอาทิตย์ก็น่ารัก  ::001::
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

อาทิตย์ มิ.ย. 24, 2007 11:35 pm

ใครพอมีรายละเอียดของการเข้าเงียบที่นั่นบ้างครับ? ::001::
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ มิ.ย. 25, 2007 12:27 pm

Batholomew เขียน: ใครพอมีรายละเอียดของการเข้าเงียบที่นั่นบ้างครับ? ::001::
พี่พีพี พี่ปอ ฮับ ลองลอดใต้ถุนไปคุยดิ :wink: อ้อ พี่บัดดี้ ก็น่าจะทราบ ฮะ : emo010 :
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

จันทร์ มิ.ย. 25, 2007 8:52 pm

Batholomew เขียน: ใครพอมีรายละเอียดของการเข้าเงียบที่นั่นบ้างครับ? ::001::
ลองถามคุณ Andreas  ก็ได้  เพราะน่าจะไปคนล่าสุด

คือเข้าเงียบที่นี่เป็น Directed Retreat  คือมี  spiritual director คุยกับเราวันละครั้ง  ....  ซึ่งก็ต้องมีการนัดแนะคุณพ่อก่อนว่า  ว่างตรงกับเรามั้ย  แต่ถ้าเราภาวนาเองได้  แค่อยากได้บรรยากาศ  ก็ติดต่อโดยตรงไม่ต้องผ่านคุณพ่อก็ได้ค่ะ...  ตอนนั้นพี่เข้าเงียบกับพ่อเดวิด  ::001::

http://www.sjthailand.org/thai/sevenfountain.htm
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ มิ.ย. 25, 2007 10:28 pm

Buddy เขียน: คือเข้าเงียบที่นี่เป็น Directed Retreat  คือมี  spiritual director คุยกับเราวันละครั้ง  ....  ซึ่งก็ต้องมีการนัดแนะคุณพ่อก่อนว่า  ว่างตรงกับเรามั้ย  แต่ถ้าเราภาวนาเองได้  แค่อยากได้บรรยากาศ  ก็ติดต่อโดยตรงไม่ต้องผ่านคุณพ่อก็ได้ค่ะ...  ตอนนั้นพี่เข้าเงียบกับพ่อเดวิด   ::001::

http://www.sjthailand.org/thai/sevenfountain.htm
นี่แหละพี่บัดดี้ตัวจริง ของจริง รู้จักทุกเว็บ อิอิ :grin:

สวนเจ็ดริน

97 ถ.ห้วยแก้ว ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50300
Tel: 053 211076, 053 892545; FAX: 053 892 546


พี่มิว ก็ชวนชายน้อย พี่เก๋ พี่แมน ไปดิ :grin:
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

อังคาร มิ.ย. 26, 2007 1:03 am

^
^
^
กะว่าจะลองไปคนเดียวดูก่อนอ่ะเจี๊ยบ เพราะว่าถ้าไปกันหลายคน กลัวว่าจะคุยกันมากกว่าอ่ะครับ : xemo017 :

ขอบใจนะครับ สำหรับข้อมูล
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อังคาร มิ.ย. 26, 2007 1:45 am

Batholomew เขียน: ^
^
^
กะว่าจะลองไปคนเดียวดูก่อนอ่ะเจี๊ยบ เพราะว่าถ้าไปกันหลายคน กลัวว่าจะคุยกันมากกว่าอ่ะครับ : xemo017 :

ขอบใจนะครับ สำหรับข้อมูล
คุยกันไม่ได้อยู่ดีค่ะ  เพราะต้องถือเงียบตลอดการเข้าเงียบค่ะ  (ขนาดคนทำสวนยังเงียบเลย  ...  ตัดหญ้าแบบเงียบๆ  คิดดูละกัน  ::009::)  มีบริกาีรซักรีดด้วยนะคะ  จะได้ไม่ต้องเตรียมเสื้อผ้าไปมาก  ::001::

ปกติมีพระคัมภีร์ในห้อง  แต่จะให้ดี เตรียมไปเองด้วยดีกว่าค่ะ  และก็อย่าลืมสมุดบันทึก  เอาไว้จดสิ่งที่ได้จากการภาวนา  เพื่อได้เรียบเรียงและคุยกับ  spiritual director วันต่อไป  ::001::
แก้ไขล่าสุดโดย Buddy เมื่อ อังคาร มิ.ย. 26, 2007 1:48 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

