“ ในความระทมทุกข์ ข้าพเจ้าเรียนรู้ถึงน้ำพระทัยของพระองค์”
“มหาบริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์ พระบิดานิรันดร พระเจ้าสูงสุดแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก”
ข้าพเจ้าปรารถนาสันติสุข และทูลขอสันติสุขแห่งพระเยซุเจ้าพระบุตรพระเจ้า แล้วพระองค์ทรงเลี้ยงดูและประทานความบรรเทา หากพระองค์ทรงประทานสันติสุขให้ หากพระองค์ทรงหลั่งความปีติยินดีอันศักดิ์สิทธิ์ให้ วิญญาณของข้ารับใช้คงจะเร่าร้อนคอยเฝ้าสรรเสริญพระองค์ แต่ในความระทมทุกข์เหมือนว่าพระองค์ทรงนำความยินดีเหล่านั้นออกไปเสียจากข้าพเจ้า เวลาแห่งความเศร้าโศกก็มาถึงและต้องทุบอกตัวเองด้วยไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะขณะนี้ ไม่เหมือนเมื่อวานที่ความสว่างของพระองค์ได้ทอแสงเหนือข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าเคยได้รับการคุ้มกันจากพระหัตถ์ของพระองค์ให้รอดพ้นจากการประจญที่เข้ามาจู่โจม
บัดนี้ข้าพเจ้าต้องมาเฝ้าพระองค์ เพ่งพิศภาวนาต่อพระองค์วันแล้ววันเล่า ไฉนพระองค์ทรงเงียบอยู่ พระยาห์เวห์องค์บิดาผู้ทรงธรรม พระผู้สูงสุดคู่ควรแก่การสรรเสริญเป็นนิตย์ ถึงเวลาที่ข้ารับใช้ของพระองค์ต้องถูกประจญ พระบิดาผู้น่ารักยิ่ง สมควรแล้วที่ข้ารับใช้จะต้องทนต่อสิ่งใดบ้าง เพื่อพระองค์ในขณะนี้
พระยาห์เวห์เจ้า พระบิดาผู้น่าเคารพสักการะ ถึงเวลาแล้ว เวลาที่พระองค์ทรงทราบล่วงหน้าแต่นิรันดรว่าต้องมาถึง สภาพภายนอกเป็นเวลาที่ข้ารับใช้ของพระองค์ต้องล้มลุกคลุกคลานอยู่ระยะเวลาหนึ่ง แต่ภายในจิตวิญญาณของข้ารับใช้ยังคงมีพระองค์อยู่เสมอ เป็นเวลาที่ข้าพเจ้าต้องถูกเหยียดหยาม ถูกกดขี่ และซึมเศร้าต่อหน้าเพื่อนมนุษย์ ข้าพเจ้าถูกตัณหาและความอ่อนแอบดขยี้ เพื่อข้าพเจ้าจะได้ลุกขึ้นใหม่พร้อมกับพระหัตถ์ของพระองค์ที่ทรงประคับประคองข้าพเจ้าในวันใหม่แห่งเกียรติมงคลในสรวงสวรรค์
พระยาห์เวห์ พระเจ้าพระบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ พระองค์ได้ทรงบัญชา และทรงพอพระทัย และก็ได้ดำเนินไปตามที่ทรงรับสั่งไว้ เป็นพระหรรษทานที่พระองค์ทรงประทานแก่ข้าพเจ้า คือ ให้ข้าพเจ้าทน และให้ข้าพเจ้าถูกเคี่ยวเข็ญด้วยความทุกข์ยากในโลกนี้เพราะความรักที่มีต่อพระองค์ ในทุกครั้งไม่ว่าจะทรงอนุญาตให้เกิดขึ้นโดยทางผู้ใด เพราะในโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยที่พระองค์มิได้ทรงตั้งพระทัย มิได้ทรงจัดแจงและไม่มีเหตุผล เป็นการดีกับข้าพเจ้าที่ความระทมทุกข์ต่างๆ ได้มาสู่ชีวิตของข้าพเจ้า และได้สอนให้ข้าพเจ้าได้รู้ถึงน้ำพระทัยที่เปี่ยมด้วยพระยุติธรรมและบริบูรณ์ด้วยพระเมตตา