เมื่อผมได้อ่านความลับแห่งฟาติมา-โดย-คุณพ่อไพบูลย์ อุดมเดช

แบ่งปัน คำพยาน ประสบการณ์ชีวิตกับพระเจ้า และการอัศจรรย์ ที่พระเจ้าได้ทรงกระทำต่อชีวิตของเราแต่ละคน
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 2:26 am

เมื่อผมได้อ่านความลับแห่งฟาติมา
คุณพ่อไพบูลย์ อุดมเดช C..Ss.R.


รูปภาพ

ความลับส่วนที่หนึ่งและที่สอง

ความลับอะไรหรือ? ฉันรู้สึกว่าฉันเปิดเผยความลับนี้ได้เพราะฉันได้รับอนุญาตจากสวรรค์แล้ว ผู้แทนของพระเจ้าบนโลกนี้ได้อนุญาตฉันให้เปิดเผยหลายครั้งแล้วในจดหลายหลายๆครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉบับที่ท่านเองได้เก็บไว้...

"ในตอนที่สองฉันได้อธิบายไว้แล้วอย่างละเอียดถึงเรื่องความสงสัยที่ทรมานฉันมากจากวันที่ 13 มิถุนายน มาจนถึงวันที่ 13 กรกฏาคม และได้อธิบายด้วยว่าความทรมานนั้นหายไปได้อย่างไรเมื่อฉันได้เห็นการประจักษ์ในวันนั้น เอาล่ะ...ความลับนั้นแบ่งออกเป็น 3 ส่วนต่างกัน สองส่วนแรกนั้นฉันจะเปิดเผยดังต่อไปนี้คือ"

"ภาคแรกนั้นเป็นภาพนิมิตของนรก แม่พระได้ทำให้เราเห็นทะเลเพลิงอันกว้างใหญ่ซึ่งดูเหมือนจะอยู่ใต้โลก ปีศาจและวิญญาณในรูปมนุษย์มากมายตกลงไปในไฟนี้ ดั่งถ่านไฟที่กำลังลุกโชน บางร่างนั้นถูกเผาจนดำสนิท บางร่างก็เป็นสีตะกั่ว ลอยคออยู่ในทะเลเพลิงดังกล่าว บางร่างก็ถูกแรงไฟที่กำลังเผาร่างของตนอยู่นั้นผลักให้ลอยขึ้นไปในอากาศพร้อมกับกลุ่มควัน แล้วก็ตกกระจายลงมาไปคนละทิศคนละทางดั่งสะเก็ดไฟที่แตกกระจายจากการปะทุของกองไฟใหญ่ ร่างเหล่านั้นไม่สามารถจะควบคุมน้ำหนักตัวเองให้เกิดความสมดุลได้ ท่ามกลางเสียงร้องโอดครวญ โหยหวนด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง ซึ่งเราเห็นแล้วก็รู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นกันทุกคน"

"เจ้าปีศาจนั้นมองจากรูปร่างที่คล้ายสัตว์ร้ายน่ากลัวแต่ก็ไม่เหมือนสัตว์ชนิดใดที่เราเคยรู้จักมาก่อน ทุกร่างนั้นดำทมึนแต่ก็โปร่งมองทะลุได้... เราเห็นภาพนิมิตนี้เพียงชั่วขณะ เราจะขอบคุณพระแม่ด้วยความกตัญญูเพียงใดถึงจะเหมาะสมพอเพียง เพราะพระนางได้ทรงเตรียมใจเราแล้วโดยสัญญาในการประจักษ์ครั้งแรกว่าจะพาเราไปชมสวรรค์ อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่าเราคงจะตายเพราะความกลัวและภาพอันสยองขวัญเสียก่อนเป็นแน่ จากนั้นเราได้เงยหน้าขึ้นไปยังแม่พระผู้ตรัสกับเราด้วยความอ่อนหวานแต่ก็แฝงไว้ด้วยความเศร้าว่า ....พวกเธอได้เห็นนรกที่บรรดาวิญญาณที่น่าสงสารทั้งหลายตกลงไปแล้ว เพื่อที่จะช่วยวิญญาณเหล่านั้นพระเป็นเจ้าทรงปรารถนาที่จะก่อตั้งความศรัทธาต่อดวงใจบริสุทธิ์ของเรา ถ้าสิ่งที่เราได้บอกพวกเธอนั้นสำเร็จลุล่วงไปแล้ว วิญญาณมากมายจะรอดและเมื่อนั้นล่ะสันติจะกลับคืนมา"

"สงครามจะสิ้นสุดในเร็ววัน แต่ถ้าหากมนุษย์ไม่หยุดทำขัดเคืองพระทัยพระเจ้า สิ่งที่เลวร้ายกว่าก็จะเกิดขึ้นในช่วงสมัยของพระสันตะปาปาปีโอที่ 11

