ประสบการณ์การเข้าเงียบกับโครงการฝึกปฏิบัติจิต บ้านเซเวียร์
ประสบการณ์การเข้าเงียบกับโครงการฝึกปฏิบัติจิต "สว่างที่กลางใจ2" 7 - 10 ธันวาคม
ก็ไม่มีอะไรมากครับ...แค่อยากแบ่งปันสิ่งที่ได้จากการพบพระ...(หรอ???)
เนื่องจากเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ได้รับคำชวน (เรียกซะมากกว่า) จากพี่นัท ประธานศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาคาทอลิคแห่งประเทศไทย (บ้านเซเวียร์)
และพี่นริศ รวมถึงพ่อมหาร์โซโน (คณะเยซูอิต) ให้ไปร่วมฝึกปฏิบัติจิตด้วยกัน หรือที่เราเรียกกันว่า "เข้าเงียบ"
ตอนแรกโครงการนี้รับทั้งหมด 20 คน เพราะต้องการคนจำนวนน้อย ก็ชวนเพื่อนๆ ไปหลายคน
ทั้งคุณยศ และคุณรักษ์ รวมถึงคุณ(หนู)รี่ ....
แต่ผลสุดท้าย...ไปคนเดียวก็ได้ ชิ!
เหตุผลที่เดินทางไป ก็เพราะว่าช่วงนี้ไม่ได้พักผ่อนเลย เหมือนกับว่าเราห่างจากพระมากๆๆ
ทำอะไรไม่มีเหตุมีผล มั่วๆ บ่อยๆ เหมือนจิตใจมันแห้งๆ แล้งๆ พอได้รับคำชวนก็เลย..."ไปครับ" (ใจง่ายอีกแล้ว)
เราก็เลยได้ผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด....8 คน (จากที่ตั้งไว้ตอนแรก 20 คน) ฮ่าๆๆๆ
คือ พ่อมหาร์โซโน พี่นริศ พี่แนน(อัครสังฆมณฑล) พี่สมคิด(วัดพระหฤทัย เชียงใหม่) พี่นัท(ประธานศูนย์กลางฯ) พี่ตี้ (อดีตประธานชมรมคาทอลิค มก. และอดีตประธานศูนย์กลาง) พี่ปุ้ย (มก.) และตัวเอชเอง
และมีมาเซอร์จากคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ต เดินทางมาจากนครปฐมเพื่อมาร่วมกับเราสองท่านคือ ซ.มารี หลุยส์ (แม่พระยุคใหม่) ซ.อักเนสเซ (น่าจะคอนแวนต์ทั้งสองที่)
ขอบคุณน้ำพระทัยของพระที่ทำให้เราทั้งหลายมาเจอกันเพื่อเดินตามน้ำพระทัยของพระ
การเดินทางเริ่มขึ้นที่บ้านเซเวียร์เวลา 18.00 น. (เดินทางจริงเกือบ 2 ทุ่ม)
เราเดินทางไปแสวงหาน้ำพระทัยกันที่
บ้านพรมารี (คณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ต) วัดแม่พระแห่งเหรียญอัศจรรย์ จ.ฉะเชิงเทรา
ไปถึงแบบ....หรูมาก....ห้องนอนเดี่ยว ห้องน้ำในตัว สะอาด สะดวก สบาย อาหารอร่อย มาเซอร์แต่ละคนใจดี ยิ้มแย้ม มากๆๆๆๆ สถานที่ธรรมชาติ ชอบๆๆๆ
ก็อ่ะ...เริ่มเข้าเงียบกันคืนนั้นเลย (เราไปถึงกันประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ ได้ เดินทางโดยรถตู้ของบ้านเซเวียร์)
อาการแรก....ตัวข้าฯ จะเงียบได้จริงรึ??? ฮ่าๆๆ แต่ก็เหอะ เรามาที่นี่เพื่อแสวงหาน้ำพระทัย ส่วนเหตุผล.....ไม่ขอกล่าว ส่วนตัวๆๆ(หัวใจอีกแล้ว ฮ่าๆๆๆ)
บางคนก็มาเพราะ..อันตัวข้าเรียนจบแล้วจะบวชดีไหม....หรือบางคนก็เตรียมตัวทำงาน....บางคนก็ปัญหาส่วนตัวมากมาย อยากพักผ่อน...แต่ส่วนใหญ่จะหัวใจข้าช่างทรมาน (เหตุผลยอดนิยม)
หัวข้อที่เราเน้นๆ กันก็มี
พระเจ้าในประวัติชีวิตส่วนตัวของฉัน
คือ การถามตัวเองว่า...ในชีวิตของเรา เราได้พบพระบ้างไหม มีความหมายอะไรกับตัวเรา
แรงบันดาลใจ + จุดหมายของการเกิดมาของฉัน
หาจุดหมายในการเกิดมาของเรา และแรงบันดาลใจในชีวิตต่อไป
จิตเดิมแท้ จุดมุ่งหมายการเกิด
เชื่อว่าทุกคนมีจุดเดิมแท้ในการเกิด เช่น เกิดมาเพื่อเติมเต็ม เกิดมาเพื่อแสวงหา เกิดมาเพื่อแบ่งปัน ฯลฯ
การแยกแยะทางจิตใจ....และการวางตัวต่อสภาพจิตใจ....อันนี้สำคัญมากจะอธิบายอีกที
การแยกแยะว่าอะไรเป็นอะไร ทำลายความสับสน สอนให้เรามีเหตุและผลมากขึ้นในการดำเนินชีวิต
ภารกิจแห่งชีวิต แก่นของภารกิจ
เราทุกคนมีจุดหมาย แต่เราอาจหลงทางไปบ้าง เมื่อเราพบแก่นของมัน เราก็จะเดินตามทางมัน
การอ่านพิศเพ่งรำพึงอย่างลึกซึ้ง
การรำพึงโดยอาศัยบุคคลในพระคัมภีร์
เรื่องราวของภารกิจแห่งการร่วมเดินทางกับพระเยซู
โดยอาศัยพระเยซู เป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิต หรือใช้พระเยซูเป็นแรงบันดาลใจ
ภารกิจแห่งชีวิต "สู่ชีวิตจริง"
ดูว่าเรามีภารกิจอะไรในการเกิดมา เพื่อสรรเสริญ และตามน้ำพระทัยของพระ....แล้วถ้าอย่างนั้นชีวิตของเราล่ะ???
การพิจารณาน้ำพระทัยของพระ สู่หนทางที่มีความหมายต่อชีวิต
พิจารณาว่าอะไรมาจากน้ำพระทัยของพระ อะไรคือการหลงทาง อะไรคือทางที่พระเลือกให้เรา อะไรที่เราเดินผิดทาง
ประมาณนี้....
