*** ชีวิตแห่งการสรรเสริญ ***

รวม ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ล
เข้าใจ พระคัมภีร์ ชีวิต และคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์ ตามลำดับ อย่างง่ายๆ
ตอบกลับโพส
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ส.ค. 15, 2009 10:00 am

ชีวิตแห่งการสรรเสริญ
โปรดปราน (พีพี)


“จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด จิตใจของข้าพเจ้าเอ๋ย จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด 2ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระเจ้า ตราบเท่าที่ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสดุดีถวายพระเจ้าของข้าพเจ้า ขณะที่ข้าพเจ้ายังเป็นอยู่” (สดุดี 146.1-2)


คนไทยจำนวนมากมีประสบการณ์ได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ เมื่อพระองค์เสด็จพระราชดำเนินผ่าน เราจะถวายพระพรโดยเปล่งเสียงว่า “ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ” ครั้งแล้วครั้งเล่า หรือเมื่อพระองค์เสด็จมาถึงงานหรือเสด็จพระราชดำเนินกลับ หรือในโรงภาพยนตร์ก่อนฉายภาพยนตร์ เราจะได้ยินเสียงดนตรีบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เราต้องรีบลุกขึ้นยืนถวายเกียรติแด่พระองค์ท่าน ซึ่งเป็นท่าทีที่คนไทยแสดงออกถึงความจงรักภักดี การยกย่องสรรเสริญ พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของพวกเรา ฉันเชื่อว่าพระเจ้าทรงใส่ดนตรีในหัวใจของมนุษย์ เพราะคนทุกชาติทุกภาษามีดนตรีเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ดังนั้นวิถีชีวิตของชาวคริสต์ดนตรีและเสียงเพลงสรรเสริญพระเจ้า จึงมีส่วนในทุกการนมัสการ หรือทุกมิสซา หรือทุกศาสนพิธี

บทความนี้ฉันขอแบ่งปันว่าคริสตชนสามารถมีชีวิตเพื่อสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไร

รูปภาพ

1. เมื่อไหร่ควรสรรเสริญพระเจ้า (สดุดี 145.1-2)

ในพระคัมภีร์เก่า คำว่า “สรรเสริญ” หรือ “อัลเลลูยา ” มีบันทึกมากกว่า 600 ครั้ง โดยเฉพาะในภาคที่ 5 ของพระคัมภีร์สดุดีมีมากที่สุด ศาสนาจารย์ ดร.บิลลี่ คิม นักเทศน์ฟื้นฟูชาวเกาหลีใต้ คราวที่ท่านเป็นวิทยากรเทศนาฟื้นฟูในงานคองเกรสของคริสเตียนไทยท่านกล่าวว่า “ถ้าเราอยากจะให้คริสตจักรได้รับการฟื้นฟู ปัจจัยอย่างหนึ่งที่สำคัญ คือคริสตชนทุกคนต้องเรียนรู้จักการสรรเสริญพระเจ้าตลอดชีวิต ไม่ใช่สรรเสริญพระเจ้าเฉพาะวันอาทิตย์ที่ร่วมนมัสการ(มิสซา)เท่านั้น” เพราะบ่อยครั้งที่เรามีความสุขประสบความสำเร็จจึงมีความยินดีเราจึงสรรเสริญพระเจ้า ตรงกันข้ามเวลาที่เรามีความทุกข์ยากลำบาก เรากลับเมินเฉยหรือแอบน้อยใจบ่นว่าพระเจ้าด้วยซ้ำ ความจริงแล้ว เราก็ต้องสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าตราบเท่าที่เรามีชีวิตอยู่

