อัศจรรย์ในชีวิตอิฉัน

แบ่งปัน คำพยาน ประสบการณ์ชีวิตกับพระเจ้า และการอัศจรรย์ ที่พระเจ้าได้ทรงกระทำต่อชีวิตของเราแต่ละคน
ตอบกลับโพส
Jezebel

อังคาร เม.ย. 18, 2006 6:17 am

เมื่ออิฉันรับศีลกำลัง

ตอนเป็นเด็ก เมื่ออิฉันจะได้รับศีลกำลัง บราเดอร์สอนพวกเราให้ร้องเพลง"ทหารพระบิดา" เนื้อเพลงก็ประมาณนี้ค่ะ

เชิญชาวเรามาร่วมยินดี ด้วยวันนี้เรามีสุขใจ พี่น้องของเราทั้งหญิงชายที่ได้รับศีลกำลัง ได้เป็นทแกล้วทหาร สมดังชายชาญคริสตัง ด้วยองค์พระจิตความหวัง เป็นพลังหนุนนำชีวา

องค์พระจิตเสด็จมา เสริมสร้างปัญญา ความเชื่อ ศรัทธา มากมี อีกพระดำริ และความยำเกรงภูมี ให้เหล่าลูกนี้มากมีพระหรรษทาน

ศีลกำลังเสริมสร้างชีวิต ด้วยองค์พระจิตแนบชิดสนิทวิญญาณ โปรดเพิ่มพูนพระคุณพระหรรษทาน แก่เหล่าทหารขององค์พระบิดา

ในบทเพลงนี้เราจะเห็นรายชื่อพระคุณของพระจิต ในห้องเรียนคำสอน บราเดอร์ก็สอนอิฉันว่ามีอยู่ 7 ประการ ได้แก่ พระดำริ สติปัญญา ความคิดอ่าน พละกำลัง ความรู้ ความศรัทธา และความยำเกรงพระเจ้า ดิฉันก็คิดอย่างเด็กๆว่า เมื่อได้รับแล้ว พระคุณทั้ง 7 ประการของพระจิตก็จะบังเกิดผลในตัวดิฉันแบบฉับพลันทันใดและชัดเจนเห็นได้ชัด เช่น ดิฉันจะฉลาดปราดเปรื่อง บังเกิดความยำเกรงพระเป็นเจ้าอย่างแท้จริง ฯลฯ

แต่เมื่ออิฉันรับศีลกำลังแล้ว อิฉันไม่เห็นมีความเปลี่ยนแปลงอะไรอย่างที่อิฉันคาดคิดไว้เลยค่ะ อิฉันยังเป็นคนเดิม

แต่ในความเป็นจริงแล้ว พระจิตเจ้าทรงทำงานอยู่ ประหนึ่งเป็นสายลมแผ่วเบา

อิฉันประจักษ์ว่าการทำงานของพระองค์บังเกิดผลในการเติบโตทางฝ่ายวิญญาณของอิฉันก็เมื่ออิฉันแก่ขึ้นแล้วมองย้อนกลับไป ก็เห็นความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในชีวิตฝ่ายจิตของอิฉันค่ะ

อิฉันใคร่ขอสาธกเป็นตัวอย่างประการหนึ่งค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย Jezebel เมื่อ อังคาร เม.ย. 18, 2006 6:18 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Jezebel

อังคาร เม.ย. 18, 2006 6:54 am

อิฉันกับการประจักษ์มาของแม่พระ

เมื่ออิฉันเป็นเด็ก อิฉันได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการประจักษ์มาของแม่พระที่ได้การรับรองจากพระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์สากลแล้ว อิฉันก็รู้จักสนใจในเรื่องการประจักษ์มาของแม่พระมากๆๆๆๆๆ แม่พระประจักษ์ที่ใด อย่าให้อิฉันรู้นะคะ อิฉันจะตาลุกวาวเป็นไข่ห่าน อิฉันสนใจมากๆ สนใจเป็นจริงเป็นจังเลยล่ะค่ะ

นอกจากเรื่องการประจักษ์ อิฉันยังสนใจในเรื่องอัศจรรย์เหนือธรรมชาติทั้งหลายอีกนะคะ อิฉันคิดว่าสิ่งทั้งหลายนี้แสดงให้เห็นความศักดิ์สิทธิ์และเป็นแก่นสำคัญในชีวิตคริสตชน สะท้อนให้เห็นความศรัทธาที่แท้จริง