ส่วนมากแม้จะมีหัวข้อด้วย ...แต่เราก็เน้นวิถีแบบเยซูอิต (มันคืออะไรข้าพเจ้าก็งงๆ)
โดยการเน้นภาวนาด้วยตนเองอย่างเงียบๆ ตามคำชี้แนะของพี่นริศซึ่งทำหน้าที่เป็นจิตตาภิบาล
และพ่อมหาร์โซโน รวมถึงมาเซอร์ทั้งสอง
อาจจะอยู่คนเดียวเงียบๆ หน้าพระแท่นในวัดน้อยที่เงียบสงบ....
หรือเดินเล่นในธรรมชาติรอบๆ บ้านพรมารี นั่งคนเดียวเงียบๆ สวดสายประคำ
แต่เอชเลือกการ....อ่านหนังสือ....เช่นหนังสือประวัติพระเยซู การดำเนินชีวิตของพระองค์ ของนักบุญทั้งหลาย
หนังสือศาสนาที่ให้ข้อคิดต่างๆ
โดยสุดท้ายเราจะมาแบ่งปันสิ่งที่เราได้ให้กันและกันฟัง....
ซึ่งส่งผลให้การเข้าเงียบมีเสียงหัวเราะมาบ่อยๆ (เสียงมาเซอร์ก็ดังใช่เล่นนะ)
ต่อไปนี้คือวิธีการเพ่งจิตเมื่ออารมณ์รุนแรงง่ายๆ ที่เอามาฝากครับ
Conciousness Examination
1. เขียนความรู้สึกรุนแรงที่เกิดขึ้นในวันนี้ 1 - 2 ความรู้สึก
2. ถามตัวเองว่าความรู้สึกดังกล่าวมาจากไหน
3. ติดตามดูว่าความรู้สึกนี้นำไปสู่อะไร
4. ถ้าไปในทางของความเชื่อ ความหวัง ความรัก ก็ขอบคุณพระ....ถ้านำไปในทางตรงกันข้ามก็ขอโทษพระ
5. ขอพระคุณแห่งความรู้สึก/สติ....ขอพระเจ้าให้สามารถจะรัก จะหวัง จะเชื่อ
มีขั้นตอนหนึ่งที่ช่วยให้คนหมดหวังมีหวังได้...
คือการพบพระในทุกสิ่ง Finding God in All Things
มองอะไรก็ได้รอบๆ ตัวเรา แล้วหาความสุขในนั้น มองหาพระในอะไรก็ได้ แล้วเราจะมีสุข
ชอบประโยคที่ว่า Divine become Human, Human become Divine.
มันทำให้เรารู้สึกว่า...เอ้อ...ผู้ประเสริฐสุดลงมารับสภาพมนุษย์ ทำให้มนุษย์ประเสริฐเช่นกัน...ดังนั้น "เราเป็นตั้งมนุษย์นะ" ดูมีกำลังใจชอบกล
ที่พิมพ์มาทั้งหมด
คงจับเนื้อความกันไม่ได้นัก....เพราะก็ยังงงๆ
เอาเป็นว่าสรุปคือ
การไปเข้าเงียบ (แอบงีบบ้าง) ของเอชครั้งนี้
ไม่ได้ทำให้สงบ หรือเงียบอะไรหรอก
เพียงแต่ทำให้รู้จักใช้เหตุ ใช้ผล ให้เวลาตัวเอง มีสติไตร่ตรอง ด้วยน้ำพระทัยของพระมากขึ้น
รู้สึกว่า....อืม.....อิ่ม อิ่มทางใจน่ะครับ ว่าอย่างน้อยเราก็มีผู้เข้าร่วมเดินทาง
ขอบคุณน้ำพระทัย
*****อธิบายคำว่า "เป็นตั้งมนุษย์"
เราเป็นตั้งมนุษย์ไง
พระเจ้าสร้าง
ดูแลรักษาคุ้มครองสิ่งสร้างได้
แล้วเราเป็นตั้งมนุษย์
ทำไมจะช่วยพระทำงานของพระองค์ไม่ได้
....และมีกำลังใจที่จะทำงานของพระ
คือเราวิเศษที่สุดแล้ว
พระถึงเลือกเรามนุษย์ทั้งหลาย
ให้ทำงานของพระ
ก็ไม่มีอะไรมากครับ...แค่อยากแบ่งปันสิ่งที่ได้จากการพบพระ...(หรอ???)
เนื่องจากเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ได้รับคำชวน (เรียกซะมากกว่า) จากพี่นัท ประธานศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาคาทอลิคแห่งประเทศไทย (บ้านเซเวียร์)
และพี่นริศ รวมถึงพ่อมหาร์โซโน (คณะเยซูอิต) ให้ไปร่วมฝึกปฏิบัติจิตด้วยกัน หรือที่เราเรียกกันว่า "เข้าเงียบ"
ตอนแรกโครงการนี้รับทั้งหมด 20 คน เพราะต้องการคนจำนวนน้อย ก็ชวนเพื่อนๆ ไปหลายคน
ทั้งคุณยศ และคุณรักษ์ รวมถึงคุณ(หนู)รี่ ....
แต่ผลสุดท้าย...ไปคนเดียวก็ได้ ชิ!