ที่ประเทศเกาหลีใต้ มีคริสเตียนที่รักพระเจ้ามากคนหนึ่งชื่อ “อัลเลลูยา ชอย” เขาเป็นนักธุรกิจคริสเตียน เจ้าของตึกสูง 63 ชั้น ที่กรุงโซล นาย อัลเลลูยา ชอยได้ตั้งทีมฟุตบอลคริสเตียนขึ้นมาทีมหนึ่ง ชื่อว่า “อัลเลลูยา” ครั้งหนึ่ง เมื่อทีมฟุตบอล อัลเลลูยา ไปแข่งขันที่ฮ่องกง ซึ่งมีการถ่ายทอดผ่านดาวเทียมไปถึงกรุงโซล เมื่อทีมฟุตบอลอัลเลลูยาเริ่มต้นแข่งขัน นักพากย์ฟุตบอลได้พูดคำว่า “อัลเลลูยา ๆ ๆ” เป็นพันๆ ครั้ง ซึ่งเหมือนกับนักพากย์ฟุตบอลคนนั้นกำลังสรรเสริญพระเจ้า เป็นพันๆ ครั้งเช่นกัน จุดประสงค์ที่ “นายชอย” ได้ตั้งชื่อทีมฟุตบอลว่า “อัลเลลูยา” ก็เพื่อต้องการใช้คำ “อัลเลลูยา” เป็นพยานเพื่อสรรเสริญพระเป็นเจ้า นั่นเอง

นานมาแล้วมีคริสเตียนอาวุโสคนหนึ่งเขาเป็นคนที่ชอบร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้ามาก ต่อมาเขาป่วยคือที่ลิ้นของเขามีเนื้อร้าย หลังจากเข้าพบแพทย์ คุณหมอได้ตรวจอย่างละเอียด จึงวินิจฉัย เพื่อรักษาชีวิตของเขาจะต้องตัดลิ้น ณ ห้องผ่าตัดเขาถามแพทย์ว่า “หลังผ่าตัดแล้วผมจะร้องเพลงได้อีกไหม” หมอตอบว่าคงไม่ได้ ดังนั้นผู้อาวุโสรายนี้จึงขอร้องให้ทีมแพทย์พยุงตัวเขาขึ้นมานั่ง เพื่อเขาได้ร้องเพลงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะผ่าตัดเนื้อร้ายและลิ้น เขาได้พูดกับคุณหมอว่า “ขอร้องเพลงสรรเสริญขอบคุณพระเจ้าครั้งสุดท้ายด้วยลิ้นและปาก” เมื่อพูดจบเขาได้ร้องว่า “ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระเจ้า จนกระทั่งข้าพเจ้าหลับตาสิ้นลมหายใจ จิตใจข้าพเจ้าพึ่งในพระเจ้า ยังคงเปี่ยมล้นด้วยความชื่นชมยินดี” ในที่สุดถึงแม้เขาจะร้องเพลงสรรเสริญด้วยปากไม่ได้อีกต่อไป แต่เขาสามารถใช้จิตวิญญาณ ใช้ชีวิตร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าตลอดไปได้

รูปภาพ

2. สรรเสริญพระเจ้าอย่างไร

บทเพลงสดุดี 103.1 “จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระเจ้า และทั้งสิ้นที่อยู่ภายในข้า จงถวายสาธุการแด่พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์” ท่านเคยสงสัยไหมว่าทำไมกษัตริย์ดาวิดไม่พูดว่า “ปากของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระเจ้า” แต่ท่านกลับพูดว่า “จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระเจ้า” เพราะดาวิดเข้าใจดีว่าทุกสิ่งที่เรากระทำนั้น มาจากใจของเรา ถ้าปากของเราร้องเพลงสรรเสริญขอบคุณพระเจ้า แต่ใจของเราไม่ได้ขอบพระคุณ การกระทำของเราจะเป็นที่พระพอพระทัยของพระเจ้าหรือไม่ คำตอบก็คือไม่ เพราะปากกับใจไม่ตรงกัน เคยมีคนถามว่า: คนที่ปากกับใจไม่ตรงกัน น่าคบไหม เชื่อว่าทุกคนคงตอบว่าไม่ แล้วพวกเราเองล่ะเคยเป็นหรือยังแบบนี้กันไหม เช่นปากกำลังร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า แต่จิตใจล่องลอยไปไหนไม่ทราบ ในพระคัมภีร์สุภาษิต 23.26 “บุตรชายของเราเอ๋ย ขอใจของเจ้าให้เราเถอะ และให้ตาของเจ้าสังเกตดูทางของเรา” พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่าขอตัวของเรา ขอความรู้ หรือขอความสามารถของเรา แต่สิ่งที่พระเจ้าต้องการจากเรามากที่สุดคือใจ และต้องเป็นใจที่รักพระเจ้า ใจที่เชื่อฟัง ฉะนั้นเราจึงเห็นความจริงในเรื่องนี้ว่า พระเจ้าทรงต้องการจิตใจของเรามากกว่าสิ่งอื่นใด

