มรดกของข้าพเจ้า
โปรดปราน ( พีพี )
มรดก :คือ สิ่งที่ได้รับตกทอดมาจากบรรพบุรุษ เช่นจากพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย หรือ พี่ป้า น้า อา เมื่อพูดถึงมรดกเรามักจะคิดถึงสิ่งที่อยู่ภายนอก คือทรัพย์สมบัติ ความจริงแล้ว สิ่งที่อยู่ภายใน เช่น นิสัยใจคอ ใจดี ใจร้าย ใจแคบ ใจกว้าง ความขี้เกียจ ความขยัน มีเมตตา มีคุณธรรม เป็นต้น มรดกที่เราคริสตชนต้องทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลัง เป็นมรดกที่มาจากภายในและสำแดงออกเป็นการกระทำ คือมรดกแห่งความเชื่อและความศรัทธาในองค์พระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นมรดกแห่งความรอด นิรันดร์นำผู้เชื่อไปถึงแผ่นดินสวรรค์
ขอนำบทเพลงสดุดีบทที่ 16 มาศึกษา ถึงเรื่องมรดกที่กษัตริย์ดาวิดกล่าวถึง เบื้องหลังสดุดีบทนี้คือการฟื้นคืนชีพของพระเมสสิยาห์ ทำให้เราเข้าใจถึงชีวิตของพระเยซูคริสต์ (ข้อ 8 ) การตายของพระคริสต์ (ข้อ9) การคืนชีพของพระองค์ (ข้อ 10) และการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระคริสต์ (ข้อ 11 ) มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำการปฏิรูปศาสนาแยกจาก โรมันคาทอลิก เรียก บทเพลงสดุดีบทที่ 16 นี้ว่า “เพชรน้ำเอก” ( Golden Jewel) ของกษัตริย์ดาวิด เพราะดาวิดตรัสว่า “นี่คือความรอดทั้งหมดของข้าพเจ้า”
สดุดีบทที่ 16ข้อ 1 “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงพิทักษ์ข้าพระองค์ไว้ เพราะข้าพระองค์ลี้ภัยอยู่ในพระองค์” ถึงแม้หลายๆคนจะใหญ่โตคับฟ้าเพียงไร เช่นผู้นำด้านการเมือง ประธานาธิบดีนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการทหาร เป็นต้น ตัวอย่าง ประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อไปเยือนประเทศใด เขาต้องส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หลายร้อยนายของสหรัฐฯไปรักษาความปลอดภัยแก่ประธานาธิบดีของเขาเอง ยิ่งหลังเหตุการณ์ 911 การดูแลประธานาธิบดียิ่งเข้มงวด แต่ตำแหน่งที่กล่าวมาแล้วมีความสำคัญขณะที่เขาเป็นอยู่เท่านั้น ความจริงแล้ว มนุษย์ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า เราคือผู้เล็กน้อย เหมือนเม็ดถั่ว เม็ดงาเท่านั้น เช่นบันทึกใน หนังสือ ฮีบรู “มนุษย์เป็นผู้ใดเล่าซึ่งพระองค์ทรงระลึกถึง และบุตรมนุษย์เป็นผู้ใดซึ่งพระองค์ทรงระวังรักษา 7พระองค์ทรงทำให้ท่านต่ำกว่าเหล่าทูตสวรรค์เพียงชั่วระยะหนึ่ง และพระองค์ทรงประทานพระสิริและพระเกียรติให้แก่ท่าน... ตำแหน่งของมนุษย์เราต่อพระผู้สร้างนั้น ต่ำกว่า ทูตสวรรค์หน่อยเดียว” (ฮีบรู 2: 6-9)