เหตุผลที่เดินทางไป ก็เพราะว่าช่วงนี้ไม่ได้พักผ่อนเลย เหมือนกับว่าเราห่างจากพระมากๆๆ
ทำอะไรไม่มีเหตุมีผล มั่วๆ บ่อยๆ เหมือนจิตใจมันแห้งๆ แล้งๆ พอได้รับคำชวนก็เลย..."ไปครับ" (ใจง่ายอีกแล้ว)
เราก็เลยได้ผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด....8 คน (จากที่ตั้งไว้ตอนแรก 20 คน) ฮ่าๆๆๆ
คือ พ่อมหาร์โซโน พี่นริศ พี่แนน(อัครสังฆมณฑล) พี่สมคิด(วัดพระหฤทัย เชียงใหม่) พี่นัท(ประธานศูนย์กลางฯ) พี่ตี้ (อดีตประธานชมรมคาทอลิค มก. และอดีตประธานศูนย์กลาง) พี่ปุ้ย (มก.) และตัวเอชเอง
และมีมาเซอร์จากคณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ต เดินทางมาจากนครปฐมเพื่อมาร่วมกับเราสองท่านคือ ซ.มารี หลุยส์ (แม่พระยุคใหม่) ซ.อักเนสเซ (น่าจะคอนแวนต์ทั้งสองที่)
ขอบคุณน้ำพระทัยของพระที่ทำให้เราทั้งหลายมาเจอกันเพื่อเดินตามน้ำพระทัยของพระ
การเดินทางเริ่มขึ้นที่บ้านเซเวียร์เวลา 18.00 น. (เดินทางจริงเกือบ 2 ทุ่ม)
เราเดินทางไปแสวงหาน้ำพระทัยกันที่
บ้านพรมารี (คณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ต) วัดแม่พระแห่งเหรียญอัศจรรย์ จ.ฉะเชิงเทรา
ไปถึงแบบ....หรูมาก....ห้องนอนเดี่ยว ห้องน้ำในตัว สะอาด สะดวก สบาย อาหารอร่อย มาเซอร์แต่ละคนใจดี ยิ้มแย้ม มากๆๆๆๆ สถานที่ธรรมชาติ ชอบๆๆๆ
ก็อ่ะ...เริ่มเข้าเงียบกันคืนนั้นเลย (เราไปถึงกันประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ ได้ เดินทางโดยรถตู้ของบ้านเซเวียร์)
อาการแรก....ตัวข้าฯ จะเงียบได้จริงรึ??? ฮ่าๆๆ แต่ก็เหอะ เรามาที่นี่เพื่อแสวงหาน้ำพระทัย ส่วนเหตุผล.....ไม่ขอกล่าว ส่วนตัวๆๆ(หัวใจอีกแล้ว ฮ่าๆๆๆ)
บางคนก็มาเพราะ..อันตัวข้าเรียนจบแล้วจะบวชดีไหม....หรือบางคนก็เตรียมตัวทำงาน....บางคนก็ปัญหาส่วนตัวมากมาย อยากพักผ่อน...แต่ส่วนใหญ่จะหัวใจข้าช่างทรมาน (เหตุผลยอดนิยม)
หัวข้อที่เราเน้นๆ กันก็มี
พระเจ้าในประวัติชีวิตส่วนตัวของฉัน
คือ การถามตัวเองว่า...ในชีวิตของเรา เราได้พบพระบ้างไหม มีความหมายอะไรกับตัวเรา
แรงบันดาลใจ + จุดหมายของการเกิดมาของฉัน
หาจุดหมายในการเกิดมาของเรา และแรงบันดาลใจในชีวิตต่อไป
จิตเดิมแท้ จุดมุ่งหมายการเกิด
เชื่อว่าทุกคนมีจุดเดิมแท้ในการเกิด เช่น เกิดมาเพื่อเติมเต็ม เกิดมาเพื่อแสวงหา เกิดมาเพื่อแบ่งปัน ฯลฯ
การแยกแยะทางจิตใจ....และการวางตัวต่อสภาพจิตใจ....อันนี้สำคัญมากจะอธิบายอีกที
การแยกแยะว่าอะไรเป็นอะไร ทำลายความสับสน สอนให้เรามีเหตุและผลมากขึ้นในการดำเนินชีวิต
ภารกิจแห่งชีวิต แก่นของภารกิจ
เราทุกคนมีจุดหมาย แต่เราอาจหลงทางไปบ้าง เมื่อเราพบแก่นของมัน เราก็จะเดินตามทางมัน
การอ่านพิศเพ่งรำพึงอย่างลึกซึ้ง
การรำพึงโดยอาศัยบุคคลในพระคัมภีร์
เรื่องราวของภารกิจแห่งการร่วมเดินทางกับพระเยซู
โดยอาศัยพระเยซู เป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิต หรือใช้พระเยซูเป็นแรงบันดาลใจ
ภารกิจแห่งชีวิต "สู่ชีวิตจริง"
ดูว่าเรามีภารกิจอะไรในการเกิดมา เพื่อสรรเสริญ และตามน้ำพระทัยของพระ....แล้วถ้าอย่างนั้นชีวิตของเราล่ะ???
การพิจารณาน้ำพระทัยของพระ สู่หนทางที่มีความหมายต่อชีวิต
พิจารณาว่าอะไรมาจากน้ำพระทัยของพระ อะไรคือการหลงทาง อะไรคือทางที่พระเลือกให้เรา อะไรที่เราเดินผิดทาง
ประมาณนี้....
ส่วนมากแม้จะมีหัวข้อด้วย ...แต่เราก็เน้นวิถีแบบเยซูอิต (มันคืออะไรข้าพเจ้าก็งงๆ)
โดยการเน้นภาวนาด้วยตนเองอย่างเงียบๆ ตามคำชี้แนะของพี่นริศซึ่งทำหน้าที่เป็นจิตตาภิบาล
และพ่อมหาร์โซโน รวมถึงมาเซอร์ทั้งสอง
อาจจะอยู่คนเดียวเงียบๆ หน้าพระแท่นในวัดน้อยที่เงียบสงบ....
หรือเดินเล่นในธรรมชาติรอบๆ บ้านพรมารี นั่งคนเดียวเงียบๆ สวดสายประคำ
แต่เอชเลือกการ....อ่านหนังสือ....เช่นหนังสือประวัติพระเยซู การดำเนินชีวิตของพระองค์ ของนักบุญทั้งหลาย
หนังสือศาสนาที่ให้ข้อคิดต่างๆ
โดยสุดท้ายเราจะมาแบ่งปันสิ่งที่เราได้ให้กันและกันฟัง....
ซึ่งส่งผลให้การเข้าเงียบมีเสียงหัวเราะมาบ่อยๆ (เสียงมาเซอร์ก็ดังใช่เล่นนะ)
ต่อไปนี้คือวิธีการเพ่งจิตเมื่ออารมณ์รุนแรงง่ายๆ ที่เอามาฝากครับ
Conciousness Examination
1. เขียนความรู้สึกรุนแรงที่เกิดขึ้นในวันนี้ 1 - 2 ความรู้สึก
2. ถามตัวเองว่าความรู้สึกดังกล่าวมาจากไหน
3. ติดตามดูว่าความรู้สึกนี้นำไปสู่อะไร
4. ถ้าไปในทางของความเชื่อ ความหวัง ความรัก ก็ขอบคุณพระ....ถ้านำไปในทางตรงกันข้ามก็ขอโทษพระ
5. ขอพระคุณแห่งความรู้สึก/สติ....ขอพระเจ้าให้สามารถจะรัก จะหวัง จะเชื่อ
มีขั้นตอนหนึ่งที่ช่วยให้คนหมดหวังมีหวังได้...
