STORY OF MY LIFE
โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 21, 2006 11:53 pm
บทนำ
ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวก่อนนะครับ ผมไม่ใช่คนดีเด่นหรือมีเกียรติหน้าชื่นชม ไม่ว่าประการใดผมก็คงไม่แตกต่างจากหลายๆคน ที่เคยผ่านชีวิตทั้งทุกข์และสุขมากมายหลายด้าน ไม่ได้เป็นคนดีและก็ไม่ได้ทำชั่วต่อสังคมหรือคนรอบข้าง แต่ผมเป็นคนบาปต่อพระเป็นเจ้า มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมทำผิดต่อพระองค์จนผมไม่กล้าที่จะเรียกตัวเองว่าคนดี เมื่อพระองค์มีพระประสงค์ให้ผมต้องทนทุกข์ต่อความเจ็บปวดร่วมกับพระมหาทรมานของพระองค์ในขณะนี้ และผมก็อยากให้บทเรียนชีวิตของผมเป็นภาพสะท้อนที่จะเตือนสติและให้ข้อคิดกับพี่น้องร่วมความเชื่อด้วยกัน
ผมจะนำเสนอเรื่องเล่าของเรื่องราวชีวิตเป็นบท หรือที่ผมเรียกแทนว่า "จิ๊กซอ" ในแต่ละบทพี่น้องผู้อ่านสามารถวิพากษ์วิจารณ์แนะนำเพื่อการแก้ไขได้ครับ ผมจะเก็บเรื่องราวเหล่านี้เพื่อรวบรวมเพื่อเป็นอนุสรณ์ก่อนที่พระจะเรียกผมกลับไปเฝ้าพระองค์ คงไม่นานเกินรอ
ท้ายนี้ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องราวเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากผิดพลาดประการใด และไม่เจตตนจะพาดพิงถึงผู้ใด ผมต้องขออภัยมา ณโอกาสนี้ ขอพระพรจากองค์พระเป็นเจ้าผู้เป็นองค์แห่งความรัก และพระนางมารีย์พระมารดาผู้เป็นองค์แห่งความหวังของเรา ประทานสันติสุขและสถิตอยู่กับทุกท่านตลอดไป
*********************************************************************************************************************
จิ๊กซอตัวที่หนึ่ง :)ความทรงจำในวัยเด็ก - ความเชื่อคริสตชน ;D
ผมเกิดมาในครอบครัวที่ตั้งแต่บรรพบุรุษที่นับถือศาสนาพุทธ ในครอบครัวฐานะพอมีพอใช้ ไม่ได้ยากจน แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวย แถวบ้านผมเขามักเรียกบ้านผมว่าคนมีเชื้อมีสาย ก็เพราะคุณย่าของผมท่านถือกำเนิดในตระกูลเจ้าผู้ครองนครน่านหรือที่เรียกว่านันทบุรีมีสกุลพระราชทานเป็น ณ น่าน คุณย่าของผมท่านเป็นคนที่รู้จักนับหน้าถือตาของคนทั่วไป คำเรียกที่คนทั่วไปมักเรียกท่านคือ เจ้าอา เจ้าป้า เจ้าย่า เป็นต้น เป็นธรรมเนียมของคนทางเหนือที่จะให้ความนับถือเจ้านายผู้ใหญ่ หลายๆ คนที่อ่านคงจะงงว่ามีคุณย่าเป็นเจ้าทำไมถึงไม่ร่ำไม่รวย ก็คุณย่าท่านตกหลุมรักกับครูใหญ่บ้านนอกก็เลยแต่งงานโดยไม่ได้รับสมบัติอะไรติดตัวมาเลยครับ เหมือนนิยายรักมั้ยครับ เท่าที่จำได้ตั้งแต่เล็กพ่อผมทำงานขับรถสิบล้อส่งของ ส่วนคุณแม่ผมก็รับจ้างวักรีดเสื้อผ้า