"เมื่อพวกเธอเห็นค่ำคืนที่สว่างไสวด้วยแสงที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ขอให้รู้ไว้เถิดว่านั่นคือเครื่องหมายอันยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าทรงบอกให้พวกเธอทราบว่าพระองค์กำลังจะลงโทษโลกเนื่องด้วยความผิดมหันต์ที่โลกกระทำ พระองค์จะลงโทษด้วยสงคราม ความอดอยากและการเบียดเบียนพระศาสนจักรและการเบียดเบียนพระสันตะบิดา

"เพื่อที่จะป้องกันสิ่งดังกล่าวนี้ เราจะมาเพื่อขอให้มอบถวายรัสเซียต่อดวงใจอันบริสุทธิ์ของเรา และขอให้รับศีลมหาสนิทเพื่อเป็นการชดเชยโทษนั้นในวันเสาร์ต้นเดือน

"หากคำขอของเราได้รับการตอบสนอง รัสเซียจะกลับใจและจะเกิดสันติ หาไม่แล้วรัสเซียจะแพร่ขยายความผิดพลาดของตนไปทั่วโลก ทำให้เกิดสงครามและการเบียดเบียนพระศาสนจักร คนดีมากมายจะต้องสิ้นชีพเป็นมรณสักขี พระสันตะบิดรจะต้องทรมานอย่างมาก ชาติต่างๆจะถูกทำลาย แต่ในที่สุดแล้วดวงใจบริสุทธิ์ของเราจะมีชัย พระสันตะบิดรจะมอบถวายรัสเซียแก่เรา และรัสเซียจะกลับใจและช่วงเวลาแห่งสันติภาพจะเกิดขึ้นในโลก"
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 3:00 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 2:27 am

ความลับส่วนที่ 3 โดยซิสเตอร์ ลูเซีย วันที่ 3 มกราคม 1944

รูปภาพ

J.M.J (เยซู มารีอา ยอแซฟ) ต่อไปนี้คือความลับส่วนที่สามที่เผยให้เราทราบที่ โควา ดา อิรีอา ฟาติมา ในวันที่ 13 กรกฏาคม 1917

"ลูกเขียนสิ่งนี้ด้วยความนอบน้อมต่อพระองค์ พระเจ้าข้า ดั่งที่พระองค์ทรงสั่งให้ลูกเขียนผ่านทางพระสังฆราชแห่งเรอีเรียและผ่านทางพระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์และของลูกเองด้วย

"หลังจากที่ข้าพเจ้าได้อธิบายภาพนิมิตทั้งสองไปแล้ว ในทางด้านซ้ายมือของแม่พระและสูงขึ้นมาหน่อยนั้น เราเห็นเทวดาถือดาบที่ลุกเป็นไฟสว่างจ้าในมือซ้าย ไฟนั้นพลุ่งออกมาราวกับจะเผาผลาญโลกให้เป็นจุล แต่ไฟนั้นก็มอดดับลงเมื่อสัมผัสกับแสงเรืองรองที่แผ่ออกมาจากพระหัตถ์ขวาของแม่พระตรงไปที่เทวดานั้น เทวดาได้ร้องด้วยเสียงดังว่า " จงใช้โทษบาป จงใช้โทษบาป จงใช้โทษบาป"


และเราเห็นแสงสว่างอันยิ่งใหญ่นั่นคือพระเป็นเจ้า ..เป็นบางอย่างที่คล้ายกับภาพสะท้อนในกระจกเมื่อคนนั้นเดินผ่าน เราเห็นพระสังฆราชในชุดสีขาว และเรามีความรู้สึกว่านั่นเป็นพระสันตะบิดา พระสังฆราช พระสงฆ์ นักบวชชายหญิง กำลังเดินขึ้นไปยังภูเขาสูง ที่บนยอดมีกางเขนใหญ่ปักอยู่กางเขนนี้มีลำต้นเหมือนต้นไม้ก๊อกเปลือกหนา ก่อนที่จะถึงยอดภูเขานั้น พระสันตะบิดาได้เสด็จผ่านเมืองใหญ่ที่ครึ่งหนึ่งถูกทำลายย่อยยับและอีกครึ่งหนึ่งกำลังสั่นสะเทือน ด้วยความปวดร้าวและเศร้าใจ พระองค์ทรงภาวนาเพื่อดวงวิญญาณของบรรดาซากศพเหล่านั้นที่พระองค์เห็นในระหว่างทาง เมื่อมาถึงยอดภูเขา พระองค์ทรงคุกเข่าลงต่อหน้าไม้กางเขนใหญ่ พระองค์ถูกฆ่าโดยกลุ่มทหารสาดกระสุนและธนูมายังพระองค์ และในลักษณะเดียวกัน บรรดาพระสังฆราชและพระสงฆ์ นักบวชชายหญิงและบรรดาฆราวาสในฐานะต่างๆมากมายก็สิ้นชีวิตด้วย

"เบื้องล่างของไม้กางเขนทั้งสองด้าน มีเทวดาสององค์ แต่ละองค์ถือภาชนะอยู่ในมือเอาไว้เก็บรวบรวมเลือดของบรรดามรณสักขีและใช้เลือดนั้นพรมบรรดาวิญญาณที่กำลังเดินทางไปหาพระเจ้า"

(แปลจาก Inside The Vatican Magazine; January 2001)
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 2:41 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 2:27 am