อิฉันเคยปรารภกับคุณพ่อชาวต่างประเทศท่านหนึ่งว่า อิฉันสนใจในเรื่องการประจักษ์มาของแม่พระ และถามท่านว่า คุณพ่อรู้สึกเช่นไรกับการประจักษ์มาของพระนางที่เมืองลูร์ด ท่านคงดูออกว่าอิฉันให้ความสนใจกับเรื่องการประจักษ์และอัศจรรย์เหนือธรรมชาติทั้งหลายมากจนออกนอกหน้านอกตา ท่านจึงกล่าวกับอิฉันอย่างใจดีว่า พระเจ้า แม่พระอาจประจักษ์มาเพื่อมอบสารบางอย่างแก่มนุษย์ เพื่อบำรุงศรัทธา และเกิดเป็นผลดีต่อชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของมนุษย์ แต่กระนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นแก่นสำคัญที่เราต้องให้ความสนใจมาก"จนเกินไป"

อิฉันยังคงสนใจเรื่องการประจักษ์ต่อไป มีอยู่ครั้งหนึ่งอิฉันมีความทุกข์ใจอย่างใหญ่หลวง อิฉันเกิดความคิดอยากเจอแม่พระ อิฉันอยากให้พระนางประจักษ์มาหาอิฉันแล้วตรัสกับอิฉันเหมือนที่ตรัสกับนักบุญคัธริน ลาบูเร นักบุญแบร์นาแดต ซูบิรู และลูซีอา ฟรังซิสโก และยาชินทาแห่งฟาติมา ฯลฯ เพราะถ้าพระนางมาหาอิฉัน อิฉันจะได้รู้ว่าความทุกข์ของอิฉันจะหมดสิ้นไปหรือไม่ เมื่อไร ฯลฯ แต่ก็ได้แค่คิด จินตนาการ จนแล้วจนรอดอิฉันก็ไม่เคยได้พบกับการประจักษ์มาของแม่พระ แม้แต่ในฝันก็ไม่เคยค่ะ

ถ้ายังจำกันได้ แม่พระประจักษ์มาหานักบุญคัธริน ลาบูเรที่อารามภคินีคณะธิดาเมตตาธรรม ถนนดือบัก กรุงปารีส โดยที่อารักขเทวดาของท่านนักบุญไปแจ้งให้ท่านทราบว่าพระนางพรหมจารีประจักษ์มา และอารักขเทวดาก็นำท่านไปพบกับพระนางในวัดน้อย

อิฉันก็มานั่งคิดว่า ถ้าอิฉันยังมานั่งรอแม่พระที่บ้าน พระนางอาจไม่ประจักษ์มาหาอิฉัน อิฉันต้องเปลี่ยนที่ค่ะ ไปรอการประจักษ์ของพระนางที่วัดดีกว่า อิฉันคิดได้ดังนี้ เมื่อมีเวลาและโอกาสอำนวย อิฉันก็ไปวัดอัสสัมชัญ อย่างน้อยวัดนี้ก็เป็นวัดของแม่พระ ใช่ไหมคะ ;D

พอไปถึง อิฉันก็หาม้านั่งที่เหมาะสม ถ้าจำไม่ผิดก็ตรงแท่นแม่พระเมืองลูร์ดนั่นแหละค่ะ และอิฉันก็นอนพาดบนม้านั่งตัวนั้นในท่านนอนหงาย อิฉันพยายามข่มตาให้หลับ เพื่อจะได้ฝัน แล้วพระนางก็จะประจักษ์มาหาอิฉัน ก็ยากนะคะ เพราะเป็นเวลากลางวัน แล้วอิฉันก็ไม่ชอบนอนกลางวันด้วย แต่กระนั้นอิฉันก็เริ่มหลับค่ะ ในขณะที่กำลังเข้าสู่ภวังค์ ก็มีมือมาสะกิดอิฉันค่ะ นั่นไง พี่น้องทั้งหลายคงไม่คิดว่าเป็นทูตสวรรค์มาสะกิดให้อิฉันไปพบพระนางพรหมจารีใช่ไหมคะ และก็ยิ่งไม่คิดไปว่าเป็นพระนางพรหมจารีทรงเรียกอิฉันด้วยตัวของพระนางเอง ใช่ไหมคะ

ไม่ใช่ค่ะ แต่เป็น...

