!! เรื่องเล่าจากวิญญาณในนรก !!

แบ่งปัน คำพยาน ประสบการณ์ชีวิตกับพระเจ้า และการอัศจรรย์ ที่พระเจ้าได้ทรงกระทำต่อชีวิตของเราแต่ละคน
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พุธ พ.ค. 04, 2005 11:14 pm

นี่เป็นเรื่องจริงเกิดขึ้นในประเทศเยอรมันประมาณ 65 ปีมาแล้ว (2002 ลบ 1937)




คลาร่าและแอนเนทรู้จักกันตั้งแต่เป็นสาวโสดคาทอลิกทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมัน ถึงแม้ว่าทั้งสองไม่ค่อยสนิทกัน ก็คบเป็นเพื่อนแลกเปลี่ยนความคิดกัน และในที่สุดก็เปิดเผยเรื่องส่วนตัวกัน ในสายตาของคนทั่วไปคลาร่าเป็นคนเคร่งศาสนา และถือเป็นหน้าที่รับผิดชอบในการตักเตือนให้คำแนะนำแก่แอนเนทเมื่อเธอประพฤติตัวไม่เรียบร้อย

เวลาผ่านไป แอนเนทแต่งงานและลาออกจากบริษัท ในปี 1937 คลาร่าไปพักร้อนที่ทะเลสาปการ์ดา ประมาณกลางเดือนกันยายนเธอได้รับจดหมายจากแม่เธอบอกว่า "แอนเนทได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชนกัน ฝังศพเมื่อวานนี้ที่วอลด์ไฟฮอฟ" คลาร่าได้ทราบข่าวด้วยความตกใจกลัวเพราะเพื่อนเธอไม่ค่อยศรัทธา ยังไม่พร้อมที่จะปรากฏตัวต่อหน้าพระเจ้า ได้สิ้นใจอย่างปัจจุบันทันด่วน แล้ววิญญาณของเธอจะรอดไหม?



วันรุ่งขึ้นคลาร่าไปวัดฟังมิสซา รับศีลมหาสนิท และสวดภาวนาอย่างเร่าร้อนอุทิศให้เพื่อนเธอ สิบนาทีหลังเที่ยงคืนได้เกิดปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ

"คลาร่า อย่าสวดให้ฉันเลย! ฉันอยู่ในนรก ถ้าฉันเล่าเรื่องนี้อย่างละเอียดให้เธอฟัง อย่าคิดว่าเพื่อมิตรภาพของเรา ในที่นี้เราไม่รักใคร ฉันเล่าเพราะโดนบังคับ ความจริงฉันอยากให้เธอมาอยู่ที่นี่กับฉันตลอดชั่วนิรันดร์"

"สิ่งที่ฉันพูดนี้อาจทำให้เธอโกรธ แต่ที่นี่เราทุกคนคิดเช่นนั้น เรายึดมั่นในความเลว ที่เธอเรียกว่า ความชั่ว แม้ว่าเราทำบางสิ่งดีงาม เหมือนที่ฉันทำในขณะนี้ เปิดหูเปิดตาเธอให้เข้าใจเรื่องนรก ไม่ใช่เพราะฉันมีความปรารถนาดีต่อเธอ"

รูปภาพ

"เธอจำได้ไหมเมื่อ 4 ปีก่อน ตอนนั้นเธอมีอายุ 23 ปีและได้ทำงานที่บริษัทครึ่งปีแล้ว ฉันพึ่งเริ่มงานและเธอช่วยสอนงานให้ฉัน ฉันก็ชมว่าเธอเป็นคนที่มีความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ที่นี่เราไม่ยอมรับความดีของใคร"

"เธอจำได้ไหมสิ่งที่ฉันได้บอกเธอเกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่นของฉัน บัดนี้ฉันกำลังใช้โทษบาปเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส"

"ตามแผนการของพ่อแม่ ฉันไม่ควรจะกำเนิดมา โชคร้ายนำฉันเข้ามาในโลก เมื่อฉันเกิดพี่สาวสองคนมีอายุ 14 และ 15 ปี"

"ถ้าฉันไม่ได้เกิดฉันก็คงจะไม่ต้องฉีกตัวเองออกเป็นชิ้นๆในขณะนี้ ฉันต้องเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส! ฉันจะมีความสุขมากทีเดียวถ้าฉันสามารถทิ้งการกำเนิดได้เหมือนเสื้อผ้าไหม้เป็นขี้เถ้ากระจายหายไปในความว่างเปล่า แต่ฉันจะต้องเป็นอยู่ต่อไปเพราะฉันได้ทำลายวิญญาณของฉันพินาศหายนะด้วยการตัดสินใจของฉันเอง"