ผมต้องตื่นนอนแต่เช้าประมาณตี่สี่ตีห้าเพื่อมานึ่งข้าวและไปจ่ายตลาดตอนเช้ากับคุณย่า กลับจากตลาดก็ต้องมาซักผ้าจ้างแล้วก็ไปโรงเรียน เย็นกลับมาก็ไปส่งผ้าและรับผ้ามาซัก ดูเหมือนผมจะเป็นคนขยันใช่มั้ยครับ ก็ไม่ถูกเสียทีเดียวครับ ก็เพราะอยากได้เงินค่าจ้างที่แบ่งจากแม่เดือนละ100 บาท วันเสาร์ผมก็ไปรับจ้างกวาดบ้านถูบ้านให้คนแถวบ้านได้เดือนละ 350 บาท ดีใจครับที่สามารถหาเงินได้ ความงกอยู่ในหัวตลอดครับ ที่บ้านผมยังทำหวานเย็น(น้ำหวานใส่ถุงแช่แข็ง)ขายให้เด็กๆด้วยครับ ที่หาเงินได้มาก็เพื่อซื้ออุปกรณ์การเรียนบ้างและซื้อข้าวของที่อยากได้ คุณย่ารักผมมากเลยครับ ผมจะนอนเป็นเพื่อนท่านทุกคืนและช่วยดูแลท่านเป็นประจำ ไปไหนผมก็มักจะไปกับท่านเสมอ มีครั้งหนึ่งคุณย่าท่านออกไปข้างนอกผมก็ไปด้วยพอดีท่านเกิดปวดปัสสาวะท่านก็เดินเข้าข้างทางเพื่อนั่งลงทำธุระ พอดิบพอดีเป็นช่วงแปดโมงฌช้า เพลงชาติกำลังบรรเลง ท่านจึงยืนขึ้น ผมจึงถามท่านว่า "ย่าทำธุระไม่เสร็จแล้วยืนทำไม" ท่านตอบว่า "เพลงชาติขึ้นแล้วไม่ยืนไม่ได้" เป็นเรื่องที่ผมมักคิดถึงท่านเสมอ เทอมปลายของชั้นประถมปีที่5 คุณย่าท่านก็เสียชีวิตด้วยโรคลำใส้อักเสบ ผมเสียใจมากที่สุดและคิดถึงท่านทุกวัน ผมมีพี่ชายสองคน ผมเป็นน้องคนสุดท้องครับ พี่ชายคนกลางกับผมสนิทและรักกันมาก เพราะพี่ผมคนนี้มักจะออกรับแทนผมเสมอเมื่อผมทำผิดในขณะที่ผมเรียน ปวช.ปี 1 พี่ชายคนนี้ก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับเกวียนพี่ผมเป็นขนขับเลยตายคาที่ เมื่อผมทราบข่าวผมทำอะไรไม่ถูกเลยเพราะพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านไปส่งของต่างจังหวัด ส่วนพี่ชายคนโตก็เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ผมอยู่บ้านคนเดียว สับสน เสียใจ ไร้ที่พึ่งพาต้องดำเนินการเองจนกว่าพ่อกับแม่กลับมาอีก 2 วันให้หลัง ผมต้องเสียคนที่ผมรักภายเวลาไม่กี่ปีถึงสองคนซึ่งเป็นความทรงจำที่ไม่ค่อยดีนักสำหรับผม
วัดแม่พระประจักษ์แห่งลูร์ด ลำปาง
ย้อนหลังไปขณะที่คุณย่าผมยังมีชีวิตอยู่ ท่านมักจะพาผมไปบ้านคุณอาที่จังหวัดลำปางในช่วงปิดเทอมเสมอ ไปทำอะไรนะหรือครับ... ไม่ได้ไปเที่ยวหรอกครับ ผมไปเพื่อดูแลน้องลูกของคุณอาและช่วยทำงานบ้าน อาทิ กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า รีดผ้า จ่ายตลาด ทำกับข้าว ก็จิปาถะทุกอย่างภายในบ้าน เพื่อแลกกับเงินค่าขนม ชุดนักเรียนใหม่และรองเท้าใหม่เพื่อใช้ตอนเปิดเทอม ทุกวันหลังจากที่ทำงานบ้านเสร็จและส่งน้องไปเรียนพิเศษแล้วผมก็จะแวะไปที่วัดแม่พระประจักษ์แห่งลูร์ดเสมอเพื่อรอรับน้องหลังเลิกเรียน ภายในวัดสวยงาม ศักดิ์สิทธิ์ ผมสะดุดตารูปปั้นสตรีงามสง่า ใบหน้าอ่อนหวาน ยืนพนมมือ สวมอาภรณ์ขาวบริสุทธิ์ แลดูอบอุ่นชวนหลงไหลเหมือนต้องมนต์สะกด ผมนั่งมองท่านได้โดยไม่ละสายตา และสิ่งที่ผมได้รับคือความอบอุ่นและความสุขที่ผมไม่เคยได้รับจากใครเลย คุณพ่ออาเล็สซานโดร บอร์ดีญอง เป็นเจ้าอาวาสในสมัยนั้น ท่านใจดีมากเห็นความสนใจของผมและให้หนังสือมาเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือเกี่ยวกับคริสตศาสนา บ่อยครั้งที่ผมไปที่วัด ท่านมักจะมาพูดคุยเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ผมฟัง โดยเฉพาะเรื่องราวของสตรีงามผู้นั้น พระนางมารีอา พระมารดาของพระเยซูเจ้าเป็นชื่อและศักดิ์ของพระนาง เมื่อโรงเรียนเปิดเทอมผมจึงต้องกลับมาที่บ้าน ผมพยายามวาดรูปแม่พระและแขวนรูปไว้บนแท่นที่ผมจัดไว้ในห้องนอนและสวดภาวนาตามที่คุณพ่อท่านได้สอน ผมพยายามที่จะเสาะหาวัดคาทอลิกที่ใกล้บ้าน แต่ก็ไม่มี
คุณพ่ออาเล็สซานโดร บอร์ดีญอง
หลังจากที่คุณย่าผมจากไป ผมเริ่มรู้จักกับกลุ่มพี่น้องคริสเตียนในคริสตจักรประจำอำเถอ(คริสตจักรสาวัฒนาธรรม) ความอบอุ่นและการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษที่ผมได้รับจากพี่น้องคริสเตียนทำให้ผมตัดสินใจรับบัพติศมา ทุกคนในครอบครัวต่อต้าน ญาติมิตรไม่เห็นด้วย ผมถูกสบประมาท ดูถูก ด่าว่าสารพัด "นอกคอก" "ไม่รักดี" ทุกอย่างยิ่งทำให้ความเชื่อของผมเข้มแข็งและร้อนรนยิ่งขึ้น ผมเข้าศึกษาพระคัมภีร์ทุกวัน เข้ากลุ่มเซลล์กับกลุ่มอนุชนจนได้รับเลือกให้เป็นประธานกลุ่มที่มีอายุน้อยที่สุด บทบาทหน้าที่ของผมประจำทุกวันอาทิตย์ก็คือ เป็นครูสอนรวีวารศึกษา(เด็กเล็กที่เข้าชั้นเรียนพระคัมภีร์สำหรับเด็ก) จากนั้นก็เข้าสอนพระคัมภีร์อนุชน และเล่นออร์แกนนมัสการประจำคริสตจักร ในช่วงบ่ายก็ไปนมัสการตามบ้านของสมาชิกคริสตจักร เข้าร่วมกลุ่มเซลล์ของอนุชนและกลุ่มผู้อาวุโส เป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุม สัมมนากับสมาชิกต่างคริสตจักรในทุกโอกาส นำกิจกรรมมาพัฒนา ปรับปรุงและก่อตั้งกลุ่มอธิฐานภายในคริสตจักร ด้วยความสนใจและพระพรทำให้ศิษยาภิบาลทำเรื่องขอทุนเรียนศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ หลังจากที่ผมเรียนจบ ปวช.3 พี่ชายของผมที่เสียชีวิตผมได้นำเถ้ากระดูกของเขามาทำการบรรจุไว้ที่สุสานของคริสตจักรและประกอบพิธีทางคริสตศานาด้วยความหวังใจว่าผมกับพี่ชายจะได้อยู่ร่วมกันในพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้าด้วยกัน ทั้งหมดเป็นการเริ่มต้นความเชื่อคริสตชนและการปูพื้นฐานที่ดีที่ผมได้รับ ขอขอบคุณพี่น้องคริสเตียนที่ให้ความรักความอบอุ่นและความทรงจำที่ดีกับผม โมทนาคุณพระเป็นเจ้ที่ทรงเรียกและเลือกให้ผมเริ่มก้าวตามพระสุรเสียงของพระองค์ หลายคนคงอยากถามว่าแล้วเรื่องราวของคาทอลิกล่ะ...