คือการพบพระในทุกสิ่ง Finding God in All Things
มองอะไรก็ได้รอบๆ ตัวเรา แล้วหาความสุขในนั้น มองหาพระในอะไรก็ได้ แล้วเราจะมีสุข
ชอบประโยคที่ว่า Divine become Human, Human become Divine.
มันทำให้เรารู้สึกว่า...เอ้อ...ผู้ประเสริฐสุดลงมารับสภาพมนุษย์ ทำให้มนุษย์ประเสริฐเช่นกัน...ดังนั้น "เราเป็นตั้งมนุษย์นะ" ดูมีกำลังใจชอบกล
ที่พิมพ์มาทั้งหมด
คงจับเนื้อความกันไม่ได้นัก....เพราะก็ยังงงๆ
เอาเป็นว่าสรุปคือ
การไปเข้าเงียบ (แอบงีบบ้าง) ของเอชครั้งนี้
ไม่ได้ทำให้สงบ หรือเงียบอะไรหรอก
เพียงแต่ทำให้รู้จักใช้เหตุ ใช้ผล ให้เวลาตัวเอง มีสติไตร่ตรอง ด้วยน้ำพระทัยของพระมากขึ้น
รู้สึกว่า....อืม.....อิ่ม อิ่มทางใจน่ะครับ ว่าอย่างน้อยเราก็มีผู้เข้าร่วมเดินทาง
ขอบคุณน้ำพระทัย
*****อธิบายคำว่า "เป็นตั้งมนุษย์"
เราเป็นตั้งมนุษย์ไง
พระเจ้าสร้าง
ดูแลรักษาคุ้มครองสิ่งสร้างได้
แล้วเราเป็นตั้งมนุษย์
ทำไมจะช่วยพระทำงานของพระองค์ไม่ได้
....และมีกำลังใจที่จะทำงานของพระ
คือเราวิเศษที่สุดแล้ว
พระถึงเลือกเรามนุษย์ทั้งหลาย
ให้ทำงานของพระ
แก้ไขล่าสุดโดย Alphonse เมื่อ อังคาร ธ.ค. 11, 2007 12:08 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
มีประโยคเด็ดๆ ที่ได้จากการเข้าเงียบครั้งนี้มาฝากครับ...
ผมผิดหวัง...แต่ผมก็ยังหวัง หรือว่าจะจริงที่มีคนบอก "ตราบใดที่มีรัก ก็ย่อมมีความหวัง"
ผมไม่ได้บ้าภาพยนตร์แต่ผมก็อยากถามตัวเองเหมือนกันว่า..."แล้วผมควรจะหวังอยู่หรือเปล่า"
--วสวสฺต์
ชีวีตเราจริงหรือที่ไม่มีใครรัก?
อย่างน้อยต้องมีซักหนึ่งที่เข้าใจเราเสมอ แม้ไม่ได้เข้าข้างเรา
-- พี่นริศ จิตตาภิบาล
เหตุการณ์ที่ดีที่สุดในชีวิต?
คุณยังจำคำๆ นี้ได้หรือเปล่า หรือไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับชีวิตของคุณเลย...หรืออย่างไร!
--วสวสฺต์
ลองเอาใจสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ที่เรากำลังทำ พระเปิดโอกาสให้เราทำ เราจะพบสิ่งดีๆ มีความสุขอยู่ในนั้น
--พี่นริศ จิตตาภิบาล
แน่ใจหรือ ว่าคนรอบข้างเราเปลี่ยนไป ไม่ใช่เราเองหรอกหรือที่เปลี่ยนไป
พี่นัท ประธานศูนย์กลางฯ
ความยินดีและความหวัง ความโศกเศร้าและความวิตกกังวลของผู้คนในยุคสมัยนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของคนยากจน
หรือของคนที่ได้รับความทุกข์ทรมาน ก็คือ ความยินดี และความหวัง ความโศกเศร้า และความวิตกกังวลของผู้ที่ติดตามพระคริสต์เจ้าเช่นเดียวกัน
วาติกัน 11, GS.1
เมื่อเธอแสวงหาเราด้วยดวงใจทั้งดวง เราจะช่วยให้เธอได้พบเรา
เยเรมีย์ 29:13
สัญญาณว่ากระแสนั้นมาจากพระคือ...ความรู้สึกสงบ มีความสุข ที่ได้ทำอย่างนั้น
มาเซอร์มารี หลุยส์
มีคนมากมายที่บอกว่า รักพระทำไม เชื่อพระเจ้าแล้วได้อะไร...ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นมา มีแต่โทษด้วยซ้ำ
ผมบอกตัวเองว่า..นี่ล่ะคอยดูนะ ผมจะทำให้คนอื่นๆ ดู ว่าผมนี่ล่ะ คนที่รัก และเชื่อพระนี่ล่ะ มันจะมีชีวิตอย่างไร
เพื่อพระเกียรติของพระ
:afro:เฮียตี้ อดีตประธานชมรมคาทอลิค มก. และอดีตประธานศูนย์กลางฯ
ตอนนั้นที่มาเซอร์ตัดสินใจว่าจะบวช มาเซอร์ก็ใกล้จะเรียนจบแล้ว
ตอนนั้นไม่เคยคิดเลยว่าจะบวช รู้สึกว่าอยากทำเพื่อคนอื่น...แต่ไม่ใช่นักบวช ตอนเรียนอยู่มาเซอร์ก็สวยน้อยกว่านี้นิดนึง (ฮา)
พอดีมีการภาวนาเทเซ่ของเยาวชน...มาเซอร์ก็ภาวนานะ...ขอให้ได้สามีดีๆ สามีดีๆ สามีดีๆ สามีดีๆ สามีดีๆ ....ตลอดการภาวนา
อยู่ดีๆ มาเซอร์ก็ได้ยินเสียงแบบกึ๊ก..ว่า "เราล่ะ ยังไม่ดีพออีกหรือ"....
มาเซอร์อึ้ง และตอนนั้นเองมาเซอร์ก็ตัดสินใจว่า เราพบแล้วคนที่ดีที่สุด เพียงแต่เราไม่เคยสนใจ มาเซอร์จึงตัดสินใจเป็นเจ้าสาวของพระเจ้า
---มาเซอร์อักเนสเซ
ที่มาวันนี้ก็หวังจะได้นิสิตนักศึกษาจบใหม่
มาเข้าคณะเป็นมาเซอร์ หรือบวชเป็นพระสงฆ์มากขึ้น (เด็กๆ มองหน้ากันเลิกลั่กๆ)
-มาเซอร์มารี หลุยส์
ขอบพระคุณพระเจ้าที่ประทานช่วงเวลาดีๆ ให้แก่เรา
ผมผิดหวัง...แต่ผมก็ยังหวัง หรือว่าจะจริงที่มีคนบอก "ตราบใดที่มีรัก ก็ย่อมมีความหวัง"
ผมไม่ได้บ้าภาพยนตร์แต่ผมก็อยากถามตัวเองเหมือนกันว่า..."แล้วผมควรจะหวังอยู่หรือเปล่า"
--วสวสฺต์
ชีวีตเราจริงหรือที่ไม่มีใครรัก?