ดาวิด เป็นกษัตริย์ที่มีอำนาจมาก แต่ดาวิดทราบดีว่า อำนาจ หรือบารมี ก็ช่วยอะไรไม่ได้ การที่คนใหญ่คนโตคนตำแหน่งสูงๆเมื่อเขาไปไหน ไม่อิสระต้องมีคนคอยคุ้มครองดังนั้นดาวิดจึงขอพระเจ้าพิทักษ์รักษาพระองค์ เพราะขอพึ่งพระเจ้าเท่านั้น ดัง สุดดี บทที่ 17:8 “ขอทรงรักษาข้าพระองค์ดังแก้วตา ทรงซ่อนข้าพระองค์ไว้ภายใต้ร่มปีกของพระองค์” การดำเนินชีวิตของคริสตชนก็ มีภัยอันตรายต่อชีวิตจิตวิญญาณมากมาย เราสมควรวิงวอนเหมือนดาวิด เพื่อไม่ให้ตัวเองหลงไปกับอำนาจของมารหรือปฏิปักษ์ของพระเจ้า
สดุดีบทที่ 16 ข้อ 2 ข้าพเจ้าทูลพระเจ้าว่า “พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ นอกเหนือพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ไม่มีดีเลย” ท่านเคยไปเดินชายหาด หรือภูเขา หรือ แม่น้ำทิวทัศน์สวยงาม เมื่อเราท่องเที่ยวเคยรู้สึกอยากพูดกับพระเจ้าว่า ทำไมสถานที่นี่ หรือสิ่งโน้น สิ่งนี้สวยงามมากจริงๆ เราได้สำนึกและขอบคุณพระองค์ไหม ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้าเราต้องเหมือนเด็กเล็กๆ กล้าที่จะบอกรักพระเจ้า กล้าที่จะขอบคุณพระองค์เสมอ กล้าที่จะอ้อนวอนต่อพระบิดา
สดุดีบทที่ 16 ข้อ3-4 “วิสุทธิชนในแผ่นดินเป็นผู้ประเสริฐ เป็นพวกที่ข้าพเจ้าปีติยินดีด้วย 4แต่บรรดาผู้ที่เลือกพระองค์อื่น ความทุกข์โศกของเขาก็ทวีขึ้น ข้าพเจ้าจะไม่เทเลือดออกบูชาเหมือนกับเขาเหล่านั้น หรือริมฝีปากของข้าพเจ้าจะไม่ออกชื่อพระนั้น”
ที่คริสตจักรของคริสเตียน เมื่อใครก็ตามมาเข้าร่วมนมัสการ ปกติแล้วผู้นำหรือศิษยาภิบาลจะแนะนำให้ที่ประชุมรู้จักสมาชิกใหม่ที่มาร่วมนมัสการด้วยกัน และมีการกล่าวต้อนรับหรือปรบมือต้อนรับ ยิ่งกว่านั้นถ้ามีคนใดคนหนึ่งได้รับเชื่อพระเยซู แล้วมาคริสตจักรของเรา ทุกคนรู้สึกปิติยินดี เพราะเราเชื่อว่าเขาได้รับความรอดเขาได้รับแผ่นดินสวรรค์เป็นมรดก และเมื่อเราเจอพี่น้องที่บอกว่าเป็นสาวกของคริสต์ รู้สึกว่าเราได้เจอพี่น้องจริงๆ
เร็วๆนี้ฉันนั่งแท็กซี่ก็ได้เจอกับโชเฟอร์คริสเตียนที่ทิ้งโบสถ์ไป 12 ปีแล้ว เหตุผลที่เขาทิ้งโบสถ์เพราะโดนศิษยาภิบาลตำหนิ เหตุผลที่ถูกตำหนิเพราะเขายังชอบเที่ยวพับ และดื่มเหล้า อย่างไรก็ตามฉันได้หนุนใจว่า “วันนี้พระเจ้าทรงเรียกเขากลับบ้าน ขอให้เขากลับใจใหม่และเริ่มต้นกับพระองค์”