"ในวัยหนุ่มสาวพ่อแม่ฉันได้จากบ้านนอกเข้ากรุง คบหาสมาคมกับคนนอกศาสนาและเลิกเข้าวัด เขาทั้งสองรู้จักกันที่งานเต้นรำและหลังจากคบกันเป็นเวลาหนึ่งปีครึ่งก็ต้องแต่งงานกัน"

"เนื่องจากการรับศีลสมรสพระพรของพระเจ้าในน้ำเสกสถิตอยู่กับคู่สมรส แม่ได้ไปฟังมิสซาวันอาทิตย์ปีละ 2 ครั้ง ท่านไม่เคยสอนฉันสวด เอาใจใส่แต่ชีวิตทางโลกถึงแม้ว่าฐานะครอบครัวเราอยู่ ในเกณฑ์ดี"
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ พ.ค. 04, 2005 11:23 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พุธ พ.ค. 04, 2005 11:14 pm

"การสวด การฟังมิสซา การเรียนคำสอน น้ำเสก และวัดไม่ถูกกับฉันเลย ฉันเกลียดสิ่งเหล่านี้เท่าๆกับคนที่ไปวัด โดยทั่วไปฉันเกลียดหมดทุกคนและทุกสิ่ง"

"หลายสิ่งหลายอย่างทรมานเรา ความรู้ทุกชนิดที่ได้รับในวาระสุดท้าย ความทรงจำทุกสิ่งในชีวิตเป็นดาบไฟทิ่มแทงดวงวิญญาณเรา ในความทรงจำแต่ละอัน เรามองเห็นพระหรรษทานของพระเจ้าถูกเหยียดหยามหรือไม่สนใจใยดี สิ่งนี้ช่างเจ็บปวดทรมานยิ่งนัก!!! เรากินไม่ได้ นอนไม่หลับ เดินไม่ได้ ถูกล่ามโซ่ไว้ ร้องโหยหวน และ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เรามองดูชีวิตหายนะของเราอย่างน่าหวาดกลัวสยองขวัญ เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส เธอได้ยินไหม? ณ สถานที่แห่งนี้เราดื่มด่ำในความเกลียดเหมือนดื่มน้ำ เหนือสิ่งอื่นใดเราเกลียดพระเจ้า ฉันถูกบังคับ อธิบายให้เธอเข้าใจ โดยที่ฉันไม่ได้สมัครใจ"

รูปภาพ

"ในสวรรค์นักบุญทั้งหลายรักพระเจ้าและเห็นพระพักตร์ของพระองค์ ช่างสวยงามน่ารักหาที่สุดมิได้ ฉะนั้นความสุขในสวรรค์ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ความรู้นี้ทำให้เราบ้าระห่ำโมโหฉุนเฉียว ในโลก มนุษย์รู้จักพระเจ้าโดยธรรมชาติและการเผยแสดง และรักพระองค์โดยไม่ถูกบังคับ ฉันพูดสิ่งนี้อย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน คนที่มีความเชื่อรำพึงถึงพระคริสตเจ้าบนไม้กางเขนในไม่ช้าก็จะรักพระองค์"

"แต่คนที่พระเจ้า ผู้ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม พิพากษาในชั่วโมงสุดท้ายเพื่อลงอาชญาเนื่องจากวิญญาณเขาหมดสิ้นความรอดแล้ว คนนั้นจะเกลียดพระองค์สิ้นสุดกำลังสิ้นสุดจิตใจอันชั่วร้ายของเขา พวกเราได้ตายด้วยความตั้งใจอย่างแน่วแน่แยกตัวออกจากพระเจ้า บัดนี้เธอคงเข้าใจว่าทำไมนรกจึงเป็นอยู่ตลอดกาล เพราะจิตใจของเราจะไม่มีวันเปลี่ยนเมื่อเราสิ้นใจ เราได้ตัดสินใจเลือกวิถีชีวิตของเรา ความดื้อด้านจะอยู่กับเราตลอดไป โดยบังคับฉันต้องพูดเพิ่มเติมว่า แม้กระนั้นก็ตามพระเจ้าทรงมีพระทัยเมตตาต่อเรา ฉันต้องยืนยันหลายๆสิ่ง ขัดใจฉัน เกือบสำลัก อ๊วกออกมา"

"พระเจ้าทรงเมตตาต่อเราโดยไม่ปล่อยเราตามปรารถนาทำชั่วในโลกจนถึงที่สุด ถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็จะทำผิดเพิ่มขึ้นและเจ็บปวดทรมานมากกว่านี้ พระองค์ทรงตัดชีวิตเราสั้นลง ฉะนั้นอุบัติเหตุจึงได้เกิดขึ้นกับฉัน บัดนี้พระองค์ทรงแสดงพระเมตตาต่อเราโดยให้เราอยู่ในเหวพระเพลิงห่างไกลจากพระองค์ ทุกก้าวที่เราเข้าใกล้พระองค์เราจะเจ็บปวดทรมานทวีขึ้น เหมือนอย่างที่เธอเข้าใกล้เตาไฟในโลก"