ลืมหรือยัง... เปล่าเลย ทุกครั้งที่ปิดเทอมผมยังคงแวะเวียนไปที่วัดแม่พระประจักษ์แห่งลูร์ดเสมอ ในทุกช่วงเวลาของชีวิตคริสเตียน ผมยังคงสวดภาวนาต่อแม่พระ และภายในใจมีความสุข อบอุ่นและโหยหาพระนางอยู่เสมอ หลายคนคงสงสัยว่าเมื่อผมเป็นคริสเตียนแล้วทำไมถึงยังนับถือแม่พระอยู่ ผมบอกแล้วไงครับว่าผมไม่ใช่คนดี ทุกอย่างผมทำตามภายในใจที่เรียกร้อง อีกประการหนึ่งผมไม่ได้ใกล้ชิด สนิทสนมกับพ่อ และแม่ เมื่อผมเจอแม่พระครั้งแรกเหมือนกับผมได้รับความอบอุ่นที่ขาดหายไป เหมือนผมมีแม่ที่คอยอยู่กับผมตลอดเวลาไม่ว่าผมจะไปที่ไหน เป็นความประทับใจที่ผมจดจำและยังคงอยู่ในใจผมเสมอ
****************************************************************************************************************************************
พระคัมภีร์ - วาทะนักบุญ หนุนใจสำหรับผู้อ่าน
"พระองค์ตรัสกับพวกเขาอีกว่า สันติสุขจงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงส่งเรามาฉันใด เราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น" (ยน.20 : 21)
"การไม่รู้พระคัมภีร์คือ การไม่รู้จักพระคริสตเจ้า" (นักบุญเยโรม)
ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวก่อนนะครับ ผมไม่ใช่คนดีเด่นหรือมีเกียรติหน้าชื่นชม ไม่ว่าประการใดผมก็คงไม่แตกต่างจากหลายๆคน ที่เคยผ่านชีวิตทั้งทุกข์และสุขมากมายหลายด้าน ไม่ได้เป็นคนดีและก็ไม่ได้ทำชั่วต่อสังคมหรือคนรอบข้าง แต่ผมเป็นคนบาปต่อพระเป็นเจ้า มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมทำผิดต่อพระองค์จนผมไม่กล้าที่จะเรียกตัวเองว่าคนดี เมื่อพระองค์มีพระประสงค์ให้ผมต้องทนทุกข์ต่อความเจ็บปวดร่วมกับพระมหาทรมานของพระองค์ในขณะนี้ และผมก็อยากให้บทเรียนชีวิตของผมเป็นภาพสะท้อนที่จะเตือนสติและให้ข้อคิดกับพี่น้องร่วมความเชื่อด้วยกัน
ผมจะนำเสนอเรื่องเล่าของเรื่องราวชีวิตเป็นบท หรือที่ผมเรียกแทนว่า "จิ๊กซอ" ในแต่ละบทพี่น้องผู้อ่านสามารถวิพากษ์วิจารณ์แนะนำเพื่อการแก้ไขได้ครับ ผมจะเก็บเรื่องราวเหล่านี้เพื่อรวบรวมเพื่อเป็นอนุสรณ์ก่อนที่พระจะเรียกผมกลับไปเฝ้าพระองค์ คงไม่นานเกินรอ
ท้ายนี้ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องราวเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากผิดพลาดประการใด และไม่เจตตนจะพาดพิงถึงผู้ใด ผมต้องขออภัยมา ณโอกาสนี้ ขอพระพรจากองค์พระเป็นเจ้าผู้เป็นองค์แห่งความรัก และพระนางมารีย์พระมารดาผู้เป็นองค์แห่งความหวังของเรา ประทานสันติสุขและสถิตอยู่กับทุกท่านตลอดไป