จำได้ว่าเมื่อตอนอยู่ประเทศเกาหลี มีพลมารีหลายคนถามผมเรื่องความลับฟาติมาว่าเป็นมาอย่างไร ผมก็ได้แต่บอกว่าไม่ต้องกลัวว่าโลกจะแตก และไม่ต้องไปขายบ้านเพื่อเอาเงินไปรวมกันเตรียมตัวตายอย่างที่เป็นข่าวในช่วงนั้นที่มีลัทธิโลกแตกหลายกลุ่มพากันเตรียมตัวตาย และพอดีช่วงนั้นมีข่าวในทีวีว่าหัวหน้าลัทธิโลกแตกพาครอบครัวเผาตัวเองตายในรถตู้เพราะสาเหตุที่เชื่อว่าวาระสุดท้ายของโลกมาถึงแล้ว ช่วงนั้นเป็นต้นปี 1999 บวกกับข่าวลือว่าคอมพิวเตอร์จะมีปัญหาทำให้เป็นชวนสงครามครั้งใหม่อย่างที่ทราบกัน ผมไม่มีข้อมูลเรื่องความลับของฟาติมาและส่วนตัวเองก็ไม่เชื่อว่าโลกจะดับด้วย ก็ได้แต่บอกว่าไปว่า แม่พระบอกให้กลับใจ สวดภาวนาใช้โทษบาป ก็ทำตามก็แล้วกัน

เดือนที่แล้วผมบังเอิญพบเนื้อหาของความลับฟาติมาในนิตยสาร Inside The Vatican พอดี อ่านเสร็จนึกสนุกก็เลยแปลออกมาแบ่งปันคนที่สนใจ แปลเสร็จ บรรณาธิการติดต่อขอเรื่องพอดี เลยเพิ่มเติมความเห็นของตัวเองเข้าไป โดยรู้ทั้งรู้ว่าอาจเป็นการเอามือไปซุกหีบ อาจโดนเสียงสะท้อนทั้งคนที่รักแม่พระและต่อต้านแม่พระ อย่างไรก็ตามผมขอออกตัวก่อนนะครับว่า ความเห็นของผมเป็นเพียงความคิดส่วนตัวเท่านั้นและคงไม่มีน้ำหนักพอที่ใครจะเอาไปอ้างเพื่อการโต้แย้งใดๆทั้งสิ้น คือผมเพียงแต่คิดดังหน่อยเท่านั้นเอง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 2:28 am

รูปภาพ


เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์
1914 เริ่มสงครามโลกครั้งที่หนึ่งส่วนใหญ่จะเป็นในยุโรป ประเทศไทยก็ส่งทหารไปร่วมรบด้วย
1917 เกิดปฏิวัติในรัสเซีย ลัทธิคอมมิวนิสต์เริ่มขยายไปทั่วโลก
1917 แม่พระประจักษ์แก่เด็กสามคนคือ ลูเชีย ฟรังชิสโกและยาชินทา ที่โคดาวาอิเรีย-ฟาติมา ปอร์ตุเกส ในวันที่ 13 พฤษภาคม และในวันเดียวกันของเดือนมิถุนายน กรกฏาคม เว้นเดือนสิงหาคมเพราะบรรดาเด็กๆถูกกักไมให้ไปหาแม่พระ เดือนกันยายนและเดือนตุลาคม น่าสังเกตว่าเดือนกรกฏาคมเป็นเดือนที่เด็กๆได้เห็นนิมิตและได้ทราบความลับที่เรียกว่า ข่าวสารจากแม่ พระหรือความลับแห่งฟาติมา
1922 เริ่มสมัยพระสันตะปาปาปีโอที่ 11
1927 แม่พระอนุญาตให้ลูเชียเปิดเผยความลับสองประการแรกเท่านั้น
1938 เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Aurora Borealis หรือแสงเหนือแสงใต้ทั่วท้องฟ้ายุโรปในคืนวันที่ 24-25 มกราคม 1938 ก่อนที่กองทัพ เยอรมันจะบุกออสเตรียและเริ่มชนวนสงครามโลก
1939 เริ่มสมัยการปกครองของพระสันตะปาปาปีโอที่ 12
1939 สงครามโลกครั้งที่สองแผ่ไปทั่วยุโรปและทั่วโลกในเวลาต่อมา
1941 ซิสเตอร์ลูเชียได้รับอนุญาตให้เผยความลับประการที่สามให้แด่พระสันตะปาปาเท่านั้น
1941 วันที่ 17 ธันวาคม ญี่ปุ่นถล่มเพิร์ลฮาเบอร์ของสหรัฐอเมริกาทำให้เกิดสงครามโลกขยายมาทางแปซิฟิกและอเมริกาเข้าร่วมรบเต็มตัวทั้ง ในยุโรปและอาเซีย ชาวยิวฆ่าตายมากมายในยุโรป
1944 เดือนมกราคม ซิสเตอร์ลูเชียได้เขียนเล่าความลับประการที่สามและถวายแด่พระสันตะปาปา
1945 ทิ้งระเบิดปรมณูที่ ฮิโรชิมาและนางาซากิ ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม ฮิตเลอร์ผู้นำเยอรมันฆ่าตัวตาย สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง
1958 เริ่มสมัยการปกครองของพระสันตะปาปายอห์นที่ 23
1963 เริ่มสมัยการปกครองของพระสันตะปาปา เปาโลที่ 6
1978 สมัยการปกครองของพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 1 ตามด้วยพระสันตะปาปายอห์นพอลที่ 2
1981 สมเด็จพระสันตะปาปายอห์นพอลที่2 ถูกลอบปลงพระชนม์ที่วาติกันโดย อาลี อัคบา วันที่ 13 พฤษภาคม
1984 พระสันตะปาปายอห์นพอลที่สอง ถวายรัสเซียแด่ดวงหฤทัยนิรมลของแม่พระ
1999 ความลับฟาติมาถูกเปิดเผยแก่สาธารณะชนที่ฟาติมาหลังจากถือเป็นความลับมานาน 83 ปี
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 3:02 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 2:29 am