"ครั้งหนึ่งระหว่างเดินเล่นเธอตกใจเมื่อฉันพูดว่า สองสามวันก่อนรับศีลมหาสนิทครั้งแรก พ่อบอกฉันว่า "แอนเนทลูกรัก สิ่งสำคัญคือเสื้อผ้าสีขาวอันสวยงามของลูก อย่างอื่นเป็นแต่พิธีภายนอกเท่านั้น" ฉันรู้สึกละอายใจเพราะความห่วงใยของเธอ แต่บัดนี้ฉันดูหมิ่นสบประมาทศีลมหาสนิท"

"สิ่งสำคัญคือเราไม่ได้รับอนุญาตให้รับศีลจนกว่าเรามีอายุครบ 12 ปี พอถึงอายุนั้นฉันก็ได้เพลิดเพลินกับความสนุกสนานทางโลกสุดเหวี่ยง แล้วการทิ้งพระศาสนาง่ายนิดเดียวสำหรับฉัน ฉะนั้นฉันไม่เห็นความสำคัญของการรับศีลมหาสนิทครั้งแรก เราโมโหมากที่เด็กรับศีลเมื่ออายุครบ 7 ปี เราพยายามสุดความสามารถชักชวนคนให้เข้าใจว่าเด็กๆอายุขนาดนั้นยังไร้เดียงสา เขาทั้งหลายต้องรู้จักทำบาปหนักก่อน แล้วแผ่นสีขาวจะได้ไม่ทำให้โครงการของเราฉิบหาย เหมือนความเชื่อ ความวางใจ และ ความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ โอ้ สิ่งเหล่านี้! ที่ได้รับในวันรับศีลล้างบาป ยังสถิตอยู่ในดวงใจของเขาทั้งหลายอย่างมีชีวิตชีวา"

"มาร์ทาเคและเธอได้ชักชวนฉันเข้า "สมาคมสตรีวัยรุ่น" การเล่นเกมส์สนุกมากตามที่เธอทราบ ทันทีฉันสมัครเป็นสมาชิก ฉันชอบเล่นเกมส์และไปปิกนิก บางครั้งฉันก็ปล่อยตัวให้คนพาฉันไปแก้บาปรับศีล"

รูปภาพ

"ครั้งหนึ่งเธอได้เตือนฉันว่า "แอนเนท ถ้าเธอไม่สวดภาวนา เธอต้องตกนรก" ฉันสวดแค่นิดเดียวอย่างไม่เต็มใจ เธอพูดถูกต้องแม่นยำทีเดียว ทุกคนที่เผาอยู่ในนรกไม่ได้สวดหรือสวดไม่พอเพียง"

"การสวดเป็นขั้นแรกที่เข้าถึงองค์พระเจ้า และเป็นการตัดสินใจเด็ดเดี่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสวดภาวนาต่อพระมารดาของพระคริสตเจ้า ชื่อนี้เราจะไม่เอ่ยเด็ดขาด ความศรัทธาต่อพระนางฉุดวิญญาณมากมายนับไม่ถ้วน ที่ได้ทำบาป พ้นจากเงื้อมมือเขี้ยวเล็บของปิศาจ"

"ฉันเล่าเรื่องต่อ ด้วยความโมโหโธโส เพราะถูกบังคับ การสวดเป็นสิ่งง่ายที่สุดที่มนุษย์สามารถทำในโลกและพระเจ้าได้เชื่อมโยงการกอบกู้วิญญาณของแต่ละคนเข้ากับสิ่งง่ายๆนี้"

"ผู้ที่เพียรพยายามสวดทีละเล็กทีละน้อยจนถึงที่สุดจะได้รับความสว่างและความเข้มแข็งจากพระเจ้า แม้แต่คนบาปหนาที่สุดก็จะกลับใจ ในชีวิตช่วงปีสุดท้ายฉันไม่ได้สวดเลย ฉันก็ไม่ได้รับพระหรรษทานที่จำเป็นสำหรับความรอดของวิญญาณ ที่แห่งนี้เราไม่ได้รับพระหรรษทานอีกต่อไป ยิ่งกว่านั้น ถ้าเราได้รับพระหรรษทาน เราก็จะปฏิเสธการรับอย่างเย้ยหยัน ในชีวิตอีกภพหนึ่งจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเหมือนอย่างในโลกมนุษย์ เป็นปีๆฉันได้มีชีวิตอยู่ห่างไกลจากพระเจ้า ครั้งสุดท้ายพระเจ้าได้ส่งพระหรรษทานมาให้ฉัน แต่ฉันก็ได้ตัดสินใจต่อต้านพระองค์"