ในข้อ 4 ดาวิดแยกแยะให้เราเห็น 2 ภาพ ภาพแรก คือคนที่ไม่รู้จักพระเจ้า เขาได้บูชาออกนามพระอื่น ได้ยึดเอาสิ่งอื่นเป็นพระเจ้า แม้เขาไม่เคยได้รับคำตอบหรือคำสัญญาเรื่องความรอด ในสมัยดาวิดพระอื่นที่ทำให้คนอิสราเอลหลงไปคือ พระบาอัล ในพระคัมภีร์เก่า คนที่บูชาพระอื่นๆต้องฆ่าลูกของตัวเองเป็นเครื่องบูชา ( ดู สดุดี 106ข้อ 37-38 ) พระเหล่านี้ไม่เคยให้ความหวัง ไม่เคยชี้ทางหลังจากความตาย แต่มนุษย์ได้สูญเสียเงินทองมากมายเพื่อเซ่นไหว้ บูชา พระเหล่านั้น และยังมีความเศร้าโศกทุกข์ทวีคูณ ภาพที่สอง ดาวิดยืนยันว่าพระองค์ไม่ออกนามพระอื่นๆ จะไม่เทเลือดบูชาเหมือนคนอื่นๆ ริมฝีปาก ไม่เอ่ยขอความช่วยเหลือจากพระอื่นเลย นี่คือการยืนยันความเชื่อ ก็เหมือนพวกเราทุกคนที่เป็นสาวกของพระเยซูเจ้า เมื่อมีปัญหาเราต้องไม่บนบานสานกล่าวกับพระอื่นๆ หรือขอแนะนำผิดๆ แทนการขอคำแนะนำจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
สดุดีบทที่ 16 ข้อที่ 5-6 “พระเจ้าทรงเป็นองค์ที่ข้าพเจ้าเลือก พระองค์ทรงรักษาส่วนมรดกของข้าพระองค์ไว้ 6เขตแดนของข้าพเจ้าเป็นที่ที่ร่มรื่น เออ ข้าพเจ้ามีมรดกที่ดี”
มรดกของคริสตชน คือองค์พระผู้เป็นเจ้า มรดกที่พระเจ้าให้ผู้วางใจในพระเยซูเจ้าทุกคนคือชีวิตนิรันดร์ ด้วยมรดกนี้ เราจึงเป็นทายาทร่วมสายโลหิตร่วมกับพระเยซู ดาวิดทำให้เราเห็นภาพมรดก ว่าดี ร่มรื่น สุขสบาย ทุกคนที่เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ มีส่วนในมรดกนี้ พระเยซูตรัสว่า “... เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์ ( ยอห์น 10:10)
เมื่อปีที่แล้ว ( 2008 )หน่วยงานเราได้สูญเสียผู้อาวุโสที่เป็นผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์เก่า และเป็นผู้ ประสานงานคริสต์ศาสนสัมพันธ์ไป หลังจากพิธีปลงศพแล้ว พวกเราแปลกใจและตื่นเต้นมาก เมื่อมีการเปิดพินัยกรรมของ ผู้อาวุโสท่านนี้ เพราะท่านได้แบ่งมรดก (เงิน)ของท่านออกเป็น 3 ส่วน เท่าๆกัน หนึ่งในสามส่วนนั้นท่านมอบให้หน่วยงานของเราไว้ใช้เพื่อเป็นทุนการศึกษา Theology เมื่อมรดกในโลกนี้ผู้ได้รับ ดีใจ และตื่นเต้นมาก แล้วมรดกในสวรรค์ล่ะ เชื่อว่าต้องดีเลิศแน่ๆ
สดุดีบทที่ 16 ข้อที่ 7 “ข้าพเจ้าสรรเสริญพระเจ้า ผู้ประทานคำปรึกษาแก่ข้าพเจ้า เออ ในกลางคืนจิตใจของข้าพเจ้าเตือนสอนข้าพเจ้า”