ข้อสังเกตในทางประวัติศาสตร์

ถ้าจะถามว่าความลับฟาติมาเป็นการทำนายอนาคตหรือไม่ ก็คงบอกได้ว่าไม่ใช่การทำนาย แต่เป็นการเห็นนิมิตสิ่งที่จะเกิดและนิมิตนั้นใช้ภาษาอธิบายค่อนข้างชัดเจน ต่อไปนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้น จริง ในประวัติศาสตร์

รูปภาพ

หนึ่ง... สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง จบสิ้นลงจริงๆ หนึ่งปีหลังจากแม่พระบอก

สอง... แม่พระกล่าวถึงรัสเซียว่าจะเป็นผู้แพร่อุดมการณ์คอมมิวนิสต์และเป็นภัยแก่โลก ในตอนนั้นใครก็ไม่คิดว่าโลกจะผันแปรเพราะเหตุการณ์ปฏิวัติในรัสเซียซึ่งเป็นจุดเล็กๆจุดหนึ่งในประวัติศาสตร์เท่านั้นจะกลายมาเป็นต้นตอของลัทธิร้ายที่ปกคลุมโลกหลังจากสิ้นสงครามโลกครั้งที่สองกลายเป็นสงครามเย็นที่มีอิทธิพลต่อโลกนานสี่สิบห้าปี และเราเห็นอิทธิพลของคอมมิวนิสต์ในอาเซียด้วย จากจุดนี้ รัสเซียคือชาติที่น่ากลัวและเป็นภัยสำหรับชาวโลก ในอนาคต และก็เป็นจริง

สาม... แม่พระกล่าวถึงพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 ตอนนั้นพระองค์ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งแต่ภายหลังพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 ก็เป็นจริงและสงครามโลกครั้งที่หนึ่งสิ้นสุดในสมัยของพระองค์จริงเช่นกัน

สี่... เกิดสงครามโลกครั้งใหม่ที่ร้ายแรงกว่าครั้งแรกจริง นั่นคือสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มที่ยุโรปในกลางปี 1938 เมื่อฮิตเลอร์สั่งให้กองทัพบุกออสเตรีย เหตุการณ์นี้เริ่มหลังจากมีเครื่องหมายบนท้องฟ้าคือแสงเหนือแสงใต้ทั่วยุโรปในปลายเดือนมกราคม จริงตามที่แม่พระบอก

ห้า... แม่พระขอให้ถวายรัสเซียแก่ดวงพระทัยนิรมลของพระนาง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีพระสันตะปาปาองค์ใดใส่ใจเรื่องการถวายนี้เท่าไหร่ มาจนถึงปี 1984 พระสันตะปาปายอห์นพอลที่สอง ได้ถวายรัสเซียแด่ดวงหทัยนิรมลของแม่พระอย่างเป็นทางการ และห้าปีให้หลังรัสเซียก็ล่มสลายโดยมีการพังทลายของกำแพงเบอร์ลินในปี 1989 เป็นแครื่องหมาย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงดังที่เราทราบกันดี
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 3:01 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 2:30 am

เชื่อ ไม่เชื่อ เฉยๆ

หลังจากที่เวลาผ่านไป ความตื่นเต้นต่อเสียงเรียกร้องของแม่พระก็ค่อยๆจืดจางไป มีคนที่เชื่อในคำขอร้องของแม่พระอยู่มาก เช่น เกิดคณะพลมารี เกิดคณะนักบวชในชื่อคณะฟาติมา เกิดความศรัทธาต่อแม่พระและตั้งเป็นกองทัพสีฟ้า รูปแม่พระฟาติมากลายเป็นที่ศรัทธาของคริสตชนมากมาย สายประคำได้รับการฟื้นฟูและสวดภาวนามากขึ้นเป็นภาษาต่างๆทั่วโลก ฟาติมาจากหมู่บ้านเล็กๆในปอร์ตุเกสก็กลายเป็นที่แสวงบุญและธรรมจาริกของคนทั่วโลก