เป็นพี่ยามค่ะ ก็พี่รปภ.ของวัดอัสสัมชัญนั่นแหละค่ะมาปลุกอิฉันแล้วบอกไม่ให้อิฉันนอนหลับอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ( นอนหงายพาดหลับอยู่บนม้านั่งแบบจะๆเห็นๆ ) ในสักการสถานของพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดแบบนี้ จริงๆก็ไม่ใช่พี่ยามมาเห็นเองหรอกค่ะ แต่เป็นพวกป้าๆ น้าๆ ที่เป็นสตรีใจศรัทธาทั้งหลายมาเห็นแล้วไปบอกพี่ยามค่ะ พวกป้าๆน้าๆสตรีใจศรัทธาทั้งหลายเห็นแล้วคงทนไม่ได้ เพราะการที่อิฉันไปนอนพังพาบอยู่อย่างนั้น เป็นเสมือนการทุราจารสถานนมัสการอันศักดิ์สิทธิ์ก็ว่าได้

อิฉันก็เลยอดเป็นคัธริน ลาบูเรแห่งประเทศไทย อิฉันงี้เก็กซิมพองาม คิดว่า โธ่ ป้าๆน้าๆสตรีใจศรัทธาไม่น่ามาเห็น จะได้ไม่ต้องไปบอกพี่ยาม พี่ยามก็จะได้ไม่มาปลุกอิฉัน ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว อิฉันก็จะได้เห็นพระพักตร์ของแม่พระ

อิฉันก็เลยกลับบ้าน แต่ก็ยังไม่ล้มเลิกความคิด อิฉันอยากได้รับการประจักษ์อยู่เหมือนเช่นเดิมค่ะ เดี๋ยวไว้เล่าต่อค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย Jezebel เมื่อ อังคาร เม.ย. 18, 2006 7:18 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
New lamb
~@
โพสต์: 656
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 7:21 am
ที่อยู่: Florida U.S.A

อังคาร เม.ย. 18, 2006 7:13 am

มารออ่านต่อค่ะ :D
Jezebel

อังคาร เม.ย. 18, 2006 7:17 am

อิฉันกับการประจักษ์มาของพระเยซูเจ้า

;) ขึ้นหัวข้อไว้อย่างนี้ พี่ๆน้องๆทั้งหลายคงคิดว่าอิฉันได้เจอพระเยซูเจ้าจริงหรือเปล่า เอ้า ลองอ่านดูกันนะคะ อิฉันจะเล่าให้ฟัง(อ่าน) บัดเดี๋ยวนี้ค่ะ

แม้ว่าในครั้งก่อนอิฉันล้มเหลวในการพบแม่พระ อิฉันก็ยังสนใจอยากได้รับการประจักษ์จากสวรรค์อยู่ดีค่ะ

มีอยู่ครั้งหนึ่ง อิฉันสวดภาวนา คราวนี้อิฉันมีความคิดพิสดารค่ะ อิฉันอยากเจอพระเยซูเจ้า อิฉันขอให้พระองค์ประจักษ์มาหาอิฉัน พี่ๆน้องๆอาจคิดว่า คราวนี้อิฉันอาจต้องเผ่นไปวัดของพระเยซูเจ้า เช่น วัดพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์ ที่ศานติคาม ใช่ไหมคะ เปล่าเลย ไม่ใช่ค่ะ อิฉันไม่ได้ไปที่ไหน แต่สวดอยู่ที่บ้าน รอดูว่าพระองค์จะประจักษ์มาหาอิฉันไหม แล้วถ้าพระองค์จะเสด็จมาจริง ก็รอดูว่าพระองค์จะมาที่ไหน ก็แล้วแต่พระประสงค์ ได้เจอพระองค์เป็นพอ อิฉันก็สวด สวด และสวดอีก วันแรกก็ไม่เจอ วันที่สองก็ไม่พบ วันที่สามก็ยังเหมือนเดิม

ทีนี้ พี่ๆน้องๆคงคิดกันว่า แล้วอิฉันจะอดเจอพระเยซูเจ้าเหมือนคราวก่อนที่ไม่ได้พบพระนางพรหมจารี ใช่ไหมคะ เหอ เหอ

สวดไปเรื่อยจนสักวันที่ห้า อิฉันก็ไปฉลองวัดราชินีแห่งสันติสุข ซอย 101 ค่ะ

วันนั้นอิฉันไปเกือบสายแล้ว พออิฉันลงจากรถเมล์ก็เดินขาขวิด ขาฉิ่ง เพราะกลัวไปถึงวัดไม่ทัน แต่ยังไม่ทันถึงวัด อิฉันก็พบผู้ชายคนหนึ่งค่ะ