พื้นฐานชีวิตของมนุษย์ประสบกับปัญหาเสมอ นักเรียน นักศึกษามีปัญหาแบบหนึ่ง ครูอาจารย์มีปัญหาแบบหนึ่ง ตำรวจ ทหารมีปัญหาแบบหนึ่ง หรือคนในอาชีพต่างๆก็มีปัญหาต่างๆ เมื่อมีปัญหาทำอย่างไร มีบางคนแก้ปัญหาแบบไม่สร้างสรรค์ เช่นด้วยอบายมุข ด้วยยาเสพติด ดื่มของมึนเมา ด้วยการฆ่าตัวตาย หรือฆ่าผู้อื่น เป็นต้น
ดาวิดเอง ทรงเป็นกษัตริย์ พระองค์เผชิญกับปัญหามากมาย เริ่มแรกการปกครอง ต้องต่อสู้กอบกู้ดินแดนให้เป็นปึกแผ่น มีทหารทรยศ เหล่ามเหสี และสนม ได้แก่งแย่งชิงดี ชิงเด่น บรรดาลูกๆ ขาดความรักและไม่ปรองดองกัน เราอ่านบทเพลงสดุดี ได้พบคำตอบและวิธีแก้ปัญหาของดาวิด คือ คำอธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้า เช่น
1) สดุดี3 “คำอธิษฐานเวลาเช้าแสดงความไว้วางใจ”
2) สดุดี 4 “คำอธิษฐานเวลาเย็นแสดงความไว้วางใจ”
3) สดุดี 5 “คำอธิษฐานขอการคุ้มครอง”
4) สดุดี 6 “คำอธิษฐานขอความกรุณาในยามทุกข์ยากลำบาก”
5) สดุดี7 “คำอธิษฐานเพื่อขอช่วยชีวิต”
6) สดุดี 17 “คำอธิษฐานเพื่อให้พ้นจากการกดขี่” เป็นต้น
ข้อ7 ดาวิดได้รับคำตอบจากพระเจ้า ดังนั้นท่านจึงยืนยันความเชื่อยกย่องพระเจ้าว่า ทรงเป็นที่ปรึกษา พระเจ้าทรงสัพพัญญู ทรงฤทธานุภาพ แม้ยามค่ำคืน ยามนอนก็เตือนสอน คือพระเจ้าสามารถตรัสได้ทุกเวลา ที่เราขอความช่วยเหลือ การอธิษฐานวิงวอน คือการไม่พึ่งพาความรอบรู้ของตัวเอง แต่การมอบทางไว้กับพระเจ้า
สดุดีบทที่ 16 ข้อที่ 8-10 “ 8ข้าพเจ้าตั้งพระเจ้าไว้ตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ เพราะพระองค์ประทับทางเบื้องขวาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงไม่หวั่นไหว 9เพราะฉะนั้น จิตใจข้าพเจ้าจึงยินดีและจิตวิญญาณก็ปรีดา ร่างกายของข้าพเจ้าก็อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยด้วย 10เพราะพระองค์มิได้ทรงมอบข้าพระองค์ไว้กับแดนผู้ตาย หรือให้ธรรมิกชนของพระองค์ต้องเห็นปากแดนนั้น”
พระวาจาสามข้อนี้ เล็งถึงพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นปัสกา หรือลูกแกะถวายเป็นค่าไถ่ แทนมนุษยชาติ ( ดู กิจการอัครทูต บทที่ 2.25-31) ซึ่งนักบุญเปโตรได้พูดในวันเพ็นเทคอส ซึ่งประกาศถึงพระคริสต์ คือพระเมสสิยาห์ เป็นคำมั่นสัญญาในมรดกแห่งความรอด ( ดู กิจการ 13.35-37 ) ข้อ 10 การฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ พระเจ้าไม่ทิ้งวิญญาณของผู้เชื่อไว้ปากแดนผู้ตาย และไม่ให้เห็นปากแดนผู้ตาย นี่ละคือนรก