อังคาร มิ.ย. 26, 2007 8:54 am

Buddy เขียน:
Batholomew เขียน: ^
^
^
กะว่าจะลองไปคนเดียวดูก่อนอ่ะเจี๊ยบ เพราะว่าถ้าไปกันหลายคน กลัวว่าจะคุยกันมากกว่าอ่ะครับ : xemo017 :

ขอบใจนะครับ สำหรับข้อมูล
คุยกันไม่ได้อยู่ดีค่ะ  เพราะต้องถือเงียบตลอดการเข้าเงียบค่ะ  (ขนาดคนทำสวนยังเงียบเลย  ...  ตัดหญ้าแบบเงียบๆ  คิดดูละกัน  ::009::)  มีบริกาีรซักรีดด้วยนะคะ  จะได้ไม่ต้องเตรียมเสื้อผ้าไปมาก  ::001::

ปกติมีพระคัมภีร์ในห้อง  แต่จะให้ดี เตรียมไปเองด้วยดีกว่าค่ะ  และก็อย่าลืมสมุดบันทึก  เอาไว้จดสิ่งที่ได้จากการภาวนา  เพื่อได้เรียบเรียงและคุยกับ  spiritual director วันต่อไป   ::001::


ไม่ใช่หรอกครับ คือว่า พวกราเองนั่นแหละที่จะอดใจไม่ไหว คุยกันเองซะก่อนอ่ะครับ ::001::
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อังคาร มิ.ย. 26, 2007 9:34 am

Batholomew เขียน:ไม่ใช่หรอกครับ คือว่า พวกราเองนั่นแหละที่จะอดใจไม่ไหว คุยกันเองซะก่อนอ่ะครับ ::001::
คือเค้าจะติดป้ายไว้ทุกที่น่ะค่ะว่า  "โปรดถือเงียบ"  อย่างที่บอก  คนสวนที่ไม่ได้เข้าเงียบยังต้องเงียบเลย  และบรรยากาศจะเงียบมาก  ขนาดเดินเสียงดังหน่อยยังแอบรู้สึกผิดเลย  ::009::  ต่อให้เม้าแตกแค่ไหน  รับรองว่า  ไม่กล้าคุย  นอกซะจากเดินออกไปคุยข้่างนอกสวนเจ็ดรินน่ะค่ะ  ::001::

คือว่า  มันเงียบจริงๆน่ะค่ะ  ::004::
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร มิ.ย. 26, 2007 12:50 pm

Buddy เขียน:
Batholomew เขียน:ไม่ใช่หรอกครับ คือว่า พวกราเองนั่นแหละที่จะอดใจไม่ไหว คุยกันเองซะก่อนอ่ะครับ ::001::
คือเค้าจะติดป้ายไว้ทุกที่น่ะค่ะว่า  "โปรดถือเงียบ"  อย่างที่บอก  คนสวนที่ไม่ได้เข้าเงียบยังต้องเงียบเลย  และบรรยากาศจะเงียบมาก  ขนาดเดินเสียงดังหน่อยยังแอบรู้สึกผิดเลย  ::009::   ต่อให้เม้าแตกแค่ไหน  รับรองว่า  ไม่กล้าคุย  นอกซะจากเดินออกไปคุยข้่างนอกสวนเจ็ดรินน่ะค่ะ   ::001::

คือว่า  มันเงียบจริงๆน่ะค่ะ   ::004::
ได้ข่าวว่าบางคนพ่อ (ตำหนิ) ด้วย :cheesy: คุยได้คนเดียว คือ พ่อที่ดูแลจิตวิญญาณ ตอนที่เราไปพบ และมีโอกาสอ้าปาก อีกครั้งตอนมิสซาค่ะ : emo010 :
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

อังคาร มิ.ย. 26, 2007 12:59 pm

โอ งั้นดีเลยครับ
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร มิ.ย. 26, 2007 7:22 pm

Batholomew เขียน: โอ งั้นดีเลยครับ
จะไปเมื่อไหร่คร้าบ : emo038 :
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

อังคาร มิ.ย. 26, 2007 8:42 pm

Jeab Agape เขียน:
Batholomew เขียน: โอ งั้นดีเลยครับ
จะไปเมื่อไหร่คร้าบ : emo038 :
ยังไม่รู้เลยครับ แต่ว่าเดี๋ยวจะลองโทรไปถามดูก่อนครับ ::001::
ตอบกลับโพส