*********************************************************************************************************************
จิ๊กซอตัวที่หนึ่ง :)ความทรงจำในวัยเด็ก - ความเชื่อคริสตชน ;D
ผมเกิดมาในครอบครัวที่ตั้งแต่บรรพบุรุษที่นับถือศาสนาพุทธ ในครอบครัวฐานะพอมีพอใช้ ไม่ได้ยากจน แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวย แถวบ้านผมเขามักเรียกบ้านผมว่าคนมีเชื้อมีสาย ก็เพราะคุณย่าของผมท่านถือกำเนิดในตระกูลเจ้าผู้ครองนครน่านหรือที่เรียกว่านันทบุรีมีสกุลพระราชทานเป็น ณ น่าน คุณย่าของผมท่านเป็นคนที่รู้จักนับหน้าถือตาของคนทั่วไป คำเรียกที่คนทั่วไปมักเรียกท่านคือ เจ้าอา เจ้าป้า เจ้าย่า เป็นต้น เป็นธรรมเนียมของคนทางเหนือที่จะให้ความนับถือเจ้านายผู้ใหญ่ หลายๆ คนที่อ่านคงจะงงว่ามีคุณย่าเป็นเจ้าทำไมถึงไม่ร่ำไม่รวย ก็คุณย่าท่านตกหลุมรักกับครูใหญ่บ้านนอกก็เลยแต่งงานโดยไม่ได้รับสมบัติอะไรติดตัวมาเลยครับ เหมือนนิยายรักมั้ยครับ เท่าที่จำได้ตั้งแต่เล็กพ่อผมทำงานขับรถสิบล้อส่งของ ส่วนคุณแม่ผมก็รับจ้างวักรีดเสื้อผ้า ผมต้องตื่นนอนแต่เช้าประมาณตี่สี่ตีห้าเพื่อมานึ่งข้าวและไปจ่ายตลาดตอนเช้ากับคุณย่า กลับจากตลาดก็ต้องมาซักผ้าจ้างแล้วก็ไปโรงเรียน เย็นกลับมาก็ไปส่งผ้าและรับผ้ามาซัก ดูเหมือนผมจะเป็นคนขยันใช่มั้ยครับ ก็ไม่ถูกเสียทีเดียวครับ ก็เพราะอยากได้เงินค่าจ้างที่แบ่งจากแม่เดือนละ100 บาท วันเสาร์ผมก็ไปรับจ้างกวาดบ้านถูบ้านให้คนแถวบ้านได้เดือนละ 350 บาท ดีใจครับที่สามารถหาเงินได้ ความงกอยู่ในหัวตลอดครับ ที่บ้านผมยังทำหวานเย็น(น้ำหวานใส่ถุงแช่แข็ง)ขายให้เด็กๆด้วยครับ ที่หาเงินได้มาก็เพื่อซื้ออุปกรณ์การเรียนบ้างและซื้อข้าวของที่อยากได้ คุณย่ารักผมมากเลยครับ ผมจะนอนเป็นเพื่อนท่านทุกคืนและช่วยดูแลท่านเป็นประจำ ไปไหนผมก็มักจะไปกับท่านเสมอ มีครั้งหนึ่งคุณย่าท่านออกไปข้างนอกผมก็ไปด้วยพอดีท่านเกิดปวดปัสสาวะท่านก็เดินเข้าข้างทางเพื่อนั่งลงทำธุระ พอดิบพอดีเป็นช่วงแปดโมงฌช้า เพลงชาติกำลังบรรเลง ท่านจึงยืนขึ้น ผมจึงถามท่านว่า "ย่าทำธุระไม่เสร็จแล้วยืนทำไม" ท่านตอบว่า "เพลงชาติขึ้นแล้วไม่ยืนไม่ได้" เป็นเรื่องที่ผมมักคิดถึงท่านเสมอ เทอมปลายของชั้นประถมปีที่5 คุณย่าท่านก็เสียชีวิตด้วยโรคลำใส้อักเสบ ผมเสียใจมากที่สุดและคิดถึงท่านทุกวัน ผมมีพี่ชายสองคน ผมเป็นน้องคนสุดท้องครับ พี่ชายคนกลางกับผมสนิทและรักกันมาก เพราะพี่ผมคนนี้มักจะออกรับแทนผมเสมอเมื่อผมทำผิดในขณะที่ผมเรียน ปวช.