รูปภาพ

"ฉันไม่เคยเชื่อว่าปิศาจมีฤทธิ์อำนาจ เดี๋ยวนี้ฉันขอยืนยันว่ามันมีอำนาจเหนือคนที่อยู่ในสภาพอย่างฉัน คำภาวนาของสัตบุรุษและของฉันเองรวมกับการพลีกรรมและการใช้โทษบาปจึงจะสามารถฉุดฉันออกจากเอื้อมมือของเจ้าแห่งความมืดทีละเล็กทีละน้อย มันไม่สามารถขโมยอิสระภาพทางใจจากผู้ที่ปล่อยตัวตกอยู่ใต้อำนาจมัน เพราะเป็นการลงโทษพระเจ้าทรงอนุญาตปิศาจสร้างรังในวิญญาณของคนบาป"

"ฉันก็เกลียดปิศาจด้วย แต่ฉันยินดีกับมัน เพราะมันพยายามทำให้เธอทุกคนหายนะ มันและลูกสมุนของมันเป็นเทวดาที่ถูกขับไล่ออกจากสวรรค์ตั้งแต่ปฐมกาล พวกมันมีจำนวนเป็นล้านๆ ท่องไปทั่วทุกมุมโลกเป็นฝูงใหญ่มหึมาคล้ายฝูงแมลง เธอมองไม่เห็นพวกมัน เราไม่มีสิทธิล่อลวงเธอ แต่พวกมันมี ความจริงคือทุกครั้งที่พวกมันลากวิญญาณมนุษย์หนึ่งดวงลงมาที่นี่พวกมันต้องเจ็บปวดทรมานเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามพวกมันต้องทำโดยแรงพลักดันของความเกลียดชังอย่างที่สุด"
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ พ.ค. 04, 2005 11:30 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พุธ พ.ค. 04, 2005 11:14 pm

"ในส่วนลึกของจิตใจ ฉันเป็นกบฏต่อพระเจ้า เธอคงไม่เข้าใจ เธอคิดว่าฉันยังเป็นคาทอลิก ความจริงฉันอยากให้คนเรียกฉันว่าคาทอลิก บางครั้งคำตอบเธออาจถูกต้อง ฉันไม่ประทับใจเพราะฉันคิดว่าเธอไม่ถูก เนื่องจากมิตรภาพจอมปลอมระหว่างเราสองคนการแยกทางของเราเมื่อฉันแต่งงานไม่มีผลกระทบต่อฉันเลย ก่อนสมรสฉันได้ไปสารภาพบาปและรับศีลมหาสนิทอีกครั้งหนึ่ง มันเป็นกฏข้อบังคับ สามีและฉันคิดอย่างเดียวกัน เราเพียงแต่ปฏิบัติตามกฏเท่านั้น"

"โดยทั่วไปชีวิตคู่ของเราดำเนินไปอย่างราบรื่น เรามีความคิดเห็นตรงกันในทุกสิ่ง เรื่องนี้ก็เช่นกันเราไม่ต้องการมีลูกเป็นภาระ ความจริงสามีอยากได้ลูกคนหนึ่ง ฉันได้ชักจูงเขาสำเร็จให้เลิกล้มความปรารถนานั้น เครื่องแต่งกาย เครื่องเรือนหรูหรา สถานที่สำราญ ปิกนิก การท่องเที่ยวโดยรถยนต์ และอื่นๆ มีความสำคัญต่อฉันมาก หนึ่งปีเต็มแห่งความสนุกสนานเพลิดเพลินบนผืนโลกตั้งแต่แต่งงานจนถึงความตายอย่างปัจจุบันทันด่วน แน่นอนภายในจิตใจ ฉันไม่มีความสุขเลยแม้ว่าดูภายนอกฉันสบายดี มีบางสิ่งที่อยู่ภายในตำหนิติเตียนฉันตลอดเวลา"

"โดยไม่ได้คาดฝันฉันได้รับมรดกจากคุณป้าลอต สามีได้เงินเดือนขึ้นสูง ฉะนั้นฉันได้ตบแต่งบ้านหรูหราสวยงาม ในชีวิตฉันพระศาสนาหายไปในความมืด เหลือแต่แสงไฟริบหรี่เกือบจะมอดดับไป"