อย่างน้อยต้องมีซักหนึ่งที่เข้าใจเราเสมอ แม้ไม่ได้เข้าข้างเรา
-- พี่นริศ จิตตาภิบาล
เหตุการณ์ที่ดีที่สุดในชีวิต?
คุณยังจำคำๆ นี้ได้หรือเปล่า หรือไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับชีวิตของคุณเลย...หรืออย่างไร!
--วสวสฺต์
ลองเอาใจสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ที่เรากำลังทำ พระเปิดโอกาสให้เราทำ เราจะพบสิ่งดีๆ มีความสุขอยู่ในนั้น
--พี่นริศ จิตตาภิบาล
แน่ใจหรือ ว่าคนรอบข้างเราเปลี่ยนไป ไม่ใช่เราเองหรอกหรือที่เปลี่ยนไป
พี่นัท ประธานศูนย์กลางฯ
ความยินดีและความหวัง ความโศกเศร้าและความวิตกกังวลของผู้คนในยุคสมัยนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของคนยากจน
หรือของคนที่ได้รับความทุกข์ทรมาน ก็คือ ความยินดี และความหวัง ความโศกเศร้า และความวิตกกังวลของผู้ที่ติดตามพระคริสต์เจ้าเช่นเดียวกัน
วาติกัน 11, GS.1
เมื่อเธอแสวงหาเราด้วยดวงใจทั้งดวง เราจะช่วยให้เธอได้พบเรา
เยเรมีย์ 29:13
สัญญาณว่ากระแสนั้นมาจากพระคือ...ความรู้สึกสงบ มีความสุข ที่ได้ทำอย่างนั้น
มาเซอร์มารี หลุยส์
มีคนมากมายที่บอกว่า รักพระทำไม เชื่อพระเจ้าแล้วได้อะไร...ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นมา มีแต่โทษด้วยซ้ำ
ผมบอกตัวเองว่า..นี่ล่ะคอยดูนะ ผมจะทำให้คนอื่นๆ ดู ว่าผมนี่ล่ะ คนที่รัก และเชื่อพระนี่ล่ะ มันจะมีชีวิตอย่างไร
เพื่อพระเกียรติของพระ
:afro:เฮียตี้ อดีตประธานชมรมคาทอลิค มก. และอดีตประธานศูนย์กลางฯ
ตอนนั้นที่มาเซอร์ตัดสินใจว่าจะบวช มาเซอร์ก็ใกล้จะเรียนจบแล้ว
ตอนนั้นไม่เคยคิดเลยว่าจะบวช รู้สึกว่าอยากทำเพื่อคนอื่น...แต่ไม่ใช่นักบวช ตอนเรียนอยู่มาเซอร์ก็สวยน้อยกว่านี้นิดนึง (ฮา)
พอดีมีการภาวนาเทเซ่ของเยาวชน...มาเซอร์ก็ภาวนานะ...ขอให้ได้สามีดีๆ สามีดีๆ สามีดีๆ สามีดีๆ สามีดีๆ ....ตลอดการภาวนา
อยู่ดีๆ มาเซอร์ก็ได้ยินเสียงแบบกึ๊ก..ว่า "เราล่ะ ยังไม่ดีพออีกหรือ"....
มาเซอร์อึ้ง และตอนนั้นเองมาเซอร์ก็ตัดสินใจว่า เราพบแล้วคนที่ดีที่สุด เพียงแต่เราไม่เคยสนใจ มาเซอร์จึงตัดสินใจเป็นเจ้าสาวของพระเจ้า
---มาเซอร์อักเนสเซ
ที่มาวันนี้ก็หวังจะได้นิสิตนักศึกษาจบใหม่
มาเข้าคณะเป็นมาเซอร์ หรือบวชเป็นพระสงฆ์มากขึ้น (เด็กๆ มองหน้ากันเลิกลั่กๆ)
-มาเซอร์มารี หลุยส์
ขอบพระคุณพระเจ้าที่ประทานช่วงเวลาดีๆ ให้แก่เรา
แก้ไขล่าสุดโดย Alphonse เมื่อ อังคาร ธ.ค. 11, 2007 8:26 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~KaThaRoS~
- โพสต์: 792
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 12:07 am
- ที่อยู่: Bkk
- ติดต่อ:
เสียดายคนสวยไม่ได้ไป
เพราะติดภารกิจส่วนตัว ( )และก็ติดพี่สาวสุดเท่ห์ ต้องตามไปเชียร์พี่ที่พารากอน
คิคิ..คราวหน้าจะไปละกานนะ ขอบคุณมากๆ มีอะไรก็เรียกด้วย
ฝากบอกพ่อมหาด้วยว่า นู๋รี่คิดถึงมากๆเลยค่ะ แล้วจะแวะไปหา
เพราะติดภารกิจส่วนตัว ( )และก็ติดพี่สาวสุดเท่ห์ ต้องตามไปเชียร์พี่ที่พารากอน
คิคิ..คราวหน้าจะไปละกานนะ ขอบคุณมากๆ มีอะไรก็เรียกด้วย
ฝากบอกพ่อมหาด้วยว่า นู๋รี่คิดถึงมากๆเลยค่ะ แล้วจะแวะไปหา
ก็ดีที่แสวงหาพระเองบ้าง
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร ธ.ค. 11, 2007 7:40 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
เสียดายอยากไปมาก เดี๋ยวนี้นั่งสมาธิบ่อยมาก จิตดีขึ้นเยอะ เวลาห่างพระมากๆก็นั่งเลยแล้ว พระก็กลับมาเอง แต่บางครั้งทำบาปเยอะมากๆ พระก็ไม่มาง่ายๆต้องใช้เวลามากไปอีก
-
- โพสต์: 960
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 31, 2007 2:35 pm
อืม ถึงไงก็ไม่ได้ไปอยูดี แข่ง กีฬามาวะ เอช
พี่ว่าจับได้เยอะแล้วนะ แรกๆก็จะงงนิดนึง คือบางทีเราอาจไม่นิ่งมาก แต่ที่จับได้นี่ก็ส่วนใหญ่แล้ว ลองอ่านเพิ่มที่นี่นะคะ เผื่อเข้าใจขึ้น
http://www.jesuit.org/Spirituality/Spir ... fault.aspx
http://www.jesuit.org/Spirituality/Spir ... s/110.aspx