ในพระคัมภีร์เก่า นางฮันนาห์ได้ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าหลังจากปุโรหิตเอลียืนยันว่าเธอจะตั้งครรภ์พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานภาวนาขอลูกของเธอ แล้วนางก็ตั้งครรภ์คลอดบุตรชายคือซามูเอล เมื่อกุมารซามูเอลหย่านมแล้วนางได้นำเขามาถวายให้พระเจ้าทรงใช้โดยฝากเขาไว้กับปุโรหิตเอลี นางฮันนาห์แสดงความชื่นชมยกย่องพระเจ้าโดยการสรรเสริญพระเจ้าว่า “…จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมในพระเจ้า ในพระเจ้ากำลังของข้าพเจ้าก็เข้มแข็ง ปากของข้าพเจ้าก็อ้ากว้างเข้าใส่ศัตรูของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าเปรมปรีดิ์ในความรอดของพระองค์”( ดู ทั้งหมด 1ซมอ.2:1-11)

ในพระคัมภีร์ใหม่เมื่อพระนางมารีย์ยอมรับว่าพระเจ้าได้ทรงเลือกเธอให้เป็นมารดาของพระเยซูเจ้า ผู้ซึ่งเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของมนุษย์นั้น มารีย์ไม่ได้วิตกกับการตั้งครรภ์นอกสมรส กลับตรงกันข้ามเพราะจิตใจของนางเต็มเปี่ยมด้วยคำสรรเสริญ ซึ่งปรากฏในพระวรสารนักบุญลูกา บทที่ 1.46-47 ว่า “จิตใจของข้าพเจ้ายกย่องพระเจ้า และวิญญาณของข้าพเจ้าก็เกิดความยินดีในพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า” (ดูทั้งหมด ลูกา 1:46-55) ขอให้เราสังเกตคำสรรเสริญของพระนางมารีย์ เธอไม่ได้พูดว่า “ปากของข้าพเจ้ายกย่องสรรเสริญพระเจ้า...” ทำไม แม่พระจึงไม่ได้ใช้ปากสรรเสริญพระเจ้าล่ะ เพราะฉะนั้นทุกสิ่งที่กระทำต้องมาจากใจ บางครั้งเราอาจจะเคยใช้ปากของเราด่าว่าคนอื่น หรือใช้คำพูดเสียดสีว่าร้ายคนอื่นทั้งๆ ที่ เขาไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด และเมื่อเรารู้ภายหลังแล้ว เราคงจะรู้สึกเสียใจที่สายตาของเรามองเพื่อนไปในทางที่ไม่ดี ฉะนั้นขอพระเจ้าทรงช่วยเราทุกคนให้ใช้สายตาของพระเจ้ามองพี่น้องของเรา มองเพื่อนของเราในทางที่พระเจ้าต้องการให้เรามอง
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ เสาร์ ส.ค. 15, 2009 3:27 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ส.ค. 15, 2009 10:03 am

3. สรรเสริญพระเจ้าโดยพึ่งพระเยซูเจ้า (ฮีบรู 13.15)

“...ให้เราถวายคำสรรเสริญเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าตลอดไป โดยทางพระองค์นั้น คือคำกล่าวยอมรับเชื่อพระนามของพระองค์”(ฮีบรู 13.15) เราไม่เพียงแต่จะใช้จิตวิญญาณของเราสรรเสริญพระเจ้า เรายังต้องพึ่งพระนามของพระเยซูคริสต์ ถวายคำสรรเสริญเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าตลอดไป ทำไม เพราะพระเยซูเจ้าทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาไถ่ชีวิตเราทั้งหลายออกจากความผิดบาป จึงเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่เราผู้รับการทรงไถ่ด้วยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์จะถวายคำสรรเสริญเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าตลอดไป เคล็ดลับในการถวายคำสรรเสริญคือต้องพึ่งในพระเยซูเจ้า ถ้าเราสรรเสริญพระเจ้าโดยพึ่งตัวเอง จะสรรเสริญพระเจ้าได้ไหม เพราะถ้าเราพึ่งตัวเองสรรเสริญพระเจ้า เรื่องที่เป็นความสุข ความยินดี เราก็สรรเสริญพระเจ้าได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าเป็นเรื่องความทุกข์ลำบาก ความปวดร้าวในจิตใจ และปัญหาหนักใจที่เกิดขึ้น เรายังจะสามารถสรรเสริญขอบคุณพระเจ้า นั่นแสดงว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำ ฉะนั้นการพึ่งตนเองสรรเสริญพระเจ้า จึงเป็นการกระทำที่ไม่สมบูรณ์ เพราะถ้าวันนั้นเรามีความรู้สึกดี อารมณ์ดี เราก็สรรเสริญพระเจ้า แต่ถ้าความรู้สึกของเราวันนั้นไม่ดี อารมณ์ของเราไม่ดี

รูปภาพ

มีเรื่องหนึ่งเล่าว่าเศรษฐีคนหนึ่งมีเพื่อนบ้านชาวคริสต์ที่เป็นช่างซ่อมรองเท้า ชีวิตของช่างซ่อมรองเท้ารายได้น้อยมีชีวิตอยู่อย่างลำบาก มีลูกหลายคนต้องเลี้ยงดู สิ่งหนึ่งที่ช่างซ่อมรองเท้าชอบทำคือชอบร้องเพลงสรรเสริญ และขอบคุณพระเจ้า ขณะที่เขาซ่อมรองเท้าไปก็ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าไป จึงทำให้ลูกค้าหลายคนสงสัยต้องถามว่าเขามีความสุขมากหรือ จึงมีใจร้องเพลงได้ ทั้งๆ ที่เขาก็มีฐานะยากจน เขาตอบว่า “ใช่ครับแม้ผมจะมีรายได้น้อย แต่จิตใจของผมมีความสุขในความรอดของพระเจ้า จึงอดไม่ได้ที่จะร้องเพลงสรรเสริญขอบคุณพระองค์”

ฝ่ายเศรษฐีที่อยู่บ้านติดกับบ้านช่างซ่อมรองเท้า เขาทำธุรกิจใหญ่โต มีเงินทองมากมาย แต่มีชีวิตที่เคร่งเครียดกับธุรกิจ จึงทำให้ กลางคืนนอนไม่หลับ แต่ทุกๆวันเศรษฐีคนนี้ได้ยินเสียงเพลงสรรเสริญพระเจ้าจากปากของช่างซ่อมร้องเท้า ก็ยิ่งสร้างความกดดัน และเพิ่มความเครียดให้เขา วันหนึ่งเศรษฐีได้นำเงินถุงหนึ่งไปมอบให้ช่างซ่อมร้องเท้า โดยมีเงื่อนไขว่าเขาต้องหยุดร้องเพลงตลอดไป ช่างซ่อมรองเท้าตอบรับทันที เพราะกำลังต้องการเงินอยู่พอดี หลังจากช่างซ่อมรองเท้าได้หยุดร้องเพลงสรรเสริญไป 2 วัน พอขึ้นวันที่ 3 ชายคนนี้ได้นำถุงใบนั้นไปคืนเศรษฐีพร้อมทั้งบอกให้รับถุงเงินคืนไปเพราะ เขารู้สึกอึดอัดมากที่ไม่ได้ร้องเพลงสรรเสริญขอบคุณพระเจ้า เขาขอมีชีวิตอยู่แบบยากจนแต่มีเสรีภาพในการสรรเสริญพระเจ้าซึ่งเขามีความสุขมากกว่า