พี่ๆน้องๆเริ่มลุ้นว่า อิฉันพบพระเยซูเจ้าหรือเปล่า ใช่ไหมคะ เหอ เหอ

ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดูดีอะไรเลย ดูอิดโรย กะปลกกะเปลี้ย กระเซอะกระเซิง และเดินตุหรัดตุเหร่ และอิฉันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาดูมีปัญหาอะไรอยู่ เขาเดินเข้ามาหาอิฉัน เหมือนกับอยากจะขอความช่วยเหลืออะไรบางอย่าง อิฉันก็สวมบทบาทพิธีกรรายการทอล์คโชว์เฉพาะกิจ "เจาะใจ"สัมภาษณ์ทันที ก็สรุปได้ความว่า เธอเป็นคนงานที่ทำงานในโรงงานแห่งหนึ่ง แต่เจ้าของโรงงานแห่งนั้นใช้งานเธออย่างโหดร้าย เธอไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีประมาณนั้น ประมาณโรงงานนรกก็ว่าได้ เธอทนต่อไปไม่ไหว เธอเลยหลบหนีออกมา แบบหลบออกมาแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง ตีสามตีสี่ เธอก็แว้บหนีเจ้านายออกมาแล้ว เธอน่าสงสารมากค่ะ เธอจะหนีกลับบ้าน ข้าวปลาก็ยังไม่ได้กิน และก็ไม่รู้ทาง อิฉันก็เลยบอกทางว่าจะไปขึ้นรถได้ที่ไหน ซื้อข้าวซื้อน้ำให้เธอกิน ถ้าจำไม่ผิด เหมือนอิฉันได้เงินเธอไปเล็กน้อยด้วยนะคะ อิฉันส่งเธอขึ้นรถเมล์ แล้วก็จ้ำอ้าวไปวัดต่อไปค่ะ

ไงคะ อิฉันได้เจอพระเยซูเจ้าประจักษ์มาแล้วจริงๆแล้ว เพราะพระองค์ตรัสว่า ทุกสิ่งที่ท่านได้ทำแต่พี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุด ท่านก็ได้ทำต่อเราเอง

อิฉันไปวัด แม้จะไปสาย ก็ไม่เป็นไร เพราะอิฉันได้ปรนนิบัติรับใช้พระองค์แล้ว พระองค์ประจักษ์มาหาอิฉันแล้ว

จะว่าไป อิฉันก็อดที่จะคิดไม่ได้เหมือนกันนะคะว่า เขาคนนั้นอาจเป็นพระองค์ทรงจำแลงพระกายมาในรูปของชายยากจนหรือเปล่า ฮิ ฮิ

มีต่อค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย Jezebel เมื่อ อังคาร เม.ย. 18, 2006 7:29 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

อังคาร เม.ย. 18, 2006 12:38 pm

รออ่านนะครับ
Divine Mercy

อังคาร เม.ย. 18, 2006 1:14 pm

ขอบคุณครับที่แบ่งปัน ขอพระอวยพระพร
Jezebel

อังคาร เม.ย. 18, 2006 5:48 pm

อิฉันกับอัศจรรย์ความรัก

หลังจากนั้น มีอยู่คราหนึ่ง อิฉันมีความทุกข์เทวษใจอย่างใหญ่หลวง อิฉันไม่รู้จะบ่ายหน้าไปหาใคร อิฉันทนไม่ไหว ก็เลยติดต่อคุณพ่อชาวต่างประเทศคนที่อิฉันเคยไปคุยเรื่องแม่พระเมืองลูร์ด ตอนนั้นพ่อยังอยู่กรุงเทพฯ แต่ตอนที่อิฉันโทมนัสใจอย่างใหญ่หลวงนี้นั้น พ่อย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดแล้วค่ะ ดังนั้นอิฉันจึงตัดสินใจเดินทางไปหาคุณพ่อที่ต่างจังหวัดเพื่อขอคำแนะนำ

ในระหว่างเดินทาง อิฉันได้รับทุกขเวทนาทั้งทางจิตใจและกาย ทางใจก็ว่าไปแล้ว แต่ทางกายนั้น อิฉันขอบรรยายดังต่อไปนี้ค่ะ

1. อาหารที่กินบนรถไม่อร่อย เป็นอาหารประเภทกินกันตาย คือกินไม่ให้ตาย แต่ให้มีชีวิตรอดต่อไปอีกวันหนึ่งๆ