สดุดีบทที่ 16 ข้อที่ 11 “ พระองค์ทรงสำแดงวิถีแห่งชีวิตแก่ข้าพระองค์ ต่อพระพักตร์พระองค์มีความชื่นบานอย่างเปี่ยม ล้น ในพระหัตถ์ขวาของพระองค์มีความเพลิดเพลินอยู่เป็นนิตย์” เป็นคำทำนายถึงพระคริสต์จะฟื้นคืนพระชนม์ และมีความสามัคคีธรรมกับพระเจ้า และเราเองได้รับความเพลิดเพลิน นี่คือ มรดกที่บรรดาผู้ที่วางใจในพระเยซูเจ้าจะได้รับแน่นอน
บทสรุป การที่เราได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้นำข่าวดีของพระเยซูเจ้า เราได้รับมรดกแห่งความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ที่จะใช้เป็นขุมทรัพย์ในการดำเนินชีวิต เราอาจจะไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรจะทิ้งไว้ในโลกนี้เป็นมรดก โปรดให้ชีวิตเราเป็นอนุสาวรีย์ แห่งความเชื่อศรัทธาในพระเยซูเจ้า เป็นมรดก ทิ้งไว้ ให้คนยุคหลังจะได้เดินตามรอยเรา เพื่อเขาจะไม่หลงไปจากพระเจ้า ยิ่งกว่านั้นเป็นการส่งเสริมพลังศรัทธาให้พวกเขามากยิ่งขึ้น
(หมายเหตุ ตีพิมพ์ อิสระ ฉบับเดือน กันยายน 2009 )
*** มรดกของข้าพเจ้า ***
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
สดุดี บทที่ 16:1-11
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงพิทักษ์ข้าพระองค์ไว้
เพราะข้าพระองค์ลี้ภัยอยู่ในพระองค์
2ข้าพเจ้าทูลพระเจ้าว่า “พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์
นอกเหนือพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ไม่มีดีเลย”
3วิสุทธิชนในแผ่นดินเป็นผู้ประเสริฐ
เป็นพวกที่ข้าพเจ้าปีติยินดีด้วย
4แต่บรรดาผู้ที่เลือกพระองค์อื่น ความทุกข์โศกของเขาก็ทวีขึ้น
ข้าพเจ้าจะไม่เทเลือดออกบูชาเหมือนกับเขาเหล่านั้น
หรือริมฝีปากของข้าพเจ้าจะไม่ออกชื่อพระนั้น
5พระเจ้าทรงเป็นองค์ที่ข้าพเจ้าเลือก
พระองค์ทรงรักษาส่วนมรดกของข้าพระองค์ไว้
6เขตแดนของข้าพเจ้าเป็นที่ที่ร่มรื่น
เออ ข้าพเจ้ามีมรดกที่ดี
7ข้าพเจ้าสรรเสริญพระเจ้า ผู้ประทานคำปรึกษาแก่ข้าพเจ้า
เออ ในกลางคืนจิตใจของข้าพเจ้าเตือนสอนข้าพเจ้า
8ข้าพเจ้าตั้งพระเจ้าไว้ตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ
เพราะพระองค์ประทับทางเบื้องขวาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงไม่หวั่นไหว
9เพราะฉะนั้น จิตใจข้าพเจ้าจึงยินดีและจิตวิญญาณก็ปรีดา
ร่างกายของข้าพเจ้าก็อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยด้วย
10เพราะพระองค์มิได้ทรงมอบข้าพระองค์ไว้กับแดนผู้ตาย
หรือให้ธรรมิกชนของพระองค์ต้องเห็นปากแดนนั้น
11พระองค์ทรงสำแดงวิถีแห่งชีวิตแก่ข้าพระองค์