ปี 1 พี่ชายคนนี้ก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับเกวียนพี่ผมเป็นขนขับเลยตายคาที่ เมื่อผมทราบข่าวผมทำอะไรไม่ถูกเลยเพราะพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านไปส่งของต่างจังหวัด ส่วนพี่ชายคนโตก็เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ผมอยู่บ้านคนเดียว สับสน เสียใจ ไร้ที่พึ่งพาต้องดำเนินการเองจนกว่าพ่อกับแม่กลับมาอีก 2 วันให้หลัง ผมต้องเสียคนที่ผมรักภายเวลาไม่กี่ปีถึงสองคนซึ่งเป็นความทรงจำที่ไม่ค่อยดีนักสำหรับผม
วัดแม่พระประจักษ์แห่งลูร์ด ลำปาง
ย้อนหลังไปขณะที่คุณย่าผมยังมีชีวิตอยู่ ท่านมักจะพาผมไปบ้านคุณอาที่จังหวัดลำปางในช่วงปิดเทอมเสมอ ไปทำอะไรนะหรือครับ... ไม่ได้ไปเที่ยวหรอกครับ ผมไปเพื่อดูแลน้องลูกของคุณอาและช่วยทำงานบ้าน อาทิ กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า รีดผ้า จ่ายตลาด ทำกับข้าว ก็จิปาถะทุกอย่างภายในบ้าน เพื่อแลกกับเงินค่าขนม ชุดนักเรียนใหม่และรองเท้าใหม่เพื่อใช้ตอนเปิดเทอม ทุกวันหลังจากที่ทำงานบ้านเสร็จและส่งน้องไปเรียนพิเศษแล้วผมก็จะแวะไปที่วัดแม่พระประจักษ์แห่งลูร์ดเสมอเพื่อรอรับน้องหลังเลิกเรียน ภายในวัดสวยงาม ศักดิ์สิทธิ์ ผมสะดุดตารูปปั้นสตรีงามสง่า ใบหน้าอ่อนหวาน ยืนพนมมือ สวมอาภรณ์ขาวบริสุทธิ์ แลดูอบอุ่นชวนหลงไหลเหมือนต้องมนต์สะกด ผมนั่งมองท่านได้โดยไม่ละสายตา และสิ่งที่ผมได้รับคือความอบอุ่นและความสุขที่ผมไม่เคยได้รับจากใครเลย คุณพ่ออาเล็สซานโดร บอร์ดีญอง เป็นเจ้าอาวาสในสมัยนั้น ท่านใจดีมากเห็นความสนใจของผมและให้หนังสือมาเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือเกี่ยวกับคริสตศาสนา บ่อยครั้งที่ผมไปที่วัด ท่านมักจะมาพูดคุยเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ผมฟัง โดยเฉพาะเรื่องราวของสตรีงามผู้นั้น พระนางมารีอา พระมารดาของพระเยซูเจ้าเป็นชื่อและศักดิ์ของพระนาง เมื่อโรงเรียนเปิดเทอมผมจึงต้องกลับมาที่บ้าน ผมพยายามวาดรูปแม่พระและแขวนรูปไว้บนแท่นที่ผมจัดไว้ในห้องนอนและสวดภาวนาตามที่คุณพ่อท่านได้สอน ผมพยายามที่จะเสาะหาวัดคาทอลิกที่ใกล้บ้าน แต่ก็ไม่มี
คุณพ่ออาเล็สซานโดร บอร์ดีญอง
หลังจากที่คุณย่าผมจากไป ผมเริ่มรู้จักกับกลุ่มพี่น้องคริสเตียนในคริสตจักรประจำอำเถอ(คริสตจักรสาวัฒนาธรรม) ความอบอุ่นและการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษที่ผมได้รับจากพี่น้องคริสเตียนทำให้ผมตัดสินใจรับบัพติศมา ทุกคนในครอบครัวต่อต้าน ญาติมิตรไม่เห็นด้วย ผมถูกสบประมาท ดูถูก ด่าว่าสารพัด "นอกคอก" "ไม่รักดี" ทุกอย่างยิ่งทำให้ความเชื่อของผมเข้มแข็งและร้อนรนยิ่งขึ้น ผมเข้าศึกษาพระคัมภีร์ทุกวัน เข้ากลุ่มเซลล์กับกลุ่มอนุชนจนได้รับเลือกให้เป็นประธานกลุ่มที่มีอายุน้อยที่สุด บทบาทหน้าที่ของผมประจำทุกวันอาทิตย์ก็คือ เป็นครูสอนรวีวารศึกษา(เด็กเล็กที่เข้าชั้นเรียนพระคัมภีร์สำหรับเด็ก) จากนั้นก็เข้าสอนพระคัมภีร์อนุชน และเล่นออร์แกนนมัสการประจำคริสตจักร ในช่วงบ่ายก็ไปนมัสการตามบ้านของสมาชิกคริสตจักร เข้าร่วมกลุ่มเซลล์ของอนุชนและกลุ่มผู้อาวุโส เป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุม สัมมนากับสมาชิกต่างคริสตจักรในทุกโอกาส นำกิจกรรมมาพัฒนา ปรับปรุงและก่อตั้งกลุ่มอธิฐานภายในคริสตจักร ด้วยความสนใจและพระพรทำให้ศิษยาภิบาลทำเรื่องขอทุนเรียนศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ หลังจากที่ผมเรียนจบ ปวช.3 พี่ชายของผมที่เสียชีวิตผมได้นำเถ้ากระดูกของเขามาทำการบรรจุไว้ที่สุสานของคริสตจักรและประกอบพิธีทางคริสตศานาด้วยความหวังใจว่าผมกับพี่ชายจะได้อยู่ร่วมกันในพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้าด้วยกัน ทั้งหมดเป็นการเริ่มต้นความเชื่อคริสตชนและการปูพื้นฐานที่ดีที่ผมได้รับ ขอขอบคุณพี่น้องคริสเตียนที่ให้ความรักความอบอุ่นและความทรงจำที่ดีกับผม โมทนาคุณพระเป็นเจ้ที่ทรงเรียกและเลือกให้ผมเริ่มก้าวตามพระสุรเสียงของพระองค์ หลายคนคงอยากถามว่าแล้วเรื่องราวของคาทอลิกล่ะ...ลืมหรือยัง... เปล่าเลย ทุกครั้งที่ปิดเทอมผมยังคงแวะเวียนไปที่วัดแม่พระประจักษ์แห่งลูร์ดเสมอ ในทุกช่วงเวลาของชีวิตคริสเตียน ผมยังคงสวดภาวนาต่อแม่พระ และภายในใจมีความสุข อบอุ่นและโหยหาพระนางอยู่เสมอ หลายคนคงสงสัยว่าเมื่อผมเป็นคริสเตียนแล้วทำไมถึงยังนับถือแม่พระอยู่ ผมบอกแล้วไงครับว่าผมไม่ใช่คนดี ทุกอย่างผมทำตามภายในใจที่เรียกร้อง อีกประการหนึ่งผมไม่ได้ใกล้ชิด สนิทสนมกับพ่อ และแม่ เมื่อผมเจอแม่พระครั้งแรกเหมือนกับผมได้รับความอบอุ่นที่ขาดหายไป เหมือนผมมีแม่ที่คอยอยู่กับผมตลอดเวลาไม่ว่าผมจะไปที่ไหน เป็นความประทับใจที่ผมจดจำและยังคงอยู่ในใจผมเสมอ
****************************************************************************************************************************************
พระคัมภีร์ - วาทะนักบุญ หนุนใจสำหรับผู้อ่าน
"พระองค์ตรัสกับพวกเขาอีกว่า สันติสุขจงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงส่งเรามาฉันใด เราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น" (ยน.20 : 21)
"การไม่รู้พระคัมภีร์คือ การไม่รู้จักพระคริสตเจ้า" (นักบุญเยโรม)