2. เก้าอี้ปรับเอนก็เอนไม่ได้มาก นอนก็ไม่ค่อยหลับ

3. ขี้ก็ลำบากค่ะ ตอนอยู่บนรถ อิฉันเกิดปวดขี้กระทันหันค่ะ เข้าส้วม ถนนก็ไม่เรียบ รถก็โคลงเคลง อิฉันก็เคลงโคลงอยู่บนโถไปอย่างนั้นด้วยค่ะ กลั๊วกลัว กลัวหย่อนไม่ลงโถค่ะ ;D

ก็ถือเป็นพลีกรรมค่ะ

และแล้วอิฉันได้เจอคุณพ่อ อิฉันก็ร่ายโศลกความทุกขเวทนาของอิฉันนับเนื่องความยาวเทียบได้จากตั้งแต่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เรื่อยไปจนถึงอำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช อันแสดงว่าคำพูดของอิฉันนั้นยาวมาก คุณพ่อเธอก็ฟังอิฉันด้วยความอดทนนะคะ อิฉันคุยไปคุยไป ก็อ้างอิงถึงความบรรเทาใจในลักษณะที่เป็นอัศจรรย์เหนือธรรมชาติ พ่อบอกอิฉันว่า พ่อจำได้ว่าอิฉันสนใจเรื่องเหนือธรรมชาติและการประจักษ์มาตั้งแต่พ่ออยู่ที่กรุงเทพฯแล้ว อิฉันงี้สะดุดกึกเลยค่ะ คุณพ่อจำได้ด้วย แสดงว่าสิ่งนี้เป็นอัตลักษณ์ประจำตัวที่เด่นชัดของอิฉัน คุณพ่อให้อิฉันลดความสนใจในเรื่องนี้ลง

อิฉันพล่ามอยู่นาน บอกว่าอิฉันกลัวจะเกิดสิ่งร้ายๆอย่างนี้อย่างนั้นกับชีวิตอิฉัน แต่พ่อก็ปลอบอิฉันอยู่นานว่าไม่ให้กลัว ไม่มีอะไรน่ากลัว อิฉันก็ยังดันนั่งกลัวอยู่นั่น ที่สุดพ่อก็เลยบอกว่ากับอิฉันว่า ถ้าอิฉันยังกลัวว่าจะเกิดอะไรร้ายๆกับชีวิตของอิฉัน พ่อก็ขอให้สิ่งร้ายที่จะเกิดนั้นมาตกอยู่กับพ่อทุกอย่าง พ่อขอรับไว้เอง

อิฉันอึ้งค่ะ

คุณพ่อยอมรับทุกอย่างไว้กับพ่อ เหมือนที่พระเยซูเจ้าทรงรับทุกอย่างไว้กับพระองค์แล้วนำไปตรึงที่กางเขน ความบาปหนักหนาพลุ่งขึ้นถึงขีดสุด พระองค์ถึงกับอุทานว่า"พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า เหตุไฉนจึงทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าเล่า"

คุณพ่อเป็นผู้แทนของพระเยซูเจ้าจริงๆ เมื่อจิตใจของอิฉันสัมผัสความรักที่คุณพ่อรับมาจากพระเจ้าอย่างมากมายและล้นเอ่อมาสู่คนรอบข้าง และแน่นอนมาสู่หัวใจของอิฉันด้วยค่ะ

และแล้วอิฉันก็ได้สัมผัสกับอัศจรรย์แห่งความรัก มันช่างมีพลังมากมาย มีพลังที่จะเปลี่ยนแปลง เพราะหลังจากสัมผัสกับอัศจรรย์แห่งความรักในครั้งนี้นั้น ทีละเล็กทีละน้อย อิฉันตระหนักว่า อัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรัก และความสนใจต่ออัศจรรย์เหนือธรรมชาติและการประจักษ์ทั้งหลายก็ค่อยๆลดลง จนตอนนี้อิฉันไม่สนใจในสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเท่าไรนัก ซึ่งก็เป็นดังที่คุณพ่อได้สอนอิฉันไว้นั่นเองค่ะ

ฤทธิ์กุศลความรักยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ มิน่าเล่าพระคัมภีร์ถึงได้บอกว่า ความเชื่อ ความไว้ใจ และความรัก ที่สุดก็คือความรัก ทุกวันนี้ ตามปกติทั่วไป คนเราก็ไม่เคยเห็นพระเจ้าจะๆ เราจึงต้อง"เชื่อ" และ"ไว้ใจ" แต่เมื่อวันที่กำหนดมาถึง เราจะได้เห็นและรู้จักพระองค์อย่างที่พระองค์เป็น จึงไม่ต้อง"เชื่อ"และ"ไว้ใจ" ที่เหลืออยู่ก็มีแค่เพียงความรักเท่านั้น