"ฉันมักจะพูดเป็นเชิงตลกขบขันว่า ในนรกปิศาจกำลังปิ้งวิญญาณบนถ่านไฟแดงร้อนจัดขณะที่ลูกสมุนของมันมีหางยาวกำลังลากเหยื่อรายใหม่เข้ามาให้มัน เราอาจจะวาดภาพผิดไปบ้าง แต่มันก็ไม่เกินความเป็นจริง ฉันขอบอกเธอ ไฟที่พระคัมภีร์กล่าวถึงไม่ได้หมายถึงการทรมานของมโนธรรม ไฟก็คือไฟจริงๆ สิ่งที่พระองค์ได้ตรัสว่า "ไปให้พ้นจากเรา ท่านถูกสาปแช่ง ลงไปในไฟชั่วนิรันดร" เป็นความจริงทุกถ้อยคำ ทุกถ้อยคำจริงๆ! เธออาจถามว่าวิญญาณที่มองไม่เห็นถูกไฟที่มองเห็นเผาได้อย่างไร? ในโลกวิญญาณเธอเจ็บปวดทรมานเมื่อเธอเอานิ้วแหย่เข้าไปในไฟ ความจริงวิญญาณไม่ เผาไหม้ แต่วิญญาณแต่ละดวงเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส การทรมานที่เจ็บปวดที่สุดคือเมื่อเรารู้ว่าเราจะไม่ได้เห็นพระเจ้าอีกต่อไป ทำไมสิ่งนี้จึงทรมานพวกเราอย่างมหันต์ เพราะเมื่อมีชีวิตอยู่ในโลกเราใจเย็นเฉยต่อพระองค์ ไม่สนใจใยดีพระองค์ ตราบใดที่มีดวางอยู่บนโต๊ะ เธอก็ไม่รู้สึกอะไร นอกจากว่ามีดนั้นแหลมคม

รูปภาพ

ถ้าเธอเอามีดแทงเข้าไปในเนื้อ เธอก็จะร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด บัดนี้เรารู้สึกถึงการสูญเสียองค์พระเจ้า วิญญาณคาทอลิกในนรกต้องเจ็บปวดทรมานมากกว่าวิญญาณศาสนาอื่น เพราะเขาทั้งหลายได้รับและปฏิเสธพระหรรษทานและความสว่างมากกว่าผู้อื่น ผู้ที่รู้มากย่อมเจ็บปวดทรมานมากกว่าผู้ที่รู้น้อย ผู้ที่ได้ทำบาปด้วยความชั่วร้ายต้องทรมานมากกว่าผู้ที่ได้ทำบาปด้วยความอ่อนแอ แต่ไม่มีใครทรมานมากกว่าที่เขาสมควรได้รับ โอ้ ถ้าสิ่งนี้เป็นจริง ฉันก็มีเหตุผลทำไมฉันจึงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง"

"ความตายของฉันได้เกิดขึ้นดังนี้ . . ."

"หนึ่งอาทิตย์ล่วงมาแล้ว ฉันพูดตามการคำนวณของฉัน เพราะความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส ฉันอยากบอกว่าฉันได้เผาอยู่ในนรกเป็นเวลา 10 ปีเมื่อ 1 สัปดาห์มาแล้ว ในวันอาทิตย์สามีและฉันไปปิกนิก การเที่ยวครั้งสุดท้ายของฉัน วันที่อากาศปลอดโปร่ง ฉันสบายดี แต่รู้สึกมีลางสังหรไม่สบาย ใจตลอดวัน ทันใดนั้นในขณะสามีกำลังเลี้ยวรถ ก็มีรถยนตร์คันหนึ่งพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงมาก เขาตกใจ ขาดสติ ไม่อาจควบคุมรถไว้ได้"

"เยซู ซึ่งเป็นคำอุทานที่ชาวเยอรมันชอบใช้กัน หลุดออกจากริมฝีปากฉันด้วยเสียงสั่นๆ ไม่ใช่เป็นคำภาวนา แต่เป็นเสียงตะโกนร้องเสียงหลง ฉันเจ็บปวดเนื้อตัวฉีกขาด ถ้าเปรียบเทียบกับเวลานี้ มันเป็นความเจ็บปวดเพียงนิดเดียว แล้วฉันเป็นลมหมดสติ แปลกมากทีเดียว! เช้าวันนั้นฉันได้เกิดความคิดว่า "เธอควรไปฟังมิสซาอีกสักครั้ง มันเหมือนกับการขอร้องครั้งสุดท้าย""

"ชัดเจนและแน่วแน่ ฉันตอบว่า "ไม่" ตัดความคิดนั้นออกไปทันที เธอก็รู้แล้วว่าอะไรได้เกิดขึ้นหลังจากความตายของฉัน ณที่แห่งนี้ฉันรู้ชะตากรรมของสามีและแม่ อะไรได้เกิดขึ้นกับศพและงานศพของฉันโดยความรู้ทางธรรมชาติ อะไรเกิดขึ้นในโลกเรารู้ไม่ชัดเจน แต่เรารู้สิ่งที่ติดอกติดใจเรา ฉันสามารถมองเห็นเธออยู่ที่ไหน"