ส่วนคนที่ไม่เชื่อล่ะ... คนพวกนี้มีหลายกลุ่มหัวเราะเยาะและถือว่าเป็นเรื่องตลกระดับโลก หลายคนให้ความตื่นเต้นกับคำทำนายของนอสตราดามุส ตามแผงหนังสือมากกว่าสิ่งที่แม่พระบอกแก่ซิสเตอร์ลูเชียในนิมิต และคนบาปก็ยังทำบาปต่อไป


รูปภาพ

พระสงฆ์นักบวชล่ะ ส่วนใหญ่จะเฉยๆ (ตามสไตล์เดิม..)เป็นต้นนักเทววิทยาที่เดินตามสายเหตุผลเป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้คัดค้าน ขณะเดียวกันก็ไม่ได้กระตือรือร้นอะไร เพราะสิ่งที่เขาสนใจคือ ความคิดใหม่ๆที่สร้างความฮือฮาในสังคมของนักคิดเท่านั้น พวกนี้ไม่สนใจอะไรมากไปกว่า ข่าว...(รวมทั้งผมเองด้วยแม้ผมจะไม่ใช่นักเทววิทยาก็ตาม) ความคิดใหม่ๆคือสิ่งที่มีค่าสำหรับพวกเขามากกว่าสิ่งใด ถามว่าทำไมพวกพระสงฆ์นักบวชจึงค่อนข้างจะเฉยๆมากกว่า ผมคิดว่าเนื่องจากภาษาของซิสเตอร์ลูเชียที่บรรยายภาพนิมิตนั้นและตัวนิมิตที่ท่านเห็นนั้นก็มีความคลุมเครือ ข้อเรียกร้องของแม่พระที่ให้ถวายรัสเซียแด่ดวงหทัยนิรมลของพระนางเพื่อรัสเซียจะกลับใจนั้น สำหรับนักเทววิทยาและนักคิดแล้วดูมันตื้นเกินไปว่า ปัญหาที่รัสเซียกำลังทำกับโลกในขณะนั้นมันใหญ่หลวง วิธีแก้เพียงถวายรัสเซียแด่ดวงหทัยของพระนางเท่านั้นเอง มันง่ายเกินไปที่จะเชื่อ เพราะเหตุนี้เองจึงไม่น่าแปลกที่ พระสันตะปาปายอห์นที่ 23 ทรงอ่านจดหมายแล้วก็เก็บไว้ พระสันตะปาปาพอลที่ 6 ก็เช่นกัน มาถึงสมัยของพระสันตะปาปายอห์นพอลที่ 2 เมื่อได้ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพระองค์แล้ว พระองค์ถึงเชื่อมั่นว่ามีอะไรที่เป็นความจริงซ่อนอยู่ในนิมิตนั้นและส่วนตัวของพระองค์เองตรัสที่ฟาติมาว่า...พระนางช่วยชีวิตพ่อไว้... คือพระองค์เชื่อว่าแม่พระช่วยป้องกันไม่ให้กระสุนปืนของอักกานั้นเอาชีวิตของพระองค์ได้

จุดนี้หลายคนเมื่อได้อ่านความลับภาคที่สามแล้วก็ยังตีความแย้งกับพระสันตะปาปาก็มีเช่น คำว่า พระสังฆราชในชุดสีขาวนั้น น่าจะหมายถึงคนอื่นได้ เช่น พระสังฆราช โรเมโร ที่ถูกฆาตกรรม ด้วยกระสุนปืน หรือพระคาร์ดินัลแห่งอเมริกาใต้ที่ถูกฆาตกรรมด้วยห่ากระสุนปืนที่สนามบินเช่นกัน เพราะฉะนั้นจะบอกว่านิมิตบอกชัดเจนว่าเป็นพระสันตะปาปานั้นไม่น่าใช่
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 3:03 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 2:34 am

สิ่งที่น่าคิดเกี่ยวกับความเชื่อคาทอลิก

รูปภาพ

หนึ่ง... เรื่องแม่พระ

คาทอลิกเชื่อมั่นว่าแม่พระยังคงช่วยงานของพระเป็นเจ้าและงานไถ่ของพระบุตรอยู่เสมอในมิติแห่งสวรรค์ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์โลกเรา สะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนว่า ความศรัทธาที่เรามีต่อแม่พระนั้นไม่ใช่สิ่งเหลวไหล มีความจริงแฝงอยู่แน่นอน เป็นเพียงความจริงที่เราเข้าใจไม่ครบ หรือความจริงที่เราเองก็ไม่อยากจะเข้าใจด้วยซ้ำไปเพราะความจริงนั้นเรียกร้องให้เราออกแรงตอบสนอง แม่พระเป็นบุคคลจริงในอดีตสองพันปีก่อน และแม่พระยังมีชีวิตอีกแบบและยังห่วงใยมนุษย์เราอยู่ตลอดเวลา สมกับความเป็นแม่ผู้บริสุทธิ์ทั้งกายและวิญญาณ