ปีก่อนมีคุณพ่ออีกท่านหนึ่งได้ถามอิฉันถึงความเห็นในเรื่องอัศจรรย์เหนือธรรมชาติ ถ้าเป็นแต่ก่อน อิฉันคงตาลุกวาวเป็นไข่เป็ด ไข่หงส์ แต่ดิฉันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว อิฉันไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นนักแล้วค่ะ สิ่งเหล่านั้นเป็นของประทานจากพระเจ้าผู้พระทัยดี ตามเวลา วาระ เทศะ และกับบุคคลตามแต่พระองค์จะทรงเห็นสมควร เราไม่ต้องไปเรียกร้อง ( เหมือนที่อิฉันไปเรียกร้องให้แม่พระประจักษ์มาหาอิฉัน ด้วยการไปนอนแอ้งแม้งในวัดอัสสัมชัญ ) พระองค์เห็นสมควรก็จะประทานมาให้เอง แม้นว่าใครได้รับพระคุณนี้ ก็ขอบคุณพระเจ้า ที่พระองค์ประทานพระพรพิเศษมาให้ อย่างน้อยเพื่อบำรุงศรัทธา ประคองความเชื่อ โดยไม่จำต้องยินดีเพลินเพริศเกินขนาด นี่คือความคิดเห็นของอิฉัน อิฉันได้บอกคุณพ่ออีกโดยการอ้างความเห็นของท่านนักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขนว่า อัศจรรย์เหนือธรรมชาติก็ไม่แน่ว่าจะมาจากพระเป็นเจ้า ปีศาจอาจปลอมแปลงเป็นทูตแห่งความสว่างได้ ทั้งนี้เราอาจถูกลวงให้หลงไปได้ถ้าเราไม่สามารถแยกแยะได้ว่ากิจการเหนือธรรมชาตินั้นมาจากจิตดีหรือจิตชั่ว ท่านนักบุญจึงได้เตือนไม่ให้เรายินดีหรือสนใจกับอัศจรรย์เหนือธรรมชาติ อิฉันเห็นด้วยกับท่าน อิฉันขี้เกียจมานั่งแยกแยะว่ากิจการเหนือธรรมชาตินั้นๆมาจากจิตชั่วหรือจิตดี เพราะสำหรับอิฉันแล้ว อัศจรรย์แห่งความรักแน่นอนกว่ามากมายนักค่ะ และอิฉันก็ได้ประจักษ์แล้ว

และแล้วอิฉันก็ได้พบแล้ว พระจิตเจ้าทรงทำให้ชีวิตฝ่ายวิญญาณของอิฉันค่อยๆเติบโต พระองค์ทรงทำงานในตัวอิฉันเสมอและตลอดเรื่อยมาและเรื่อยไปด้วยค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย Jezebel เมื่อ อังคาร เม.ย. 18, 2006 5:50 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
yuki
โพสต์: 681
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 01, 2006 5:02 am

อังคาร เม.ย. 18, 2006 7:45 pm

จบแล้วใช่ป่าวพี่เบล เหมือนหนังแฟนตาซีเลยเนอะที่ตัวเอกพยายามค้นหาอะไรซักอย่างที่คนทั่วไปเค้าไม่หากัน พอตอนจบตัวเอกของเรื่องก้อพบว่าจิงๆแล้วสิ่งที่ต้องการนั้น ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหนเลย ทุกอย่างอยู่ในตัวของเรา
The END
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร เม.ย. 18, 2006 9:42 pm

เป็นเรื่องราวชีวิตที่เข้มข้นดีครับ อัศจรรย์ที่พระเจ้าสำแดงอยู่เสมอในชีวิตของเราทุกคน ก็คือพระญาณสอดส่อง(พระญาณเอื้ออาทร) เพียงแต่ถ้าเรามองเห็นก็จะชื่นชมยินดีในการทรงดูแลของพระองค์ต่อเราแต่ละคนทุกๆวัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5972
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ก.ค. 30, 2011 2:27 pm

แสวงหาแล้วจะพบ...เวลาไม่เป็นอุปสรรค์ :s015:
ตอบกลับโพส