ต่อพระพักตร์พระองค์มีความชื่นบานอย่างเปี่ยม ล้น
ในพระหัตถ์ขวาของพระองค์มีความเพลิดเพลินอยู่เป็นนิตย์
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงพิทักษ์ข้าพระองค์ไว้
เพราะข้าพระองค์ลี้ภัยอยู่ในพระองค์
2ข้าพเจ้าทูลพระเจ้าว่า “พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์
นอกเหนือพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ไม่มีดีเลย”
3วิสุทธิชนในแผ่นดินเป็นผู้ประเสริฐ
เป็นพวกที่ข้าพเจ้าปีติยินดีด้วย
4แต่บรรดาผู้ที่เลือกพระองค์อื่น ความทุกข์โศกของเขาก็ทวีขึ้น
ข้าพเจ้าจะไม่เทเลือดออกบูชาเหมือนกับเขาเหล่านั้น
หรือริมฝีปากของข้าพเจ้าจะไม่ออกชื่อพระนั้น
5พระเจ้าทรงเป็นองค์ที่ข้าพเจ้าเลือก
พระองค์ทรงรักษาส่วนมรดกของข้าพระองค์ไว้
6เขตแดนของข้าพเจ้าเป็นที่ที่ร่มรื่น
เออ ข้าพเจ้ามีมรดกที่ดี
7ข้าพเจ้าสรรเสริญพระเจ้า ผู้ประทานคำปรึกษาแก่ข้าพเจ้า
เออ ในกลางคืนจิตใจของข้าพเจ้าเตือนสอนข้าพเจ้า
8ข้าพเจ้าตั้งพระเจ้าไว้ตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ
เพราะพระองค์ประทับทางเบื้องขวาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงไม่หวั่นไหว
9เพราะฉะนั้น จิตใจข้าพเจ้าจึงยินดีและจิตวิญญาณก็ปรีดา
ร่างกายของข้าพเจ้าก็อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยด้วย
10เพราะพระองค์มิได้ทรงมอบข้าพระองค์ไว้กับแดนผู้ตาย
หรือให้ธรรมิกชนของพระองค์ต้องเห็นปากแดนนั้น
11พระองค์ทรงสำแดงวิถีแห่งชีวิตแก่ข้าพระองค์
ต่อพระพักตร์พระองค์มีความชื่นบานอย่างเปี่ยม ล้น
ในพระหัตถ์ขวาของพระองค์มีความเพลิดเพลินอยู่เป็นนิตย์
ขอบคุณครับพี่พีพี
ช่วงนี้ยศกำลังมองสะท้อน ชีวิตของดาวิด
เด็กเลี้ยงแกะผู้ได้รับเลือกเป็นกษัตริย์
แต่ท่านก็เติบโตที่จะเรียนรู้ในการใช้และควบคุมสิ่งที่ท่านได้รับด้วย
(ถ้าอย่างไรขอคำภาวนาเผื่อยศสำหรับเรื่องนี้ด้วยนะครับ)
ก็คือ ประสบการณ์ชีวิต และความอบอุ่นในครอบครัวครับ
(ขอความสว่างที่ยศจะนำมันมาใช้อย่างถูกต้องด้วยครับ)
ช่วงนี้ยศกำลังมองสะท้อน ชีวิตของดาวิด
เด็กเลี้ยงแกะผู้ได้รับเลือกเป็นกษัตริย์
แต่ท่านก็เติบโตที่จะเรียนรู้ในการใช้และควบคุมสิ่งที่ท่านได้รับด้วย
(ถ้าอย่างไรขอคำภาวนาเผื่อยศสำหรับเรื่องนี้ด้วยนะครับ)
เท่าที่นึกออกตอนนี้Prod Pran เขียน: น้องๆมีมรดกอะไรกันบ้างคะ
ก็คือ ประสบการณ์ชีวิต และความอบอุ่นในครอบครัวครับ
(ขอความสว่างที่ยศจะนำมันมาใช้อย่างถูกต้องด้วยครับ)