รูปภาพ

4. ผลแห่งการสรรเสริญพระเจ้า

เรามาดูตัวอย่างการสรรเสริญพระเจ้าของอัครทูตเปาโลและสิลาส (อ่านจากกิจการของอัครทูต บทที่ 16 ) เมื่อพระเจ้าทรงเรียกเปาโลไปแพร่ธรรมที่ทวีปยุโรป เมืองแรกที่เขาไปประกาศข่าวดีคือฟิลิปปี ท่านเปาโลและทีมงานออกจากประตูเมืองไปยังฝั่งแม่น้ำได้เข้าร่วมกลุ่มอธิษฐานภาวนา พระเจ้าทรงนำให้ท่านเปาโลประกาศข่าวดีของพระเยซูเจ้ากับกลุ่มสตรี เวลานั้นมีสตรีคนหนึ่ง และเป็นคนแรกที่รับเชื่อพระเยซูเจ้าเป็นพระผู้ไถ่คือนางลิเดีย เราจึงรู้ว่าพระศาสนจักรแห่งแรกที่ตั้งขึ้นในยุโรปได้เกิดขึ้นจากกลุ่มอธิษฐานภาวนากลุ่มเล็กๆ โดยพี่น้องสตรี

อันที่จริงพระศาสนจักรฟิลิปปีได้ก่อตั้งขึ้นแล้ว ทุกอย่างน่าจะไปได้ดีในเมื่อพระจิตเจ้าทรงทำงานให้พระศาสนจักรฟิลิปปีก่อตั้งขึ้น ฝ่ายซาตานก็พยายามขัดขวางและทำลายพระศาสนจักรของพระเจ้า ปัญหาคือว่า อัครทูตเปาโลได้ขับผีร้ายออกจากตัวของทาสสาวที่มีผีหมอดู เมื่อนายของทาสสาวเห็นผีที่ช่วยเขาหาเงินออกจากตัวของหญิงสาว จึงโกรธมาก และใช้อิทธิพลจับเปาโลและสิลาสไปให้ทางการโบยตีและใส่ร้ายพวกเขา ว่าเป็นคนก่อการวุ่นวายกับบ้านเมือง หลังจากโบยตีเสร็จก็จับใส่เข้าคุก แม้เปาโล กับ สิลาสได้รับการกระทำอย่างไม่ยุติธรรม แต่พวกเขาไม่ได้โอดครวญหรือต่อว่าพระเจ้าเลย เพราะเขารู้ชัดว่าการติดคุกของพวกเขาไม่ใช่ติดคุกเพราะตัวเองเป็นผู้กระทำ แต่เพราะข่าวดีของพระเจ้าต่างหาก ถ้าเปาโล กับ สิลาสติดคุกเพราะตัวเอง เขาเองต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าเขาติดคุกเพราะการแพร่ธรรม พระเจ้าจะเป็นผู้รับผิดชอบ พระองค์จะไม่ให้เปาโล กับ สิลาสติดคุกฟรีแน่นอน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่จะให้เปาโล และสิลาสติดคุก เพื่อพันธกิจพิเศษของพระองค์

ฉะนั้นเปาโล และ สิลาส จึงสามารถร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ขณะอยู่ในคุก พวกเขาสรรเสริญพระเจ้าด้วยเสียงเพลง พระคัมภีร์บอกว่า “นักโทษทั้งหลายในคุกก็ฟังอยู่” เปาโล และ สิลาส ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าตอนเที่ยงคืนทำไมต้องร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า เวลาเที่ยงคืน อาจจะเป็นเวลาที่เปาโล และ สิลาสเจ็บปวด ทนทุกข์มากที่สุด จึงระบายความทุกข์ ความเจ็บปวดจากการถูกโบยตีเป็นเสียงเพลงสรรเสริญ พระคัมภีร์บอกว่า “นักโทษทุกคนก็ได้ยินเสียงร้องสรรเสริญพระเจ้าของเปาโล และสิลาส” พวกเพื่อนนักโทษต้องแปลกใจว่าทำไมนักโทษ 2 คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ถูกโบยตีจนเลือดออกบาดเจ็บ แต่ทำไมจิตใจของเขายังมีความสุขในการร้องเพลงได้ ถ้าไม่บ้าก็เป็นคนพิเศษจริงๆ และการร้องเพลงของเปาโล และ สิลาส ได้เป็นพยานที่มีพลังมากมายต่อเพื่อนนักโทษ และสุดท้ายเปาโลและสิลาสได้นำความรอดมาถึงผู้คุมและคนในครอบครัวเขาจนได้ล้างบาปและสอนพระวาจาให้พวกเขา