"ทันทีทันใดฉันได้ตื่นขึ้นจากความมืดสนิท ในพริบตาฉันออกจากโลกหนึ่งไปสู่อีกโลกหนึ่งเห็นตัวเองล้อมรอบด้วยแสงสว่างไสวในที่ซึ่งศพฉันนอนอยู่ เหมือนโรงหนัง ทันทีแสงไฟได้ดับลง ม่านบนเวทีเปิดออก ภาพที่ไม่ได้คาดคิด น่ากลัวสยองขวัญ มีสีแสงปรากฏขึ้นเป็นฉากๆ ภาพชีวิตของฉันเอง"

"วิญญาณฉันเป็นนักแสดงในจอแก้ว ฉันได้เห็นพระหรรษทานที่ฉันปฏิเสธพระเจ้าตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวาระสุดท้าย ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นฆาตกรที่ศาลยุติธรรมกำลังแสดงหลักฐานของเหยื่อที่ฉันได้ฆ่า ฉันควรเป็นทุกข์เสียใจที่ได้ทำผิดหรือ? ไม่เลย! ฉันควรรู้สึกละอายใจหรือ? ไม่เลย!"

"อย่างไรก็ตาม ฉันไม่อาจทนยืนต่อหน้าพระเนตรของพระเจ้าที่ฉันได้ปฏิเสธ มีสิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือ บินหนี! เหมือนเคนหลบหนีจากศพอาเบล ดังนั้นวิญญาณฉันรีบออกจากภาพที่น่ากลัวสยองขวัญ นี่คือการพิพากษาส่วนบุคคล พระตุลาการที่มองไม่เห็นได้ตรัสว่า "ไปให้พ้นจากเรา" แล้ววิญญาณ ฉัน คล้ายเงาสีเหลืองกำมะถัน ก็ดิ่งลงไปในสถานที่แห่งการทรมานชั่วนิรันดร"



นี่เป็นเรื่องจริงเกิดขึ้นในประเทศเยอรมันประมาณ 65 ปีมาแล้ว (2002 ลบ 1937)

จุดมุ่งหมายของการเสนอเรื่องนี้ไม่ใช่เพื่อเขย่าขวัญท่านผู้อ่าน เราต้องการยืนยันข้อความเชื่อของพระศาสนาคาทอลิกว่านรกมีจริง วิญญาณดวงหนึ่งถูกพระเจ้าบังคับให้มาเปิดเผยความลี้ลับของสถานที่แห่งการทรมานชั่วนิรันดร

เราได้อ่านแล้วว่าอะไรได้พาหญิงคนหนึ่งไปสู่ความหายนะตลอดกาล บทเรียนของเธอควรสอนเราเจริญชีวิตในความศักดิ์สิทธิ์ทุกๆวัน เพื่อเราจะได้เดินบนทางสู่ความรอดชั่วนิรันดร ขอให้เราเพียรพยายามส่วดภาวนาจนถึงวันสุดท้าย ให้เรามีความศรัทธาต่อพระนางพรหมจารีมารีอา สวดลูกประคำทุกๆวันฝากตัวเราอยู่ในพระหัตถ์ของพระนาง แก้บาปรับศีลบ่อยๆเท่าที่เราสามารถจะทำได้

ในเวลาเดียวกันสวดให้ผู้อื่นด้วย โดยเฉพาะคนบาปทุกคนในโลก ทำพลีกรรมและใช้โทษบาปแทนคนเหล่านั้นด้วย ตามพระวาจาของพระเยซูคริสตเจ้า: "อย่าไปสวรรค์คนเดียว พาคนอื่นไปกับเราด้วย"


ข้าแต่พระเยซูเจ้า
โปรดอภัยบาปข้าพเจ้า
โปรดช่วยข้าพเจ้าพ้นจากไฟนรก
โปรดนำวิญญาณทั้งหลายสู่สวรรค์
โดยเฉพาะวิญญาณที่ต้องการพระเมตตาของพระองค์มากที่สุด พระเจ้าข้า


โปรดระลึกเถิด
โอ้ พรหมจารีมารีอา ผู้โอบอ้อมอารี
แต่ไหนแต่ไรมายังไม่เคยได้ยินเลยว่า
ผู้ที่มาพึ่งท่าน มาขอความช่วยเหลือคุ้มครองจากท่าน ถูกท่านทอดทิ้ง
ข้าพเจ้าวางใจดังนี้ จึงวิ่งมาหาพระมารดา พรหมจารีแห่งพรหมจารีทั้งหลาย
ข้าพเจ้าคนบาปคร่ำครวญเฉพาะพระพักตร์ของท่าน
พระมารดาแห่งพระวจะนาถ
โปรดอย่าเมินต่อวาจาของข้าพเจ้า
แต่จงสดับฟังและโปรดด้วยเถิด
อาแมน


http://www.geocities.com/prakobkit/mary/002.htm
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ พ.ค. 04, 2005 11:36 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พุธ พ.ค. 04, 2005 11:41 pm

shock เรื่องไหนคะ :)