คือพื้นฐานคือ Spiritual Exercises มี 4 สัปดาห์ ที่เอชบอกมาเป็นเนื้อหาของ 2 สัปดาห์แรกคือ Week 1: Creation กับ Week 2: Life of Jesus ส่วนที่เหลือคือ Week 3: Passion and Death of Jesus and Week 4: Resurrection ที่ไม่ได้รวมในนี้ เพราะมันจะเยอะไป คือ Week 1: Creation ทำให้เรารู้จักตัวเองว่า เราคือใคร ส่วน Week 2: Life of Jesus ทำให้เรารู้ว่า เราจะมีชีวิตกับพระอย่างไร
Week 1: Creation
Week 2: Life of Jesus
การจะเข้าใจนั้น ควรต้องอ่านประวัติของ St. Ignatius อย่างละเอียดนิดนึง โดยเฉพาะช่วง convertion ระหว่างป่วยและที่ Manresa
ไปกันน้อยจัง ตามความเห็นพี่นะ บอกตรงๆว่า ที่เยซูอิตไม่ค่อยแพร่หลายในไทยเพราะภาพลักษณ์ คนไปมองว่า เป็นภาวนาที่ยากและลึกซึ้ง เป็นสุดยอดแห่งการภาวนา ยากจะเข้าถึง ที่จริงมันไม่ใช่ พี่มองว่า มันคือ ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า และเปิดกว้างด้วย ที่เอชบอกไงว่า Finding God in all things. อันนี้คือความเปิดกว้างล่ะ
อยากให้จัดบ่อยๆ และไปกันเยอะๆ และก็อย่าคิดว่า "ยาก" ง่ายแค่ไหนแล้วที่ไม่ต้องมาเผากิเลสให้มอดไหม้อ่ะ ไม่ต้องตัดใจ ไม่ต้องดับความปรารถนาในใจ เอาทุกอย่างที่มีมาภาวนา เอาทุกอย่างที่มีไปหาพระ อย่าง Examination of Consciousness ที่เอชบอก เป็นตัวอย่างของการเอา desire or strong emotion มาภาวนาใน examen prayer เพราะที่จริงที่เป็นหลักการของ examination of conscience คือ
St. Ignatius' General Examination of Conscience
1. Give thanks to God our Lord for the favors received
2. Ask for the grace to know your sins
3. Examine how you have lived this day
4. Ask forgiveness for any faults
5. Resolve to amend with the grace of God
http://www.jesuit.org/Spirituality/Dail ... fault.aspx
(ซึ่งเป็นแค่ guideline นะคะ) แต่ส่วนใหญ่ เค้าจะแนะนำให้เราเอา desires or strong emotions เรามาภาวนาใน examen prayer ซึ่งจะค่อนข้างได้ผลมาก
http://www.jesuit.org/Spirituality/Spir ... fault.aspx
http://www.jesuit.org/Spirituality/Spir ... s/110.aspx
คือพื้นฐานคือ Spiritual Exercises มี 4 สัปดาห์ ที่เอชบอกมาเป็นเนื้อหาของ 2 สัปดาห์แรกคือ Week 1: Creation กับ Week 2: Life of Jesus ส่วนที่เหลือคือ Week 3: Passion and Death of Jesus and Week 4: Resurrection ที่ไม่ได้รวมในนี้ เพราะมันจะเยอะไป คือ Week 1: Creation ทำให้เรารู้จักตัวเองว่า เราคือใคร ส่วน Week 2: Life of Jesus ทำให้เรารู้ว่า เราจะมีชีวิตกับพระอย่างไร
Week 1: Creation
พระเจ้าในประวัติชีวิตส่วนตัวของฉัน
คือ การถามตัวเองว่า...ในชีวิตของเรา เราได้พบพระบ้างไหม มีความหมายอะไรกับตัวเรา
แรงบันดาลใจ + จุดหมายของการเกิดมาของฉัน
หาจุดหมายในการเกิดมาของเรา และแรงบันดาลใจในชีวิตต่อไป
จิตเดิมแท้ จุดมุ่งหมายการเกิด
เชื่อว่าทุกคนมีจุดเดิมแท้ในการเกิด เช่น เกิดมาเพื่อเติมเต็ม เกิดมาเพื่อแสวงหา เกิดมาเพื่อแบ่งปัน ฯลฯ
Consolation & Desolation อันนี้สำคัญมากจริงๆ (เป็นพื้นฐานของ Discernment and Spiritual Direction และเป็นเป็นตัวนึงที่ ต้องให้ spiritual director ช่วยด้วย) จะเข้าใจยิ่งขึ้นถ้าอ่านประวัติ Consolation & Desolation เป็น jargon (ศัพท์เฉพาะ) ไม่ใช่แปลตรงๆนะคะ ต้องอธิบายยาว เดี๋ยวรอเอชมาเล่าการแยกแยะทางจิตใจ....และการวางตัวต่อสภาพจิตใจ....อันนี้สำคัญมากจะอธิบายอีกที
การแยกแยะว่าอะไรเป็นอะไร ทำลายความสับสน สอนให้เรามีเหตุและผลมากขึ้นในการดำเนินชีวิต
Week 2: Life of Jesus
ภารกิจแห่งชีวิต แก่นของภารกิจ
เราทุกคนมีจุดหมาย แต่เราอาจหลงทางไปบ้าง เมื่อเราพบแก่นของมัน เราก็จะเดินตามทางมัน
การอ่านพิศเพ่งรำพึงอย่างลึกซึ้ง
การรำพึงโดยอาศัยบุคคลในพระคัมภีร์
เรื่องราวของภารกิจแห่งการร่วมเดินทางกับพระเยซู
โดยอาศัยพระเยซู เป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิต หรือใช้พระเยซูเป็นแรงบันดาลใจ
ภารกิจแห่งชีวิต "สู่ชีวิตจริง"
ดูว่าเรามีภารกิจอะไรในการเกิดมา เพื่อสรรเสริญ และตามน้ำพระทัยของพระ....แล้วถ้าอย่างนั้นชีวิตของเราล่ะ???
การพิจารณาน้ำพระทัยของพระ สู่หนทางที่มีความหมายต่อชีวิต
พิจารณาว่าอะไรมาจากน้ำพระทัยของพระ อะไรคือการหลงทาง อะไรคือทางที่พระเลือกให้เรา อะไรที่เราเดินผิดทาง
ประมาณนี้....