สอง... เรื่องนรก สวรรค์ วิญญาณ

แม่พระได้ให้เด็กทั้งสามเห็นภาพนรก ลูเชียได้อธิบายด้วยภาษาซื่อว่าเต็มไปด้วยไฟ เห็นปีศาจรูปร่างหน้าตาน่าเกลียด เหมือนสัตว์ร้ายที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ฯลฯ คาทอลิกเราเชื่อว่า นรกสวรรค์มีจริงและวิญญาณต้องผ่านสภาพนี้ นักเทววิทยาปัจจุบันหลังจากที่อธิบายจนเหนื่อยแล้วก็ไม่เน้นเรื่องนี้อีกเท่าไหร่ แต่เน้นด้านความหมายของคำสอนมากกว่า คำจำกัดความเรื่องสวรรค์นรกก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่ชัดเจนอยู่ดี อย่างไรก็ตาม ความเชื่อเรื่องสวรรค์ นรกและวิญญาณนั้นคาทอลิกเราไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะมีคนอธิบายออกมาในลักษณะใดก็ตาม แม่พระยืนยันในนิมิตว่า นรกคือสถานที่วิญญาณน่าสงสารต้องทรมานเพราะตนได้ทำความเลวร้ายมากมายในโลก ก็สอดคล้องกับความเชื่อเดิมของเราว่านรกมีจริง เมื่อประวัติศาสตร์มีเหตุการณ์ดังที่แม่พระบอกจริง เรื่องนรกที่แม่พระให้เห็นก็น่าจะจริงมิใช่หรือ

สาม... เรื่องเทวดา

รูปภาพ

คำสอนคาทอลิกเราพูดชัดเจนว่ามีเทวดาจริง และเทวดามีหน้าที่รับใช้พระเป็นเจ้า นักบุญโทมัส อไควนัสเองยังคิดว่าเทวดาเป็นคนคอยจัดการกฎธรรมชาติให้ดำเนินไปตามที่ควรเป็น เพราะจำนวนเทวดามีเยอะ เทวดารักษาตัวของเราแต่ละคนก็นับไม่ไหวแล้ว หน้าที่ต่างๆในโลกนี้มีมากมาย บางคนเชื่อว่าแม้แต่ใบไม้ที่คลี่ออกมาได้ก็เพราะเทวดาเป็นคนทำ คนพูดคงดูการ์ตูนวอล์ทดิสนีย์มากไปหน่อย แต่นั้นคือจินตนาการของเขาเกี่ยวกับเทวดา กระนั้นก็ตามสรุปแล้วคือ เรารู้ว่าเทวดามีจริง ศาสนาอิสลามก็ยอมรับ ศาสนาพุทธก็ยอมรับเพียงแต่ภาพลักษณ์ของเทวดาจะต่างกันหน่อยเท่านั้นเอง ในนิมิตบอกว่ามีเทวดาอยู่ใต้กางเขน ถ้าแม่พระบอกว่ามีแล้วทำไมเราจะไม่เชื่อเรื่องเทวดาล่ะ และคำสอนเรื่องอารักขเทวดาของเราที่เคยสอนเด็กๆมานั้นจะไปทิ้งมันทำไมล่ะ

สี่... เรื่องอิทธิพลของการภาวนา

รูปภาพ

มีหลายคนแย้งว่าแค่สวดสายประคำกลับไปกลับมามันจะช่วยเปลี่ยนโลกได้อย่างไร สวดเป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เป็นไปบนโลก หลายคนมีท่าทีเช่นนี้ แต่อันที่จริงจากประสบการณ์ของคนเราก็รู้ว่าเมื่อถึงตาจนสวดอธิษฐานก็ดีกว่าไม่ทำ การที่แม่พระเรียกร้องให้ถวายรัสเซียแด่ดวงพระหทัยนิรมลของพระนางเพื่อว่ารัสเซียจะกลับใจนั้น เราเห็นแล้วว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในรัสเซียจริง แน่นอนมันคงมีอะไรที่แฝงอยู่ในคำเรียกร้องนั้นว่าแม่พระทำได้อย่างไร รัสเซียกลับใจหมายความว่าอย่างไร รัสเซียทุกวันนี้กลับกลายเป็นคนดีหมดแล้วไม่มีปัญหาอะไรเลยเช่นนั้นหรือ ก็คงไม่ใช่ เพราะปัญหาการเมือง ปัญหาคอรัปชั่น ปัญหาแบ่งแยกดินแดนและศาสนาก็ยังมีทั่วไปในรัสเซีย ไม่นับปัญหาปากท้องและความยากจน จะอย่างไรก็ตาม คาทอลิกเชื่อว่า คำภาวนามีความหมายและมีพลัง ภาวนาไม่เสียหายอะไรขอแต่ให้ภาวนาเถอะ ภาวนาแก้ปัญหาได้ แม้คนที่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าจะเห็นว่าเป็นเรื่องของคนโง่และงมงายก็ตาม