รูปภาพ

ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นเป็นแบบอย่างของการสรรเสริญพระเจ้า ในพระคัมภีร์ใหม่ อัครทูตเปาโลและสิลาสได้เป็นแบบอย่างของความเชื่อที่ดีแก่เราทั้งหลาย ขณะที่เขาถูกจับเข้าคุก ถูกโบยตีอย่างไม่ยุติธรรม มีความเจ็บปวดจากบาดแผล แต่พวกเขายังสามารถใช้เสียงเพลงสรรเสริญพระเจ้า สรรเสริญความยิ่งใหญ่ ฤทธิ์อำนาจและความรักของพระองค์ที่มีต่อเขาไม่เปลี่ยนแปลง เพราะพระเจ้าทรงได้ยินเสียงร้องสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางความทุกข์ยากของเขาแล้วการอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นในคืนนั้นเพราะนายคุกและคนในครอบครัวได้รับความรอดผ่านชีวิตของเปาโลและสิลาสแล้วท่านล่ะได้นำใครมาถึงความรอดโดยการสรรเสริญพระเจ้าบ้างไหม!!!!
+++++++ ++++++++++++++++++++++++++

( หมายเหตุ ตีพิมพ์นิตยสาร อิสระ เดือน พฤษภาคม 2009 )
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ เสาร์ ส.ค. 15, 2009 3:38 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
^_^Matthew^_^
โพสต์: 354
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ค. 10, 2008 2:03 am
ที่อยู่: 125 ม.7 ถ.ชัยภูมิ-สีคิ้ว ต.หนองนาแซง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ 36000
ติดต่อ:

เสาร์ ส.ค. 15, 2009 1:26 pm

amen
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

เสาร์ ส.ค. 15, 2009 1:59 pm

อาแมนครับ

ขอแปะ บทเพลงสรรเสริญพระเจ้าของพระนางมารีย์(Magnificat)
เนื่องในโอกาสวันอัสสัมชัญ ครับ

"วิญญาณข้าฯถวายสดุดี เทิดศักดิ์ศรีพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
จิตใจข้าฯเปรมปรีดิ์นี่กระไร ซาบซึ้งในพระผู้กู้โลกา

เหตุทรงสรรมูลิกาซึ่งข้าน้อย แม้ต่ำต้อยไร้อำนาจวาสนา
แต่นี่ไปปวงชนจักนำพา ให้สมญาข้านี้ผู้มีบุญ

ด้วยว่าองค์ทรงฤทธิ์อดิศร นามกรศักดิ์สืทธิ์ทรงเกื้อหนุน
เกิดเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ในพระคุณ พระการุญแผ่ทั่วชั่วกาลนาน

ขอพระโปรดยกหัตถ์ประสาทพร แก่นิกรยำเกรงพระบรรหาร
สำแดงฤทธิ์พิชิตอหังการ ให้เเตกซ่านไปด้วยพระเดชา

ทรราชอธรรมอัปยศ ให้ต้องปลดยศศักดิ์อัครฐาน์
โปรดเชิดชูผู้เข็ญใจให้ขึ้นมา ได้หรรษาเกษมสุขทุกคนไป

คนอดอยากโปรดให้ได้อิ่มหนำ พระช่วยบำเหน็จทรัพย์อสงไขย
คนเศรษฐีใจดำบำราศไร้ ต้องกลับมือเปล่าเฝ้าอาดูร

พระทรงเอื้อเกื้อเกิ้อกูลอิสราเอล ให้ร่มเย็มรับใช้ไม่เสื่อมสูญ
ใฝ่พระทัยรำรึกพระการุญ แก่ตระกูลอับราฮัมอันอำไพ

ดังพระองค์ทรงมีพระวาจา ตรัสสัญญากับบรรพชนไว้
ทรงซื่อสัตย์ถือมั่นนิรันดร์ไป ชนอวยชัยทั่วหล้าสดุดี"


(ลก.1:46-55)
Jesus loves You
โพสต์: 740
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 12, 2009 11:36 pm

เสาร์ ส.ค. 15, 2009 11:52 pm

เอเมนครับ
ตอบกลับโพส