การจะเข้าใจนั้น ควรต้องอ่านประวัติของ St. Ignatius อย่างละเอียดนิดนึง โดยเฉพาะช่วง convertion ระหว่างป่วยและที่ Manresa
พี่เรียกว่า Examination of Consciousness หรือ Examen Prayer อันนี้ดีมาก และที่จริงสำหรับคนที่จะเริ่มไปเข้าเงียบแบบเยซูอิต ควรเริ่มตรงนี้ก่อน (ง่ายและได้ผลมากๆ)ต่อไปนี้คือวิธีการเพ่งจิตเมื่ออารมณ์รุนแรงง่ายๆ ที่เอามาฝากครับ
Conciousness Examination
1. เขียนความรู้สึกรุนแรงที่เกิดขึ้นในวันนี้ 1 - 2 ความรู้สึก
2. ถามตัวเองว่าความรู้สึกดังกล่าวมาจากไหน
3. ติดตามดูว่าความรู้สึกนี้นำไปสู่อะไร
4. ถ้าไปในทางของความเชื่อ ความหวัง ความรัก ก็ขอบคุณพระ....ถ้านำไปในทางตรงกันข้ามก็ขอโทษพระ
5. ขอพระคุณแห่งความรู้สึก/สติ....ขอพระเจ้าให้สามารถจะรัก จะหวัง จะเชื่อ
ไปกันน้อยจัง ตามความเห็นพี่นะ บอกตรงๆว่า ที่เยซูอิตไม่ค่อยแพร่หลายในไทยเพราะภาพลักษณ์ คนไปมองว่า เป็นภาวนาที่ยากและลึกซึ้ง เป็นสุดยอดแห่งการภาวนา ยากจะเข้าถึง ที่จริงมันไม่ใช่ พี่มองว่า มันคือ ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า และเปิดกว้างด้วย ที่เอชบอกไงว่า Finding God in all things. อันนี้คือความเปิดกว้างล่ะ
อยากให้จัดบ่อยๆ และไปกันเยอะๆ และก็อย่าคิดว่า "ยาก" ง่ายแค่ไหนแล้วที่ไม่ต้องมาเผากิเลสให้มอดไหม้อ่ะ ไม่ต้องตัดใจ ไม่ต้องดับความปรารถนาในใจ เอาทุกอย่างที่มีมาภาวนา เอาทุกอย่างที่มีไปหาพระ อย่าง Examination of Consciousness ที่เอชบอก เป็นตัวอย่างของการเอา desire or strong emotion มาภาวนาใน examen prayer เพราะที่จริงที่เป็นหลักการของ examination of conscience คือ
St. Ignatius' General Examination of Conscience
1. Give thanks to God our Lord for the favors received
2. Ask for the grace to know your sins
3. Examine how you have lived this day
4. Ask forgiveness for any faults
5. Resolve to amend with the grace of God
http://www.jesuit.org/Spirituality/Dail ... fault.aspx
(ซึ่งเป็นแค่ guideline นะคะ) แต่ส่วนใหญ่ เค้าจะแนะนำให้เราเอา desires or strong emotions เรามาภาวนาใน examen prayer ซึ่งจะค่อนข้างได้ผลมาก
sharing เป็นส่วนสำคัญอันนึงใน Ignatian spirituality นอกจากจะเป็นการผ่อนคลายจากการเงียบหรือการภาวนาแล้ว (โดยเฉพาะ Week 1 ที่เราจะเจอตัวเอง เจอบาปตัวเอง) เพื่อนวิญญาณหรือ spiritual companion สำคัญมากพอๆกับ spiritual director เพราะพระสร้างเรามา และให้คนรอบข้างเรามาเป็นของขวัญเรา มาสัมผัสใจเรา มาหนุนเรา มาแบ่งปันกับเรา เวลาไปแก้บาปกับพ่อเยซูอิต บางครั้ง ถ้าเค้าไม่แน่ใจว่า จะแนะเรายังไง เค้าจะให้เราดูคนรอบข้าง พ่อบอกเวลาเราตกในบาป พระจะส่งคนมาดึงเราขึ้นเสมอ บางทีเค้าอยู่ห่างๆ เพื่อเป็นตัวอย่างให้เรา บางทีเค้ามาสัมผัสใจเราโดยสุดท้ายเราจะมาแบ่งปันสิ่งที่เราได้ให้กันและกันฟัง....
ซึ่งส่งผลให้การเข้าเงียบมีเสียงหัวเราะมาบ่อยๆ (เสียงมาเซอร์ก็ดังใช่เล่นนะ)
ฮะ...น้อยมากๆ แบบอาหารที่มาเซอร์เตรียมไว้ต้อนรับเหลือทุกมื้อ...คุณพ่อมองด้วยสายตา..."หนูๆ กินให้หมดนะเสียดาย"Buddy เขียน:
ไปกันน้อยจัง ตามความเห็นพี่นะ บอกตรงๆว่า ที่เยซูอิตไม่ค่อยแพร่หลายในไทยเพราะภาพลักษณ์ คนไปมองว่า เป็นภาวนาที่ยากและลึกซึ้ง เป็นสุดยอดแห่งการภาวนา ยากจะเข้าถึง ที่จริงมันไม่ใช่ พี่มองว่า มันคือ ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า และเปิดกว้างด้วย ที่เอชบอกไงว่า Finding God in all things. อันนี้คือความเปิดกว้างล่ะ ::001::
อยากให้จัดบ่อยๆ และไปกันเยอะๆ และก็อย่าคิดว่า "ยาก" ง่ายแค่ไหนแล้วที่ไม่ต้องมาเผากิเลสให้มอดไหม้อ่ะ ไม่ต้องตัดใจ ไม่ต้องดับความปรารถนาในใจ เอาทุกอย่างที่มีมาภาวนา เอาทุกอย่างที่มีไปหาพระ อย่าง Examination of Consciousness ที่เอชบอก เป็นตัวอย่างของการเอา desire or strong emotion มาภาวนาใน examen prayer เพราะที่จริงที่เป็นหลักการของ examination of conscience คือ
ฮ่าๆๆ
ก็เลยคิดว่าถ้ามีโอกาส จะพยายามจัดอย่างนี้ขึ้นมาอีก แล้วชวนเยาวชนไปเยอะๆ คาดว่าภายในเทอมนี้ล่ะครับ