ห้า... เรื่องบาปและอิทธิพลต่อโลก

รูปภาพ

บาปมีอิทธิพลเกี่ยวกับความเป็นไปของโลกจริงหรือ บาปของใคร บาปอะไร เหล่านี้ล้วนเป็นคำถามที่ค้างคาใจคนเราเรื่อยมา คนเราแม้ไม่ได้ทำผิดแต่ไปชดเชยใช้โทษบาปแทนคนอื่นได้หรือ จากสิ่งที่แม่พระเรียกร้องให้เราภาวนาชดเชยบาปแล้วรัสเซียจะมีการเปลี่ยนแปลง ผมเองก็เชื่อว่าสิ่งที่คริสตชนรวมทั้งผู้ที่ไม่เป็นคริสตชนแต่ศรัทธาในแม่พระทำการชดเชยบาปอุทิศถวายเพื่อให้รัสเซียกลับใจนั้นมีอิทธิพลจริง ไม่ว่าคุณจะอธิบายด้วยเหตุผลทางวิชาการใดๆก็ตาม บาปของคนหนึ่งๆมีผลกระทบต่อสังคมแน่นอนและบาปของคนอื่นเราก็ช่วยชดเชยได้เช่นกัน เมื่อบาปชดเชยได้ บุญก็น่าจะส่งถึงกันได้ด้วยมิใช่หรือ เพราะฉะนั้นคนที่บอกว่าบุญขอกันไม่ได้นั้นน่าจะคิดใหม่
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 2:41 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 2:36 am

สิ่งที่เป็นเพียงความคิดเล่นอย่าถือจริงจัง

มาถึงโค้งสุดท้าย ผมอยากคิดดังๆ โดยตั้งคำถามที่ไม่เกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาแต่เป็นความคิดทางด้านฟิสิกส์ว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน และอนาคตคือความจริงที่ซ้อนกันอยู่ แน่นอนผมไม่ได้เป็นคนคิดคนแรกหรอก หลายคนคิดมาก่อนแล้ว แต่จากความลับฟาติมาที่มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นจริงนั้น จะนำมาอ้างความคิดเรื่องความจริงซ้อนนี้ได้หรือไม่ เช่น แม่พระรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างไร ถ้าหากความจริงนั้นไม่ได้เกิดขึ้นแล้ว เพราแม่พระอยู่นอกเวลา เราอยู่ในเวลา เช่นนั้นสิ่งที่เราเรียกว่าอนาคตนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากอดีตเพราะแม่พระเห็น นี่คือปัญหาเรื่องเวลา วันก่อนนักฟิสิกส์อังกฤษคนหนึ่งออกมาพูดเรื่องเวลาไม่มีอยู่จริง ทุกอย่างล้วนเป็นนิรันดร์ สิ่งที่เราเรียกว่าเวลาล้วนเกิดมาจากสมองของคนเราหลอกเราไปเอง และมนุษย์สร้างกฎเกณฑ์ของเวลามากำหนดชีวิตตัวมนุษย์เอง ความเป็นจริงนั้นไม่มีการเคลื่อนอะไร อดีต ปัจจุบัน อนาคตไม่ใช่ความเป็นจริง เป็นเพียงภาพลวง (อ่านแล้วก็งงใช่ไหมครับ) จากความคิดเช่นนี้ยิ่งคิดก็ยิ่งวุ่นวายแน่ และที่จริงในอดีตคนที่คิดแบบนี้ก็มีจริงๆ เช่นแนวความคิดเรื่องชตากรรม คือ คนเราถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะเป็นเช่นไร แนวความคิดเช่นนี้ทางอาเซียชอบ ทางตะวันตกโต้แย้งและไม่เห็นด้วยเป็นต้นนักบุญออกัสตินนั้นไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง ทางออกของท่านคือผลงานเรื่อง พระหรรษทานนั่นเอง อย่างไรก็ตามขอสรุปความคิดเห็นจุดนี้ว่า เมื่อแม่พระบอกอนาคตเราได้เช่นนี้ นั่นหมายความว่าอนาคตเกิดแล้ว แต่เปลี่ยนแปลงได้กระนั้นหรือ

จุดต่อมาคือคำทำนายของแม่พระเอง คำถามคือ นิมิตที่ซิสเตอร์ลูเชียเห็นนั้น สำเร็จลุล่วงไปแล้วทุกประการแล้วหรือไม่ มีอะไรที่ยังเกี่ยวกับอนาคตหลงเหลืออยู่อีกบ้างหรือไม่ นิมิตที่เห็นว่า พระสังฆราชถูกยิงล้มลงร่วมกับบรรดาพระสงฆ์นักบวช ฆราวาสมากมายนั้นสิ้นสุดลงที่พระสันตะปาปายอห์น พอลที่สองถูกลอบปลงพระชนม์ เมื่อเวลาดังกล่าวผ่านไปแล้วนั่นหมายความว่าความลับดังกล่าวหมดหน้าที่ของการเป็นความลับแล้วหรือ อันนี้เราจะตอบอย่างไร (อย่าตอบนะว่าไปถามซิสเตอร์ลูเชียเองสิ เพราะมันง่ายเกินไป)