เจตนาของLL คือ
ให้เราเกลียดกลัวบาปสุดใจคะ
ไม่มีความตั้งใจจะทำให้ใครกลัว
claustrophobia

พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 12:03 am

ไม่มีใครชอบDevill หรือHell หรอกคับ เราควรภาวนาเพื่อลบล้างบาป
ของเราดีกว่าคับ :D ขังมันไว้ขุมนรกเถิด
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 10:26 am

เคยอ่านแล้ว ดีมากเลยครับ

เรื่องนี้ บอกได้แค่ว่า "ไม่เชื่อจนกว่าจะได้ลงไปแล้ว"
Announcer

พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 10:39 am

ผมยังไม่เคยสวดเลย เฮ้อ~!
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 10:41 am

Announcer เขียน: ผมยังไม่เคยสวดเลย เฮ้อ~!
ทำไมหล่ะครับ*?
ลองสวดสิครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Batholomew เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 10:45 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Announcer

พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 10:47 am

คาทอลิคเขามีสวดไม่ใช้หรอครับ ผมเป็นโปรมายังไม่เคยสวดเลยเห็นมีแต่ อธิษฐานอ่ะครับ ถ้าเข้าใจผิดขอประทานโทษ
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 10:52 am

คล้ายกันนะครับ (หรืออาจจะเหมือนกัน)
เป็นการยกจิตใจขึ้นหาพระเป็นเจ้าครับ
Announcer

พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 11:04 am

ผมเคยอธิษฐานหมู่ครับ แบบว่านั่งกันหลายๆคนเป็นวงแล้วก็นึกเรื่องที่อยากจะอธิษฐานเพื่อถึงเรื่องต่างๆครับ ^-^"
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 11:07 am

อธิษฐานก็ได้คะ ให้มีทั้งครบคือ
สรรเสริญ ขอบคุณ ขอโทษ ขอพร พระเจ้า
ระลึกถึงพระองค์บ่อยๆเสมอๆ
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 2:44 pm

ขอบคุณ สำหรับเรื่องดีๆ ครับ
Lazy Buddy

พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 6:16 pm

Announcer เขียน: ผมเคยอธิษฐานหมู่ครับ แบบว่านั่งกันหลายๆคนเป็นวงแล้วก็นึกเรื่องที่อยากจะอธิษฐานเพื่อถึงเรื่องต่างๆครับ ^-^"
We pray that way too.... That's the group praying, right? And there's a private praying too, in protestant.... (Fao Deaw) sorry for karaoke :P

Why don't you try to pray over the scriptures after reading the Bible? Do you know how to pray over the scriptures?
Announcer

พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 6:37 pm

คือว่า การอธิษฐานหมู่ ผมอธิษฐานร่วมกับเพื่อนๆที่โรงเรียนอ่ะครับบริเวณที่สงบๆของโรงเรียน พวกเราจะอธิษฐานแบบนี้อาทิตย์ครั้งหนึ่งครับแต่ที่ผมบอกว่า"นึกเรื่องที่จะอธิฐาน"เดิมทีไม่ใช้อ่ะคับผมพูดให้รวบรัดเฉยจริงๆ เป็นคล้ายๆที่~@Little lamb@~ บอกอ่ะครับ แต่เฝ้าเดี่ยว อ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน ผมทำทุกๆวัน ครับ อันนี้เป็นที่รู้กันครับผม แล้วก็การการพระคัมภีร์กับอธิฐานผมก็ทราบแต่คาทอลิคเขาจะมีบทสวดใช้มั้ยคับ ผมเลยสับสนตรงนี้แหละครับ แต่โปรเขามีเฝ้าเดี่ยวเลยไม่ต้องสวด ที่ผมเข้าใจน่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย Announcer เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 6:46 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 10:27 pm

Announcer เขียน: คือว่า การอธิษฐานหมู่ ผมอธิษฐานร่วมกับเพื่อนๆที่โรงเรียนอ่ะครับบริเวณที่สงบๆของโรงเรียน พวกเราจะอธิษฐานแบบนี้อาทิตย์ครั้งหนึ่งครับแต่ที่ผมบอกว่า"นึกเรื่องที่จะอธิฐาน"เดิมทีไม่ใช้อ่ะคับผมพูดให้รวบรัดเฉยจริงๆ เป็นคล้ายๆที่~@Little lamb@~ บอกอ่ะครับ แต่เฝ้าเดี่ยว อ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน ผมทำทุกๆวัน ครับ อันนี้เป็นที่รู้กันครับผม แล้วก็การการพระคัมภีร์กับอธิฐานผมก็ทราบแต่คาทอลิคเขาจะมีบทสวดใช้มั้ยคับ ผมเลยสับสนตรงนี้แหละครับ แต่โปรเขามีเฝ้าเดี่ยวเลยไม่ต้องสวด ที่ผมเข้าใจน่ะ
We have both ja.... We have both private and group prayer... The format prayer is useful for group prayer and in fact, in our private prayer, we can pray that format prayer too.... it's like when we say 'Hail Mary'... we pray at the same time with someone in the world... even we don't know them... Think of the whole world... It's like the marching soldiers.. A soldier says just left.. right.. left .... It's nothing in terms of one soldier... but think of the whole army marching in the same rhythm... It's powerful!! That's the importance of format prayer ja.. :) .. and that power is what Satan hates...