แต่ก็ต้องหาวันหยุดที่สามารถไปกันได้...เอชอยากให้ใช้เวลามากกว่านี้คือเป็นซัก 5 วัน
เพราะพ่อมหาร์บอกว่าความจริงการเข้าเงียบแบบเยซูอิตต้องใช้เวลา 30 วัน (ที่พี่บอกว่า 4 สัปดาห์กระมัง)
ก็ว่าจะชวนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในชมรมที่มหาวิทยาลัยจัดไปกัน แล้วชวนคนต่างความเชื่อ และต่างมหาวิทยาลัยได้ด้วย
มันได้อะไรเยอะนะฮะ
มันไม่ใช่เข้าเงียบ...ในความรู้สึกของเอชนะฮะมันไม่ใช่เข้าเงียบซะทีเดียว
คือ ส่วนใหญ่เยาวชนไม่อยากไปเพราะมันคือ "เข้าเงียบ" กลัวว่ามันยากเกินไป
(ความจริงมันก็ยากล่ะ...แต่มันก็พอไหวนะ)
มันเป็นการอยู่กับตัวเอง อยู่กับพระมากกว่า คือเรามีเพื่อนคุยกับเราเสมอ
คุยกับตัวเอง คุยกับบุคคลในพระคัมภีร์ คุยกับตัวหนังสือที่อ่าน คุยกับพระ
(ออกอาการบ้านิดๆ)
แต่เอชก็รอดชีวิตจากการเหงาปากได้ ด้วยการคุยกับสิ่งเหล่านี้ล่ะ
แล้วมันยังได้อะไรจากการคุย "บ้าง" ด้วยนะ
ที่บ้าง เพราะสติเอชหลุดบ่อยๆ ฮ่าๆๆ โดยเฉพาะเวลาน้องหมาของมาเซอร์วิ่งผ่าน
จากอาการนิ่งๆ จะเป็นการพยายามวิ่งจับน้องหมาสุดชีวิต (สงสารน้องหมาวิ่งหนีสุดชีวิตเหมือนกัน)
มีการพลีกรรมนิดๆ ด้วยการไปนั่งสวดภาวนาร่วมกับมาเซอร์ เช้าครึ่งชั่วโมง เย็นครึ่งชั่วโมง
ที่เรียกว่าพลีกรรมเพราะมันทรมานมากๆ กับการนั่งเฉยๆ ครึ่งชั่วโมง...เหอๆ
แต่มันเป็นการกระทำนอกโปรแกรม แต่ทำแล้วมันแบบ....อืม สติมา ฮ่าๆๆๆ
แต่มันจะหลุดช่วงอีก 5 นาทีจะหมด..แบบดีใจๆๆๆ อะไรประมาณนั้น :undecided:
ขอบคุณพี่บัดดี้ครับ สำหรับความรู้แบบละเอียด (สำหรับเอชมันละเอียดนะ)
แล้วจะพยายามเค้นออกมาเขียนสู่กันฟัง และจะหาโอกาสไปอีก อิอิ
ขอบคุณน้ำพระทัยของพระองค์
ต่างความเชื่อไปได้นะจ้ะ คุณพ่อเค้าจะจัดได้ คือแทนที่พ่อจะให้เค้าภาวนาจากพระคัมภีร์ ก็ภาวนาจากกลอนหรือภาพหรือบทเพลง หรือจากธรรมชาติเช่นสายน้ำไหลอะไรก็ว่าไป พ่อเค้าจะมีวิธีบอก เพราะเรา Finding God in all things.. อยู่แล้วnecromancer เขียน:
ก็ว่าจะชวนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในชมรมที่มหาวิทยาลัยจัดไปกัน แล้วชวนคนต่างความเชื่อ และต่างมหาวิทยาลัยได้ด้วย
พี่ดีใจนะที่เห็นคนสนใจ อย่าลืมมาเล่า consolation & desolation นะคะ เพราะอย่างน้อยพี่อยากรู้เหมือนกันว่า ภาษาไทยพ่อเค้าเรียกอะไร
ไม่บ้าหรอกnecromancer เขียน: มันเป็นการอยู่กับตัวเอง อยู่กับพระมากกว่า คือเรามีเพื่อนคุยกับเราเสมอ
คุยกับตัวเอง คุยกับบุคคลในพระคัมภีร์ คุยกับตัวหนังสือที่อ่าน คุยกับพระ
(ออกอาการบ้านิดๆ)
พระวาจาของพระเจ้าเป็นพระวาจาที่มีชีวิตและบังเกิดผล
คมยิ่งกว่าดาบสองคมใด ๆ แทงทะลุเข้าไปถึงจุดที่วิญญาณและจิตใจแยกจากกัน
ถึงเส้นเอ็นและไขกระดูก วินิจฉัยความรู้สึกนึกคิดภายในใจได้
ฮีบรู4:12
ก็เริ่มปฎิบัติใหม่necromancer เขียน: แต่มันจะหลุดช่วงอีก 5 นาทีจะหมด..แบบดีใจๆๆๆ อะไรประมาณนั้น :undecided:
ล้มกี่ครั้ง ก็ลุกเท่านั้น
ทุกครั้งที่เราล้ม เราอาจจะเสียใจ
แต่ทุกครั้งที่เราลุก พระองค์ดีใจที่สุดเลยละ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร ธ.ค. 11, 2007 7:41 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
การเข้าเงียบ ที่เรารู้จัก
คือการรำพึงกับตัวเอง
การระลึกโทษผิด
และการขออภัยบาป
คือการรำพึงกับตัวเอง
การระลึกโทษผิด
และการขออภัยบาป
-
- โพสต์: 1159
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm
เมื่อไหร่มีอีก บอกด้วยเด้อ ถ้าว่างจะได้ไปด้วย งืมมมมม อยากพักมั่ง
-
- โพสต์: 626
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 26, 2007 8:07 pm
- ที่อยู่: bkk
งับ วันหลังก็ ขอเกาะไปด้วยคนดิ นะค้า
ทุกวันนี้ จะเปรียบได้กับการเข้าเงียบได้หรือเปล่าไม่รู้ เพราะวันอาทิตย์ วันหยุด วันว่าง จะขลุกอยู่กะซิสเตอร์ทั้งวัน ซิสเตอร์ทำไรทำด้วย เฮ้ออออออ ก็ดีเหมือนกัน เมื่อไหร่ชีวิตชั้นจะสะสางปัญหาเสร็จซะทีน้า อยากเข้าอรามจังง่ะ
ทุกวันนี้ จะเปรียบได้กับการเข้าเงียบได้หรือเปล่าไม่รู้ เพราะวันอาทิตย์ วันหยุด วันว่าง จะขลุกอยู่กะซิสเตอร์ทั้งวัน ซิสเตอร์ทำไรทำด้วย เฮ้ออออออ ก็ดีเหมือนกัน เมื่อไหร่ชีวิตชั้นจะสะสางปัญหาเสร็จซะทีน้า อยากเข้าอรามจังง่ะ