โดยส่วนตัวของผมนั้นคิดว่า นิมิตยังคงดำเนินอยู่ในโลกปัจจุบัน ดูจากคนที่ถูกเบียดเบียนจากสาเหตุมากมายในโลก จากเรื่องศาสนา เรื่องความอยุติธรรม เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องสงครามย่อยๆ ปัญหาพื้นฐานของโลกยังไม่ได้รับการแก้ไขจริงๆ โลกยังขาดความรักอยู่เหมือนเดิม คำว่าโลกจะมีสันติที่มีแม่พระบอกนั้นไม่น่าจะเป็นสันติร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกแห่งในโลก ดูจากจำนวนคนตายในแต่ละวัน หรือจากปัญหารอบด้านของโลกปัจจุบัน ดังนั้นโอกาสที่สงครามจะเป็นเครื่องมือตัดสินว่าความคิดของฉันถูกต้องก็ยังมีความเป็นไปได้ และอนาคตสงครามก็จะเกิดในหลายรูปแบบไม่ใช่เพียงแต่เอากำลังเข้าต่อสู้กัน โลกใบนี้จะยังคงเต็มไปด้วยปัญหาต่อไปอีกนาน อันที่จริงสงครามมีเกิดขึ้นทุกขณะจิตใจตัวเรานี่เองถ้าจะมองลึกมาในตัวเรา การต่อสู้ช่วงชิงตามแรงผลักดันของอัตตาเรามีอยู่ตลอดเวลา และมันจะมีต่อไปจนกว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาครั้งที่สองตามความเชื่อเรื่องอวสานกาลของเรานั่นแหละ ดับสงครามในตัวเราได้ สงครามนอกตัวเราก็จะไม่เกิดขึ้น... ขอจบดื้อๆอย่างนี้ล่ะครับ

http://www.issara.com/article/arch/fatima.html
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nihil
~@
โพสต์: 1763
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 4:36 pm
ที่อยู่: Pax
ติดต่อ:

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 4:14 am

ชอบมากครับ อีกหนึ่งบทความดีๆที่นำมาให้อ่านใหม่ และยังน่าประทับใจมิเสื่อมคลาย
ผมติดใจตรงเรื่องนิมิตนรกมากๆเลยขนาดที่ว่าน่ากลัวขนาดจะตายได้เพราะความน่ากลัวนั้น
อ่านแบบนี้แล้วยิ่งอยากทำดีไม่อยากไปนรกเลยครับ
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

ศุกร์ มี.ค. 18, 2005 5:00 pm

ขอบคุณครับพี่ปอ
วันนี้พี่ปอใจดี มีบทความมาแบ่งปันเราหลายเรื่องแล้วนะนี่*no1
ภาพประจำตัวสมาชิก
~KaThaRoS~
โพสต์: 792
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 12:07 am
ที่อยู่: Bkk
ติดต่อ:

ศุกร์ ส.ค. 10, 2007 3:48 pm

ขอบคุณพี่ปอค่ะ  : xemo023 :แม่พระน่ารักมากมาย นุ๋รี่รักแม่พระจัง
ภาพประจำตัวสมาชิก
langfanvhin
โพสต์: 33
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ค. 31, 2007 7:46 pm

พุธ ก.ย. 05, 2007 2:27 pm

ขอร่วมภาวนา ครับ
White Server
โพสต์: 4
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 24, 2007 11:24 am
ที่อยู่: Bangkok Thailand

พุธ ก.ย. 05, 2007 9:30 pm

ดีมากๆเลยครับ จะช่วยภาวนาครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ มิ.ย. 09, 2012 5:27 pm

แม่พระรักลูกๆ ห่วงเราคนบาป แม่ขอให้สวดพลีกรรม อย่าทำเคืองน้ำพระทัยพระองค์
ในกรุงเทพฯ มีวัดแม่พระฟาติมา อยู่ที่ดินแดง มีแห่ทุกวันที่ 13 ของเดีอนเพื่อเทิดเกียรติ
แด่พระแม่ที่น่ารักยิ่งของเรา สัตบุรุตที่นี่ศรัทธามากๆ มีคนต่างศาสนามาขอพรกันมาก
น่าเป็นวัดตัวอย่าง....น้องๆที่อยู่ต่างจังหวัด ถ้ามีโอกาส ลองมาร่วมฉลองทุกวันที่13 ของเดือน
มีกิจกรรมตั้งแต่บ่าย3 โมง มีสวดสายประคำของคณะต่างๆ มีคุณพ่อ ชวลิต กิจเจริญ เป็นคนนำสวด
เสริมศรัทธาได้ดีมาก มีการแบ่งปันพระคัมภีร์ และแบ่งปันประสพการณ์ชีวิตที่ผ่านความยากลำบาก
และได้รับพระพร ให้ผ่านเหตุการณ์ต่างๆมาได้อย่างไร ของบุคคลต่างๆ มีมิสซา 19.00น
นักขับร้อง ร้องเพลงได้เยื่ยมมาก ประทับใจ หลังมิสซาก็มีแห่แม่พระ คนมาร่วมมากมาย
สภาภิบาลวัดทำหน้าที่เข้มแข็งมาก น่าชื่นชม ...พระพรหลั่งไหลมาที่นี่มากมาย...
.... :s007: :s007: ......
ตอบกลับโพส