โปรเขามีเฝ้าเดี่ยวเลยไม่ต้องสวด --> I don't know the reason why protestant don't have format prayer na ja.. But, do you pray Our Father? Lutheran pray Our Father... I think Presbyterian also pray Our Father ... How about Baptist? Do you pray Our Father?
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 11:03 pm

อ่านแล้วนึกถึงตัวเองเลยว่า ทำบาปไว้เยอะจัด ไม่ค่อยได้สวดสายประคำ แต่อย่างน้อยก็สวด ข้าแต่พระบิดา วันทามารีอา สิริพึงมี อย่างละ1จบก่อนนอน หวังว่าพระองค์จะทรงกรุณาผมนะ :'(
claustrophobia

พฤหัสฯ. พ.ค. 05, 2005 11:13 pm

สวดเเล้วขอใน สายระคำใช้ได้ดีทีเดียวเลยนะคร้าบ :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nihil
~@
โพสต์: 1763
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 4:36 pm
ที่อยู่: Pax
ติดต่อ:

ศุกร์ พ.ค. 06, 2005 1:26 am

เป็นบทความที่ดีมากๆเลยครับ ทำให้เรากลัวบาปและนรก และขยันสวดภาวนาและหลีกหนีจากบาปมากขึ้น เพื่อจะได้ไม่ต้องไปนรก
Announcer

ศุกร์ พ.ค. 06, 2005 8:03 am

พอจะเข้าใจแล้วครับคุณ Buddy ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
โกจ๋อ
.
.
โพสต์: 1048
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:37 pm

ศุกร์ พ.ค. 06, 2005 1:50 pm

เป็นบทความที่ทำให้เรารักพระองค์มากขึ้นจิงๆขอบคุณงับ
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

ศุกร์ พ.ค. 06, 2005 6:29 pm

แสดงให้เห็นว่าแม้แต่งวิญญานในนรกพระบิดาก็ยังเมตาแต่เป็นวิญญานนั้นเองที่ได้ปฏิเสธ
Lazy Buddy

ศุกร์ พ.ค. 06, 2005 9:50 pm

I got this from the mailing list I subscribed at www.jesuit.org.sg .. It's about prayer...

-------------------------------------------------------------

Prayer: Jesus promised to give us what we ask in our prayers. If our hearts are God-centered and our lives love oriented, then we will know what to ask from God in our prayers. And, when God hears our genuine God-centered prayers, He will surely grant our requests. Are our prayers God-centered?

Fr Philip Heng, S.J.
Amankris

ศุกร์ พ.ค. 06, 2005 11:14 pm

ขอบคุณมากครับ สำหรับบทความนี้ มันทำให้เรารักพระเจ้า และ เกรงกลัวบาปมากขึ้นครับ ;)
ปล.ผมอธิษฐานทุกคืนเลยอ่ะครับ
Announcer

เสาร์ พ.ค. 07, 2005 8:47 pm

ลองหาสมุดเปล่าๆมาสักเล่มสิครับ แล้วลองจดว่าวันนี้เราทำบาปหรือบุญอะไรบางสิ่งที่ทำให้พระเจ้าพอใจหรือที่ตามใจตนเองแล้วกลายเป็นบาป ถ้าวันหนึ่งทำความดีเกิน 60% ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว 100% ยิ่งดีใหญ่แต่ใครจะทำได้ก็ขึ้นอยู่กับบุคคลแล้ว :)
Wasu

อังคาร ก.ค. 26, 2005 5:29 pm

ฟังแล้วรู้สึกเกรงกลัวต่อบาปมากเลยครับ ผมเองนับวันความเชื่อของผมเองยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆแต่ผมยังรู้สึกว่าไม่พอเลยครับ :-[
ปล.อยากรับศีลมหาสนิทได้ไวๆจังเลยครับพี่ๆทุกคน
Sunjang

อังคาร ก.ค. 26, 2005 10:38 pm

ขอบคุณมากๆครับพี่ LL บทความหนุนใจผมเป็นอย่างดีเลย ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่เป็นว่าขอบคุณพี่ มากๆเลยครับที่ได้หาบมความดีๆแบบนี้มาให้อ่าน ^^"
ตอบกลับโพส